วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560

เล่มที่ 19 ตอนที่ 5: กองทัพเรือที่สาปสูญของกลุ่มโจรสลัด แปลโดย Cole’s Myth

เล่มที่ 19 ตอนที่ 5: กองทัพเรือที่สาปสูญของกลุ่มโจรสลัด แปลโดย Cole’s Myth

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทางที่เมืองท่าเรือครูเกอร์หลังจากต้องใช้เวลาล่องเรือมาราวๆเก้าวัน
ความเร็วเรือตกลงไปเพราะต้องผจญกับรังมอนสเตอร์ทะเลอีกตั้งสามแห่ง เพราะงั้นพวกเขาจึงได้ฆ่าไปมากกว่า 57 ตัวซะอีก
เส้นทางการเดินทางที่แสนไกลทำให้เลเวลทักษะการเดินเรือของวีดพัฒนาขึ้น
 (ผมไม่มั่นใจว่าเขาแค่เลเวลพัฒนาขึ้นหรือไปจนถึงระดับกลางของทักษะแล้วยัง)
 ดินแดนนน อฮอย!”
เซอร์กะที่กำลังดีใจเป็นคนแรกก็รุดออกไปจากดาดฟ้าเรือก่อน
ครูเกอร์เป็นท่าเรือที่เล็กมีเสน่ห์ บ้านช่องร้านค้าล้วนถูกสร้างมาเหมือนดั่งรูปวาด
วีดมุ่งหน้าไปที่บาร์เป็นคนแรกเพื่อรวบรวมข้อมูล
 “เจ้าบอกว่าเจ้ากำลังตามหาคนหรือว่ากลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับจักรวรรดินิฟล์เฮมหรอ? มันก็นานมากแล้วนะที่เรามีผู้เยี่ยมเยือนจากดินแดนอื่นเช่นนี้ เพราะงั้นเราอาจไม่รู้มากนัก เจ้าเป็นคนนอกคนแรกเลยที่มาที่นี่ ถ้าหากเจ้าไม่ได้เป็นนักเดินเรือมือฉกาจอย่างนี้ คนส่วนใหญ่นะไม่มีทางรู้จักท่าเรือครูเกอร์นี่หรอก เจ้าว่างั้นไหม
พวกเขาทำเงินได้บ้างที่ท่าเรือครูเกอร์ ขายสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิตแล้วจากนั้นก็ซื้อกลับมาในทันที สองวันต่อมาพวกเขาก็ได้เทียบท่าที่ท่าเรือรูไน

เป็นท่าเรือที่มีเรือลำใหญ่กว่านิดหน่อยจากเมืองครูเกอร์ แถมยังเก็บข้อมูลง่ายกว่าอีกด้วยถ้าหากเพียงซื้อเครื่องดื่มซักครั้ง ตอนที่จิบไปดื่มไปนั้น เรื่องราวของนักเดินเรือก็ไหลพรวดออกมาอย่างง่ายดาย
 พวกนักเดินเรือนะไม่ค่อยชอบคุยว่าเขาไปไหนมานัก แถมยังไม่รู้แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามอีก เจ้าว่าไหม? แล้วจะไปตามหาพวกเขาก็ยิ่งยากเข้าไปอีก!”
 “ถ้าเจ้ากำลังตามหานักเดินเรือจากนิฟล์เฮมก็คงเจอได้เยอะเลยละในกลุ่มพวกโจรสลัดนะ ชาวประมงหลายคนนี่หาปลาแถวๆนี้ไม่ได้เลยละนั่นเป็นเพราะมีพายุแถมยังมีโจรสลัดเพิ่มมาอีก
พวกข้ามาจากที่ไหนน่ะเหรอ?
นั่นมันก็ฮี่ฮี่ เจ้ามาบอกข้าด้วยละกันถ้าเจ้ารู้นะ ได้ไหมละ?
 “พายุงั้นหรอ? ไม่มั่นใจละสิว่าทำไมแต่ท้องทะเลกลายเป็นอย่างนี้หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดินิฟล์เฮมเคยได้ยินมาก่อนว่าท้องทะเลเคยเป็นที่ๆเงียบสงบ
แล้วก็ยังมีข่าวลือที่ยืนยันไม่ได้อีกมากมาย
 ที่ทะเลทางตะวันออกเฉียงเหนือก็ยังมีเกาะที่มักโดนรังควาญจากมอนสเตอร์อีก อย่าแม้แต่จะคิดเลยล่ะว่าจะเดินทางหาเสบียงบนเกาะที่มีมอนสเตอร์อยู่เต็มไปหมด เจ้าจะกลายเป็นอาหารของพวกมันในทันที
 เจ้าเห็นปลาครีบแดงๆรึป่าวละ? เนื้อพวกมันแน่นอร่อยมากเลยละ
 “บริเวณที่พวกโจรสลัดมักออกมาก่อกวนสร้างปัญหา ส่วนใหญ่อยู่บริเวณอ่าวเพอร์เรียน
นักเดินเรือที่ท่องไปทั่วทะเลอันกว้างใหญ่ มักจะคุยโตโอ้อวดซะมากเกินจริง จะยืนยันความจริงได้ก็คงมีแต่ต้องออกไปดูให้เห็บกับตาตัวเองเท่านั้น
แต่ก็ยังคงมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่พอจะให้ไปอ้างกับข้อมูลอื่นต่อได้
แล้วมันก็มีตอนที่วีดกำลังเที่ยวสำรวจเมืองที่เล็กมากๆที่เรียกว่า เรจาโด ตอนที่เขาซื้อเครื่องดื่มให้ชาวประมงแก่ๆคนหนึ่งที่ดื่มมันอย่างขอบคุณแล้วก็พูดว่า
 เจ้าหนุ่มนี่น่าชื่นชม เจ้ากำลังกำลังถามข้าเกี่ยวกับกลุ่มโจรสลัดอาร์เมเนียนเหรอ?”
 “ข้ายังไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับโจรสลัดเลยนะ
 “นานมาแล้ว ข้าได้ฟังเกี่ยวกับพายุที่โหมกระหน่ำท้องทะลจากปู่ของข้า ตอนฤดูใบไม้ร่วง ณ จักรวรรดินิฟล์เฮม ชายผู้มุ่งมั่นได้เข้าสู่พิธีการเป็นโจรสลัดในท้องทะเลแล้วก็เดินเรือออกไป ต่อมาดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นหัวโจกของพวกลูกเรือโจรสลัด ลือกันมาบ้างว่าเขาเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่อีกด้วย
ในหัวของวีดเริ่มประมวลผลอย่างรวดเร็ว ท่าเรือเรจาโดอยู่ติดกับฝากทะเลพายุรุนแรง แต่กลับพบว่ามันไปอยู่ฝั่งหลังของเกาะเขาคงพลาดซะแล้วที่ไม่ได้เข้าไปดูให้ใกล้ๆกว่านั้น
 กลุ่มโจรสลัดอาร์เมเนียนนี่ยังเป็นกลุ่มที่ใหญ่ไหมครับ?”
 “กองกำลังของพวกมันก็จวนจะครองทั้งทะเลเหนือได้แล้วละ
 “แล้วตอนนี้ละเป็นไง?”
 “พวกมันหายสาปสูญไปหลายสิบปีแล้วละตอนนี้
วีดตัดสินใจแล้วว่าคงไม่มีหนทางอื่นละได้แต่ต้องไล่ตามเหล่าโจรสลัดอาร์เมเนียนต่อไป
 พอจะมีทางที่จะรู้ไหมว่าพวกเขาไปทางไหน?”
 “ถ้าเจ้าท่องเรือไปทางทิศเหนือนานมากพอ บ้างบอกว่าจะมีออโรร่าอันงดงามทอดผ่านท้องฟ้ายามราตรี บ้างก็บอกว่าแม้แต่นักเดินเรือที่เก่งที่สุดอาจจะหรือมิอาจหาเจอแม้นซักครั้งเดียวในช่วงชีวิต หากเจ้าล่องไปตามแสงออโรร่าก็จะไปถึงดินแดนเหนือของทวีป
โมราต้านั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนทางเหนือ เพราะงั้นแล้วถ้าชาวประมงอาวุโสท่านนี้ ดั้งเดิมคงมีพื้นเพมาจากตอนกลางทวีปแน่เลย ท่าเรือเลซาดร้านั้นก็อยู่ทางทิศเหนือเช่นกัน
เมื่อตอนที่เขาได้ปลดปล่อยเมืองโมราต้า นั่นก็กลายเป็นศูนย์กลางของทางเหนือและเป็นที่ต้องการสำหรับสินค้าเครื่องหนังแห้งอีก แต่อย่างไงซะเมืองทางทิศเหนือส่วนมากก็ติดตรงที่ไม่อาจเลือกส่งออกไปได้

