วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เล่ม 25 ตอนที่ 6 : เพลงดาบประกายแสงเบื้องหลังประติมากรรมเหล่านั้น แปลโดย Acid กรด

เล่ม 25 ตอนที่ 6 : เพลงดาบประกายแสงเบื้องหลังประติมากรรมเหล่านั้น แปลโดย Acid กรด


"เร็วๆ เข้าเถอะ"

วีดไม่ได้รู้สึกว่าต้องให้การดูแลปรมาจารย์ดาบเป็นพิเศษ ค่ามิตรภาพจะลดลงเมื่อวีดสั่งให้ซาฮับลาดตระเวนโดยรอบ
และถึงอย่างไรก็ตาม แต้มจะลดลงอย่างช้าๆเมื่อพวกเขาอยู่ร่วมกัน มันเป็นสิทธิ์ที่จะใช้แต้มมิตรภาพ วีดจึงระดมใช้ซาฮับ
ให้มากเท่าที่จะทำได้

- กวาดล้างเพนฟิลส์ดันเจี้ยน(the Penfils Dungeon)
- ออกล่ามอนสเตอร์ยักษ์ในป่าแห่งความมืด(the Dark Wood Forest)
- ทำลายล้างเหล่ามอนสเตอร์ในไกท์เนอร์ดันเจี้ยน(Geithner Dungeon)จนราบคราบ
- การค้นหาสมบัติของพวกเขาในถ้ำอูฐ(the Carmel Lair)เสร็จสมบูรณ์

นี่คือความสำเร็จที่วีดทำจนบรรลุผลร่วมกับซาฮับ ใช่แล้ว, เจ้าเหลือง และโกล์มินิ ก็ตามอยู่ข้างหลังเขาและเหล่าไวเวินก็ติดตามพวกเขาออกล่าในพื้นที่ต่างๆ

"มีศัตรู เตรียมพร้อมต่อสู้"

ยามเมื่อซาฮับกวัดแกว่งดาบของเขา, วีดจะรู้สึกผ่อนคลายและโจมตีได้มากเท่าที่เขาต้องการ กราพาสเคยอวดอ้างเรื่องระดับความยากอันน่ากลัว และเมื่อวีดประเมินมันแล้วว่าอันตรายจริงทั้งเลเวลที่สูงหรือพลังการโจมตีของพวกมอนสเตอร์ เขาจะซ่อนตัวห่างไกลออกไปและยิงด้วยธนูของเอลฟ์ชั้นสูง(High elf bow)
แต่เมื่อวีดคิดถึงสิ่งที่เขาจะได้รับ, เขาจึงต่อสู้อยู่ข้างๆซาฮับ

'เขาสู้ได้ดีจริงๆ'

ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ ในการต่อสู้ของปรมาจารย์ดาบ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นซาฮับ, เขาไม่ได้อยู่ยงคงกระพันและได้รับบาดเจ็บ

"โอ้ว ตายจริง! มีบาดแผลมากมายเลย ขออนุญาตให้ผมได้ใช้ผ้าพันแผลรอบๆพวกมันสักหน่อย ผมจะใช้พวกสมุนไพรร่วมด้วย"

ทักษะพันแผลขั้นมาสเตอร์!( The Master Bandaging skill)

วีดพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ค่ามิตรภาพลดลงช้าที่สุดด้วยการทำอาหารและให้การดูแล เหล่าดาร์เกมเมอร์จับตามองอย่างพิศวงต่อไป

'นั่นมันงกอย่างบ้าคลั่ง...'
'นี่มันก็เป็นเงื่อนไขทั่วๆไป, ให้ยารักษาหลังจากได้ผลประโยชน์มาแล้ว'
'ถ้าฉันไปติดกับเข้า, เขาคงสูบเลือดฉันจนแห้งตาย'

วีดไล่ล่าเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่เหมาะสมที่สุด เขาค้นหาไปรอบๆเพื่อหามอนสเตอร์ระดับบอส(boss monsters)
และชักนำให้ซาฮับเข้าสู่ดันเจี้ยนที่ล้นหลามไปด้วยเหล่ามอนสเตอร์

ซาฮับสามารถทำได้แค่เพียงปล่อยชีวิตไปวันๆในกราพาส โดยปราศจากการติดต่อกับมนุษย์
ซอยูนและฮวายอง รับรู้ถึงความต้องการของวีดและได้แต่ยอมรับมันมากขึ้น

'คุณวีดต้องไม่ได้รับบาดเจ็บ'

ซอยูนก็ไม่ได้ไปด้อยกว่าซาฮับเลย และโจมตีเหล่ามอนสเตอร์ซึ่งๆหน้า ศักยภาพความบ้าบิ่นในการต่อสู้ของเธอได้แสดงออกมาให้เห็น
ดังนั้นเหล่าที่ซ่อนของพวกมอนสเตอร์ที่วีดได้นำพวกเขาไปจึงเป็นพื้นที่ออกล่าชั้นเยี่ยม
ฮวายองเต้นได้จับใจ, ล่อหลอกพวกมอนสเตอร์และทำให้เกิดความสับสน แต่การเต้นมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยกับพวกมอนสเตอร์ที่ได้สัมผัสกับมนุษย์มาไม่มากนัก
พวกดาร์เกมเมอร์ยังมีส่วนร่วมและได้เพิ่มประสิทธิภาพในการออกล่า
ภารกิจทั้งหลายที่พวกเขาได้รับเหมาะสมกับระดับของพวกเขาและได้รับผลประโยชน์ที่พอใจ

'ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย ได้แต่อิจฉา ในกราพาสเนี่ย เขาออกค้นหาทุกซอกทุกมุมไปกับปรมาจารย์ดาบ...' (Leaving no stone unturned สำนวนนี้แปลว่า พยายามอย่างสุดความสามารถ, พยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้อาจจะเพื่อค้นหาบางอย่างหรือเพื่อให้บางอย่างได้ผลลัพธ์ออกมาตามต้องการ)
'และนี่เป็นการออกล่าสุดเจ๋ง, เลเวลของฉันกำลังเพิ่มขึ้นอย่างง่ายดาย ที่นี่ ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ที่เขาอนุญาตให้พวกเราเข้าร่วมด้วย'
'ผูกขาดเหล่าไอเทมและสมบัติทั้งหมดในดันเจี้ยน อ้า,นี่ละเหตุผลที่ทำไมวีดผู้นี้จึงรู้จักกันในนามเทพสงคราม'

เหล่าดาร์กเกมเมอร์ได้แต่ใช้เวลาไปวันๆในการออกล่าอย่างน่าเบื่อเพื่อวีด

"พวกเราออกล่าไปมากมายเมื่อวานนี้, วันนี้ผมมีแผนจะทำเช่นเดียวกัน ผมอยากจะเข้าดันเจี้ยนใหม่ในวันนี้ด้วย"

ค่าเข้าร่วม, ค่าอาหาร, ค่าผ้าพันแผล, ค่าสมุนไพร, จัดงานเลี้ยงวันเกิดให้เจ้าเหลือง, ค่าซ่อมแซมอาวุธและเกราะ, พวกเขาต้องจ่ายมันทั้งหมด
วีดกำลังสูบเอาทุกๆอย่างอย่างกับตัวเห็บ! และกระนั้น,เมื่อร่วมกันกับซาฮับ, พวกเขาตระเวนไปทั่วทั้งกราพาส ออกล่าและสำรวจอย่างไร้จุดหมาย

  มิตรภาพกับซาฮับลดลงเหลือ 25 แต้ม

ซาฮับเก็บดาบใส่ฝัก

"เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว ข้าคงต้องขอลาเพื่อออกไปท่องเที่ยวในทวีป ข้าจะไม่ลืมช่วงเวลาที่พวกเราได้ใช้ร่วมกันเลย"

  สัญญานักรบรับจ้างแบบฟรีๆของซาฮับได้สิ้นสุดลงแล้ว

ซาฮับได้กล่าวอำลา ค่ามิตรภาพเหลือน้อยเต็มที ดังนั้นวีดจึงไม่สามารถรั้งซาฮับให้อยู่นานกว่านี้ได้

"มันหมายความว่าท่านต้องจากไปในลักษณะนี้ มันคงจะดีถ้าพวกเราได้เรียนรู้จักกันให้มากขึ้น"

วีดพยายามเสนออาหารและของขวัญพื้นๆอีกครั้ง แต่ซาฮับไม่ต้องการพวกมัน

"ข้าเหนื่อยแล้ว และตอนนี้ข้าต้องการพัก ดังนั้นข้าขอให้การล่ำลาสั้นๆเพียงแค่นี้"

วีดไม่มีทางเลือกแต่ในขณะที่ส่งลา และก่อนจากกัน เขาได้ถามคำถามบางอย่างในนาทีสุดท้าย

"ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่พวกเราอาจไม่ได้พบกันอีกบนทวีปนี้ ท่านจะไปที่ใดต่อจากนี้หรือครับ?"
"จากนี้ไป, ข้าจะแยกตัวไปยังที่ราบสูงไบรซ์(the Bryce Highlands) ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าจะอยู่ที่นั่นนานเท่าใด, แต่ถ้าเจ้าต้องการจะพบข้า เจ้าก็ลองไปหาข้าดูที่นั่น"
"ครับ, ผมจะทำตามนั้น และดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะครับ"
ซาฮับกำลังเดินเขยกขาซ้ายของเขาที่ได้รับบาดเจ็บและใช้ดาบของเขาเป็นตัวพยุง  วีดเสียใจจริงๆจากการแยกกันในครั้งนี้
'มันคงจะดีที่ได้ใช้เขาอีกครั้ง ฉัน(วีด)มั่นใจว่าเราต้องได้พบกันอีกครั้ง'

เลเวลของเขาพุ่งขึ้นสองเท่าระหว่างการออกล่าร่วมกับซาฮับและความเชี่ยวชาญการใช้ดาบของเขาบรรลุถึงขั้นสูง เลเวล 2
นี่คือคำขอบคุณทั้งหมดที่ได้ออกล่าร่วมกันกับปรมาจารย์ดาบ เคล็ดมีดสลักแสงจันทร์ก็ก้าวเข้าสู่ขั้นกลางเลเวล 9
ฮวายองได้ถามวีด

"คุณจะไปที่ไหนคะตอนนี้?"

