วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2562

เล่ม 32 ตอนที่ 2 : พื้นที่ชุ่มน้ำ แปลโดย แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล


เล่ม 32 ตอนที่ 2 : พื้นที่ชุ่มน้ำ แปลโดย แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

สายลมพัดผ่าน สายธารสั่นไหว แม่น้ำเชี่ยวกราก ทำให้ผืนดินเกิดความชุ่มชื่น
ซู่!
ฝนโปรยปรายลงมาจากก้อนเมฆ
"ตอนนี้ฉันเรียกพวกเขามาแล้ว ฉันคงต้องรอดูการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น"
วีดกับเจ้าเหลืองยืนรอขณะที่ฝนกำลังตกลงมา ในรอยัลโร้ด มันสดชื่นและสนุกมากที่ได้วิ่งเล่นท่ามกลางสายฝน มันเป็นเรื่องปกติที่จะพบเห็นปาร์ตี้ออกล่าเคลื่อนไหวไปมาพร้อมชุดที่เปียกโชก
โรงเตี๊ยมและร้านอาหารมีผู้คนหนาแน่นในวันที่ฝนตก แต่ยังมีผู้เล่นเริ่มต้นออกล่ารอบๆบริเวณประตูเมือง ฝนที่ตกลงมาใส่ผู้คนที่กำลังทำธุรกิจในตลาดหรือพูดคุยกันรอบ ๆ น้ำพุ ทำให้เมืองนั้นมีเสน่ห์สุดแสนจะโรแมนติก
- ช่างน่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ
- เราจะหยุดและกลับไปไหม
- ไม่ มาเล่นกันเถอะ นอกจากนี้ยังมีอาหารอร่อยๆด้วยนะ
พืชและหญ้าหลากหลายสายพันธุ์เติบโตและแพร่กระจายผ่านหนองน้ำในขณะที่เหล่าภูติกำลังวิ่งเล่น ต้นไม้ดูดซับความชื้นผ่านรากของพวกมันและพุ่งขึ้นไป ร่มเงาของต้นไม้หลายต้นทำให้เกิดเงาที่ยาวเหยียด
บรรดาจิตวิญญาณต่างก็พากันเล่นบนผืนดินแห้งๆ ในขณะที่สัตว์น้ำแหวกว่ายอย่างสงบ รูปแบบทุ่งกกและดอกไม้นานาพันธุ์กำลังเบ่งบาน ต้นไม้เขียวชอุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงและล้มลงกับพื้น และเกล็ดหิมะเริ่มตกลงมาจากท้องฟ้า
"ฤดูหนาวมาแล้ว"
เมื่อหิมะตกลงมา เมล็ดพืชก็เริ่มโผล่ขึ้นมาจากผืนดิน ดวงอาทิตย์สาดแสงอีกครั้ง ใบไม้ร่วงและหิมะตก 
ดวงอาทิตย์ ฝนหิมะและใบไม้ ดูคล้ายกับความยุ่งเหยิง! สิ่งแปลก ๆ เช่นนี้มักเกิดขึ้นรอบ ๆ เหล่าภูติ
ต้องใช้เวลานานสำหรับหนองน้ำในการก่อตัวตามธรรมชาติ วัฏจักรที่วนเวียนอยู่อย่างนี้สั้นลง เนื่องจากเวทมนตร์ของภูติ เกิดการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลอย่างน้อย 200 ครั้ง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจอย่างรวดเร็วถึงจำนวนพืชในบึงที่อาศัยอยู่
"อึม มอออออออออออออ"
หนองน้ำลึกถึงระดับเอวของวีดและเจ้าเหลืองซึ่งพวกเขากำลังยืนอยู่บนหินที่ถูกสร้างขึ้น ลักษณะของดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่ในป่าพรุนั้นช่างสวยสดงดงาม
"พลังแห่งธรรมชาติกำลังแสดงออกมา ฉะนั้นแล้วดูเหมือนว่านี่จะเป็นงานที่ดีพอสมควร"
พื้นที่กว้างกลายเป็นหนองน้ำ แต่มันก็ไม่เลวร้ายนักหลังจากที่ได้เห็นสัตว์และพืชอาศัยอยู่ที่นั่น รูปแบบชีวิตขนาดเล็กจำนวนมากที่เขาไม่รู้จักชื่อของมัน กำลังนั่งอยู่บนใบไม้และแหวกว่ายอยู่ในน้ำ ช่องทางน้ำเล็ก ๆ ไหลผ่านหนองน้ำที่มีปลากระโดดข้ามไปมา
เสียงนกร้องท่ามกลางท้องฟ้าแจ่มใสเหนือป่าพรุ นกที่อยู่รอบ ๆ แห่กันไปตามหนองน้ำที่ถูกสร้างขึ้น ที่ดินในบริเวณใกล้เคียงทั้งหมดสั่น หินที่กองรวมกันโดยการระดมพลของมนุษย์ดิน ก่อตัวขึ้นเป็นชั้นหินทรายอย่างรวดเร็ว ชั้นหินทรายแผ่ไปทุกทิศทุกทางและเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศของสถานที่แห่งนี้อย่างสิ้นเชิง
ภูเขาก่อตัวเป็นขอบเขตของป่าพรุ วีดทำเครื่องหมายสถานที่ที่เขาจะปลูกองุ่นในภายหลัง บริเวณภูเขาหินทรายรอบ ๆ แม่น้ำและบึงไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น น้ำไหลจากภูเขาหินทราย ดอกไม้และหญ้าเติบโต น้ำตกลงมาจากที่สูงและสร้างสระแสน้ำขึ้นมา
"มันจะกลายเป็นผืนดินที่มิอาจประเมินค่าได้"
ช่างน่าเสียดาย วีดคิดว่าผืนดินแห่งนี้ไม่ได้เป็นของอาณาจักรอาเพ่น หินทรายให้มุมมองดั่งงานศิลปะ แต่ปัญหาคือเขาไม่สามารถเก็บภาษีได้
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากภูติอย่างต่อเนื่อง สัตว์เช่นจระเข้ แมลงน้ำและนก กำลังสัญจรไปมา ผีเสื้อสีเหลืองที่สวยงามบินไปรอบ ๆ ดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานในป่าพรุ สายลมพัดผ่านใบไม้ นกและสัตว์ต่างพากันส่งเสียงร้องออกมา บทเพลงแห่งธรรมชาติที่ปกคลุมดินแดนแห่งนี้
- กรุณาตั้งชื่อประติมากรรมชิ้นใหม่

"นี่คือ .... ดินแดนที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ความเศร้าโศกและความเสียใจ"
- ดินแดนที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังเศร้า ความเศร้าโศกและความเสียใจ ถูกต้องหรือไม่

ชื่อนี้ดูเรียบง่ายเกินไป
'ค่อนข้างที่ ... เรียบง่าย ไม่ได้ลึกซึ้งกินใจนัก'
เขาตัดสินใจที่จะเปลี่ยนชื่อของประติมากรรมธรรมชาติ
"ไม่ ฉันได้ทำไปแล้วจึงไม่มีทางเลือก ชื่อนี้จะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ"
- พื้นที่ชุ่มน้ำ ถูกต้องไหม

"ถูกตัอง."
ตริ๊ง!
- ประติมากรรมธรรมชาติระดับแมกนั่ม!