แล้วท่านจะบอกให้ข้าล่องเหนือไปไกลซักแค่ไหนละ ท่าทางของวีดเปลี่ยนไปเร็วปานรถเหินฟ้า นั่นเป็นเพราะเขารู้สึกสะกิดใจเกี่ยวกับสถานที่นั้น
 “ไม่มีทางหรอก
 “ไม่มีทางแน่ๆแค่ไม่มีทางเลย ไม่ว่าจะซวยซักแค่แค่ไหน ก็จะไปอยู่ที่นั่นไม่ได้แน่ๆ
ชาวประมงคนนั้นยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ
 “สถานที่ที่เจ้าต้องสู้ฝ่าฟันไปเป็นดินแดนน้ำแข็งอันแสนเหน็บหนาวที่ดินแดนปลดปล่อยลมหนาวออกมา มีข่าวลือมาว่ากลุ่มโจรสลัดอาร์เมเนียนไปจนถึงแถบลาส ฟาลั้งคซ์เลยละ แล้วข้าก็ยังเคยได้ยินอีกจากปู่ของข้าว่ามีสมบัติของพวกเขาหลับไหลอยู่

ท่านได้รับข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจแล้ว
ได้เบาะแสภารกิจมาแล้ว!
 “ลาส ฟาลั้งคซ์ถึงแม้ว่าแค่ชื่ออย่างเดียวฟังดูสยองๆก็เถอะ นั่นเป็นหนึ่งในสิบของสถานที่ต้องห้าม เป็นดินแดนน้ำแข็งเย็นยะเยือกแสนโหดร้ายสำหรับพวกมือใหม่
ยังมีภูเขาไฟระเบิดและลาวาประทุออกมาไม่หยุดหย่อนอีก แถมระดับของมอนสเตอร์ที่ปรากฏหลักๆก็อยู่ประมาณ 500 ถึง 600 แค่ย่างเข้าไปก็เป็นไปไม่ได้แล้วถ้าหากใครไม่เตรียมตัวตายไว้ก่อน
วีดเข้าใจแจ่มแจ้งอย่างมากเลยละ
 มีแผนที่ของลาส ฟาลั้งคซ์ที่บรรพบุรุษข้าเคยไปมา เจ้ายินดีที่จะเอามันไปใช้ไหมละ?”
 ‘ห๊า สุดท้ายแล้ว แกก็พยายามฆ่าฉันสินะ ไอ้เควสบ้าเอ้ย!’
คงพูดได้ว่าเขาถึงช่วงเวลาย่างก้าวไปถึงเป้าหมายปลายทางของความตายแล้วละ เป็นช่วงเวลาที่ประกอบโรงศพให้เขา ขุดหลุมแล้วทั้งหมดทั้งสิ้นก็เหลือแค่จำเป็นต้องหยุดลมหายใจของเขาลงเท่านั้นเอง
วีดถามออกไปอย่างฉุนๆ
 “ฟรีใช่ไหม?”
 “ข้าก็ไม่ได้ใช้อะไรมันเป็นพิเศษหรอกตอนนี้ เจ้าก็แค่รับมันไปเถอะ
ชาวประมงเข้าไปในบ้านของเขา แล้วให้แผนที่แผ่นหนังเก่าๆกับวีด

ท่านได้รับแผนที่ที่นำการเดินทางไปสู่ ลาส ฟาลั้งคซ์
ท่านได้รับแผนที่ลายเส้นวาดแบบลวกๆของลาส ฟาลั้งคซ์ 1 ฉบับ ดินแดนลาส ฟาลั้งคซ์ที่กล่าวได้ว่าเป็นแถบปลายสุดของดินแดนทางเหนือของทวีปเวอร์เซล

ช่วงเวลาที่วีดจ้องมองไปที่แผนที่ภาพแผนภูมิก็หลั่งไหลเข้ามา
ดินแดนเยือกแข็ง (A Land of Frozen) ดินแดนน้ำแข็งพิสุทธิ์ (Pure White Ice)งั้นหรอ!
เหล่าช้างแมมมอธ หมีขั้วโลกยักษ์ แล้วยังจะพวกเยติบึกบึนออกมาเดินทิ้งรอยเท้าว่อนไปหมดอีก
ฉากชวนขนลุกของพวกหมีขนฟูนอนแข็งตายที่เทียบไม่ได้กับความหนาวเย็นของดินแดนจากทิศเหนืออีก ถ้าดินแดนทางเหนือเป็นอย่างที่เด็กๆพูดกันเหมือนกับตอนที่เขารู้สึกเย็นหลังจากกินไอศครีมแล้วบอกว่านี่มันก็แค่เย็นอย่างกับอยู่ในตู้เย็นเลยเน๊าะ
มันช่างเป็นสถานที่อันเลวร้ายซะจนเรียกว่าเป็นสมรภูมิแห่งการล่าได้เลยละ ถ้าคุณไม่ได้ไปอยู่ที่นั่นเพื่อทำภารกิจหรือล่าสมบัติก็คงจะไม่แม้แต่ย่างกรายเข้าไปเสี่ยงเลย แม้ว่าเขาจะนำกองทหารมาซัก 100,000 นาย ทหาร 90,000 นาย คงจะหนาวตาย แล้วอีก 8,000 นายก็คงหิวตาย ส่วนพวกที่ฉลาดๆหน่อย2,000 นายก็จะหนีไปก่อนที่พวกเขาจะไปถึงธารน้ำแข็งซะอีก
แต่ว่าถ้าคุณเข้าไปจนถึงแถบ ลาส ฟาลั้งคซ์ มันก็ไม่รู้สึกหนาวเย็นอีกต่อไปละ
ก้อนน้ำแข็งที่แทบจะไม่แข็งตัวแล้ว และคุณก็จะรู้สึกถึงบรรยากาศอบอุ่นรออยู่ มาทำให้เกล็ดน้ำแข็งหลุดหายไป
ก็จะมีแสงสีแดงเพลิงพร้อมกับหมอกไอน้ำพุ่งทะลักออกมาจากรอยร้าวขนาดใหญ่บนพื้น
*คว๊าคคค แกร๊กกก ตู้มมมม!*

เทือกเขาลาส ฟาลั้งคซ์ พ่นลาวาออกมาอย่างต่อเนื่อง มอนสเตอร์เขตร้อนอย่าง โบราโด้นักรบแห่งความโกลาหล (Borado) ปีศาจโบลาส ที่คลานมาด้วยขาทั้งสี่ ดีบบีโด้มีปีกที่เหมือนกับค้างคาวแล้วยังต้องคำนึงถึงตัวที่อ่อนแอที่สุดเลเวลราวๆ 380 อีกที่มักถูกมอนสเตอร์ตัวอื่นกินเป็นประจำ

ระหว่างทางไปยังมีพวกยักษ์เพลิงเฟย์โอมูที่เดินกันยั้วเยี้ยอยู่ตรงศูนย์กลางของภูเขาไฟที่มีลาวาปะทุออกมา ภูเขาไฟที่แสนอันตรายแล้วก็มีแร่ที่เปล่งแสงระยิบระยับอยู่รอบๆดันเจี้ยนมหาภัยนั่นอีก แถมยังมีสายแร่มิทธริล สายแร่ทอง สายแร่เงิน อีกมหาศาล และแร่อัญมณีมีค่าอื่นๆอีกมากมาย

