วันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เล่ม 23 ตอนที่ 5: หุบเขาแห่งเดธไนท์ แปลโดย Smith Rex

เล่ม 23 ตอนที่ 5: หุบเขาแห่งเดธไนท์ แปลโดย Smith Rex

วีดออกล่ามอนสเตอร์บาร์ริทไปมากกว่า 45 ตัว
การวิ่งลงเนินเขาด้วยม้าปีศาจ ทุกๆการฟาดฟันเป็นการฆ่าที่แม่นยำ เหล่าบาร์ริทถูกไล่ฆ่าจนกระเซอะกระเซิง!
"เดธไนท์นั่นใครอ่ะ?"
"ฉันไม่รู้ เท่าที่ดูคงจะเป็นนักสู้มากกว่าผู้อัญเชิญอันเดธ และตรงนี้มันก็ไกล มีใครรู้จัดเขามั้ย? "
"ฉันคิดว่า ฉันเคยเห็นเขาในคาปัว มีอัศวินผีที่ทำให้มอนสเตอร์ตัวสั่นเพียงแค่มองเห็นเขา. อาจจะเป็นเขาก็ได้ ? "
 “อ้อ! อัศวินผีตัวนั้น "
บรรดาผู้เล่นเนโครแมนเซอร์จ้องมองการกระทำของวีดจากปลายหุบเขาลึก และชื่นชมการเคลื่อนไหวของเขา
ดาบในมือของเขาหมุนควงไปมาอย่างอิสระ ในขณะที่เขาเชือดบาร์ริดทุกตัวที่อยู่ในเส้นทางของเขา
บนหลังม้า การพุ่งกระแทกของอัศวินเป็นหนึ่งในทักษะที่มีประโยชน์มากที่สุดที่สามารถใช้ได้
ทักษะการเพิ่มพลังโจมตีหลายเท่า โดยอาศัยความเร็วและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม การโจมตีด้วยดาบ หรือทักษะการควบบนหลังม้าด้วยความเร็วเต็มพิกัดก็เป็นอะไรที่ยากมาก
และนี่ก็ไม่ใช่พื้นราบ แต่เป็นหุบเขาที่มีพื้นผิวไม่เท่ากัน
สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องมีคือความสมดุลที่สมบูรณ์แบบ ระหว่างการขี่ม้าอันบ้าบิ่น และการคาดเดาระยะการโจมตีที่ถึงศัตรู
นี่เป็นเรื่องยากสำหรับบรรดาผู้เล่นที่เลือกอาชีพอัศวิน และใช้เวลาหลายพันชั่วโมงฝึกการขี่ม้า
"เขาสามารถต่อสู้ได้ดีขนาดนี้ได้ยังไงนะ?"
