วันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2560

เล่ม 19 ตอนที่ 7 : นักผจญภัยแห่งลาส ฟาลั้งค์ แปลโดย Nawat CZ


เล่ม 19 ตอนที่ 7 : นักผจญภัยแห่งลาส ฟาลั้งค์ แปลโดย Nawat CZ

ศูนย์แสดงศิลปะของวีดได้เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว โดยผู้มาเยือนคู่แรก มันโดและภรรยา ผู้ซึ่งขอให้สร้างประติมากรรมเกี่ยวกับลูกสาวของพวกเขา และศูนย์แสดงก็ได้เปิดอย่างเป็นทางการในวันถัดมา.

"ผลงานประติมากรรมทั้งหลายของวีดได้จัดแสดงไว้ที่นี่อย่างนั้นหรือ ?"

เหล่าผู้เล่นในเมืองโมราต้าได้ให้ความสนใจในผลงานประติมากรรมของวีดอย่างมาก  เนื่องจากบัฟของหอคอยแห่งแสงและเทวรูปเฟรย่าห์นั้นช่วยอำนวยความสะดวก (ส่งผลในแง่บวก)ในการเก็บเลเวล(การล่ามอนสเตอร์) ดังนั้นผู้เล่นจำนวนมากจึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยผลงานประติมากรรมชิ้นใหม่จากศูนย์แสดงศิลปะแห่งนี้

ค่าธรรมเนียมในการเข้าชมอยู่ที่ 10 เหรียญทอง สำหรับคนที่เลเวลต่ำกว่า 100 ค่าบริการอยู่ที่ 3 เหรียญทอง โดยเรทราคานี้ใช้ได้ทั้งสำหรับทหารรับจ้างและ NPC

ในกรณีที่เข้าชมเป็นหมู่คณะ ตั้งแต่ 30 คนขึ้นไป ลดค่าเข้าชมครึ่งราคา.   ที่หน้าทางเข้าได้มีป้ายแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมในการเข้าชม ว่าเด็กและผู้สูงอายุไม่มีส่วนลดในการใช้บริการ ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุ และเด็กๆจำนวนมากรู้สึกหวาดวิตก

" คนแก่อย่างเราไม่น่าจะมีอะไรที่ต้องทำที่นี่ ... ผู้เฒ่าชิน ท่านเลเวลเท่าไหร่แล้วหล่ะ ?”
"ประมาณ 360 .. หุ หุ "

"ท่านเลเวลสูงเพิ่มขึ้นมากเลยนี่ .. เหมือนกับท่านยายจูที่พักอยู่ที่สถานพยาบาล(บ้านพักคนชรา) ทางด้านใต้ของเมืองหรือ? "

"ไม่ ไม่เลย มันยากที่จะเพิ่มเลเวลคลาสนักเวทย์ให้สูงขึ้น.  ท่านอย่านำข้าไปเปรียบกับนางเลย."  ลูกหลานของท่านส่วนใหญ่ก็โตเป็นผู้ใหญ่กันและ เลยไม่ค่อยมีเวลามาเยี่ยมเยียนท่าน. แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฟังเพลง  ติดตามข่าวสาร (ดราม่า) เหมือนอย่างที่เคยทำในโลกจริงหรอกนะ.  Royal Road เหมือนเป็นโลกใบใหม่ ที่สามารถให้ร่างกายใหม่ที่แข็งแรง แม้ว่าในความเป็นจริงท่านจะมีหลังงองุ้มและมีสุขภาพไม่ดีก็ตาม.

และเนื่องจากท่านมีเวลาว่างอย่างมากมาย , ท่านปู่ , ท่านย่าจึงสามารถออกล่ามอนสเตอร์เพื่อเพิ่มค่าประสบการณ์ได้ตลอด.   "ว่าแต่ค่าธรรมเนียม(ค่าบัตรเข้าชม) ไม่แพงไปหรือ ?"

"ศูนย์แสดงศิลปะเก็บค่าบริการ 10 เหรียญทองเพื่ออะไรกัน ?"

เต็มไปด้วยเสียงบ่นของผู้เล่นในเมืองโมราต้า ผู้คนได้มารอกันตั้งแต่ช่วงเช้า เนื่องจากถ้าพวกเขากลัวเสียใจ(หรือเสียดายเงิน)ว่าหลังจากจ่ายเงินแล้วจะไม่มีอะไรที่น่าสนใจ.  "เอาน่า มันแค่ 10 เหรียญทองเอง ฉันหวังว่าอย่างน้อยต้องมีให้ดูสักอย่างและมันก็ไม่เป็นการเสียเวลาอะไรมากมายด้วย"

"เห็นด้วย.. ความมหัศจรรย์ของประติมากรรมของวีดได้มีส่วนช่วยในการล่ามอนสเตอร์อย่างมาก ดังนั้นฉันคาดว่าจะต้องได้รับอะไรตอบแทนหลังจากการเข้าไปดูแน่นอน"

ผู้เล่นเหล่านั้นจึงได้ซื้อตั๋วและเริ่มเข้าไปในศูนย์แสดงศิลปะ. เป็นอาคาร 5 ชั้น มีชั้นใต้ดิน 2 ชั้น และมีสวนหย่อมขนาดใหญ่ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ว่างที่สะดวกสบาย สามารถที่จะมาพักผ่อนและชมประติมากรรมได้. เช่น รูปปั้นบรอนซ์เกี่ยวกับการสารภาพรัก และ การล่ามอนสเตอร์ , รูปปั้นบรอนซ์ที่เป็นรูปหมีซึ่งเด็กๆชื่นชอบ.

"แซนวิชเนื้อ ลดราคาจ้าา" "ทดลองชิม อาหารชุดของศูนย์แสดงศิลปะได้เลยจ้า"

ร้านอาหารหลายร้านเริ่มเปิดร้าน (ประตู). พวกเขาเริ่มชักชวนผู้คนให้มาทานอาหาร. มีเวทีที่สร้างเสร็จแล้วสำหรับให้บาร์ด (นักกวี) มาทำการแสดง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีใครมาใช้งาน.  เริ่มการเข้าชมศูนย์แสดงศิลปะ.  ไปกันเลยย.

" พวกเราควรจะรีบเข้าไป จะได้รีบออกไปเก็บเลเวล(ล่ามอนสเตอร์) กันต่อ.

ผู้เล่นหน้าใหม่ และ คนทั่วไปเริ่มเดินผ่านบริเวณประตูทางเข้า. พวกเขารีบ ๆเดินเพราะต้องการที่จะที่จะชมประติมากรรมของวีด.  จากชั้นใต้ดิน B2 มาจนถึงชั้น 2 นั้นมีพื้นที่ว่างสำหรับจัดแสดงงานสำหรับศิลปินทั่วไปอยู่หลายแห่ง. ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี จิตรกรและประติมากรของโมราต้าจะได้มีพื้นที่สำหรับจัดแสดงผลงานของตนเอง . โดยปกติศิลปินจะหาเงินได้จาก(คอมมิสชั่นจาก)การขายงาน  แต่การเปิดตัวของศูนย์แสดงศิลปะนี้ จะทำให้พวกเขามีโอกาสได้รายได้เพิ่ม และสร้างชื่อเสียงเพิ่มขึ้น สำหรับจิตรกรและประติมากรที่มาจัดแสดงสินค้าที่นี่.

