วันพุธที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เล่มที่ 20 ตอนที่ 5 เรื่องราวของซึลรโย แปลโดย Cole’sMyth

เล่มที่ 20 ตอนที่ 5 เรื่องราวของซึลรโย แปลโดย Cole’sMyth

 ไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนที่ไม่ยอมตาย เมื่อโดนตีเป็นร้อยครั้ง โจมตี!”
วีดสั่งการกองทัพอันเดดโจมตีพวกนักรบแห่งความโกลาหลในขณะที่เตรียมร่ายเวทย์คำสาปไปพร้อมๆกัน
พวกนักรบแห่งความโกลาหลกวัดแกว่งขวานกำจัดเหล่าอันเดดไปถึงครึ่ง เพราะงั้นเพื่อที่จะโจมตีพวกมันได้สำเร็จ วีดจึงต้องร่ายเวทย์คำสาปอย่างรวดเร็ว
 บรรยากาศอันแสนหดหู่และมืดมน สายลมกรรโชกพัดพากลิ่นเหม็นเน่าของความตาย
เวทย์คำสาปนั้นสามารถใช้ได้เมื่อมีผีดิบซอมบี้เป็นจำนวนมากเท่านั้น!
มันลดระดับมานา ความอึด และพลังชีวิตแถมยังลดภูมิต้านทานที่ส่งผลเสียหลายอย่างมากมายอีกด้วย
วีดชี้มือทั้งสองข้างไปทางพวกนักรบแห่งความโกลาหล
 ลมหายใจแห่งความเสื่อมโทรม!” (Breath of Decay)
เวทย์ที่ร่ายออกไปปล่อยกลิ่นเหม็นเน่าออกมา
เหล่านักรบแห่งความโกลาหลได้รับผลโดยตรงจากคำสาป เพราะพวกมันตกอยู่ใต้คำสาปที่ปนเปื้อนของเนโครแมนเซอร์อย่างเต็มๆ
ซอยูนไม่ได้รับผลจากคำสาปเพราะว่าเวทย์ภูมิคุ้มกันได้ถูกร่ายเตรียมไว้ก่อนแล้ว
พวกอันเดดยังคงเข้าจู่โจมต่อไปเรื่อยๆแต่ก็อย่างที่คาดเอาไว้ พวกมันโดนฆ่าตายไปโดยพวกนักรบแห่งความโกลาหล
แต่ถึงแม้ยังงั้น การโจมตีของผีดิบซอมบี้ที่มีจำนวนมากมาย ก็ลดกำลังกายและค่าความอึดของจำนวนศัตรูได้อย่างคงที่ ด้วยแขนอันคดโค้งของพวกมัน แล้วพวกมันยังคงวิ่งรุกหน้าต่อไปอย่างสะเปะสะปะ วิ่งเข้าไปที่นั่นอย่างไม่กลัวตาย จนส่งผลทำให้กำลังใจลดลงไป
 หมู่เมฆแห่งความมืดมนจักรวมตัวแล้วพรากวิสัยทัศน์ของพวกมันมา แสงอันเจิดจ้านำพาสู่ความมืดบอด! (Blinding Jinx)”
วีดเล็งเวทย์คำสาปตรงไปที่เหล่านักรบแห่งความโกลาหล แต่ผลที่พุ่งไปที่พวกมันกลับล้มเหลว
พวกนักรบแห่งความโกลาหลใช้ทักษะเทเลพอร์ตเพื่อหลบหลีกเวทย์คำสาปในทันทีที่ถูกร่ายขึ้น
 หมู่เมฆแห่งความมืดมนจักรวมตัวแล้วพรากวิสัยทัศน์ของพวกมันมา แสงอันเจิดจ้านำพาสู่ความมืดบอด!”
แต่วีดก็ไม่ได้ยอมแพ้ที่จะใช้เวทย์คำสาปไปที่พวกนักรบแห่งความโกลาหลและสังเกตการเคลื่อนที่ของพวกมันในแต่ละครั้งที่เทเลพอร์ตเพื่อหลบคำสาป
เป้าหมายของเวทย์คำสาปนั้น ก็เพื่อจำกัดการมองเห็นของพวกมันเอาไว้
การบดบังพื้นที่การมองเห็นของพวกมันด้วยความมืด จนทำให้ไม่เห็นตัวของเนโครแมนเซอร์ได้แล้ว
ถึงแม้จะเป็นเช่นเดิมกับการเคลื่อนไหวของพวกศัตรู ที่แม้จะโดนเวทย์โจมตีพุ่งเข้ามาหาพวกมันแล้วก็ตาม แต่การผลการโจมตีก็ยังไม่มีผลนานมากนักโดยดูจากสภาพพวกพ้องของพวกมันแล้ว
วีดจดจำรูปแบบการเทเลพอร์ตของพวกนักรบแห่งความโกลาหลไว้ในขณะที่ต้องใช้ค่ามานาไปกับการใช้มนต์ไปเรื่อยๆ
 “พวกมันแยกตัวออกจากกันแล้ว!”

แล้วพวกนักรบแห่งความโกลาหลก็จุดไฟเผากองทัพอันเดดในทันทีทันใด
พวกอันเดดกำลังถูกทำลายจากการโจมตีโดยขวานอาบเปลวเพลิง
ขณะที่พวกนักรบแห่งความโกลาหลแกว่งขวานของพวกมัน ก็สร้างกำแพงไฟลุกเหิมโชติช่วงไปทั่วทั้งพื้นที่ไปด้วย
การต่อสู้ยิ่งทวีเพิ่มความยากลำบากมากขึ้นด้วยการโจมตีผสานกับการตั้งรับจากการโจมตีของพวกนั้น
การร่ายเวทย์คำสาปไปในขณะที่ต้องรักษากองกำลังอันเดดเอาไว้นั้น ใช้ค่ามานาไปเป็นอย่างมาก วีดไม่อาจจะเสียมันไปมากกว่านี้ได้แล้ว
 “แต่ว่าตอนนี้ฉันรู้วิธีตอบโต้กลับไปแล้ว จอมเวทย์โครงกระดูก นักธนูโครงกระดูก โจมตี!”
เวทย์มนต์และลูกธนูเล็งไปที่เหล่านักรบแห่งความโกลาหลที่สร้างกำแพงไฟขึ้นมา
ซอยูน โทริกับแวนฮอร์คขี่เจ้าเหลืองเพื่อโจมตีไปที่พวกนักรบแห่งความโกลาหล 5 ตัวที่เหลือ
ในตอนที่ศัตรูใช้ทักษะเทเลพอร์ตอยู่นั่นเอง เวทย์คำสาปก็ได้เตรียมการร่ายไว้แล้ว
ตำแหน่งที่มีโอกาสที่พวกมันจะปรากฏตัวขึ้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว!
 “แสงอันเจิดจ้านำพาสู่ความมืดบอด
นักธนูกับจอมเวทย์โครงกระดูกเล็งเป้าไปที่บริเวณที่เป็นไปได้ ตำแหน่งนั้นตอนนี้กำลังระเบิดเป็นจุลด้วยลูกธนู เวทย์และคำสาป
เหล่านักรบแห่งความโกลาหลได้รับคำสาปเต็มๆขณะที่พวกมันปรากฏตัวออกมาแล้วเมฆหมอกสีน้ำเงินเข้มก็ปกคลุมไปทั่วรอบดวงตาของพวกมัน
 สองตัวสินะ!”
มีแค่สองตัวที่ได้รับผลกระทบไป
 จดจ่อไปที่การโจมตี
พวกนักรบแห่งความโกลาหลที่ถูกสาปพุ่งเป้าโจมตีไปที่พวกจอมเวทย์และนักธนูโครงกระดูก
ถึงแม้ว่าเนโครแมนเซอร์นั้นจะต่อสู้ด้วยการใช้เพียงแค่เวทย์มนต์กับพวกอันเดด แต่ความสามารถในการประเมินสถานการณ์และตัวสินใจอย่างรวดเร็วก็ถือว่าสำคัญมากด้วยเช่นกัน
นักรบแห่งความโกลาหลทั้งสองตัวที่โดนสาปไป ไม่สามารถหลบลูกธนูกับเวทย์มนต์ได้ เพราะการมองเห็นที่โดนบดบังไว้
ผลลัทธ์ที่ได้จากการโจมตีของพวกจอมเวทย์กับนักธนูโครงกระดูก ตอนนี้แสดงผลออกมาแล้ว
การต่อสู้กับนักรบแห่งความโกลาหลทั้งแปดตัวนั้นค่อนข้างจะลำบาก
มันน่าหวั่นๆตรงที่ว่าพวกมันนั้นลดจำนวนพวกอันเดดลงไปได้อย่างมากมายได้ยังไงต่างหาก
โทริกับซอยูน แล้วก็แวนฮอร์คต่อสู้กับแต่ละตัวไปด้วย ขณะที่จำนวนอันเดดมากมายลดลงไปเรื่อยๆ
ส่วนโกลมินิสั่งการหน่วยนักธนูโครงกระดูกเพื่อช่วยเสริมให้การโจมตีเพ่งเป้าไปที่ทิศทางเดียวกัน
 “ฉันเดาว่าตอนนี้คงถึงเวลาแล้วละ
ค่าพลังชีวิตของนักรบแห่งความโกลาหลสองตัวนั่นลดลงไปอย่างฮวบฮาบ
 ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง ตอนนี้ล่ะเอาเลย
ในตอนที่ค่าพลังชีวิตพวกมันลดลงเหลือแค่หนึ่งในสามเท่านั้น วีดก็เริ่มรวมมานาเอาไว้เพื่อร่ายเวทย์คำสาปขึ้นมาอีกครั้ง
 “หมู่เมฆแห่งความมืดมนจักรวมตัวแล้วพรากวิสัยทัศน์ของพวกมันมา แสงอันเจิดจ้านำพาสู่ความมืดบอด!”
เวทย์ที่ได้ร่ายขึ้นมาอีกครั้งเล็งเป้าไปที่นักรบแห่งความโกลาหลตัวที่อ่อนแอนั่นเอง!
แม้ว่ามันจะยากที่จะสังเกตให้เห็นผลลัพธ์ได้ในตอนแรก แต่ว่าเวทย์คำสาปก็ได้แสดงผลออกมาให้เห็นได้ในตอนที่นักรบแห่งความโกลาหลนั้นเทเลพอร์ตพวกมันไปที่กองทัพอันเดด
เวทย์คำสาปได้โจมตีพวกนักรบแห่งความโกลาหลประสบผลสำเร็จอีกครั้ง!
ถึงแม้ว่าจะต้องมีหนึ่งในสี่ของพวกอันเดดที่โดนกำจัดไปด้วย
 เผาพวกซอมบี้นั่นซะ! อย่าสละตัวเองอย่างไร้ความหมาย โจมตีไป! ”
แล้วพวกมันก็เริ่มพุ่งเป้าการโจมตีไปที่บริเวณเดียวกัน
พวกนักรบแห่งความโกลาหลได้แสดงให้เห็นถึงความกลมเกลียวของพวกมันที่มั่นคงแข็งแกร่ง
 เล็งการโจมตีไปที่พวกศัตรูที่กำลังอ่อนแออยู่
 “ได้เลย โกลโกลโกล!”
วิธีการโจมตีนั้นได้สร้างข้อได้เปรียบจากรูปแบบพฤติกรรมของพวกนักรบแห่งความโกลาหล!
นักรบแห่งความโกลาหลตัวที่ซอยูนกำลังต่อสู้ด้วยคือมอนสเตอร์ที่มีชื่อ (หมายถึงมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่าตัวอื่น)
เมื่อพวกนักรบแห่งความโกลาหลพบว่าพวกพ้องของมันอยู่ในอันตรายก็จะพยายามใช้ทักษะเทเลพอร์ตในทันทีถึงแม้ว่าการใช้ทักษะนั้นจะไม่ทำงานก็ตาม
นั่นเป็นหนึ่งในทักษะของอาชีพสายเบอร์เซิร์กเกอร์ที่สามารถบดบังสายตาพวกศัตรูได้เพื่อที่จะสู้ต่อไปได้และยังป้องกันไม่ให้พวกมันหนีไปได้อีกด้วย
ซอยูนใช้ทักษะดาบของเธอแต่จากนั้น ขณะที่กำลังต่อสู้อยู่นั่นเอง เปลวเพลิงสีแดงโชติช่วงก็ลุกลามเข้ามาในพื้นที่บริเวณนั้น
เบอร์เซิร์กเกอร์ยังคงเข่นฆ่าพวกศัตรูต่อไปเรื่อยๆในขณะที่ค่าพลังชีวิตกับมานาก็ลดลงไปด้วย
โบกสะบัดกระหน่ำดาบปะทะไปเรื่อยๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทักษะดาบระดับสูงนั้นทำให้คนๆหนึ่งโจมตีไปอย่างไม่หยุดหย่อน
นักรบแห่งความโกลาหลที่กวัดแกว่งขวานอยู่นั้นถูกบังคับให้ต้องตั้งรับการโจมตีเอาไว้
พื้นที่โดยรอบตอนนี้ได้กลายเป็นทะเลเพลิงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าซอยูนก็ไม่ได้แสดงอาการใส่ใจอะไรกับมันเลย
จนกว่าค่าพลังชีวิตของเบอร์เซิร์กเกอร์ลดลงจนเหลือศูนย์ศัตรูจะต้องสู้ต่อไปไม่สามารถหนีไปไหนได้
แล้วนั่นก็ใช้กับพวกเบอร์เซิร์กเกอร์ด้วยเช่นกัน การต่อสู้ต้องดำเนินไปจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไป ช่างเป็นความจริงของอาชีพที่แสนอันตรายมากจริงๆ
-นักรบแห่งความโกลาหลได้ถูกกำจัดแล้ว
-เนื่องจากความสำเร็จในการล่า ค่าชื่อเสียงของซอยูนและสมาชิกปาร์ตี้เพิ่มขึ้น 2  
-แต้มค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นแล้ว