"มันเหมือนกับว่าเขามีตาหลังยังไงยังงั้น นั่นมันช่างบ้าบอสิ้นดี "
"การผสมผสานระหว่างทักษะ และการเคลื่อนไหวของเขา ไม่มีคำใดสามารถอธิบายได้ ฉันอยากรู้จริงๆว่า คนๆนี้เป็นใคร "
ม้าไม่ได้มีประโยชน์เสมอไป
แม้ว่าการพุ่งโจมตีของคุณจะประสบความสำเร็จ แต่มันก็สร้างแรงสะท้อนกลับ
ถ้าแรงสะท้อนกลับจนทำให้ไม่สามารถทนรับไว้ได้ มันก็มีโอกาสตกลงมาจากหลังม้าได้
ถ้าหากสวมเกราะหนัก เมื่อกระเด็นตกลงจากหลังม้า แรงกระแทกจะทำให้เกิดสถานะสับสน หรือสถานะอัมพาต ดังนั้นมันสามารถกลายเป็นอะไรที่อันตรายมาก
การต่อสู้อย่างนั้นบนหลังม้า ...บรรดาเหล่าเนโครแมนเซอร์ต่างพากันประหลาดใจ
มันดูราวกับว่าพวกเขากำลังเฝ้าดูสัตว์ร้าย
บาร์ริทเป็นมอนสเตอร์ที่หนังเหนียว
พวกมันมีขนาดใหญ่เท่าหมี เป็นมอนสเตอร์ที่ก้าวร้าวอาศัยรวมกันเป็นฝูง และเลเวลของพวกมันเกิน 350
ด้วยสัญชาตญาณอันยอดเยี่ยมของพวกมันในการสู้รบ นับว่าเป็นสิ่งที่โดดเด่นทำให้พวกมันยากต่อการล่า
ปาร์ตี้ที่ออกล่าส่วนใหญ่มักจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับฝูงบาร์ริทด้วยเหตุนี้เอง
แต่วีด เขาพุ่งเข้าใส่พวกบาร์ริท โดยปราศจากความกลัวหรือ ความลังเลใดๆ
ในสนามรบที่เต็มไปด้วยอันเดธ และบาร์ริท เขาต่อสู้ด้วยการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมที่สุด
แน่นอนว่าพวกบาร์ริทเหล่านี้อันตรายและก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงบ่อยครั้ง แต่บัลข่านอยู่ในสถานที่บางแห่งใกล้จากที่นี่
ด้วยเหตุนี้เอฟเฟ็คออร่าแห่งความตายเป็นแหล่งพลังส่งผลทำให้เขาสามารถต่อสู้ได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมันฟื้นฟูค่าพลังชีวิตของเขาได้เรื่อยๆ
หลังจากการป้องกันหุบเขาในครั้งที่สาม ในที่สุดบรรดาเนโครแมนเซอร์ก็สามารถหยุดพักเบรกได้ เมื่อรุ่งอรุณแห่งวันใหม่มาถึง จำนวนมอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวออกมาก็ลดลง
ขณะที่วีดกำลังขี่ม้ามาตามหุบ โอเทมพูดกับเขา
"เฮ้ ขอโทษนะ"
"ครับ?"
วีดตอบในขณะที่ใบหน้าของเขายังคงปกปิดด้วยหมวกอัศวิน ไม่จำเป็นต้องเคร่งเรื่องมารยาท ในเมื่อใบหน้าของเขาเป็นเพียงหัวกะโหลกธรรมดาๆ
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้น แต่บรรดาผู้เล่นเนโครแมนเซอร์ส่วนใหญ่มักจะปกปิดร่างกายด้วยเสื้อคลุม มันทำดูดีแบบแปลก ๆ
"ไม่มีผู้คนมากมายนักที่เลือกอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ ... คุณมีความว่องไวมาก คุณชอบต่อสู้ในลักษณะแบบนี้หรอ ?"
 “……..”