พื้นที่ชุ่มน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว งานที่ประติมากรใช้เวลานับศตวรรษเพื่อสร้างงานแกะสลักตามธรรมชาติ!
บึงที่เต็มไปด้วยชีวิต พื้นที่หินทรายถูกแกะสลัก
ประติมากรผู้รู้วิธีใช้พลังของธรรมชาติเพื่อปลูกต้นไม้ที่เติบโตได้ยากและแปลกประหลาดจากพวกภูติและเอลฟ์ จำนวนสัตว์และพันธุ์พืชที่อาศัยอยู่ที่นี่เทียบเท่าได้กับระดับของทวีป
นี่คือของขวัญล้ำค่าที่ประติมากรได้คืนสู่ธรรมชาติ
คุณค่าทางศิลปะ: 8,142
คุณสมบัติพิเศษ: พื้นที่ชุ่มน้ำได้ให้กำเนิดพืชและสัตว์สายพันธุ์ใหม่
ผู้ที่มาเยี่ยมชมยังสถานที่แห่งนี้จะมีพลังชีวิตและมานาเพิ่มขึ้น 50% เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 19
ความต้านทานต่อโรคติดเชื้อและพิษเพิ่มขึ้น 1% อย่างถาวร
อัตราการเจริญเติบโตของสัตว์ในพื้นที่โดยรอบได้รับอัตราการเร่งเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
ธรรมชาติทั้งหมดในบริเวณโดยรอบจะถูกทำให้บริสุทธิ์
จำนวนผลงานประติมากรรมธรรมชาติระดับแมกนั่ม ณ ปัจจุบัน: 1
- ทักษะการแกะสลักพัฒนาเพิ่มขึ้น
- ทักษะงานหัตถกรรมพัฒนาเพิ่มขึ้น
- ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 4,093
-ค่าสถานะทางศิลป์เพิ่มขึ้น 19
- สติปัญญาเพิ่มขึ้น 7
- ความฉลาดเพิ่มขึ้น 9
- ความกล้าหาญเพิ่มขึ้น 3
- ความสัมพันธ์กับธรรมชาติเพิ่มขึ้น 49
- ค่าสถานะทั้งหมดจะได้รับเพิ่มเติมอีก 3 แต้มสำหรับการสร้างประติมากรรมระดับแมกนั่ม
- เอลฟ์และภูติมีความเป็นมิตรมากขึ้น
เขารู้สึกได้ถึงความสุขของการเป็นประติมากรทุกครั้งที่ผลงานระดับแมกนั่มถูกสร้างขึ้น วีดได้รับค่าสถานะมากมาย แค่เพียง 1 ~ 2 แต้มที่เขาได้รับสำหรับผลงานการสร้างประติมากรรม ก็สามารถสร้างความแตกต่างในการต่อสู้ได้แล้ว
"ประติมากรรมแด่ดินแดน... "
อย่างไรก็ตาม วีดรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียเงิน(ภาษี)
*********************************
"ผมสร้างรูปปั้นในแดนเหนือด้วยความช่วยเหลือของเหล่าภูติ"
"มันประสบความสำเร็จ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับประติมากรเช่นเจ้า"
"ปาฏิหาริย์สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยมือของประติมากร ตอนที่สร้างระบบนิเวศตามธรรมชาติ ในหัวของผมมีแต่ผลงานศิลปะเท่านั้น"
วีดรายงานภารกิจในโรเดียม
ตริ๊ง!
- การแกะสลักที่ก่อเกิดรูปร่างผ่านกาลเวลาเสร็จสมบูรณ์
ประติมากรวีดผู้ยิ่งใหญ่ได้เผยให้เห็นซึ่งความเป็นอัจฉริยะของเขาในหลาย ๆ ด้าน ผลงานของเขาทำหน้าที่ปกป้องความยุติธรรมและบางครั้งก็เป็นตัวแทนของพื้นที่
- ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 1,600 
- ทักษะการแกะสลักพัฒนาเพิ่มขึ้น
- คุณค่าของท่านในสมาคมประติมากรเพิ่มขึ้น

"หุหุ"
วีดยิ้มเบา ๆ
'หากฉันประสบความสำเร็จเช่นนี้ต่อไป ฉันจะได้รับเทคนิคการแกะสลักขั้นสุดท้ายและเงินจำนวนมหาศาล สักวันฉันจะหาวันหยุดเพื่อมานั่งนับเงินที่ไหลมาเทมาและจะได้ใช้จ่ายอย่างสบายใจซะที '
"อิ อิ อิ อิ"
เขาไม่สามารถระงับรอยยิ้มอันแสนจะเห็นแก่เงินได้ ชายชรายังคงส่งรอบยิ้มให้เขาอย่างสดใส
"ถ้าเจ้ามีความสามารถถึงขนาดนี้ ข้าก็สามารถพูดคุยเกี่ยวกับมันได้ ภารกิจที่ร้องขอทั้งหมดจนถึงตอนนี้คือการทดสอบคุณสมบัติของเจ้า เจ้ารู้ประวัติศาสตร์ของทวีปเวอร์เซลล์ดีแค่ไหน"
"ข้ารู้มาเพียงแค่เล็กน้อย.... "
"นักผจญภัยหลายคนพยายามที่จะพิชิตเขาวงกตแห่งที่ 8 ของทวีปนี้"
"ท่านกำลังพูดถึงเขาวงกตของร็อดเดอริกผู้บ้าคลั่งที่พวกปีศาจอาศัยอยู่ที่นั่นรึ?"
"เจ้าคงจะรู้ถึงสิ่งที่ข้ากำลังจะพูด เป็นไปตามที่ข้าได้คาดการณ์เอาไว้จากประติมากรอัจฉริยะ เจ้ารู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของทวีป"
วีดไม่มีทางเลือกนอกจากต้องระวัง
'เขาวงกตแห่งที่ 8 ของทวีป สถานที่ที่ฉันไปไม่ได้อย่างแน่นอน '
มันเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างสมบูรณ์ เขาวงกตที่ 8 มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ยุคสมัยแรก ๆ ในรอยัลโร้ด
- การเข้าไปหมายถึงความตาย
- ตายทันที
- อย่างมากคงอยู่ได้แค่ 1 นาที
ผู้อยู่อาศัยและผู้คนที่ผ่านไปมาแถวเขาวงกตที่ 8 ต่างพากันส่ายหัว ส่วนภารกิจร้องขอที่เกี่ยวข้องนั้นไม่ได้มีความคืบหน้าสักเท่าไหร่
"ลูกชายของข้าเดินทางเข้าสู่เขาวงกตของร็อดเดอริก ... ลูกชายของข้าเป็นอัศวินหลวงแห่งอาณาจักรนอร์ตัน ข้าไม่ได้เห็นเขาหลังจากวันนั้น"
ผู้เล่นถาม
"ท่านต้องการให้ข้าตามหาลูกชายของท่านรึ?"
"เฮ้อ ช่างมันเถอะ ลูกชายของข้าคงจบชีวิตลงที่นั่น ข้าคงต้องยอมรับ"
ผู้อยู่อาศัยปฏิเสธที่จะแสดงความเกี่ยวข้องกับเขาวงกตที่ อย่างไรก็ตามเหล่าผู้เล่นไม่สามารถทนต่ออยากรู้อยากเห็นของพวกเขาได้
"ข้าจะไป ในทวีปแห่งนี้ ระดับมาตรฐานกลุ่มของข้านั้นไม่ธรรมดา"
เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนับตั้งแต่เปิดตัวรอยัลโร้ด ปาร์ตี้ของเหล่าผู้เล่นชื่อดังที่มีเลเวล 200 เข้าสู่เขาวงกตของร็อดเดอริก พวกเขาพิชิตดันเจี้ยนที่อันตรายและมีระดับสูงมาแล้วมากมาย แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความโลภจากการสร้างชื่อเสียงให้กับพวกเขาในการผจญภัยที่ท้าทายและยากลำบากนี้ เหล่าผู้เล่นแต่ละคนมีความสามารถในระดับหนึ่งและเต็มไปด้วยความมั่นใจ
และผลลัพธ์ก็คือตายยกทีม!
- ภารกิจล้มเหลว พวกเราทุกคนเสียชีวิตในบริเวณชั้นใต้ดินที่ 1
มาตรฐานของเหล่าผู้เล่นยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลาผ่านไป ฝ่ายต่างๆก็ยังคงมุ่งหน้าท้าทายต่อไป ปาร์ตี้ที่มีเลเวล 300 และแม้กระทั่ง เลเวล 400 ตายอนาถเช่นเคย สิ่งที่น่ากลัวคือเมื่อพวกเขาเข้าไปในเขาวงกต มันไม่ง่ายเลยที่จะกลับออกมาแบบมีชีวิตรอด
เขาวงกตที่ 8 ไม่เพียงแต่มีกับดักจำนวนมากเท่านั้น มอนสเตอร์ในเขาวงกตของร็อดเดอริกนั้นมีเลเวลสูงผิดปกติ นอกจากนี้ครั้งสุดท้ายเขาวงกตของร็อดเดอริกถูกท้าทายโดยกิลด์ขนาดกลางชื่อดาราสนธยา
มีคนเข้ามาจำนวน 600 คนและถูกฆ่าตายทั้งหมด! กิลด์ดาราสนธยาล้มเหลวในการท้าทายทำให้เกิดความขัดแย้งภายในและสูญเสียเมืองที่พวกเขาปกครอง
"เขาวงกตของร็อดเดอริกดูเหมือนจะยากเกินไปสำหรับข้า"
"ไม่ จนถึงตอนนี้ เจ้าทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า"
- ไม่สามารถเลื่อนหรือยกเลิกคำร้องขอที่เกี่ยวข้องกับความงามที่เปล่งประกายระหว่างทำภารกิจได้ จงดำเนินภารกิจของท่านต่อไป