"นี่คืองานของข้า"

"โบราฮัม , มาทางนี้ เมื่อมองไปจะเห็นประติมากรรมเป็นรูปหมูสีดำตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก."   เหล่าศิลปินของโมราต้าต่างมีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง.

"คุณไม่สามารถพบเห็นงานศิลปะที่ล้ำค่าของลอร์ดท่านอื่นในทวีปเวอเซลนี้ได้เลย"

"เนื่องจากเขาเองก็เป็นประติมากร เขาย่อมมีความเข้าใจในสถานภาพของเรา"

"การแสดงของนักดนตรีของโมราต้าหรือ ? น่าจะต้องฝึกฝนมาอย่างยาวนานแน่. ไม่ทราบว่าท่านอยากจะมาจัดแสดงที่หมู่บ้านของเราไหม ? ฉันจะจ่ายให้ 20 เหรียญทองซึ่งน่าจะมากกว่าค่าจ้างปกตินะ"

"ถ้านั่นเป็นรูปปั้นจากโมราต้าแล้วหล่ะก็ มันจะมีชื่อเสียงอย่างมากและพวกเขาจะขายได้ดี . ถ้าราคาขายปกติอยู่ที่ 7 เหรียญทอง ฉันจะจ่ายให้คุณเพิ่มอีก อย่างต่ำ 5 เหรียญทอง

ถึงแม้ว่าทางตอนเหนือจะยังไม่มีชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักมากนัก , ศิลปินก็ยังรู้สึกเกี่ยวกับผลตอบแทนที่ได้.

แต่คุณค่าที่แท้จริงของศูนย์แสดงศิลปะคือพวกเขาจะได้มีที่สำหรับแสดงผลงานให้ผู้อื่นชื่นชม.

แต่ละชิ้นงานที่จัดแสดงจะสามารถเพิ่มราคาและออฟชั่นได้อีก 20%

มันจะถูกจัดเก็บไว้ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ได้รับความเสียหายแม้ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ก็ตาม.

ประติมากรรมและจิตรกรรมนั้นโดยปกติแล้ว ตัวมันเองจะไม่สามารถเพิ่มเอฟเฟ็คได้ แต่ในศูนย์ศิลปะนั้นจะแตกต่างออกไป.

งานประติมากรรมหนึ่งชิ้นนั้นสามารถเพิ่มเอฟเฟคให้กับชิ้นอื่นๆได้ด้วย ดังนั้นเมื่อมันอยู่กันเป็นคู่จะเพิ่มความสามารถได้มากกว่า

ศิลปินที่สามารถสร้างชิ้นงานให้มีรายละเอียดได้นั้น จะมีโอกาสที่จะทำให้ชิ้นงานนั้นมีความชัดเจน เด่นชัดขึ้น.

ผู้เล่นหลายคนได้เห็นรายการสิ่งที่จัดแสดงซึ่งสามารถเลือกชมตามการจัดเรียงลำดับของชิ้นงานที่อยู่ในสถานที่เดียว และรู้สึกว่าค่าเข้าชมนั้นเหมาะสมแล้ว.

"แต่ ยังมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่อีกมากนะ"

"นั่นเพราะมันพึ่งจะเปิด ดังนั้นมันจึงช่วยไม่ได้"

"ถ้ายังมีพื้นที่เหลือ เขาควรน่าจะมีส่วนลดสำหรับค่าเข้าชมนะ ?

งานศิลป์ของโมราต้านั้น ไม่สามารถจัดแสดงได้ถ้าแต่ละชิ้นนั้นปราศจากความแตกต่างกัน.

ศิลปินแต่ละคนนั้นเฉพาะที่อาสาทำงานนั้น เค้าจะมีงานแสดงได้น้อยชิ้น

กลุ่มคนที่เข้ามาเยี่ยมชมได้ขึ้นไปที่ชั้น 3 ซึ่งเต็มไปด้วยงานประติมากรรมขนาดเล็กของวีดซึ่งได้มาจากการเดินทางไปทั่ว.

มอนสเตอร์หลากหลายชนิดนั้นเป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างดี มีแม้กระทั่งเมืองจำลองขนาดเล็ก. เมืองหลวงของเซราบอร์ก ราชวังโรเซนไฮม์ , เทือกเขา Grava , เมืองลอยฟ้าลาเวียส , นครอิสระโซมุเร็น (v3ch5) , การเดินป่าผ่านเทือกเขาบาคุ

นอกจากนี้ยังมีที่ราบแห่งความสิ้นหวัง เทือกเขายูโรกินะ.

มันดูเหมือนการสร้าง ทวีปเวอร์เซลล์จำลองที่มีขนาดเล็กลง.

ซึ่งแต่ละชิ้นงานนั้นได้ถูกสร้างขึ้นระหว่างการเดินทาง ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้มีขนาด และคุณภาพใกล้เคียงกัน แต่พวกมอนสเตอร์ ต้นไม้ คฤหาสน์นั้นก็ดึงดูดสายตาของผู้คนได้เป็นอย่างดี

เนื่องจากจะเป็นการยาก ถ้านำพวกมันไปด้วยขณะเดินทาง ดังนั้นเขาจึงนำพวกมันทั้งหมดมารวมไว้ที่ศูนย์แสดงศิลปะ (หอศิลป์)

"มีความพยายามทุ่มเทอย่างมากมายในชิ้นงานพวกนี้"

"มีงานประติมากรรมจำนวนมากมายจริงๆ "

สายตาของผู้เข้าชมนั้น เต็มไปด้วยความประหลาดใจเมื่อพวกเขาได้เห็นผลงานประติมากรรมของวีด

มันแสดงให้เห็นถึงศักยภาพสูงสุดของคนคนหนึ่ง.

ที่ชั้น 4 ประกอบด้วยกระจก 1 ใน 3 ส่วนจึงทำให้เราสามารถมองเข้าไปด้านในได้

ในนั้นจะสามารถมองเห็นตุ๊กตา. ประติมากรรมที่มีตั้งแต่ ช่วงชีวิตแห่งการเกิดจนถึงการดับสูญ ได้วางโชว์อยู่ด้านในกระจก.

มันเป็นประติมากรรมที่ประณีตไร้ที่ติ ไม่มีแม้กระทั่งรอยเย็บของตะเข็บให้เห็น.

มันถูกสร้างด้วยความมุ่งมั่นและความเอาใจใส่เป็นอย่างมาก.

มันไม่ได้แสดงเฉพาะการเติบโตของเด็กน้อย. ผู้ชมจะได้รับประสบการณ์และรู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่อกับชีวิตนี้.

เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับมนุษย์และความสุขที่เกิดขึ้นจะหล่อหลอมให้ชีวิตเป็นสิ่งที่ล้ำค่า.

เมื่อมองไปที่ตุ๊กตาของชีวิตมนุษย์ ที่มีประสบการณ์ที่โชติช่วงของการสร้าง (ประดิษฐ์)

ครอบครัว , หยดน้ำตา , ความเจ็บปวด ความสนุกสนาน ทั้งหมดถูกสร้างให้เสมือนจริงภายในตุ๊กตากลุ่มนั้น

ผู้ชมส่วนมากอ่านรายละเอียดของแต่ละชิ้นงานเป็นอันดับแรก

เพื่อที่จะได้เข้าใจรายละเอียดของชิ้นงานได้อย่างถูกต้องนั้น เบื้องหลังความเป็นมานั้น เป็นสิ่งที่สำคัญ.