วีดไม่ค่อยคุ้นเคยกับการถูกชื่นชมสักเท่าไหร่
 ‘เขาคงจะบอกว่า ฉันต่อสู้ได้ดีใช่ไหม? ฉันไม่ควรทำตัวเด่นมากนัก มันจะส่งผลต่อจำนวนไอเทมที่ฉันสามารถเก็บได้
ในจิตสำนึกของเขา เขาต้องการแค่หยิบไอเทมจากมอนสเตอร์ที่เขาจัดการมันด้วยตัวเขาเท่านั้น
ด้วยความสัตย์จริง เขาฆ่ามอนสเตอร์ที่กำลังใกล้จะตายค่อนข้างมากพอสมควร
ภายในหุบเขา มันคือความบ้าบิ่น และความบ้าคลั่งที่จะโจมตีบาร์ริทแบบตัวต่อตัว แม้พลังชีวิตเต็มเปี่ยมก็ยังเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นการต่อสู้กับบาร์ริทที่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจโดยพวกอันเดธตนอื่นๆ คำสาปและระเบิดซากศพหากร่ายออกไปจะช่วยได้มากเลยทีเดียว
เขาไม่รู้จริงๆว่าเนโครแมนเซอร์คนไหนได้ทำการตัดสินใจที่จะช่วยเขา แต่จากการคำนวณมานาที่ใช้ไป มีประมาณสองคน
ขณะที่เขากำลังพุ่งเข้าไประหว่างฝูงบาร์ริท พวกเขามักจะอัญเชิญโล่กระดูก หรือกำแพงโครงกระดูกเพื่อป้องกันการโจมตีที่เข้ามา
ว่ากันตามความจริงบาร์ริทหลายๆตัวที่พ่ายแพ้ให้กับเขาก็อยู่ในสภาพปางตายอยู่แล้ว
ในทางกลับกันก็มีบาร์ริทตัวอื่นๆอีกหลายตัวที่ยังคงติดสถานะมึนงงในเส้นทางที่เขาผ่านมา ซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถกำจัดพวกมันได้หมด
ไม่ว่ายังไงเขายังคงมองหาจ่าฝูงบาร์ริทเพื่อที่จะฆ่ามัน
ตั้งแต่เขาต่อสู้ลงมาจากหุบเขา มันแตกต่างจากหมู่บ้านคาปัวซึ่งเป็นสถานที่ที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำตัวให้โดดเด่น
"ฉันสังเกตเห็นทุกอย่างแล้ว "
 “……….”
"คุณดูแข็งแกร่งมาก จะไม่เป็นการสะดวกกว่าหรือที่จะผนึกกำลังกันในหุบเขาแห่งนี้? "
โอเทมแนะนำให้ร่วมทีมและต่อสู้ไปด้วยกัน
หนึ่งในผู้เล่นหญิงที่มีอยู่น้อย เฮเรียนพูดแทรกมาว่า
"ถูกตัอง. คุณควรจะเข้าร่วมกับพวกเรา จะไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นเลย พวกเราสามารถใช้บางอย่างช่วยเหลือและมันดูเหมือนว่าคุณจำเป็นต้องการการอัญเชิญบางอย่างด้วย "
การที่มันดูเหมือนว่าวีดมีอาชีพนักสู้มากกว่านักอัญเชิญ พวกเขาจึงไม่คิดว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันด้วย ดังนั้นการแสดงออกของพวกเขาจึงไม่มีความอิจฉาริษยาหรือความโกรธ
ในหุบเขาแห่งนี้การร่วมมือกับผู้อื่นเป็นกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จในการทำภารกิจ แล้วก็เหล่าเนโครแมนเซอร์จำเป็นต้องค้นหาซากศพเพื่อคืนชีพอันเดธชั้นยอดออกมา
บรรดาผู้เล่นสายเนโครแมนเซอร์ทั่วไปจะพยายามอย่างดีที่สุดในการรับสมัครทหารรับจ้างเลเวลใดก็ได้ แม้แต่คนเลเวลต่ำก็ถือว่ามีมูลค่าสูง ถึงกระนั้นการที่เนโครแมนเซอร์มีชื่อเสียงที่ไม่ดีทำให้มันยากที่จะรับสมัครทหารรับจ้าง
พวกเขาทำจะเช่นนี้ถ้ามีใครบางคนสามารถต่อสู้ในแนวหน้าเพื่อพวกเขา มันถือเป็นความช่วยเหลืออย่างมากให้กับพวกเขา
ก็เหมือนกันกับวีด การที่มอนสเตอร์จับกลุ่มกันไปทั่วหุบเขา มันยากที่จะป้องกันได้ทุกทิศทุกทาง.
แม้ว่ามันจะถูกเรียกว่าหุบเขา ในแง่ของขนาด มันกว้างมากพอที่ให้รถม้าศึกเจ็ดคันผ่านไปในทีเดียว และถ้าเขาต่อสู้เพียงลำพัง คนเดียวเป็นเวลา 24 ชั่วโมงแบบไม่หยุด มันก็ยังไม่เพียงพอ.