"จอมเวทย์ร็อดเดอริกเป็นคนที่แปลกสุดๆ เขามีงานอดิเรกในการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ และชอบงานศิลปะ"
วีดคิดว่ามันไม่มีเหตุผลมากเกินไป แต่เขาก็ยังฟังข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับเขาวงกตของร็อดเดอริกอย่างตั้งใจ
"ร็อดเดอริกเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งและมีความอยากรู้อยากเห็นมากมาย เขาเป็นอัจฉริยะที่พัฒนาคาถาใหม่ๆและผสมผสานเวทมนตร์ประเภทต่าง ๆ เขายังสนใจในการวิจัยของประติมากรว่าจะแสดงความงามที่เปล่งประกายได้อย่างไร"
ชายชรายังคงอธิบายอีกนาน
ร็อดเดอริกดื่มเหล้ากับประติมากรและรับฟังความกังวลของพวกเขา มีความคืบหน้าสำคัญในการวิจัยเพื่อแสดงความงามที่เปล่งประกาย แน่นอนว่าเนื้อหาของข้อมูลนั้นเป็นความลับและเป็นที่รู้กันเฉพาะผู้เข้าร่วมและร็อดเดอริก
เหล่าประติมากรศึกษาเพื่อแสดงความงามที่เปล่งประกายเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ตอนนี้ไม่มีผู้ที่ล่วงรู้ผลของการศึกษานั้น ร็อดเดอริกผู้ที่เต็มไปด้วยความใคร่รู้ จึงสูญเสียการควบคุมสิ่งที่เขาอัญเชิญออกมา ... ช่างโชคร้ายยิ่งนัก
แต่เดิมวีดก็มีส่วนที่คล้ายคลึงกัน เขากลายเป็นคนหยิ่ง ผู้มีความภาคภูมิ จนหลงผิดมุ่งหน้าเดินสู่เส้นทางแห่งความพินาศ
'มันเป็นการตัดสินใจของฉันที่เลวร้ายที่สุด ตอนเลือกซื้อเกลือราคาแพงกว่า 200 วอน ตั้ง 200 วอนเลยนะเว้ย'
ชายชราถอนหายใจยาว
เขาได้อัญเชิญปีศาจออกมาเพื่อศึกษาพลังของมัน แต่การต่อสู้แผ่ขยายออกไป
"ปะ ปีศาจ ..."
"ร็อดเดอริกผู้ศึกษาเวทมนตร์รู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะมันได้ เขาจึงทำการปิดดันเจี้ยนจากภายนอก ผู้คนสามารถเข้าไปได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะออกมา ... "
วิดีโอแสดงต่อหน้าวีด
**************************
จอมเวทย์และปีศาจกำลังต่อสู้กัน
เวทมนตร์ที่น่าสยดสยองระเบิดออกมาจากไม้เท้าทุกครั้งที่นักเวทย์ร่านมนต์คาถา ปีศาจถูกแช่แข็งและถูกเผาด้วยไฟ ลำตัวมีหางยาวและปีกปีศาจสีดำ แม้จะถูกโจมตีด้วยเวทย์มนตร์ระดับสูง แต่ก็ไม่ได้รับบาดแผลขนาดใหญ่
จอมเวทย์ร็อดเดอริกมีอัศวินมนุษย์มากมายคอยปกป้องเขา การต่อสู้เกิดขึ้นและพวกเขาถูกชักจูงไปสู่ความตายทันทีที่เด็กปีศาจถูกอัญเชิญ อัตราการสูญเสียเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งร็อดเดอริกเปิดใช้งานเวทย์มนต์ป้องกันที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า
"ด้วยรวมพลังแห่งมานาอันมหาศาลนี้ จงเข้าควบคุมมิติอันบิดเบี้ยว ทำให้ปีศาจตนนี้ไม่สามารถเข้าสู่โลกมนุษย์ได้ตลอดไปหรือกลับไปที่นรก"
"มันเป็นไปไม่ได้  อ้ากกกกกกกกกกกก!"
ร็อดเดอริกเสียชีวิตให้กับเจ้าปีศาจ
และมิติในดันเจี้ยนเกิดการบิดเบี้ยวเนื่องจากเวทย์มนต์ของเขา หากมีคนเดินไปตามเส้นทาง พวกเขาก็จะมุ่งหน้าสู่สถานที่ที่ผิดแปลกออกไป เส้นทางรองหลายสายจำนวนนับไม่ถ้วนจะปรากฏขึ้นและบางคนอาจจะไปปรากฏบริเวณชั้นที่ 2
ไม่มีใครค้นพบประตูทางออกสู่ดันเจี้ยนแห่งนี้ เมื่อเข้าไปข้างในเขาวงกต มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหาทางออกและผู้คนจะตายจากการโจมตีของปีศาจหรือกับดัก ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทุกคนที่เข้าสู่เขาวงกตจะไม่เคยได้ออกมาอีกเลย
เขาวงกตของร็อดเดอริกสร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์ที่ไม่เหมือนใครทำให้มันมีขนาดใหญ่และแพรวพราว แต่เดิมร็อดเดอริกได้สร้างมันขึ้นมาภายใต้เศษซากพระราชวังที่ล่มสลาย
*************************
วีดจำการออกอากาศที่เขาได้ดูจากการต่อสู้ของกิลด์ดาราสนธยาที่เขาวงกต
วิดีโอของพวกเขาที่ต่อสู้กับปีศาจ เป็นอะไรที่สุดยอด เรตติ้งก็ค่อนข้างสูง '
อันที่จริง มันแสดงฉากการตายสุดเจ๋งซะมากกว่า นอกจากนี้ยังมีการต้อนรับของร็อดเดอริกเขาวงกตเต็มไปด้วยมอนสเตอร์และความท้าทายมากมาย
สาเหตุของการปรากฏตัวของพวกมันก็เพื่อบั่นทอนพลังชีวิต และปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นแม้ว่าพวกเขาจะหายไปหลังจากถูกฆ่าตาย
'พวกมันไม่ดรอปไอเทมอะไรเลย  .... มันเป็นมอนสเตอร์ที่โคตรเห้เกินกว่าจะบรรยาย'
มอนสเตอร์กลายพันธุ์ที่ร็อดเดอริกศึกษาได้รับการปลดปล่อยและพวกมันก็มีเวทย์มนตร์พิเศษเพื่อปกป้องตัวเอง
มันเป็นเขาวงกตที่กว้างใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุดแห่งความสิ้นหวังและความตาย! เขาได้รับความรู้สึกนั้นจากการดูวิดีโอเขาวงกตของร็อดเดอริก แม้ว่าบางคนสามารถพิชิตเขาวงกตได้ แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือการออกไปข้างนอก
หากวีดเสียชีวิต ทักษะความเชี่ยวชาญของเขาจะลดลงและเขาจะล้มเหลวในการทำภารกิจเทคนิคลับขั้นสุดท้าย หากเขาพาพวกประติมากรรมสลักชีพมาด้วย มีแต่จะนำไปสู่ความตาย
เขาสามารถชุบชีวิตพวกมันได้อีกครั้ง แต่มันก็จบถ้าเขาไม่สามารถออกไปได้ ประติมากรรมสลักชีพของวีดอาจหายไปตลอดกาล
******************
วีดขมวดคิ้ว
"จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องศึกษาบันทึกการวิจัยของร็อดเดอริกเพื่อแสดงความงามที่เปล่งประกาย?"
"เจ้าคงเข้าใจถูกต้องแล้ว เจ้าต้องดูข้อมูลเพื่อที่จะทราบว่าประติมากรได้ทำอะไรและเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ เจ้าไม่ควรปล่อยให้มันสายเกินไปถ้ามีคนอื่นค้นพบบันทึกการวิจัยก่อน ก็มีโอกาสที่คนพวกนั้นจะสามารถหนีออกไปจากเขาวงกตก็เป็นได้ "
ตริ๊ง!
- เขาวงกตของร็อดเดอริก
มอนทัสปีศาจชั้นต่ำและผู้ใต้บังคับบัญชาของมันถูกขังอยู่ในเขาวงกต พวกมันมีความกระตือรือร้นที่จะออกไปสู่โลกใบนี้และเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพบพวกมันหากคุณเดินทางเข้าสู่เขาวงกต
การอ่านบันทึกการวิจัยของร็อดเดอริกจะนำไปสู่ภารกิจต่อไป
ระดับความยาก: ภารกิจเทคนิคลับการแกะสลักขั้นสุดท้าย
ข้อจำกัดการทำภารกิจ: ภารกิจจะล้มเหลวหากคุณตาย
จงเป็นคนแรกที่พิชิตเขาวงกตของร็อดเดอริก
"แม้ว่าข้าต้องการที่จะเติมเต็มความต้องการของเหล่าประติมากร .... "
ก่อนที่วีดจะพูดจบ ...
มันคงจะอันตราย แต่โปรดกลับมาอย่างปลอดภัย
- ได้รับภารกิจแล้ว