ลาส ฟาลั้งคซ์ก็ยังมีแร่หินหายากอีกมากที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นผิว ช่างเป็นสถานที่แสนล้ำค่าอย่างยิ่งสำหรับเหล่าประติมากร
ดินแดนที่แสนโหดร้ายอย่างมากที่เขาต้องผจญ ยังมีฝูงมอนสเตอร์แข็งแกร่งอยู่ทั่วเต็มไปหมด แต่ทว่าวีดก็ไม่แม้แต่จะรู้สึกว่าอยากจะยอมแพ้ให้กับภารกิจนี้เลย
 ถ้าหากความล้มเหลวคือตัวเลือกแรกที่เข้ามาในหัวแล้วล่ะก็ ถ้างั้นการต่อสู้กับกองทัพอมตะในครั้งแรกของเราก็คงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน!”
ไม่ว่าจะเป็นภารกิจแบบไหน คุณจะไม่มีทางทำสำเร็จเลยหากไม่ยอมท้าทายกับมัน แต่อย่างไรก็ตามวีดก็ตัดสินใจที่จะคิดบวกแทนที่จะมัวแต่มองโลกในแง่ร้าย
 ฉันจะไม่ยอมตายเพราะอากาศหนาว ขอยอมโดนเผาตายเป็นล้านๆครั้ง ยังจะดีซะกว่า
ค่าความคงทนของชุดเกราะและอาวุธลดลงจนสังเกตได้ตอนโดนเผาด้วยเปลวเพลิง แม้ว่าพวกมันจะเสียหายจนถึงระดับที่ฟู้นฟูไม่ได้อีกต่อไปเมื่อพวกมันถูกหลอมละลาย จนแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อมอีกครั้ง แต่ว่าด้วยทักษะช่างตีเหล็กของเขาที่สามารถซ่อมแซมค่าความเสียหายไปจนถึงระดับที่มั่นคงของค่าความคงทนได้ก็ถือว่าโอเคละ
 คงเพราะว่าอยู่บนพื้นดินไม่เหมือนกับอยู่ในทะเล ก็ง่ายกว่ามากรักษาความทนทานเอาไว้ได้
ถ้าหากต่อสู้บนบก มันก็ยังพอเป็นไปได้เหมือนกัน โดยการเรียกพวกประติมากรรมสลักชีพตามมา (the sculpture of life)
แต่ยังไงก็ตามซะคงใช้เวลานานเกินไปที่จะกลับไปเอาพวกมันมา
 “ตอนนี้เราเป็นจอมเวทย์อมตะ (Lich) ไม่ใช่ประติมากรแล้วงั้นมันก็คงได้เปรียบมากกว่า
เหล่าประติมากรสามารถเพิ่มพละกำลังทั้งหมดให้กับกองกำลังของพวกเขาแล้วยังช่วยส่งเสริมสนับสนุนได้อย่างดีเยี่ยมในการพัฒนาบ้านเมือง มันเป็นอาชีพที่สามารถสร้างฐานอำนาจให้กับพวกผู้เล่นกับเหล่าชาวเมืองคนอื่นๆได้
แต่ว่าในทางกลับกันพวกอาชีพสายเนโครแมนเซอร์ก็สามารถสู้ได้โดยใช้ซากศพกับมานา แม้พวกประติมากรรมสลักชีพจะให้ผลลัพธ์คล้ายๆกันแต่ว่าผลกำไรที่ได้พวกผีดิบกับพวกกูลที่ถูกปลุกขึ้นมาแม้จะตายไปอยู่บ้างนั่นก็ดีกว่ามาก ในการโต้เถียงกันเรื่องวิธีการ พูดได้ว่าเนโครแมนเซอร์เป็นสายอาชีพที่แข็งแกร่งที่สุดที่เป็นที่รู้กันจนถึงทุกวันนี้
มันไม่มีระยะการโจมตีกว้างอย่างเวทย์โจมตีของพวกนักเวทย์ หรือแม้แต่พละกำลังมากมายอย่างพวกนักดาบหรือว่าอัศวิน
อย่างไรก็ตาม ถ้าดูในอีกมุมมองหนึ่งของความเชี่ยวชาญของคุณที่สามารถจัดการควบคุมกองกำลังอันเดดได้แล้วกลายเป็นกำลังทหารที่สร้างข้อได้เปรียบที่สายอาชีพอื่นๆนั้นเทียบไม่ติดเลย
 มันคงจะดีกว่าสินะถ้าเราไม่ใช้โล่โบราณ
แม้นโล่โบราณที่ลดค่าความเสียหายลงได้มากสุด 30% แต่ก็ไม่อาจนำมาใช้ได้เลย
 ยังไงซะ ทั้งหมดที่เราทำได้ก็คือทนเอาเท่าที่จะอดทนได้ละกัน
ทั้งหมดทั้งสิ้นแล้วก็คือต้องเชื่อว่าค่าพลังชีวิต (vit) ของเขาคงจะอึดได้มากกว่าของพวกแมลงสาบพวกนั้นนะ
 (ฉันว่าเขาไม่ควรภูมิใจกับความคิดนั้นนะ)

***


ภายในอาณาจักรเล็กๆ ชื่อเซลเซียม (Selzium) มันโดลที่อยู่อาศัยอยู่กับภรรยาของเขาภายใน     คฤหาสน์บริเวณจัตุรัสขนาดใหญ่ราวๆพันตารางวา
มักจะมีผู้มาเยี่ยมเยือนที่คฤหาสน์ที่พวกเขาอาศัยอยู่บ้าง
 ประติมากรรมได้ถูกสลักในเมืองโมราต้า มันช่างลำบากนักหากจะขนย้ายพวกมัน เราหวังว่าท่านจะแวะมาเยื่ยมเยือนกันบ้าง นี่คือข้อความแจ้งบอกท่านมา
บนทวีปเวอร์เซล จะมีบริษัทที่จะส่งข้อความง่ายๆให้ผู้อื่น หรือส่งสินค้าจนกว่าพวกเขาจะทราบข้อมูลที่อยู่ผู้ส่ง
ข้อความที่ส่งผ่านมาถึงพวกเขาคือข้อความของวีด เพียงแค่นั้นเองก็ทำให้มันโดลบอกเกี่ยวกับคำขอร้องกับภรรยาที่เขาได้ขอร้องวีดไป
 คุณทำสิ่งที่เสียเปล่าแล้วล่ะ
แม้ว่าวีดจะเป็นประติมากรที่ชื่อเสียงโด่งดังก็เถอะแต่ว่าเขาจะแกะสลักลูกสาวของฉันได้อย่างไรในเมื่อเขาไม่เคยเห็นหน้าของเธอมาก่อน?”
 “ก็ผม…”
 “เอาเถอะค่ะ ถ้าคุณยังยืนกรานจริงๆละก็ งั้นเราก็ไปกันเถอะค่ะ
แม้นว่าตลอดเส้นทางการเดินทางอันยาวนาน มันโดลนั้นก็ยังต้องการที่จะฟื้นเอาความสุขที่เขาได้เสียไปกับภรรยาของเขากลับคืนมา

 นี่ก็ซักพักแล้วสินะตั้งแต่ที่เราไม่ได้ออกเดินทางมาด้วยกันน่ะ

 “มาชื่นชมสิ่งสวยงามนานาแล้วดื่มด่ำกับอาหารอร่อยๆกันดีกว่าเถอะนะ
 “ได้สิคะ
พวกเขาล่าสัตว์แล้วทำอาหารด้วยตัวเองขณะที่เดินทางไปด้วย
เมื่อมองดูมันโดลที่ให้ทุกอย่างที่ดีที่สุด ในบางครั้งที่ภรรยาของเขา เดลฟิน่านั้นก็ยิ้มออกมา
 “ที่นี่ละคือโมราต้า
ไม่เหมือนกับมันโดล ชายผู้มีหนวดเครารกรุงรังแถมยังดูเหมือนหยั่งกับโจรป่า ภรรยาของเขาเดลฟินั้นช่างเอวบางร่างน้อยและยังงดงามน่าหลงไหล
 ที่นี่ดูพัฒนาไปอย่างมากจากครั้งล่าสุดที่ผมมา แถมยังมีตึกรามบ้านช่องที่ถูกสร้างเพิ่มขึ้นมามากมายอีกด้วย
มันโดลที่ครั้งหนึ่งเคยมายังเมืองโมราต้าแล้วทิ้งคำขอร้องของเขาเอาไว้ให้วีด
 ตอนนั้น ไม่ได้มีผู้คนกับสิ่งก่อสร้างมากมายขนาดนี้นี่
 ‘มีสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตหรูหรามากมายได้ถูกสร้างขึ้นอีกด้วย
ดูเหมือนว่าแม้จะใช้เวลาสองสามวันก็คงไม่พอที่จะเดินดูรอบๆได้ทั่วทั้งโมราต้าได้เลย มันโดลพูดกับตัวเองในใจอย่างไม่อาจหยุดพักได้
 “แม้ว่าประติมากรรมนั้นจะดูน่าผิดหวัง ก็ได้โปรดอย่าโกรธเลยนะ
 “เอาเถอะค่ะ ฉันหมายความว่า มันก็ดีมากแล้วละตลอดทางที่มาที่นี่น่ะค่ะ
มันโดลตรงดิ่งเข้าสู่โมราต้าอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วก็พยายามคอยทำให้ภรรยาของเขาสบายใจตลอดทาง
1 เหรียญทองแดงสำหรับประติมากรรมหนึ่งชิ้นหรอ! ‘เขาคงไม่ทำมันออกมาแย่มากแบบของกระจอกๆหรอกนะ หรือป่าวนะ?’
ตลอดระยะการเดินทางที่แสนยาวไกล ความทุกข์ยากลำบากคงกำลังทำลายภรรยาของเขาไม่น้อยไปกว่าตัวเขาเองมาก ถ้าประติมากรรมออกมาน่าเกลียดซะจนไม่น่าดูนัก
 ผมทำได้แค่เพียงปล่อยไปตามมโนธรรมของเขาเท่านั้น แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ดูใจบุญหรือซื่อตรงมากสักเท่าไร
ขณะที่พวกเขาผ่านเข้าไปยังประตู มีหญิงสาวกำลังเฝ้ารอรับพวกเขาอยู่
 “ท่านคงจะเป็นท่านมันโดลใช่ไหมค่ะ?”
 “ก็ใช่อยู่หรอกนะ แต่ว่า…”
ช่างเป็นเด็กสาวที่ดูงดงามและน่ารัก
เด็กสาวนามว่า ฟรีน่า รับทำงานในหลายๆหน้าที่หลังจากวีดได้ช่วยชีวิตเธอไว้ เธอขายดอกไม้ ช่วยเย็บปักเสื้อผ้า หรือแม้แต่ช่วยทำอาหารที่โรงอาหารเมื่อตอนที่มีการปรุงและเสิร์ฟอาหารจานเนื้อของราชาไฮดร้าและงูทมิฬอีมูกิอีกด้วย

ปัจจุบันเธอยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นทูตติดต่อคอยแนะนำภารกิจต่างๆ
 นายท่านของข้าได้ออกไปทำงานเร่งด่วนที่อื่น ฉะนั้นพวกท่านจึงไม่อาจพบเขาได้
คำถามและข้อสงสัยไหลพรูเข้ามาในหัวของมันโดล
 นี่เขาทำของกระจอกๆออกมาแล้วก็วิ่งแจ้นหนีไปงั้นเหรอ?’
ฟรีน่ายังต่อบทสนทนาไปอีก
 เพราะงั้นข้าจะนำพวกท่านไปที่นั่นแทน
 “ที่นั่นเหรอ?”
 “ที่ตั้งของประติมากรรมไงคะ
ถ้างั้น เขาก็ไม่ได้โยนมันทิ้งไปที่อื่นแน่ๆเลย แถมพวกผู้เล่นใหม่ในตัวเมืองก็คงเห็นได้ทุกหนทุกแห่ง ที่นั้นทั้งหมดก็คงเสียงดังกังวานสนุกสนานครึกครื้น ถูกเติมแต่งไปด้วยบรรยากาศรื่นเริงและสดใส มันโดลนั้นแทบอยากจะเลี่ยงออกไปสำรวจดูเมืองแล้วตอนนี้
มีเควสใหม่ๆ พื้นที่ล่าใหม่ๆ กำลังถูกค้นพบเรื่อยๆโดยคนแล้วคนเล่า และยังมีทิวทัศน์ทะเลสาบกับภูเขาใกล้ๆราวกับออกไปอีกโลกหนึ่งเลย

เดลฟีและมันโดลได้รับการนำทางไปยังบริเวณศูนย์กลางของเมืองโมราต้า มีสิ่งปลูกสร้างขนาดมหึมาล้อมรอบสวนหญ้าและบ่อน้ำที่มีปลาตัวเป็นๆแหวกว่ายอยู่
ศูนย์ศิลปะของวีด
 “ที่นี่ล่ะค่ะ

ที่นี่คือที่ที่ประติมากรรมที่ข้าขอให้ท่านลอร์ดทำให้คือที่นี่ เจ้าบอกว่างั้นเหรอ?”
มันโดลค่อยๆรู้สึกตื้นตันขึ้นมาในทันที
อาคารศูนย์ศิลปะได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างโอ่อ่าและใหญ่โตมากกว่าคฤหาสน์หลายๆหลังในทวีปกลางซะอีก
 ใช่แล้วค่ะ จากนี้ไป สถาปนิกนามปาโวจะนำทางท่านไปเป็นการส่วนตัวนะคะ
ปาโวมาล่วงหน้ามาถึงก่อนแล้ว เขากำลังรออยู่ตรงทางเข้า
 ผมเป็นสถาปนิกแห่งศูนย์ศิลปะแห่งนี้ นามว่าปาโวครับ
 “ผมชื่อ มันโดลแล้วนี่ก็ เดลฟี
มันโดลโค้งคำนับปาโวอย่างสุภาพ ผู้ที่ดูเหมือนว่าจะดูอาวุโสกว่าทั้งสองคน
 คุณดูเหมือนว่าจะอาวุโสมากกว่าพวกเราสองคน เพราะงั้นโปรดทำตัวตามสบายกับพวกเราเถอะ ว่าแต่ว่าทำไมระหว่างวันเช่นนี้ประตูของศูนย์ศิลปะถึงปิดอยู่ล่ะครับ?”

 “นั่นก็เพราะว่ามันยังไม่เปิดให้บริการน่ะครับ ผมจะไปเปิดประตูให้เดี๋ยวนี้ล่ะ เพราะงั้นได้โปรดใช้เวลาเดินดูไปรอบๆก่อนเถอะ
แขกกลุ่มแรกของศูนย์ศิลปะของวีดคือ มันโดลกับเดลฟี หลังจากนี้อีกสองวันจะเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ประตูที่ปิดล็อคที่เฝ้ารอการมาเยือนของพวกเขาดีดตัวเปิดออกอย่างกว้างขวาง

***

ในที่สุดพวกเขาก็ออกเรือไปยังลาส ฟาลั้งคซ์ หลังจากได้รับข้อมูลที่ท่าเรือเรจาโด! อันดับแรกก่อนเลยพวกเขาหยุดเทียบท่าที่หมู่บ้านโมค่อนเพื่อทำภารกิจในการพบเจอกับช่างตีเหล็ก
ทุกคนได้รับภารกิจเว้นแต่วีดคนเดียว วีดไม่ได้พูดอะไรมากขณะที่คนอื่นไปยังหมู่บ้านโมค่อน เขาก็แค่ถอนหายใจซักเจ็ดร้อยครั้งได้
 ชิ ฮึ ฟู่ อ๊าสส ชิสสส โว้ววว วุ้ย เฮ้ออ ฟิ้วว
“...”
“…”
 “เรียกขาน เดทไนท์!”
 “ท่านเรียกข้าหรือ นายท่าน? ข้าต้องสู้กับใครเหรอ?”
 “กับข้านี่แหละ
 “หือ?”

 “มาสู้กัน
เรื่องราวนับสิบได้เล่าขานถึงการเฆี่ยนตีเดทไนท์ผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราว ซ้ำแล้วซ้ำเล่าระหว่างช่วงเวลาการตกปลา (เรื่องคุยกันตอนนั่งเล่นว่างั้น)
 “ข้าทำแบบนี้ก็แค่อยากจะเพิ่มค่าความเชี่ยวชาญทักษะต่อสู้เท่านั้นแหละ เพราะงั้นก็อย่าถือสาข้าเลย มันก็คงไม่เหมือนอย่างกับว่าข้าจะยังคงเคืองอะไรอยู่จากการเล่นเกมไพ่โกโดรินั่นแหละ
อีกทางหนึ่ง ช่างตีเหล็กหมู่บ้านโมค่อนก็เริ่มแจกจ่ายภารกิจแล้วเช่นกัน
 “ข้ายังขาดแคลนแร่เหล็กอยู่เลยทำให้ไม่อาจทำของที่ข้าต้องการได้เลย ได้ข่าวว่าใกล้ๆกับมอร์เดรดมีเหมืองแร่ดีๆมากมาย ท่านพอจะไปสำรวจที่นั่นให้ข้าได้หรือไม่? แต่ข้าคงรอท่านตลอดไปไม่ได้หรอกนะข้าหวังว่าท่านจะสามารถเอากลับมาได้อย่างน้อยภายใน 4 เดือน
ความยากของภารกิจระดับ C
แน่นอนว่าทุกคนยอมรับภารกิจก็เพราะว่าพวกเขาอยู่ในเส้นทางเดียวกันกับที่ที่พวกต้องทำภารกิจผู้สืบทอดของช่างฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่มอร์เดรดอยู่แล้ว เพราะงั้นพวกเขาจึงกางใบเรือตีออกไปจากหมู่บ้านโมค่อนอีกครั้ง
 เขตลาส ฟาลั้งคซ์หรอ เฮอะ…”

ภูมิภาคทางเหนือของทวีปเวอร์เซลเป็นดินแดนแถบขั้วโลก เพื่อที่จะไปถึงส่วนเหนือของทวีปโดยการเดินทางทางพื้นดิน คุณจะต้องข้ามภูเขาหลายลูกแม่น้ำหลายสาย แล้วยังต้องผ่านป่ามหาภัยที่เต็มไปด้วยปีศาจมากมาย
แม้จะพูดได้ว่าการเดินทางทางทะเลนั้นปลอดภัยกว่ามาก แต่ก็เป็นเส้นทางการเดินทางที่ไกลมากเช่นกัน
 “นอกจากนั้นยังมีพวกกลุ่มพายุแล้ว ยังมีสายน้ำเชี่ยวกรากที่ไม่ได้ดูยอดเยี่ยมอะไรเลย จึงถือว่าเป็นเส้นทางที่แสนยากลำบากมากด้วยเช่นกัน
ถ้าจะดูที่ทักษะการล่องเรือของวีดแล้วบวกกับสภาพของตัวเรือผีสิงนี้อีก สภาพดูไม่ได้เลยที่เดียว บอกว่าจะไปทางแดนเหนือให้ไกลกว่านี้แถมต้องไปเจอก้อนธารน้ำแข็งลอยละล่องอยู่รอบๆตัวเรือ ช่างเป็นอะไรที่ดูดีซะไม่มีละ จะหลบหลีกพวกมันนั้นก็คงลำบากมากจริงๆ
 “ฉันคงจมลงก่อนจะเข้าไปถึงแถบลาส ฟาลั้งคซ์แน่เลย
แล้วก็คงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก ได้แต่แข็งตายไปถ้าเขาจมลงไปสู่ก้นทะเล
เรือผีสิงไม่ได้เป็นเรือที่เร็วมากนัก แม้จะแล่นเรือมาห้าวันแล้วพวกเขากลับไปไม่ถึงไหนในทางเหนือ ไม่เพียงแต่มีอิทธิพลจากลมปะทะกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก แต่ยังเรื่องขัดข้องที่ต้องผ่านเทียบท่าทุกๆเกาะทุกๆท่าเรือเพื่อขายของแล้วก็รวบรวมข้อมูลอีก