กับมอนสเตอร์ที่ยังคงบรรจุลูกศรและยิงหินมาที่เขา มันเป็นอะไรที่มากเกินไปที่จะจัดการเพียงลำพังคนเดียว
"ข้อเสนอที่น่าสนใจที่สุดในการปกป้องหุบเขานี้ ผมคิดว่ามันเป็นการดีที่สุดที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่ร่วมทีมกันล่ะ? "
แม้กระทั่งเจนนี่ก็กำลังพูดในส่วนขอนของเธอ ดังนั้นวีดจึงไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอได้
ตกลง.
การเกณฑ์อันเดธเท่ากับว่ามันช่วยส่งเสริมวีดให้ต่อสู้ได้อย่างอิสระเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้
เนโครแมนเซอร์ไม่เหมาะสำหรับปาร์ตี้อยู่ก่อนแล้ว และวิธีนี้คงเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด เมื่อพิจารณาจากคุณสมบัติทางภูมิศาสตร์ของหุบเขา
___________________________________________________________________________
 “อุ ฮิฮิฮิฮิฮิ.”
เซบรินมาถึงหมู่บ้านคาปัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับสวมใส่ไอเท็มที่มาจากกิลด์เฮอมีส
"พวกเขาแน่นอนจริงๆ มีไอเท็มมากมายขนาดนี้"
ในตู้นิรภัยของกิลด์เฮอมิส มีกองไอเท็มหายากและไอเท็มต้องสาป กองพูนเป็นภูเขาเลากา
เซบรินอยู่ในสถานะที่ไอเทมต้องสาปสามารถนำไปใช้ได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกอันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
วงแหวนที่ช่วยลดค่าโชค 140 แต่ปกป้องผู้ใช้กับภูตผี เกราะที่กระจายกลิ่นเน่าเสียสวมบนกาย สร้อยคอที่สร้างมานาและความแข็งแกร่งโดยการเสียสละค่าพลังชีวิต และฟันปลอมสำหรับโครงกระดูก!
มันแย่มากที่เขาไม่สามารถเอาทุกอย่างที่เขาต้องการได้ แต่ไอเทมเหล่านี้สำหรับอันเดธแล้ว มันยอดเยี่ยมมาก
เซบรินสามารถเพิ่มพลังเวทมนตร์อันอ่อนแอของเขาได้ถึงสองเท่า
แม้แต่คทาที่เขาถือก็เป็นไอเทมเฉพาะสำหรับเนโครแมนเซอร์ !
มันทำให้การอัญเชิญอันเดธที่ดุร้ายและรวดเร็ว ในขณะกันระยะเวลาการฟื้นคืนชีพของพวกมันก็สั้นลง แต่ที่นี่มีซากศพมากมาย มันจึงไม่เป็นปัญหา
ตอนนี้มันคงง่ายกว่าเดิมนิดหน่อย
การเข้าร่วมกิลด์เฮอมีสเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
การเข้าเป็นพวกกับกิลด์ที่มีความแข็งแกร่งจนน่ากลัว พลังและอำนาจ เรื่องเหล่านี้ มันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว
แม้หลังจากที่เขาได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผี เซบรินไม่ได้หยุดการมีส่วนร่วมในภารกิจโดยการใช้เหล่าอันเดธ
มีไอเทมมากมายที่เขาสามารถใช้ได้ถ้าหากเขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะใช้มัน
_________________________________________________________________
อั๊ก!
นักดาบ287 หมอบร่วงลงกับพื้น
"ฉันแพ้อีกแล้ว"
การต่อสู้ที่เริ่มต้นจากนักดาบ505 ยังคงดำเนินต่อไป โดยเหล่านักดาบฝึกหัดที่มีอันดับสูงขึ้นก็ได้เข้าร่วมการต่อสู้นี้ด้วย แต่พวกเขาก็ยังคงพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง
ทักษะดาบโคลนนิ่งของปรมาจารย์ดาบแอช!