"....."
วีดถูกบังคับให้ต้องรับภารกิจ! มีความคิดมากมายอยู่ภายในสมองของวีด เมื่อเขาออกไปที่ถนนของโรเดียม
'ฉันคิดว่าคำขอนี้คงจะยากในระดับหนึ่ง'
เขาเดินทางไกลมากและฝึกฝนเพลงดาบประกายแสงเพื่อเทคนิคการแกะสลักลับขั้นสุดท้าย
'ทุกอย่างทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น'
จนถึงตอนนี้ภารกิจที่ได้มาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ถึงแม้ว่าการแสวงหาสาเหตุของภัยพิบัติจะมีความเสี่ยง แต่ก็ยังมีโอกาสรอดชีวิตสูง นอกจากนี้เขาสามารถเลือกและเตรียมประเภทของภัยพิบัติ
การเดินทางเป็นนกฮัมมิงเบิร์ดเพียงต้องการการเที่ยวชมในขณะที่การแสวงหาเพลงดาบประกายแสงสามารถเอาชนะได้ด้วยความพยายาม มีวันที่แน่นอน แต่วีดต้องการยกระดับเพลงดาบประกายแสงด้วยเวลาที่เหลืออีกเพียงหนึ่งสัปดาห์
เขายืนหยัดอย่างสุดความสามารถจนเขาลดจำนวนครั้งที่ต้องไปเข้าห้องน้ำในหนึ่งวัน การทำงานหนักคือความสามารถพิเศษของวีด แต่ภารกิจเขาวงกตของร็อดเดอริกนั้นเสี่ยงเกินไป
'คราวนี้มีโอกาสสูงมากที่ฉันจะล้มเหลวและสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง'
หน้าอกของวีดแน่นและตึง ในช่วงไม่นานมานี้เขายังไม่ได้ทำภารกิจที่ยากมากๆ ภารกิจปรมาจารย์ประติมากร เขาคงต้องปล่อยไปตามสถานการณ์
'ฉันหวังว่าฉันจะประสบความสำเร็จก่อนจะทำไปได้เยอะแล้ว แม้ว่าฉันจะล้มเหลวฉันก็จะลองใหม่อีกครั้ง'
วีดได้กลายมาเป็นตำนานตั้งแต่สมัยของเขาในเดอะคอนติเน้นท์ออฟเมจิค มันเป็นเพราะเขาได้รับปาฏิหาริย์เหมือนกับการผจญภัยที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามความยากลำบากของการแสวงหาเทคนิคแกะสลักลับขั้นสุดท้ายนั้นค่อนข้างสูงอย่างน่าขัน วีดคิดไปต่างๆนานา ก่อนที่เขาจะพยักหน้า
ถ้าฉันไม่เตรียมตัวอย่างถูกต้อง ฉันจะล้มเหลวในการทำภารกิจนี้ ฉันไม่สามารถปล่อยให้มันเนิ่นนานได้อีก
ในขณะนี้ เหล่าผู้เล่นยังคงพิชิตเขาวงกตของร็อดเดอริกไม่ได้ เขาวงกตเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายถึงชีวิต นักผจญภัยหลายคนจึงเต็มใจที่จะไปที่นั่น แต่ถ้ามีคนสามารถผ่านเขาวงกตของร็อดเดอริกได้แล้ว ภารกิจเทคนิคแกะสลักลับขั้นสุดท้ายจะหายไป
"รับเทคนิคลับสุดท้ายก่อนที่ปีศาจมอนทัสจะหลบหนีและสงครามทางตอนกลางก็มาจะถึงทางเหนือ"
งานที่เขาต้องทำในอนาคตนั้นไร้ขอบเขต เขาอาจรู้สึกสบายใจมากขึ้นถ้าเขาสามารถหาเทคนิคลับขั้นสุดท้ายได้ ความสิ้นหวังหรือความสุขจะอยู่ที่ปลายอุโมงค์ มันเป็นความจริงที่คุณจะเก็บเกี่ยวสิ่งที่คุณหว่านลงไปในชีวิต แต่ความพยายามก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน
"แน่นอนฉันไม่ใช่ลูกชายของตระกูลที่ร่ำรวย"
วีดมุ่งหน้าไปยังวิหารเฟรย่าในรัฐอิสระโซมูเร็น เขาต้องการนำจำนวนทหารสูงสุดเข้าสู่เขาวงกต
"หากการบริจาคของเราเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย เราสามารถเทียบเชิญอัศวินศักดิ์สิทธิ์ได้"
"ถ้าอย่างนั้นจะเป็นไปได้ไหมที่จะไปรังโจร?"
แน่นอนนั่นคือเหตุผลที่เราทำภารกิจที่เกี่ยวข้องกับวิหารเฟรย่า เราสามารถรับอุปกรณ์ที่จำเป็นจากการออกล่า
สำนักงานใหญ่ของวิหารเฟรย่าในรัฐอิสระโซมูเร็นเต็มไปด้วยผู้เล่น สถานที่นี้ไม่ได้รับความเสียหายมากมายจากสงครามในสหราชอาณาจักรบริทเท่น
"โปรดนำข้าไปหาท่านนักบวชสูงสุด"
"ท่านเดินทางมาไกล ข้าจะนำทางท่านทันที เชิญตามข้ามา"
องครักษ์และนักบวชผู้ปกป้องทางเข้ารู้จักวีดและพวกเขาก็พาเขาไปหานักบวชสูงสุดทันที
จบตอน
ผู้แปล : แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2562

เล่ม 32 ตอนที่ 1: การแผ่ขยายของอาณาจักรอาเพ่น แปลโดย Smith Rex

เล่ม 32 ตอนที่ 1: การแผ่ขยายของอาณาจักรอาเพ่น แปลโดย Smith Rex

วีดกำลังดำเนินการเข้าสู่ภารกิจสำหรับทักษะลับการแกะสลักขั้นสุดท้าย ดาบแห่งแสงที่ตัดทุกสิ่ง เพลงดาบประกายแสงก็มาถึงขั้นสูงเลเวล 2 แล้วหลังจากการฝึกฝนท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำในทะเล ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือการทำประติมากรรมธรรมชาติสำหรับการเชื่อมโยงกับภารกิจของเขา มันเป็นภารกิจที่เขาต้องทำผ่านการเป็นประติมากร!
"ถ้าฉันเป็นพ่อค้า ฉันคงจะได้รับภารกิจที่จะทำให้ฉันสามารถทำกำไรได้จากการค้าขาย การแกะสลักธรรมชาติถือว่าเป็นเรื่องยากมาก ... มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะต้องรู้สึกเป็นกังวลสินะ. "
เทคนิคที่สามารถแกะสลักธรรมชาติ! มันคือหนึ่งในความความมหัศจรรย์ที่สามารถใช้เมฆ น้ำ ลม ไม้ และแม้กระทั่งสิ่งสกปรกมาเป็นวัสดุ ริ้วแสงสีแดงจากพระอาทิตย์ตกดิน สีของใบไม้ต่างๆ หาดทรายและแม้กระทั่งหิมะที่ปกคลุมภูเขา ทุกสิ่งล้วนถูกแต่งแต้มได้โดยใช้การแกะสลักธรรมชาติ วีดเริ่มมองหาบริเวณที่เขาสามารถเติมเต็มด้วยประติมากรรมธรรมชาติ
"ฉันคงต้องทำประติมากรรมในแดนเหนือ มันจะไม่สะดวกหากสร้างในสถานที่อื่นนอกเหนือจากดินแดนทางเหนือ "
การเก็งกำไรที่ดินถือเป็นความสำคัญยามเมื่อสร้างประติมากรรม ดินแดนแห่งอาณาจักรอาร์เพ่นในแดนเหนือมีการขยับขยายอย่างต่อเนื่อง ชื่อเสียงและอิทธิพลของอาณาจักรส่งผลต่อพื้นที่โดยรอบอย่างสูงและยังเป็นประโยชน์ต่อพวกผู้เล่น เมื่อผู้เล่นมาจากอาณาจักรอาร์เพ่นได้ไปเยี่ยมเยือนหมู่บ้านอื่น ๆ เหล่าผู้ที่อยู่อาศัยจะวิ่งออกมาอย่างกระตือรือร้น
"ข้ากำลังรอคอยใครสักคนจากอาณาจักรอาร์เพ่นให้มาเยือน!"
"อา, สวัสดี"
"มีบางอย่างที่ข้าต้องการถามท่านนักผจญภัย ท่านได้นำงานศิลปะที่ยอดเยี่ยมจากอาณาจักรอาร์เพ่นติดตัวมาด้วยหรือไม่? "
ตริ้งงง!
- ศิลปะแห่งอาร์เพ่น
ประติมากร, จิตรกร, ช่างทำเครื่องปั้น ฯลฯ กำลังผลิตผลงานมากมายในโมราต้าแห่งอาณาจักรอาร์เพ่น ผู้อยู่อาศัยในแดนเหนือผู้ที่ไม่สามารถได้ยลผลงานทางศิลปะต่างรู้สึกอิจฉา
พวกเขาต้องการให้ท่านนำชิ้นงานศิลป์เหล่านั้นมา ชาวบ้านจะแสดงความเป็นมิตรกับคนแปลกหน้าถ้าคุณทำสำเร็จจะเป็นการเมตตาพวกเขา
ระดับความยาก: E
ข้อจำกัดการภารกิจ : ผู้มาเยือนหมู่บ้าน
ผู้มาเยือนต้องอาศัยอยู่ในอาณาจักรอาร์เพ่น

มันไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้นบรรดาผู้เล่นจึงตอมรับภารกิจได้อย่างมีความสุข พวกเขาได้เก็บประติมากรรมและภาพวาดจำนวนมากจากในช่วงเวลาที่อยู่ในโมราต้า ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถทำภารกิจเสร็จได้ทันทีที่ได้รับ
ชาวบ้านต้องการจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยที่อันตราย ณ ดินแดนที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก และการแลกเปลี่ยนกับพ่อค้า พวกผู้เล่นที่ทำภารกิจเสร็จสิ้นจะช่วยฟื้นฟูสันติภาพ และการค้านั้นได้เปิดหัวใจของชาวบ้านเหล่านั้นสู่อาณาจักรอาร์เพ่น

- ผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณแม่น้ำคาร์เมลมองหาอาณาจักรอาร์เพ่น
พวกเขาเป็นชนกลุ่มน้อยที่หาอาหารได้จากการตกปลา พวกเขาสร้างบ้านสูงบนแม่น้ำเพื่อหลีกเลี่ยงการคุกคามของพวกมอนสเตอร์
ชาวประมงผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับชนิดสายพันธุ์ต่างๆในแม่น้ำ ดวงตาของพวกเขาได้เปิดกว้างให้กับวัฒนธรรมต้องขอบคุณอาณาจักรอาร์เพ่น แม้นจะเป็นชนกลุ่มน้อยแต่พวกเขาก็กระตือรือร้นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอาร์เพ่น
หมู่บ้านเล็ก ๆ และรกร้างจะต้อนรับเหล่าผู้อพยพ
ผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่น : ปลาน้ำจืด 17 สายพันธุ์
จำนวนประชากร: 63
ภาษีต่อเดือน: 3 เหรียญทอง

- ชาวบ้านแห่งหมู่บ้านไนเอซานจ้องมองไปยังอาณาจักรอาร์เพ่น
ชาวบ้านสามารถขอรับรายได้จากการตัดไม้และเก็บเห็ดในป่า ในขณะนี้เส้นทางการค้าเริ่มถูกสร้างขึ้น และจะมีการแลกเปลี่ยนกับพ่อค้าบ่อยขึ้น
ชาวบ้านต้องการสิ่งที่ดีและปรารถนาต้องการค้าขายกับอาณาจักรอาร์เพ่น หมู่บ้านนี้มีความเคารพต่อราชาแห่งอาณาจักรอาร์เพ่น และอยากจะอยู่ภายใต้การปกครองของพระองค์
ผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่น: ไม้ เห็ด
จำนวนประชากร: 319
ภาษีต่อเดือน: 536 ทอง

