วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2562

เล่ม 32 ตอนที่ 1: การแผ่ขยายของอาณาจักรอาเพ่น แปลโดย Smith Rex

เล่ม 32 ตอนที่ 1: การแผ่ขยายของอาณาจักรอาเพ่น แปลโดย Smith Rex

วีดกำลังดำเนินการเข้าสู่ภารกิจสำหรับทักษะลับการแกะสลักขั้นสุดท้าย ดาบแห่งแสงที่ตัดทุกสิ่ง เพลงดาบประกายแสงก็มาถึงขั้นสูงเลเวล 2 แล้วหลังจากการฝึกฝนท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำในทะเล ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือการทำประติมากรรมธรรมชาติสำหรับการเชื่อมโยงกับภารกิจของเขา มันเป็นภารกิจที่เขาต้องทำผ่านการเป็นประติมากร!
"ถ้าฉันเป็นพ่อค้า ฉันคงจะได้รับภารกิจที่จะทำให้ฉันสามารถทำกำไรได้จากการค้าขาย การแกะสลักธรรมชาติถือว่าเป็นเรื่องยากมาก ... มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะต้องรู้สึกเป็นกังวลสินะ. "
เทคนิคที่สามารถแกะสลักธรรมชาติ! มันคือหนึ่งในความความมหัศจรรย์ที่สามารถใช้เมฆ น้ำ ลม ไม้ และแม้กระทั่งสิ่งสกปรกมาเป็นวัสดุ ริ้วแสงสีแดงจากพระอาทิตย์ตกดิน สีของใบไม้ต่างๆ หาดทรายและแม้กระทั่งหิมะที่ปกคลุมภูเขา ทุกสิ่งล้วนถูกแต่งแต้มได้โดยใช้การแกะสลักธรรมชาติ วีดเริ่มมองหาบริเวณที่เขาสามารถเติมเต็มด้วยประติมากรรมธรรมชาติ
"ฉันคงต้องทำประติมากรรมในแดนเหนือ มันจะไม่สะดวกหากสร้างในสถานที่อื่นนอกเหนือจากดินแดนทางเหนือ "
การเก็งกำไรที่ดินถือเป็นความสำคัญยามเมื่อสร้างประติมากรรม ดินแดนแห่งอาณาจักรอาร์เพ่นในแดนเหนือมีการขยับขยายอย่างต่อเนื่อง ชื่อเสียงและอิทธิพลของอาณาจักรส่งผลต่อพื้นที่โดยรอบอย่างสูงและยังเป็นประโยชน์ต่อพวกผู้เล่น เมื่อผู้เล่นมาจากอาณาจักรอาร์เพ่นได้ไปเยี่ยมเยือนหมู่บ้านอื่น ๆ เหล่าผู้ที่อยู่อาศัยจะวิ่งออกมาอย่างกระตือรือร้น
"ข้ากำลังรอคอยใครสักคนจากอาณาจักรอาร์เพ่นให้มาเยือน!"
"อา, สวัสดี"
"มีบางอย่างที่ข้าต้องการถามท่านนักผจญภัย ท่านได้นำงานศิลปะที่ยอดเยี่ยมจากอาณาจักรอาร์เพ่นติดตัวมาด้วยหรือไม่? "
ตริ้งงง!
- ศิลปะแห่งอาร์เพ่น
ประติมากร, จิตรกร, ช่างทำเครื่องปั้น ฯลฯ กำลังผลิตผลงานมากมายในโมราต้าแห่งอาณาจักรอาร์เพ่น ผู้อยู่อาศัยในแดนเหนือผู้ที่ไม่สามารถได้ยลผลงานทางศิลปะต่างรู้สึกอิจฉา
พวกเขาต้องการให้ท่านนำชิ้นงานศิลป์เหล่านั้นมา ชาวบ้านจะแสดงความเป็นมิตรกับคนแปลกหน้าถ้าคุณทำสำเร็จจะเป็นการเมตตาพวกเขา
ระดับความยาก: E
ข้อจำกัดการภารกิจ : ผู้มาเยือนหมู่บ้าน
ผู้มาเยือนต้องอาศัยอยู่ในอาณาจักรอาร์เพ่น

มันไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้นบรรดาผู้เล่นจึงตอมรับภารกิจได้อย่างมีความสุข พวกเขาได้เก็บประติมากรรมและภาพวาดจำนวนมากจากในช่วงเวลาที่อยู่ในโมราต้า ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถทำภารกิจเสร็จได้ทันทีที่ได้รับ
ชาวบ้านต้องการจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยที่อันตราย ณ ดินแดนที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก และการแลกเปลี่ยนกับพ่อค้า พวกผู้เล่นที่ทำภารกิจเสร็จสิ้นจะช่วยฟื้นฟูสันติภาพ และการค้านั้นได้เปิดหัวใจของชาวบ้านเหล่านั้นสู่อาณาจักรอาร์เพ่น

- ผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณแม่น้ำคาร์เมลมองหาอาณาจักรอาร์เพ่น
พวกเขาเป็นชนกลุ่มน้อยที่หาอาหารได้จากการตกปลา พวกเขาสร้างบ้านสูงบนแม่น้ำเพื่อหลีกเลี่ยงการคุกคามของพวกมอนสเตอร์
ชาวประมงผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับชนิดสายพันธุ์ต่างๆในแม่น้ำ ดวงตาของพวกเขาได้เปิดกว้างให้กับวัฒนธรรมต้องขอบคุณอาณาจักรอาร์เพ่น แม้นจะเป็นชนกลุ่มน้อยแต่พวกเขาก็กระตือรือร้นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอาร์เพ่น
หมู่บ้านเล็ก ๆ และรกร้างจะต้อนรับเหล่าผู้อพยพ
ผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่น : ปลาน้ำจืด 17 สายพันธุ์
จำนวนประชากร: 63
ภาษีต่อเดือน: 3 เหรียญทอง

- ชาวบ้านแห่งหมู่บ้านไนเอซานจ้องมองไปยังอาณาจักรอาร์เพ่น
ชาวบ้านสามารถขอรับรายได้จากการตัดไม้และเก็บเห็ดในป่า ในขณะนี้เส้นทางการค้าเริ่มถูกสร้างขึ้น และจะมีการแลกเปลี่ยนกับพ่อค้าบ่อยขึ้น
ชาวบ้านต้องการสิ่งที่ดีและปรารถนาต้องการค้าขายกับอาณาจักรอาร์เพ่น หมู่บ้านนี้มีความเคารพต่อราชาแห่งอาณาจักรอาร์เพ่น และอยากจะอยู่ภายใต้การปกครองของพระองค์
ผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่น: ไม้ เห็ด
จำนวนประชากร: 319
ภาษีต่อเดือน: 536 ทอง