เธอต้องการใช้เวลาสบายๆด้วยกันแค่สองต่อสองเพิ่มขึ้น

"ผมต้องกลับไปที่บ้านของซาฮับเดี๋ยวนี้เลย"

เขาต้องกลับไปรายงานให้นางสนองพระโอษฐ์ชราในอาณาจักรโรเซนไฮม์ กราพาสเป็นเขตที่จะกลับมาได้ยากยิ่ง
ดังนั้น เขาต้องทำให้แน่ใจก่อนว่าเขาได้เห็นประติมากรรมของซาฮับทั้งหมดก่อนที่จะจากไป ซาฮับใช้กระเป๋าวิเศษเพื่อเก็บ
ประติมากรรมของเขาไปแล้วประมาณ 80% แต่ยังคงมีบางส่วนถูกทิ้งไว้

*****

สัญญาระหว่างเหล่าดาร์กเกมเมอร์กับฮวายองเป็นการตกลงกันว่าจะช่วยและคุ้มครองเธอระหว่างที่เธอตามหาวีดในเขตกราพาส
หลังจากสิ้นสุดสัญญาฮวายองบอกให้พวกเขาไปได้ แต่ไม่มีใครพยายามจะจากไปสักคน

"ไม่มีงานอื่นให้ทำและช่วงนี้มันก็น่าเบื่อ..."
"โลกนี้เป็นสถานที่โหดร้าย เป็นที่ๆอะไรก็เกิดขึ้นได้, พวกเราจะขอดูแลปกป้องคุณ"
"ผมกำลังทำให้มั่นใจว่า คุณจะอยู่ในความปลอดภัยจนถึงที่สุด ด้วยสำนึกที่ดี(ของผม)จะให้ผมปล่อยสาวสวยอยู่ตามลำพังได้อย่างไร?"

เหล่าดาร์กเกมเมอร์ให้เหตุผลเพื่อพยายามอยู่ต่อให้นานขึ้น
การออกล่าในกราพาสไม่เลวนักและพวกเขารู้สึกได้ว่าถ้าพวกเขาติดตามอยู่รอบตัววีด พวกเขาต้องได้รับบางสิ่งบางอย่าง

"โอ้ว.โห, คลังเก็บของปรมาจารย์ดาบเป็นอย่างนี้นี่เอง มีพวกประติมากรรมเยอะแยะมากมาย"
"ประติมากรรมเหล่านี้คุณภาพสูงมาก"
"มโหฬาร! ดูซิว่ามันจะให้ค่าสถานะสักเท่าไร ค่าสถานะทางศิลปะของฉันเพิ่งได้มาเมื่อเร็วๆนี้เอง"

เหล่าดาร์เกมเมอร์ก็ได้รับโอกาสครั้งหนึ่งของชีวิตภายในคลังเก็บงานศิลป์ของซาฮับ
วีดเริ่มการสังเกตของเขาอย่างระมัดระวังกับงานประติมากรรมที่ซาฮับทำขึ้นทั้งหมด

"ตรวจสอบ!"

นายพรานเล็งธนูของเขา
ผลงานของปรมาจารย์ประติมากรปลดเกษียณ คันธนูถูกง้างไปยังงูที่กำลังกินกวางเป็นอาหาร
คุณค่าทางศิลป์ : 871
คุณสมบัติพิเศษ : เพิ่มอัตราการเติบโตของฝูงกวาง

เขาสามารถอ่านความทรงจำที่ฝังไว้ในประติมากรรม

"นี่เป็นผลงานที่ดี"

วีดสังเกตงานประติมากรรมชิ้นอื่นๆ
ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูร้อน, ฤดูใบไม้ร่วง, ฤดูหนาว
เขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของฤดูต่างๆระหว่างที่สร้างสรรค์ประติมากรรมชิ้นนี้

มีวิดีโอฝังอยู่ในรูปปั้นดินพิเศษนี้

หมู่บ้านที่สร้างจากดินเผา
หมู่บ้านที่ก่อตั้งบนที่ราบสูง, ผู้คนผ่านไปมาพลุกพล่าน
เป็นภาพที่ไม่เคยพบเคยเห็นจวบจนวันนี้ และชั่วชีวิตนี้
คุณได้พบเบาะแสแรกของนักผจญภัยผู้สูญหาย
ระหว่างที่เควสยังดำเนิน, เบาะแสต่างๆที่ได้รับก่อนหน้านี้ไม่สามารถใช้งานได้

"เควสวีดีโอนี้ มันยังไงกันนะ?"

มีโอกาสสูงมากที่มันจะเป็นเควสที่เกี่ยวข้องกับการแกะสลัก
ยังคง, ยังคงมีเควสการแกะสลักมากอยู่, เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะทำหรือไม่ทำมัน แม้ว่าหลังจากนั้น,
ประติมากรรมอีกมากมายยังแสดงวีดีโอของประติมากรรมที่ซาฮับซ่อนไว้รอบๆกราพาส

"มันจะใช้เวลามากเกินไปที่จะหาพวกมันทั้งหมดและพวกมอนสเตอร์ก็ทำให้มันดูน่าเบื่อ"

พวกประติมากรรมอาจถูกฝังอยู่ในผนังดันเจี้ยน หรือถูกเก็บเป็นสมบัติของพวกมอนสเตอร์

"ที่สำคัญมาก, พวกประติมากรรมที่ฉันทำนี่ละคือปัญหา"

วีดเอาพวกประติมากรรมที่เขาทำขึ้นและเก็บดูแลพวกมันไว้ออกมา
ประติมากรรม 'ซาฮับควงดาบของเขา' มันแทบจะมั่นใจว่ามีทักษะลับวิชาดาบของปรมาจารย์ดาบซุกซ่อนอยู่ในพวกมัน
ถ้าวีดเดาถูก, ประติมากรรมเหล่านั้นจะกลายเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่ผู้ใช้ดาบทุกๆคน(ต้องการ)

แต่ไม่ว่าเขาจะตรวจสอบดูขนาดไหน, มันก็ยังคงเป็นชิ้นงานแกะสลักที่ดีชิ้นหนึ่ง
จากการที่เขาแกะสลักมันเป็นของส่วนตัว, เขารู้จักงานชิ้นนี้เป็นอย่างดี, แม้การอ่านความทรงจำที่ยุ่งเหยิงของ
เหล่าประติมากรรมก็ไม่ได้เปิดเผยอะไรเป็นพิเศษ

"ฉันต้องไขความลับของประติมากรรม"

ขณะที่คนอื่นๆยังถูกทำให้สับสน ไม่สามารถทำอะไรได้, วีดพยายามไขปัญหาอันหนักหน่วงนี้

"อืม"

วีดค้นหาทุกซอกทุกมุมของประติมากรรม

"มันเป็นไปได้ไหมที่ฉันไม่สามารถเลียนแบบทักษะดาบของซาฮับได้อย่างสมบูรณ์?"