อาณาเขตของอาณาจักรอาร์เพ่นกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ยังไม่มีผู้ครอบครองหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดินิฟเฮมถูกกลืนเข้ามาอยู่ในอิทธิพลของอาณาจักรอาร์เพ่น นอกจากนี้พวกผู้เล่นต่างก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอันมาก
"ในสมัยก่อน ไม่มีแขกที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในหมู่บ้าน และตอนนี้ข้ากลับได้รับการต้อนรับอย่างเต็มที่"
"เพียงข้าพูดออกไป พวกเขาก็จะตอบรับทันที"
"เฮ้ เมื่อวานนี้เด็กที่อยู่แถวนั้นมอบดอกไม้ให้ข้าเพื่อเป็นของขวัญ"
อิทธิพลของอาณาจักรอาร์เพ่นถือเป็นประโยชน์ต่อเหล่าผู้เล่น มีการพัฒนาและขยายทางการค้าในแดนเหนือ
"ข้าต้องการแสดงความจงรักภักดีต่อราชาแห่งอาณาจักรอาร์เพ่น ผู้ที่ทำหลายสิ่งอย่างมากมายสำหรับดินแดนทางตอนเหนือนี้"
"ท่านเป็นราชาผู้ที่สัตย์ซื่อและมีเกียรติ"
บรรดาเจ้าเมือง NPC และขุนนางต่างเข้าร่วมกับอาณาจักรอาร์เพ่น ถึงแม้ดินแดนจะขยับขยาย แต่กำไรจากการค้าของประชาชนก็ยังคงเล็กน้อยอยู่
วีดนั้นมีความอ่อนไหวมากเกี่ยวกับภาษีและจำนวนเงินที่จ่ายให้บรรดาเจ้าเมืองซึ่งก็ได้ปรับลดลงไปแล้ว ถ้าหากเป็นหมู่บ้านที่มีขนาดเล็กภาษีจะเก็บเพียง 30 เหรียญทอง 70 เหรียญทอง และ 1,000 เหรียญทองมากสุดแค่นั้น แต่มันเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับชาวไร่ ชาวเหมือง และพ่อค้า
"หมู่บ้านไหนที่เจ้าจะไป?"
"ข้าจะไปทางทิศตะวันออก"
"สถานที่แห่งนั้นเป็นที่ราบสูง"
"ข้าจะต้องไป. ข้าจะไปเพื่อหาที่ดินของข้าเอง "
"ดี ข้าจะไปที่ภูเขาใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อหาแร่เหล็ก"
"ถ้าพื้นดินมันยุบยวบยาบ เจ้าจะตกอยู่ในอันตราย"
"ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะพวกเราได้รวบรวมคนงานเหมืองแร่จำนวน 100 คน ข้าจะทำงานจนกว่าจอบของข้าจะพัง. "
พื้นที่ที่เหล่าผู้เล่นโมราต้าอยู่นั้นค่อยๆกว้างขึ้น อัตราการเกิดของแดนเหนือทั้งหมดเพิ่มขึ้นและการผลิตขยายตัว ทหารรักษาสันติภาพให้กับหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
โมราต้าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอาร์เพ่น และตอนนี้หมู่บ้านขนาดกลางหลายแห่งเริ่มปรากฏออกมาให้เห็น ร้านค้าที่หรูหรา การสร้างที่อยู่อาศัยและโรงงานผลิตถูกสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานของเมืองหลวงแห่งอาณาจักร อาคารที่สวยงามถูกสร้างขึ้นและทำให้เมืองมีรูปลักษณ์ที่โรแมนติกและมีเสน่ห์มากขึ้น
ทั่วทั้งแดนทางตอนเหนือต่างต้อนรับอาณาจักรอาร์เพ่น ผลกระทบจากอิทธิพลของวีดก็คือเหล่าชาวบ้านจะเชื่อฟังโดยดีเพียงแค่เขาเอ่ยปาก วีดพึงพอใจกับอาณาจักรอาร์เพ่น
"การเก็งกำไรที่ดิน ... ข้าต้องสร้างประติมากรรมธรรมชาติที่สะดวกสบายสำหรับโมราต้า และป้อมปราการวาร์โก"
เขาขี่ไวท์-ทรีบินไปบนท้องฟ้าและค้นหาสถานที่ที่เหมาะสม
"ที่ดินที่ยังไม่ได้ถูกใช้ทำอะไร. สถานที่ตั้งคือทุกสิ่งทุกอย่าง "
ภูมิประเทศที่สวยงามจากภูเขาที่สูงเกินไป และแม่น้ำกว้างใหญ่ล้วนมีแนวโน้มที่จะถูกน้ำท่วม
เศษซากของจักรวรรดินิฟเฮมกระจัดกระจายไปทั่วดินแดนทางตอนเหนือ ต้นไม้เจริญเติบโตบนเมืองที่ถูกลืมจนกลายเป็นซากปรักหักพัง มีซากปรักหักพังจำนวนมากที่ยังไม่มีมนุษย์ผู้ใดเคยสัมผัสมานาน ดังนั้นพวกมันจึงกลมกลืนไปกับธรรมชาติ
"ถ้าข้าทำประติมากรรมธรรมชาติ ... ข้าคงต้องพิจารณาเมืองที่สามารถเติบโตได้ในบริเวณใกล้เคียง."
เขายังได้พิจารณาการพัฒนาด้านการคมนาคมขนส่ง เขตพื้นที่อยู่อาศัย และการออกล่า เมื่อตัดสินใจเกี่ยวกับสถานที่ สถานที่ที่วีดตัดสินใจเป็นที่โล่ง และมีแม่น้ำที่ใสสะอาดไหลไปทางทิศตะวันออกและเป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ไปทางเหนือซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สามารถพัฒนาได้ ไม่มีอุปสรรคอะไรที่ทำให้เขาไม่สามารถทำประติมากรรมธรรมชาติที่เขาต้องการได้
"มีกลุ่มมอนสเตอร์เพ่นพ่านอยู่รอบ ๆ คงจะเป็นปัญหา แต่ ... ข้าคงจะจัดการพวกมันบ้างเป็นบางครั้ง"
พลังทางทหารของอาณาจักรอาร์เพ่นกำลังขยายตัวเร็วกว่าที่คนส่วนใหญ่คาดไว้ เนื่องจากผู้เล่นหลายคนเล่นเป็นอัศวินจึงบัญชาให้เหล่าทหารสู้รบบนพื้นราบ พวกอัศวินที่เป็น NPC อิสระ(อัศวินพเนจร) ก็เดินทางมาจากทวีปกลาง ในหมู่พวกเขามีอัศวินจากอาณาจักรคัลเลอร์มอล์ปนมาด้วย เลเวลของอัศวินอิสระเหล่านี้ค่อนข้างสูงทีเดียว
บรรดาผู้เล่นที่ทำภารกิจเสร็จแล้วและได้รับรางวัลมาและสามารถเช่าอัศวินอิสระได้ กองพลอัศวินแห่งอาณาจักรอาร์เพ่นมีผู้คนถึง 1,000 นาย แต่พวกเขาไม่ได้พักผ่อน พวกเขาเก็บกวาดพวกมอนสเตอร์และช่วยให้ผู้คนตั้งถิ่นฐานและสร้างเมืองในอาณาจักรอาร์เพ่น
"ข้าจำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ผู้คนสามารถพักผ่อนได้ จนกระทั่งตอนนี้อาณาจักรอาร์เพ่นนั้นช่วยทำให้มีชีวิตรอดเพียงอย่างเดียว "
มันคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากเป็นอาณาจักรใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มจากโมราต้า และผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นก็หมดแรง ถ้าหากพวกผู้เล่นได้แลกเปลี่ยนเงินจากการออกล่า และการค้าแล้ว พวกเขาก็สมควรจะหาสถานที่พักผ่อน ดังนั้นเขาจึงได้เตรียมงานก่อสร้างสำหรับเมืองแห่งการพักผ่อนหย่อนใจและการท่องเที่ยว
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
เหล่าสกุณาต่างร้องเพลงเมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน นกสีทองตัวเล็กตัวหนึ่งสะบัดปีกและโผบินไปที่ไหนสักแห่ง
กรู กรู กรู !
จิ๊บ จิ๊บ
จุ๊กกรู กรู กรู
นกสีทองตัวนั้นขณะบินรอบกับนกที่ตัวใหญ่กว่าอยู่เสมอ ไม่คล้ายกับเป็นพวกนกธรรมดา เป็นฝูงนกกระจอกที่มีขนาดตัวเท่ากับไก่ และมีพวกนกฮูกที่เร่ร่อนอยู่ในตอนเช้า ปากและกรงเล็บแข็งแรงพอที่จะเจาะเหล็กได้ นกสีทองกำลังมุ่งหน้าไปยังลาเวียส เกาะลอยฟ้า
 “ญาติของเรากำลังจะมาถึง
"มงกุฎประกายบนศีรษะของเขา ... "
"นั่นมันเค้าหนิ"
นกที่มีสายตาดีรายงานว่านกสีทองกำลังจะมาถึง นกในลาเวียสนับสิบนับหลายพันตัวออกมาเพื่อพบกับนกสีทอง มัน ได้รับการต้อนรับที่ดีที่สุดจากเหล่านก
ขนาด รูปร่าง และสีของนกสีทอง เมื่อเทียบกับนกตัวอื่น ๆ นั้นงดงามมาก นกสีทองบินวนรอบเกาะก่อนที่จะลงจอดบนพื้นดิน มันเกาะอยู่บนกิ่งไม้หลังจากร่อนลงมายังลาเวียส
"มันช่างยาวนานยิ่งนัก เหล่าลูกหลานของข้า "
ชาววิหคพยักหน้า แต่น่าเสียดายที่ความจำของพวกเขาไม่ดี หลังจากที่เกิดมาพวกเขาจะไม่อาจรู้ว่าพ่อแม่หรือพี่น้องของพวกเขาเป็นใคร แต่พวกเขาไม่ลืมเรื่องราวของวิหคทอง นกตัวแรกที่ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิเกฮาร์วอนอาร์เพ่น
เหล่าประติมากรรมและภาพวาดที่สรรเสริญวิหคทองยังคงอยู่ในลาเวียส ในอดีตเมื่อวีดมาถึงลาเวียส เขาไม่ได้ปีนขึ้นไปถึงรัง ผู้เล่นบางคนปีนขึ้นไปและค้นพบการดำรงอยู่ของวิหคทอง ในที่สุดตำนานที่ว่านี้ก็ได้กลับมาเยือนลาเวียส
"ข้ามาที่นี่เพราะมันถึงเวลาที่เราต้องอพยพกันแล้ว"
มนุษย์วิหคบินขึ้นโดยรอบตามคำพูดของวิหคทอง มนุษย์วิหคกระพือปีกของพวกมันขณะที่ม้วนตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาถึงจำนวนประชากรของตระกูลนก บ้านถูกสร้างขึ้น ณ ใจกลางของเกาะและร้านค้าที่ใช้ทำการค้าขาย แต่ยังมีนกบางตัวที่ไม่อยากทิ้งรังของพวกมันไป
นกมากกว่า 100 ตัวมีงานอดิเรกคืออาศัยอยู่ในต้นไม้และร้องจิ๊บ ๆ ! พวกนกที่ดุร้ายมักจะต่อสู้อยู่ในป่าและอาจจะเข้าสู่การต่อสู้ในดันเจี้ยนที่ยากลำบาก และออกล่าในพื้นที่ล่าของลาเวียส นอกจากนี้ยังมีไข่ที่ยังไม่ได้ฟัก นกจำนวนมากที่เดินไปมายังไม่รู้จักภาษาคน
ปิก้า ?
จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ !
บรรดานกที่อยู่ในลาเวียสวนไปรอบ ๆ กระพือปีกของพวกมันและก่อให้เกิดเสียงดังมาก พวกนกที่อยู่บนพื้นยังคงกระพือปีกของพวกมันวุ่นวาย หมู่บ้านบารันที่อยู่ด้านล่างบนพื้นดินไม่ได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า นับตั้งแต่หมู่บ้านบารันตกไปอยู่ในมือของวิหารเอ็มบินยู มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่อยู่ที่นั่น
"อะไรน่ะ?"
"อู้ว ดูเหมือนจะเกิดเหตุการณ์บางอย่าง"
"แล้วมันคืออะไร? พวกเราไม่สามารถไปใกล้พื้นที่ตรงนั้นได้ "
ตามถนน ต้นไม้ และขอบกั้นของลาเวียสเต็มไปด้วยนก พวกผู้เล่นไม่สามารถเข้ามาใกล้บริเวณนี้ และกำลังมองจากระยะไกล วิหคทองทำให้พวกเขาสงบลงก่อนพูดออกมาว่า
"ทวีปแห่งนี้กำลังตกต่ำอยู่ในความสับสน มนุษย์กำลังคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดดังนั้นชนชาวเราจึงไม่สามารถนิ่งเฉย เอาแต่เฝ้าดูอยู่ได้ "
โดยปกติเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว มนุษย์จะตบมือและเชียร์
จิ๊บ จิ๊บ
ปุก้า ปุก้า
แกว๊ก แกว๊วก แกว๊วก!
พวกนกที่ยังเล็กและหนุ่มสาวกางปีกของพวกมันและร้องออกมาในสิ่งที่ตนเห็นด้วย
"วันนี้พวกมนุษย์ในอาณาจักรโรเซนไฮม์ไม่ได้ทำฟาร์มอย่างดีเหมือนแต่ก่อน"
"มันช่างยากเสียเหลือเกินกับการที่จะหาข้าวที่เต็มไปด้วยสารอาหาร"
"ข้าไม่ชอบกินหนอน ... "
มนุษย์วิหคมักเลือกรสชาติอันหรูหรา พวกมันประสบปัญหาเมื่อพวกมนุษย์เข้าสู่สงคราม ตอนนี้วิหคทองเป็นผู้นำที่ส่งผลต่อชะตากรรมของทั้งเผ่าพันธุ์
"พวกเราจะไปทางเหนือ"
"มีอะไรอยู่ทีนั่นน้อ?"
นกสีเหลืองตัวน้อยน่ารักถามออกมา
"มีพืชพันธุ์ชั้นดีที่นั่นและเจ้าสามารถกินได้มากเท่าที่เจ้าต้องการ"
เหล่ามนุษย์วิหคตัดสินใจที่จะอพยพเนื่องจากคำกล่าวนี้! พวกมันไม่ต้องการเก็บสัมภาระ และบินไปสู่ทางเหนือ ด้วยวิธีการดังกล่าวอาจจะเป็นไปได้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น บ่ายวันนั้นเกาะท้องฟ้าลาเวียสเริ่มเคลื่อนที่
ทั้งเกาะกำลังลอยผ่านน่านฟ้าไปตามทางทิศเหนือ ดันเจี้ยน พื้นที่ล่า และร้านค้าทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายไปพร้อมกัน
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

"มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนี้เพียงลำพัง คงต้องเอาเจ้าเหลืองมาด้วยสินะ! "
เขาระลึกถึงการมีตัวตนของเจ้าเหลืองทุกครั้งที่ต้องทำงานหนัก วีดตัดสินใจรายงานความสำเร็จของภารกิจเพลงดาบประกายแสงในโรเดียมเป็นที่แรกก่อน
"ข้าได้พัฒนาการแกะสลักของข้าเพื่อปกป้องทวีปเวอร์เซลล์"
มันคงเป็นสัญชาตญาณในการพยายามเพื่อจะเพิ่มความสนิทสนมของเขา
- ดาบแห่งแสงที่แยกทุกสิ่งอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ประติมากรที่มีชื่อเสียงท่านวีด ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาเป็นอัจฉริยะด้วยดาบ
เพลงดาบประกายแสง.
ลำพังแค่การตวัดดาบของเขาก็เพียงพอที่จะเดินทางไปในทวีปและฆ่าคนชั่วร้าย

-ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 850.

- เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น

- ค่าความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 6

- ค่าความว่องไวเพิ่มขึ้น 5

- คุณได้เอาชนะพายุที่รุนแรงและประสบความสำเร็จในการฝึกดาบของคุณ
-ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 3

มุมมองของชายชราในโรเดียมเปลี่ยนไป ตอนแรกวีดเป็นเพียงผู้เล่นทั่วไป แต่ตอนนี้เขาได้รับการยกย่องให้เป็นประติมากรอัจฉริยะ
"เจ้าทำได้ดีมาก ช่างยอดเยี่ยม ด้วยสิ่งเหล่านี้ มันจึงเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่เจ้าผู้ที่แสดงประกายอันงดงามเช่นนี้ เฉกเช่นในประติมากรรมอื่น ๆ ... .. "
"ข้ายังคงอยู่ในขั้นตอนของการสร้างมันขึ้นมา"
"ข้าเชื่อในตัวเจ้า และจะรอ ถ้าเจ้าทำสิ่งนี้สำเร็จ ข้าจะมอบความไว้วางใจและมอบภารกิจสำคัญให้กับเจ้า จงทุ่มเทในการแกะสลักต่อไปเถอะ "
"ตกลง."
วีดทำประติมากรรมอยู่เสมอเพื่อให้เขามั่นใจเกี่ยวกับทักษะของเขา เขาไม่คิดว่าการฝึกฝนในพายุเป็นเรื่องยากอะไรนัก ลืมความแข็งแกร่งและความเมื่อยล้า ต้นกำเนิดแห่งความคิดของเขาคือ เงิน!
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
วีดกลับไปยังแดนเหนือพร้อมกับเจ้าเหลืองเพื่อทำประติมากรรมธรรมชาติของเขา
"ฉันไม่ต้องคิดมากเกินไป ทั้งหมดที่ฉันต้องนึกถึงก็คือท้องฟ้า ผืนดิน และดอกไม้ "
เขาทำเมฆออกจากน้ำในแม่น้ำเพื่อสร้างประติมากรรมธรรมชาติของเขา มันต้องใช้เวลาแต่มันก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับตอนที่เขาทำในครั้งแรก แต่นี่มันเป็นที่ดินขนาดใหญ่จึงทำให้การแกะสลักไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
"มันยังขาดไปหลายส่วน ... มันไม่สามารถเป็นรูปสลักธรรมชาติที่แท้จริงโดยไม่ซับซ้อนมากเกินไป"
ธรรมชาติจะสวยงามมากขึ้นเมื่อปราศจากการสัมผัส เป้าหมายของภารกิจคือรังสรรค์ความงามตามธรรมชาติหลังจากเวลาผ่านพ้นไป ประติมากรรมของวีดในปัจจุบันจำเป็นจะต้องแสดงความงดงามออกมาแม้หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน นั่นจึงทำให้เป็นเรื่องที่ยากขึ้น
"ความงามแห่งธรรมชาติต้องมีชีวิตชีวา"
เป็นแหล่งพลังอันอุดมสมบูรณ์ และภูมิทัศน์ที่ยอดเยี่ยมที่สามารถบรรเทาความกังวลทั้งหมดในใจของผู้คน
"สถานที่แห่งนี้…"
วีดตัดสินใจอย่างชัดเจนในเรื่องของประติมากรรมธรรมชาติ รูปแบบของแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง หรือแสงออโรราเป็นธรรมชาติที่สวยงาม เขามีความทรงจำควรค่าแก่การระลึกนึกถึงเมื่อยามพลบค่ำ แต่มีบางส่วนหายไปเมื่อพยายามรู้สึกถึงพลังของธรรมชาติ
"มีภาพที่ฉันอยากเห็นอย่างน้อยสักครั้งหนึ่ง"
เขาไม่จำเป็นต้องจินตนาการว่าประติมากรเป็นอาชีพที่สามารถแสดงออกถึงสิ่งที่เขาจินตนาการได้!  'ทักษะประติมากรจำนวนมากมายจะต้องถูกใช้เพื่อการนี้. "
"ธรรมชาติ…."
วีดตัดสินใจที่จะไม่คิดแบบมนุษย์ เขาตัดสินใจที่จะใช้ประสบการณ์ก่อนหน้านี้ในฐานะนกฮัมมิ่ง หมาป่า หรือจิงโจ้ เป็นตัวอย่าง
ประติมากรรมจำแลงช่วยให้เขาสามารถเปลี่ยนร่างและมองโลกจากมุมมองของสายพันธุ์นั้น มนุษย์พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเพื่อให้เหมาะกับความสะดวกสบายของตน แต่สัตว์ต้องปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ
"ถ้าฉันอาศัยอยู่ที่นี่ ... "
หนองบึงในมุมมองของซาลาแมนเดอร์ แม่น้ำใหญ่ไหลผ่านที่นี่ แต่การไหลของน้ำรวดเร็วและระดับน้ำสูง ไม่น่าจะเกิดน้ำท่วมมากนัก ดังนั้นจึงไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกจากมุมมองของมนุษย์ ตอนนี้วัชพืชเติบโตไปทั่วและพวกสัตว์ก็ยังไม่ได้มาถึงดินแดนกว้างใหญ่นี้
"ฉันควรสร้างพื้นที่ลุ่มน้ำ ชื้นและหนองบึงที่บริเวณตื้น ๆ ของแม่น้ำตัดผ่าน
วีดรีบทำงานของเขา
"ประติมากรรมภัยพิบัติแห่งธรรมชาติ!"
เขาใช้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ครึก รึก ครืนนนนนนนนนนนนน!
ผืนดินกำลังจมลึกลงไปขนาดล่มเมืองหรือยุ้งฉางได้เลยทีเดียว มันเป็นภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่สามารถทำลายพื้นดินได้
"อุฮุฮุ ที่ดินล้ำค่าของฉัน"
มันเป็นงานที่เจ็บปวดในขณะที่วีดกำลังเฝ้าดูอยู่ รอยแยกเกิดขึ้น และแม่น้ำไหลเข้ามาทำให้บึงถูกสร้างขึ้น มันคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากที่หนึ่งที่เคยมีภูมิทัศน์อันเงียบสงบและสวยงามตอนนี้กลับเห็นแต่ความทรุดโทรม
"เวลาจะแก้ไขปัญหานี้ ธรรมชาติที่แตกสลายจะถูกฟื้นคืนเมื่อเวลาผ่านไป  ขณะที่ฉันต้องเดินหน้าต่อ มีหลายตัวแปรดังนั้นฉันคงต้องจัดการมันทุกรายละเอียด "
ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพึ่งพาความรู้สึกของเขา ในขณะเดียวกันก็อาศัยที่วีดเคยได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ และได้เห็นสัตว์นานาชนิด
"ถ้ามีบึง สัตว์ และพืชหลายชนิดสามารถอาศัยอยู่ที่นั่นได้ ต้นกกจะเริ่มโตขึ้นก่อตัวเป็นดง ... และมันคงจะดีถ้ามีป่าหนาแน่น "
วีดให้เจ้าเหลืองไถหน้าดิน ในขณะที่เขาหว่านเมล็ดและพืชผล แต่แตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา เขาให้เจ้าเหลืองกินอาหารที่ปรุงพิเศษและยัง ลูบหัวของมัน มีเหตุผลสำหรับการแสดงออกพฤติกรรมความรักเป็นอย่างยิ่ง
มออออ นี่ไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ต้นองุ่นกินคนจากป่าเอลฟ์หรอกหรือนายท่าน ? "
"ข้าไม่รู้ ข้าได้มันมาอย่างไร เพียงแค่ปลูกมันก็เท่านั้น. "
"พวกเอลฟ์บอกว่ามันจะโตสูงกว่า 70 เมตร ... มออออ"
"หว่านๆไปเถอะ!"
รากต้นไม้ที่แข็งแรงจะทำให้เติบโตได้ดี
"เหล่าสรรพสัตว์จะอาศัยอยู่ที่นี่ ฝนและสายลมจะทำส่วนที่เหลือ"
วีดทำงานในพื้นที่กว้าง แต่ยังคงมีพื้นที่เหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเขาตกแต่งได้ดีมันก็อาจกลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่ยิ่งใหญ่สำหรับ โมราต้า ปัจจุบันเกษตรกรไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้เนื่องจากมีมอนสเตอร์เพ่นพ่านไปมา เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความอดทนในขณะที่สร้างหนองบึง และป่า
