วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560

เล่ม 19 ตอนที่ 8 มรดกของประติมากร แปลโดย Cole’s Myth

เล่ม 19 ตอนที่ 8 มรดกของประติมากร แปลโดย Cole’s Myth


วีดค้นพบถ้ำเพื่อใช้หลบซ่อนด้วยความยากลำบากเพียงเล็กน้อย ถ้ำนั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มันเป็นหลุมที่พ่นลาวาออกมาตลอดเวลาเมื่อเกิดการกระทบกันของแผ่นเปลือกโลก
ถ้าหากคุณเดินลึกเข้าไปข้างในบริเวณชั้นใต้ดิน คุณจะพบเห็นสายธารลาวาที่กำลังไหลอย่างเอื่อยเฉื่อย พร้อมกับปล่อยพลังงานความร้อนออกมาถึงแม้ว่าจะมีมอนสเตอร์จำพวกโลมาและปลากระโทง(ปลาดาบ)กระโดดไปมาบนลาวา วีดไม่ได้สนใจเป็นเวลานานเท่าใดนัก
ไม่ ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าถ้ามองไปที่พวกมันแล้วเราเกิดถูกเผาขึ้นมา ไม่มีทางซะหรอก เราไม่ได้อยากที่จะต่อสู้กับเจ้าพวกนั้นซะหน่อย
เจ้าวิหคทองคำยังคงงงงวยและสงสัยว่าทำไมวีดถึงตั้งใจมองไปที่เขามากขนาดนั้น
ถ้าหากว่าเรานั้นมีอิสระดั่งเช่นนก, มันคงจะเป็นหนทางที่สะดวกที่สุดในการสำรวจไปรอบๆทั้งหมดทั้งมวลนี้ การที่สามารถบินได้ มันช่างดูง่ายดายกว่าที่คิดซะอีก
ด้วยการใช้เจ้านกสีทองเป็นแบบ วีดได้สร้างผลงานชิ้นใหม่ขึ้นมาปกคลุมด้วยเถ้าถ่านภูเขาไฟ; มืดดั่งท้องฟ้ายามค่ำคืน; มอนสเตอร์ที่หลอมรวมเข้ากับสภาพแวดล้อม เขาได้สร้างอีกาขึ้นมา
ประติมากรรมจำแลง!”
ร่างกายของวีดหดลงไปมากกว่าสองเท่าขนนกออกมาจากร่างกายของเขาและปากของเขาก็เปลี่ยนเป็นจะงอยปากอันแหลมคม; ดวงตากลมขนาดเท่าลูกปัด เปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนกับก้อนถ่าน
เมื่อคุณอยู่ในร่างนี้ คุณจะไม่สามารถใช้อุปกรณ์สวมใส่ที่มีอยู่ในตอนนี้ได้เลย มอนสเตอร์มีปีกขนาดเล็กจะได้รับความทรมานจากบทลงโทษเมื่อสวมใส่อุปกรณ์ที่มีน้ำหนักมาก อุปกรณ์สวมใส่ที่มีน้ำหนักมากจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับค่าความเร็วและความคล่องตัวของคุณ

ถ้าหากคุณไม่จำกัดปริมาณพละกำลังและความเร็ว จะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะก้าวเดินหรือขยับปีกเพื่อบิน
ผลจากทักษะประติมากรรมจำแลง ทำให้ค่าความรู้และสติปัญญาลดลงถึงจุดต่ำสุดอย่างไรก็ตาม ค่าความเร็วเพิ่มขึ้นเพื่อใช้เร่งในการบิน ค่าสถานะของเขา ณ ตอนนี้ ได้รับผลกระทบจากการเลียนแบบเป็นนกอย่างสมบูรณ์ ทั่วทั้งตัวมีแต่ขน แถมยังไร้สมองอีกต่างหาก
ค่าสถานะแห่งความโชคร้ายจากอีกายังส่งผลตามมาติดๆด้วยเช่นกันค่าสถานะด้านโชคถึงกับอยู่ในช่วงติดลบ, ราวกับว่ามันกำลังแผ่ความโชคร้ายมาสู่ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวของมันใช่แล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนัก ภายในความเป็นอีกานั้น เป็นที่รู้จักกันดีว่า มันคือ ลางร้ายแห่งความหายนะ
มานา, ความอึด, และพลังกาย -25%.
มีผลจนกว่าการแปลงกายจะถูกยกเลิก
วีดต้องการทดสอบด้วยการส่งเสียงร้องแบบอีกา
มันติดตรงที่ ก๊าก๊า กา กา กา ก้า
มันน่ารำคาญมาก, เสียงที่ฟังแล้วช่างไม่รื่นหูอย่างแรง ทำให้เจ้าวิหคทองคำขวัญผวาเล็กน้อย, เจ้าเหลืองเองก็หงุดหงิดเช่นกัน, อีกทั้งยังทำให้โกลด์มินิเสียวสะดุ้งจนต้องถอยออกมา
ยังไงซะ ตอนนี้ก็ได้เวลาที่เราต้องออกสำรวจสักหน่อย
อีกาไม่เหมาะที่จะต่อสู้ ที่แย่ไปกว่านั้นจะงอยปากของมันยังเอาไปใช้เขียนไม่ได้อีกด้วยและมันยังไม่สามารถใช้อุปกรณ์สวมใส่ได้เลย
ซ้าย, ขวา, ซ้าย, ขวา
วีดค่อยๆขยับเท้าก้าวออกไปทีละนิด เพื่อทำความคุ้นเคยกับร่างใหม่ของเขาเขานั่งแล้วก็ลุกขึ้นยืนไปมา, จากนั้นหุบปีกและกางปีกออกมาเจ้าอีกาตัวจ้อย, ยังมีอะไรอีกมากที่ต้องปรับตัวหลังจากดิ้นรนไปมา อยู่ประมาณ 10 นาที ในร่างกายอันแปลประหลาด, ดูเหมือนว่าเขาจะจัดการมันได้ซะที
เอาล่ะ ได้เวลาทดสอบบินดูแล้ว

วีดเร่งความเร็วไปยังที่ว่าง เหมือนกับเครื่องบินที่กำลังจะเทคออฟเพื่อบินขึ้นสู่น่านฟ้า
*พั่บ พับ พั่บ พับ พั่บ พับ*(ไปเลยแมกนั่ม555)
วีดลอยตัวออกจากพื้นดิน พร้อมกับรวบอากาศที่อยู่ข้างใต้ปีกของเขามันดูไม่ค่อยมั่นคงนัก, แต่ในที่สุด เขาก็ลอยอยู่เหนือพื้นดิน, บินไปเหมือนอีกามันดูแปลกๆแต่ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ด้วยการขยับปีกไปในอากาศ เขาบินสูงขึ้น สูงขึ้นจากตรงท้องฟ้าที่เขาอยู่นั้น เขาสามารถมองเห็นเป็ดเพลิงบินวนไปวนมาอยู่รอบๆ
ช่างน่าเสียดาย วีดนั้นอ่อนแอเกินกว่าที่จะต่อสู้กับพวกมันได้
เขาเคยมีการต่อสู้ที่สุดยอด, และเก่งกาจในร่างของมนุษย์,แต่ทว่าการแปลงเป็นอีกา ทำให้เขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ แน่นอนล่ะว่า เขาคงได้ตายร้อยเปอร์เซ็นต์ หากต้องใช้ร่างนี้ต่อสู้, หนำซ้ำอาวุธของเขาที่ร้ายแรงที่สุดในตอนนี้มีเพียงแค่การโจมตีด้วยจะงอยปากเท่านั้นหลังจากที่โจมตีออกไปเพียงครั้งเดียว, มันแทบจะไร้ประโยชน์ในทันทีที่เขาถูกโจมตีกลับอย่างต่อเนื่องเขาไม่มีทางหนีรอดหลังจากการโจมตี
เขาเริ่มทำการปรับปีกของเค้าและเปลี่ยนทิศทาง จุดมุ่งหมายของเค้าคือการดูข้อมูลและรูปแบบของมอนสเตอร์ มอนสเตอร์เกือบทุกตัวที่นี่นั้นเปรียบได้ดั่งสมบัติทางธรรมชาติ
วิดีโอบนโฮมเพจของรอยัลโร้ด เรียกพื้นที่บริเวณนี้ว่า เพื่อนบ้านที่แสนจะอันตรายวีดไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาแต่อย่างใด เขาผงกหัวไปมาอย่างช้าๆ สังเกตดูสิ่งต่างๆรอบตัวของเค้า
ตั้งแต่เขาเปลี่ยนร่างเป็นอีกาณ จุดที่สูงที่สุดของลาสฟาลั้งคซ์ที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากระดับพื้นดิน, ได้มาเผยโฉมให้เห็นแล้ว ลาสฟาลั้งคซ์ไม่ใช่เกาะที่เปล่าเปลี่ยวเขตภูเขาไฟช่างแสนกว้างใหญ่ สายน้ำที่มิอาจแช่แข็งได้และส่วนอื่นๆของธารน้ำแข็งต่างเชื่อมต่อถึงซึ่งกันและกัน
ระหว่างลาสฟาลั้งคซ์และธารน้ำแข็ง มีบริเวณที่เป็นกันชนซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและมีเนินเขาอยู่บ้างประปราย
ที่นี่มันทั้งร้อนทั้งเย็นจริงๆ