ถ้าต้องการบอกเล่าให้ผู้อื่นฟังเกี่ยวกับเกี่ยวกับชิ้นงาน คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากคำอธิบาย

 - ชิ้นงานนี้จัดแสดงโดยสถาปนิก ที่มิอาจประเมินค่าได้ ปาโว รองผู้ช่วยศิลป์

แกสตัน  เป็นผลงานของศิลปินที่จริงใจ อ่อนน้อม ผู้ซึ่งไม่มีการลงชื่อเอาไว้

หวังว่าคุณจะจดจำความอบอุ่นและความรู้สึกที่คุ้มค่า จนคุณจะจดจำไปจนตราบชั่วชีวิต.

ท้ายที่สุดของคำอธิบายมีลายเซ็นจากผู้เยี่ยมชมรายแรกอยู่

ข้าพเจ้า,ชายผู้ซึ่งขอให้สร้างงานประติมากรรมเพื่อลูกสาวที่ไม่มีโอกาสที่จะได้เกิดมาลืมตาดูโลก.

ด้วยความสัตย์จริง ข้าพเจ้านั้นไม่ได้มีความคาดหวังเลยว่าจะทำได้สำเร็จ เมื่อข้าได้ขอร้องให้ประติมากรสร้างสิ่งนี้ขึ้น

ในมือของข้าพเจ้านั้น ไม่มีสิ่งมีค่าใดๆเลยนอกจากฟางหญ้าในวันที่ข้าพเจ้าได้ร้องขอ ซึ่งเขาก็คิดค่าจ้างแค่ 1 เหรียญทองแดงเท่านั้น.

ประติมากรได้สร้างประติมากรรมชิ้นนี้โดยใช้ต้นแบบจากตัวข้าพเจ้าและภรรยาของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้ามิอาจรู้ว่าทุกคนที่ได้เห็นประติมากรรมชิ้นนี้แล้วจะรู้สึกอย่างไร

แต่ประติมากรรมชิ้นนี้ได้มอบความประทับใจให้กับเราทั้งคู่ ก่อนหน้าที่จะได้เห็น ข้าพเจ้ารู้สึกว่าชีวิตมันช่างโหดร้ายทารุณ และไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย.

ข้าพเจ้าต้องขอขอบคุณที่ท่านยอมเสียสละเวลาที่มีค่าในชีวิตเพื่อเรา

กลุ่มผู้เข้าชมได้มองดูตุ๊กตาด้วยความเคารพนับถือ  หลายคนมองดูด้วยความรู้สึกชื่นชมและซาบซึ้ง.  *ติ๊งง!*
คุณได้ชื่นชมประติมากรรมระดับตำนาน ที่ไม่ทราบชื่อ . ดอกไม้แห่งศิลปะ



งานชิ้นนี้ควรจะถูกเรียกว่ายอดเยี่ยมเป็นปรากฏการณ์. ประติมากรผู้ซึ่งไม่เปิดเผยตัวตนได้ใช้ความกล้าหาญอย่างมากในการสร้างสรรค์งานในชื่อ "การเกิด จนถึง การดับสูญ"

เมื่อมองดูไปที่ประติมากรรมจะได้รับพรแห่งชีวิต

มีผลสำหรับ 1 วัน:

การฟื้นฟู HP ,มานา และค่าความเหนื่อยล้า(Stamina ความอึด) เพิ่มขึ้น 32%

HP และ มานา เพิ่มขึ้น 36%

ทุกค่าสถานะเพิ่ม 24 แต้ม

ค่าความคล่องตัว และ ความกล้าหาญเพิ่มขึ้น

ความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 36%. เมื่อเดินทางเป็นระยะทางยาวๆ เอฟเฟคจะสูงขึ้น

จากการซาบซึ้งและชื่นชมยินดีในชีวิต เพิ่ม HP 500 แต้มถาวร

ค่าสติปัญญา และ ค่าความรู้ เพิ่ม 2 แต้มถาวร

ถ้าต้องการเข้าใจเกี่ยวกับงานชิ้นนี้อย่างสมบูรณ์ จะต้องดูประติมากรรมชิ้นนี้อย่างใส่ใจเป็นประจำ.

ศูนย์แสดงศิลปะเต็มไปด้วยฝูงชนอย่างท่วมท้นตั้งแต่ชั้น 1 , 2 ยาวไปจนถึงชั้น 3

ที่ชั้น 3 ผู้ชมกำลังเริ่มทยอยเข้ามา แต่ชั้นที่ 4 นั้นยังไม่มีใครที่ต้องการจะออกมา

มีกลุ่มคนที่กำลังรอว่าจะมีคนออกมาหรือไม่.

พวกเขาได้มองไปที่ตุ๊กตา  ตั้งแต่ตอนเกิด , ไปโรงเรียน , แต่งงาน , จนมีลูก ,จนถึงตอนตาย และมองกลับไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง.

ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่สามารถย้อนกลับมาเริ่มใหม่ได้, สิ่งที่มีค่าที่สุดคือช่วงเวลาแห่งความสุขเหล่านั้น.

คล้ายกับแสงสว่างของอัญมณีที่ล้ำค่าได้ส่องประกาย เมื่อเวลาได้ผ่านไป กับการเฝ้าดูชีวิตเหล่านั้น.

ไม่มีใครรู้ว่าคนแรกที่ปรบมือคือใคร แต่เพียงไม่กี่อึดใจเสียงปรบมือก็ดังสนั่นหวั่นไหวราวกับเสียงฟ้าร้อง (ฟ้าคะนอง)

"ที่รัก, คุณต้องการจะอยู่ที่นี่ไหม ?”

เดลฟี่ ถามหลังจากได้ที่มองประติมากรรมของลูกสาวของเธอ.

ถึงแม้ว่าหลังจากที่เธอกลับไปศูนย์กลางทวีป (เมืองหลวง)แล้ว แต่เธอมีความทรงจำดีที่ดีจากประติมากรรมคอยเป็นกำลังใจให้เธอ. เดลฟี่ถามอย่างกังวล.

" คุณชอบที่นี่ไหม ?"

" แน่นอน ฉันรู้สึกถึงพลังงานจากผู้คนเหล่านี้ และนี่คือการผจญภัย.

ศูนย์กลางทวีป (เมืองหลวง) ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกิลด์ที่มีแต่สงครามไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อพิจารณาเทียบกับทางตอนเหนือ การเมืองมีความมั่นคงกว่า การต่อสู้กันยังไม่มาก. กิลด์ทั้งหลายก็ยังเป็นกิลด์ที่เพิ่งก่อตั้งใหม่

ประชาชนส่วนใหญ่เป็นนักเดินทางจำนวนมาก และยังมีเควสการสำรวจ.

มีผลผลิตใหม่ๆมากมาย ,พื้นที่สำหรับการล่าก็มีอยู่อย่างล้นหลาม และยังเป็นที่ที่สวยงามมาก.

ฉันคิดว่าฉันน่าจะตั้งรกรากอยู่ที่นี่และออกล่าด้วยกันเหมือนอย่างที่พวกเราเคยทำ"

พวกเขาจึงได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านหินขนาดสองคูหาที่อยู่ชานเมืองของโมราต้า.

