วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563

เล่ม 37 ตอนที่ 1 : คราวเคราะห์ของป้อมปราการดัลมอร์ แปลโดย PATTY

เล่ม 37 ตอนที่ 1 : คราวเคราะห์ของป้อมปราการดัลมอร์ แปลโดย Patty

ภารกิจเทคนิคแกะสลักลับขั้นสุดท้ายนั้นต้องการให้เขาเดินทางย้อนเวลากลับไปในประวัติศาสตร์ของทวีปเวอร์เซลล์
นั่นคือยุคแห่งสงคราม

เขานั้นได้รับภาระหน้าที่อันหนักหนาในการนำทัพเหล่านักรบทะเลทรายเพื่อต่อกรกับวิหารเอ็มบินยู! วีดนั้นได้รับสมญานามปรามาจารย์ดาบและยังมีกองกำลังขนาดใหญ่ที่ติดอาวุธครบมือ เขายังได้ใช้ทั้งความรู้และประสบกรณ์ในการต่อสู้ของเขา

 ชีวิตคนเราน่ะมันไม่ใช่อะไรที่ว่าคนที่ซื่อสัตย์และตั้งใจเรียนรู้อย่างหนักแล้วจะต้องประสบความสำเร็จเสมอไป คนเราน่ะมันต้องรู้จักมีเหลี่ยมกันบ้าง!”

ชีวิตคือการต่อสู้!

วีดอยู่บนกำแพงของป้อมปราการดัลมอร์ขณะกำลังขี่เจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยน เหล่าราชอาณาจักมาปอนและเบย์เนอร์ต่างก็ตกตะลึงไปตามๆกัน จากการที่เขาโผล่มาแบบกะทันหัน

พวกเขาเพิ่งจะรบกับวีดมาเมื่อไม่นานนี้เอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้อยากจะเห็นผู้นำกองทัพทะเลทรายอีกครั้งเลย

 “สังหาร
 คั่กๆๆ! องค์เทพเอ็มบินยูจะกลืนกินเหล่าผู้ที่แข็งข้อต่อพระองค์

กองทัพแห่งวิหารเอ็มบินยูได้ไล่ตามวีดมายังป้อมปราการ กองทัพวิหารเอ็มบินยูนั้นจัดว่าค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว

ขนาดของกองทัพแห่งราชอาณาจักมาปอนและเบย์เนอร์นั้นเล็กเสียยิ่งกว่าเหล่านักรบทะเลทราย ด้วยความที่มีทหารเพียง 300,000 นายเท่านั้น!  กองทัพนี้ถือว่ามีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับกองกำลังที่ราชอาณาจักรหนึ่งๆ จะระดมพลได้ในช่วงยุคสงครามอย่างนี้

อย่างไรก็ตาม เหล่าสิ่งมีชีวิตจากต่างมิตินั้นเป็นพวกที่ชอบกินเนื้อมนุษย์เป็นอาหารเช้า กลางวัน และเย็น ทั้งเหล่ายักษ์สัมฤทธิ์ยังตัวใหญ่เสียยิ่งกว่ากำแพงป้อมปราการที่สูง 30 เมตร เหล่าสาวกคลั่งที่ได้รับคำอำนวยพร ออร่าแห่งความมืดจากเทพเอ็มบินยู(Embinyu’s Dark Aura blessing) ยังสามารถฉีกกระชากร่างมนุษย์ออกเป็นชิ้นๆด้วยมือเปล่าได้อย่างง่ายดาย

ทั้งยังมีเหล่ามอนสเตอร์บินมากมายที่บินอยู่เต็มท้องฟ้า! พวกมันมีลำตัวที่ใหญ่ขนาดหลายสิบเมตรและยังสามารถพ่นพิษลงมาบนพื้นได้
เหล่าเต่ายักษ์ในตำนาน บาเรท ก็บินอยู่บนท้องฟ้าด้วย เหล่านักธนูระดับหัวกะทิกว่า 5,000 นาย ได้โดยสารมาบนเจ้าเต่าบิน และได้เตรียมน้าวคันศรรอไว้แล้ว

ในหมู่กองทัพวิหารเอ็มบินยูนั้นมีทั้งเหล่านักบวชและอัศวินแห่งความป่าเถื่อนที่ถูกเตรียมมาเพื่อทำการล้างสมองใครก็ตามที่ยอมแพ้ให้กลายเป็นสาวกคลั่ง! เหล่านักบวชและบาทหลวงของแต่ละศาสนจักรนั้นสามารถที่จะข้ามผ่านกานล้างสมองนั้นไปได้ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา เหล่าผู้ที่ถูกตีตราด้วยมลทินแห่งเอ็มบินยู(Stigma of Embinyu)นั้นจะถูกสาปและตายอย่างทรมาน

 เหล่ามนุษย์นั้นไม่มีคุณค่าใดในชีวิต ฆ่ามัน ฆ่ามัน
 ข้าจะทำให้เจ้าได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดอันไร้ที่สิ้นสุด
 มุ่งไปข้างหน้าแด่องค์เทพเอ็มบินยู!”

เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์และเหล่าเต่าบินที่ไล่ตามวีดมาได้เล็งเป้าการโจมตีของพวกมันไปยังป้อมปราการ ลูกศรธนูนับพันได้พุ่งทะยานเข้าใส่ป้อมปราการดัลมอร์

กองทัพแห่งราชอาณาจักรมอปอนและเบย์เนอร์ที่ถูกรวบรวมมาเพื่อปราบกองทัพแห่งทะเลทรายของวีดได้ถูกบังคับให้เข้าหยุดยั้งกองทัพของวิหารเอ็มบินยูอย่างไม่เต็มใจ

 “พวกเราไม่ใช่พวกเดียวกันกับเจ้าคนเถื่อนนี่!”

เหล่าอัศวินได้ร้องตะโกนออกมาขณะที่ศัตรูได้เข้าโจมตีป้อมปราการ แต่วิหารเอ็มบินยูก็หาได้ใส่ใจเสียงนกเสียงกาเหล่านี้ไม่ พวกมันคือคู่ต่อสู้ที่การเจรจาถือเป็นวิธีที่โง่เง่าที่สุด!

 “พวกเราควรทำยังไงดีครับ ท่านหัวหน้า?”
 พวกมันกำลังพยายามที่จะเข้ายึดป้อมปราการแล้ว
 โจมตีพวกมันเร็วเข้า!”

เหล่าทหารที่กำลังเล็งยิงลูกธนูเข้าใส่วีด ในตอนนี้นั้นได้หันไปเล็งใส่เหล่าสาวกคลั่งและมอนสเตอร์ของวิหารเอ็มบินยูแทน

ฟิ้ววววว ตู้ม!

เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์ได้ขว้างหินขนาดใหญ่ออกไป แล้วมันก็ไปปะทะเข้ากับกำแพง ป้อมปราการนั้นถูกสร้างอยู่บนภูมิประเทศอันซับซ้อนซึ่งเต็มไปด้วยหุบเขาและแม่น้ำอันทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกันอีกชั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถต้านทานการบุกรุกครั้งนี้ได้

-ป้อมปราการได้ถูกปกป้องไว้โดยเวทย์มนต์
อาณาเขตแห่งวายุ(Area of the Wind),โล่และกำแพงเหล็กล้า ได้ถูกใช้




เหล่านักธนูบนเต่าบินได้ยิงสาดห่าฝนลูกธนูลงมายังกำแพง
มันมีเอฟเฟคแสงสีตระการตาขณะที่เวทย์ป้องกันนั้นถูกใช้ และทั้งห่าฝนธนูและก้อนหินต่างถูกป้องกันไว้ได้ แต่ทว่ากระแสไฟฟ้าได้แลบปราดออกมาจากกำแพงขณะที่เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์ยังคงทำการโจมตีอย่างต่อเนื่อง

 “โจมตีเหล่าศัตรูผู้หาญกล้าพยายามที่จะพิชิตป้อมปราการของพวกเรา!”

กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรมาปอนได้ถ่ายทอดคำสั่งลองไปยังเหล่าผู้บัญชาการ

 ยิง!”
 “สังหารเหล่าศัตรูให้สิ้น!”
 แด่องค์เหนือหัว!”

เหล่าทหารแห่งราชอาณาจักรมาปอนและเบย์เนอร์ได้เล็งยิงลูกธนูไปยังพวกยักษ์สัมฤทธิ์ พวกเขานั้นมุ่งเน้นการโจมตีไปที่วิหารเอ็มบินยูเพราะว่าพวกมันนั้นเป็นภัยคุกคามเสียยิ่งกว่าวีด

จากนั้นวีดผู้ที่เดิมทีเอาแต่ยืนมองดูอยู่เฉยๆก็ได้ตะโกนประกาศกร้าวขึ้น

 “วิหารเอ็มบินยูเอ๋ย จงเบิ่งตาดูเอาเถิด กษัตริย์แห่งเบย์เนอร์กำลังออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านพวกเจ้า!”(โอ๊ยเอ็งเป็นพระเอกจริงปะวะ 5555)

เหล่าสาวกคลั่งด้านใต้กำแพงก็ได้เริ่มตะโกนขึ้นมา

 “สังหารเหล่าผู้ไร้ศรัทธาให้สิ้น! องค์เทพเอ็มบินยูจะนำพาเจ้าให้ไปลิ้มรสชาติแห่งความทุกข์ทรมานอันไร้สิ้นสุด!”

แค่ฟังดูก็เพียงพอที่จะรู้แล้ว่า การตอบสนองนี้มันช่างยอดเยี่ยม

 “ฮึ่มมม องค์เทพเอ็มบินยูจะทรงสาปกษัตริย์แห่งเบย์เนอร์ โดยเฉพาะในยามราตรี มันจะส่งผ่านถึงแกแน่

 “ฉีกกระชากร่างเจ้ากษัตริย์แห่งเบย์เนอร์ให้เป็นชิ้นๆซะ!”

การรับส่งมุกกันระหว่างวีดและเหล่าสาวกคลั่งแห่งวิหารเอ็มบินยูเป็นไปอย่างสมัครสมานสามัคคี มันอย่างกับฉากในหนังที่ลูกสะใภ้ตบหน้าแม่ผัวผู้น่ารังเกียจซะฉาดใหญ่!(ยังกะละครหลังข่าวอะ555) เหล่ากองกำลังป้องกันบางคนยังได้ยิงธนูเข้าใส่วีดอีกด้วย

แกร๊ง!(เสียงลูกธนูกระเด็น)

อย่างไรก็ตาม ลูกธนูก็ได้แค่กระเด็นออกไปและยังไม่มีแม้กระทั่งริ้วรอยใดๆบนเสื้อเกราะของวีด

-เกิดความเสียหายเล็กน้อยจากการโจมตีโดยลูกธนู
พลังชีวิตลดลง 3 หน่วย เนื่องจากค่าความอดทนและพลังป้องกันสูง

-คุณถูกโจมตีด้วยลูกธนูอย่างต่อเนื่อง

การโจมตีเหล่านี้นั้นเปาอย่างกับตด เขาไม่จำเป็นที่จะต้องให้ความสนใจใดๆเลย ลูกธนูได้ถูกป้องกันโดยสมบูรณ์ภายใต้ชุดเกราะของเขา ด้วยพลังป้องกันอันมหาศาลและเกราะตัวนี้ นั่นทำให้ลูกธนูไม่สามารถที่จะสร้างความเสียหายให้กับเขาได้เลย วีดนั้นอโหสิกรรมอย่างไม่ถือสาหาความให้กับเหล่าทหารที่ใช้ธนูโจมตีเขา(พ่อพระหรา)

 อืม มันอาจจะมีกรรมตามสนองฉันนิดหน่อยล่ะมั้งเนี่ยกับการที่ฉันทำเรื่องไม่ดีลงไป

เขายังคงมีจิตสำนึกขั้นต่ำสุดเหลืออยู่(มีหรา) มันคงจะน่ารำคาญแล้วก็ยุ่งยากมากแน่หากเหล่ากองกำลังป้องกันทั้งหมดหันมากระโจนเข้าใส่วีดแทน

หากวีรบุรุษแห่งอาณาจักรมาปอนและเบย์เนอร์อย่างโรฮาดรามและอังเดรเข้าโจมตีวีดผสมโรงกับพวกวิหารเอ็มบินยู นั่นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ มันคงจะดีกว่าถ้าหากเขารอคอยให้วิหารเอ็มบินยูและเหล่าราชอาณาจักรจัดการกันเอง

โรฮาดรามและอังเดรนั้นยุ่งอยู่กับการบัญชาการเหล่าทหารเพื่อที่จะป้องกันการจู่โจมจากวิหารเอ็มบินยู

 เพื่อเป้าหมายของฉัน...ไม่สิ เพื่อที่จะตัดกำลังของราชอาณาจักรมาปอนและเบย์เนอร์ การป้องกันของที่นี่นั้นจำเป็นที่จะต้องทำให้ดี และฉันควรช่วยป้องกันวิหารเอ็มบินยูไม่ให้เข้ายึดครองป้อมปราการได้