เขตแดนของทั้งสองฝั่งมีมอนสเตอร์ระดับสูงอยู่เต็มไปหมด บนธารน้ำแข็งของเกาะมอนสเตอร์ส่วนใหญ่พร้อมและเต็มใจที่จะเข้าร่วมในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่โผล่มาจากพื้นดินของอีกฝั่ง มันเป็นพื้นที่ๆมักจะเกิดการปะทะกันอยู่บ่อยครั้งซึ่งเจ้าตัวที่มีจิตใจดังอีกาแบบครึ่งๆกลางๆตัวนี้ก็ไม่ได้ต้องการที่จะเข้าไปใกล้มันเลยสักนิด
เราต้องหาโจรสลัดอาเมเนี่ยน...”
การออกสำรวจในร่างของอีกาที่บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงนั้น ค่อนข้างยากลำบาก อากาศอันร้อนระอุพวยพุ่งออกมาจากภูเขา ไหนจะมีเป็ดเพลิงบินวนอยู่รอบๆภูเขาไฟภูมิประเทศบริเวณนั้นเต็มไปด้วยหุบเขาและแอ่งลาวา ณ ที่แห่งนั้น เต็มไปด้วยรอยแยก ปรากฏให้เห็นซึ่งหอคอยเก่าแก่อันเป็นเอกลักษณ์ ตั้งตระหง่านจนเห็นเป็นสง่า หอคอยหินวัดความสูงได้ประมาณ 20 เมตรตั้งอยู่ในบริเวณภูเขาไฟที่มิอาจแตะต้องได้
มีอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ?”
วีดบินตรงไปที่หอคอยอย่างระแวดระวัง มีมอนสเตอร์จำนวนมากอยู่รอบๆยอดหอคอยหลังนั้น แต่ว่าพวกมันนั้นไม่ได้สนใจกับแค่อีกาแค่ตัวเดียวหรอก ฉะนั้นเขาจึงสามารถไปถึงทางเข้าของหอคอยได้อย่างปลอดภัย
ที่ทางเข้าหอคอยมีบรรดาประติมากรรมรูปสลักมอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ในเขตลาส ฟาลังคซ์ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างมีชีวิตชีวา แต่เป็นเพราะการสิ้นพระชนม์ขององค์จักรพรรดิ จักรวรรดิจึงได้ล่มสลายไป การบุกโจมตีแผ่ขยายไปทั่วทั้งทวีป และจักรวรรดิก็แตกเป็นเสี่ยงๆจนตกลงสู่ความโกลาหล หลงเหลือไว้เพียงแค่ผลงานที่เขาสร้างขึ้นมากระจัดกระจายไปทั่ว
ด้วยความลุ่มหลงในศิลปะและความสวยงามของเขาไม่ว่าใครที่มีผลงานซักชิ้นหนึ่งก็ไม่อาจตัดใจเลิกรากับมันไปได้ ภายในเขตลาส ฟาลังคซ์คนๆหนึ่งสามารถพบแร่เหล็กที่มีค่าทั้งหมดจากในทวีปเวอร์เซลนี้ได้ แล้วบรรดาประติมากรก็สามารถเปลี่ยนแร่เหล็กพวกนั้นให้ให้กลายเป็นรูปสลักเหล็กกล้าที่มีชีวิตได้ เพราะงั้นพวกเขาส่วนใหญ่ถึงได้หนีออกมาระหว่างความแตกแยกของทวีป
ก่อนที่วีดจะมาถึง บุคคลเดียวที่รู้จักดินแดนแห่งนี้คือจักรพรรดิเกฮา วอน อาเพ่น ประติมากรรมทุกชิ้นนั้นมีเลเวลสูงๆทั้งนั้น แต่ว่าในตอนที่พวกเขามาถึงลาส ฟาลังคซ์แห่งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะใช้ประโยชน์จากผลงานที่มีชีวิต ก็ยังไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับเหล่ามอนสเตอร์ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาตินี้ได้เลย แล้วพวกเขาก็เสียชีวิตลงในที่สุด หอคอยแห่งนี้เป็นผลงานที่สืบทอดมาจากผู้ที่เคยมายังที่นี่นั่นเอง ไม่ว่าใครที่เป็นผู้สร้างสรรค์งานประติมากรรมก็คงถูกชักนำให้มาที่นี่
 หัวหน้าของสมาคมประติมากรและประติมากรรมมีชีวิตทั้ง 13 ชิ้น…’ (น่าจะเป็นชื่อของประติมากรรม)
ท่านได้ทำการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ ประวัติศาสตร์ของประติมากร
หากท่านรายงานการค้นพบนี้กับสมาคมประติมากร ท่านจะได้รับรางวัลใหญ่
รางวัลสำหรับมรดกแห่งประติมากรคือการหยิบชิ้นของขวัญที่สร้างขึ้นที่นี่! ผลงานบนหอคอยได้มีตัวหนังสือสลักเอาไว้ รายชื่อนั้นไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก บางทีมันคงมาจากประติมากรที่โด่งดังมากล่ะมั้ง
(ผู้แปล: หลายคนอาจจะงงๆว่า มรดกแห่งประติมากรรมคืออะไร รอเฉลยเล่มที่ 21 นะครับ คร่าวๆตอนนี้ก็คือ หอคอยที่มีประติมากรรมหลายชิ้นรวมตัวอยู่เอาไว้ให้เป็นมรดกกับประติมากรรุ่นหลัง)
แล้ววีดก็ได้พบผลงานระดับแมคนั่มห้าชิ้นที่เป็นผลงานประติมากรรมแห่งชีวิตของจักรพรรดิเกฮาวอน อาเพ่น (Admin: Magnum Opus เป็น ภาษาลาติน เรียกอีกอย่างได้ว่า ผลงานระดับ Master piece ผลงานอันยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ไอติม magnum นะเฟร้ย)
 บนทวีปเวอร์เซล ยังคงไม่มีประติมากรคนใด เยี่ยมยอดเทียบเท่ากับจักรพรรดิองค์นี้ได้เลย
หลักฐานก็คือสิ่งที่เขากำลังสัมผัสอยู่ตอนนี้นั่นเอง วีดมองดูชื่นชมอยู่ซักพักจากนั้นก็ขึ้นไปบนหอคอย
 “เรียกขาน เดทไนท์
บริเวณเบื้องหน้าของวีดส่องแสงวูบวาบ แล้วเดทไนท์ก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าอีกาตัวสีดำยืนอยู่
 “นายท่าน รูปร่างท่านตอนนี้ช่างหาดูได้ยากมากจริงๆ แต่ว่ามันก็ดูเหมาะดีนะครับ
 “มันก็เหมาะสำหรับตอนนี้เท่านั้นแหละวีดพูดโต้ตอบกับคำวิจารณ์ของเดทไนท์กลับไป
เขาส่งเดทไนท์ลงไปตรงทางเข้าหอคอย ประตูถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เปิดออกได้เพียงจากข้างนอกเท่านั้น มีกระดิ่งที่ส่อแววอันตรายอยู่ที่ตรงมุมประตูที่เขาสามารถสั่นได้ แต่ด้วยความหวั่นๆพวกมอนสเตอร์ที่อาจถูกดึงดูด(ด้วยเสียง) เขาจึงปล่อยไว้อย่างนั้น
ในแต่ละชั้นนั้นมีรูปประติมากรรมอัศวินที่ดูหลอนๆตั้งท่าจะโจมตีอยู่ตลอด ประติมากรรมหลายๆชิ้นมักจะดูคุกคามจริงๆ พวกมันถูกปกคลุมไปด้วยเปลือกหนาที่เกิดจากฝุ่นหนาเตอะเกาะพอกพูนเอาไว้ หรือบางทีก็คงเกิดจากแรงสั่นแผ่นดินไหวที่ทำให้เพดานหอคอยโปรยละอองฝุ่นลงมา แถมจำนวนมอนสเตอร์(ประติมากรรม)นี่ก็ดูมากอีกด้วย

 “บางทีพวกมันคงเป็นมอนสเตอร์ที่เคยมีชีวิตอยู่ในอดีตก็ได้มั้ง?”
มีทั้งพวกแมลงกับมอนสเตอร์ทะเลอยู่เป็นจำนวนมาก! พวกมันแต่ละกลุ่มก็ยังมีเหล่าทหาร อัศวิน และพวกชนชั้นสูงแห่งราชอาณาจักรที่ดูดีซะจริงราวกับว่ามีชีวิต ส่วนชั้นบนของหอคอยก็มีประติมากรรมแห่งไฟที่ตัวเล็กๆดูดีเอาการตั้งอยู่ แม้นว่าเวลาจะผ่านไปนานมากแล้วประติมากรรมทองและบรอนซ์ก็ยังคงไม่ได้บุบสลายแต่อย่างใด มีแต่ยิ่งทำให้พวกมันดูสว่างเจิดจ้าไม่สิ้นสุดเข้าไปอีก
งานแกะสลักเยอะแยะมากมายเหล่านี้ต่างพรรณนาถึงเหล่าชนชั้นสูงจากยุคประวัติศาสตร์ ที่มีแต่จะแผ่รังสีอันมืดมนน่าเบื่อออกมา แต่แทนที่พวกมันจะเป็นผลงานระดับตำนาน กลับมีแต่ผลงานระดับดี (fine/ classical)กับแกรนด์พีช(Grandpiece/Classical Masterpiece)อยู่ตั้งมากมาย แล้วก็ยังมีผลงานระดับแมคนัม(Masterpiece/Magnum Opus)เพียงแค่ 4 ชิ้นเท่านั้นเอง ในขณะที่มองดูประติมากรรมประวัติศาสตร์เหล่านั้นค่าสถานะทางศิลปะของวีดก็เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 189 แต้ม แถมค่าทักษะประติมากรรมก็ยังเพิ่มขึ้น 8% อีกด้วย ช่างเป็นรางวัลที่มากมายมหาศาลจริงๆ