มีกระท่อมจำนวนมากในโมราต้า ดังนั้นผู้เช่าจึงมีจำนวนสูงมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่คนที่มาเป็นปาร์ตี้ สามารถมีสิทธิ์เจ้าของบ้านได้

สิ่งแรกที่บ่งบอกถึงการย้ายเข้ามาอยู่ของปาร์ตี้ก็คือเสบียงอาหารสำหรับผู้ที่เข้ามาพักใหม่

ทุกคนต่างบรรทุกสิ่งของสัมภาระ อาหาร เครื่องดื่มสำหรับบริโภค. บ้านหลายหลังมีทิวทัศน์งดงามเป็นที่นิยมมากจนน่าตกตะลึง

ภาพที่เห็นทำให้ประหลาดใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าเพดานจะเปิด แตกหัก และรั่วเมื่อมีฝนตก.

การได้เป็นเจ้าของกระท่อมที่ซอมซ่อมหลังนั้น ช่างเป็นเรื่องที่โรแมนติกจนน่าประหลาดใจ. บรรดาหญิงสาวทั้งหลายที่ไปศูนย์ศิลปะ กลับมาถึงบ้านพร้อมทั้งน้ำตา
***

"หันหัวเรือไปทางขวา!"

"ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะถูกชนแน่"

"ลดความเร็วลง!"

ลาส ฟาลั้งค์กลายเป็นสถานที่อากาศหนาวเย็นจัด รุนแรง จนมีชิ้นส่วนของน้ำแข็งขนาดใหญ่ลอยอยู่รอบๆ ซึ่งทำให้ทะเลสาบแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่อันตรายมาก.

"หันหัวเรือตรงไป. ถ้าเรือเกิดความเสียหาย พวกเราทั้งหมดจะจมลงน้ำและจะแข็งตาย!"

"แฟร็คทัลธารน้ำแข็งอยู่ทางไหน ?"

"10 วินาที กำลังลอยเข้ามาจากทางขวา"

"เตรียมหักหัวเรือไปทางซ้าย ทันทีที่ผ่านธารน้ำแข็งให้เตรียมกางใบเพื่อรับลม. (turn to port ภาษาพื้นเมือง = left turn)

เหล่าลูกเรือยังไม่เคยฝ่าเข้าไปในดงธารน้ำแข็งนับพันมาก่อน เว้นแต่ว่าจะเป็นการประทานพรจากพระเจ้า

ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่มักจะดูสวยงามและมีอันตรายไปพร้อมกัน มันเป็นการเดินทางที่อันตรายที่ไม่เคยมีใครได้เคยเห็นมาก่อน.

* มออออออ !*

ขณะที่คนที่เหลือเริ่มวิตกกังวลถึงภูเขาน้ำแข็งที่กำลังใกล้เข้ามา , วีดกับเจ้าเหลืองก็ยังคงนั่งตกปลาอย่างสบายใจ


"จำนวนของผู้เข้าชมที่ศูนย์ศิลปะกำลังเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ"

ตามรายงานของปาโว จำนวนผู้ชมนั้นเกิน 25,000 คน ต่อวัน. ผู้คนกำลังต่อแถวตั้งแต่รุ่งสางเพื่อเตรียมจะเข้ามาชม.

ในความคิดศูนย์ศิลปะก็เปรียบเสมือนเงิน. ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง เมื่อเทียบกับตอนนี้ถือเป็นเรื่องที่มีสำคัญน้อยมาก

เหล่าจิตกร, ประติมากร และผู้ประสานงานทั้งหลายควรจะมีส่วนในผลกำไรนี้.

อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องบอกว่ากำไรหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วจะเหลือเท่าไหร่ ^^.v

และผู้เล่นในตอนเหนือน่าจะเข้าไปชมอย่างน้อยหนึ่งครั้ง เพราะประติมากรรมชีวิตของเด็กหญิงนั้นได้เพิ่มสถานะให้แบบถาวร

10 เหรียญทองอาจจะดูแพงสำหรับผู้เล่นใหม่ แต่เพวกเขาจะเติบโต ก้าวหน้าขึ้นในไม่ช้า

และเมื่อพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้ พวกเขาจะมาที่ศูนย์ศิลปะทุกครั้งก่อนทีจะออกล่ามอนสเตอร์.

ในขณะเดียวกันการซ่อมชุดเกราะหนัง จะเป็นที่ต้องการสำหรับมือใหม่ ซึ่งจะสามารถทำให้เงินให้กับอาชีพคราฟแมนได้อีก

มันจะเป็นช่องทางหลักของรายได้ และภาษีการค้า อย่างไรก็ตามการขายผลงานศิลปะจะสามารถทำเงินทีละมากๆได้ดีกว่า

นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทวีปเวอร์เซลล์ที่ซึ่งรายได้ของรัฐจะมาจากงานศิลปะ

มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่านี่เป็นการปฏิรูปอย่างหนึ่ง

"พลังของศิลปะชั้นสูง"

ชื่อเสียงของศิลปินที่มีนั้นสามารถอยู่ในประวัติศาสตร์ได้นาน 1-2 ปี. ผู้ชมจำนวนมากจะสร้างงานศิลปะจำนวนมาก ซึ่งสามารถสร้างเม็ดเงินได้มากตามไปด้วย.

มันช่างสวยงาม ดีเยี่ยม มหัศจรรย์ และล้ำเลิศ

ประติมากรที่เชียวชาญไม่ใช่งูพิษ (55) , วีดหัวเราะออกมาแม้ว่าเขากำลังจะมุ่งหน้าเข้าหาภูเขาน้ำแข็งก็ตาม

(ผู้แปล: ภูเขาน้ำแข็งไม่ได้พุ่งเข้าหาเรือ)

"ถ้าคุณมีผู้ชมเข้าชมเดือนละครั้ง ดังนั้นถ้าคุณขึ้นค่าเข้าเป็น 13 เหรียญทอง ก็จะสามารถทำเงินได้มากขึ้นอีก

"55555555"

ขากรรไกรของเค้าดูเหมือนจะหลุดออกมาจากการหัวเราะอันบ้างคลั่ง

โกลด์มินิ และ เจ้าเหลือง เมื่อมองเปรียบเทียบกันก็ดูปกติ แต่ไม่มีลูกเรือผีตนไหนที่มีกระดูกหัวไหล่.

"มันต้องเป็นเรื่องดีแน่นอนครับท่าน"

"มหาสมุทรจะเป็นหลุมศพที่ไม่มีใครเลยนอกจากท่าน"

เหล่าลูกเรือผีมีความคิดที่จะผลักวีดให้ตกลงทะเล , แม้ว่าเค้าอาจจะคิดว่ากำลังอาบน้ำอยู่ก็เป็นได้.

"คูเอ้, เค้ากำลังนำมาเรียมาทางนี้ , พวกเราจะต้องแสดงพลังของพวกเราให้เค้าเห็น"

"ทะเลนี้ลึกมาก เขาอาจจะลื่นตกลงและก็สูญหายไป"

" กัปตัน! "

"กัปตัน  เราขอเสนอให้ท่านลงไปในทะเล"

ความภักดีของลูกเรือผีหลังจากล่องเรือมาเป็นเวลานาน! แต่พวกเขาไม่น่าจะดีขึ้นกับ ลิซผู้ซึ่งไร้ความกลัว

ทางด้านซ้ายของเรือถูกชน ! ภูเขาน้ำแข็งได้ทะลุเข้ามาด้านข้างของตัวเรือและทำให้เกิดร่องลึก.

มันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณที่ซึ่งอยู่ใต้น้ำ, แต่สถานะของเรือผีสิงเริ่มทรงตัวได้แย่ลงขณะที่พวกเค้ากำลังล่องไปตามทางน้ำ.

"กัปตัน เราน่าจะหยุดการเดินทางไปเป้าหมาย. ภูเขาน้ำแข็งจำนวนมากมายกำลังลอยอยู่นั่น. เราจะจมลงทันทีถ้าเราชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่.

ไฮย์ เช็คสภาพของตัวเรือและได้บอกว่า

ถึงแม้ว่าการที่ถูกชนด้วยภูเขาน้ำแข็งนั้นจะเป็นการขู่ที่น่ากลัว.

แต่ก็มีก้อนน้ำแข็งขนาดเล็กและใหญ่จำนวนมากที่ลอยอยู่ในทะเลซึ่งถ้าถูกชนไปเรื่อยๆ จะทำให้เรือได้รับความเสียหายสะสม

ถึงจะดูเป็นเรื่องน่าขบขันที่สาหร่ายที่เกาะติดอยู่นี้สามารถช่วยป้องกันความเสียหายได้อย่างมาก.

"ดังนั้นแล้วฉันควรทำอย่างไร?"

เจ้าของปากที่กำลังหัวเราะอยู่ได้ถามขึ้น.  เมื่อคิดถึงค่าเข้าชมจากศูนย์ศิลปะ ,วีดรู้สึกเหมือนว่าตัวเขานั้นอยู่บนสรวงสวรรค์.

เมื่อเรือเราจมลง เราสามารถที่จะเดินบนธารน้ำแข็งได้ บริเวณนี้เหมือนกับชามใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำ

ซึ่งแน่นอนนอนว่าเราสามารถขี่(คอ)บนผีดิบได้. พื้นที่บริเวณนี้ปกคลุมด้วยพายุน้ำแข็งจำนวนมากกว่าที่เกิดในโมราต้า

(ปล.การขึ้นขี่บนอันเดด หมายถึง การขี่มอนสเตอร์ทะเลขนาดยักษ์ที่วีดใช้สกิลอันเดดไรซ์ Undead Rise)



สำหรับการเดินทางที่ยากลำบาก, มันจะเป็นการดีกว่าถ้าเราคิดบวกเข้าไว้

"แม้จะดูเหมือนว่าภูเขาน้ำแข็งจากทะเลนั้นจะเข้ามาหาเรื่อยๆ, แต่มันก็ต้องถึงเวลาที่มันจะสิ้นสุดเอง.

ขณะที่เค้ากำลังหัวเราะ เขาได้ถามว่า

"นั่นไม่ได้แสดงว่าเรากำลังเข้าใกล้แผ่นดินหรอกหรือ? ถ้าดูจากแผนที่เราจะเห็นแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ไหลทะลุแผ่นดิน.

เราจะสามารถเข้าสู่ ลาสพ ฟาลั้งค์ได้จากทางนี้"

"เราจะไม่แข็งตายก่อนหรือท่าน?"

ขึ้นไปทางเหนือของธารน้ำแข็ง. ความเย็นที่เราพบจะเป็นหลักฐานของทะเลสาบที่ถูกทำให้แข็ง.

เมื่อแม่น้ำสามารถแข็งตัว มันน่าจะเป็นการดีกว่าถ้าเราจะเดินแทนการไปด้วยเรือ.

"ไม่มีอะไรที่ดีกว่าเดิน ?"

"ฉันก็ไม่รู้ว่ากัปตันคิดอะไรอยู่"

"ดูเหมือนว่าเราคงไม่สามารถแล่นเรือบนแม่น้ำที่แข็งตัวได้"

การตัดสินใจที่รวดเร็วของวีดทำให้คิดได้เช่นนั้น

ถ้าคุณไม่สามารถไปที่ลาส ลั้งค์โดยทางทะเล เราก็จะไปทางบก ถึงแม้ว่าถ้าเราจะสเก็ตข้ามแม่น้ำไป.

"ตรงไปที่แม่น้ำ"

ดังนั้นเรือผีสิงจึงได้เปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ , มุ่งหน้าสู่ผืนดิน

พวกเขายุ่งยากขึ้นเมื่อจำนวนของก้อนน้ำแข็งได้เพิ่มมากขึ้น แต่ในที่สุดพวกเขาก็ใช้เวลาน้อยลงในการหลีกเลี่ยงก้อนน้ำแข็งที่ลอยปิดทางอยู่.

แต่เมื่อพวกเขามาถึงกลับไม่พบแม่น้ำแข็งตัว มีเพียงแต่หิมะหนาที่ปกติพื้นดินคล้ายกับภูเขา ส่วนแม่น้ำนั้นยังไม่แข็งตัว

อุณหภูมิโดยรอบของเรือผีสิงนั้นอุ่นขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง , วีดถามเจ้าเหลือง

" เจ้าเหลือง แกหิวน้ำมั้ย ?"

เจ้าเหลืองพยักหน้า. เขานำน้ำอุ่นจากแม่น้ำส่งให้

"ขอบคุณ เจ้านาย"

เจ้าเหลืองก้มกินน้ำจากในถัง

"อึก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ... ฮ่าา  น้ำนี่รสชาติดีทีเดียว"

น้ำนั้นมีสีเหลืองเจือจางอยู่ , แต่สายตาที่มองค้อนกลับไปทางวีดนั้นแสดงถึงความไม่พอใจนิดนึง.

"น้ำนั่นปลอดภัยที่จะดื่มหรือเปล่า ? มันไหลมาจากลาส ฟาลั้งค์?"  ถ้าสังเกตดูดีๆ ลาส ฟาลั้งค์น่าจะอยู่ในเขตภูเขาไฟ สีเหลืองน่าจะได้มาจากภูเขาไฟ

"รสชาติของกำมะถันก็ไม่ได้แย่นัก"

"ดีมาก ขณะนี้น้ำในเรือจะได้ถูกเติมให้เต็มเสียที"

หลังจากเจ้าเหลืองรายงาน วีดเริ่มสั่งงานให้บรรจุน้ำในถังให้เต็ม

เมื่อแม่น้ำไม่แข็งตัวและไหลออกจากลาส ลั้งค์จะทำให้เขาเดินทางช้าลง , แต่ก็ดีกว่ามากถ้าจะะต้องคอยหลบก้อนน้ำแข็ง.

ผู้นำทาง 3 คนรวมตัวกันที่หัวเรือ "เขาเป็นเหมือนปีศาจที่มาที่เขตนี้"

"เลเวลโดยรอบที่นี่ประมาณเท่าไหร่?"