เขาเปรียบเทียบทั้งขนาดของร่างกาย, สัดส่วน และแม้กระทั่งองศาการเคลื่อนไหวของท่วงท่าการควงดาบอย่างสมบูรณ์
มันลำบากที่จะร่างภาพแต่ละท่าทางการเคลื่อนไหวของประติมากรรมได้อย่างสมบูรณ์ แต่ด้วยความที่เขามากประสบการณ์และทักษะการเรียนรู้จากการสังเกต, วีดจึงจัดการมันได้

เขาสามารถสร้างประติมากรรมในระหว่างการจิตนาการถึงผลงาน,เรื่องความผิดพลาดของสาระระหว่างที่มองดูอย่างตั้งใจเป็นไปไม่ได้เลย มันจะเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง ถ้ามีความผิดพลาดเล็กน้อยมาขัดขวางการเรียนรู้ทักษะดาบของซาฮับ

"ฉันควรจะทุบมันไหม?"

เขากำลังใคร่ครวญถึงวิธีการที่รุนแรงอย่างใช้การทำลายประติมากรรม แต่เขายังยั้งมือของเขาเอาไว้เพราะมันมีมูลค่าสูง

"คำตอบ, มันต้องมีวิธีไขปัญหาอยู่ที่ไหนสักแห่ง"

ถ้าซาฮับแสดงทักษะลับวิชาดาบในระหว่างการต่อสู้ให้เขาได้เห็น, มันจะช่วยในการวิเคราะห์ทักษะนี้
แต่สิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้น และเขาต้องอาศัยเพียงประติมากรรมเพื่อให้เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ด้วยตัวเอง

วีดหยุดการออกล่าของเขาทั้งหมดและเพ่งความสนใจไปที่ประติมากรรม วีดคิดว่าเขาอาจจะต้องใช้ทักษะการแกะสลักที่มากขึ้น ดังนั้นเขาจึงเริ่มทำการแกะสลักเหล่าประติมากรรมรูปมอนสเตอร์ในกราพาสและฮวายอง เพื่อเพิ่มความรู้ในด้านการแกะสลักของเขา

เขาเสียเวลา 3 ชั่วโมงไปกับทางออกที่ไม่กระจ่างชัดนี้ เหล่าดาร์เกมเมอร์และประติมากรรมสลักชีพออกล่าแยกเป็นกลุ่มๆบริเวณใกล้ๆ, ฮวายองออกจากเกมส์เพราะมันเป็นเวลาค่ำแล้ว เหลือเพียงวีดและซอยูน

"ทักษะดาบ ฉันต้องการเข้าใจทักษะดาบนี้...ฉันเข้าใกล้ทักษะการเป็นปรมาจารย์ด้านการแกะสลัก ดังนั้นฉันสามารถทำต่อไปได้ แต่ถ้าฉันไม่สามารถเรียนรู้มันได้ ก็คงเพราะความเชี่ยวชาญการใช้ดาบของฉันยังต่ำอยู่, ดังนั้นฉันอาจจะสูญเสียโอกาสที่จะได้เรียนรู้ทักษะดาบนี้"

ขณะที่วีดกำลังพิศวง งงงวย หัวสมองพองโต, เขาก็ได้ยินเสียงที่ทำให้เขาถึงกับเสียวสันหลัง
ชิ๊ง.ง.ง

เสียงดาบถูกชักออกจากฝัก

วีดหันมองไปรอบๆและเห็นซอยูนกำลังถือดาบด้วยท่าทางอันเย็นชา

"มะ, มีอะไรกับดาบหรือ?"

ไม่มีพวกประติมากรรมสลักชีพอยู่รอบๆ หรืออาจจะเป็นว่า ซอยูนกำลังเตรียมพร้อมที่จะโจมตี?! มันอาจเป็นความเข้าใจผิดแบบเก่าๆ แต่มีบางครั้งที่ซอยูนดูน่ากลัวจริงๆ เนื่องจากไม่ได้พูดเป็นเวลานาน เธอจึงแสดงออกโดยปราศจากเสียงซึ่งเธอเองไม่ต้องอธิบายให้เสียเวลามากนัก

เหมือนเช่นขณะนี้!

ซอยูนบิดดาบของเธอ เธอเล็งตรงไปที่ท้องฟ้ามากกว่าที่จะเล็งไปทางวีด ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใจมัน, ขณะนั้นเองเป็นเวลาประมาณเที่ยงคืน ซึ่งดวงจันทร์ฉายแสงปรากฏออกมา

ประกายดาบของซอยูนสว่างและสาดกระจายภายใต้แสงจันทร์ เธอเริ่มเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวล, กวัดแกว่งดาบของเธอในท่วงท่าที่วีดคุ้นเคย

"ท่วงท่าจากประติมากรรม!"