การที่ต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์กันนั้นเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลอย่างแท้จริง มันเป็นเรื่องธรรมดาในประวัติศาสตร์สำหรับเหล่ากุนซือที่จะชิงข้อได้เปรียบนี้ แล้วเขาก็จะลอบโจมตีตลบหลังพวกมัน ต้องไม่ลืมว่าการลอบโจมตีจากด้านหลังนั้นก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม

 “ฉันมันเป็นคนเลวนี่นะ(เออเพิ่งรู้หรา)

วีดลอบยกย่องตนเอง(ชมว่าตัวเองเลวเนี่ยนะ ไปหมดแล้วบักวีด)
การนำกองทัพทะเลทรายเข้าไปต่อสู้โดยตรงกับวิหารเอ็มบินยูนั้นจะเป็นการเสียกำลังไปโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของศัตรูในระดับนี้ นั่นหมายความว่าไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าจะได้รับชัยชนะ และถึงแม้ว่าเขาจะชนะ เขาก็ได้จะได้ความเสียหายอย่างใหญ่หลวงอยู่ดี นั่นจะทำให้เหล่าพวกที่รอคอยอยู่ในป้อมปราการดัลมอร์สามารถที่จะระบุความแข็งแกร่งของเขาได้ และยังสามารถนำมาคิดหาวิธีโจมตีวีดได้อีกด้วย

เขานั้นจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ การแสดงความเป็นวีรบุรุษฮีโร่นั่นทำได้เพียงแค่นำพาชีวิตตนเองไปทิ้งก็เท่านั้น

 “เข้าปะทะ!”
 จงเปิดประตูออกเพื่อให้เหล่าผู้ศรัทธาสามารถเข้าไปได้
 เหล่าผู้แสวงบุญแห่งความวิบัติเอ๋ย จงกรีฑาทัพไปเบื้องหน้าเพื่อความตายเถิด!”

เหล่าสาวกคลั่งต่างพากันคว้าเสา(น่าจะหมายถึงเสาตีประตูเมืองอันใหญ่ๆที่เคยเห็นในหนัง)และได้พยายามที่จะพังประตูทางเข้าแห่งป้อมปราการดัลมอร์ ด้วยแร่เงินบริสุทธิ์ที่อยู่ในลำน้ำนั่นทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่มีพลังแห่งความมืด(Evil Alignment)ไม่สามารถที่จะเข้าไปได้อย่างง่ายดายนัก แต่ทว่ามันก็ยังสามารถใช้ทั้งหินและดินโคลนเพื่อถมและกั้นขวางแม่น้ำได้

เหล่ามอนสเตอร์ได้บินผ่านพยุหะลูกธนูและเวทย์มนต์เข้าไปเพื่อโฉบคว้าเหล่าการ์ด(Guard)บนกำแพงขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกมันได้ทนรับความเจ็บปวดจากเวทย์มนต์ป้องกันและล่ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง

 เคี๊ยกฮ่าๆๆๆ, ช่างเลิศรสนัก
 ข้าพลาดที่จะได้ลิ้มรสชาติการเคี้ยวกินศีรษะมนุษย์ไปซะแล้ว

เหล่ามนุษย์นั้นเป็นมื้ออาหารแสนอร่อยสำหรับเหล่าสิ่งมีชีวิตจากขุมนรก บางทีเหล่าปีศาจคงรู้สึกดั่งพวกมันเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังร้านอาหารสุดหรู

เหล่าปีศาจได้ทำให้ป้อมปราการดัลมอร์กลายเป็นฉากนองเลือดในพริบตา

ป้อมปราการแห่งนี้นั้นได้ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของการที่มันเป็นป้อมปราการอันแข็งแกร่งในยุคสงคราม แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ดูเหมือนว่าป้อมปราการนี้จะไม่สามารถรับมือต่อเหล่าวิหารเอ็มบินยูได้นานนัก
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

 “อ่า...มันได้เริ่มขึ้นแล้ว

 “กองกำลังแห่งวิหารเอ็มบินยูกำลังมาถึงแล้ว มันเหมือนจะเป็นอย่างนั้น ที่เราคิดว่านั่นมันคือการต่อสู้ที่แท้จริง  ทว่าตอนนี้มันดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายดายแบบนั้นและมันเป็นอะไรที่ลึกซึ้งมากกว่านั้นอีก

การแข่งขันอย่างดุเดือดระหว่างสถานีออกอากาศต่างๆยังคงดำเนินต่อไป และทุกสถานีนั้นกำลังออกอากาศเหตุการณ์เดียวกันนั่นคือการต่อสู้ ณ ป้อมปราการดัลมอร์

เหล่าผู้ชมนั้นไม่ได้ถูกบังคับให้เลือกว่าจะต้องดูช่องใด ทว่าในแต่ละสถานีก็มีสภาพการณ์ที่แตกต่างกันไป เหล่าสถานีถ่ายทอดสดที่ไม่ได้ออกอากาศการผจญภัยของวีด! สถานีพวกนั้นจะให้ความรู้สึกว่าเป็นเหมือนสถานีโทรทัศน์ชุมชน เกรดต่ำที่ไม่มีใครอยากดู

เหล่าสถานีต่างๆนั้นไม่สบายใจเลยที่จะต้องละทิ้งอีเวนท์ใหญ่อย่างการผจญภัยของวีดที่นั่นจะส่งผลถึงชะตากรรมของทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลล์ ไม่มีอะไรมาการันตีกับพวกเขาได้ว่า การถ่ายทอดสดของพวกเขานั้นจะได้เรทติ้งผู้ชมสูงกว่าสถานีคู่แข่งอื่นๆ ทว่าพวกเขาก็ไม่มีทางเลือก ทำได้แค่ยิงขายโฆษณาออกไป นอกจากนี้ การผจญภัยของวีดนั้นโด่งดังและเป็นที่นิยมอย่างมาก นั่นทำให้ดูไม่เหมือนว่าพวกเขาจะสามารถบ่นวิจารณ์อะไรได้ (หมายถึงว่าแบบ แต่ละช่องฉายรายการวีดเหมือนกันหมด ไม่ได้มีอะไรมาการันตีว่าช่องตัวเองจะมีคนดูเยอะ ทำได้แค่ต้องขายโฆษณาออกไป และก็ไม่รู้จะบ่นอะไรได้อีก ถึงแม้ว่าทุกช่องจะฉายอย่างเดียวกันหมด แต่รายการวีดมันก็ดังมากซะจนต่อให้แบ่งไปช่องอื่นคนมันก็ยังเยอะอยู่ดี)