การล่านักรบแห่งความโกลาหลประสบความสำเร็จแล้ว!
ในตอนแรกก่อนการล่าวีดได้อธิบายกับปาร์ตี้ของเขาว่า ในตอนที่พวกนักรบแห่งความโกลาหลได้รับค่าความเสียหายแน่ๆแล้ว พวกมันมักจะเกาะกลุ่มกับนักรบแห่งความโกลาหลตัวอื่นด้วยการเทเลพอร์ต
 ต้องรอบคอบเอาไว้ พวกมันจะยิ่งอันตรายมากขึ้นเมื่อพวกมันใกล้จะตาย ความประมาทนั้นจะทำให้ไปสู่ความตายเท่านั้น ถึงแม้ว่าพวกอันเดดจะสามารถสละชีพเป็นเครื่องสังเวยไปแล้ว แต่ว่าพวกมันก็สามารถนำกลับมาได้อีก แต่หากพวกประติมากรรมสลักชีพตายไป นั่นจะเป็นการสูญเสียอย่างมหาศาล เราต้องเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้ตอนที่ไปสู้กับพวกมัน
วีดได้อธิบายซ้ำไปตั้ง 17 ครั้ง 17 ครา
ซอยูนตอนนี้ได้ไปสู้กับนักรบแห่งความโกลาหลตัวอื่นและในขณะที่ค่าพลังชีวิตของมันลดต่ำลงกว่าครึ่งเธอก็โจมตีแบบเต็มอัตรา
ทักษะเฉพาะของอาชีพเบอร์เซิร์กเกอร์นั้นเพิ่มค่าความเสียหายได้ด้วยการโจมตีแต่ว่าก็ใช้ค่ามานาไปถึงสองเท่าในการโจมตีแบบปกติ
ตอนที่พวกเขาอยู่ในสภาพที่ยากที่จะตามการเคลื่อนไหวได้และระดับการใช้ทักษะก็ถูกทำให้ลดต่ำลงไปเกือบครึ่ง นั่นละเป็นคุณสมบัติเฉพาะของอาชีพสายเบอร์เซิรกเกอร์
ผลความเสียหายที่มาจากการโจมตีนั้นมากมาย เร็วเสียยิ่งขึ้นเมื่อเป็นการออกล่านักรบแห่งความโกลาหล
ถึงแม้ว่าวีดจะไม่ได้หนุนหลังเธอไว้ เธอก็สามารถเก็บกวาดพวกมอนสเตอร์ได้อย่างหมดจดทั้งในดันเจี้ยนและเขตล่าด้วยตัวของเธอเอง
ซอยูนค่อนข้างหัวเร็วแต่ก็ต้องขอบคุณอย่างมากจากการสอนของวีด
เขาไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับเธอเลย เพราะว่าเขาได้อธิบายสิ่งพวกนั้นไปหมดแล้ว
เขาค่อนข้างจะแอบรู้สึกภูมิใจในตัวเธอเพราะว่าเธอฟังเขาไปตั้ง 17 ครั้งแหนะ
ตอนนี้มีนักรบแห่งความโกลาหลเหลืออีกหนึ่งตัวและอีกสองตัวที่อยู่ในสภาพตายแหล่มิตายแหล่!
วีดมั่นใจว่าพวกเขาสามารถเอาชนะได้
 พวกอันเดดได้รับความเสียหายน้อยกว่าที่ฉันคิดไว้
กองทัพอันเดดนั้นลดลงไปเกือบ 30% แต่ว่าพวกเดทไนท์กับพวกหัวกระทินั้นกลับยังคงอยู่ในสภาพดีเยี่ยม
ซากศพของพวกนักรบแห่งความโกลาหลที่ได้มานั้น มีประโยชน์มากๆ วีดก็ได้เก็บเอาไว้
ขั้นที่ 4 เวทย์อันเชิญอันเดด
จำเป็นต้องใช้ปริมาณมานาอย่างมากเพื่อคืนชีพซากศพขึ้นมา
 “จิตวิญญาณของเหล่านักรบที่ตกลงไปสู่ห้วงลึกแห่งนรกโลกันตร์ จงมาและมาเอาเลือดเนื้อนี้เถิด ปลุกชีพความตาย! (Animate Dead)”
เหล่านักรบแห่งความโกลาหลอันเดดได้ถูกสร้างขึ้นมาจากซากศพเหล่านั้น
พวกมันดูเหมือนกับตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ภายในดวงตาสะท้อนแสงสีน้ำเงินลึกลับออกมา
นาอิเดีย วิญญาณแห่งนักรบได้ถูกอัญเชิญแล้ว
อสุรกายแห่งกลุ่มทหารรับจ้างนามว่านาอิเดียตายไปโดยไร้ซึ่งชื่อเสียงเรียงนามภายในประวัติศาสตร์ของทวีปเวอร์เซล
นาอิเดีย นั้นมีทักษะอันยอดเยี่ยมและรอดชีวิตในการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่าได้สูญเสียชีวิตของเขาไปโดยบังเอิญในการสำรวจดันเจี้ยน
บรรดาชนชั้นสูงที่ให้นำการสำรวจดันเจี้ยนนั้นไม่ได้ชดใช้ค่าสินไหมใดๆให้แก่ครอบครัวของนาอิเดีย เลย
นาอิเดีย ถูกทอดทิ้งและดวงวิญญานของเขาแบกรับความเกลียดชังไว้อย่างมากต่อเหล่าชนชั้นสูงเหล่านั้น
คุณลักษณะ: นักรบรับจ้าง หวาดกลัวดันเจี้ยน  เกลียดชังชนชั้นสูง สามารถใช้อาวุธได้หลายชนิด

นั่นคือความสามารถที่แท้จริงของนักรบแห่งความโกลาหลตัวนี้!
นักรบแห่งความโกลาหลสองตัวอยู่ข้างหลังเพื่อปกป้องพวกพ้องที่บาดเจ็บอยู่อีกสองตัว
ส่วนสามตัวนั้นก็เทเลพอร์ตไปมาระหว่างพวกอันเดดแล้วจุดไฟเผาพวกมัน
ซอยุนรับหน้าที่ต่อสู้กับหนึ่งในพวกมันร่วมกับโทริ ในขณะที่แวนฮอร์คกับเจ้าเหลืองก็ไปโจมตีตัวอื่น
ตอนนี้ถึงเวลาที่จะสั่งการพวกอันเดดมีชื่อแล้ว
 “บัดนี้ข้าจะขอเรียกเหล่านักรบแห่งความโกลาหล ออกไปจัดการตัวที่ลอร์ดแวมไพร์โทริกำลังตามล่าเดี๋ยวนี้
 “ขอรับ นายท่าน
นักรบแห่งความโกลาหลอันเดด นาอิเดีย ใช้ทักษะเทเลพอร์ตเข้าไปใกล้ตัวอย่างทันทีทันใดและโจมตีพวกนักรบแห่งความโกลาหลที่เป็นศัตรู
ขวานเพลิงปะทะขวานเพลิง เมื่อใดที่อาวุธทั้งสองปะทะกัน จนเกิดเป็นประกาย แล้วการระเบิดก็ตามมา
มันยากลำบากมากที่จะสู้กับพวกนักรบแห่งความโกลาหลพวกนั้น แต่ว่าอันเดด นาอิเดีย ที่มีค่าความอึดอันไร้ขีดจำกัดทำให้มันมีฝีมือเหนือกว่าในการต่อสู้
ถึงแม้ว่าพวกศัตรูจะเทเลพอร์ตหนีไป นาอิเดีย ก็แค่ตามพวกมันไปด้วยเทเลพอร์ตเช่นกัน
ทั้งสองตัวเทเลพอร์ตไปมาขณะที่ตอสู้กันไป 5 ถึง 6 ครั้ง!
 “โทริ แกไปช่วยสู้กับพวกแวนฮอร์คซะ!”
 “แต่ว่าข้าอยากจะจัดการเจ้านั่นก่อนนะครับ
 “เจ้ากล้สขัดคำสั่งข้าระหว่างการต่อสู้งั้นรึ? ฉันควรจะลงไม้ลงมือกับแกอีกดีไหมนะ? หรือว่าฉันควรฆ่าแกเลยดี? แกอยากได้แบบไหนละ?”
 “ข้าจะทำตามคำสั่ง นายท่าน!
ในตอนที่วีดปล่อยให้นาอิเดีย สู้กับหนึ่งในศัตรูไป เขาก็จู่โจมตัวที่เหลือ
ส่วนเจ้าโทริก็ต้องต่อสู้อย่างยากลำบากกับพวกนักรบแห่งความโกลาหลเพียงลำพัง
แต่ยังไงก็ตามด้วยการโจมตีผสานของโทริ พวกแวนฮอร์คกับเจ้าเหลืองก็เลยต่อสู้กับพวกนักรบแห่งความโกลาหลได้ง่ายขึ้น
พวกอันเดดที่ถูกอัญเชิญมาคิดว่าพวกมันคงไม่เลเวลอัฟหรอก แต่พวกมันก็ยังคงให้ค่าประสบการณ์พวกศัตรูได้อยู่ดี
 คงจะลำบากมากแน่ถ้าโจมตีพวกนักรบแห่งความโกลาหลทีหลัง แต่ว่าฉันจะต้องได้ค่าประสบการณ์มากขึ้นกว่านี้แน่ๆ
วีดรู้สึกดีใจเหลือล้นกับโอกาสในการเติบโตครั้งนี้!
เพื่อที่จะเพิ่มขอบเขตความปลอดภัย วีดจึงเพิ่มกองกำลังอีกหนึ่งหน่วยเพื่อให้ไปโจมตีเหล่าศัตรู
โกลมินินำทัพหน่วยที่เต็มไปด้วยพวกจอมเวทย์โครงกระดูก นักธนูโครงกระดูก กับพวกอันเดดตัวอื่นๆไปล่าพวกศัตรูและในไม่ช้าแวนฮอร์คก็ส่งการโจมตีครั้งสุดท้ายออกไป
การขี่เจ้าเหลืองด้วยความเร็วสุดขีด เขาจึงสามารถแสดงวิชาดาบของเขาและฟันคอพวกนักรบแห่งความโกลาหลได้
 “ดีมาก!”
ตอนนี้มอนสเตอร์สองตัวได้ตายไปแล้ว แต่ซอยูนไปจัดการตัวอื่นอีกต่อไปเรื่อยๆ เพราะยังมีเหลืออีกห้าตัวที่เหลือรอดกับอีกสองตัวที่บาดเจ็บอยู่
หนึ่งในนั้นบาดเจ็บสาหัสใกล้จะตายไปอยู่แล้ว อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่จำเป็นต้องโจมตีด้วยซ้ำ
 “เวทย์สะบั้น!” (Rupture)
นั่นเป็นเวทย์คำสาปง่ายๆ
เลือดยังคงไหลออกจากบาดแผลไปเรื่อยๆลดทั้งระดับพลังชีวิตและค่าความอึดลงไป
 มานาที่ฉันใช้เวทย์ปลุกชีพความตายค่อยๆฟื้นคืนมาหน่อยแล้ว
การต่อสู้ที่เหลืออีกห้าครั้งของวีดนั้นใกล้จะจบเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ความเร่าร้อนครอบคลุมไปทั่วทุกพื้นที่
ในขณะที่วีดกำลังจะเปิดขากรรไกรออกกว้าง ซอยูนก็ปิดหูของเธอ เพราะว่าวีดกำลังตะเบ็งเสียงร้องออกมาอยู่นั่นเอง!
 “เอาซากศพเหล่าศัตรูมาให้ข้า! ข้าคือลอร์ดแห่งเหล่าอันเดด! พลังอันรุ่งโรจน์ของเหล่าอันเดดจะนำการต่อสู้นี้ไปสู่ชัยชนะ!”
พวกนักรบแห่งความโกลาหลที่กำลังสิ้นหวังพยายามกระเสือกกระสนวิ่งหนีไป แต่ว่าสุดท้ายแล้วพวกมันก็ไม่อาจหนีพ้นจากความตายได้เลย
การล่ากลุ่มของนักรบแห่งความโกลาหลเสร็จสิ้นแล้ว
-ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 24 แต้ม
-ค่าการบุกเบิกสำรวจพื้นที่ในเขตลาส ฟาลังคซ์เพิ่มขึ้น 0.3% การปรับตัวของผู้บุกเบิกสำรวจเส้นทางได้เพิ่มขึ้น 100%
-เมื่อจัดการมอนสเตอร์ที่อยู่ในพื้นที่ทำให้ค่าการป้องกันและความต้านทานเพิ่มขึ้นแล้ว ค่าการบุกเบิกสามารถเพิ่มขึ้นได้เมื่อออกสำรวจดันเจี้ยน
-เพราะประสบการณ์จากการต่อสู้ ค่าความต้านทานไฟจะเพิ่มขึ้น 1.7% เป็นเวลา 100 วัน
-ค่าความต้านทานจะเพิ่มพูนขึ้นเมื่อคุณออกล่าต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่ค่าความต้านทานเพิ่มขึ้น ความเสื่อมถอยของค่าพลังชีวิตก็สามารถลดลงได้เช่นกัน
-ความบาดหมางกับเหล่านักรบแห่งความโกลาหลเพิ่มมากขึ้น ความใกล้ชิดกับเหล่ายักษ์เพลิงเพิ่มมากขึ้น