 “แต่ว่านะ พวกคนที่ทิ้งผลงานยอดเยี่ยมเหล่านี้อาจจะยังอยู่แถวๆนี้ก็ได้” (แกคิดว่ามันยังมีชีวิตอยู่หรอออ) (admin: นั่นสิ คิดได้ไง มันผ่านมาเป็นร้อย เป็นพันปีเยนะเฟ้ย ไอ้วีด)
แต่ว่าน่าเสียดายไม่ว่าเขาจะค้นหาทั่วทั้งซากหอคอยมากซักเท่าไร เขาก็ไม่สามารถพบร่องรอยของคนที่สร้างประติมากรรมที่อยู่ภายในนี้เลย
แต่อย่างไรก็ตามเขาก็พบเข้ากับผลงานหกชิ้นที่ทำมาจากโลหะและคริสตอลจัดแสดงอยู่ในที่เดียวกัน หลังจากนั้นวีดก็ออกมาจากหอคอยมรดกแห่งประติมากรรมแล้วก็เริ่มตรวจสอบรอบๆลาส ฟาลังคซ์อีกครั้ง
เมื่อเขาออกตรวจค้นส่วนอื่นๆของเขต ก็พบเข้ากับประติมากรรมที่ถูกแกะสลักมากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ยังไงพวกมันก็ได้รับความเสียหายรุนแรงอย่างมากจากลาวาและเหล่ามอนสเตอร์ที่ถือว่าห่างจากรูปร่างดั้งเดิมของมันไปแล้ว เป็นรูปร่างที่ไม่สามารถจะนึกออกมาได้ เพื่อที่จะค้นหาเหล่าประติมากรรมเขาจึงต้องบินสูงๆเข้าไว้เพื่อให้ปลอดภัยจากพวกมอนสเตอร์ แต่ว่าเขาก็ยังคงพบเจอกับประติมากรรมตลอดทางที่ผ่านทั้งบนเทือกเขาทั้งที่อยู่ห่างไกลออกไป

 “แต่ว่ากลวิธี(สร้างประติมากรรม)ของเหล่าประติมากรก็ดูเหมือนทำตามๆกันแต่แบบเดิมๆ…..มันควรมีชิ้นงานที่เป็นทองบ้างสิ!” (ยิ่งได้ผลงานดีมากเท่าไรก็ยิ่งจะสร้างประติมากรรมได้สร้างได้ใหญ่ขึ้นเท่านั้น)
ถึงแม้ว่าประติมากรรมนั้นจะยิ่งชิ้นเล็กมากก็ต้องใช้กำลังคนมากมายเพื่อยกมันอยู่ดี และแน่นอนว่าสำคัญยิ่งกว่าที่จะเน้นถึงความละเอียดของงานเพื่อที่จะมองถึงมูลค่าของประติมากรรม นั่นถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องยึดถือเอาไว้อย่างมากในการทำงานเพื่อเงินแค่นั้น ท่ามกลางประติมากรรมที่ทำมาแบบลวกๆนั้นคงจะถูกเอาไปแล้วถ้าหากพวกเขามาถึงที่นี่ก่อน เพราะดินแดนนี้ดูเหมือนจะแผ่ขยายออกไปจนสุดลูกหูลูกตา!
บนดินแดนที่อยู่ห่างไกลออกไปหนทางก็ค่อยๆเลือนหายไป(จากระยะการมองเห็น) บนบริเวณยอดเขาที่ใหญ่ที่สุดลูกที่สามมีเป็ดเพลิงกับพวกนักรบแห่งความหายนะอยู่เต็มไปหมด และคงเป็นภาพที่ดูเหมือนกับอีกาบินเข้าไปสู่ภูเขามหันตภัยซะมากกว่า ภายในหุบเขามีเหมืองแร่ที่ถูกทิ้งไว้ โดยมีทางเข้าลึกลับที่ค้ำเอาไว้ด้วยต้นเสาเก่าคร่ำครึตั้งอยู่จนแทบมองไม่ออก
 ต้องคิดให้รอบคอบร่องรอยของโจรสลัดอาร์เมเนียนจะอยู่ที่ไหนกัน
เขาต้องหาร่องรอยของโจรสลัดอาร์เมเนียนให้พบ หากเขาเพียงแค่ลองมานึกเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางที่พวกเขาเดินเรือมาแล้ว แต่กลับเป็นว่าเขาก็ไม่สามารถหาพวกเขาเจอได้เลย แต่ถึงยังไงก็ยังสามารถตีวงการค้นหาให้แคบลงได้อยู่
 หรือว่าบางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้ขึ้นมาจากสายธารไร้เยือก(Unfreezing river)ก็ได้ แต่เทียบเรือเพื่อเดินอยู่ที่ดินแดนน้ำแข็งแทนก็เป็นได้
งั้นออกไปสำรวจอาณาเขตน้ำแข็งกัน! เพราะว่าอากาศหนาวเหน็บมากเกินไปน้ำแข็งจึงก่อตัวบนจะงอยปากและปีกทั้งคู่ของเขาแต่เขาก็ยังสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่เพราะการสำรวจนี้ เขาจึงสังเกตเห็นร่องรอยของมนุษย์ที่เหลืออยู่บริเวณแถวๆธารน้ำแข็ง
บริเวณที่ที่มีร่องรอยหลงเหลืออยู่นั่นแทบจะมองไม่เห็น(แต่ก็เหลืออยู่)เนื่องด้วยเหล่ามอนสเตอร์นั้นเดินผ่านไปร่องรอยนั้นไปแถมยังปกคลุมไปด้วยหิมะ อย่างไรก็ตาม สถานที่ตรงนั้นได้เผยให้เห็นถึงหลักฐานชิ้นสำคัญ นั่นคือ เหล่าโจรสลัดที่ถูกแช่แข็ง!
เหล่าโจรสลัดอาร์เมเนียนเคยผ่านทางนี้มาก่อน มันยากมากเลยที่จะแยกแยะร่องรอยของเหล่าโจรสลัดที่อยู่บนพื้นนั้นได้ แต่มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าพวกเขาเดินทางไปในดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะแห่งนี้
บรรดาโครงกระดูกหลายร่างปรากฏอยู่ในบริเวณที่เต็มไปด้วยหิมะกลายเป็นซากโครงกระดูกก็ถูกทอดทิ้งไว้ในเขตลาส ฟาลังคซ์ บริเวณที่โครงกระดูกโจรสลัดอาร์เมเนียนถูกพบ ก็มีข้าวของส่วนตัวที่พวกเขาเหลือไว้อยู่ด้วย ดูเหมือนว่าเหล่าโจรสลัดที่มุ่งหน้าไปยอดเขาสูงที่เจ็ดแห่งเขตลาส ฟาลังคซ์นั้นตายไปหมดแล้ว เพราะพวกเขาทั้งหลายมุ่งเดินหน้าไปที่ที่พวกมอนสเตอร์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่นั่นเอง
 มุ่งหน้าจากแถวธารน้ำแข็งไปยังรังมอนสเตอร์ พวกเขาคงกำลังพยายามไปให้ถึงที่ไหนซักที่ที่อยู่ใกล้ๆนั้นสินะ
มันเป็นการเดินทางค้นหาที่ยากลำบากมากเอาการ แต่แล้ววีดก็เห็นว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเข้าไปให้ใกล้กว่านี้ได้เพราะเหล่ามอนสเตอร์คงได้ยิงเขาตกลงไปแน่ๆ วีดจึงบินกลับไปในที่ที่โกลมินิกับเจ้าเหลืองอยู่ เขาได้ปลดทักษะประติมากรรมจำแลงออกแล้วก็กลับกลายไปเป็นโครงกระดูกอันเดด
 โกลมินิ
 “โกลโกลโกล สัปดาห์นี้ท่านอยากให้ข้าทำอะไรหรือ? ท่านก็รู้ว่าข้าเชื่อในตัวท่านมากที่สุด ใช่ไหมครับ?”
 “แล้วไง?”
ถึงแม้ว่าเขาจะละเลยพวกประติมากรรมสลักชีพไปเป็นเวลานานแต่ว่าความสนิทสนมก็ยังคงเพิ่มขึ้นอยู่ ความห่างไกลก็ยังทำให้ใจยังคะนึงโหยหาอยู่ (Absence does make the heart grow fonder)
 “เตรียมพร้อมต่อสู้ เรียกขาน เดทไนท์!”
 “นายท่าน ข้าพร้อมที่จะสู้ไม่ว่าตอนไหน
เดทไนท์ก็ถูกอัญเชิญออกมาเช่นกัน ส่วนโกลมินิก็ขี่เจ้าเหลืองที่ได้รับการคุ้มกันโดยเดทไนท์ที่ติดอุปกรณ์พื้นฐานหลากหลายประเภทเอาไว้ด้วย
 “ตรวจสอบทักษะ
ทักษะอัญเชิญอันเดดขั้นกลางเลเวล 7 (65%) ท่านสามารถใช้ประโยชน์จากทักษะของอันเดดได้
จำนวนของอันเดดและเลเวลทักษะของพวกมันขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้เล่น
ขั้นที่ 1 ของการอัญเชิญอันเดด : ความเข้าใจ 1,187
ขั้นที่ 2 ของการอัญเชิญอันเดด: ความเข้าใจ 450
ขั้นที่ 3 ของการอัญเชิญอันเดด: ความเข้าใจ 11
ทักษะระเบิดซากศพขั้นกลางเลเวล 3 (41%) : สามารถระเบิดทำลายซากศพให้ย่อยยับได้ เป็นเวทย์มนต์ที่ทรงพลังมาก
ตอนนี้ท่านอยู่ภายใต้เอฟเฟคของทักษะของการแปลงโฉม