วิดีโอได้เริ่มฉายอยู่บนจอ และปรากฏให้เห็นเหล่ากองกำลังอันมหาศาลของวิหารเอ็มบินยู จำนวนของกำลังรบในครั้งนี้นั้นมากมายกว่าสงครามครั้งใดๆที่ได้เคยพบเจอในรอยัลโร้ดหลายต่อหลายเท่า ดังนั้นมันจึงเป็นการยากอย่างมากที่จะได้เจอมหากาพย์สงครามอันรุนแรงอย่างนี้

เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์นั้นเสมือนดั่งขุนเขาเดินได้ที่โยกคลอนพื้นดินทุกครั้งที่ย่างก้าว และเหล่าเต่าบินที่ปกคลุมทั่วน่านฟ้า

 “นี่...จงพิพากษาพวกนอกรีด
 “การลงทัณฑ์ของพวกเจ้าจะเป็นความเจ็บปวดอันเกินทานทน

เหล่าผู้เล่นรอยัลโร้ดต่างก็ขนลุกไปทั้งร่างขณะที่มองไปยังกองทัพแห่งวิหารเอ็มบินยู พลังอำนาจของทั้งวีดและวิหารเอ็มบินยูในช่วงยุคสงครามนั้นช่างมากมายมหาศาลจนน่าหวาดหวั่น อย่างวิหารเอ็มบินยูนั้นก็มากพอแล้วที่จะกลืนกินทั้งทวีปกลางและบดขยี้จักรวรรดิฮาเว่น
ยังไม่หมดเท่านั้น

เหล่าพ่อมดยังได้เปิดประตูนรกออกมาส่งผลให้เหล่าปีศาจจากขุมนรกนั้นพลั่งพลูกันออกมามากมายมหาศาล ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงกลางวันแสกๆ ผืนนภาก็ยังอาบย้อมไปด้วยสีเลือดสลัว นี่คือการต่อสู้อันนำมาซึ่งศึกชี้ขาดเพื่อตัดสินชะตากรรมแห่งทวีปเวอร์เซลล์
ชินฮเยมิน และ โอ จู๋หวาน เอ้ย จูวาน แห่ง  KMC มีเดีย

สถานีใช้ลูกทีมกว่า 100 ชีวิตในการทำการถ่ายทอดสดครั้งนี้
 “นี่มันช่างเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่เริ่มวิดีโอเลยนะคะ มันทำให้ดิฉันหวาดหวั่นจริงๆค่ะว่าต่อไปจะมีอะไรเกิดขึ้น คุณโอจูวานคะ คุณคิดเห็นยังไงบ้าง?

 “มันช่างน่าสนใจจริงๆครับ

 “อ่า เหมือนว่าคุณจะพยายามย่อคำพูดลงไปนะคะ ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยสิคะ

 “หือ ผมทำแบบนั้นหรอ? อืมมม การต่อสู้นี่มันน่าตื่นเต้นซะจนเหงื่อออกผมเลยล่ะครับ กองกำลังติดอาวุธของวีดนั้นพวกเราก็พอได้เห็นกันบ้างแล้วตลอดภารกิจที่ผ่านมา แต่ทว่า พวกเขาจะสามารถต่อกรกับวิหารเอ็มบินยูได้จริงหรือ? แต่จะอย่างไรก็ตาม วีดนั้นมักแสดงฉากต่างๆอันเหนือความคาดหมายของเราเสมอ ดังนั้นพวกเราจึงคาดหวังได้เลยว่าวีดจะแสดงฉากอันน่าประทับใจให้เราได้เห็นในอนาคต

มันออกจะดูหดหู่และน่ากลัวเมื่ออยู่ตรงั้น แต่ผู้ชมชอบมันเมื่อได้เห็นวีดสัมผัสประสบการณ์ความยากลำบากนี้

 ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ พวกเรานั้นมีความสุขจริงๆเวลาได้เห็นวีดได้พยายามพิชิตภารกิจอันยากลำบาก

ทั้งเหล่าพนักงานของสถานีและเหล่าผู้ชมทั้งหลาย ต่างก็ต้องการที่จะชมวีดต่อสู้ ในการผจญภัยครั้งสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อทั่วทั้งทวีป! มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดความสนอกสนใจขึ้นมา เมื่อผู้เล่นเพียงคนเดียว สามารถที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลกอันมหาศาลต่อรอยัลโร้ด

 “คุณโอจูวานคะ คุณคิดว่าผลลัพธ์ของสงครามระหว่างวีด, ราชอาณาจักรทั้งสองและวิหารเอ็มบินยูจะออกมาเป็นแบบไหนคะ?

 “ผมคงสามารถอธิบายได้ถึงแค่ความเป็นไปได้เท่านั้นแหละครับคือ มีความเป็นไปได้มากทีเดียวที่ศึกนี้จะเป็นจุดจบของป้อมปราการอันยิ่งใหญ่

 ผมรู้สึกเสียใจต่อเหล่าราชอาณาจักรมาปอนและเบย์เนอร์จริงๆ อ๊ะ (Omo เป็นคำอุทานของเกาหลีเวลาตกใจ เหมือนอุ๊ย ว๊าย ไรงี้) ตอนนี้ประตูทางเข้าได้ถูกทำลายลงเรียบร้อยแล้วครับ

 มันได้พังทลายลงแล้ว! เหล่าสาวกคลั่งแห่งเอ็มบินยูต่างกรูแย่งเบียดเสียดกันเข้าไป ฉากการต่อสู้จะกลับมาในอีกไม่ช้า ได้เวลาพักรับชมสิ่งที่น่าสนใจกันสักครู่ครับ

★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
วีดได้เข้าสู่การต่อสู้โดยตรงด้วยการคว้าธนูน้ำแข็งเยอร์บูซิก้า(Yurbudika Frost Bow)ออกมาประเดิมยิงใส่เหล่าสาวกคลั่งแห่งเอ็มบินยู

มันไม่ใช่เพียงแค่ศรน้ำแข็งธรรมดาๆเพียงเท่านั้น ทว่ามันคือลูกศรที่สามารถแช่แข็งเป็นวงพื้นที่ขนาดเล็กได้! เหล่าสาวกคลั่งนับสิบที่รวมกันอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าถูกสังหารภายในครั้งเดียว

 นี่แหละคือรสชาติความสนุกแห่งการสังหารหมู่ แม้ว่ามันฉันจะยังผิดหวังอยู่ก็เถอะนั่น เพราะนั่นมันเป็นแจปเท็มเดินได้ดีๆนี่เอง