 “จะไปที่ลาส ฟาลั้งคซ์หรอ ช่างเป็นคนที่บ้าบิ่นมากจริงๆ
หญิงชราคนหนึ่งเข้ามาถามอย่างจริงจังว่า
 เจ้าคงอยากจะไปตายมากสินะ?”
ผ่านมาสองวันแล้วเพลก็พูดขึ้นมาว่า
 ยังไงก็เถอะวีด กำหนดเวลาภารกิจของพวกเราก็ใกล้เข้ามาแล้วนะ
แต่เดิมที่พวกเขาตามวีดมาเพราะเป็นทางที่จะไปเมืองมอร์เดรด พวกเขาถูกหน่วงตัวไว้ซักพักแล้วแต่ว่าพวกเขาก็ต้องทำภารกิจของพวกเขาเหมือนกัน
 หรือว่าเราก็แค่ควรยกเลิกภารกิจไป? ลาส ฟาลั้งคซ์น่าจะเป็นเขตที่อันตรายมากจริงๆ นายคงต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา
แม้ว่าจะเป็นความหวังดีของเพลแต่ว่าวีดก็ไม่อาจรับมันไว้ได้ เมื่ออยู่บนเรือวีดเพิ่มค่าความเชี่ยวชาญทักษะของเขาอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีการตกปลา แกะสลัก ทำอาหารและก็อื่นๆอีก แต่กับคนอื่นทำได้แค่นั่งอยู่รอบๆชมวิวทิวทัศน์ระหว่างทางที่ไปลาส ฟาลั้งซ์เท่านั้นแล้วก็มีแต่พระเจ้าเท่านั้นละที่จะรู้ว่าไกลหรือนานแค่ไหนกว่าจะไปถึง (แอดมิน: อีกไหลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ บอกที)
นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีทางรับประกันได้เลยว่าทุกคนจะไปถึงอย่างปลอดภัย ถ้าหากว่าไปถึงเขตลาส ฟาลั้งคซ์ในตอนนี้วีดไม่อาจขอให้เขาไปได้พอๆกับขอให้เขายอมยกเลิกภารกิจเพื่อไปที่นั่นละ
 “ไม่ล่ะ ฉันจะไปเพียงลำพัง ฉันจะพยายามตามหาแถบลาส ฟาลั้งคซ์ให้พบด้วยตัวเอง
 ถ้าพวกเราจากไป การต่อสู้บนทะเลนั้นก็คงยากขึ้น ไม่ใช่เหรอ?”
 “ฉันก็แค่ต้องเอาพวกประติมากรรมสลักชีพขึ้นเรือมาตอนที่พวกนายไปแล้วน่ะ
เอาตัวเจ้าวิหคทองคำ (Golden Bird) ที่มีน้ำหนักตัวเบาพอๆกันขึ้นเรือมาก็คงไม่มีปัญหาไรหรอก
ส่วนพวกฟีนิกซ์ ปิงหลง กับพวกไวเวิร์นคงจะไปด้วยกันไม่ถึงเขตลาส ฟาลั้งคซ์แน่ พวกฮวายองกับไอรีนทักท้วงอย่างหนักแน่นที่จะไปด้วยแต่ว่าวีดก็ไม่อาจตอบรับได้
 ออกไปทำภารกิจของเมืองมอร์เดรดให้เสร็จก่อนเถอะ ภารกิจของผมเพียงคนเดียวก็พอแล้วละ ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดไปหรอก ถ้าหากว่าผมต้องการความช่วยเหลือจริงในภายหลังพวกนายค่อยมาช่วยผ่านทางทักษะรูปภาพเคลื่อนย้ายของยูรินได้เสมอนะ
เมื่อยูรินกลับมารวมตัวกับพวกเขาผ่านทางทักษะเคลื่อนย้ายมาจากวาดภาพจากเมืองโมราต้า แค่เพียงหลังจากที่ปาร์ตี้ของเพลชักชวนมา เรือผีสิงเดินเรือด้วยความเร็วเต็มสูบตรงดิ่งไปอย่างมุ่งมั่นแล้วก็เทียบท่าต่อไป
 คุณฮวายองครับ คุณมีเหรียญทอง 1190 ของผมอยู่นะครับ โชคดีจังนะครับที่อยู่กับคุณ ส่วนคุณไอรีนครับ อย่าบริจาคเงิน810 เหรียญทองนั่นนะครับเพราะผมจะขอคืนจากคุณที่หลังนะครับ แล้วก็คุณเบลล็อตที่ชนะเงิน 690เหรียญทองนะครับ ช่วยแยกตัวอยู่บนเรือนานอีกซักหน่อยได้ไหมครับ เพราะว่าผมอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณอีกซักหน่อยนะครับ
 “อะไรนะคะ?”
 “ก็ไม่ใช่อะไรใหญ่โตนักหนาแล้วผมจะให้ยูรินส่งคุณไปหาคนอื่นๆทีหลังนะครับ
 “เอางั้นเหรอคะ?”
เบลล็อตตอบรับไปแม้จะรู้สึกงงๆแต่ก็ตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ วีด บุรุษผู้คิดเล็กคิดน้อย จอมปลิ้นปล้อนคลั่งไคล้เงินตรา แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้ดูเหมือนว่าเขาจะยอมปิดบังความปรารถนาที่ซ่อนเร้นหรือสกปรกโสมมนั้นเอาไว้เลย
เบลล็อตหญิงสาวผู้มีการประเมินการอย่างมีสติไปที่ตัววีดผู้ที่กำลังคุยด้วย เมื่อมองไปที่เพื่อนสนิทของเธอ ฮวายองที่ไม่มีความกังวลใดๆเลยเธอจึงโล่งอกเช่นกัน
เบลล็อตเหลือบมองหน้าของวีด โครงกระดูกผู้โดดเดี่ยวที่กำลังกล่าวลาผองเพื่อนของเขา
 “ถ้าไม่มีคนที่เหลือ ก็จะเหลือเพียงแค่เขากับพวกลูกเรือผีดิบ จะต้องเป็นการเดินทางที่เปล่าเปลี่ยวแน่ๆเลย
 “ยังไงฉันก็ยังรู้สึกผิดนิดหน่อยอยู่ดี
ขากรรไกรล่างของวีดห่างออกจากปากอย่างมาก เหมือนกับกำลังจะหล่นอยู่ตลอดเวลา
 ตอนนี้ ถึงเวลาที่เราจะได้โกยสมบัติแล้ว สมบัติพวกนั้นจะต้องเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่าๆ!”
หลังจากนั้นก็มีพวกประติมากรรมสลักชีพขึ้นมาบนเรือผีสิง

***


 “มอออออ!”
ไวเวิร์น ฟีนิกซ์ เจ้าเหลือง โกลมินิ แล้วก็ปิงหลง!
 “ขึ้นเรือมาซะโกลมินิ
 “รับทราบ นายท่าน
 “ไวเวิร์น พวกแกลองขึ้นมาก่อนกลุ่มแรก
พวกไวเวิร์นตัวหนักมากเกินไปที่จะอยู่บนดาดฟ้าไปตรงทางเชื่อมของเรือ ถ้าหากพวกมันลองนั่งบนเสากระโดงเรือก็คงจะหักลงมาเพราะแรงของพวกมันแน่นอน
 ไวเวิร์น ลงมาได้ละ
เป็นตอนที่พวกไวเวิร์นบินออกมาจากเรือ ปิงหลงที่เดินออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว ตัวเจ้าปิงหลงนั้นใหญ่กว่าเรือผีสิงห้าเท่าซะอีก! แต่ว่ามันก็พยายามขึ้นไปบนเรือผีสิงอย่างหน้าไม่อาย
แต่ดูเหมือนว่ามันกำลังจะพยายามกระทืบทำลายเรือด้วยเท้าของมันซะมากกว่า
 หยุดอยู่ตรงนั้นเลยแก
เพียงแค่ก่อนที่เจ้าปิงหลงจะย่างเท้าขึ้นเรือมันก็ต้องหยุดชะงักในทันที
 แกก็แค่ขึ้นไปไม่ได้นะ
ปิงหลงที่ดูค่อนข้างที่จะเสียใจก็หันตัวกลับด้วยคำสั่งจากวีด

***


ลีฮุนเชื่อมต่อไปยังหน้าเว็ปไซต์ของรอยัลโร้ด
 ผมต้องการนักเดินเรือฝีมือดี
ถ้าหากว่าไม่ได้อยู่ใกล้ๆกับย่านเนเลียที่รถติดก็คงไม่ต้องห่วงมากว่าจะหลงทาง
ตรงกันข้ามกับที่จะไปเขตลาส ฟาลั้งซ์ที่คุณต้องข้ามมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ หากไม่ทราบว่าที่ไหนที่มีคลื่นทะเลเชี่ยวกราก ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดก็อาจโดนคลื่นทะเลที่โหดร้ายซัดกวาดไปแล้วก็จะนำไปสู่ความวิบัติ
ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในการเดินเรือไปผิดทางก็อาจหลงทางไปถึงสองสามวันแล้วก็จะนำไปสู่การสูญเสียวันเวลาไปหลายวันมากจากการหลงทางเพื่อให้กลับไปสู่ทิศทางที่ถูกอีกครั้ง หรือไม่ก็ไปหลงทางไปจนกู่ไม่กลับ
 “เพื่อไปให้ถึงลาส ฟาลั้งซ์ ผมจึงต้องการนักเดินเรือระดับสูง
ลูกเรือผีดิบนั้นเลเวลสูงถึงขั้นไว้วางใจได้แล้ว แต่ว่าก็แค่ระดับที่น่าไว้วางใจได้ในการต่อสู้เท่านั้นละ แต่ตอนที่จะต้องมาปรับใบเรือหรือจัดการเรื่องสำคัญๆพวกมันก็เซ่อซ่าจริงๆ การที่จะไปจุดหมายปลายทางเร็วๆและแม่นยำคงเป็นไปไม่ได้หรอก
 กัปตันเรือหรือนักเดินเรือโด่งดังฝีมือดี หือ…”
ลีฮุนกำลังค้นหาบทความเว็ปไซต์
 คงจะดีกว่ามากที่จะได้คนที่ไม่ได้เป็นเจ้าของกิลด์หรือว่ากลุ่มคนมาเป็นพวก
จากหัวข้อพวกนั้น เขาก็พบหัวข้อหนึ่งที่สะดุดตา
ชื่อเรื่อง: ไอ้พวกเวรนักเดินเรือชาติชั่ว! พวกมันปล้นเอาของทุกอย่างไปจากกูที่ทะเลลาเนทิส
ควยเอ้ย! ไอ้เวรชาติชั่ว! กูจะจิกฟันหน้าแกมาทำเป็นลูกคิด
 (จิก เป็นคำเก่าที่ใช้อ้างถึงคนที่ ฉก ชิง ลัก ขโมย เพื่อนำเอาพวกเขาเอาไปเป็นลูกเรือที่พวกทหารเรือใช้พูด)
ฉันก็ได้จ้างนักเดินเรืออยู่บ้างนะแต่ว่าเขากลับแข็งข้อกับลูกเรือคนอื่นด้วย แล้วฉันก็เลยสูญเสียสินค้าหรือแม้แต่เรือของฉันก็โดนขโมยไปด้วย
หลังจากที่ลองค้นหาชื่อพวกเขาก็พบว่าคนพวกนี้ดังฉาวโฉ่ไม่น้อย
ดูเหมือนว่า เฮ, แฟรคทัล กับบอร์ดเมียร์ จะเป็นเพื่อนของพวกมัน อย่าแม้แต่จะไปจ้างพวกมันละ