อาณาเขตของอาณาจักรอาร์เพ่นกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ยังไม่มีผู้ครอบครองหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดินิฟเฮมถูกกลืนเข้ามาอยู่ในอิทธิพลของอาณาจักรอาร์เพ่น นอกจากนี้พวกผู้เล่นต่างก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอันมาก
"ในสมัยก่อน ไม่มีแขกที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในหมู่บ้าน และตอนนี้ข้ากลับได้รับการต้อนรับอย่างเต็มที่"
"เพียงข้าพูดออกไป พวกเขาก็จะตอบรับทันที"
"เฮ้ เมื่อวานนี้เด็กที่อยู่แถวนั้นมอบดอกไม้ให้ข้าเพื่อเป็นของขวัญ"
อิทธิพลของอาณาจักรอาร์เพ่นถือเป็นประโยชน์ต่อเหล่าผู้เล่น มีการพัฒนาและขยายทางการค้าในแดนเหนือ
"ข้าต้องการแสดงความจงรักภักดีต่อราชาแห่งอาณาจักรอาร์เพ่น ผู้ที่ทำหลายสิ่งอย่างมากมายสำหรับดินแดนทางตอนเหนือนี้"
"ท่านเป็นราชาผู้ที่สัตย์ซื่อและมีเกียรติ"
บรรดาเจ้าเมือง NPC และขุนนางต่างเข้าร่วมกับอาณาจักรอาร์เพ่น ถึงแม้ดินแดนจะขยับขยาย แต่กำไรจากการค้าของประชาชนก็ยังคงเล็กน้อยอยู่
วีดนั้นมีความอ่อนไหวมากเกี่ยวกับภาษีและจำนวนเงินที่จ่ายให้บรรดาเจ้าเมืองซึ่งก็ได้ปรับลดลงไปแล้ว ถ้าหากเป็นหมู่บ้านที่มีขนาดเล็กภาษีจะเก็บเพียง 30 เหรียญทอง 70 เหรียญทอง และ 1,000 เหรียญทองมากสุดแค่นั้น แต่มันเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับชาวไร่ ชาวเหมือง และพ่อค้า
"หมู่บ้านไหนที่เจ้าจะไป?"
"ข้าจะไปทางทิศตะวันออก"
"สถานที่แห่งนั้นเป็นที่ราบสูง"
"ข้าจะต้องไป. ข้าจะไปเพื่อหาที่ดินของข้าเอง "
"ดี ข้าจะไปที่ภูเขาใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อหาแร่เหล็ก"
"ถ้าพื้นดินมันยุบยวบยาบ เจ้าจะตกอยู่ในอันตราย"
"ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะพวกเราได้รวบรวมคนงานเหมืองแร่จำนวน 100 คน ข้าจะทำงานจนกว่าจอบของข้าจะพัง. "
พื้นที่ที่เหล่าผู้เล่นโมราต้าอยู่นั้นค่อยๆกว้างขึ้น อัตราการเกิดของแดนเหนือทั้งหมดเพิ่มขึ้นและการผลิตขยายตัว ทหารรักษาสันติภาพให้กับหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
โมราต้าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอาร์เพ่น และตอนนี้หมู่บ้านขนาดกลางหลายแห่งเริ่มปรากฏออกมาให้เห็น ร้านค้าที่หรูหรา การสร้างที่อยู่อาศัยและโรงงานผลิตถูกสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานของเมืองหลวงแห่งอาณาจักร อาคารที่สวยงามถูกสร้างขึ้นและทำให้เมืองมีรูปลักษณ์ที่โรแมนติกและมีเสน่ห์มากขึ้น
ทั่วทั้งแดนทางตอนเหนือต่างต้อนรับอาณาจักรอาร์เพ่น ผลกระทบจากอิทธิพลของวีดก็คือเหล่าชาวบ้านจะเชื่อฟังโดยดีเพียงแค่เขาเอ่ยปาก วีดพึงพอใจกับอาณาจักรอาร์เพ่น
"การเก็งกำไรที่ดิน ... ข้าต้องสร้างประติมากรรมธรรมชาติที่สะดวกสบายสำหรับโมราต้า และป้อมปราการวาร์โก"
เขาขี่ไวท์-ทรีบินไปบนท้องฟ้าและค้นหาสถานที่ที่เหมาะสม
"ที่ดินที่ยังไม่ได้ถูกใช้ทำอะไร. สถานที่ตั้งคือทุกสิ่งทุกอย่าง "
ภูมิประเทศที่สวยงามจากภูเขาที่สูงเกินไป และแม่น้ำกว้างใหญ่ล้วนมีแนวโน้มที่จะถูกน้ำท่วม
เศษซากของจักรวรรดินิฟเฮมกระจัดกระจายไปทั่วดินแดนทางตอนเหนือ ต้นไม้เจริญเติบโตบนเมืองที่ถูกลืมจนกลายเป็นซากปรักหักพัง มีซากปรักหักพังจำนวนมากที่ยังไม่มีมนุษย์ผู้ใดเคยสัมผัสมานาน ดังนั้นพวกมันจึงกลมกลืนไปกับธรรมชาติ