การบุกเบิกดินแดนจะเป็นประโยชน์อย่างมากในพื้นที่ออกล่าที่แม้จะเป็นพื้นที่ที่คุณไม่อยากจะออกไปก็ตาม
แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้ส่งผลที่สำคัญมากพอ เพราะว่าการปะทุของภูเขาไฟ การออกล่าจึงน่าเหนื่อยหน่ายและยุ่งยากลำบากมากขึ้น
 ค่าความต้านทานไฟกับค่าความใกล้ชิดกับพวกยักษ์เพลิงงั้นเหรอ
วีดได้ดูวิดีโอมากมายเกี่ยวกับการผจญภัยออกสำรวจที่ราวกับถูกปลุกขึ้นมากลางเขตดันเจี้ยนเพื่อที่จะมาเผชิญกับยักษ์เพลิงอยู่ข้างหน้าคุณ
พลังของยักษ์เพลิงที่อยู่กลางกระแสลาวาบวกกับการปะทุของภูเขาไฟนั้นเหนือกว่าพิษของราชาไฮดร้าแน่ๆละ
 “ถึงแม้ว่าจะไม่มั่นใจนัก แต่คุณสมบัตินี่อาจจะเป็นประโยชน์ทีหลังก็ได้ มันจะยอดเยี่ยมไปเลยถ้าหากว่ามันใช้ได้จริงๆ
วีดตัดสินที่จะคิดในแง่บวกไว้
ในที่ที่พวกนักรบแห่งความโกลาหลตายไปมีไอเท็มกระจัดกระจายอยู่ทั่ว
 “เป็นช่วงเวลาที่น่าเร้าใจสุดๆจริงๆ
ขณะที่กำลังตรวจสอบพวกไอเท็มในแต่ละชิ้น ก็ต้องรักษาท่าทางสงบนิ่งเอาไว้ และขจัดความคิดที่ไร้ประโยชน์ออกไป
 “ขอร้องละ เจอแจ็คพอตหน่อยเถอะ
จากจุดที่นักรบแห่งความโกลาหลตัวแรกตายมีเหรียญทองบ้าง หินแร่บ้างกับหมวกเขาสัตว์
มีตัวเลือกที่เหมาะสมมากมายที่ช่วยเพิ่มค่าความแข็งแกร่งและป้องกันแต่ว่ามันสามารถสวมใส่ได้เฉพาะพวกคนแคระแล้วยังมีขีดจำกัดเลเวลอยู่ที่ 440 อีก
 อันที่สอง เราได้…”
อุปกรณ์ที่ได้มานั้นไม่ใช่อะไรที่อยากได้นัก
พวกอาวุธกับชุดเกราะก็สวมใส่ได้เฉพาะพวกนักรบแห่งความโกลาหล แถมยังมีคบเพลิงกับอุปกรณ์ทำอาหารแล้วมีลูกแก้วเพลิงอีกจำนวนหนึ่ง
 ตรวจสอบ!”
ลูกแก้วเพลิง: ความทนทาน 3/3 พลังการระเบิด 205
ควรแตะต้องด้วยความระมัดระวัง การเคลื่อนย้ายลูกแก้วและขว้างออกไปจะทำให้มันระเบิดตัวได้

มันสามารถสร้างความเสียหายได้อย่างมากต่อมอนสเตอร์ที่มีค่าความต้านทานไฟต่ำและยังสามารถใช้เพื่อทำลายสิ่งก่อสร้างและพื้นที่ได้อีกด้วย
ถือว่ามีประโยชน์อย่างมาก แล้วยังจะเสียของอีกถ้าแบ่งมันออกให้กับซอยูนและตัวเขาเอง
ไอเท็มนี้สามารถนำไปใช้ให้เกิดคุณประโยชน์ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
 “อืมมม เจ้านี่ควรจะแบ่งให้เท่าๆกันนะ เพราะว่าเรามีลูกบอลไฟอยู่หกลูกแล้วก็มีพวกเราอยู่หกคนพอดี งั้นเราก็จะได้ไปคนละลูกนะ(แอดมิน: พออ่านตรงนี้จบ ลั่นทันที มึงแบ่งยังไงของมึง ไอ้วีด)
วีด เจ้าเหลือง โกลมินิ โทริ แวนฮอร์ค และซอยูนแม้ว่าการแบ่งจะเป็นไปตามนี้ แต่วีดก็ไม่ได้ยินเสียงบ่นอะไรจากซอยูนเลย
แม้ว่าการแบ่งค่อนข้างจะไม่ยุติธรรมเลย  แต่เธอก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจหมกมุ่นอยู่กับไอเท็มนั่น
เพียงแค่อยากไปต่อสู้โต้งๆกับพวกมอนสเตอร์ในการล่าแค่นั้นแต่ว่าจากนั้นก็ไม่ได้สนใจไอเท็มอะไรเลย
วีดรู้สึกละอายใจนักดังนั้นเขาเลยตัดสินใจยกให้ซอยูนไปสองลูก
 เธอต่อสู้อย่างหนักเพราะงั้นฉันจึงให้ส่วนแบ่งของฉันไป
โทริ แวนฮอร์ค เจ้าเหลือง และโกลมินิฟื้นสติกลับมาได้สักพักจากการเพ่งมองดูลูกบอลไฟที่ได้รับมา
ในจุดที่นักรบแห่งความโกลาหลตัวที่สามกับตัวที่เจ็ดตายไปมีขวานสีน้ำเงินแวววาวหล่นเหลือไว้อยู่
ในใจของวีดเริ่มเต้นระรัวในทันที
 “ในที่สุดก็มีอะไรที่เป็นของแท้ซะที ขวาน!”
ฉันต้องไม่ประมาทขณะที่มองหาไอเท็มอยู่
วีดหยิบแจปเท็มที่เหลือบนพื้นขึ้นมาในขณะที่เข้าไปใกล้กับขวานด้วยอารมณ์ที่กำลังระเบิดตูมตามอยู่ภายในใจ
 ตรวจสอบ!”
ขวานแห่งความโกลาหล:
ค่าการโจมตี: 175-191 ค่าความคงทน: 130/130
ขวานของนักรบจากเขตลาส ฟาลังคซ์ อาวุธนี้สร้างมาจากการผสมผสานของเหล็กและแร่ที่เปล่งออร่าแห่งความโกลาหลออกมา
ได้ร่ายชุบออร่าเสร็จสิ้นแล้ว
ข้อจำกัด: จำกัดเฉพาะความเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ ต้องการค่าความเชี่ยวชาญการใช้ขวานระดับสูง ค่าความแข็งแกร่งต้องเป็น 1,300 หรือมากกว่า
ข้อจำกัดเลเวลต่ำสุด 420
คุณสมบัติ: สามารถโจมตีศัตรูที่มีค่าป้องกันต่ำถึงตายได้ สามารถโจมตีถึงชีวิตแบบต่อเนื่องได้ ใช้มานา 3%
ออร่าแห่งความโกลาหลที่เคลือบขวานไว้ทำให้สามารถเทเลพอร์ตระยะสั้นได้
 “แจ็คพอต!”
ไอเท็มเฉพาะปรากฏตัวแล้ว!