หน่อยป้องกันป้อมปราการนั้นไม่ได้โจมตีวีดในตอนนี้
แน่นอนว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่เป็นปรปักษ์ต่อกัน แต่กระนั้นความสำคัญสูงสุดในตอนนี้คือการโต้กลับการโจมตีของวิหารเอ็มบินยูกลับไป พวกเขาถูกความหวาดกลัวจากความป่าเถื่อนของวิหารเอ็มบินยูสลักลึกลงไปในจิตใจ พวกเขาสามารถถอนตัวออกไปได้ แต่ทว่าจากนั้นอาณาจักรทั้งสองก็จะกลายเป็นเป้าหมายแทน(อันนี้น่าจะหมายถึงในมุมมองของหน่วยป้องกันป้อมปราการล่ะมั้ง)

เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์ต่างพากันขว้างก้อนหินขนาดใหญ่มาโดยปราศจากความลังเล เพื่อหวังที่จะทำลายป้อมปราการทิ้งให้สิ้นซาก ถึงแม้ว่าป้อมปราการนี้จะถูกป้องกันไว้ด้วยมหาเวทย์ แต่ทว่าก้อนหินเหล่านั้นก็ยังคงกระแทกเข้าใส่ป้อมปราการอย่างช้าๆ

ซ้ำร้าย มหาเวทย์ป้องกันป้อมปราการนั้นก็ไม่ได้จะคงอยู่ตลอดไป  แม่น้ำเงินบริสุทธิ์ก็ถูกถับถมไปด้วยสิ่งสกปรกทั้งดินโคลนและก้อนหิน ดังนั้นเหล่าสาวกคลั่งและปีศาจจากขุมนรกจึงสามารถเข้าไปยังประตูและกระทั่งปีนกำแพงข้ามไปได้

มันดูราวกับว่าป้อมปราการนั้นมาถึงจุดวิกฤตอย่างแท้จริง ความเคร่งเครียดหวาดกลัวได้แพร่กระจายไปในหมู่ทหาร เมื่อเป็นเช่นนั้นเหล่าปีศาจที่ออกมาผ่านประตูนรกจะคว้าจับเอาเหล่ามนุษย์และฉีกกินเลือดเนื้อสดๆของพวกเขาไป

วีดได้ใช้สกิล เสียงคำรามแห่งอาทร็อก (Atrock,s Cry) ออกไป

 “เหล่าวิหารเอ็มบินยูอันป่าเถื่อนโหดร้ายนั้นจะไม่ไว้ชีวิตใครในพวกเราทั้งนั้น! หากพวกเจ้ายังอยากที่จะมีชีวิตรอด จงสู้ด้วยทุกสิ่งที่พวกเจ้ามีให้ถึงที่สุดซะ!

เหล่าราชอาณาจักรมาปอนและเบย์เนอร์นั้นไม่ใช่พวกเดียวกันกับวีด ดังนั้นมันจึงไม่มีผลในการเพิ่มพลังต่อสู้หรือความสามารถใดๆในการช่วยให้ปฏิบัติตามคำสั่ง แต่ทว่ามันค่อนข้างได้ผลต่อขวัญและกำลังใจของเหล่าทหาร


 “มะ..ไม่ ข้าต้องการมีชีวิตเพื่อกลับบ้าน
 “ไปกันเถอะ ไปสู้และเอาชีวิตรอดกัน
 อาณาจักรของพวกเราล่มสลายลงเรียบร้อยแล้ว แองเจล่า ข้าจะไปหาเจ้า

ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารที่กำลังสู้กับเหล่าสิ่งมีชีวิตจากขุมนรกลดลงอย่างรวมเร็ว เมื่อใดก็ตามที่ขวัญกำลังใจตกลงสู่จุดต่ำสุด ทหารเหล่านั้นก็จะทำการหนีทัพ และกองทัพก็จะพังป่นปี้ ความเป็นผู้น้ำของผู้บัญชาการกองทัพจะสร้างความแตกต่างในส่วนนี้อย่างมหาศาล

 แม้กระทั่งหลังความตายพวกมันก็จะยังคงเหยียบย่ำดวงวิญญาณของเรา  ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ที่ผู้คนตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่นับล้านชีวิตจักกลายเป็นดินแดนอันแห้งเหี่ยวรกร้าง นครอันงดงามก็เหลือเพียงเศษซากปรักหักพัง คนในครอบครัวของพวกเจ้าที่อยู่ในดินแดนบ้านเกิดก็จะได้รับการทารุณกรรมอันโหดร้ายจากพวกมัน!”

เหล่าทหารแห่งราชอาณาจักรมาปอนต่างก็ตกอยู่ในความสับสนงงงวย

 “เจ้าคนป่าเถื่อนนั่นมันพูดเรื่องไร้สาระอันใดกัน?
 “นั่นน่ะสิ ไม่ใช่ว่าพวกมันทั้งหมดนั่นทำตามที่เจ้านั่นสั่งเช่นกันหรอกรึ?

วีดนั้นก็ได้หลงลืมพฤติกรรมที่ตนเองตลอดจนเหล่านักรบทะเลทรายได้ทำลงไปเช่นเดียวกัน ทั้งการปล้นสะดม เผาทำลายเมือง และกระทั่งการจับคนมาเป็นเชลยศึกของเขานั้นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากวิหารเอ็มบินยูเลย แต่ว่านั่นก็มีความแตกต่างอยู่ หากมองจากมุมมองของผู้ที่มีส่วนร่วมด้วย

 ฉันทำเรื่องแย่ๆลงไป แต่นั่นก็เพื่อความยุติธรรม ดังนั้นมันก็คงไม่เป็นไรหรอก คุณไม่ควรให้ความผิดเล็กๆน้อยๆนี่มีผลในชีวิตคุณ นี่ถูกไหม?

การคิดโคตรเข้าข้างตัวเอง!

ในปัจจุบัน ชาวบ้านทั้งหมดในยุคสงครามนี้นั้นมีตัวตนอยู่ก็เพราะภารกิจของวีดและซอยูน เมื่อใดก็ตามที่วีดกลับคืนสู่ช่วงเวลาปกติ โลกแห่งนี้ก็จะปลิวสลายหายไปดั่งสายลมที่พัดผ่านเม็ดฝุ่น

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีความสำนึกผิดใดๆ ในความจริงแล้วการกระทำของวีดนั้นจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเหตุการณ์ในอนาคต ต่อให้นั่นจะเป็นยุคสมัยที่สงบสุขก็ตาม แต่ทว่าพวกเขานั้นเป็นเหล่าพลเมืองในยุคสงคราม ดังนั้นพวกเขาก็อาจจะต้องตายอยู่ดีต่อให้ไม่ได้มีการกระทำของวีดเข้ามาเกี่ยว

มันคือช่วงเวลาที่พวกเขาเป็นได้ทั้งพัฒนาหรือพังทลายย่อยยับไป มันคือวงจรต่อเนื่องแห่งการแตกดับและพื้นฟู ดังนั้น ความเสียหายที่วีดได้กระทำต่อจักรวรรดิฮาเว่นและทวีปกลางจึงน้อยกว่าที่คาดเอาไว้ 