"ถ้าข้าทำประติมากรรมธรรมชาติ ... ข้าคงต้องพิจารณาเมืองที่สามารถเติบโตได้ในบริเวณใกล้เคียง."
เขายังได้พิจารณาการพัฒนาด้านการคมนาคมขนส่ง เขตพื้นที่อยู่อาศัย และการออกล่า เมื่อตัดสินใจเกี่ยวกับสถานที่ สถานที่ที่วีดตัดสินใจเป็นที่โล่ง และมีแม่น้ำที่ใสสะอาดไหลไปทางทิศตะวันออกและเป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ไปทางเหนือซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สามารถพัฒนาได้ ไม่มีอุปสรรคอะไรที่ทำให้เขาไม่สามารถทำประติมากรรมธรรมชาติที่เขาต้องการได้
"มีกลุ่มมอนสเตอร์เพ่นพ่านอยู่รอบ ๆ คงจะเป็นปัญหา แต่ ... ข้าคงจะจัดการพวกมันบ้างเป็นบางครั้ง"
พลังทางทหารของอาณาจักรอาร์เพ่นกำลังขยายตัวเร็วกว่าที่คนส่วนใหญ่คาดไว้ เนื่องจากผู้เล่นหลายคนเล่นเป็นอัศวินจึงบัญชาให้เหล่าทหารสู้รบบนพื้นราบ พวกอัศวินที่เป็น NPC อิสระ(อัศวินพเนจร) ก็เดินทางมาจากทวีปกลาง ในหมู่พวกเขามีอัศวินจากอาณาจักรคัลเลอร์มอล์ปนมาด้วย เลเวลของอัศวินอิสระเหล่านี้ค่อนข้างสูงทีเดียว
บรรดาผู้เล่นที่ทำภารกิจเสร็จแล้วและได้รับรางวัลมาและสามารถเช่าอัศวินอิสระได้ กองพลอัศวินแห่งอาณาจักรอาร์เพ่นมีผู้คนถึง 1,000 นาย แต่พวกเขาไม่ได้พักผ่อน พวกเขาเก็บกวาดพวกมอนสเตอร์และช่วยให้ผู้คนตั้งถิ่นฐานและสร้างเมืองในอาณาจักรอาร์เพ่น
"ข้าจำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ผู้คนสามารถพักผ่อนได้ จนกระทั่งตอนนี้อาณาจักรอาร์เพ่นนั้นช่วยทำให้มีชีวิตรอดเพียงอย่างเดียว "
มันคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากเป็นอาณาจักรใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มจากโมราต้า และผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นก็หมดแรง ถ้าหากพวกผู้เล่นได้แลกเปลี่ยนเงินจากการออกล่า และการค้าแล้ว พวกเขาก็สมควรจะหาสถานที่พักผ่อน ดังนั้นเขาจึงได้เตรียมงานก่อสร้างสำหรับเมืองแห่งการพักผ่อนหย่อนใจและการท่องเที่ยว
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
เหล่าสกุณาต่างร้องเพลงเมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน นกสีทองตัวเล็กตัวหนึ่งสะบัดปีกและโผบินไปที่ไหนสักแห่ง
กรู กรู กรู !
จิ๊บ จิ๊บ
จุ๊กกรู กรู กรู
นกสีทองตัวนั้นขณะบินรอบกับนกที่ตัวใหญ่กว่าอยู่เสมอ ไม่คล้ายกับเป็นพวกนกธรรมดา เป็นฝูงนกกระจอกที่มีขนาดตัวเท่ากับไก่ และมีพวกนกฮูกที่เร่ร่อนอยู่ในตอนเช้า ปากและกรงเล็บแข็งแรงพอที่จะเจาะเหล็กได้ นกสีทองกำลังมุ่งหน้าไปยังลาเวียส เกาะลอยฟ้า
 “ญาติของเรากำลังจะมาถึง
"มงกุฎประกายบนศีรษะของเขา ... "
"นั่นมันเค้าหนิ"
นกที่มีสายตาดีรายงานว่านกสีทองกำลังจะมาถึง นกในลาเวียสนับสิบนับหลายพันตัวออกมาเพื่อพบกับนกสีทอง มัน ได้รับการต้อนรับที่ดีที่สุดจากเหล่านก
ขนาด รูปร่าง และสีของนกสีทอง เมื่อเทียบกับนกตัวอื่น ๆ นั้นงดงามมาก นกสีทองบินวนรอบเกาะก่อนที่จะลงจอดบนพื้นดิน มันเกาะอยู่บนกิ่งไม้หลังจากร่อนลงมายังลาเวียส
"มันช่างยาวนานยิ่งนัก เหล่าลูกหลานของข้า "
ชาววิหคพยักหน้า แต่น่าเสียดายที่ความจำของพวกเขาไม่ดี หลังจากที่เกิดมาพวกเขาจะไม่อาจรู้ว่าพ่อแม่หรือพี่น้องของพวกเขาเป็นใคร แต่พวกเขาไม่ลืมเรื่องราวของวิหคทอง นกตัวแรกที่ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิเกฮาร์วอนอาร์เพ่น