ขวานถือว่าเป็นอาวุธหนักที่มีพลังทำลายล้างสูง
แม้ว่าดาบจะอเนกประสงค์มาก แต่ขวานก็สามารถสร้างความเสียหายได้ในฐานะอาวุธอย่างหนึ่ง
แน่นอนละว่ามันก็มีข้อเสียด้วยเหมือนกัน เพราะว่าความสั้นของมันแล้วยากที่จะใช้อีก แต่ว่าในตอนที่ผู้เล่นใช้ขวานก็สามารถทำให้การล่าเร็วขึ้นด้วย
ท่ามกลางผู้เล่นมากมายก็มีผู้ใช้ขวานมากในอาชีพสายนักรบเช่นกัน

 “ยอดเยี่ยม
เพียงแค่ลูกแก้วเพลิงก็มีค่าให้พูดถึงจากพวกแจปเท็มแล้ว นี่ยังมีขวานอีกสองเล่มมาเพิ่มอีก
เวทย์ปลุกชีพความตายถูกใช้กับพวกซากศพที่หลงเหลือ
มานา 30% ได้ถูกใช้ไปเพื่อที่จะเก็บพวกอันเดดใหม่อีก 8 ตัวไว้
สกิลของวีดนั้นกินมานาไปอย่างมาก แต่เขาก็ทดแทนมันด้วยการฟื้นฟูมานาขึ้นจากไอเท็มที่สวมใส่ไว้
ถึงเวลาที่จะมุ่งไปที่ภูเขาไฟของลาส ฟาลังคซ์และก็ออกล่าพวกนักรบแห่งความโกลาหลอีกครั้ง!
การล่านั้นง่ายขึ้นเป็นอย่างมากด้วยนักรบแห่งความโกลาหลอันเดดระดับสูงกับแต้มค่าประสบการณ์ที่ได้จากการต่อสู้ครั้งล่าสุด
ท่านได้รับขวานและลูกแก้วเพลิง14 ลูก!
แต่ว่าวีดก็ยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่
 ขวานของนักรบแห่งความโกลาหล ก็เป็นอาวุธที่ดีนะแต่ว่าอัตราการดรอปนี่ไม่ค่อยสูงเท่าไรเลย นี่เป็นไอเท็มหายากพอดูเลยน๊า
แถมระดับเลเวลของผู้ใช้ที่สูงยังถูกจำกัดเอาไว้อีกด้วย
ถ้าขวานนี่ไม่ได้มีอัตราดรอปที่ต่ำ มูลค่าของมันก็คงจะไม่ดีเยี่ยมขนาดนี้หรอก
 นี่คงเป็นหนทางเดียวแล้วล่ะ ล่าแล้วก็เก็บพวกขวานมา จากนั้นก็ค่อยเอาไปขายเป็นอย่างแรกละกัน
สิ่งจำเป็นของคนเราที่ต้องใช้ นั้นเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะขายของให้กับคนอื่น
ในตอนที่ปะทะกับพวกนักรบแห่งความโกลาหล กองทัพอันเดดก็ลดลงไปอย่างฮวบฮาบ
เพื่อที่จะใช้มาแทนที่พวกมันให้ได้ เหล่าอันเดดระดับสูงจึงได้ถูกอัญเชิญออกมาโดยใช้เวทย์ปลุกชีพความตาย
ระดับของเวทย์อัญเชิญอันเดดขั้นที่ 4 ของเนโครแมนเซอร์ก็ยังถือว่าต่ำอยู่ แล้ววีดก็จำเป็นต้องเก็บพวกอันเดดให้มีชีวิตอยู่เอาไว้ด้วย
แม้ว่ามันจะกินมานาไปอย่างมหาศาลแต่ว่าคุณภาพก็ยังดีกว่าปริมาณอยู่ดี
นอกจากนั้น อันเดดที่อัญเชิญมานั้นยังคงทักษะเทเลพอร์ตที่เป็นประโยชน์อย่างมากเอาไว้ เพื่อที่จะไล่ตามพวกศัตรูนักรบแห่งความโกลาหลให้ได้
ตอนนี้วีดรวบรวมอันเดดนักรบแห่งความโกลาหลไว้รอบๆตัวเขาได้ถึง 20 ตน!
วีดใช้ทักษะประติมากรรมจำแลงกลายร่างเป็นอีกาเพื่อมองหาตำแหน่งที่เหล่าโจรสลัดอาเมเนียนที่โดนกวาดล้างไป
แต่เดิมวิหคทองคำที่ฟื้นฟูขึ้นมาจากจักรวรรดินิฟล์เฮมควรที่จะสังเกตการณ์บริเวณโดยรอบแต่ว่ามันกลับไม่ให้ความร่วมมือเลยด้วยเหตุผลบางอย่าง
 “น่าจะใกล้พอแล้วนะ
ในขณะที่วีดกำลังเดินตระเวนไปมาอยู่ เจ้าเหลืองก็เขี่ยและสูดดมฟุตฟิตตรงพื้นดินอยู่
บนบริเวณที่พื้นดินเคลื่อนซ้อนทับกันเพราะแรงแผ่นดินไหวมีซากศพของเหล่าโจรสลัดอาเมเนียนกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดไปทั่ว
ท่ามกลางศพเหล่านั้นมีร่างหนึ่งสวมใส่ชุดระดับสูงอยู่
 “ร่างนั่นน่ะเอง
วีดมีสัญชาตญาณที่ดีเสมอ
ร่างนั่นเป็นคนหนึ่งที่เขาต้องตามหาจากเส้นทางแสนไกลตลอดการเดินทางของภารกิจมาเขตลาส ฟาลังคซ์แห่งนี้
 ความแน่นอนของภารกิจนี้ช่างยากลำบากซะน่าขันจริงๆ
ในขณะที่ออกล่าพวกนักรบแห่งความโกลาหลอยู่นั้น พวกไทร์เบธกับโบลลาร์ดก็เข้ามาใกล้ๆเรื่อยๆจากระยะทางไม่ไกลจากเขามากนัก
 ระดับความยากของเควสประติมากรนี่ยากเกินบรรยายเหลือเกิน
ประติมากรธรรมดาไม่มีทางมาถึงไกลขนาดนี้ได้แน่ๆถ้าหากไม่มีพวกพ้องเลเวลสูงๆเป็นผู้ช่วยแบบนี้ด้วย
ในตอนนั้นเอง ก็มีความคิดหนึ่งไหลปรี๊ดเข้ามาในหัวของวีด!
 “ฉันคงจะไม่ต้องใช้ประโยชน์จากพวกประติมากรรมที่อยู่ระหว่างเควสหรอกนะ?” (ผู้แปล: ประติมากรรมที่อยู่ในมรดกแห่งประติมากร)
ขั้นที่ 1 ของภารกิจที่ทำให้เขาต้องไปต่อสู้กับพวกวิหารเอ็มบินยู แถมเขายังไม่แม้แต่จะสามารถใช้ประโยชน์จากทักษะประติมากรรมจำแลงที่เขาเป็นตอนอยู่ที่นี่ได้เลย
ถึงแม้ว่าประติมากรจะสามารถเดินทางมาถึงลาสฟาลั้งค์ด้วยตัวคนเดียว ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม มันก็ยังคงเป็นอาชีพที่มีความสามารถในการต่อสู้ต่ำอยู่ดี
แต่ว่ามรดกแห่งประติมากรมันอยู่ที่นี่นิ
ให้ชีวิตแก่ประติมากรรม!
 “งั้นภารกิจที่ทำให้ฉันต้องดิ่งตลอดทางมาที่นี่ เพื่อให้เอาพวกประติมากรรมของจักรพรรดิเกฮาผู้ล่วงลับที่ถูกทิ้งไว้กลับไปด้วยงั้นหร๊อ” (555+)
การเรียนรู้วิธีที่จะทำประติมากรรมผ่านการฝึกฝนจากท่อนไม้นั้น(โดยการตีพวกมัน)เป็นธรรมเนียมที่ทำมาเป็นปกติแต่ว่าวีดกลับต้องเรียนรู้ศิลป์แห่งประติมากรรมของจักรพรรดิเกฮาผู้ล่วงลับผ่านทางทักษะประติมากรรมระลึกชาติ
นี่ต้องมอบชีวิตให้กับประติมากรรมทั่วทั้งมรดกแห่งประติมากรงั้นเหรอ!
พวกมันคือประติมากรรมสลักชีพที่สานต่อจุดกำเนิดของทวีปเวอร์เซล
เหล่าประติมากรรมที่เหลือรอดอยู่ที่นี่ ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีช เจ้าเหลืองที่กำลังนั่งอยู่อย่างเงียบกริบ ในขณะที่วีดเดินไปเดินมาแล้วลืบหัวของเขาไปด้วย

 เจ้านี่(เจ้าเหลือง)กับโกลมินิก็ไร้ประโยชน์ พวกประติมากรรม10 ถึง 20 ตัวนั่นยังดูเป็นประโยชน์ซะมากกว่าอีก!’ (สู้กับตัวเองสุดๆ)
ประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีซเลยนะ!
มรดกแห่งประติมากร ผลงานของจักรพรรดิเกฮาผู้ล่วงลับหลายชิ้นได้ถูกพบอยู่ที่นี่อย่างคาดไม่ถึง
ประติมากรที่ฝ่าฟันมายังเขตลาส ฟาลังคซ์ด้วยร่างกายอ่อนล้า เพียงแค่เพื่อมอบชีวิตให้พวกประติมากรรมแล้ว ก็เพื่อจะพบกับบทสรุปของเรื่องราวอันน่าตรึงตราตรึงใจในตอนจบของภารกิจ
แต่ว่าด้วยเหตุผลบางประการที่วีดไม่อาจเพิ่มความสนิทสนมกับเจ้าวิหคทองคำได้เลยตั้งแต่ที่เขากลายร่างมาเป็นเนโครแมนเซอร์
 “ไม่ ไม่นะ คงจะไม่ใช่นะ
วีดส่ายหัวไปมาอย่างแรงแล้วสลัดทิ้งมันออกไป
 นั่นก็แค่เรื่องน่าขันน่า ก็แค่เรื่องคาดเดาเอา ไม่มีทางเลย นั่นมันไม่มีทางเป็นจริงได้เลย ใช่ไหม?”
คนทั่วทั้งโลกไม่มีความคิดอย่างจะชอบเข้าใกล้พวกอันเดดแน่ๆละ แต่ว่าวีดไม่เหมือนคนอื่นๆที่จะคิดแบบคนธรรมดา
จากแนวทางที่เขาได้ปฏิบัติมานั้น เขาต้องกลายร่างไปเป็นลิชไชร์แล้วก็เปลี่ยนชื่อเป็นเดียรอลเพื่อกลายไปเป็นกัปตันเรือผีสิง แล้วต่อมาเขาปรับแต่งและพัฒนารูปลักษณ์ของลิชไชร์อีก เขาได้ใช้ข้อได้เปรียบนี้ในการออกไปล่า
 มันไม่ควรจะเป็นกรณีนั้นสิ มันก็เป็นเพียงแค่ธรรมชาติของประติมากรรมสลักชีพที่จะทำตัวมีประโยชน์และแสดงความกตัญญูต่อเจ้านายของพวกมัน งั้นอะไรที่พวกประติมากรรมที่ฉันให้ชีวิตไปควรจะตอบแทนฉันละ?”
มอออออออออออ!
เจ้าเหลืองลากเท้าของมันจากพื้นมาพร้อมกับเสียงโอดครวญมาด้วย ส่วนโกลมินิก็ยืนขึงคันธนูป้องกันโดยทันที พวกมันกำลังพิสูจน์การมีชีวิตอยู่ที่ได้มาของพวกมันอย่างเอาเป็นเอาตาย
วีดไม่ได้มอบชีวิตกับพวกประติมากรรมอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ก็เพราะบทลงโทษจากการเสียค่าสถานะศิลปะแล้วก็การลดลงของเลเวลด้วย แต่ว่าพวกมันก็ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในภารกิจนี้
เพื่อที่จะไขภารกิจครั้งนี้ให้ได้ จึงจำเป็นต้องมอบชีวิตให้กับเหล่าผลงานมรดกแห่งประติมากรแต่ว่าแล้วเลเวลมากแค่ไหนละที่เขาต้องสละไปต่างหากละที่ทำให้เขาเป็นห่วง
ความกังวลจากผลกำไรและการขาดทุนก็ไม่มีทางเปลี่ยนไปเลย!
หลังจากทุกข์ทรมานจากภารกิจแสนยากนี่แล้วยังจะไม่มีรางวัลที่คุ้มค่ากับมันหรือไงนะ หลังจากที่สำเร็จไปแล้วน่ะ?
 “อะหืมอะหืม! ยังไงก็ช่างเถอะ แล้วเราจะเห็นกันว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่ฉันไปถึงเป้าหมายแล้ว
อย่างถ้อยคำโบร่ำโบราณที่ได้ว่าไว้ว่า ถ้าเจ้าโง่เขลา กายของเจ้าก็จักทรมานเช่นกัน
ค่อนข้างน่าอนาถนักที่วีดได้รำลึกถึงความหมายของวลีนั้นอย่างเต็มๆได้จากการกระทำของตัวเขาเอง
วีดผายฝ่ามือของเขาออกในขณะที่เขาได้คลายความกังวลไปแล้ว
-คุณได้รับอาภรหนาม(Barb Robe)แล้ว
-คุณได้รับดวงตาของยักษ์เพลิงแล้ว