เมื่อเปิดใช้งาน ร่างกายของผู้เล่นจะแยกออกมากถึง 40 ร่าง
มันยากที่จะแยกแยะร่างจริงออกจากร่างปลอม เนื่องจากร่างโคลนมีมานาและค่าพลังชีวิตประมาณ 15% ของร่างต้นแบบ
มันเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมจนเป็นเหตุผลให้ผู้เล่นเกิดความเหี้ยนกระหือรือในการถือครองทักษะของปรมาจารย์ดาบ
ทุกครั้งที่แอชชนะ เขาจะกล่าวว่า
"การเรียนรู้ทักษะของข้า เจ้าจำเป็นจะต้องมีทักษะการใช้ดาบขั้นสูงสุด เจ้ามีคุณสมบัติครบถ้วนแล้ว ข้าควรจะสอนเจ้าเกี่ยวกับทักษะดาบของข้า - ทักษะดาบโคลนนิ่ง "
มันเป็นข้อเสนอที่ไม่น่าเชื่อ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะแอชได้ พวกเขาก็ยังคงต่อสู้กับเขาเป็นเวลานาน ด้วยการต่อสู้ของพวกเขา การตอบสนอง สัญชาตญาณและทักษะอาวุธ พวกเขาจึงมีคุณสมบัติเพียงพอเพื่อเรียนรู้ทักษะดาบโคลนนิ่ง
เหล่านักดาบเคารพความแข็งแกร่ง
"ถ้าท่านจะสอนข้า ข้าก็จะเรียนรู้มัน"
ไม่มีเหตุผลในการปฏิเสธคนที่ยินดีจะสอนทักษะอันแข็งแกร่ง!
- คุณได้เรียนรู้ทักษะดาบโคลนนิ่ง
พวกเขาไม่ได้ต่อสู้อย่างจริงจัง แต่พวกนักดาบต้องการต่อสู้อย่างเป็นธรรม
การต่อสู้ด้วยกำลังและทักษะทั้งหมดของพวกเขาที่ฝึกฝนมาเป็นเวลานาน
นักดาบ5 ต่อสู้กับแอซได้สูสีมาก
หลังจากขณะที่โจมตีร่างโคลนที่มีค่าพลังชีวิตต่ำ เขาก็โจมตีใส่แอชโดยตรง
แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการฟันแอซด้วยดาบของเขา ด้วยพลังป้องกัน และพลังชีวิตอันน่าเหลือเชื่อของแอซทำให้แทบไม่ได้รับรอยขีดข่วน
อย่างไรก็ตาม นักดาบ5 ไม่ใช่คนโง่ที่ให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งของเขา
ก่อนที่เขาจะกลายเป็นครูฝึก เขาใช้ช่วงเวลาในวัยรุ่นทั้งหมดทุ่มเทกับการต่อสู้
เมื่อเขาอายุยี่สิบ การต่อสู้ก็กลายเป็นเรื่องของความเป็นและความตาย ดังนั้นเขาจึงรู้วิธีการต่อสู้เป็นอย่างดี
'สร้างความเสียหายให้กับร่างจริงจะทำให้ร่างโคลนอ่อนแอ'
เคร้งงงงงงงง!
ขณะที่ดาบของนักดาบ5 ปะทะกับคมดามของแอชและรูดสะบัดลงต่อเนื่อง
ช่วงเวลาที่ดาบปะทะและประสานกัน เขาบิดข้อมือของเขาสะบัดในชั่ววินาที และบดขยี้คมดาบของแอช
ไม่เพียงความทนทานของดาบในตำนานจะรอดพ้นเมื่อใบดาบหนาๆกดผ่านมัน ในโลกแห่งความเป็นจริง มันยังคงใช้ได้นานตราบเท่าที่มันยังไม่แตกสลายเป็นเสี่ยงๆหรือพังจนไม่มีชิ้นดี แต่นี่คือรอยัลโร้ด
- คุณลดค่าความทนทานดาบของแอชลง -4%
พลังโจมตีของแอช จะลดลง -11%
และแล้วเขาก็กดดันโจมตี!