เหล่าประติมากรรมและภาพวาดที่สรรเสริญวิหคทองยังคงอยู่ในลาเวียส ในอดีตเมื่อวีดมาถึงลาเวียส เขาไม่ได้ปีนขึ้นไปถึงรัง ผู้เล่นบางคนปีนขึ้นไปและค้นพบการดำรงอยู่ของวิหคทอง ในที่สุดตำนานที่ว่านี้ก็ได้กลับมาเยือนลาเวียส
"ข้ามาที่นี่เพราะมันถึงเวลาที่เราต้องอพยพกันแล้ว"
มนุษย์วิหคบินขึ้นโดยรอบตามคำพูดของวิหคทอง มนุษย์วิหคกระพือปีกของพวกมันขณะที่ม้วนตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาถึงจำนวนประชากรของตระกูลนก บ้านถูกสร้างขึ้น ณ ใจกลางของเกาะและร้านค้าที่ใช้ทำการค้าขาย แต่ยังมีนกบางตัวที่ไม่อยากทิ้งรังของพวกมันไป
นกมากกว่า 100 ตัวมีงานอดิเรกคืออาศัยอยู่ในต้นไม้และร้องจิ๊บ ๆ ! พวกนกที่ดุร้ายมักจะต่อสู้อยู่ในป่าและอาจจะเข้าสู่การต่อสู้ในดันเจี้ยนที่ยากลำบาก และออกล่าในพื้นที่ล่าของลาเวียส นอกจากนี้ยังมีไข่ที่ยังไม่ได้ฟัก นกจำนวนมากที่เดินไปมายังไม่รู้จักภาษาคน
ปิก้า ?
จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ !
บรรดานกที่อยู่ในลาเวียสวนไปรอบ ๆ กระพือปีกของพวกมันและก่อให้เกิดเสียงดังมาก พวกนกที่อยู่บนพื้นยังคงกระพือปีกของพวกมันวุ่นวาย หมู่บ้านบารันที่อยู่ด้านล่างบนพื้นดินไม่ได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า นับตั้งแต่หมู่บ้านบารันตกไปอยู่ในมือของวิหารเอ็มบินยู มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่อยู่ที่นั่น
"อะไรน่ะ?"
"อู้ว ดูเหมือนจะเกิดเหตุการณ์บางอย่าง"
"แล้วมันคืออะไร? พวกเราไม่สามารถไปใกล้พื้นที่ตรงนั้นได้ "
ตามถนน ต้นไม้ และขอบกั้นของลาเวียสเต็มไปด้วยนก พวกผู้เล่นไม่สามารถเข้ามาใกล้บริเวณนี้ และกำลังมองจากระยะไกล วิหคทองทำให้พวกเขาสงบลงก่อนพูดออกมาว่า
"ทวีปแห่งนี้กำลังตกต่ำอยู่ในความสับสน มนุษย์กำลังคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดดังนั้นชนชาวเราจึงไม่สามารถนิ่งเฉย เอาแต่เฝ้าดูอยู่ได้ "
โดยปกติเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว มนุษย์จะตบมือและเชียร์
จิ๊บ จิ๊บ
ปุก้า ปุก้า
แกว๊ก แกว๊วก แกว๊วก!
พวกนกที่ยังเล็กและหนุ่มสาวกางปีกของพวกมันและร้องออกมาในสิ่งที่ตนเห็นด้วย
"วันนี้พวกมนุษย์ในอาณาจักรโรเซนไฮม์ไม่ได้ทำฟาร์มอย่างดีเหมือนแต่ก่อน"
"มันช่างยากเสียเหลือเกินกับการที่จะหาข้าวที่เต็มไปด้วยสารอาหาร"
"ข้าไม่ชอบกินหนอน ... "
มนุษย์วิหคมักเลือกรสชาติอันหรูหรา พวกมันประสบปัญหาเมื่อพวกมนุษย์เข้าสู่สงคราม ตอนนี้วิหคทองเป็นผู้นำที่ส่งผลต่อชะตากรรมของทั้งเผ่าพันธุ์
"พวกเราจะไปทางเหนือ"
"มีอะไรอยู่ทีนั่นน้อ?"
นกสีเหลืองตัวน้อยน่ารักถามออกมา
"มีพืชพันธุ์ชั้นดีที่นั่นและเจ้าสามารถกินได้มากเท่าที่เจ้าต้องการ"
เหล่ามนุษย์วิหคตัดสินใจที่จะอพยพเนื่องจากคำกล่าวนี้! พวกมันไม่ต้องการเก็บสัมภาระ และบินไปสู่ทางเหนือ ด้วยวิธีการดังกล่าวอาจจะเป็นไปได้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น บ่ายวันนั้นเกาะท้องฟ้าลาเวียสเริ่มเคลื่อนที่
ทั้งเกาะกำลังลอยผ่านน่านฟ้าไปตามทางทิศเหนือ ดันเจี้ยน พื้นที่ล่า และร้านค้าทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายไปพร้อมกัน
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

"มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนี้เพียงลำพัง คงต้องเอาเจ้าเหลืองมาด้วยสินะ! "
เขาระลึกถึงการมีตัวตนของเจ้าเหลืองทุกครั้งที่ต้องทำงานหนัก วีดตัดสินใจรายงานความสำเร็จของภารกิจเพลงดาบประกายแสงในโรเดียมเป็นที่แรกก่อน
"ข้าได้พัฒนาการแกะสลักของข้าเพื่อปกป้องทวีปเวอร์เซลล์"
มันคงเป็นสัญชาตญาณในการพยายามเพื่อจะเพิ่มความสนิทสนมของเขา
- ดาบแห่งแสงที่แยกทุกสิ่งอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ประติมากรที่มีชื่อเสียงท่านวีด ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาเป็นอัจฉริยะด้วยดาบ
เพลงดาบประกายแสง.
ลำพังแค่การตวัดดาบของเขาก็เพียงพอที่จะเดินทางไปในทวีปและฆ่าคนชั่วร้าย

-ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 850.

- เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น

- ค่าความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 6

- ค่าความว่องไวเพิ่มขึ้น 5

- คุณได้เอาชนะพายุที่รุนแรงและประสบความสำเร็จในการฝึกดาบของคุณ
-ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 3

มุมมองของชายชราในโรเดียมเปลี่ยนไป ตอนแรกวีดเป็นเพียงผู้เล่นทั่วไป แต่ตอนนี้เขาได้รับการยกย่องให้เป็นประติมากรอัจฉริยะ
"เจ้าทำได้ดีมาก ช่างยอดเยี่ยม ด้วยสิ่งเหล่านี้ มันจึงเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่เจ้าผู้ที่แสดงประกายอันงดงามเช่นนี้ เฉกเช่นในประติมากรรมอื่น ๆ ... .. "
"ข้ายังคงอยู่ในขั้นตอนของการสร้างมันขึ้นมา"
"ข้าเชื่อในตัวเจ้า และจะรอ ถ้าเจ้าทำสิ่งนี้สำเร็จ ข้าจะมอบความไว้วางใจและมอบภารกิจสำคัญให้กับเจ้า จงทุ่มเทในการแกะสลักต่อไปเถอะ "
"ตกลง."
วีดทำประติมากรรมอยู่เสมอเพื่อให้เขามั่นใจเกี่ยวกับทักษะของเขา เขาไม่คิดว่าการฝึกฝนในพายุเป็นเรื่องยากอะไรนัก ลืมความแข็งแกร่งและความเมื่อยล้า ต้นกำเนิดแห่งความคิดของเขาคือ เงิน!
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
วีดกลับไปยังแดนเหนือพร้อมกับเจ้าเหลืองเพื่อทำประติมากรรมธรรมชาติของเขา
"ฉันไม่ต้องคิดมากเกินไป ทั้งหมดที่ฉันต้องนึกถึงก็คือท้องฟ้า ผืนดิน และดอกไม้ "
เขาทำเมฆออกจากน้ำในแม่น้ำเพื่อสร้างประติมากรรมธรรมชาติของเขา มันต้องใช้เวลาแต่มันก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับตอนที่เขาทำในครั้งแรก แต่นี่มันเป็นที่ดินขนาดใหญ่จึงทำให้การแกะสลักไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
"มันยังขาดไปหลายส่วน ... มันไม่สามารถเป็นรูปสลักธรรมชาติที่แท้จริงโดยไม่ซับซ้อนมากเกินไป"
ธรรมชาติจะสวยงามมากขึ้นเมื่อปราศจากการสัมผัส เป้าหมายของภารกิจคือรังสรรค์ความงามตามธรรมชาติหลังจากเวลาผ่านพ้นไป ประติมากรรมของวีดในปัจจุบันจำเป็นจะต้องแสดงความงดงามออกมาแม้หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน นั่นจึงทำให้เป็นเรื่องที่ยากขึ้น
"ความงามแห่งธรรมชาติต้องมีชีวิตชีวา"
เป็นแหล่งพลังอันอุดมสมบูรณ์ และภูมิทัศน์ที่ยอดเยี่ยมที่สามารถบรรเทาความกังวลทั้งหมดในใจของผู้คน
"สถานที่แห่งนี้…"
วีดตัดสินใจอย่างชัดเจนในเรื่องของประติมากรรมธรรมชาติ รูปแบบของแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง หรือแสงออโรราเป็นธรรมชาติที่สวยงาม เขามีความทรงจำควรค่าแก่การระลึกนึกถึงเมื่อยามพลบค่ำ แต่มีบางส่วนหายไปเมื่อพยายามรู้สึกถึงพลังของธรรมชาติ
"มีภาพที่ฉันอยากเห็นอย่างน้อยสักครั้งหนึ่ง"
เขาไม่จำเป็นต้องจินตนาการว่าประติมากรเป็นอาชีพที่สามารถแสดงออกถึงสิ่งที่เขาจินตนาการได้!  'ทักษะประติมากรจำนวนมากมายจะต้องถูกใช้เพื่อการนี้. "
"ธรรมชาติ…."
วีดตัดสินใจที่จะไม่คิดแบบมนุษย์ เขาตัดสินใจที่จะใช้ประสบการณ์ก่อนหน้านี้ในฐานะนกฮัมมิ่ง หมาป่า หรือจิงโจ้ เป็นตัวอย่าง
ประติมากรรมจำแลงช่วยให้เขาสามารถเปลี่ยนร่างและมองโลกจากมุมมองของสายพันธุ์นั้น มนุษย์พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเพื่อให้เหมาะกับความสะดวกสบายของตน แต่สัตว์ต้องปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ
"ถ้าฉันอาศัยอยู่ที่นี่ ... "
หนองบึงในมุมมองของซาลาแมนเดอร์ แม่น้ำใหญ่ไหลผ่านที่นี่ แต่การไหลของน้ำรวดเร็วและระดับน้ำสูง ไม่น่าจะเกิดน้ำท่วมมากนัก ดังนั้นจึงไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกจากมุมมองของมนุษย์ ตอนนี้วัชพืชเติบโตไปทั่วและพวกสัตว์ก็ยังไม่ได้มาถึงดินแดนกว้างใหญ่นี้