ชุดนั่นเป็นไอเท็มที่แพงเอาการ เป็นไอเท็มที่มาจากภารกิจที่สื่อว่าจะไม่มีทางหายไปไหน ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องลูทมันตอนนี้ก่อนที่ใครจะมาเอามันไปในภายหลัง
ที่ด้านล่างของชุดนั้นมีรอยสลักเล็กๆสลักเอาไว้อยู่
รูปร่างของมันมีส่วนที่คล้ายๆมากกับเจ้าวิหคทองคำแม้ว่าจะมีฝุ่นกับสิ่งสกปรกมากมายเกาะเขรอะเต็มไปหมด
วีดเทน้ำออกจากกระติกแล้วล้างประติมากรรมชิ้นหนึ่งที่เผยให้เห็นสีเงินแวววาวสวยงาม ประติมากรรมที่ทำมาจากส่วนผสมของทองคำขาวกับมิทธริล
กริ กรู๊ววววว! (ผู้แปล: จินตนาการว่าเสียงคล้ายๆนกแก้ว)
หลังจากที่ได้พบกับพวกพ้องที่หายสาบสูญไปเจ้าวิหคทองคำก็โผบินเข้ามาที่ประติมากรรมในทันที แล้วก็ถูไปที่หัวของมัน จากนั้นมันก็มองมาที่วีดด้วยแววตาอ้อนวอน
 อะไรเหรอ?’
วีดจึงตัดสินใจตรวจสอบประติมากรรมชิ้นนั้น
 เพื่อความสำเร็จของภารกิจตรวจสอบ!”
ตราประทับแห่งจักรวรรดิอารูเพ่น วิหคเร้นลับ (Mysterious Bird)
ค่าความคงทน: 130/130
สัญลักษณ์ของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิอารูเพ่นผู้ที่ปกครองดินแดนทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลด้วยความเมตตา
มันถูกสร้างมาเป็นคู่ร่วมกับวิหคทองคำ นามว่าซีโนเรียกับรุสเซอโรนี่
ถูกสร้างขึ้นมาโดยประติมากรระดับปรมาจารย์
คุณค่าทางศิลปะ: 51,300
คุณสมบัติ:
ค่าชื่อเสียง +4,500
ค่าฐานันดร+150
ค่าเกียรติยศ +90
ค่าบารมี +45
เสน่ห์ +100
ส่งผลต่อระดับความเป็นผู้นำและบารมี
มีผลในการเพิ่มพูน ผลต่อการเพิ่มขึ้นของความสนิทสนมกับชาวเมืองเพศหญิง หากใช้เป็นเครื่องประดับค่าความสูงส่งของชนชั้นสูงเพิ่มขึ้น 15%
มีผลในการปกครอง ความได้เปรียบทางการทูตเพิ่มขึ้น 5% ค่าความโชคดีเพิ่มขึ้น 30% ในการป้องกันจากการโจมตีปิดล้อมหรือจากการต่อสู้ขนาดใหญ่
สามารถอัญเชิญหมอกเร้นลับ (mysterious fog)ที่ไม่สามารถทำลายได้
สมบัติแห่งประวัติศาสตร์ เป็นเพราะได้พบหนึ่งในตราประทับแห่งจักรวรรดิอารูเพ่น ค่าสถานะศิลป์เพิ่มขึ้น 51 แต้ม
จากนั้นเรื่องราวของตราประทับแห่งจักรวรรดิอารูเพ่นที่แสนหวงแหนก็เริ่มหลั่งไหลออกมา

จอมขมังเวทย์ ซึลรโย
เขามายังที่พระราชวังของจักรวรรดินิฟล์เฮมตอนที่มันกำลังเผาโดยกลุ่มมอนสเตอร์
ทันใดนั้นเองพระราชวังก็ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ!
อัศวินราชองครักษ์ที่มีเกียรติ เฝ้ารอเริ่มการซุ่มโจมตี แต่ว่าซึลรโย เขามีปริมาณมานามากมายจึงกำจัดพวกเขาไปได้

เรื่องราวจากเจ้าวิหคเร้นลับเหรอ!
ซึลรโยสามารถสังเกตการณ์ทั่วทั้งพื้นที่ได้จากตำแหน่งที่อยู่ของเขา
มอร์เดรด เมืองหลวงอันรุ่งโรจน์ของจักรวรรดินิฟล์เฮมถูกบดขยี้ทำลายโดยเหล่ามอนสเตอร์
นักบวชวิหารเอ็มบินยูกับทหารรับจ้างคนเถื่อนเป็นผู้ที่สั่งการมอนสเตอร์พวกนั้น
จากการเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วทั้งพระราชวังหลวง ซึลรโยก็ได้พบดาบสองเล่มที่ถูกผนึกเอาไว้ในพื้นของวังหลังหนึ่ง
ดาบที่มีลายเมฆและสายฟ้าสลักบนเล่มและอีกเล่มก็เป็นดาบสีแดงไร้ฝักดาบ
ต่อมาซึลรโยก็ไปที่มหาสมุทรแล้วกลายเป็นกัปตันของพวกลูกเรือโจรสลัด
จากนั้นเขาก็คว้างดาบที่มีลายเมฆและสายฟ้าสลักอยู่ลงไปในทะเลดำ (Black sea) แล้วเขากับลูกเรือโจรสลัดก็เตรียมตัวพร้อม ออกเดินทางไปจนถึงเขตลาส ฟาลังคซ์
แต่หลังจากนั้นการโจมตีพิษที่ไม่รู้จักปล่อยออกมากะทันหันกวาดล้างพวกเขาไปจนหมดสิ้น!

ภาพจากประติมากรรมยังคงหลั่งไหลออกมาเรื่อยๆ

กาลเวลาเนิ่นนานผ่านพ้นไป นักรบแห่งความโกลาหลหนุ่มก็ได้หยิบดาบเล่มหนึ่งขึ้นมา
ต่อมาเขาก็ตรงไปที่ทางเข้ากับดันเจี้ยนที่อยู่ใกล้ๆในทันที
*ตริ้ง*
ภารกิจวิถีทางแห่งจักรวรรดินิฟล์เฮม (2) เสร็จสิ้นแล้ว (เลข 2 หมายถึงภารกิจต่อเนื่องขั้นสอง)
จอมขมังเวทย์ซึลรโยผู้มีบทบาทสำคัญในการล่มสลายของจักรวรรดินิฟล์เฮมด้วยการสมคบคิดกับพวกวิหารเอมบินยู
เขาต้องการที่จะล้างแค้นให้สาวกและครอบครัวของเขาที่ถูกฆ่าตายไป แต่ว่าการกระทำของเขาก็ผิดจนไม่อาจแก้ตัวได้
ซึลรโยที่กุมดาบดาวสีชาด(Red star Sword)ที่สร้างมาจากเวทย์มนต์ของมังกรแดงเอาไว้ ต้นตอที่กล่าวว่ามันมายังโลกมนุษย์ได้ยังไงนั้นยังคงไม่ทราบ
สำหรับรางวัลจากภารกิจให้ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 3,600 แต้ม ส่วนรางวัลจากการผจญภัยให้ค่าสถานะทุกอย่างเพิ่มขึ้น 5 แต้ม คุณได้รับค่าสถานะโบนัส 20 แต้ม
สามารถแบ่งค่าสถานะที่ต้องการใดก็ได้

ท่านได้รับฉายาแล้ว! นักผจญภัยแห่งขั้วโลกเหนือ
จะไม่มีใครสามารถหยุดท่านบนดินแดนที่ท่านเหยียบย่างอยู่
ฉายาที่ได้รับจากการสำเร็จภารกิจที่ยากของหนึ่งในเขตต้องห้ามของทวีป!
เมื่อเดินบนพื้นที่ขรุขระ การใช้ค่ากำลังกายจะลดลง 60%
เมื่อใดที่อยู่บนเขตต้องห้าม ค่าความต้านทานเพิ่มขึ้น 10%
การแสดงผลของสกิลเพิ่มขึ้น 7%
การเพิ่มขึ้นของค่าสถานะเป็นค่าชดเชยที่ได้มาจากประติมากรรมเร้นลับ ภารกิจระดับ S ขั้นสุดท้ายก็ถูกเปิดเผยออกมาเช่นกัน
*ตริ้ง!*
การกอบกู้ดาบดาวสีชาด (3)
ดาบเล่มที่นักรบแห่งความโกลาหลหนุ่มได้เอาไปนั้น เป็นอาวุธที่อันตรายมาก ดาบได้ถูกสร้างขึ้นจากมังกรจอมซุกซนและยังมีมานาจำนวนมหาศาลถูกผนึกเอาไว้ข้างในอีกด้วย
เมื่อมีวงแหวนเวทย์ได้สลักไว้เบื้องหลังโดยจอมเวทย์โบราณในเขตลาส ฟาลังคซ์ เหล่ามอนสเตอร์ที่เป็นเจ้าของดาบจะได้รับพลังอำนาจมากมายมหาศาล
วงแหวนแห่งอิมเบลอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของเขตลาส ฟาลังคซ์ กอบกู้ดาวสีชาดให้ได้ก่อนที่ดาบจะสูบพลังแห่งวงแหวนเวทย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ถ้าหากสำเร็จท่านอาจจะได้รับการยกย่องจากผู้คนดินแดนหนือ
ระดับความยาก: S
ข้อจำกัดภารกิจ: ภารกิจสุดท้ายของเควส 3 ขั้นนั้นจำกัดเฉพาะอาชีพประติมากรที่มีทักษะแกะสลักระดับสูง
หากคุณยอมรับภารกิจ ท่านสามารถรับชมเรื่องราวของซึลรโยได้

เพราะว่าวีดนั้นมาไกลถึงขนาดนี้ เขาจึงพยักหน้ารับในทันที
 “ฉันจะเอาดาบสีชาดมาเป็นของฉันอ่ะ ไม่ใช่ ฉันจะพิทักษ์สันติสุขเอง
ท่านตอมรับภารกิจแล้ว