ควับ ๆ ๆ ๆ

ซอยูนแสดงทักษะแห่งดาบออกไปอย่างนุ่มนวล เธอทำตามรูปแบบการเคลื่อนไหวของเหล่าประติมากรรมราวกับกำลังร่ายรำ
วีดวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของเหล่าประติมากรรมอย่างลึกซึ้งและเลียนแบบเช่นกัน, แต่ความลื่นไหลกลับหยุดชะงักในระหว่างนั้น

แต่ซอยูนไม่ได้ทำตามลำดับท่าของเหล่าประติมากรรม, เธอทำตามประกายแสงจันทร์บนรูปแบบการเคลื่อนไหวของประติมากรรม

คว้าง.ง.ง!

ดาบของซอยูนสาดกระจายแสงอันแรงกล้า มันดูเหมือนกุมดาบแสงเอาไว้ในมือ!

 คุณได้เข้าใจทักษะลับแห่งวิชาดาบ, เพลงดาบประกายแสง(Radiant Sword)

ซอยูนได้เรียนทักษะลับแห่งวิชาดาบเป็นคนแรก ร่างของเธอถูกห่อหุ้มอยู่ในแสง ราวกับว่าเธออยู่ภายใต้พรวิเศษ
วีดเอ่ยปากถามเธอทันทีที่มันหยุดลง

"เธอได้เรียนทักษะลับแห่งวิชาดาบแล้วหรอ?"
อืม อือ (เธอ)พยักหน้า

วีดยิ้มอย่างเบิกบานยามที่เขาเห็นศีรษะของซอยูนขยับขึ้นลง

"เยี่ยม"

แต่ความเจ็บปวดค่อยๆคืบคลานเข้าไปข้างใน!

"อืม.ม.ม, ดี, ตามมรรยาท สตรีก่อน ทีนี้ก็ตาฉันเรียนมันบ้าง"

หลังจากได้ชมซอยูนออกท่วงท่า, วีดก็ทำการเคลื่อนไหวตามเหมือนรูปแบบการเคลื่อนไหวของเหล่าประติมากรรม
ด้วยความเชี่ยวชาญในการใช้ดาบของเขา วีดสามารถทำการเคลื่อนไหวตามได้ดีกว่า ทำตามอย่างตั้งใจในแต่ละท่วงท่า,
บางครั้งเขาทุ่มน้ำหนักทั้งหมดลงหลังการเหวี่ยง หรือนุ่มละมุนดุจสายลมที่อ่อนโยน วีดรู้สึกได้ว่านี่เป็นทักษะวิชาดาบที่ถูกต้องราวกับเขาจำลองการเคลื่อนไหวทั้งหลายมา

'แทนที่จะเป็นทักษะเฉพาะ, ทักษะวิชาดาบดูคล้ายท่าตายตัวที่เคลื่อนไหวต่อเนื่องกันตามลำดับมากกว่า'

เขาสับสนว่าทักษะวิชาดาบจะใช้อย่างไรในการต่อสู้จริง ในสถานการณ์การต่อสู้ มันแตกต่างอย่างแท้จริงยามที่ต่อสู้หรือเข้าปะทะกับเหล่ามอนสเตอร์, พวกตัวประหลาดบินได้(flying creatures), หมอผี(shamans), นักอัญเชิญ(summoners), หรือผู้วิเศษ(magicians)

 คุณได้เข้าใจทักษะลับแห่งวิชาดาบ, เพลงดาบประกายแสง(Radiant Sword)

เพลงดาบประกายแสง : ทักษะดาบที่สร้างสรรค์โดยประติมากรและนักดาบซาฮับ
ทักษะดาบนี้ใช้การรวมกลุ่มของแสง
ขึ้นอยู่กับระดับทักษะ, มันคือเหล่ารูปแบบประติมากรรมแสงในรูปลักษณ์ของสัตว์ หรือมอนสเตอร์
มอนสเตอร์จะถูกกักขังด้วยแสง, ตกอยู่ในภาพลวงตาและไม่สามารถเคลื่อนที่ได้
ถ้าทักษะนี้หยุดชะงักลง, ประสิทธิผลของมันจะหายไป
ทักษะแกะสลักแสงจันทร์จะเสริมเพิ่มพลังให้กับทักษะนี้
คุณลักษณะเฉพาะของคลาสและทักษะอื่นๆ จะมีพลังในช่วงกลางคืนมากกว่าในตอนเช้า(กลางวัน)
ประสิทธิภาพของมันช่วยต่อต้านมอนสเตอร์ที่มีธรรมชาติกำเนิดมาจากความมืด

   ความเชี่ยวชาญดาบเพิ่มขึ้น

"ไปออกล่ากันเถอะ"

วีดและซอยูน,ไปในที่ที่พวกเคลค๊อก(Kellkog)ปรากฏ

"เพลงดาบประกายแสง!"

นี่ไม่ใช่ทักษะดาบแต่เป็นการทำงานอย่างฉับพลันด้วยการเผาผลาญมานาเพื่อการเคลื่อนที่อย่างแม่นยำและต่อเนื่อง

"กี๊ซ.ซ.ซ.ซ?"