ทักษะและค่าสถานะของท่านจะได้รับผลมาจากการแปลงโฉมร่างปัจจุบันของท่าน ด้วยผลจากบทลงโทษจะมีผลบังคับใช้ทันที
ด้วยทักษะความเข้าใจประติมากรรมขั้นสูงเลเวล 3 นั้นมีประโยชน์ค่อนข้างมากเอาการ
นอกจากเวทย์มนต์สาปแช่งหลากหลายชนิด การคุ้มกันจากโกเลม และทักษะการสร้างอันเดดก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
 “โอเคละ ทักษะการอัญเชิญอันเดดเป็นขั้นกลางเลเวล 7 แล้ว
เหล้านั่นถือว่าไร้ประโยชน์ไปเลยเมื่ออยู่ในสถานะแปลงโฉมนี่อยู่ ดังนั้นเขาคงจะอยู่ในร่างนี้ตราบเท่าที่เขาจะสามารถตักตวงเอาผลกำไรมาได้ เป็นเพราะทักษะประติมากรรมจำแลง ทักษะหลักของเขาที่ใช้ปลุกอันเดดขึ้นมาก็พัฒนาไปด้วย ในขณะที่ทักษะการโจมตีหลัก(ตอนเป็นประติมากร)นั้นลดลงอย่างมาก
 เราคิดว่ามันถึงเวลาที่ต้องออกล่าแล้วละ