"ฉันไม่รู้ แต่ไม่น่าจะใกล้เคียงกับเลเวลเริ่มต้น. จากเท่าที่เห็นน่าจะไม่ธรรมดา"

ร่างอันใหญ่โตที่ปกคลุมด้วยขนและเขา, มอนสเตอร์ที่ดูน่ากลัวมาก

ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในป่าวิ่งล้อมเป็นวงด้วยขวานและอาวุธที่ทำจากน้ำแข็ง ,โศกนาฏกรรมแห่งการนองเลือด

ผู้เล่นที่ต้องการมาดินแดนนี้เพื่อล่า จะต้องเป็นพวกบ้าอย่างแน่นอน

โดยทั่วไปแล้วเลเวลของมอนสเตอร์ก็พอที่จะทำให้หันหลังหนีได้แล้ว แต่นี่ยังต้องต่อสู้กับอากาศที่หนาวเย็นอีก.

"ไม่มีความจำเป็นที่ต้องต่อสู้อย่างบ้าระห่ำ ไม่ยั้งคิดแบบนี้"

วีดเคลื่อนผ่านไปขณะที่กำลังมองดูมอนสเตอร์. เสื้อหนังคุณภาพดีสามารถเป็นฉนวนได้เป็นอย่างดี.

เค้าคิดว่าน่าจะสามารถลูทของได้ แต่มันจะดีกว่าถ้าสามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ในเมื่อพวกเขาสามารถลื่นล้มได้ง่ายดายบนพื้นน้ำแข็ง

"หลังจากที่ขี่ปิงหลง ฉันก็ไม่สามารถต่อสู้ได้"

หลังจากที่ขี่ เค้าจะเป็นหวัดและถูกบังคับปฐมพยาบาลโดยซอยูน. การต่อสู้ทางอากาศเป็นอันยกเลิกไป.

"เราไม่ควรจะทำผิดซ้ำเดิมอีก"

วีดพุ่งความสนใจไปที่การตกปลาซึ่งมีปลามาติดเบ็ดบ้างนานๆครั้ง และสั่งให้เรือผีสิงมุ่งหน้าต่อไป

เมื่อเข้าใกล้มืองลาส ฟาลั้งค์ อากาศก็เริ่มร้อนขึ้น.

ไอน้ำเริ่มเริ่มฟุ้งกระจายออกมาและล้อมรอบตัวเขาไว้ดั่งหมอก. มันดูคล้ายกับซาวน่าตามธรรมชาติซึ่งช่วยป้องกันความหนาวเย็น.

เมื่อแสงอาทิตย์ส่องผ่าน รุ้งกินน้ำก็ปรากฏ

"ฮุ่วว , รุ้งจำนวนมาก!

"ฉันรู้สึกหิวน้ำ"

ผู้นำทางผู้ซึ่งได้ผลกระทบจากการอยู่ในสภาวะที่อากาศหนาวต่ำกว่าจุดเยือกแข็งเป็นเวลานานเริ่มกระหายน้ำอย่างรุนแรง

พวกเขาดื่มน้ำเพื่อชดเชยเหงื่อที่เริ่มจะไหลบ่อยขึ้น. ไฮย์เบื่อหน่ายกับสิ่งที่เกิดและได้พูดว่า

"ฉันทนมากกว่านี้อีกไม่ไหวแล้ว ฉันอ่อนเพลียมากจากอาการพวกนี้เหลือเกิน

สำหรับนักเดินเรือทั้ง 3 คนผู้ซึ่งไม่ได้มีความได้เปรียบเหมือนพวกอันเดด, อากาศเริ่มร้อนจนเหลือจะทน.

"จุ๊ ๆ น่าเสียดาย"

วีดย่นหน้าผากเมื่อเห็นลูกเรือที่น่าสงสาร . เนื่องจากมีผู้นำทางอยู่จึงทำให้เรือผีสิงสามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็ว.

"โอเค , พวกนายทำดีมากที่นำเราให้มีชีวิตรอด, ฉันไม่คิดว่าพวกนายจะเป็นพวกโลภมาก.

"ดังนั้นเราจะหยุดพักที่นี่หรือ ?"

"กรุณาให้พวกเราทอดสมอในแม่น้ำซักที่ใดที่หนึ่งเถิด"

"อาการของเราแย่ลงเรื่อยๆ . พวกเราหมดแรงแล้วจริงๆ.

วีดมองดูทั้ง 3 คน ในทีแรกร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลเป็นทาง, และร่างผอมบางก็ยังมีความสามารถทัดเทียมกับอันเดด

ลูกเรือทั้ง 3 กำลังดิ้นรนต่อสู้กับความร้อน เนื่องจากพวกเขามีสถานะความอดทนต่ำ. "จุ๊ ๆๆๆ ช่างอ่อนแอจริงๆ"

หน้าผากของวีดย่นแคบเข้าอีก. ลูกเรือทั้ง3ต่างเป็นสิ่งที่มีค่าตั้งแต่พวกเขาช่วยให้เรือรอดพ้นจากอันตราย.

"โอเค . มันเป็นเพราะพวกนายทำให้เรามากันได้ไกลขนาดนี้. ความเห็นแก่ตัวเล็กๆน้อยควรจะได้รับการผ่อนปรนบ้าง.

เราจะทอดสมอที่นี่สักครู่หนึ่ง และพวกนายสามารถลงจากเรือได้

"พวกเราสามารถกลับได้แล้วใช่ไหม?"

"เมื่อเรือเทียบท่า พวกนายสามารถลงไปเดินดูรอบๆ ได้"

"ฉันเห็นด้วย กัปตัน!"

ลูกเรือทั้ง 3 รีบเทียบท่าเรืออย่างรวดเร็ว , วีดพูดว่า

"พวกนายจอดเทียบท่ากับน้ำแข็งให้ดี. รีบไปและทำตัวให้เย็นซะ"

" โอ้.. ขอบคุณมากก"

ไฮย์และแฟรคตัล ทอดสะพานไม้ , และบอร์ดเมียร์ลงมารวมกลุ่มด้วย

"ถ้าเราถึงพื้นดิน เราควรจะเตรียมหลบหนี"

ถ้าเราออกหนีได้เราควรจะรีบทำไม่อย่างนั้นเราอาจจะไม่มีโอกาสได้หนี

ลูกเรือทั้ง 3 เริ่มตัดสินใจกันในใจ

พวกเขาได้พบเจอแต่สิ่งเลวร้ายมาตลอดและแทบไม่มีความยินดีที่จะอยู่บนเรือต่อไป

เมื่อปราศจากพวกเขา เรือผีสิงก็จะพบกับเวลายากลำบากเมื่อต้องการจะไปที่อื่นที่ใดก็ตาม

"รีบไปให้พ้น ๆก่อนที่พวกเขาจะมองหาเราเถอะ"

"ให้พวกมันได้รับความทุกข์ทรมานสำหรับสิ่งที่พวกมันควรจะได้รับ"

ลูกเรือทั้ง 3 ปีนลงไปที่ธารน้ำแข็งขณะที่กำลังสวดภาวนา

เมื่อพวกเขาได้ลงไปที่น้ำแข็ง มาเรียได้ล่องเรือออกห่างขึ้นและเชือกที่สำหรับผูกเรือก็ถูกหลุดออกโดยมีเจ้าเหลืองกำลังกัดเชือก

และเมื่อเรือผีสิงเริ่มเคลื่อนออกไป วีดอยู่บนที่นั่งของกัปตันกำลังหมุนหมวก

เมื่อทักษะการเดินเรือถึงขึ้นสูงเลเวล 7  ขณะนี้เขาสามารถขับเรือผีสิงได้อย่างสบาย

โดยปกติจะมีแต่กัปตันเรือประมงที่จะสามารถขับเรือผีสิงได้เท่านั้น!