รายชื่อพวกนั้นก็ถูกโพสท์ในอีกหลายหัวข้อมากมาย
หัวข้อ การคาดโทษเหล่าผู้ร้ายติดอาวุธแห่งทะเลพลานาทิส
ถ้าแม้ว่าพวกมันจะมีเลเวลสูงแต่ว่าพวกมันก็เป็นไอบ้าที่เที่ยวจี้เรือของคนอื่นเขา
เพื่อที่จะเข้าถึงตัวพวกเรา พวกมันจะแสร้งเป็นพวกสองตีนเดินเท้าใจดีเข้ามาแล้วหลังจากที่เราจ้างโดยดูที่ทักษะพิเศษของพวกมัน พวกมันก็ขโมยเรือแล้วฉันก็ขาดทุนจังๆเลยละ อย่าพากันโง่ละ
พวกมันเป็นพวกตัณหากลับอยากได้ผู้หญิงสุดๆแถมนิสัยท่าทางพวกมันยังถ่อยอีก เรื่องเกิดขึ้นที่เมืองท่าเรือหลักเบคกี้
ทุกคนระวังตัวให้ดีกันด้วยละ


ลีฮุนนั้นอยู่ในสถานการณ์ที่แม้จะต้องจับพวกโจรลัดมาเป็นทาสรับใช้ก็ได้ถ้าหากว่าเขาหานักเดินเรือไม่ได้เลย
 แรกสุดเราก็แค่เพียงต้องจ้างพวกมันดูก่อนละนะ
เมื่อได้ใส่สัญญาว่างจ้างหาลูกเรือพร้อมกับคุณสมบัติของคนสมัครที่ต้องการกับเรือลงไปแล้ว
ก็คงพูดได้อีกว่าตราบเท่าที่เรือไม่จมลงไป พวกเขาก็จะถูกปลุกฟื้นขึ้นมาบนเรืออีก เพราะฉะนั้นสิทธิ์ที่จะตัดสินความเป็นความตายของพวกลูกเรือยังก็คงเป็นของกัปตันเรืออยู่ดี
ถึงแม้ว่าเป็นไปได้เสมอที่พวกลูกเรือพยายามที่จะยึดเรือโดยการก่อจลาจลแล้วก็โค่นล้มกัปตันเรือ บนท้องทะเลอะไรก็เกิดขึ้นได้แหละนะ!
เมืองท่าเรือ เบคกี้! เป็นเมืองท่าเรือที่เป็นส่วนหนึ่งในน่านน้ำเล็กๆของอาณาจักรที่ปกครองโดยดยุค
อุตสาหกรรมการต่อเรือกับค้าขายพัฒนาไปอย่างมาก มันจึงเป็นเกาะที่จำเป็นต้องผ่านไปเพื่อที่จะเข้าจากทะเลพลานาทิสไปที่ทะเลเนอเรีย
บนเกาะนั้นมีพื้นที่ล่าดีๆอยู่มากและคลื่นมหาสมุทรก็ยังจะนำทางไปราชอาณาจักรแดนตะวันออก เบรนตัน (Brenton) ภายในเวลาแค่สี่ถึงห้าวันเท่านั้น

 ฮี่ๆ ขอดื่มไวน์ซักขวดที่นี่เถอะนะ
เบลล็อตแต่งตัวด้วยชุดเดรสหนังเรียบๆแล้วก็กำลังดื่มของหนักในร้านเหล้า แก้มสองข้างแดงน่ารัก ดวงตาก็ใสแป๋ว แล้วยังแสดงท่าทางที่ใสซื่อ เธอจึงกลายเป็นที่ดึงดูดความสนใจของเหล่าชายหนุ่มทั้งหมด
 หืมมมม
 “ผู้หญิงมาดื่มคนเดียว….กำลังรอเพื่อนมาหารึป่าวนะ?”
พวกผู้เล่นชายหลายคนล้วนชายตามองไปที่เธอ
เป็นเพราะว่าร้านขายเหล้านี้อยู่ใกล้กับท่าเรือจึงมีอัตราส่วนของกะลาสีเรือผู้ชายสูงมากอย่างล้นหลาม ในตอนพวกหนุ่มๆกำลังรวบรวมความกล้าขณะที่เบลล็อตจิบเครื่องดื่มอยู่นั่น ก็มีชายหนุ่มสามคนลุกขึ้นมาก่อน
นั่นก็คือ เฮ, แฟรคตัล กับบอร์ดเมียร์ พวกนักเดินเรือชื่อเสียงฉาวโฉ่นั่นเอง
พวกมันชื่นชอบเหล้าเข้มๆ สาวๆ แล้วก็รสชาติของการยึดเรือด้วยการหักหลังกัปตันเรือ พวกมันล้วนมีชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งในเหล่าผู้เล่นธรรมดาและพวกฆาตกรอีกด้วย
พวกมันยังมีฉายาว่า สามฉลามโฉดแห่งเบคกี้ อีกด้วย แล้วตอนนี้พวกมันก็มานั่งข้างๆเบลล็อตแล้วพูดด้วยโทนเสียงนุ่มนวล
คนที่รับหน้าที่ทำลายความเงียบงันนั้นเป็นของ เฮ ชายที่มีหน้าตาดูดีสุดในบรรดาสามหนุ่ม
 ดูเหมือนว่าเธอจะมาเยือนที่ท่าเรือเบคกี้ครั้งแรกสินะจ๊ะ?”
 “ใช่ค่ะ เพื่อนฉันพึ่งขอให้ฉันมาที่นี่เมื่อเร็วๆนี้เอง ฮิฮิ
มันสำคัญมากที่ฝ่ายตรงข้ามตอบกลับคำคำแรกของเขา เฮคิดว่านั่นก็ไม่ได้เป็นการเริ่มต้นที่แย่นัก คงเป็นเพราะว่าเธอหัวเราะออกมาจากใจจริงปราศจากความรังเกียจ
 “แล้วตอนนี้เพื่อนของเธออยู่ไหนล่ะ?”
 “พวกเขารอฉันอยู่ที่ท่าเรือน่ะค่ะ
สำหรับเฮแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะเลิกเพียงเพราะว่าเธอมีเพื่อนยู่แล้ว ถ้าหากว่ายังมีหญิงสาวที่ดูน่ารักใสซื่ออย่างเบลล็อตอีกเขาก็จะยอมออกไปกับเธอ
 เพื่อนของเธอเป็นผู้ชายหรือ?”

พวกเธอชื่อ โรมุนะ และ เซอร์กะ พวกคุณอยากจะดูรูปถ่ายของพวกเธาไหมคะ?”