เขามองไปที่กองกำลังที่เหลือของเขาก่อนที่จะหันไปมองที่แวนฮอว์ค
 “ข้าไม่มีพี่น้องคนไหนที่ไว้ใจได้เท่าเจ้าอีกแล้ว น้องฮอว์ค งั้นเจ้านำไปก่อนนะ
 “ข้าเข้าใจแล้ว นายท่าน
เดทไนท์ไม่ได้พูดอะไรซักคำในตอนที่มันเดินตรงไปข้างหน้า ธรรมดาแล้วกฎการออกล่าของวีดนั้นหลากหลายอย่าง และตอนนี้ก็คือให้เดทไนท์ออกมาเป็นแนวหน้าเพื่อต่อสู้
 “ปล่อยทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าให้เดทไนท์จัดการแล้วก็คอยต่อสู้อยู่ด้านหลังของมัน ปกติแล้วเราไม่ใช้สไตล์การต่อสู้แบบนี้หรอก….แต่ มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรนิเนอะ
สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกสุดคือการลองว่าพลังใหม่ที่ได้มานี้ มีคุณสมบัติที่มาจากอาชีพนี้เป็นยังไง
ปล่อยคำสาปจากแนวหลัง!
 “ทักษะทำนายแห่งความมืด!” (Dark Speculation)
ทันใดนั้นรอบๆตัวของเดทไนท์ก็มีเงาอันหลากหลายปรากฏเห็นเด่นชัด แล้วก็กระโจนออกมาจากที่หลบซ่อน
เตรียมอาวุธ! ได้เวลาออกกำลังแล้ว!
กลุ่มเงาสลัวๆหลายตนกระโดดออกมาจากเงามืดแล้วเริ่มเข้าโจมตีเดทไนท์
เหล่ากวางกับค้างคาวรูปร่างตุ้ยนุ้ยที่มีเลเวล 300 ออกมาจากเงามืดพร้อมกับเสียงของการต่อสู้ที่ได้เริ่มขึ้น หลังจากนั้นม้าหกตัวกับสุนัขห้าตัว แถมยังมีแมวที่ดูแข็งแกร่งอีก 23 ตัวก็กระโจนออกมาด้วย
 นายท่าน คำสั่งของท่านละครับ
 “ความมืดจงปรากฏ เหล่าทหารซากศพโจมตี!”
เดทไนท์กวัดแกว่งดาบของมันไปทั่วทุกทิศเพื่อป้องกันการเข้าประชิดตัวเพื่อมาโจมตี แล้วก็เหวี่ยงพวกมันตัวไหนก็ตามที่เข้ามาใกล้แล้วก็ขว้างพวกตัวที่ขวางทางเขา(เดทไนท์)เอาไว้ แต่อย่างไรก็ตามท่ามกลางมอนสเตอร์ธรรมดาๆเหล่านั้นกลับมีมอนสเตอร์ที่ไม่ธรรมดาเข้ามาปะปนอยู่ด้วย ไทร์เบธ
(ผู้แปล: เขาบอกว่ามาจากคำว่า ไทร์แบดเจอร์ หรือฮันนี่แบดเจอร์ หาดูได้นะครับรูปร่างคล้ายๆพังพอนมั้งนะ)
พวกไทร์เบธเข้ามาเกาะหนึบตามร่างกายของเดทไนท์ น้ำลายของพวกมันมีเมือกเหนียวๆที่มีคุณสมบัติติดหนึบตัวของเดทไนท์อย่างกับเด็กกำลังเล่นกับกาวอยู่เลย
แถมยังมีคุณสมบัติเป็นพิษฤทธิ์รุนแรง เพียงพอที่จะละลายเนื้อหนังไปจนถึงกระดูก แต่ว่าฤทธิ์กรดพิษนั้นกลับไม่มีผลกับเดทไนท์เลย
 เราคิดว่าพลังการโจมตีทางกายภาพของพวกมันนั้นค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับเลเวลของพวกมันแล้วนะ น้ำลายของพวกมันก็เอาไว้หยุดการเคลื่อนไหวของเดทไนท์จากนั้นก็โจมตีเขาด้วยการโจมตีแบบรวดเร็วเกินกว่าจะหลบได้ ถ้าพิจารณาถึงการป้องกัน(เกราะที่สวมอยู่)ของเดทไนท์แล้วก็คงสกัดเอาไว้ได้ซักพักละนะ
พวกไทร์เบธโจมตีเร็วมากพอ จนยากที่จะหลบได้ แถมยังรวมถึงการผนึกการเคลื่อนไหวเอาไว้ด้วยเมือกนั้นด้วยมันก็ถือว่าสาหัสเอาการที่จะกำจัดพวกมันให้ได้หมดในแต่ละครั้ง อาชีพนักฆ่า นักผจญภัยกับนักสำรวจนั้นมีทักษะการนำทางอยู่ แต่ไม่ว่าคุณจะออกสำรวจมากแค่ไหนก็ไม่อาจค้นพบทุกอย่างที่ถูกซ่อนเอาไว้ได้ อย่างเช่นการต่อสู้กับพวกไทร์เบธ มันจะดีมากกว่าที่จะโยนเจ้าเดทไนท์ออกไปเป็นเหยื่อล่อดีกว่าจะออกไปโจมตีแบบพวกโง่ จากนั้นวีดก็ดึงคทาแห่งนักบุญผู้ดับสูญออกมาแล้วเริ่มร่ายเวทย์อัญเชิญ
 “เลือดเนื้อของเจ้าจักรังสรรค์มาจากเหล่าผู้เป็นอมตะ เจ้าจักติดอยู่ในเงื้อมมือแห่งข้า ประกาศิตแห่งเนโครแมนเซอร์ (Necromancer’s Declaration)”
ท่านได้ใช้ทักษะประกาศิตแห่งเนโครแมนเซอร์แล้ว
เมื่อท่านสร้างเหล่าอันเดดขึ้นมาค่าเอฟเฟคเพิ่มขึ้น 15%
ความสามารถทางกายภาพของเป้าหมายจะลดลง 10%
ความเจ็บปวดทรมานทางจิตใจของเป้าหมายเพิ่มขึ้น 10%
การโจมตีของเป้าหมายไปที่เนโครแมนเซอร์จะมีผลทำให้ค่าความบาดหมางเพิ่มมากยิ่งขึ้นต่อท่านจากผลของทักษะประกาศิตแห่งเนโครแมนเซอร์ ก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้แบบเต็มกำลัง ควรใช้มนต์ระดับสูงเพื่อเพิ่มพลังของท่าน หากประสิทธิภาพของเวทย์ของท่านสูงพอท่านก็จะสามารถเพิ่มค่าเอฟเฟคของเทคนิคพิเศษได้
ไทร์เบธบางตัวหันไปโจมตีวีด ถึงแม้ว่าพวกมันจะใกล้ตายหรืออ่อนแอขั้นรุนแรงแล้วก็ตาม ไทร์เบธสิบตัวเข้าโจมตีร่างกายของเขาด้วยการยิงน้ำลายใส่ ข่วนแล้วก็กัดอีกด้วย กระดูกของวีดส่งเสียงดังกรอบแกรบขณะที่พวกมันโจมตีเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
 ความเคียดแค้นที่โชคชะตาได้กำหนดไว้ไม่อาจรู้สึก คำสาปจำกัดการมองเห็น!(Narrow sight) ความโกลาหลและความเจ็บปวดทรมานจักเป็นนิรันดร์ คำสาปความเจ็บไร้ที่สิ้นสุด! (No end to the pain) ณ รุ่งอรุณใหม่ จงกระทำอย่างที่พวกมันทำแล้วก็ตกลงไปสู่ห้วงนิทราจากความเหน็ดเหนื่อย ทิ่มแทงดวงตาของมันให้ลงลึก ปลดปล่อยนิทราไปเบื้องหน้า คำสาปนิทราอิดโรย! (Increase in Fatigue)”
 “ร่างกายทุกส่วนจงระคายเคือง คำสาปโรคภัยแห่งเลือด! (the disease of blood) อากาศธาตุอันแสนเน่าเปื่อยจงกัดกินร่างกายไป จงโปรยปรายกลืนกินเหล่าศัตรู ทักษะอัญเชิญหมอกพิษ!(Poison mist)”
เวทย์คำสาปจำนวนมากมายถูกร่ายออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างต่อเนื่อง
วีดร่ายเวทย์คำสาปออกมาสี่ชนิดภายในพริบตาเดียว เพื่อที่จะเตรียมเวทย์คำสาปเหล่านั้นเขาต้องท่องมนต์สาปแช่งพวกนั้นอย่างถูกต้องแม่นย้ำและยังต่อเนื่องอีกด้วย แต่การร่ายคำสาปของวีดนั้นไม่ได้ตะกุกตะกักเลยแม้แต่นิดเดียว
ช่วงเวลาระหว่างการต่อสู้ของเขาพร้อมกับเหล่าประติมากรรมสลักชีพ เขาได้ร่ายเวทย์คำสาปใส่พวกสิ่งมีชีวิตที่จะเข้ามาโจมตีเขา ก็มีช่วงเวลาที่หน่วงอยู่บ้างในตอนที่ใช้เวทย์คำสาปนั้น  ผลกระทบจากการใช้เวทย์สาปแช่งเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่องทำให้สมาธิในการร่ายนั้นตกลงไปเป็นอย่างมาก
เมื่อสมาธิในการร่ายเวทย์ตกลงไป มนต์ที่ใช้ก็มีแนวโน้มที่จะล้มเหลวได้แถมยังทำให้มนต์ที่ร่ายไปอ่อนลงไปอย่างมาก แต่ว่าเวทย์บัฟกับเวทย์คำสาปก็ยังคงถูกท่องออกไปได้อย่างถูกต้องฉะนั้นมันก็ยังคงได้ผลอยู่
ผลอันเนื่องมาจากคำสาป พวกไทร์เบธอ่อนแอลงไปอย่างเห็นได้ชัด วีดสูดหายใจเขาเฮือกใหญ่ในขณะที่พวกไทร์เบธที่เกาะเดทไนท์อยู่ตายไปแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ร่ายเวทย์ออกมา
 “ทักษะระเบิดซากศพ!”
ทันใดนั้นรอยปริแตกก็ปรากฏบนซากศพของพวกไทร์เบธที่ตายไปแล้ว จากนั้นก็ระเบิดออกส่องแสงสว่างวาบ! ชิ้นส่วนซากศพของพวกไทร์เบธกระเด้งกระดอนกระจัดกระจายไปทั่วทุกที่ ทักษะที่ทรงพลังมากที่สุดในทักษะเวทย์มนต์ที่เป็นที่สุดของอาชีพสายเนโครแมนเซอร์ ระเบิดซากศพนั่นเอง การระเบิดเกิดขึ้นใกล้ๆกับเดทไนท์แต่เขาก็สามารถรอดมาจากแรงระเบิดจากซากศพที่ติดอยู่บนตัวเขาออกมาได้ ดังนั้นจึงลดความเสียหายลงไปได้มากเอาการ
เพราะว่าใช้เวทย์มนต์ไปอย่างต่อเนื่องความรุนแรงของเวทย์ของเขาจึงตกลงไปเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นภาพที่ปรากฏจากสายตาของวีดก็มืดมัวลงไปอย่างกับภาวะต้อกระจกที่ผู้ใหญ่เขาเป็นกัน ถึงแม้ค่าความฉลาดและความรู้ของเขาจะสูงมากชั่วขณะหนึ่งเขาก็ยังคงเลือกที่จะใช้มนต์ระดับสูงมากมาย
 “ชี๊ก ชี๊ก ชี๊ก!” (เสียงร้องของไทร์เบธ)
ตอนนี้เหล่าไทร์เบธได้มีศัตรูคู่อาฆาตพวกใหม่แล้ว เหลือเพียงแค่อีกสองตัวเท่านั้นที่อยู่กับเดทไนท์ ส่วนไทร์เบธตัวอื่นก็กระโจนบินเข้ามาโจมตีเดทไนท์กับวีด เนื่องจากผลของคำสาปทำให้พวกมันช้าลงจนสังเกตเห็นได้ชัด  พวกมันกระแทกเข้ากับตัวอื่นในตอนที่บินขึ้นๆลงๆไปในอากาศ
 โกลมินิ เตรียมคันธนูกับลูกธนู!”
 “โกลโกลโกล!”
โกลมินิยิงธนูพุ่งไปยังเป้าหมายออกไปมากมายหลายดอกจากคันธนูเอลฟ์ขั้นสูง! คล้ายๆกับคันธนูชาวแอฟริกัน ที่เป็นธนูที่ทำมาจากหินศักดิ์สิทธิ์และพรมด้วยน้ำมนต์เพื่อสร้างประสิทธิผลที่ดีที่สุดเมื่อที่มันถูกยิงออกไป จิตวิญญาณที่ยิงออกไปนั้นจะส่องแสงงดงามมาก แต่พวกไทร์เบทนั้นมีความต้านทานที่ต่ำ แถมระยะห่างที่ยิงก็อยู่ห่างแค่หกเมตรเท่านั้น
 วิหคทองคำ แกก็ออกไปสู้ด้วยเลย!”
แต่เจ้าวิหคทองคำก็นั่งอยู่เฉยๆแล้วก็เสยขนของมันเท่านั้น วีดนั้นไม่ได้รับการยอมรับจากตัวชี้วัดความสนิทสนมของมัน ดังนั้นมันจึงไม่ยอมออกไปช่วยสู้ จากนั้นมีแสงสีทองส่องประกายเล็กน้อยมาจากพื้นดิน
 โกลโกล มีเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นมาจากผืนดินครับ
ทันใดนั้นก็มีเสาเพลิงประทุขึ้นมาจากพื้นดิน ตอนนี้มีแค่เจ้าโกลมินิที่มีค่าความต้านทานไฟ 100% เท่านั้นที่แสดงศักยภาพเต็มที่ของมันออกมาได้ภายในสนามต่อสู้นี้
แต่ว่าทองคำก็เริ่มละลายออกมาเล็กน้อยภายในความร้อนสุดขั้วแบบนั้น โกลมินิผู้ที่ตั้งใจอย่างยิ่งที่จะช่วยเจ้านายของมันจึงกระโจนผ่าเปลวเพลิงเข้าไป (โกลมินินี่ทุ่มเทช่วยชีวิตจริงๆ T^T)
แต่ในขณะที่มันกำลังมุ่งไปข้างหน้า พวกไทร์เบธก็เจาะทะลวงไฟออกมา มอนสเตอร์ที่อยู่ในเขตลาส ฟาลังคซ์นี้มีค่าความต้านทานไฟแกร่งอย่างมากจริงๆ
เหล่าไทร์เบธที่ถูกแรงระเบิดก่อนหน้านี้ ตกลงไปบนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟแต่หลังจากนั้นพวกมันก็สะบัดเปลวไฟออกไปอย่างไม่สะทกสะท้านอย่างกับว่าพวกมันกำลังบินไปด้วยความระคายหน่อยๆและก็มุ่งหน้าบินต่อไปอย่างไม่แยแส
พวกมันจำนวนมากกว่า 15 ตัวเจาะทะลวงมาในอากาศบินตรงไปที่เหล่าศัตรูของพวกมัน ในตอนที่พวกไทร์เบธเข้ามาถึงวีดจึงพลักเจ้าโกลมินิออกไปด้านข้างเพื่อเบี่ยงออกจากการโจมตี
ดาบของวีดนั้นค่อนข้างที่จะมีความแม่นยำ แต่ว่าเพราะเขาใช้เวทย์ไปเป็นจำนวนมากสายตาของเขาจึงพร่ามัวทำให้ยากที่จะโจมตีศัตรูได้ ทักษะดาบส่วนใหญ่ของเขาก็กลายไปเป็นทักษะคำสาปหรือทักษะเพื่ออัญเชิญอันเดดจนหมดแล้ว ความแข็งแกร่งและความเร็วของจอมเวทย์อมตะ ลิชในการต่อสู้นั้นตกลงไปจนน่าเป็นห่วง