ความแตกต่างทางพลังระหว่างวิหารเอ็มบินยูและกองทัพนั้นหนักหนาสาหัสมาก แม้ทหารจะต่อสู้ได้ดี มันคงไม่ง่ายที่จะผลักดันพวกมัน

ขณะอยู่ท่ามกลางการยิงธนูของเขาจากบนกำแพง วีดยังสามารถสังเกตการณ์ทั่วทั้งสนามรบ เป้าหมายสูงสุดของเขานั้นหาใช่การป้องกันป้อมปราการดันมอร์ไม่ หากแต่คือการเอาชนะศึกสงครามครั้งนี้

กองทัพทะเลทรายนั้นกำลังเคลื่อนไหวดั่งที่วีดได้วางแผนไว้ล่วงหน้า พวกเขาจะรอคอยอยู่ในระยะห่างที่เหมาะสมจนกว่าจะถึงเวลาที่สมควรแก่การเข้าโจมตีกองทัพเอ็มบินยู เหล่าประติมากรรมสลักชีพ, เฮสไทเกอร์ผู้จะไม่มีทางตาย(วีดมึงแค้นอะไรมันนักวะ ส่งไปตายอย่างเดียว ไอนี่ก็ดันไม่ตายอีก 5555)  และตาเฒ่าซาฮับ นั้นเป็นผู้นำในแต่ละกองกำลัง

เหล่าอันเดดผู้ถูกนำโดยแวนฮอว์กก็ได้พร้อมทำการโจมตีกองทัพเอ็มบินยูจากด้านข้างแล้ว พวกอันเดดนั้นสามารถฟื้นคืนชีพมาได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นมันจึงดีกว่าที่จะใช้พวกมันตั้งแต่เนิ่นๆ

การจู่โจมของอัศวินโลกันต์แวนฮอว์กและเหล่าอัศวินต้องสาป! อันเดดนั้นสามารถเพิ่มความสามารถของตนเองได้ แต่ในหลายๆกรณี มันจะดีกว่าหากสร้างอันเดดจากศพที่มีเลเวลสูงๆ
แน่นอนว่าแวนฮอว์กนั้นไม่ใช้เพียงผู้เดียวที่สามารถอัญเชิญอันเดดได้ เหล่านักเวทย์ของวิหารเอ็มบินยูก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ว่า เหล่าอันเดดที่มุ่งหน้าเข้าหาป้อมปราการดัลมอร์นั้นประกอบไปด้วยพวกสาวกคลั่งและเผ่าพันธุ์คนแคระ

 “คุฮิ!”
 คุฮิฮิฮิฮิฮิ

เหล่าคนแคระนั้นสูงเพียง 1 เมตร พวกมันสามารถที่จะเคลื่อนที่ในระยะสั้นได้ด้วยการใช้เวทย์มนต์(น่าจะคล้ายๆบลิ้งค์ไรงี้มั้ง) และกรงเล็บอันแหลมคมนั้นน่าหวาดหวั่นและยากที่จะรับมือด้วย ทั้งพวกมันยังคิดว่าเหล่ามนุษย์(ตามEng แปลมาว่า users ซึ่งหมายถึงผู้เล่น แต่ในยุคที่วีดย้อนมามันไม่มีผู้เล่นคนอื่นอยู่เลย ผมเลยคิดว่าน่าจะเขียนมาผิด)นั้นเป็นดั่งขนมขบเคี้ยวดีๆนี่เอง

 ประตูทางเข้าได้พังทลายลงมาแล้ว เหล่าพี่น้องแห่งอาณาจักมาปอนเอ๋ย จงขัดขวางศัตรูเอาไว้อย่าให้มันเข้ามาได้

 “หน่วยพลหอก พวกเจ้าอย่าได้ถอยกลับหลังแม้แต่ก้าวเดียว อาณาจักนั้นต้องการเลือดของวีรบุรุษเช่นพวกเจ้า จงสู้เพื่อองค์เหนือหัว!”

เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์ได้พังประตูลงและทำให้ฝูงมอนสเตอร์และเหล่าสาวกคลั่งได้เข้าไปสู่ภายในป้อมปราการ เหล่าอัศวินแห่งอาณาจักรมาปอนได้ใช้หอกของพวกเขาเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้เข้ามา

วีดยืนยิงเหล่าศัตรูตัวใดก็ตามที่เข้ามาถึงหรือกำลังปีนกำแพงขึ้นมา บางครั้งเหล่าเหล่าสิ่งมีชีวิตจากขุมนรกก็จะถูกโจมตีโดยลูกธนูหรือไม่ก็มีดสั้นและร่วงลงมายังพื้นพร้อมกับเสียงร้องโหยหวน

 “พวกมันกำลังพังทลายลงมากองรวมกันอย่างรวดเร็ว อย่างนี้จะเรียกว่ามันเป็นป้อมปราการไร้พ่ายได้อยู่อย่างนั้นหรือ?

แม้ว่าจะด้วยชื่อเสียงอันลือเลื่องของมัน กองทัพทะเลทรายก็ยังสามารถเข้ายึดครองป้อมปราการดัลมอร์ได้อย่างง่ายดาย ความสามารถในการบัญชาการกองทัพเพื่อการรบของวีดนั้นอยู่ในระดับที่ไม่มีใครจะสามารถเทียบเคียงได้เลย

ประตูทางเข้าได้ถูกตีแตกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นวีดจึงเพ่งสมาธิอยู่กับการยิงธนูใส่ศัตรูที่กำลังข้ามแม่น้ำมาแทน

ฟิ้ววววว ฉึบๆๆ ตู้มๆๆ

ศรน้ำแข็งได้ระเบิดออกไปทั่วทุกทิศทาง และศัตรูนับร้อยที่อยู่ในระยะโจมตีถูกแช่แข็งจนหมดสิ้น

โดยปกติแล้วเหล่าสาวกคลั่งตกตายลงไป พวกมันจะแพร่บางสิ่งอย่างฝันร้ายอันแพร่กระจาย’, ‘ร่างอันสร้างจากพิษแห่งความตาย และฉีกกระชากร่างทารก (มันคืออิหยังใครรู้ช่วยบอกทีซิ 5555) ทั้งออร่าแห่งความมืดที่ถูกประทานมาโดยเทพเอ็มบินยูก็ยังได้ถูกแช่แข็งไปด้วย

เมื่ออยู่ในสถานะถูกแช่แข็ง จำนวน 40% ของเหล่าสาวกคลั่งและเหล่ามอนสเตอร์ได้ตกตายลงไป แน่นอนว่ามันก็ยังมีเหล่าตัวที่รอดชีวิตไปได้ แต่ทว่าพลังชีวิตของพวกมันก็ยังถูกลดลงไปและการเคลื่อนไหวก็ถูกทำให้ช้าลง การแช่แข็งศัตรูที่กำลังพุ่งข้ามแม่น้ำมานั้นเป็นการโจมตีที่มีประสิทธิภาพมาก

เหล่าพลธนูในป้อมปราการดัลมอร์ยังคงยิงธนูออกไปอย่างไม่ลดละ ทั้งยังมีเสียงกรีดร้องและเสียงตะโกนปลุกขวัญกำลังใจในการโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อน

 “ฉันไม่รู้สึกถึงพลังของกองทัพทั้งสองอาณาจักรเลย หรือว่าพวกเชื้อพระวงศ์มันกำลังพยายามจะหนีออกจากป้อมปราการกันนะ?