 “รูปถ่ายหรอ?”
 “น้องเล็กของเราฉันรู้มาว่าเธอเป็นจิตกร เธอยังวาดรูปเหมือนให้กับพวกเราแต่ละคนด้วยค่ะ
 “ผมต้องการที่จะดูมันแน่นอนอยู่แล้วล่ะ
เบลล็อตดึงภาพถ่ายออกจากใต้กระเป๋าสะพายของเธอ รูปถ่ายมีสาวน้อยที่ดูเป็นนักกีฬาในหมวกจอมเวทย์สีแดง แล้วยังมีนักเต้นเสน่ห์เย้ายวนจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง
เฮ แฟรคตัล กับบอร์ดเมียร์กลืนน้ำลายแล้วคิดว่า แจ๊คพ็อตแตกการจีบเบลล็อตแค่คนเดียวก็ดูน่าทึ่งมากพอแล้ว และยังจะรวมเพื่อนของเธอคงไม่พูดเกินไปว่านี่มันคือผลผลิตที่งดงามมากจริงๆ
รอยยิ้มของเฮยิ่งดูโง่มากขึ้นเรื่อย
 ว่าแต่ว่าทำไมถึงไม่มีคนเดินเรืออยู่บนรูปถ่ายเลยล่ะครับ?”
 “คงเพราะว่าพวกเธอไม่มีใครเป็นนักเดินเรือเลยน่ะค่ะ
 “ผมเดาว่าคุณคงมาที่นี่กับเรือลำอื่นหรือไม่ก็เรือประจำทางสินะ
 “ไม่ใช่หรอกค่ะ เราก็ขับมาอย่างทุลักทุเลพอควรโดยเพื่อนของฉันเจ้าของเรือน่ะ เขาเป็นกัปตันเรือมือใหม่น่ะ
 “โธ่ๆ คงต้องเป็นการมาที่ลำบากมากสินะ
คลื่นทะเลรอบๆเมืองท่าเรือเบคกี้รุนแรงสุดๆ ฉะนั้นถ้าหากไม่เป็นนักเดินเรือฝีมือดีล่องเรือให้ ก็คงได้กระโจนเข้าใส่ปัญหาแน่เลย

 มันก็ลำบากมากจริงๆละนะ คงใช้เวลามากกว่าสี่วันกว่าจะมาถึงที่นี่
 “ใช่แล้วค่ะ ลำบากมากจริงๆ เราใช้เวลานานถึงสามวันกว่าจะมาถึงที่นี่น่ะค่ะ
 “เป็นเช่นนั้นเองหรือ? คงจะดีขึ้นกว่ามากเลยถ้ามีนักเดินเรือฝีมือดีช่วยได้…”
เฮเหลือบหันไปมองที่เพื่อนของเขา
ราวกับว่าได้เขียนบทพูดเอาไว้ก่อนแล้วแฟรคตัลก็เลยถามคำถามต่อไป
 ท้องทะเลนั้นช่างงดงามมาก ใช่ไหมจ๊ะ?”
 “ใช่แล้วล่ะค่ะ มันสวยมากจริงๆ มวลหมู่เมฆทอดผ่าน แล้วก็ดวงดาวลอยล่อง แล้วยังมวนหมู่เมฆ (ประมาณว่านางลืมบทพูดว่าพูดเรื่องเมฆไปละ) แล้วก็มองดูมวลหมู่ปลากระโดดโลดเต้น พวกปลาโลมานั้นทำให้ฉันมีความสุขมากจริงๆค่ะ
เฮจ้องมองกลับไปที่เบลล็อตอย่างนุ่มนวลอีกครั้งแล้วจบด้วยคำพูดติดคารมคมคาย
 ทะเลนั้นเป็นที่ๆสวยงามมากจริงๆ คุณอยากจะออกเดินทางต่อไปไหม? ถ้างั้นบางทีพวกเราอาจจะช่วยได้นิดหน่อยจริงไหม?”
 “ทิวทัศน์ที่สวยงามทั้งหมดของเมืองท่าเรือเบคกี้อยู่ในฝ่ามือของพวกเราแล้ว แล้วเราก็ยังมีแม้แต่เครื่องดื่มเอาไว้ตอนชมวิวทิวทัศน์นั้นอีกด้วยนะ


 “จริงๆแล้วเราก็มีที่ที่เราอยากจะไปจริงๆอยู่นะ…”
เบลล็อตปรับท่าทางให้ดูสำนึกผิดในทันที ถ้าหากว่ามีใครเข้ามาดูใกล้ๆก็คงดูเหมือนใบหน้าที่ถูกแช่แข็งไว้ขณะที่ทำบางอย่างที่ไม่ควรจะทำจริงๆ แต่กับเฮแล้วเขากลับตีความใบหน้านั้นต่างออกไป
 เธอคงกำลังรู้สึกผิดที่ขอให้ฉันช่วยเหลือ? ช่างเป็นผู้หญิงที่ดีเหลือเกิน
การได้ร่วมทางไปกับสาวงามอย่างเบลล็อตจะมีอะไรที่ต้องเป็นความกังวลมากกว่านั้นอีกแล้วล่ะ โอกาสที่ให้มานั้นกลายเป็นว่าความปรารถนาที่จะร่วมทางไปด้วยนั้นได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของทั้งสามหนุ่มแล้วต่างหากละ
 มีปัญหาอะไรหรือป่าวครับ? ถ้าหากคุณกังวลว่าจะไม่มีเงินมากพอ ก็ไม่ต้องห่วงหรอกนะ
 “จริงๆแล้วฉันมาเพื่อหาลูกเรือกับนักเดินเรือ แต่ว่าฉันไม่อาจทนไร้ยางอายที่ไปขอพวกคุณอย่างนั้นหรอก คุณยินดีจะช่วยฉันจริงๆนะหรอคะ?”
 “แน่นอนอยู่แล้ว คุณควรจะขอให้เร็วกว่านี้นะ
บอร์ดเมียร์ก็แทรกขึ้นมาทันที เขารู้สึกอิจฉาอีกสองคนที่มีแค่สองคนนั้นที่ได้คุยกับเบลล็อต
 งั้นคุณจะทำสัญญาจ้างเลยไหม?”
 “คุณเผอิญว่าพอจะมีเรือซักลำไหมล่ะ?”

 “มันเป็นของเพื่อนของฉันน่ะ แต่ว่ามันเป็นเรือใบขนาดกลางเก่าๆลำหนึ่งเท่านั้น
 “อ๋ออ อย่างงั้นหรอกเหรอ
คงไม่มีอะไรดีไปกว่ามีเบลล็อตกับเพื่อนๆอยู่ แต่ยังไงซะถ้าหากว่ามีลางไม่ดีออกมาพวกเขาก็พร้อมจะขโมยเรือกลางทะเลเอาซะเลย
ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทั้งเบลล็อตกับผองเพื่อนและยังจะได้เรือกับไอเท็มอีก

เยี่ยมเลย’ ‘ช่างเป็นโอกาสอันเยี่ยมยอดทั้งสามคนเลยใจร้อนรีบพูดออกไปว่า
 งั้นก็มาเริ่มทำสัญญาว่าจ้างลูกเรือกันก่อนเถอะ
 “เราจะได้เงินต่อวันมากเท่าไรจากสัญญาว่าจ้างนั่นเหรอ?”
พวกเขาคิดว่าทุกๆอย่างนั้นเป็นของพวกเขาแล้ว ดังนั้นเลยคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องเรียกร้องอะไรมากนัก
 “เราพอใจกับ 5 เหรียญทองต่อวัน ไม่เป็นไรเลยถ้าหากว่าเราได้อะไรมากแต่เราก็พอใจกับราคานี้
การร่วมทางไปกับเหล่าสาวงามและยังมีโอกาสที่จะยึดเรือ การที่ได้ค่าแรงที่ต่ำกลายเป็นเรื่องยิบย่อยไปเลย
 “เยี่ยมไปเลยละ ตอนนี้เราก็จะได้ทำสัญญาจ้างเป็นรองกัปตันชั่วคราวแล้วละ
เอกสารว่าจ้างที่ได้เตรียมไว้ก่อนแล้วถูกหยิบออกมาจากช่องกระเป๋าของเบลล็อต
*ติ้ง!*
เบลล็อตได้ทำเสนอสัญญาว่าจ้างการการออกเดินทางของเรือมาเรียในฐานะตัวแทนของกัปตันเรือ
หัวข้อ: เหล่าลูกเรือและนักเดินเรือ
ค่าตอบแทน : 1 เหรียญทองต่อวัน
ระยะเวลาของสัญญา: จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง
สมาคมนักเดินเรือแห่งคาบมหาสมุทรเบคกี้ได้รับรองข้อตกลงนี้แล้ว
เหล่าลูกเรือจะถูกถอดถอนถ้าหากพวกเขาขัดขืนคำสั่งของกัปตันเรือ หรือแม้แต่การถอดถอนสิทธิอำนาจบนเรือด้วย