"ทำไมเรือกำลังเคลื่อนที่ ?"

"โอ้ ไม่นะ , กัปตัน!"

กะลาสีที่ถูกข่มเหงอย่างมากไม่ได้ร้องไห้. พวกเขาอยู่ที่นี่กับลูกเรือ

เขาไม่น่าออกไปได้โดยไม่มีพวกเรา

"กัปตันนี่เป็นเส้นทาง คิก คิก ฮิ ฮิ"

"เราไปกัน เราไม่สามารถนับจำนวนครั้งที่คุณเคยช่วยเราไว้ได้ . ขอบคุณ"

*เสียงสะอึกสะอื้น*

ลูกเรือผีจำนวนมากต่างปรากฏตัวขึ้นและโยนเชือกสกปรกออกไป

"อะไรฟ่ะ เรากำลังจะถูกปล่อยเกาะ"

"แต่ พวกเราจะอยู่ยังไงหล่ะ"

กะลาสีทั้ง 3 ต่างวิ่งราวกับเท้าติดไฟ. พวกเขาวิ่งตามแนวขนานไปกับเรือผีสิงบนแผ่นน้ำแข็ง

" ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!"

"ได้โปรดให้เราขึ้นเรือด้วยเถิด พวกเราจะยอมทำตามที่ท่านบอกทุกอย่าง!"

เสียงตะโกนมาจาก 3 กะลาสี ผู้กระทำผิดต่างรู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขากลายเป็นเหยื่อ

วีดพูดกับพวกเขาว่า

"ไม่ต้องกังวล เราจะไม่ทอดทิ้งพวกนาย. พวกนายไม่ใช่กะลาสีบนเรือของฉัน? เดียรอลไม่เคยทิ้งครอบครัวไว้ด้านหลัง"

"คุณหมายความตามนั้นจริงหรือ?"

"ขอบคุณ กัปตัน!"

แต่เรือก็ไม่ได้หยุดลง สุดท้ายวีดก็ไม่ได้เป็นคนที่รับปากในสิ่งที่พูดไป

โดยเฉพาะถ้าไม่ใช่กัปตันลิชผู้ซึ่งไม่เคยยึดถือเรื่องใดๆเป็นสำคัญอยู่แล้ว

"รอที่นี่และฉันจะกลับมารับทีหลัง"

"แต่มันมีมอนสเตอร์เต็มไปหมดเลย!"

"มันจะปลอดภัยกว่าถ้าได้รอบนเรือนะ!"

วีดไม่สนใจคำพูดเหล่านั้น เพราะมีเหตุผลอื่น

"คุณจะกลับมาเมื่อไหร่... อะไรนะ!"

"5555 พวกเราได้ตัวนายแล้ว เราจะโยนนายลงน้ำ. แต่มันก็เพลิดเพลินสำหรับการดูพวกนายที่ไม่ได้ขึ้นเรือไปด้วย

คู ฮ่า ฮ่า! ข้อตกลงของลูกเรือถูกยกเลิก

และไม่นานกัปตันคนใหม่จากลูกเรือผีสิงก็กำลังโค้งตัวลงเพื่อทักทายเขา

"ครับ กัปตัน .คิ ฮิฮิ ผมจะจัดการหางเสือเอง"
***

จากพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกสู่ดินแดนแห่งสายรุ้ง ลาส ฟาลั้งค์ก็ปรากฏ!

ภูเขาได้พ่นควันและลาวาออกมา

"ในที่สุดเราก็มาถึงที่นี่จนได้"

วีดเริ่มออกไปสำรวจพื้นที่ที่มีมอนสเตอร์.  หลังจากการเดินทางด้วยเรือช่วงสั้นๆ สามารถพบมอนสเตอร์จำนวนมากมายมากว่าที่เขาเคยรู้.

หมีขนยาวที่ปกคลุมไปด้วยผิวหนังสีขาวราวกับน้ำแข็ง ,เสือดาวที่คล้ายตุ๊กแกหินที่กำลังส่งเสียงคำราม.

นักรบแห่งความหายนะ(Chaos Warrior) กำลังกวัดแกว่งขวานรอเหยื่อของพวกมันภายในเงามืด,

ลาวาปะทุออกมาที่ซึ่งยักษ์อัคคีอาศัยอยู่. ร่างกายของพวกมันส่วนใหญ่เป็นยักษ์ลาวาไฟ. ถัดออกมา บริเวณรอยแตกมีไอน้ำพุ่งออกมาก

มีซาลาแมนเดอร์ไฟ ดูคล้ายปีศาจและมอนสเตอร์อื่นๆที่อยู่ได้ด้วยแสงไฟ

"เรามีไอเดียเกี่ยวกับโจรสลัดอาเมเนียที่มาถึงแม่น้ำที่ไม่แข็งตัว

ไม่มีหลักฐานของโจรสลัดอาเมเนียในสายตาเลย

วีดทอดสมอเรือผีสิงและได้เอาเชือกไปสำรวจมอนสเตอร์ มันป็นช่วงเวลานั้นๆเอง

*ติ๊งง!*

นักผจญภัยได้มาถึงลาส ฟาลั้งค์

ไม่ว่าจะเป็นฮีโร่ หรือนักผจญภัย อยู่ หรือ ตายก็คือการพนันอย่างหนึ่ง

แผ่นดินนี้เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือประวัติศาสตร์ทวีปเวอเซล ซึ่งได้ถูกหลงลืมไป

ถ้าคุณยังไม่เคยเยี่ยมชมรูปปั้นเทพเจ้าแห่งดิน คุณควรจะออกไปแทนที่จะปล่อยทิ้งร้างไว้

ผลประโยชน์:  ค่า ชื่อเสียง +800

ระยะเวลาแสดงผล 1 อาทิตย์ , เพิ่มประสบการณ์ที่ได้รับ,อัตราการดรอปไอเท็ม เป็น 2 เท่า. ไอเท็มดีที่สุดจะดรอปจากมอนสเตอร์ตัวแรกที่สังหารได้ (ฆ่า,จัดการ)

บัฟ (พร)จากเทพธิดาแห่งดินจากในเหมือง

พลังงานที่อ่อนนุ่มและแข็งแกร่งปกคลุมจากพื้นดินอยู่รอบตัววีด.

ได้รับบัฟจากเทพธิดาแห่งผืนดิน

อัตราการฟื้นฟูมานาเพิ่มขึ้น 40%

เพิ่มสมาธิและลดโอกาสความล้มเหลวของเวทย์มนต์

ดูดซับความเสียหายจากการโจมตีของศัตรู 38% จากธาตุดิน

สามารถลดพลังป้องกันของศัตรูได้.

ระยะเวลาแสดงผล 5 วัน , พร 10 อย่าง

เพราะอยู่ในสภาพอันเดด ลดความน่าเชื่อถือลดลงถาวร 35

พรของเทพธิดาแห่งดิน โดยทั่วไปพรนั้นจะมีการแบ่งแยกตามชนเผ่า หรือบางครั้งแบ่งตามความอ่อนแอ. ซึ่งมีตั้งแต่ทรัพย์สมบัติ หรือ ความอุดมสมบูรณ์พืชพันธุ์ธัญญาหาร ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันการโจมตีจากศัตรู.  แต่ที่มีในเฟรย่าส่วนใหญ่จะมีผลเล็กน้อย แต่เทียบกับพรของเทพธิดาแห่งดินนั้นมีระยะเวลายาวนานกว่ามาก.