พวกเคลค๊อกโยนหอกของพวกมันออกไป แต่ประกายแสงทำให้พวกมันตาบอดและความแม่นยำของพวกมันลดลงไปค่อนข้างมาก

ในช่วงระยะอันสั้นนี้, วีดได้เสร็จสิ้นการแสดงทักษะวิชาดาบ เขารู้สึกเคลื่อนไหวอย่างน่าขบขันอยู่คนเดียวแทนที่กำลังต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ที่อยู่เบื้องหน้า, แต่เมื่อมองจากด้านนอกมันก็ดูไม่มีอะไร แต่วีดเหวี่ยงดาบของเขาสองครั้ง, กระโดดขึ้นรวบรวมพละกำลังและทำการจู่โจมลงมา

ขณะที่เขาพุ่งลงมาปรากฏเป็นรูปนกกระจอกที่สร้างจากแสง พวกนกกระจอกวนเวียนรอบวีด, แล้ว,กระพือปีกของพวกมัน,
เหล่านกกระจอกบินตรงไปที่เหล่ามอนสเตอร์และเกิดระเบิด

ตู้มมมมม!

ลำแสงแยกสวรรค์และผืนปฐพี!

ทุกครั้งที่วีดกวัดแกว่งดาบของเขา, พวกนกที่เกิดจากแสง บินตรงไปยังเหล่ามอนสเตอร์
พวกเคลค๊อกกำลังสับสนภายใต้ภาพลวงตาที่หมุนวนอยู่รอบๆพยายามที่จะจับพวกนก
ทักษะดาบแสดงพลังของมันออกมาเต็มที่, คงเหลือเพียงไอเทมที่ดรอปลงบริเวณเหล่ามอนสเตอร์

ความเชี่ยวชาญเพลงดาบประกายแสงเพิ่มขึ้น

มันทำให้มานาของวีดถูกสูบไปถึง 8,000 หน่วย, แต่ด้วยการสวมใส่อุปกรณ์ไอเทมหลากหลายที่ช่วยให้มานาฟื้นคืนเพิ่มเติมในส่วนที่ถูกสูบไป

"มีทักษะดาบแบบนี้ด้วย"

ริมฝีปากของวีดถึงกับสั่น จนถึงเดี๋ยวนี้, มันยากที่จะต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่ยิงลูกศรจากระยะไกล
มันช่างน่าผิดหวังอย่างมากสำหรับเขาที่จะจัดการกับพวกมอนสเตอร์ที่โจมตีจากระยะไกลและหลบหนีอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าเขาจะนำคันธนูเอลฟ์ชั้นสูงออกมาโจมตี, มันก็ไม่เพียงพอที่จะโจมตีด้วยธนูคันเดียว

"ฉันจะฆ่าพวกมอนสเตอร์ให้หมด!"

*****

โคลเดอริม, อัศวินแห่งอาณาจักรคัลลามอร์!

กิลด์เฮอร์มิสเตรียมรับมือกับสถานการณ์หลากหลายที่อาจเกิดขึ้นกับเขา
ครั้งหนึ่ง, โคลเดอริมนำกองทัพของเขาและมุ่งตรงสู่ป้อมปราการซิสต้าร์(Sistar Fortress)ในอาณาจักรฮาเวน
แน่นอน, มันเป็นศึกที่กิลด์เฮอร์มิสไม่ได้มีส่วนร่วม
ถึงกระนั้น, มันทำให้ง่ายขึ้นสำหรับกิลด์เฮอร์มิสในการบดขยี้อย่างเต็มที่และยึดครองเขตแดนของอาณาจักร

"แม้เหล่าอัศวินที่โคลเดอริมบัญชาการจะน่ากลัว พวกเรายังจะต้องลงทุนเพิ่มพลานุภาพของกองทัพและทำลายล้างพวกมันให้ราบคราบ"

กิลด์เฮอร์มิสทำลายกองกำลังรักษาการณ์ชายแดนของอาณาจักรคัลลามอร์และยึดครองปราสาท 6 แห่ง, ป้อมปราการ 2 แห่ง, และ 14 หมู่บ้าน
หลังจากที่พวกเขาได้ยินว่าโคลเดอริมแห่งอาณาจักรคัลลามอร์กลายเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในการทำสงคราม, กิลด์เฮอร์มิสแยกกองกำลังหลักออกเป็นสองส่วน

"ส่วนที่แยกออกมาจะย้อนกลับไปและควบคุมป้อมปราการโยรัน(Yorun Fortress), ส่วนกองกำลังหลักจะรอเผชิญหน้ากับกองทัพของโคลเดอริมที่นี่"

กองทัพที่โคลเดอริมเป็นผู้นำประกอบไปด้วยกำลังชั้นนำของอาณาจักรคัลลามอร์ มันประกอบไปด้วยคณะ 7 อัศวินระดับอาวุโส และ พลทหารม้าอีก 10,000 นาย
ทางด้านของกิลด์เฮอร์มิส, กองกำลังหลักของพวกเขาขุดและวางกับดักเพื่อสร้างความลำบากในการเคลื่อนที่ของม้า พวกเขานำผู้วิเศษจำนวนมาก, เหล่าพลธนู และแม้กระทั่งเครื่องยิงหิน(catapult)เพื่อทำลายการเข้าตะลุมบอนของอัศวิน

ในวันที่ศึกปะทุระหว่างโคลเดอริมแห่งอาณาจักรคัลมอร์กับกิลด์เฮอร์มิส, ทุกๆสถานีทำการถ่ายทอดสดและความสนใจของผู้เล่นทั้งหมดอยู่ที่นั่น
เขตแดนระหว่างอาณาจักรคัลลามอร์กับอาณาจักรฮาเว่นที่จะเปลี่ยนไปบนทวีปกลางจะขึ้นอยู่กับผลของสงครามที่ออกมา