บนจักรวรรดินิฟล์เฮมมีอัจฉริยะคนหนึ่งบังเกิดขึ้นมา นักเวทย์หนุ่มนามว่า ซึลรโย
เขาประสบความสำเร็จงานค้นคว้าวิจัยทุกๆชิ้นที่เขาริเริ่มขึ้นมา
เขาเป็นคนแรกที่ต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ที่มาบุกรุกแถมยังเป็นที่รู้จักของหลายเผ่าพันธุ์ที่ไม่ใช่มนุษย์
เขายังมีคู่หมั้นที่มีเสน่ห์นามว่า ลิเธีย เอฟเวอลิน
 “เจ้าเป็นเพียงคนเดียวสำหรับข้า ข้าจะอดทนกับทุกสิ่งทุกอย่างเพียงเพื่อให้ได้อยู่ร่วมกับเจ้า
ซึลรโยให้คำสัจสาบานเพื่อจะแต่งกับลิเดียแล้วยังเข้าร่วมกับชนชั้นสูงแห่งจักรวรรดินิฟล์เฮมด้วย
เขาเป็นคนที่มีคุณสมบัติที่เป็นแบบอย่างของการเป็นวีรบุรุษ ด้วยใบหน้าหล่อเหลา บ้านรวย คู่หมั้นสวย แล้วยังมีพรสวรรค์ทางเวทย์มนต์อีก
ซึลรโยที่มีของขวัญที่สวรรค์ประทานมามากมายที่เพื่อนๆของเขาก็ล้วนแต่อิจฉา!
 “ตามพระราชโองการของจักรพรรดิ ซึลรโยจะได้เข้าร่วมกองทัพเพื่อที่จะกำจัดเหล่ามอนสเตอร์ในดินแดนภายนอกเป็นเวลาหนึ่งเดือน
 “ข้าน้อมรับคำบัญชา
ซึลรโยพร้อมกับกองทัพนั้นได้ฆ่ามอนสเตอร์ไปมากมายด้วยเวทย์มนต์ของเขาในดินแดนภายนอก
วีดมองเห็นยักษ์และพวกมอนสเตอร์ที่ตอนนี้ได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว ถูกกระแทกจากลูกเล่นของเวทย์มนต์อันทรงพลังผ่านทางวิดีโอ
ต่อจากนั้นซึลรโยก็กลับไปยังเมืองหลวงหวังเพื่อที่จะได้รับรางวัลใหญ่สำหรับการกระทำอันน่าสรรเสริญนี้
 ครอบครัวของลิเธียถูกตัดหัวข้อหากบฏ
บ้านของคู่หมั้นเขาก็โดนทำลายไปเป็นชิ้นๆ
นั่นเพราะว่าหลักฐานทั้งหมดเด่นชัดมาก ซึลรโยหมดหนทางและก็ทำอะไรไม่ถูก เขาได้แต่เพียงแต่ร้องไห้คร่ำครวญอยู่เบื้องหน้าหลุมศพของคู่หมั้นของเขาเท่านั้น
ภายหลังจากนั้นเขาปลีกตัวสันโดษอยู่ในห้องทดลองพร้อมกับเวทย์มนต์ของเขาเนื่องจากความเศร้าโศกของเขา
ด้วยความคิดที่คับแค้นใจต่อจักรวรรดินิฟล์เฮมที่มากล้น เขาจึงสลัดความสนใจทุกสิ่งทุกอย่างของโลกทั้งใบและหมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าวิจัยเวทย์มนต์
เพราะงั้นเองหลายฤดูกาลได้ผ่านพ้นไป แต่ภายใต้เงามืดนั้นกลับมีเสียงแว่วออกมาอย่างลึกลับให้ได้ยิน
-เขาคงไม่อาจเดินหน้าต่อไปได้เพราะการตายของคู่หมั้นของเขา
-ความโศกเศร้าของซึลรโยได้เพียงแต่ทำให้เขายิ่งถูกกัดกร่อนมากขึ้นเรื่อยๆ
-ทำไมเขาถึงยังคงอยู่ฝั่งพวกเราละ?
-เขาคงจะพยายามโค่นล้มจักรวรรดินิฟล์เฮมละมั้ง เขากับลูกศิษย์ของเขาต้องโดนกำจัด
-กำจัดครอบครัวของมันซะ
-เราควรทำตามแผนเดิมที่ได้วางเอาไว้

ในขณะที่ซึลรโยยังคงแยกตัวออกไปอยู่ในห้องทดลองของเขา คนในครอบครัวของเขาทั้งหมดก็เสียชีวิตไปแล้ว
ทั้งจากป่วยตายอย่างไม่ทราบสาเหตุหรือการจู่โจมของนักฆ่าอีก แม้ว่าจักรวรรดินิฟล์เฮมได้ทำการสืบสวนแล้ว แต่ก็ไม่พบต้นสายปลายเหตุเลย
ในขณะที่ซึลรโยยิ่งเสียใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเหล่าลูกศิษย์ก็ตายไปจากการติดโรคที่ไม่ทราบต้นตอ
ท่ามกลางโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ก็มีนักฆ่าคนหนึ่งพยายามจะจู่โจมซึลรโย แต่ว่าก็ถูกจับได้ด้วยเวทย์ของเขาเอง
 เจ้าเป็นใคร? บอกข้ามาว่าใครสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้!”
 “จักรวรรดินิฟล์เฮมไงล่ะ!”
ต่อมานักฆ่าคนนั้นก็ได้ฆ่าตัวตายไปในทันที
สร้อยคอถูกพบบนตัวของนักฆ่าคนนั้น
ซึลรโยเริ่มเอะใจและตรวจดูที่ด้านหลังของสร้อยคอนั้นอย่างรวดเร็ว
จากด้านหลังของสร้อยคอเส้นนั้นเขาก็ค้นพบได้ในที่สุดว่าเขากำลังมองหาอยู่ ตราบางอย่างที่บ่งบอกถึงองค์กรลับแห่งจักรวรรดินิฟล์เฮม
 พวกมันกำลังพยายามจัดการฉันงั้นเหรอ?”
การสมรู้ร่วมคิดที่นำโดยจักรวรรดินิฟล์เฮมเข้ามาคุกคามชีวิตของจอมขมังเวทย์แล้ว
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาซึลรโยจึงตัดสินใจที่จะหนีไปและหลบซ่อนตัว แต่นั่นก็เพียงแค่ทำให้ข่าวลือแพร่ไปทั่วทั้งจักรวรรดินิฟล์เฮมที่ว่าเขาวางแผนเป็นกบฏอย่างลับๆเพราะเขาได้สูญเสียครอบครัวกับคู่หมั้นของเขาไป


 “เข้าใจละ พวกมันอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนั่นจริงๆ
ซึลรโยผู้แสนสิ้นหวังอาศัยอยู่ในที่ที่ไม่มีมนุษย์ซักคนและอยู่อย่างสันโดษ ทั้งหมดนั้นก็เพื่อที่เขาจะได้ทำการค้นคว้าวิจัยเวทย์มนต์ต่อไปได้
แต่ว่าในบางครั้งเขาก็จะอยู่บนปากเหวแห่งความเสียสติเนื่องจากความโศกเศร้าเสียใจของเขา
ในวันหนึ่ง มีพวกนักบวชแห่งวิหารเอ็มบินยูมาหาเขา
 เราต้องการมอบโอกาสให้เจ้าได้แก้แค้นจักรวรรดินิฟล์เฮม
ซึลรโยที่อยู่มาเพียงลำพังและยังไม่ได้มีการพบปะติดต่อกับผู้คนก็รู้สึกตัวขึ้นมา
 “โอกาสที่จะได้แก้แค้น…..”
 “ซึลรโย แม้นว่าเจ้าจะไม่ได้ทำอะไรผิดบาป แต่ว่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ดูอยุติธรรมกับท่านไปหน่อยหรือ? จากการสืบเสาะหาความจริงของพวกเราแล้ว ความล่มจมของบ้านเอฟเวอลินถูกจัดฉากโดยพวกวังหลวง
เหล่านักบวชได้แสดงหลักฐานที่เป็นสร้อยคอสนิมเขรอะเส้นหนึ่ง
 สิ่งนี้ถูกพบจากซากปรักหักพังของบ้านครอบครัวเอฟเวอลิน
 “……”
 “ผู้หญิงที่เจ้ารัก ครอบครัวที่เจ้ารัก แม้นจะสูญเสียพวกเขาไปแล้วเจ้ายังสูญเสียลูกศิษย์ของเจ้าอีก แต่เจ้ากลับเลือกที่จะกลายเป็นพวกถือสันโดษ แล้วตอนนี้เจ้าก็ต้องตัดสินใจว่าอยากจะแก้แค้นหรือไม่
มีเวทย์มนต์ของวิหารเอมบินยูได้ถูกร่ายเอาไว้บนสร้อยคอเส้นนั้น
ซึลรโยที่ตาพร่ามัวโดยสร้อยคอจากนั้นภาพของอัศวินจักรวรรดินิฟล์เฮมกำลังเผาบ้านของครอบครัวและของคู่หมั้นของเขาก็แสดงออกมา

 “แก้แค้นข้าต้องการล้างแค้น
 “เจ้าเลือกได้ดี งั้นเราจะไปทำลายล้างจักรวรรดินิฟล์เฮมด้วยกันเถอะ
 “ว่าแต่พวกท่านเป็นใครหรือ?”
 “เรามาจากวิหารเอมบินยู
 “ข้าคิดว่าข้าเคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อนนะ เคยได้ยิน….ที่ไหนนะ? อ๋อ! พวกท่านคือพวกที่บูชาเทวปีศาจใช่ไหม?”
 “ผู้คนก็ล้วนเข้าใจผิดกันไปเอง พวกเราก็แค่พยายามที่แก้ไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวเรา
ซึลรโยนั้นได้ถูกล้างสมองจนหมดสิ้น ความเป็นเหตุเป็นผลภายในความคิดเขาย่อหย่อนลงไป
 “ข้าอยากจะเข้าร่วมด้วย
จากนั้นซึลรโยก็เข้าร่วมกับวิหารเอมบินยู เขารับหน้าที่ดูแลอาวุธกับชุดเกราะของพวกเขาแถมยังต้องมอบงานค้นคว้าวิจัยให้อีกด้วย
พวกจักรววรดินิฟล์เฮมจะต้องชดใช้ด้วยสงคราม!
วิหารเอมบินยูนั้นใช้ประโยชน์จากพวกมอนสเตอร์แล้วก็กองทัพทหารทั่วไปเพื่อที่จะฆ่าเหล่าประชาชนพลเมืองอย่างไม่เลือกหน้า
เมื่อได้สูญเสียความเป็นเหตุเป็นผลไปจนหมดสิ้นแล้ว ซึลรโยก็กลายเป็นเบี้ยของวิหารเอมบินยูและเฝ้าดูการสังหารหมู่ที่เผยอยู่เบื้องหน้าสายตาของเขาเอง
สหายเก่าของซึลรโยพยายามปกป้องจักรวรรดิเอาไว้ แต่ว่าพวกเขาก็ตายไปจนหมดสิ้นด้วยน้ำมือของเขาและวิหารเอมบินยู
 “ในที่สุดข้าก็กลับมาแล้ว
ซึลรโยได้เข้าไปเผาทำลายพระราชวังแล้วในตอนนี้
ดวงตาที่บดบังด้วยความละโมบเขาจึงสุ่มๆขโมยสมบัติไปด้วยในขณะที่กำจัดพวกอัศวินที่มาเผชิญหน้าต่อกรกับเขา
กำแพงเวทย์ทั้งหมดโดนทำลายจนสิ้นซาก พระราชวังตอนนี้ก็ถูกบุกรุกโจมตีโดยเหล่ามอนสเตอร์
ดาบทั้งสองเล่มที่ถูกปิดผนึกโดยจักรวรรดินิฟล์เฮมก็ถูกพบภายในพระราชวังนั้นเอง