พวกไทร์เบธกลับมาแล้ว! พวกมันถ่มน้ำเมือกออกไปทั่วเลย
การเคลื่อนไหวถูกสกัดแล้ว
ความเร็วในการเคลื่อนที่ -80%
ความแข็งแรงที่ต้องใช้ในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 95%
เหล่าไทร์เบธโจมตีมาในตอนที่ยากที่จะตั้งรับได้ด้วยร่างกาย! พวกมันโจมตีมาตรงจุดอ่อนอย่างตรงบริเวณคอ ที่ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่มากที่สุด
จากนั้นพวกไทร์เบธก็พ่นเมล็ดพืชสีแดงนับสิบมาที่วีด
เมล็ดดอกไม้ไดมอนด์ (Dymond) ได้ถูกเพาะปลูกขึ้นมาแล้ว (ผู้แปล: เดาว่าคงเป็นการสนธิคำของคำว่า Die+Almond ฮ่าๆๆ เดานะอย่าจิงจัง)
มันคงจะดีที่สุดที่จะกำจัดพวกมันออกไปให้เร็วที่สุดเท่าเป็นไปได้
พืชดอกไม้ไดมอนด์เริ่มเกาะติดแล้วกระจายไปทั่วร่างกายของท่าน
พืชดอกไม้ไดมอนด์งั้นหรอ…..
เมล็ดพืชสีแดงนับสิบเริ่มติดที่ร่างกายของวีด วีดนั้นเคยตรวจสอบการโจมตีของพวกไทร์เบธมาก่อนแล้วแต่ก็ไม่รู้วิธีที่จะรับมือกับพวกมัน
ดอกไม้ไดมอนด์เริ่มโตขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ภายในเขตลาส ฟาลังคซ์นั้นมีพืชชนิดพิเศษบางอย่างที่มีคุณสมบัติของสิ่งมีชีวิตที่สามารถดูดสารอาหารได้อย่างรวดเร็วอย่างมาก วีดพยายามที่จะดึงมันออกจากเสื้อผ้าของเขาโดยทันทีด้วยนิ้วของเขา แต่ว่ามันกลับมาติดที่กระดูกของเขาแทน เมล็ดพืชไม้ดอกเติบโตได้ประมาณห้าถึงหกนาที พวกมันดูดพลังชีวิตของเขาแล้วก็ใช้มันออกดอกอย่างเบิกบานพร้อมกับฝังรากมันลงไปด้วย พวกมันถือว่าเป็นดอกไม้ที่มีสีสันสวยงามพอดู
ดอกไดมอนด์ที่พวกไทร์เบธหว่านมาเริ่มออกดอกแล้ว (การโจมตีคล้ายๆปล่อยเมล็ดกาฝาก)
แต่ละเมล็ดเปลี่ยนไปเป็นดอกที่สีสันแตกต่างกันในขณะที่มันบาน อย่างสีเหลือง ชมพู น้ำเงิน กลีบของมันยาวและดูหวานที่ส่งกลิ่นหวานๆสดชื่นออกมาในขณะที่มันเบิ่งบานกลีบออก ภายในช่องเล็กๆที่อัดอยู่ (ตรงเกสร) พวกมันก็ปล่อยแสงออกมาแล้วหลังจากนั้นไม่นานมันก็ระเบิดตู้ม!
ระดับพลังชีวิตของวีดลดลง ที่นี่คือเขตลาสฟาลังคซ์ แม้มอนสเตอร์ที่มีร่างกายอ่อนแอก็มีสไตล์การต่อสู้ที่สังหารได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าพวกไทร์เบธนั้นจะมีการโจมตีทางกายภาพที่ค่อนข้างอ่อนแต่พวกมันก็รู้จักใช้จุดอ่อนนั้นให้เป็นประโยชน์ได้ แต่ว่าพวกมันกลับไม่ได้คาดการณ์ถึงข้อได้เปรียบของการเป็นลิชไว้เลย หากมีใครที่รู้จักใช้ประโยชน์ของการเป็นอันเดดได้พวกเขาก็จะสามารถเป็นที่1 ได้แม้จะอยู่ในเขตลาส ฟาลังคซ์นี่ก็ตาม
***
ดรินเฟลด์ กัปตันกองทัพเรือที่สองแห่งราชอาณาจักรฮาเว่น! พลเอกแห่งกิลด์เฮอร์มีส มุ่งหน้าไปที่จุดเริ่มต้นของบริเวณท่าเรือ
 เกาะไอเปีย คือจุดที่กองทัพผีสิงที่มีจอมเวทย์อมตะ ลิชที่เป็นกัปตันอยู่บนเรือครับ มีโอกาสสูงที่นั่นจะเป็นเขาครับ…”
พลเรือเอกดรินเฟลด์ที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีดำดูทันสมัยพร้อมกับขนนกเหน็บอยู่บนปีกหมวกของเขา เขากระดกลิ้นจนได้ยินเสียงชัดเจน
 “ภารกิจแบบไหนกันที่ไม่สามารถทำได้ด้วยทหารธรรมดาอย่างนี้นะ เอิร์ล!”
ดรินเฟลด์ครุ่นคิดขณะที่กำลังลูบตามแนวหนวดของเขา
เขาเคยได้ยินข่าวลือเก่าๆของวีดเกี่ยวกับเดอะคอนติเนนท์ออฟเมจิค
แต่ยังไงซะ สิ่งที่วีดทำในโรยัลโร้ดนั้นทำให้เลือดพวกเขาเดือดมาก
 “แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่ดูกล้าหาญนักเมื่ออยู่บนท้องทะเล จากทะเลแล้วทะเลเล่า ไม่ว่าจะกว้างใหญ่ซักแค่ไหน เขาก็เอาแต่ตกปลาไปทอดเท่านั้นแหละ
ไม่ว่าภารกิจที่เขาทำอยู่จะเป็นแบบไหนมันก็ไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว ดรินเฟลด์ยังคงเดินหน้าต่อไป นอกเหนือจากอาณาจักรเบรนท์ เหล่ากองทัพเรือที่สองก็ล่องเรือขนาดใหญ่จำนวน 37 ลำเพื่อแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของพวกเขา
 ภายในโรยัลโร้ดนี้ คนแรกที่จะจับตัววีดได้ก็คือฉันนี่แหละ
ขบวนทหารของเหล่าผู้เล่นที่ติดตามดรินเฟลด์ไปก็ราวๆ 1,200 คน!
การควบคุมกองทัพเรือนั้นก็มักมุ่งเน้นไปที่ความสามารถและการเติบโต(ในตำแหน่ง) ดังนั้นทหารทั้งหมดก็จะแข็งแกร่งมากเมื่อต้องสู้แบบตัวต่อตัวอีกด้วย พวกเขาทุกคนถือว่าเป็นบุคคลที่มีพลังอำนาจที่ไม่มีใครสามารถต่อกรได้
***
 “โกลโกลโกล