ด้วยกับดักหลากหลายชนิดที่กิลด์เฮอร์มิสวางไว้ในแผนการ, การเผชิญหน้าของทั้งสองกองทัพเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย
ในระหว่างนั้น, กองกำลังที่แยกออกมาจากของกองทัพกิลด์เฮอร์มิสทะลุทะลวงลึกเข้าไปในอาณาจักคัลลามอร์
สร้างกองกำลังขนาดใหญ่ของพลทหารม้า, หน่วยกริฟฟอน(contingent of gryphon), เหล่าทหารพราน(ranger), และเหล่าผู้วิเศษ, เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่เพียงพอที่จะบดขยี้ปราสาทขนาดกลางได้อย่างง่ายดาย

โคลเดอริมเลือกทำสิ่งที่ยากลำบาก เขาไม่ปล่อยกองกำลังหลักของกิลด์เฮอร์มิสไว้เพียงลำพังแล้วไล่ล่ากองทัพที่แยกออกไป เมื่อไปทำแบบนั้นทำให้ศัตรูสามารถยึดเมืองใหญ่อันดับสามของอาณาจักรคัลลามอร์ได้

"พวกเราจะโจมตีอาณาจักรฮาเว่น"

อาณาจักรคัลลามอร์เข้าโจมตีขนานใหญ่!  กิลด์เฮอร์มิสก็ตอบโต้ด้วยเหล่าผู้วิเศษ และเครื่องยิงหิน, การศึกขนาดใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว
ชะตากรรมของสองอาณาจักรแขวนอยู่บนตาชั่ง(แขวนอยู่บนเส้นด้าย แล้วแต่คนชอบ)

*****
(อาจารย์)นักดาบเข้าร่วมกับกลุ่มของเพลในภายหลัง

"ผมหวังว่านี่คงไม่ทำให้คุณเป็นหนี้(บุญคุณ)กับผมโดยไม่จำเป็นหรอกนะ"
"มันก็ไม่เชิงว่า พวกเราต้องการใครสักคนที่มาปกป้องในการต่อสู้ระยะประชิด"

เพลพูดอย่างสุภาพ เขาหยุดชั่วครู่ในโมราต้าเพื่อสำรวจร้านค้าและรับเควสและพบนักดาบ

"คุณจะลองออกล่าในบริเวณนี้ไหม?"
"บางคนพาผมไปหลายๆที่ที่เรียกว่าดันเจี้ยน"

นักดาบอ้าปากหาวเหมือนมันไม่มีอะไร แค่เรื่องจิ๊บจ๊อย

"ไม่มีอะไร น่าจะให้ผมได้สู้ดีๆหน่อย"
"ดี,มันควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะดันเจี้ยนใกล้ๆโมราต้าถูกกำจัดราบคราบโดยพาราดีนอาวุโสของวิหารเฟรย่า, และผู้เล่นอีกมากมายที่กำลังออกล่าที่นั่นด้วย"

เนื่องจากดันเจี้ยนกลายเป็นที่รู้จักกันดี, ผู้คนมากมายแห่กันไปหามัน แม้หลังจากนั้นค่าประสบการณ์และไอเทมดีๆจะมีอัตราการดรอปที่ลดลง, เหล่าผู้เล่นก็ยังคงไปหา นี่ทำให้เกิดปัญหาบางอย่างในการออกล่าพวกมอนสเตอร์ที่คู่ควร

"มันเป็นอย่างที่คุณพูดค่ะ"

เซอกะพูดขณะที่ที่เธอดึงถุงมือปลายโลหะ

"พวกเราจะเตรียมการช่วยเหลือให้มากเท่าที่พวกเราจะทำได้"
"เอาละ งั้นไปกัน"

(อาจารย์)นักดาบได้เข้าร่วมกลุ่ม และปาร์ตี้ของเพลก็เดินออกจากประตูเมืองโมราต้า
ขณะที่พวกเขาจากไป, พวกพ่อค้าที่กำลังทำการค้าขายที่จัตุรัสเมืองเริ่มกระซิบกระซาบกัน

"ชายคนนั้นเป็นใครกัน เขาจัดการเสียราบเรียบหมดสิ้นทั้งดันเจี้ยน?"
"ดูเหมือนว่าเขาเอาตัวเขาเองเข้าร่วมปาร์ตี้และออกล่ามอนสเตอร์ทั้งหมดด้วยตัวเอง"

*****

พวกเขามาถึงดันเจี้ยนและนักดาบก้าวเบาๆไปข้างหน้า

"เอ่อ..คนแก่ควรตายก่อน"

มอนสเตอร์ทั้งหมดหยุดชะงักเพราะประกายดาบสีเทาของนักดาบ
การโจมตีจุดตายเกิดขึ้น ราวกับพวกมันเป็นเหตุการณ์ปรกติและเขาฟันลงตรงจุดอ่อนที่ปรากฏ ยามที่เหล่ามอนสเตอร์โจมตี เหมือนเป็นเรื่องตลก

"ด้วยอายุของฉัน, ดูเหมือนฉันจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้คล่องแคล่วเหมือนที่ฉันเคยทำตอนที่ยังหนุ่มๆ"

พลัก! เช้ง! 
ผับๆๆ!