ดาบดาวสีชาด
แถมดาบเล่มนั้นยังทำให้เกิดมหันตภัยที่เกิดขึ้นทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลในอดีตกาลนามว่าดาบผู้พิชิตศาตราแห่งแอสโมเดียน! (Asmodian) (จากเกมส์ Aion: รูปร่างคล้ายๆเอลฟ์มีปีก)
คุณสมบัติ: ค่าความคงทน 96/180 พลังโจมตี 218-249
วัสดุที่ใช้สร้างอาวุธชิ้นนี้ไม่ได้ปรากฏอยู่บนทวีปเวอร์เซล แต่เดาว่าคงเคยถูกใช้โดยเผ่าแอสโมเดียน
อาวุธได้ถูกหลอมเวทย์แล้ว และมีความสามารถอัญเชิญสายฟ้าหรือพายุสายฟ้าได้
ข้อจำกัด: ไม่จำกัดเลเวล สามารถใช้ได้ในทุกสายอาชีพ เมื่อใช้ในการต่อสู้จะสามารถแสดงคุณสมบัติเวทย์คำสาปออกมาได้
ไม่มีคุณสมบัติตายตัว ถ้าหากเป็นผู้บูชาเทวปีศาจจะถูกสิงสู่ด้วยอาวุธชิ้นนี้จากนั้นคุณสมบัติของอาวุธก็จะเปลี่ยนไปเอง
คุณสมบัติพิเศษ: สามารถอัญเชิญมอนสเตอร์จากนรกได้จากด้วยการบูชายัญ จากการบูชายัญจะสามารถเพิ่มค่าสถานะได้ พลังเวทย์แห่งความมืดเพิ่มขึ้น 200% โดยเฉพาะเวทย์คำสาป! ท่านจะสามารถใช้เวทย์คำสาปได้ทุกชนิด อีกทั้งผู้เล่นจะมีภูมิคุ้มกันต่อเวทย์คำสาปทุกชนิดอีกด้วย ท่านสามารถควบคุมมอนสเตอร์ระดับต่ำกว่าได้
ช่วงเวลาที่มือของเขากุมดาบขึ้นมาใบหน้าของซึลรโยก็เต็มไปด้วยความรู้สึกปวดแสบปวดร้อน
เวทย์ล้างสมองของวิหารเอมบินยูสลายไปแล้วสติสัมปชัญญะของเขาก็กลับคืนมา
 “นี่ข้าทำอะไรลงไปเนี่ย?”
ซึลรโยรู้สึกเสียใจกับการกระทำของเขาที่ได้ทำลงไป
การเข้าร่วมกับวิหารเอมบินยูที่เป็นพวกบูชาเทวปีศาจ แล้วจากนั้นยังไปร่วมมือเพื่อทำลายล้างจักรวรรดินิฟล์เฮมเพื่อครอบครองทั้งทวีปอีก
ตอนนี้การกระทำของเขามิอาจถูกลบล้างได้แล้ว
หากลองมองย้อนกลับไปดูเขาก็ได้ตระหนักว่าเขานั้นได้เข้าร่วมกับวิหารเอมบินยูอย่างไม่รู้ตัวเมื่อตอนที่พวกมันเข้าหาเขา
 “วิหารเอมบินยูต้องเป็นพวกที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างนี้แน่ๆ!
เมื่อประเด็นนี้ได้กระจ่างชัดแล้ว ซึลรโยตัดสินใจอุทิศช่วงชีวิตที่เหลือของเขาเพื่อต่อสู้กับพวกวิหารเอมบินยูพร้อมกับฟื้นฟูจักรวรรดินิฟล์เฮมกลับคืนมา
 ข้าต้องรวบรวมกองกำลังเพื่อไปต่อสู้กับวิหารเอมบินยู
จากนั้นเขาก็โยนดาบผู้พิชิตศาสตราแห่งแอสโมเดียนลงสู่ทะเลไปแต่ว่าดาบสีชาดเขากลับนำมันไปกับเขาด้วย ไปยังเขตลาส ฟาลังคซ์
จากประวัติศาสตร์แห่งเวทย์มนต์ อิมเบลถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเวทย์แห่งไฟที่ทรงพลังมากที่สุด เวทย์ของเขาเพียงพอที่จะละลายปราสาทได้ทั้งหลัง
เขาคือหนึ่งในสิบสองจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่
ซึลรโยพยายามจะไปที่วงแหวนเวทย์แห่งอิมเบลแล้วก็สูบมานากักเก็บเอาไว้โดยใช้ดาบเล่มนั้นแต่เพราะว่าเขาไม่ได้กลับไปที่วิหารเอมบินยูเป็นเวลานานมาก มนต์พิษสะกดนิ่งก็ฝังตัวเข้าไปในตัวเขาฉับพลัน ทันทีที่มีผลทำให้เขาอยู่ในสภาวะถูกสะกดนิ่งเอาไว้
 “ต้องมาตายอย่างนี้หรือเนี่ย…”
ในที่สุดความตายของซึลรโยก็ต้องมาตกอยู่ในเงื้อมมือของมอนสเตอร์ที่เข้ามาภายในเขตลาส ฟาลังคซ์

 “ท้ายที่สุด นั่นก็คือบทสรุปของเรื่องราวสินะ
จากความหายนะที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั่วทั้งทวีบเวอร์เซล วิหารเอมบินยูได้ก่อเกิดขึ้นมา!

วีดจึงได้รับรู้เรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังภารกิจได้ในที่สุด
และแล้วเขาก็สามารถพบจุดเชื่อมโยงที่ผูกติดกับภารกิจระดับ S จนได้ การสืบเรื่องราวการล่มสลายของจักรวรรดินิฟล์เฮมที่มีสาเหตุมาจากการบุกรุกขนาดใหญ่ของพวกมอนสเตอร์
 “หลังจากที่ไขปัญหาจุดจบอันแสนหลุดลุ่ยของอดีตแล้ว ก็สามารถเริ่มต้นฟื้นฟูจักรวรรดินิฟล์เฮมกลับคืนมาได้สินะ
บนเส้นทางของการสิ้นสุดภารกิจนั้น รายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับจักรพรรดิเกฮา วอน อารูเพ่นก็ก้าวสู่แสงได้เสียที พร้อมทั้งความลับของประติมากรรมสลักชีพ ทั้งวิหคทองคำ วิหคเร้นลับ และยังได้พบกับมรดกแห่งประติมากรอีกด้วย
มันเป็นเพียงสิ่งที่ได้มอบหมายให้กับประติมากรเท่านั้น ที่ล้วนแต่เป็นสมบัติอันยิ่งใหญ่และไร้รูปธรรม
คงจะสมบูรณ์มาก ถ้าหากว่าได้รางวัลของภารกิจเป็นอัญมณีกับหินแร่จำนวนมหาศาลจากเขตลาส ฟาลังคซ์แห่งนี้
 “ฉันคงต้องแย่งดาบของมังกรแดงมาจากมือของเจ้านักรบแห่งความโกลาหลหนุ่มตัวนั้นสินะ ยังไงซะ นั่นเป็นเรื่องที่ควรจะเร่งรีบมากที่สุดแล้วละ
เรื่องดีอีกอย่างคือสถานที่นั้นไม่ได้อยู่ห่างไกลมากจากที่นี่!
 ถ้าหากภารกิจสำเร็จ ฉันก็จะสามารถเก็บดาบมังกรเอาไว้เองได้
ขณะที่วีดกำลังวาดฝันว่าได้ดาบเล่มนั้นมาอยู่ในมือ นั่นทำให้หัวใจของเขาเริ่มสั่นระรัว พร้อมกับลมหายใจถี่ๆและน้ำลายไหลลงมาจากปาก
ดาบมังกรเล่มนั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นบนทวีปเวอร์เซล นั่นจะต้องดีกว่าดาบเล่มอื่นๆที่เขาเคยเห็นมาแน่ๆ
 “ตรวจสอบ!”
แต่ว่าวีดก็ไม่ลืมที่จะตรวจเช็คชุดคลุมของจอมเวทย์ซึลรโย
มันสามารถเพิ่มค่าโจมตีทางเวทย์ได้แถมยังลดการใฃ้ระดับมานาในการร่ายเวทย์ไปถึง 30% ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ก็พิจารณาได้เลยว่าเป็นอุปกรณ์ระดับสูงแน่ๆ
 แจ๊คพ็อต!”
วีดได้เผยรอยยิ้มเบิกกว้างออกมาแต่ทว่าจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นซอยูน เขาก็รู้สึกกดดันขึ้นมาทันทีเพราะว่าเขาเอาไอเท็มไปเพียงคนเดียว
แต่ว่ามันก็ได้มาจากภารกิจนะ มันมีค่าเกินไปจะเอามาแบ่งกันนี่
วีดมองไปที่ซอยูนที่พยักหน้าชี้มาที่เขาอย่างเอาใจใส่
มีรอยแหว่งเปิดอ้าอยู่บนชุดอันขาดวิ่นที่วีดสวมใส่อยู่เป็นชุดที่เขาเก็บมาจากแม่น้ำโหยหวน
ถึงแม้ว่าเขาจะซ่อมแซมโดยใช้ทักษะเย็บปักโดยไม่ใช้เศษผ้าที่ที่เกินความจำเป็น แม้แต่คุณสมบัติที่ช่วยให้มานาเพิ่มขึ้นก็ถูกปรับแก้ด้วย แต่มันก็ยังคงได้รับความเสียหายอยู่ดี
ที่วีดสวมใส่ชุดนี่ไว้ก็เพราะประสิทธิภาพของมัน แต่เพราะมันเผยให้เห็นซี่โครงของเขา มันจึงไม่ค่อยน่าดูซักเท่าไร
 “ชอบคุณนะ
ไม่มีเคยมีเลยสักครั้งที่วีดจะรู้สึกดีขนาดนี้ ตอนที่เขาได้ใช้เวลาร่วมกับซอยูน
วีดรู้สึกพอใจมากที่เขาได้ไอเทมไปจนหมด
 ตรวจสอบ!”
ดวงตาของยักษ์เพลิง:
ค่าความคงทน 30/30
วัสดุเวทย์ระดับสูง
สามารถขยายขอบเขตและพลังทำลายล้างให้กับไม้กายสิทธ์ธาตุไฟ
มันเป็นวัตถุดิบที่ใช้ทำน้ำยาเวทย์มนต์
หากใครครอบครองไอเท็มชิ้นนี้ค่าความต้านทานไฟจะเพิ่มขึ้นและยังจะไม่โดนโจมตีโดยเหล่ายักษ์เพลิง
คุณสมบัติ: ต้านทานไฟ 5% เหล่ายักษ์เพลิงจะจดจำท่านได้