โกลมินิที่ถูกผลักอย่างจงใจ แต่กลับเพิ่มค่าความสนิทสนมที่ตกลงไปนิดหน่อยให้เพิ่มขึ้นมาซะงั้น
 ‘นายท่านเป็นห่วงว่าข้าจะอยู่หรือตาย เขาไม่ได้เอาแต่รังแกพวกเราเท่านั้นสินะ เขากลายเป็นต้นไม้ที่ถูกทำลายให้กับฉัน!(หมายถึงยอมรับการโจมตีแทนมัน)’
ภายในความคิดของวีดนั้นกลับคิดว่ามูลค่าของทองนั้นมีค่ามากกว่าวัสดุหรือวัตถุดิบที่อยู่ในปิงหลงซะอีก (ผู้แปล: สรุปตลอดเวลาที่ปิงหลงเป็นก็คือ ตู้แช่วัตถุดิบสินะ admin: ปิงหลง คือ ตู้เย็นเคลื่อนที่นั่นเอง) ด้วยความคิดเช่นนั้นที่อยู่ภายในใจเขาจึงเลือกที่จะช่วยโกลมินิในตอนที่พวกศัตรูฟื้นขึ้นมาโจมตี
 นายท่าน อดทนไว้! โกลโกลโกล
โกลมินิรีบมุ่งหน้าไปที่พวกไทร์เบธเพื่อที่จะช่วยเหลือวีด
เพราะว่ามีเดทไนท์อยู่ตรงนั้นจึงมีพวกไทร์เบธตายไปมากกว่าสองตัว เดทไนท์นั้นมีเลเวลมากกว่ามากแต่ว่าพวกไทร์เบธนั้นเคลื่อนที่ได้เร็วมาก กระโจนวนไปทางนั้นทีทางนี้ทีเพื่อหลบการโจมตี เพื่อที่จะโจมตีพวกมันนั้นไม่ง่ายเลย
เหล่าไทร์เบธส่วนใหญ่เข้าโจมตีวีดอย่าเอาเป็นเอาตาย เพราะตอนที่เขาใช้ทักษะระเบิดซากศพนั้นเขาได้ดึงค่าความโกรธของพวกมอนสเตอร์จนถึงขีดสุด (Aggro=ค่าความโกรธของมอนสเตอร์ ยิ่งพวกดาเมจแรงๆ ตีมอนแล้วค่า aggro จะเยอะขึ้นทำให้มอนหันไปโจมตีคนที่ aggro เยอะสุด) พวกมันยังคงพ่นเมล็ดดอกไม้ไดมอนด์ออกมาที่เขาเรื่อยๆแต่วีดก็กลิ้งไปบนพื้น
เปลวไฟอาจจะสร้างผลการโจมตีของพวกไทร์เบธได้มากขึ้นสองเท่าแต่ว่าด้วยคำอวยพรจากเทพีแห่งผืนพิภพที่ยังคงทำงานอยู่มันจึงทำให้เขาไม่ได้รับค่าความเสียหายมากนัก
หลังจากที่เกือบจะโดนข่วน วีดก็แกว่งคทาเขาขึ้นมา ทันใดนั้นพวกไทร์เบธก็โจมตวีดที่บริเวณหัวไหล่และคอของเขาด้วยการขย้ำกัดจนแน่น (กัดไม่ปล่อย)
แต่ว่าวีดก็ใช้งานทักษะป้องกันที่ยอดเยี่ยมเอาไว้แล้ว ทักษะกายาศิลา (Stone Skin=ผิวหนังแข็งเป็นหิน) ทักษะนั้นได้รับมาและทำให้ทรงพลังมากขึ้นในตอนที่อยู่ในหอคอยแห่งวีรบุรุษ (หอคอยในเมืองลอยฟ้าลาเวียส) แข็งขึ้นสองเท่า!! กระดูกที่เล็บของพวกมอนสเตอร์แทงไม่เข้า แล้วถ้าเป็นฟันของพวกมันละ?
พวกไทร์เบธยังคงแทะกระดูกที่แข็งดั่งหินต่อไปเรื่อยๆ ส่วนอีกสองตัวก็ล็อคฟันของพวกมันไว้ที่ตัววีดเอาไว้อีกด้วย นี่คือสิ่งที่วีดจะพูดอย่างออกหน้าออกตาว่า
 เราโชคดีกว่านั้นน่า
การที่กัดเอาไว้อยู่นั้นหมายความว่าพวกมันจะไม่อาจยิงเมล็ดพืชไม้ดอกไปที่เขาได้อีกต่อไป วีดทาบมือซ้ายของเขาไว้บนลำตัวตรงที่เขารู้สึกเจ็บ
 ทักษะสูบชีพ ทักษะสูบมานา
เขาตั้งเป้าที่พวกไทร์เบธที่กำลังกัดอย่างบ้าระห่ำอยู่นั่น วีดยกแขนทั้งสองข้างขึ้นพร้อมๆกันและสูบทั้งมานาและค่าพลังชีวิตจากพวกที่โจมตีเขา
การโจมตีทำร้ายพวกที่จู่โจมเขาได้อย่างสาหัสแล้วปล่อยให้พวกมันอ่อนแรงเกินจนสามารถโจมตีได้อย่างแม่นยำได้ แต่ถึงแม้จะสูญเสียค่าพลังชีวิตกับความแข็งแกร่งไปเป็นอย่างมากพวกไทร์เบธก็ไม่ได้หยุดเคี้ยวเลย เปลือกตาของพวกมันค่อยๆต่ำลงๆในขณะที่ชีวิตของพวกมันโดนสูบไป
 “เราพลาดที่ไม่ได้หยิบเอาไอเท็มตอนที่ใช้ทักษะระเบิดซากศพ แต่ว่าพลังแห่งความตายนี่ก็ใช้ทำแบบนี้ได้ด้วยสินะ” (ผู้แปล: หมายถึงใช้ทักษะระเบิดซากศพเพื่อใช้เก็บไอเท็มได้)
พวกไทร์เบธยังขัดขืนไม่ยอมหยุดขบเพื่อที่จะล้างแค้นให้กับพวกพ้องของพวกมันที่ตายไป
 มอ มอ มอออออออออออออออออออ
ทันใดนั้นเองที่เจ้าเหลืองส่งเสียงคำรามและรีบพุ่งหน้าตรงมา วีดมองดูพวกไทร์เบธได้รับการโจมตีแบบยกหมู่จากการจู่โจมหลายๆครั้งของเจ้าเหลือง
พวกไทร์เบธสามารถหลบหลีกการโจมตีของวีดได้อยู่สักพัก แต่หลังจากนั้นวีดที่กำลังคว้าพวกมันไว้ด้วยมือทั้งสองและสูบพลังชีวิตและมานาของพวกมันต่อไป ส่วนพวกมันอีกหลายตัวก็โดนเจ้าเหลืองพุ่งชนอยู่ด้วยเช่นกัน ท้ายที่สุดพวกมันหลายตัวก็กลิ้งอยู่บนพื้นสักพักก่อนที่จะตายไป!
 “นายท่าน
เจ้าโกลมินินำพลอยไพลินที่เขาถือไว้อยู่ออกมา
 อัญมณีวินาศ!” (Gem Destruction)
จากนั้นอัญมณีก็แตกละเอียดและระเบิดออกกลายเป็นสายลมเวทย์มนต์
 เวทย์ธุลีแซปไฟร์!” (Sapphire Dust)
ฝุ่นละอองแซปไฟร์ที่ถูกทำให้แตกละเอียดเริ่มพัดวนไปรอบๆ สายลมสีน้ำเงินที่ส่องแสงเริ่มโจมตีไปที่พวกไทร์เบธ!
 “แก้ปัญหาได้ดีนี่
วีด เจ้าเหลือง และเดทไนท์ก็โดนกวาดเข้าไปอยู่ในละอองแซปไฟร์นั้นด้วยเช่นกัน
ในตอนแรกมันสะท้อนไปที่เจ้าของของมัน(วีด) และด้วยความเป็นเจ้าของเวทย์ของมันดังนั้นคุณสมบัติของเวทย์จึงคล้ายคลึงกับลักษณะนิสัยของเจ้าโกลมินิด้วย
คุณสมบัติการแช่แข็งนั่นเอง
ค่าพลังชีวิตลดลง 190 แต้มในทุกๆวินาที
ค่าความอึดลดลงอย่างรวดเร็วแต่ว่าก็ไม่มีผลอะไรหากอยู่ในสถานะของอันเดด
เป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวได้!
เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เวทย์ได้!
ท่านไม่สามารถใช้อาวุธได้
เวทย์มนต์ของเจ้าโกลมินินั้นจัดการเป่าพวกไทร์เบธอย่างรุนแรง พวกไทร์เบธถูกแช่แข็งแล้วก็ยังไม่สามารถบินได้ด้วย ได้แต่นอนเฉยๆอยู่บนพื้น! พวกไทร์เบธนั้นมีค่าความต้านทานเวทย์มนต์อยู่บ้างเมื่ออาศัยอยู่ในเขตลาส ฟาลังคซ์นี้แต่ไม่ใช่กับเวทย์น้ำแข็ง แต่ว่าพวกไทร์เบธก็ยังดึงดันจะขบร่างของวีดต่อไป พวกมันคงไม่รู้จักวิธีที่จะตกลงไปเลย วีดก็ยังต้องติดอยู่กับเจ้าพวกนี้ด้วยเช่นกัน
 งั้นเราจะเป็นคนตัดสินชะตาครั้งนี้เอง ถ้าพวกแกอยากจะเข้าร่วมการต่อสู้นี้นัก งั้น….”
เขาลงมือคว้าที่ตัวของไทร์เบธที่เกาะติดเขาที่อยู่ในสภาพถูกแช่แข็งเอาไว้
 ทักษะสูบชีพ ทักษะสูบมานา!”
การกัดกินอย่างบ้าคลั่ง! ค่าพลังชีวิตของพวกไทร์เบธนั้นอ่อนแอเต็มที่แล้ว แต่พวกมันก็ยังคงมีพลังป้องกันที่สูงและค่าความอดทนที่มหาศาลด้วย การต่อสู้กับเจ้าพวกไทร์เบธจอมดื้อด้านจนพวกมันตายไปในที่สุด ถ้าหากไม่ใช่เพราะทักษะกายาศิลาคงได้รับค่าความเสียหายมากเอาการ เขาคงจะล้มลงไปตั้งนานแล้ว
แม้จะมีทักษะกายาศิลา แต่มันก็แทบจะทนไม่ไหวแม้แต่กับวีด นักรบที่ปราศจากการป้องกันที่สูง ไม่อาจอดทนต่อไปได้!
ในขณะที่พวกไทร์เบธที่อ่อนแอลงมาก พวกมันถูกจับแยกระหว่างเดทไนท์กับเจ้าโกลมินิ เจ้าเหลืองก็เอาสี่ตัวที่ถูกแช่แข็งมาเตะ พวกที่ถูกแช่แข็งยังมีชีวิตรอด เหลืออยู่อีกสองตัว จากการโดยโจมตีอย่างต่อเนื่อง
และเนื่องจากการอดทนต่อการโจมตีหลายๆครั้ง ค่าพละกำลังและพลังชีวิตก็เพิ่มขึ้น 1 แต้ม
มีการเพิ่มค่าสถานะ ค่าพลังชีวิตของวีดเพิ่มขึ้น 5%! เพื่อที่จะเพิ่มค่าสถานะนี้คุณต้องเสี่ยงชีวิตของคุณ
พวกเดทไนท์ เจ้าเหลือง และโกลมินิกำจัดศัตรูที่เหลือรอดอยู่ไปได้ 8 ตัว ค่าพลังชีวิตของวีดตอนนี้คือ 5% และมานาอีก 8% เขาโดนโจมตีทั่วทั้งตัว