วีดผ่านความคิดอันแสนอันตรายนั้นมาแล้วและได้มองย้อนกลับไปดูถึงสิ่งที่อาณาจักรมาปอนและเบย์เนอร์ทำอยู่

การประหัตประหารสู้รบกันอย่างรุนแรงได้เกิดขึ้นบนถนนสายหลักใกล้กับประตูทางเข้า เหล่าสิ่งมีชีวิตบินได้ได้บินอยู่ในอากาศ ขณะที่เหล่าพลธนูและอาวุธตีเมืองได้ถูกใช้เพื่อพังและเผาทำลายสิ่งปลูกสร้างภายในป้อมปราการ

เหล่าเต่าบินขนาดยักษ์นั้นดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เหล่าบาเรท(Barates)พ่นพิษออกมาและหลอมละลายทั้งเหล่าทหารและสิ่งปลูกสร้างต่างๆไปพร้อมกัน ซึ่งนั่นไม่ใช่วิธีการโจมตีเพียงอย่างเดียวที่พวกมันมี

เหล่าปิศาจจากขุมนรกได้โผล่ออกมาผ่านประตูนรกนั้นมีความสามารถในการเรียนรู้อันโดดเด่น

 ‘เราไม่สามารถกินเจ้ามนุษย์นั่นได้'

 ‘เจ้านั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะเข้าไปมีเอี่ยวด้วยได้ มันแข็งแกร่งเยี่ยงปีศาจ’ (ควรดีใจนะถูกปีศาจชมว่าน่ากลัวเหมือนปีศาจ)

 เป็นความรู้สึกอันน่าสะอิดสะเอียนยิ่ง มันคงจะน่ารำคาญแย่หากเจ้านั่นมาล่าเรา

วีดนั้นได้สลักความหวาดกลัวลงไปในเหล่าปีศาจอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปยังเหล่าทหารมนุษย์ เหล่ามอนสเตอร์ที่มีปีกบินได้นั้นได้เข้ามาโฉบลักพาตัวเหล่าทหารไปจากป้อมปราการดัลมอร์

เหล่าจอมเวทย์บนพื้นดินได้เล็งทั้ง เวทย์น้ำแข็ง ลม และแสงยิงเข้าใส่เหล่าสิ่งมีชีวิตบินได้ทั้งหลาย ทว่าประสิทธิภาพนั้นห่วยบรม เวทย์โจมตีพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างสุ่มๆ

ป้อมปราการแห่งนี้นั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก และเหล่าอัศวินก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการไล่กำจัดเหล่าศัตรูที่กำลังบุกรุกเข้ามา ป้อมปราการดัลมอร์นั้นวุ่นวายเต็มไปด้วยเสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องโหยหวน
มันมีขีดจำกัดสำหรับสิ่งที่เหล่ามนุษย์จะสามารถทำได้เพื่อต่อกรกับกองทัพเอ็มบินยู

 “เห้อ เอาล่ะ ฉันว่าฉันคงไม่สามารถจะบ่นอะไรได้ล่ะนะ ฉันจำเป็นที่จะต้องกระตือรือร้นขึ้นสักหน่อยแล้ว

ตอนนี้มันเป็นเรื่องเร่งด่วนในการจัดการกับประตูทางเข้า หากประตูทางเข้าถูกปิดลง เหล่าพลธนูและจอมเวทย์ก็จะสามารถลดจำนวนของกองทัพเอ็มบินยูลงได้

แน่นอนว่าเหล่ายักษ์สัมฤทธิ์ที่กำลังขว้างก้อนหินยักษ์มายังป้อมปราการก็ช่างเป็นอะไรที่น่าปวดหัว

วีดลูบไปยังเจ้าอูฐของเขา

 “เจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยน
 “มูวววว!”
 “ไปซ่อนตัวซะจนกว่าฉันจะเรียก

วีดลงมาจากหลังเจ้าอูฐ และชักดาบผลาญโลกาออกมาขณะที่เจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนเข้าไปแอบในจุดป้อมกันภัยอย่างรวดเร็ว

 แล้วฉันควรจะไปเล่นตรงไหนดี? (แหมเขาตีกันแทบตายเอ็งจะไปเล่นเรอะ ถถถ)

พลังในการฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาของเขานั้นสูงมาก ดังนั้นเขาจึงกลับมาสู่สถานะสูงสุดของตนเองได้อีกครั้ง

วีดสามารถเข้าไปขัดขวางประตูทางเข้าได้เพราะอย่างนั้นจึงไม่มีมอนสเตอร์หรือสาวกคลั่งแม้แต่ตัวเดียวที่จะผ่านเข้าไปได้ จะอย่างไรก็ตาม การป้องกันสถานที่ใดสถานที่หนึ่งที่เดียวนานๆนั้นแสนน่าเบื่อหน่าย

ลำพังเหล่าสาวกคลั่งนั้นไม่เพียงพอต่อการหยุดยั้งเทศกาลทะเลทรายอันยิ่งใหญ่ วีดมีความสามารถที่จะแผดเผาศัตรูนับร้อยด้วยการกวัดแกว่งดาบแบบโง่ๆเพียงครั้งเดียว วีดแทบจะหวาดหวั่นต่อการต้องกลับไปเผชิญความจริงในช่วงเวลาเดิม(แหมมม โหดซะติดลมเชียวนะบักวีด)

ทว่ามันก็ไม่มีความหมายใดๆในการจะมาป้องกันประตูทางเข้าเอาไว้ ในเมื่อเหล่ายักษ์สัมฤทธิ์จะทำลายกำแพงลงได้ในที่สุด