"ฉันจะทำอะไรได้บ้างจาก ณ จุดนี้?"
เวลานี้มันมาจากมุมมองของเจ้าของที่ดิน!
"ฉันไม่ควรจะ ... "
ทุ่งน้ำแข็ง, ป่า, ทะเลทรายและธารน้ำแข็ง เป็นสถานที่ที่ผู้คนยากจะอาศัยอยู่ได้ แต่การมีอยู่ของสถานที่เหล่านั้นมันก็หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้คนจะอาศัยอยู่ที่นั่นและมูลค่าที่ดินก็จะไม่เพิ่มขึ้น
"มันยังคงเป็นปัญหา แต่ฉันยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างประติมากรรม"
มันอาจไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ หนองบึงไม่สามารถวางถัดจากทะเลทรายหรือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหิมะได้  ธรรมชาติต้องกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ
"ถ้านี่ไม่ใช่กรณีที่สุดโต่ง ... คงไม่มีเจ้าของที่ดินสักคนต้องการ"
เมื่อการทรุดตัวของแผ่นดินเสร็จสิ้น เขาก็วางหินเพื่อควบคุมการไหลของน้ำ
 “มนุษย์ดิน!”
"ตามที่ท่านเรียกหา"
มนุษย์ดินโผล่ออกมาจากพื้นดิน
พวกธาตุยังไม่มีพลังเต็มที่ตอนที่วีดให้กำเนิดมัน มันจึงเป็นเหมือนเด็กน้อยที่ยังไม่รู้ประสีประสา แต่วีดมักเรียกมันออกมาบ่อยๆ เพื่อเสริมสร้างความสามารถของมัน มนุษย์ดินสามารถใช้เวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินและการเคลื่อนไหวของมันก็เร็วขึ้น เมื่อทำงานสำเร็จทุกอย่างก็จะย้อนกลับไปหามันโดยตรง แต่รูปลักษณ์เดิมของมันกลับไม่เคยเปลี่ยน
"วางหินไว้ตรงนี้"
"โปรดบอกข้าเถิด ขนาดและจำนวนที่นายท่านต้องการ"
"ยิ่งใหญ่ยิ่งดี จำนวนสัก  30,000 น่าจะพอมั้ง? และสีควรเป็นสีแดงหรือสีน้ำตาล "
วีดเป็นเจ้านายของมัน ดังนั้นเจ้าธาตุจึงรับทำงานตามหน้าที่ของมันอย่างสงบ
 “ขอรับนายท่าน.
จุดแข็งเกี่ยวกับธาตุคือการเชื่อฟัง การอัญเชิญมนุษย์ดินก็เหมือนกับได้แรงงานมา 60 คน ก้อนหินที่ฝังลึกใต้พื้นดินหรืออยู่ไกลออกไปกลับถูกดึงเข้ามาด้วยเวทมนตร์
แน่นอนว่าเจ้ามนุษย์ดินต้องยืมมานาของเขาในการทำงาน มานาของวีดไหลออกมาดั่งสายน้ำ ในที่สุดเจ้ามนุษย์ดินก็ยืมมานาจากวีดน้อยลง
ก้อนหินโผล่ขึ้นมาตรงบริเวณใจกลางถัดจากหนองบึงนั้น
"ขนาดเท่านี้จะพอไหมน้า?"
หัวใจของวีดไม่ได้ชื่นชมก้อนหินที่ถูกย้ายโดยเจ้ามนุษย์ดินเลยแม้แต่น้อย กลับเพียงแค่พิจารณาขนาดของพื้นที่ ขนาดของก้อนกรวดกำลังดี เขาต้องการสร้างภูมิทัศน์ที่น่าชื่นชม!
 “ไม่ ต้องใหญ่กว่านี้  ก้อนหินควรเอามาจากภูเขา มันจะเป็นไปได้ไหม ? "
"มันเป็นไปไม่ได้ที่จะนำหินขนาดใหญ่เหล่านั้นมาได้ด้วยความสามารถของข้าน้อย"
"ข้าก็คิดว่าอย่างนั้น"
การนำก้อนหินมาวางจำเป็นต้องใช้ปริมาณมานาเป็นอันมาก
"แต่ก้อนหินสามารถสร้างขึ้นมาจากทรายได้"
"ข้าจะทำมันทันที"
หินทรายสีแดงที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ในพื้นที่ทะเลทราย! เจ้ามนุษย์ดินทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อสร้างหินทรายสีแดงในบริเวณพื้นที่แห่งนี้ ในขณะที่วีดแกะสลักประติมากรรมของเขาต่อไป
"ข้าควรจะจัดการให้ถูกต้อง การแกะสลักธรรมชาติ! "
เฉพาะน้ำตื้นที่ไหลลงสู่พื้นที่ลุ่มน้ำที่วางแผนไว้เท่านั้น เขาใช้การการแกะสลักธรรมชาติ เพื่อทำให้เกิดหมอกจากน้ำและอุดตันช่องน้ำ
"มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำฟาร์มที่นี่ได้อีกครั้ง"
หมอกค่อยๆแผ่ขยายออกไปเนื่องจากผลของการแกะสลักธรรมชาติ
 “มอออออออออออออ.”
เจ้าเหลืองสะบัดหางและครางออกมา
"ดูเหมือนว่ายังไม่พอ ... "
วีดไม่พอใจกับประติมากรรม แต่ภูมิประเทศของสถานที่แห่งนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเขาจึงต้องปล่อยให้มันขึ้นอยู่กับเวลา
"โดยพื้นฐานการที่จะเรียกเหล่าภูติมาได้ มันจำเป็นต้องมีสิ่งที่ดีพอ "
การทำอาหารกับน้ำผึ้งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะล่อพวกภูติเพื่อจบภารกิจ ซี่โครงน้ำผึ้งและหนังหมูอบน้ำผึ้ง! ใครได้กินมันอาจคิดว่ามันมีรสชาติที่แปลก แต่เนื้อและน้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับภูติ
"ขวดนี้มีค่าต้องใช้ให้หมดทุกหยาดหยด."
วีดเพิ่มน้ำผึ้งลงไปในเหล้าวิสกี้ หรืออาจเรียกได้ว่ามันคือ สุรากลั่นน้ำผึ้ง!
พวกภูติจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคนชั่ว เป็นการยากที่จะหาพวกเขาเจอ แต่เมื่อพวกเขาชอบใครสักคน บางครั้งพวกเขาก็จะออกมาแหย่เล่นด้วย
- ฟุด ฟิด นี่มันกลิ่นอะไร?
ภูติตนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนไหล่ขอวีด ภูติอีกตนหนึ่งกำลังนอนอยู่ในเส้นผมของเขาก็โผล่ออกมาขณะที่ดมกลิ่นไปด้วย ภูติมีขนาดเล็กกว่าแมลงวัน ภูติโดยทั่วไปมักมีขนาดเล็ก แต่ก็มีบ้างที่ตัวใหญ่เท่าขนาดของนิ้ว แม้ว่าพวกเขาจะมีขนาดเล็กแต่พวกเขากลับมีความสามารถในการรับกลิ่นที่ยอดเยี่ยม และมีปีกที่โปร่งใส
-ฟืด นี่ของข้าใช่ไหม?
"และสำหรับเพื่อนของเจ้าด้วย"
-ข้าอยากกินคนเดียว
"ข้าจะไม่ให้มัน"
- ข้าจะเอามันไป!
"มากที่สุดเท่าเจ้าต้องการเลย"
พวกภูติเปิดช่องมิติ และหายตัวไป ก่อนที่จะกลับมาในอีก 10 วินาที เพื่อไปลากตัวเพื่อนๆของมัน
-กลิ่นที่น่าหลงใหลนี้คืออะไร?
- สิ่งที่พวกเรากินได้
พวกภูติถูกดึงดูดจากอาหารที่วีดทำ พวกภูติมักจะกินอาหารสุดหรูที่ทำจากทักษะการทำอาหารขั้นสูง
- มีปลาอะไรไหม ? ข้าชอบปลา.
นี่เป็นภัตตาคารที่เหล่าภูติสามารถออกคำสั่งได้ วีดทำปลาซาร์ดีนผัดกับน้ำผึ้งราดลงไป
- ว้าว ปลาทะเล
-หวานจัง.
เหล่าภูติกินปลาซาร์ดีนหมดไป 1 ตัว เมื่อท้องของพวกเขาตึงแล้ว พวกภูติก็เริ่มแสดงความสนใจกับสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวพวกเขา
- พวกเราอยู่ที่ไหน?
- มันแตกต่างจากตอนที่ข้ามาที่นี่ครั้งล่าสุด
- มันเปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาด
- นี่เป็นสถานที่ที่พวกเราสามารถมาเล่นได้ไหม?
- ช่างซับซ้อนและน่าตื่นเต้น!
บรรดาภูติต่างก็ลงไปว่ายน้ำและเล่นซ่อนหากันในก้อนหินทราย

-ที่นี่กลายเป็นสนามเล่นของภูติ
ด้วยพลังธรรมชาติของภูติมีมากที่สุด
ภูมิประเทศจึงมีการเปลี่ยนแปลง

จบตอน
ผู้แปล : Smith Rex

Editor : แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...