ทักษะอาวุธของนักดาบอยู่ขั้นสูง เลเวล 7 มันเป็นสภาวะที่เป็นไปไม่ได้ที่จะยื่นหน้าไปหาเหล่ามอนสเตอร์อย่างนั้น
หลังจากทักษะศิลปะการต่อสู้ด้วยอาวุธถึงขั้นสูง เลเวล 5 ผู้นั้นต้องเอาชนะต่ออุปสรรคและขีดจำกัดของตนเอง

ทุกๆครั้งที่นักดาบพัฒนาทักษะอาวุธของเขาได้หนึ่งเลเวล, เขาจะเข้าใจอย่างละเอียดถึงความเปลี่ยนแปลง
ในความเชี่ยวชาญของเขาและเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการพัฒนาตัวตนของเขา นี่เป็นเหตุผลที่ว่า
ทำไมการพัฒนาทักษะของเขาจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในขณะที่ทำการออกล่าน้อยกว่าคนอื่น

เพลและปาร์ตี้ของเขาต้องรีบก่อนที่นักดาบจะฆ่าพวกมอนสเตอร์ทั้งหมดไปก่อน

    ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าท่านนักดาบจะแข็งแกร่งขนาดนี้
    ด้านพละกำลังและน้ำหนักทั้งหมดเพ่งที่ปลายดาบเพื่อการจู่โจมอันเฉียบคม
    เขาทำเหมือนมันง่ายแต่ฉันไม่เข้าใจว่าเขาโจมตีให้แม่นยำได้อย่างไร
    และพวกเขามีมากกว่า 500 คน
    ......

เซอร์กะรัวหมดใส่มอนสเตอร์เลเวล 350 ซะมันส์เละเป็นโจ๊ก เซเฟอร์เหวี่ยงคันเบ็ดของเขาและพาตัวเองเข้าไปในส่วนที่ชุลมุนที่สุดของการต่อสู้

แต่เมื่อมองไปที่นักดาบ, พวกเขาได้แต่ยืนทึ่ง

"มันน่ารำคาญที่จะใช้ดาบ"

เขาหยิบหอกและขวานที่พวกมอนสเตอร์ทิ้งไว้ขึ้นมาและเข้าโจมตี ทักษะอาวุธ(Weapon skill)อนุญาตให้ใช้อาวุธ
ได้ทุกประเภทได้อย่างชำนาญ และได้ค่าความเสียหายสูงสุด ไม่ว่าอาวุธอะไรก็ตามที่เขาถือ, ไม่เป็นอุปสรรคในการฆ่าพวกมอนสเตอร์
บางครั้งเขาดูเหมือนนักรบและบางเวลาก็เป็นทหารจากเผ่าคนเถื่อน
เมื่อดูนักดาบเปลี่ยนอาวุธบ่อยๆ เพลก็เลยถามออกไป

"คุณใช้อาวุธชนิดต่างๆได้อย่างคล่องมือได้ยังไงครับ?"

เพลถามออกไปในขณะที่เขาก็รู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เขาเห็น ด้วยทักษะอาวุธ, อาวุธหลายชนิดมีจุดศูนย์ถ่วง
ที่ต่างกัน การประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ก็แตกต่างกันอย่างมาก

"ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ, วิธีการต่อสู้ล้วนเป็นรสนิยมในการต่อสู้ส่วนตัว"

ความชอบส่วนตัวในการตะบันหน้ามอนสเตอร์! อย่างเช่นพวกออร์ค, นักทำลายแห่งเทือกเขายูโรกิ,
เมื่อได้ติดตั้งเกรฟ(glaives-อาวุธขว้างแบบต่างๆ เช่นจักรสามหรือสี่แฉกขนาดใหญ่)พวกมันจะเริ่มทำลายสิ่งต่างๆทันที
เพื่อความสนุกสนาน แม้แต่ชุดเกราะของพวกมัน

เซเฟอร์ถามต่อแบบไม่เชื่อ

"ไม่ใช่ดาบหรือที่เข้ากับรสนิยมของคุณ?"

นักดาบฝึกฝนดาบมาทั้งชีวิด เขาต้องการฝึกฝนอาวุธชนิดอื่นด้วย, แต่เขายังไม่บรรลุถึงขั้นทำให้ผู้อื่นพอใจยอมรับในดาบของเขา
แน่นอนเขายังเลื่อมใสในวิถีดาบ

"สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดไม่ใช่ดาบ..."

นักดาบแอบสังเกตคนอื่นๆ มันเป็นเรื่องที่อาจส่งผลเสียต่ออารมณ์ของผู้เยาว์และเด็กน้อยวัยเรียน (สงสัยติดเรท หุ หุ)

"มันยากที่จะหาอาวุธใดมาเทียบกับท่อเหล็กหรือเสาอะไรสักอย่างที่ฉันเคยใช้เมื่อตอนสมัยยังหนุ่มๆ"
"..."
"ดาบเป็นแนวทางในการฝึกฝนจิตใจ นักดาบผู้ยิ่งใหญ่มีจิตใจที่ใสกระจ่างดุจกระจกและสงบนิ่งดั่งสายน้ำ, ไม่ว่าอะไรจะเข้ามาก็ไม่กลัวหรือหวั่นไหว"

ขณะนี้, ฝูงมอนสเตอร์จำนวนมากแห่ตรงมาหาพวกเขาจากทางของดันเจี้ยน

"พวกมนุษย์บุกรุก"
"ฆ่าไอ้ตัวที่สูงๆ, ล่ำๆ และน่าเกลียดก่อน"
"หัวหน้า, ท่านหมายถึงอะไร ใช่ไอ้ผู้ชายที่ดูแก่ๆนั่นไหม?"
"ใช่"
"คิ.คิ.คิ.คิ.คิ!"

ก่อนที่สมาชิกคนอื่นๆในปาร์ตี้จะมีปฏิกิริยาตอบสนอง, นักดาบก็กำลังวิ่งตรงเข้าหาพวกมอนสเตอร์

"ยมทูตของพวกแกไร้ความเมตาปราณี ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ!"  (อยากมาว่า..กรูแก่)
จบตอน
ผู้แปล: Acid กรด

Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...