ค่าตอบแทนเพียงหนึ่งเหรียญทอง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่คำพล่อยๆที่ออกจากปาก แต่ถึงแม้หลังจากที่ได้พูดไปแล้วว่าพวกเขาจะทำให้โดยฟรีๆ พวกเขาก็จะกลายเป็นเพียงพวกขี้เหนียวทันทีหากเริ่มทำตัวพยศขึ้นมา เฮ แฟรคตัล กับบอร์ดเมียร์เขียนสัญญาการว่าจ้างลูกเรือที่ไม่เข้าท่าอย่างมีความสุขโดยการเซ็นแบบฟอร์มการยินยอมนั้น
ถ้าหากสัญญาการเดินทางได้รับการรับรองจากสมาคมนักเดินเรือแห่งคาบมหาสมุทรเบคกี้แล้วก็ไม่มีทางเลยที่จะออกไปจากเรือ หากพวกเขาทิ้งเรือไปโดยไม่ได้รับอนุญาต สมาคมเดินเรือแห่งคาบสมุทรเบคกี้ก็จะถอนถอนใบอนุญาตของพวกเขาแล้วพวกเขาก็จะไม่ได้รับการจ้างวานจากเรือลำอื่นอีกเลย
นอกจากนี้แล้วเรือที่พวกเขาเป็นเจ้าของก็จะไร้ประโยชน์ทันทีเพราะจะไม่มีท่าเรือไหนรับพวกเขานั่นจะทำให้ยากที่จะได้งานอีกด้วย สามหนุ่มก็เลยเปลี่ยนไปเหมือนกับหมาสะกดรอยที่พร้อมจะออกล่า
 งั้นเราจะไปดูเรือได้หรือยังครับ?”
 “ได้สิคะ
พวกเขาเดินตามเบลล็อตไปที่ท่าเรือพร้อมกับจินตนาการที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่อย่างไรก็ตามตอนที่พวกเขาไปถึงกลับรู้สึกสับสนเล็กน้อย แม้จะมีร่องรอยชัดเจนจากการซ่อมแซมแต่ว่าเรือขนาดกลางลำนั้นก็ยังคงได้รับความเสียหายสาหัสสากัน ขณะที่ใบ้กินอยู่นั้น เฮก็ถามขึ้นมาว่า
 นี่คือเรือของเธอเหรอ?”
 “ใช่ค่ะ มีปัญหาอะไรหรือป่าวคะ?”
 “ป่าวหรอกครับ ก็แค่มันดูไม่เหมือนสไตล์ของคุณเลยนะครับ
เรือโทรมๆลำนั้นดูไม่เหมือนจะทำราคาได้ดีเลย แต่ว่า เอ่ออ ก็เรือขนาดกลางก็ยังเป็นเรือขนาดกลางอยู่ดีละนะ
 แล้วพวกคุณจะมุ่งหน้าไปที่เรือก่อนไหม? ฉันจะตามไปทีหลังนะคะ
 “เข้าใจละ งั้นพวกเราจะไปรอบนเรือเลยละกัน

แล้วพวกเขาปีนขึ้นบันไดด้วยความยินดี
 ตอนนี้ก็เป็นโลกของพวกเราแล้วว” “สาวสวยกับการผจญภัยแห่งท้องทะเล ฮือ…”
แล้วพวกเขาก็ถึงกับตกใจสุดขีด สับสนงุนงง และสิ้นหวังไปอย่างต่อเนื่อง! บนดาดฟ้าเรือมีคนสามคนกับใบหน้าที่ซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด เรือที่เขาได้ย่างขึ้นไปคือเรือผีสิงนั่นเองและก็เป็นเรือที่มีกะลาสีผีดิบเดินว่อนไปทั่วเรืออีก
ความคิดไม่แน่นอนนี้ที่ว่าอาจจะไม่ใช่การเดินทางที่เต็มไปด้วยผู้หญิงล้วนๆ แต่กลายเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยหยั่งถึงส่วนของหายนะฝั่งนี้มาก่อนเลยต่างหากละ
 “ขอโทษนะครับ นี่คงไม่ใช่เรือมาเรียที่เราได้รับการว่าจ้างมาใช่ไหมครับ? พวกเราพึ่งได้รับคำสั่งให้มาที่เรือของคุณเบลล็อตน่ะครับ
เหล่าลูกเรือผีดิบปล่อยเสียงหัวเราะอย่างแหบแห้ง แล้วก็ตอบกลับคำถามติดๆขัดๆของเฮไปว่า
 คี๊กคี๊กคี๊กคี๊กคี๊กคี๊ก นี่ละเรือมาเรียน่ะ
 “คำสาปแช่ง ความโชคร้ายแห่งมหาสมุทร เรือผีสิง มาเรีย! ฮี๊ฮี่ฮี่ๆๆๆๆ
 “ท่านกำลังพูดเรื่องอะเราโดนหลอกงั้นหรอเนี่ย?”
ในตอนที่พวกเขาเร่งรีบที่จะทำสัญญาพวกเขากลับมีอีกหลายเรื่องมากที่ไม่ได้ถามออกไป
 เอ่ออออ แล้วเรือกำลังมุ่งหน้าไปไหนหรอ?”

 “คี๊คี๊คี๊ๆๆๆ มันกำลังมุ่งหน้าไปเขตลาส ฟาลั้งคซ์ยังไงล่ะ
 “ลาส ฟาลั้งคซ์งั้นเหรอ? ข้าว่าเคยได้ยินชื่อนั่นจากที่ไหนมาก่อนนะโอ้ใช่ละ พวกนายคงไม่เอ่ยถึงลาส ฟาลั้งคซ์นั่นหรอกใช่มั้ย?!”
เป็นที่รู้จักว่าที่นั่นเป็นที่ที่คุณต้องเสียสละตัวเองเพียงแค่ไปให้ถึงที่นั่น หนึ่งในสิบเขตต้องห้ามที่ถูกจัดอันดับไว้ ลาส ฟาลั้งคซ์!!! ในฐานะที่พวกเขาเป็นนักเดินเรือจึงเคยได้ยินมา ดังนั้นพวกเขาจึงรู้จักชื่อนั้นดี
 ใช่แล้วละ เรากำลังมุ่งหน้าไปลาส ฟาลั้งซ์ พวกนายกลัวเหรอ? พวกนายอาจจะตายหรือไม่ก็เป็นแบบพวกเรา? ฮี่ฮี่ๆ
 “อวยพรด้วย!อวยพรด้วย! ให้กลายมาเป็นกะลาสีแล้วอยู่บนเรือลำนี้ไปตลอดกาล
เมื่อมองไปที่ลูกเรือผีดิบก็ทำให้หน้าเฮบูดบึ้งเลย แต่ยังไงก็ตามเป็นเพราะช่องสัญญาการเดินทางที่กำหนดไว้ว่าพวกเขาก็ไม่สามารถยกเลิกจนกว่าจะเติมเต็มมันได้ก่อน
หากพวกเขาจากไปโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่อาจรับงานใดๆที่ท่าเรือได้อีกเลย ฉะนั้นผลเสียนั้นมันหนักหนาเกินไปมาก แล้วแฟรคตัลก็กระซิบเบาๆออกมาว่า
 ไม่มีปัญหาหรอก เราก็แค่ต้องฆ่ากัปตันเรือซะ
ทั้งหมดที่พวกเขาต้องทำคือสังหารกัปตันเรือแล้วฉกเอาสัญญาจ้างคืนมา
จากนั้นพวกเขาก็จะไม่มีปัญหากับสมาคมเดินเรือแห่งคาบสมุทรเบคกี้เลย
 แค่ไปฆ่ากัปตันเรืออย่างที่เคยทำมาตลอดแล้วก็ค่อยเอาเรือไปกันเถอะ
 “ถึงแม้มันจะเก่าคร่ำครึแต่ว่าเราก็คงได้ราคาพอรับได้ละนะ
เฮจึงพูดสิ่งที่คิดไว้ออกมา
 กัปตันของเรือนี้อยู่ที่ไหนหรือ?”
 “คึกๆๆๆ กัปตันของเราหรอ กัปตันผู้น่ากลัว เขากำลังตกปลาอยู่น่ะ
 “ที่ไหนล่ะ?”
 “ตรงไปข้างหน้าเลย
สามนักเดินเรือดึงมีดของพวกเขาออกมาแล้วก็เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญวางแผนที่จะเชือดกัปตันแล้วก็ขายเรือออกไปในทันที
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ทั้งสามเจอตัวกัปตันหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนสีขาวซีดเผือดปานภูตผี ด้วยร่างกายที่มีแต่โครงกระดูกกับหัวกะโหลกของลิช จอมเวทย์อมตะ วีดผู้กำลังนั่งตกปลาอยู่
ผู้แปล: Cole’s Myth

Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

16 ความคิดเห็น:

  1. หลอนเลยละพวก 555 ไฟเรด ออฟ คาริบเบียน มาเอง โดยกำตัน วีน

    ตอบลบ
  2. น่ามสาร 55+ โดนหลอกขึ้นเรือผีสิง

    ตอบลบ
  3. พวกนายได้ทำสัญญากับซาตานแล้ว ยินดีต้อนรับสู่เรือนรก 555

    ตอบลบ
  4. พวกมึงพลาดละ
    พวกมึง3คนดีเกินไป(ดีไม่หางเหิน)5555555

    ตอบลบ
  5. ยินดีตอนรับสู่เรือ แบล็คเพอร์ ซูด เพลง!!!!

    ตอบลบ
  6. ไพเรดภาคใหม่ ไกล้จะมาพอดี แปลมาแล้วชวนให้อยากดู

    ตอบลบ
  7. เอ้าเพลงมา ตื่อดือดึนตึน ตื่อดือดึนตึน

    ตอบลบ
  8. ทำชั่วไว้เยอะ เจอตาวีดหน่อย เดี๋ยวดัดนิสัยให้ กลับมาตงกลายเป็นคนเรียบร้อยกันไปเลย

    ตอบลบ
  9. นึกถึงตอนอลิซาเบธโดนพาขึ้นเรื่อเลย 555 มี่แต่ผีโครงกระดูกเต็มเรือ

    ตอบลบ
  10. โคตรจะฮาโจรเจอมหาโจร เสร็จภารกิจนี้ได้กลับตัวกลับใจเปลี่ยนเป็นคนดีแน่

    ตอบลบ
  11. ขอบคุณครับ ความคิดแว๊บแรกตอนทำสัญญา ท่านได้ทำสัญญากับซาตานเรียบร้อยแล้ว!! 555

    ตอบลบ
  12. น่าสงสารจริงๆเลยครับ ต้องเจอกับจอมโหดวีด คงกลายเป็นทาสดีๆนี่เอง

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...