เป็นเพราะว่าเขตลาส ฟาลังคซ์นี้ร้อนมากเกินไป ขีดจำกัดของทักษะแช่แข็งที่แช่พวกมันจึงปลดออกเร็วมาก หลังจากนั้นอัตราค่าสมาธิและการฟื้นฟูก็กลับมาเป็นปกติ ในตอนแรกก็ยากลำบากมากที่จะต่อสู้ แต่ก็ถือว่าเป็นความยากที่น่าพึงพอใจ ด้วยรอยยิ้มที่ชุ่มเหงื่อ วีดก็เริ่มจัดการร่ายเวทย์บางอย่างอีกครั้ง
 ขอโปรดให้เจ้าจงอยู่และเยือนกลับสู่ดินแดนแห่งนี้ กลับสู่ดินแดนที่มืดมนและแตกสลาย อย่าได้เลือนหายไป บทบัญญัติแห่งความมืดจักสลักบทตัวของพวกเจ้า ปลุกชีพอันเดด!(Undead rise!)”
จากบนพื้นดินมีเหล่าไทร์เบธอันเดดลุกขึ้นมาและทะยานบินขึ้น ปีกทั้งคู่มีแตกหักบ้างแถมคอของพวกมันก็มีมุมหักแปลกๆแต่พวกไทร์เบธนั้นก็ลุกขึ้นมาได้ พวกมันมีค่าพลังชีวิตครึ่งนึงจากค่าปกติและพลังโจมตีและพลังป้องกันเป็น 1ใน3 จากค่าดั้งเดิม วีดพุ่งเข้าไปต่อสู้พรอมกับเดทไนท์ด้วยความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าและเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นอันเดดไปด้วย บทสรุปของการต่อสู้เขาได้ไทร์เบธ 25 ตัวมา เขาได้สร้างแนวรบทางอากาศมาสามแนวจากพวกไทร์อันเดดพวกนั้น
 องค์ชายผู้ปกครองแผ่นดินอันยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด ข้าจักมอบเลือดและเนื้อให้ท่าน เช่นนั้นนี้จักไม่มีความตายมาพรากไปได้หากปราศจากถ้อยคำอนุญาตของข้า พวกเจ้าจงเชื่อฟังข้า บ่าวแห่งภูติผี! (Soul submission)”
ค่าพลังชีวิตของเหล่าอันเดดสูงสุด เพิ่มขึ้น 15%
พวกมันก็จะคล่องแคล่วว่องไวมากขึ้นเล็กน้อยในตอนนี้และจะเชื่อฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด การใช้เวทย์คำสาปใส่พวกกันเดดนั้นจะเป็นการบัฟเพื่อสาปแช่งให้เป็นทาส แล้วตอนนี้การต่อสู้ที่แท้จริงของเนโครแมนเซอร์ได้เริ่มขึ้นแล้ว
จากนั้นวีดและเดทไนท์ก็กลับไปบริเวณที่พวกไทร์เบธกระโจนเข้าใส่พวกเขาในครั้งแรกจากเงามืด แล้วก็ถูกพวกมันอีก 15 ตัวโจมตีใส่อีก
แต่ว่าครั้งนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือไปแล้ว
 “จงสู้! ศัตรูอยู่ข้างบนนั้น!”
แล้วีดก็กลับเข้าไปหมกมุ่นอยู่กับการต่อสู้ ขณะที่มองดูการต่อสู้ที่เขาปล่อยคำสาปกับเวทย์โจมตีต่างๆหลั่งไหลออกมาเรื่อยๆ คาถาอัญเชิญอันเดดก็จะถูกร่ายขึ้นเมื่อใดก็ตามที่พวกมันตายไป สถานการณ์ค่อยๆพลิกกลับไปแล้ว ส่วนเดทไนท์ก็ปล่อยให้ต่อสู้อย่างอิสระมากขึ้น เขาสับพวกไทร์เบธให้เป็นชิ้นๆด้วยการใช้พลังทำลายล้างจากทักษะดาบที่แข็งแกร่ง
โกลมินิสามารถสนับสนุนจากบนพื้นได้อย่างดีเยี่ยมด้วยการยิงธนูออกไป
พวกไทร์เบธอันเดดทั้ง 25 ตัวก็ล้มลงไปครั้งสองครั้งบ้างในการต่อสู้ แต่พวกมันก็เหลือซากศพเอาไว้และสามารถปลุกชีพกลับมาได้อีกครั้ง การฟื้นฟูที่ไร้ขีดจำกัดกับสินค้าที่นำกลับมาทำใหม่ได้อีก! นี่ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในอาชีพที่ยอดเยี่ยมที่สุดจริงๆ จากนั้นวีดก็ต่อสู้กับพวกมันอีกห้าฝูง และสามารถสร้างไทร์เบธอันเดดเพิ่มอีก 89 ตัว การออกล่าแบบอ้อมๆอย่างนี้ให้ค่าประสบการณ์ที่น้อยกว่ามากแต่ว่าความเร็วในการล่านั้นกลับแตกต่างกันเลย การขับเคลื่อนทั้งสองกลุ่มไปเขาสามารถแยกกลุ่มออกไปเป็นการใช้รูปแบบการล่าและการติดตามไปพร้อมๆกัน
 ข้าจักอุทิศเจ้าเพื่อความรุ่งโรจน์ของพวกเรา ก่อดาบของพวกเจ้าด้วยความมืดทมิฬ
หลังจากที่เขารวบรวมซากศพมาได้บ้างก็เริ่มอัญเชิญจอมเวทย์โครงกระดูกขึ้นมาพร้อมกับเหล่าอัศวินโครงกระดูกขึ้นมาด้วยเล็กน้อย ตอนนี้คุณก็คงพูดได้แล้วว่าเขานั้นได้นำกองกำลังอันเดดแล้ว
 เหลือเวลาไม่มากมาอัญเชิญพวกผีดิบซอมบี้ด้วยแล้วกัน
หลังจากการต่อสู้มาแบบต่อเนื่องเขาสามารถรวบรวมศพของไทร์เบธมาได้มาก แล้วก็เอาพวกมันมาเผาด้วยกันหลังจากที่ฝนตกลงมาเล็กน้อย ก็จะกลายเป็นผีดิบซอมบี้ที่อย่างกับชีสที่เดินเอื่อยๆช้าๆ แต่ว่าพวกมันก็มีพิษกรดและพลังป้องก็สูงด้วยเหมือนกัน (สรุปอัญเชิญซอมบี้มาละหรอ)
การรู้จักใช้อันเดทให้ถูกวิธีนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ศพของพวกมันไม่เสื่อมสลายเลยเพราะว่าพวกมันสร้างมาจากศพไทร์เบธที่ดูดีที่สุดพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงที่สุด ภายในหนึ่งคืนของการออกล่าอย่างต่อเนื่องวีดก็ได้เพิ่มกองกำลังอันเดดของเขาได้อย่างมากมายมหาศาล
ตอนนี้เขามี ไทร์เบธ 89 ตัว จอมเวทย์โครงกระดูก 55 ตน อัศวินโครงกระดูก 20 ตน ผีดิบซอมบี้ไหม้เกรียม 40 ตน และม้าอีก 5 ตัว มันต้องใช้ความพยายามทำงานมากเอาการเพื่อที่จะรวบรวมอันเดดนี้มาทั้งหมดได้ แต่ว่าพวกอัศวินโครงกระดูก จอมเวทย์โครงกระดูก กับซอมบี้นั้นค่อนข้างง่ายกว่าพวกอื่นๆเพราะว่าพวกมันมีคุณภาพต่ำ
ผลจากแหวนทำให้ความเร็วในการฟื้นฟูมานาเพิ่มขึ้น +10% พลังการกักเก็บมานาเพิ่มขึ้น 55% อัตราการฟื้นฟูเพิ่มขึ้น 20% มาจากสร้อยข้อมือที่สวมใส่อยู่นั่นคือสมบัติของราชอาณาจักรนิฟล์เฮม ทุกอย่างที่เขาสวมใส่อยู่ได้บัฟค่าคริติคอลเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนพรจากเทพีแห่งผืนพิภพก็บัฟเพิ่มขึ้นอีก 40% ให้กับระดับมานาของเขา นี่ก็ถือว่าทรงพลังมากพอแล้วที่จะคุมกองทัพอันเดดพวกนี้เอาไว้ได้
ภายในวันแรกที่เขาออกล่าเขาก็ได้รับค่าประสบการณ์ไป 27% และวันถัดมาก็ได้อีก 29% ทักษะอัญเชิญอันเดดกับทักษะก่อกำเนิดโครงกระดูกก็แสดงผลได้อย่างยอดเยี่ยมแถมยังปรับตัวกับการต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย แต่ว่าเจ้าวิหคทองคำที่แยกตัวออกไปก็บินวนไปมารอบๆจากข้างบน สิ่งเดียวที่สามารถเห็นได้ก็คือกองกำลังที่กำลังเคลื่อนทัพของวีด
ผู้แปล: Cole’s Myth

Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

10 ความคิดเห็น:

  1. กองเรือ เจอกองกำลัง อันเดด

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. มีกองเรือมาเป็นเหยื่อเพิ่มล่ะ จบเควสนี้ไม่รู้เวลจะเพิ่มมากไหม?ได้รับอะไรเด็ดๆ? สู้ไปคืนชีพประติมากรไปหักล้างกันเวลหายหมด แต่ทักษะเสริมต่างๆนี่เรียกว่าโคตรโกง

    ตอบลบ
  4. กองทัพใกล้จะเป็นแบบบัลข่านแล้ว

    ตอบลบ
  5. เคยสงสัยว่า ทำไมวีดไม่แปลงเปนซอยูนซะเลย

    ตอบลบ
  6. จะสร้างทัน กองเรือ กับคนอีก 1200 คนนั้นไหม
    หรือว่า ไม่ได้คิดจะสู้จริงจัง แค่ล่อไปให้ มอนในเขตนี้ชือดแล้วค่อยปลุกเรียกขึ้นมาหว่า

    กองทัพนับพัน

    ตอบลบ
  7. สร้างกองทัพ อันเดทจากคน 1200คน แค่คิดก็สนุกแล้วว

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...