"ความช่วยเหลืออย่างมากมายสำหรับ 5 วัน"  * ติ๊ง! *

เส้นทางใหม่มุ่งสู่ลาส ฟาลั้งค์ได้ถูกค้นพบ.

ผู้บุกเบิกได้ชื่อเสียงเพิ่ม 360 แต้ม

เพิ่มค่าสถานะทุกด้าน 12 แต้ม

ถ้าการผจญภัยสำเร็จ เพิ่มทุกค่าสถานะ +3.  ทักษะการแล่นเรือเพิ่มขึ้น.

ฉายา "กัปตันผีสิงนิรนามผู้ยิ่งใหญ่แห่งท้องทะเล".  ความเร็วสูงสุด +7 ขณะเปิดการสำรวจมหาสมุทร

แม้ว่าหลังจากการเดินทาง คุณก็ไม่สูญเสียความหวัง เมื่อได้พบกับดินแดนใหม่ ,ซากปรักหักพัง หรือสมบัติที่สูญหาย ค่าชื่อเสียงจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อีก

กษัตริย์และเหล่าขุนนางจะสนับสนุนการเดินเรือของคุณ.

เพิ่มสถานะ "เสน่ห์" และ "ความเป็นผู้นำ" +20 แต้ม

เพิ่มความน่าจะเป็นการเกิดเหตุการณ์ที่ดีในทะเล

เงื่อนไขขั้นต่ำ :

ทักษะการเดินเรือขั้นต้น เลเวล 5 หรือ สูงกว่า

เรียกใช้ได้เฉพาะในทะเล -__-"

วีดพอใจกับรางวัลที่ได้. เขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วโดยพยายามมองหารอยแยกของหิน

"ถ้ำ !  ต้องมองหาถ้ำ"
เพื่อหาที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการสำรวจและออกล่า
***

ที่กิลด์ราชสีห์ทมิฬ , หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างแดง , กิลด์มังกรแดง , กิลด์แบล็คสมิธ (ฆ้อนและทั่ง อุปกรณ์ของแบล็คสมิธ) , กิลด์ทหารรับจ้างโปร-แอม และอีกกว่า 89 กลุ่มที่มีชื่อเสียงที่ได้เข้ามาร่วมประชุมในครั้งนี้

"ดังนั้นแล้วทุกท่านเห็นด้วยกับการจัดตั้งพันธมิตรแห่งมหาอำนาจ.  ไม่มีใครคัดค้านใช่หรือไม่ ?"  นี่คือการประชุมเฉพาะระดับหัวหน้ากิลด์! กิลด์อื่นๆทั้งหมดที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ต่างพยักหน้ายืนยัน.

"พวกเราทั้งหมดเห็นด้วย"

" ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเราจะปฏิเสธ"

กลุ่มพันธมิตรแห่งมหาอำนาจ กิลด์ที่มีชื่อเสียงทั้งหมดของทวีปเวอเซลกำลังพยายามปกป้องแนวป้องกันสุดท้ายของพวกเขา.

"ประกาศอย่างเป็นทางการจะเริ่มต้นในวันแรกของเดือนหน้า. คิดว่าหลังหลังจาก1อาทิตย์ คำสั่งของแต่ละท่านจะถูกส่งมา เมื่อนั้นผมจะส่งต่อให้ทุกท่านเอง.

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้ากิลด์มาสเตอร์ทั้งหมด. 

กิลด์อื่นๆที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรแห่งมหาอำนาจ ต่างรู้สึกตัวเองมีความสำคัญขึ้น และได้เตรียมกำลังเพื่อจะจัดการภัยคุกคาม , ช่วงเวลาสงบสุข(ช่วงปลอดภัย)ได้หมดลงแล้ว

กลุ่มพันธมิตรไม่ได้ลบความบาดหมางที่มีระหว่างกิลด์ แต่เรื่องพวกนั้นจะได้รับการจัดการในภายหลัง

มันเป็นการรับประกันได้ว่ากิลด์ที่ไม่ได้เข้าร่วมพันธมิตร อาจจะต้องพบเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในการโจมตีกิลด์หรือปราสาท

กลุ่มที่ไม่ได้รวมกลุ่มพันธมิตรจะอยู่รอดยากขึ้น เมื่อการสู้รบได้เริ่มขึ้นและขยายออกไปทุกหย่อมหญ้า.

จะมี 2 หรือ 3 กิลด์ที่มีชื่อเสียงขนาดเล็กที่สามารถรองรับการโจมตีและชนะในสงคราม, แต่พวกเขาจะไม่สามารถไม่สามารถยึดทั้งทวีปไว้ได้.

กลุ่มพันธมิตรนั้นมีความสามารถมากในการป้องกัน, แม้กระทั่งพวกเขายังมีพลังที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้ในทันทีที่กำลังเสริมนั้นมาสมทบ.

บาร์ดเล่ย์ และ กิลด์เฮอเมส เป็นผู้นำกิลด์พันธมิตรที่ดูมีความสามารถที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงอย่างมาก

เขากลายเป็นประธานของกลุ่มพันธมิตรแห่งมหาอำนาจนี้และจะมีสิทธิอันชอยธรรมในการขึ้นเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรฮาเว่น

จะมีผู้เล่นทั่วไปจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวในทวีปเวอเซล.

กิลด์ที่มีชื่อเสียงก็จะถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถดูแลสิทธิในการล่า , การซื้อขายไอเท็ม รวมถึงภาษีการค้าด้วย.

เสียงของการยกแก้วดังไปทั่วบริเวณ

"ปีนี้จะเป็นปีของเรากลุ่มพันธมิตรแห่งมหาอำนาจ"

เหล่ามาสเตอร์ของกิลด์ที่มีชื่อเสียงทั้งหลายต่างชูแก้วสูงขึ้น

"เพื่อทวีปเวอเซล!!"

"เพื่ออำนาจสูงสุดของกลุ่มพันธมิตรของเรา!"
ผู้แปล: Nawat CZ
Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

8 ความคิดเห็น:

  1. 555+ สรุปโดนทิ้งแทนที่จะได้หนี จะสู้กับตาวีดมันคนละชั้น//บาร์ดเล่ย์อยากได้กองกำลังปราบวีดสินะ "กลุ่มพันธมิตรล่าวีด" รอพี่แกกลับมาเคลียร์ละกัน

    ตอบลบ
  2. จะทำสงครามกันเปล่า???
    Thank you. หลายๆ เด้อออ

    ตอบลบ
  3. เหมือนจะไปล่าวีดถึงที่เลยนะครับ

    ตอบลบ
  4. เปิดหอศิลป์แล้วรวยๆรายรับเข้ามาอื้อ บัฟโคตรโกง ความจริงน่าสร้างเรือสักลำตั้งชื่อว่าโนอาไม่ก็ไททานิค แต่คงเสียเวลาอีก

    ตอบลบ
  5. สมกับเป็นวีดจริงๆ ครบทุกรส

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...