พวกยักษ์ที่ดรินเฟลต้องทุกข์ทรมานจากบาดแผลสาหัสสากันจากการโจมตีของพวกมัน แถมยังโดนกำราบให้ล่าถอยกลับไป!
นี่เป็นไอเทมที่จะรับรองความปลอดภัยของคุณเมื่อต้องเผชิญหน้าพวกมัน
จากนั้นวีดก็เลยสวมอาภรณ์หนามเข้าไป
 ด้วยไอเท็มนี่ ฉันจะพร้อมสำหรับปัจฉิมบทของภารกิจนี่หรือป่าวนะ?”
แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าวิหคทองคำก็ยังคงจ้องมองไปที่เขาด้วยแววตาเศร้าสร้อย
กรู๊ว กรู๊วววววว
แล้ววีดก็มองไปที่เจ้าวิหคทองคำ วิหคเร้นลับ กับเหล่าประติมากรรมตนอื่นๆที่ทำมาจากมิทธริลและทองคำขาว
ทันทีที่เขาสังเกตไปเห็นเข้า วีดก็สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
 แกคงชอบเจ้านี่มากจริงๆสินะ หือ?”
เจ้าวิหคทองคำก็บิดขาอันบอบบางทั้งคู่ของมัน อีกทั้งปีกทั้งคู่ที่แสดงท่าทางประหม่าเมื่อตอนที่วีดยกประเด็นนี้ขึ้นมา
จักรพรรดิเกฮาผู้ล่วงลับไปแล้ว ได้แกะสลักเจ้าวิหคทองคำกับวิหคเร้นลับในช่วงเวลาพอๆกัน
แต่ยังไงก็ตามวิหคทองคำก็ได้มีชีวิตขึ้นมาแล้วก็ยังมีหน้าที่ที่ต้องปกป้องศิลปวัตถุของจักรพรรดิเกฮาผู้ล่วงลับอีก
วีดก็จะสามารถได้รับความสนิทสนมอย่างมากจากมันโดยใช้ประโยชน์จากเจ้าวิหคเร้นลับนี้ได้ด้วย!
สง่างามแถมยังหรูหรา มีเสน่ห์น่าดึงดูดสูงที่จะมีเพียงแค่เจ้าวิหคเร้นลับตัวนี้เท่านั้นที่จะแสดงออกมาได้
แม้ว่าจักรพรรดิเกฮาจะเสียไปนานมากแล้ว และประติมากรรมของเขาก็ยังเสื่อมโทรมผุพังไปเรื่อยๆอีก แต่ว่าชิ้นนี้แตกต่างออกไป แถมยังมีสภาพที่สมบูรณ์อีกด้วย
ช่างน่าเศร้าที่วีดกลายร่างจากประติมากรไปเป็นเนโครแมนเซอร์และก็เพราะอย่างนั้นแหละที่ทำให้เขาไม่อาจเพิ่มความสนิทสนมกับเจ้าวิหคทองคำได้เลย
จากนั้นท่ามกลางพวกมันทั้งหมด ก็กลับมาพบเจ้าวิหคเร้นลับ แล้วก็อ้อนวอนวีดให้มอบชีวิตให้กับมัน
กรู้ กรู๊วววววว
แล้ววีดก็ได้วางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์อย่างนี้เอาไว้แล้ว
เขามีไพ่เหนือกว่าในการเจรจาต่อรองเพราะว่าเจ้าวิหคทองคำถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจที่จะโน้มน้าวใจมันได้
จากนั้นวีดก็เริ่มพูดร่ายมาเป็นสคริปท์
 “ศิลปะแห่งประติมากรรมนั้นเป็นโลกที่แสนยากลำบากจริงๆนะ แถมยังต้องทรมานและบากบั่นคิดค้นหาความสวยงามให้พวกมันอยู่เสมอ อาชีพประติมากรนั้นต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำหลายต่อหลายคืน แต่ก็ยังคงมีช่วงเวลาที่แสนหนักหนาเพื่อทำให้มันมีชีวิตขึ้นมาอีก
 “….?”
เจ้าเหลืองกับวิหคทองคำแสดงท่าทีมึนงงแบบสุดๆ
วีดมีเวลาที่ยากลำบากเพื่อที่จะเพิ่มค่าความเชี่ยวชาญทักษะประติมากรรม แถมเขายังต้องแกะพวกสัตว์น่ารักๆพวกนั้นตลอดทางที่มาอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็โดนซอยูนแย่งไปอีก
 ฉันต้องเสียสละมากมายเพียงเพื่อแกะสลักประติมากรรม แล้วแกยังหวังให้ฉันมอบชีวิตให้ประติมากรรมตัวนี้อย่างที่แกขอมาเหรอ? ตอนที่ฉันกำลังต่อสู้แกก็อยู่เฉยๆแล้วยังไม่แยแสสถานการณ์ตอนนั้นเลย งั้นทำไมฉันต้องทำอย่างที่แกขอมาล่ะ?”
กรุ๊กรู๊วววว
 บอกฉันมาสิ ตั้งแต่เริ่มมามีอะไรที่ผิดพลาดไปจากที่ฉันพูดล่ะ? ไม่มีแม้แต่สักครั้งที่แกจะเสนอเข้ามาช่วยฉันเลย
ใช้ถ้อยคำเพียงแค่ไม่กี่คำแกมข่มขู่ไปด้วย แต่ก็ยังกระตุ้นความรู้สึกผิดขึ้นมาได้ ช่างเป็นการโน้มน้าวใจขั้นสูงจริงๆ!
เจ้าวิหคทองคำส่งเสียงออกมานิดหนึ่งอย่างไม่เต็มใจนัก
วีดพยักหน้า
 ห๊ะ ฉันได้ยินแกไม่ค่อยชัดเลย
กรู๊ กรู๊ กรู๊วววว!!
เจ้าเหลืองมีความสุขมากที่เจ้าวิหคทองคำได้กลายมาเป็นพวกพ้องแล้วในตอนนี้ ในขณะที่วีดมองไปราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ยิ่งกว่านั้นเขากลับแสดงท่าทีอ่อนโยนออกมาแทน
 ไม่อยากเชื่อว่าคนใจไม้ไส้ระกำอย่างเขาจะสามารถแสดงท่าทางเช่นนั้นออกมาได้
 ‘บางทีเขาอาจจะมีส่วนที่อ่อนโยนอยู่ก็ได้
เจ้าเหลืองเริ่มที่จะพิจารณาเจ้านายของมันใหม่อีกครั้ง แต่ว่าคำสั่งการที่ออกมาแบบกะทันหันของวีดนั้นได้ตัดความคิดนั้นของมันออกไปจนหมด
 นอนลงสิ
 “….?”
แม้ว่าคำสั่งที่ออกมาปับปุบอย่างคาดไม่ถึง ได้เอ่ยออกมา แต่ว่าเจ้าวิหคทองคำก็นอนลงอย่างว่านอนสอนง่าย
 ชักช้า นอนลงไปเร็วๆสิ! จากนั้นกลิ้งไปบนพื้นห้าครั้ง! ”
คำสั่งที่กำลังออกมาจากวีด!
เจ้าวิหคทองคำพยายามเพื่อที่จะได้รับความช่วยเหลือจากวีด ก็กลิ้งไปบนพื้น
 ก่อนอื่นฉันต้องโค่นส่วนที่กระด้างกระเดื่องของมันซะก่อน
การเพิ่มความสนิทสนมและก็ทำให้มันมีค่าไปในตัวด้วย วีดก็ได้ใช้ประโยชน์จากคำขอร้องครั้งนี้ได้อย่างเต็มเปา
 “แกหยุดได้ แล้วก็พักผ่อนก่อน
เจ้าวิหคทองคำสยายปีกของมันออกขณะที่นอนลงบนพื้น
แถมซอยูนก็อยากจะให้มันกระโดดให้ดูซักสองสามครั้งก่อน แต่ว่าได้ดูมันนอนลงไปและพักผ่อนก็น่ารักน่าชังเกินไปแล้ว
เธอเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าวีดจะไม่สั่งให้มันทำอะไรที่สุดโต่งเกินไป
 ร้องกรู๊ววว ถ้าฉันบอกว่าหนึ่ง แล้วก็ร้องจิ๊บๆ ถ้าฉันบอกว่าสอง
กรู๊ กรู กรู๊ววว
 “หนึ่ง
 “กรู๊วๆ
 “สอง
จิ๊บๆ
 ทั้งคู่!”
กรู๊ๆ-จิ๊บๆ-กรู๊ๆ-จิ๊บๆ
เพราะว่าเลเวลของเจ้าวิหคทองคำเกินกว่า 500 ไปแล้ว มันจึงสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างว่องไวโดยไม่เหน็ดเหนื่อยเลย
จากนั้นเจ้านกก็ได้ยินเสียงวีดตบมือดังสนั่น
 “โอเค แกหยุดได้ แล้วก็ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้
วิหคทองคำกระโดดลุกขึ้นมาในทันที ภายในดวงตาสีฟ้าไพลินคู่นั้น ก็ได้แสดงแสงแห่งความคาดหวังอันแรงกล้าออกมา
ประติมากรรมวิหคเร้นลับ
นี่ก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ตั้งแต่จักรพรรดิเกฮาได้ตายไป แล้วก็ไม่มีใครนอกจากวีดคนเดียวที่สามารถมอบชีวิตให้กับคู่หูผู้สูญหายไปนานแสนนานของเจ้าวิหคทองคำ
 ฉันจะมอบชีวิตให้กับแก ตั้งหน้าตั้งตารอต่อไปล่ะ
แต่ว่าวีดก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ แล้วยังวางแผนจะให้พวกมันทำงานมากขึ้นตั้งแต่บัดนี้ที่นี่เป็นต้นไป
 “อย่างกับเลี้ยงพวกไก่อยู่เลยนะเนี่ย เพราะรสชาติของมื้ออาหารนั้นเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณเลี้ยงพวกมัน
แล้ววีดก็ได้ลูกสมุนที่เอาไว้ใช้ต่อสู้มาเพิ่มอีกหนึ่งตัว!
 ‘เลเวลของเจ้าวิหคทองคำคือ 519….นั่นค่อนข้างสูงมากเลยนะ
มรดกแห่งประติมากรของจักรวรรดิเกฮาจะถูกมอบชีวิตให้ในตอนที่กำลังทำภารกิจอยู่!
ถ้าจะตัดสินคุณสมบัติพิเศษจากสายพันธุ์แล้วพวกมันคงจะมีทักษะต่อสู้ยอดเยี่ยมมากแน่ๆ
เลเวลของพวกมันจะต้องดียิ่งกว่าเจ้าเหลืองกับวิหคทองคำแน่ๆเลย
 ‘ฉันคงต้องมอบชีวิตให้กับเจ้าวิหคเร้นลับนี่ก่อนแล้วค่อยไปทำงานต่อสินะ
พวกมันเป็นประติมากรรมที่เป็นสัญลักษณ์ของจักรวรรดิอารูเพ่น
หากชีวิตที่ถูกมอบให้นั่น พวกมันคงจะมีเลเวลที่สูงเอาการแน่ๆเลย
ถึงแม้ว่าเจ้าวิหคทองคำไม่ได้อ้อนวอนขอร้องให้ช่วยมัน วีดก็จะยังคงมอบชีวิตให้กับมันอยู่แล้ว เพราะว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจของเขา
 ฉันไม่รู้สึกอยากจะทำมันตอนนี้นะ เจ้าวิหคทองคำ มันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแกแล้วล่ะนะว่า ฉันจะมอบชีวิตให้มันหรือไม่ เพราะงั้นทำงานให้หนักตั้งแต่นี้เป็นต้นไปละ
กรู่ กรู๊ววววว! (รับทราบ)
จบตอน
ผู้แปล: Cole’sMyth

Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

18 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับผม
    ปล. RIP นกทองไว้รอเลย 555

    ตอบลบ
  2. จบภารกิจกลับมาจัดพวกกองเรือและโจรสลัด จากนั้นขนรูปปั้นทั้งหลายกลับโมราต้า ..
    นกน้อย ต้องโดนใช้แรงงานทาสแน่ๆ

    ตอบลบ
  3. บทสรุป เกือบหักมุม ซะแล้ว

    ตอบลบ
  4. เช็ดเข้...ใจร้ายเหลือ
    เจ้าแผนการจริงๆเลย
    ศึกสุดท้ายตอนจบนี่คงไม่ใช่คืนชีพประติมากรรมทั้งหมดจนเลเวลเหลือแค่1นะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถ้าควบคุ้มได้ก็ยอมนะ ได้มอนเวล500+ 100ตัว+ มาเป็นพวก

      ลบ
    2. มีอะไรให้ตกใจกว่านั้นอีกคับ ฮ่าๆๆๆ

      ลบ
    3. ลดลงเหลือ1 ก็ดีสิครับ เพราะ การรีเลเวว เวล1ถึง150 มันได้มาง่ายขึ้น

      คิดว่า เลเววนึง มีพอย5พอย เววไป300มีพอย1500 เววไปจนถึง 400จะมีพอย 2000
      แต่ถ้าได้รีเลเววตอนที่รีเลเวว มีพอย 1500 เมื่อใช้งานปลุกชีพ พ๊อยถึงเลลจะหายไปจนหมด แต่พ๊อยเริ่มต้นเลเวว1 ไม่ได้เริ่มที่0 สมมุตเริ่มที่1000 พ๊อยโดนไช้ไดด้วย พอเกบเววไหม่ ไปที่เวว300 แทนที่จะมีพอย1500 กลับมีพอย 2500แทน มันทำไห้ ปีนไปเลเวว400ได้ง่ายกว่าเดิม เหมือนการฟาตหุ่นไม้ไงครับ แถมยังไม่นับรวม 1 เพื่อนๆ 2 ลูกสมุนในเมืองที่มีใจรัก 3 สมุนที่ประทานชีพให้เป็นเบ้อีก

      สรุป เทพครับ เก็บเววง่ายขึ้นทนลำบากเอาหน่อย

      ลบ
    4. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2560 เวลา 23:15

      ระบบจุติ

      ลบ
  5. เรียบร้อยตกอยู่ใต้สัญญาปีศาจวีท 555

    ตอบลบ
  6. วีด แกกำลังจะกลายเป็นสิ่งที่แกเกลียดนะ

    ตอบลบ
  7. วิหคทองคำ โดนซะแล้ว😈

    ตอบลบ
  8. 5555555555555555 วิหคทองคำเอ้ยยยยย กลายเป๋ทาสวีคซะละ

    ตอบลบ
  9. กระเป๋าเป้ทองคำ กับกระเป๋าเป้ทองคำขาว ตู้เย็นแช่แข็งเคลื่อนนี้

    ตอบลบ
  10. 555...ฮาฉากแบ่งไอเทมกับสาวเบอเซอเกอร์
    ขอบใจหลายๆเด้ออ

    ตอบลบ
  11. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณสำหรับคำแปลครับ

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...