"ฉันควรสร้างพื้นที่ลุ่มน้ำ ชื้นและหนองบึงที่บริเวณตื้น ๆ ของแม่น้ำตัดผ่าน
วีดรีบทำงานของเขา
"ประติมากรรมภัยพิบัติแห่งธรรมชาติ!"
เขาใช้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ครึก รึก ครืนนนนนนนนนนนนน!
ผืนดินกำลังจมลึกลงไปขนาดล่มเมืองหรือยุ้งฉางได้เลยทีเดียว มันเป็นภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่สามารถทำลายพื้นดินได้
"อุฮุฮุ ที่ดินล้ำค่าของฉัน"
มันเป็นงานที่เจ็บปวดในขณะที่วีดกำลังเฝ้าดูอยู่ รอยแยกเกิดขึ้น และแม่น้ำไหลเข้ามาทำให้บึงถูกสร้างขึ้น มันคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากที่หนึ่งที่เคยมีภูมิทัศน์อันเงียบสงบและสวยงามตอนนี้กลับเห็นแต่ความทรุดโทรม
"เวลาจะแก้ไขปัญหานี้ ธรรมชาติที่แตกสลายจะถูกฟื้นคืนเมื่อเวลาผ่านไป  ขณะที่ฉันต้องเดินหน้าต่อ มีหลายตัวแปรดังนั้นฉันคงต้องจัดการมันทุกรายละเอียด "
ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพึ่งพาความรู้สึกของเขา ในขณะเดียวกันก็อาศัยที่วีดเคยได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ และได้เห็นสัตว์นานาชนิด
"ถ้ามีบึง สัตว์ และพืชหลายชนิดสามารถอาศัยอยู่ที่นั่นได้ ต้นกกจะเริ่มโตขึ้นก่อตัวเป็นดง ... และมันคงจะดีถ้ามีป่าหนาแน่น "
วีดให้เจ้าเหลืองไถหน้าดิน ในขณะที่เขาหว่านเมล็ดและพืชผล แต่แตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา เขาให้เจ้าเหลืองกินอาหารที่ปรุงพิเศษและยัง ลูบหัวของมัน มีเหตุผลสำหรับการแสดงออกพฤติกรรมความรักเป็นอย่างยิ่ง
มออออ นี่ไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ต้นองุ่นกินคนจากป่าเอลฟ์หรอกหรือนายท่าน ? "
"ข้าไม่รู้ ข้าได้มันมาอย่างไร เพียงแค่ปลูกมันก็เท่านั้น. "
"พวกเอลฟ์บอกว่ามันจะโตสูงกว่า 70 เมตร ... มออออ"
"หว่านๆไปเถอะ!"
รากต้นไม้ที่แข็งแรงจะทำให้เติบโตได้ดี
"เหล่าสรรพสัตว์จะอาศัยอยู่ที่นี่ ฝนและสายลมจะทำส่วนที่เหลือ"
วีดทำงานในพื้นที่กว้าง แต่ยังคงมีพื้นที่เหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเขาตกแต่งได้ดีมันก็อาจกลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่ยิ่งใหญ่สำหรับ โมราต้า ปัจจุบันเกษตรกรไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้เนื่องจากมีมอนสเตอร์เพ่นพ่านไปมา เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความอดทนในขณะที่สร้างหนองบึง และป่า
"ฉันจะทำอะไรได้บ้างจาก ณ จุดนี้?"
เวลานี้มันมาจากมุมมองของเจ้าของที่ดิน!
"ฉันไม่ควรจะ ... "
ทุ่งน้ำแข็ง, ป่า, ทะเลทรายและธารน้ำแข็ง เป็นสถานที่ที่ผู้คนยากจะอาศัยอยู่ได้ แต่การมีอยู่ของสถานที่เหล่านั้นมันก็หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้คนจะอาศัยอยู่ที่นั่นและมูลค่าที่ดินก็จะไม่เพิ่มขึ้น
"มันยังคงเป็นปัญหา แต่ฉันยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างประติมากรรม"
มันอาจไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ หนองบึงไม่สามารถวางถัดจากทะเลทรายหรือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหิมะได้  ธรรมชาติต้องกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ
"ถ้านี่ไม่ใช่กรณีที่สุดโต่ง ... คงไม่มีเจ้าของที่ดินสักคนต้องการ"
เมื่อการทรุดตัวของแผ่นดินเสร็จสิ้น เขาก็วางหินเพื่อควบคุมการไหลของน้ำ
 “มนุษย์ดิน!”
"ตามที่ท่านเรียกหา"
มนุษย์ดินโผล่ออกมาจากพื้นดิน
พวกธาตุยังไม่มีพลังเต็มที่ตอนที่วีดให้กำเนิดมัน มันจึงเป็นเหมือนเด็กน้อยที่ยังไม่รู้ประสีประสา แต่วีดมักเรียกมันออกมาบ่อยๆ เพื่อเสริมสร้างความสามารถของมัน มนุษย์ดินสามารถใช้เวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินและการเคลื่อนไหวของมันก็เร็วขึ้น เมื่อทำงานสำเร็จทุกอย่างก็จะย้อนกลับไปหามันโดยตรง แต่รูปลักษณ์เดิมของมันกลับไม่เคยเปลี่ยน
"วางหินไว้ตรงนี้"
"โปรดบอกข้าเถิด ขนาดและจำนวนที่นายท่านต้องการ"
"ยิ่งใหญ่ยิ่งดี จำนวนสัก  30,000 น่าจะพอมั้ง? และสีควรเป็นสีแดงหรือสีน้ำตาล "
วีดเป็นเจ้านายของมัน ดังนั้นเจ้าธาตุจึงรับทำงานตามหน้าที่ของมันอย่างสงบ
 “ขอรับนายท่าน.
จุดแข็งเกี่ยวกับธาตุคือการเชื่อฟัง การอัญเชิญมนุษย์ดินก็เหมือนกับได้แรงงานมา 60 คน ก้อนหินที่ฝังลึกใต้พื้นดินหรืออยู่ไกลออกไปกลับถูกดึงเข้ามาด้วยเวทมนตร์
แน่นอนว่าเจ้ามนุษย์ดินต้องยืมมานาของเขาในการทำงาน มานาของวีดไหลออกมาดั่งสายน้ำ ในที่สุดเจ้ามนุษย์ดินก็ยืมมานาจากวีดน้อยลง