 “ฉันว่าขึ้นไปเล่นบนอากาศดีกว่า

วีดทะยานไปตามแนวกำแพงราวกับสายลม เขาวาดดาบของเขาอย่างแผ่วเบาไปยังเหล่ามอนสเตอร์นับสิบที่กำลังปีนขึ้นมาจากกำแพง

 ก้าวย่างประกายแสง!(Flash Leap)”

วีดวิ่งไปอย่างรวดเร็วและได้ร่ายใช้สกิลออกไป มันไม่ได้กินมานาใดๆจากเขาแต่ว่ามันจำเป็นที่จะต้องมีค่าความแข็งแกร่งและความว่องไวที่สูงมาก มันเป็นเทคนิคที่ทำให้เขาสามารถกระโดดสูงมากๆได้หากความเร็วในการวิ่งของเขามากพอ

ฟ้าวๆ ฟิ้ววว

คลื่นกระแทกขนาดใหญ่ได้ส่งไปถึงกำแพงและทำให้เหล่าพลธนูร่วงหล่นลงมา วีดกระโดดบินขึ้นไปสูงกว่า 100 เมตร และเหินร่อนลงเบื้องหน้าศัตรูบนหลังเจ้าเต่ายักษ์

เหล่าพลธนูและจอมเวทย์บนหลังเจ้าบาเรทได้หันเหเป้าหมายมายังเขา

 “ศะ...ศัตรูบุก!”
 “พวกเราจะต้องสังหารมัน

อย่างไรก็ตาม วีดทำเพียงแค่เหวี่ยงดาบอย่างโง่ๆไปยังเหล่าพลธนู เปลวเพลิงก็ได้ลุกโหมกระหน่ำออกมาจากดาบผลาญโลกาในรูปแบบของเสาเพลิง เปลวเพลิงอันน่าหวาดหวั่นได้มาถึงเหล่านักธนูที่ที่กำลังกรีดร้องและสลายหายไป

 “มูวววว!”

เจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนคลืบคลานเข้ามาใกล้กับกำแพงขณะที่กำลังเฝ้าดูการต่อสู้ของวีด จากนั้นร่างของมันก็เปลี่ยนเป็นเศษฝุ่นและถูกดูดเข้าไปยังกำแพง สิ่งที่เหลืออยู่ของแบ็คเทรี่ยนมีเพียงลวดลายที่อยู่บนกำแพงเพียงเท่านั้น

นี่คือสกิลป้องกันตัวของเจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยน ทำงานโดยการเข้าไปซ่อนอยู่ภายในวัตถุต่างๆ

-ท่านได้รับเหล็กต้องสาป

-ท่านได้รับศรพิษ 382 ดอก

-ท่านได้รับหนังสือแห่งการสังเวยแด่วิหารเอ็มบินยู(A book of offering for the Embinyu Church)
ท่านสามารถได้รับความรู้และค่าประสบการณ์เล็กน้อย

วีดได้เก็บแจ็ปเท็มที่เหล่าพลธนูเหลือทิ้งไว้

 “ฉันจะฆ่าเจ้านี่ยังไงดี?

เขานั้นจำเป็นที่จะต้องรับมือกับเจ้าเต่ายักษ์นี่ด้วยเช่นกัน

คู้ววววววว! (เสียงเต่าอะเสียงเต่า)

เจ้าเต่ายักษ์รู้สึกได้ถึงวิกฤตอันถึงแก่ชีวิต และเริ่มบิดร่างกายไปมาขณะกำลังบินอยู่ มันเอนตัวไปทางด้านหลังและพลิกกลับหัวกลับหางในการพยายามจะทำให้วีดตกลงไป

เขาได้ประสบกับความรู้สึกอันน่าหวาดเสียว!(ยังกะรถไฟเหาะ) เขาได้ร่วงลงมาถึงพื้น แต่ด้วยพลังชีวิตอันมหาศาลส่งผลให้เขานั้นไม่ได้รับบาดเจ็บจากการพุ่งโหม่งโลก

เหล่าจอมเวทย์คนอื่นๆในบริเวณนั้นได้ร่ายเวทย์เพลิงยิงเข้าใส่เขา เหล่าบาเรทยังได้พ่นน้ำกรดออกมาใส่เข้าขณะที่พวกมันกำลังพลิกตัวไปมาอย่างโลดโผนกลางอากาศ

 “ความรุนแรงแค่นี้ยังไม่พอที่จะฆ่ามันสินะ ฉันควรที่จะต้องไปจัดการมันรายตัวซะแล้ว

วีดได้ทำการร่ายสกิลออกมา

 เพลิงพิโรธ!”

เปลวเพลิงลุกไหม้ปะทุออกจากดาบผลาญโลกา เปลวเพลิงที่ออกมานั้นช่างรุนแรงและดุดัน มันจำเป็นที่จะต้องให้เปลวเพลิงเข้าสัมผัสกับศัตรูโดยตรงจึงจะเกิดความเสียหายขึ้น ทว่าเมื่อใดก็ตามที่มันไปถึง มันจะหลอมลายกระทั่งหนังและกระดูกของมอนสเตอร์เหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจ้วงแทงเข้าไปโดยตรงจะเพิ่มความรุนแรงในการโจมตีขึ้นไปอีกถึง 5 เท่า

วีดได้กระโดดข้ามเหล่าเต่ายักษ์มากมายหลายตัวในครั้งเดียวโดยไม่ได้กังวลตรวจสอบผลลัพธ์แต่อย่างใด ในตอนนี้มันเป็นไปได้แล้วที่จะกระโดดข้ามไปยังเต่าอีกตัวโดยปราศจากการใช้สกิลกระโดดใดๆ เหล่าพลธนูนั้นทำอะไรไม่ได้โดยสมบูรณ์ขณะที่เหล่าเต่ายักษ์ถูกเปลวเพลิงเข้าปกคลุมร่วงหล่นลงมากระแทกเข้ากับพื้นดิน

 “วู้ว ผลมันออกมาดีแฮะ

เขากระโดดขึ้นไปบนอากาศและโจมตีเหล่าเต่ายักษ์อย่างต่อเนื่อง เหล่าอัศวินและพลธนูต่างกรีดร้องโหยหวนขณะที่เต่ายักษ์ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน

 กระจายกำลังออกไป!”
 “ร่วงลงไปอีกแล้ว
 “ตรงนั้น...

บอลเพลิงขนาดยักษ์อันมีเจ้าเต่ายักษ์อยู่ภายในร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าพุ่งกระแทกเข้าใส่ป้อมปราการดัลมอร์ ทั้งหอคอยและสิ่งปลูกสร้างทั้งหลาย ต่างพังทลายลงขณะที่เหล่าทหารและขุนนางมากมายตกตายลงไป

โปรดติดตามตอนต่อไป
ผู้แปล : Patty
Editor : แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...