ก้อนหินโผล่ขึ้นมาตรงบริเวณใจกลางถัดจากหนองบึงนั้น
"ขนาดเท่านี้จะพอไหมน้า?"
หัวใจของวีดไม่ได้ชื่นชมก้อนหินที่ถูกย้ายโดยเจ้ามนุษย์ดินเลยแม้แต่น้อย กลับเพียงแค่พิจารณาขนาดของพื้นที่ ขนาดของก้อนกรวดกำลังดี เขาต้องการสร้างภูมิทัศน์ที่น่าชื่นชม!
 “ไม่ ต้องใหญ่กว่านี้  ก้อนหินควรเอามาจากภูเขา มันจะเป็นไปได้ไหม ? "
"มันเป็นไปไม่ได้ที่จะนำหินขนาดใหญ่เหล่านั้นมาได้ด้วยความสามารถของข้าน้อย"
"ข้าก็คิดว่าอย่างนั้น"
การนำก้อนหินมาวางจำเป็นต้องใช้ปริมาณมานาเป็นอันมาก
"แต่ก้อนหินสามารถสร้างขึ้นมาจากทรายได้"
"ข้าจะทำมันทันที"
หินทรายสีแดงที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ในพื้นที่ทะเลทราย! เจ้ามนุษย์ดินทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อสร้างหินทรายสีแดงในบริเวณพื้นที่แห่งนี้ ในขณะที่วีดแกะสลักประติมากรรมของเขาต่อไป
"ข้าควรจะจัดการให้ถูกต้อง การแกะสลักธรรมชาติ! "
เฉพาะน้ำตื้นที่ไหลลงสู่พื้นที่ลุ่มน้ำที่วางแผนไว้เท่านั้น เขาใช้การการแกะสลักธรรมชาติ เพื่อทำให้เกิดหมอกจากน้ำและอุดตันช่องน้ำ
"มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำฟาร์มที่นี่ได้อีกครั้ง"
หมอกค่อยๆแผ่ขยายออกไปเนื่องจากผลของการแกะสลักธรรมชาติ
 “มอออออออออออออ.”
เจ้าเหลืองสะบัดหางและครางออกมา
"ดูเหมือนว่ายังไม่พอ ... "
วีดไม่พอใจกับประติมากรรม แต่ภูมิประเทศของสถานที่แห่งนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเขาจึงต้องปล่อยให้มันขึ้นอยู่กับเวลา
"โดยพื้นฐานการที่จะเรียกเหล่าภูติมาได้ มันจำเป็นต้องมีสิ่งที่ดีพอ "
การทำอาหารกับน้ำผึ้งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะล่อพวกภูติเพื่อจบภารกิจ ซี่โครงน้ำผึ้งและหนังหมูอบน้ำผึ้ง! ใครได้กินมันอาจคิดว่ามันมีรสชาติที่แปลก แต่เนื้อและน้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับภูติ
"ขวดนี้มีค่าต้องใช้ให้หมดทุกหยาดหยด."
วีดเพิ่มน้ำผึ้งลงไปในเหล้าวิสกี้ หรืออาจเรียกได้ว่ามันคือ สุรากลั่นน้ำผึ้ง!
พวกภูติจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคนชั่ว เป็นการยากที่จะหาพวกเขาเจอ แต่เมื่อพวกเขาชอบใครสักคน บางครั้งพวกเขาก็จะออกมาแหย่เล่นด้วย
- ฟุด ฟิด นี่มันกลิ่นอะไร?
ภูติตนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนไหล่ขอวีด ภูติอีกตนหนึ่งกำลังนอนอยู่ในเส้นผมของเขาก็โผล่ออกมาขณะที่ดมกลิ่นไปด้วย ภูติมีขนาดเล็กกว่าแมลงวัน ภูติโดยทั่วไปมักมีขนาดเล็ก แต่ก็มีบ้างที่ตัวใหญ่เท่าขนาดของนิ้ว แม้ว่าพวกเขาจะมีขนาดเล็กแต่พวกเขากลับมีความสามารถในการรับกลิ่นที่ยอดเยี่ยม และมีปีกที่โปร่งใส
-ฟืด นี่ของข้าใช่ไหม?
"และสำหรับเพื่อนของเจ้าด้วย"
-ข้าอยากกินคนเดียว
"ข้าจะไม่ให้มัน"
- ข้าจะเอามันไป!
"มากที่สุดเท่าเจ้าต้องการเลย"
พวกภูติเปิดช่องมิติ และหายตัวไป ก่อนที่จะกลับมาในอีก 10 วินาที เพื่อไปลากตัวเพื่อนๆของมัน
-กลิ่นที่น่าหลงใหลนี้คืออะไร?
- สิ่งที่พวกเรากินได้
พวกภูติถูกดึงดูดจากอาหารที่วีดทำ พวกภูติมักจะกินอาหารสุดหรูที่ทำจากทักษะการทำอาหารขั้นสูง
- มีปลาอะไรไหม ? ข้าชอบปลา.
นี่เป็นภัตตาคารที่เหล่าภูติสามารถออกคำสั่งได้ วีดทำปลาซาร์ดีนผัดกับน้ำผึ้งราดลงไป
- ว้าว ปลาทะเล
-หวานจัง.
เหล่าภูติกินปลาซาร์ดีนหมดไป 1 ตัว เมื่อท้องของพวกเขาตึงแล้ว พวกภูติก็เริ่มแสดงความสนใจกับสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวพวกเขา
- พวกเราอยู่ที่ไหน?
- มันแตกต่างจากตอนที่ข้ามาที่นี่ครั้งล่าสุด
- มันเปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาด
- นี่เป็นสถานที่ที่พวกเราสามารถมาเล่นได้ไหม?
- ช่างซับซ้อนและน่าตื่นเต้น!
บรรดาภูติต่างก็ลงไปว่ายน้ำและเล่นซ่อนหากันในก้อนหินทราย

-ที่นี่กลายเป็นสนามเล่นของภูติ
ด้วยพลังธรรมชาติของภูติมีมากที่สุด
ภูมิประเทศจึงมีการเปลี่ยนแปลง

จบตอน
ผู้แปล : Smith Rex

Editor : แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

6 ความคิดเห็น:

  1. อืม! ใช้อาหารล่อภูติออกมา แล้วปล่อยไห้ภูติไปเล่น เหล่าภูติช่างไรเดียงสาไม่รู้อะไรสะเลย

    ตอบลบ
  2. ภูติก็ถูกใช้เยี่ยงทาสได้

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. นี่คือ สปอย ตอนต่อๆไปในอนาคตใช่มั้ยคับ ฮ่าๆ

      ลบ
  3. ขอบคุณครับ..สนุกมากๆ

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...