- คุณจู่โจมติดคริติคอล
- คุณฟันโดนหน้าอกของแอช
- คุณฟันหัวเข่าของแอชผ่านชุดเกราะของเขา
ดาบของแอชกลายเริ่มทื่อและด้าน ร่างโคลนก็อ่อนแอลงเช่นกัน
นักดาบ5 อยากพิสูจน์ว่าทักษะดาบโคลนนิ่งไม่ใช่ทักษะที่ยิ่งใหญ่
"เจ้าเป็นนักดาบที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ข้าอยากจดจำชื่อของเจ้าไว้ "
"จำไว้ข้าคือ นักดาบ5"
ติ้ง!
- คุณได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศในการต่อสู้ของคุณกับปรมาจารย์ดาบแอช
Øด้วยการต่อสู้ที่โดดเด่นซึ่งเพียงพอที่จะได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของนักดาบทั้งหลาย สถานะที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ทั้งหมด เพิ่มขึ้น 6
Øชื่อเสียงเพิ่มขึ้น +5,800
Øความชำนาญการใช้อาวุธเพิ่มขึ้น
- การต่อสู้กับแอชด้วยอาวุธและเกราะระดับต่ำกว่า ค่าสถานะทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นเพิ่มเติมอีก +3
- ผ่านการต่อสู้ คุณได้เรียนรู้ทักษะของนักดาบ, ดาบโคลนนิ่ง
นักดาบ4 ฟันติดคริติคอลฮิตหกครั้งติดต่อกัน
นักดาบ3 ทิ้งรอยบุบไว้ที่ชุดเกราะของแอช
พวกเขาเลือกวิธีการที่แตกต่างกันในการลดพลังชีวิตของแอช เพื่อให้พวกเขาสามารถจัดการกับร่างโคลนได้เร็วขึ้น
พวกเขาทั้งหมดยอมรับในตัวแอช หลังจากการต่อสู้ของพวกเขา
"ชายคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ ไม่ว่ากี่ครั้งที่ฉันฟันโดนเขา กลับไม่มีรอยขีดข่วน. "
"ใช่ครับศิษย์พี่ พลังกายของเขาไม่มีที่สิ้นสุด "
"แม้ปราศจากทักษะของเขา มันก็ยากที่จะเอาชนะเขาได้แบบตัวต่อตัว อย่างน้อยนายต้องเพิ่มเลเวลอีก 200 ครั้ง "
แอชพยายามปรับความแข็งแกร่งของตัวเองและต่อสู้กับพวกเขาในระดับที่เท่าเทียมกัน
ถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น พวกเขาจะไม่สามารถปะทะดาบกับแอชได้
"แต่ข้าไม่คิดว่ามันคงจะไม่มีวันที่จะเอาชนะเขาได้"
นักดาบ487 พูดหลังจากการต่อสู้กับแอช
ดาบและเกราะของเขากลายเป็นเหมือนเศษผ้าขี้ริ้ว
มันถึงจุดที่นักดาบต้องสู้ด้วยกำปั้นเปลือยเปล่าของเขา
ถ้านักดาบทั้งหมดกระโดดเข้าใส่แอชในเวลาเดียวกัน คงไม่มีใครสามารถจะรับประกันได้ว่าปรมาจารย์ดาบแอชจะรอดออกไปได้
เมื่อออกล่ามอนสเตอร์ระดับสูงเป็นกิลด์หรือปาร์ตี้ ก็จะเห็นได้ชัดว่าจะต้องมีกำลังเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับศัตรู
การอวยพรทุกประเภท และการสนับสนุนจากแนวหลังจากบรรดานักบวชถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องมี
แต่พวกนักดาบเหล่านี้ต่างต่อสู้ตัวต่อตัวอย่างยุติธรรมและพอใจกับมันเพราะฝ่ายตรงข้ามก็เป็นนักดาบ
"เยี่ยม เรามีช่วงเวลาที่ดี อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าพักผ่อนพอแล้ว ลองกลับไปว่ายน้ำกันเถอะ "
บรรดานักดาบต่างกระโดดลงทะเลแล้วเริ่มว่ายน้ำไปยังทวีปทางเหนือ
พวกเขาทำการจากลาอย่างเร่าร้อน
พวกเขาเข้าใกล้พอที่จะจับปลากินเข้าด้วยกัน
 “ลาก่อน จงใช่ทักษะของข้าในทางที่ดี "
"พวกเราจะไม่ใช้ดาบของเรากับคนที่อ่อนแอกว่าเรา"
แต่พวกเขาไม่ได้เปิดเผยสิ่งที่คิดขึ้นในใจของพวกเขา
'ฉันต้องเอาชนะชายคนนี้สักวัน ... แต่ฉันไม่รู้ว่าที่นี่อยู่ที่ไหน'
 ‘ครั้งต่อไปฉันจะฆ่าแกด้วยดาบของฉันแน่นอน
____________________________________________________________
ด้วยการได้ร่วมมือกับเนโครแมนเซอร์คนอื่น ๆ วีดสามารถปกป้องหุบเขาได้สำเร็จในครั้งที่สิบเอ็ด
เนื้อหาของเควสยังคงมีการเปลี่ยนแปลงไปทีละนิด แต่วัตถุประสงค์หลักยังคงเดิมเสมอนั่นคือ การปกป้องหุบเขา
'ศูนย์บัญชาการของกองทัพอันเดดตั้งอยู่ด้านหลังที่นี่'
ด้วยการได้รับข้อมูลจากภารกิจ วีดสามารถคาดเดาได้ว่ามันอยู่ที่ไหน
ขณะที่มีกองกำลังเสริมบางครั้งก็มาจากศูนย์บัญชาการของกองทัพอันเดด
วีดพลักดันตัวเองให้เป็นนักสู้ในแนวหน้า นับตั้งแต่เขากลายเป็นโครงกระดูก
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาไม่ได้คาดหวังสูงนักสำหรับเหล่าอันเดธ
แต่ในขณะที่การสู้รบยังคงดำเนินต่อไป เขาได้รับผู้ใต้บังคับบัญชา
"กรุณาออกคำสั่งของท่าน นายท่าน!"
ทุกครั้งที่เขาได้รับความสำเร็จ เดธไนท์ในบริเวณใกล้เคียง ดูลาฮาน และ เหล่าทหารโครงกระดูก ก็สาบานตนว่าจะเชื่อฟังวีด
ด้วยทุกๆความสำเร็จในภารกิจ เขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งหรือได้รับเดธไนท์
 “ฮึ่มม!
วีดไร้ซึ่งความคิดที่จะเก็บผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นอันเดธของเขา
ไม่ว่าคุณจะคืนชีพพวกมันขึ้นมามากแค่ไหน มันก็ใช้ได้แค่ครั้งเดียวแล้วมันก็ตาย
"มันเป็นสถานการณ์ที่ต้องเข้าห้ำหั่นกัน "
ดังนั้นสันดานที่แท้จริงของวีดจึงออกมา
"จงต่อสู้ในแนวหน้า อย่าถอยหนี ต่อสู้จนกว่าเจ้าจะขยี้พวกมัน ฆ่าพวกมันให้เหี้ยน!"
"ขอรับ นายท่าน!"
"พวกเราจะทำตามคำสั่งของนายท่าน"
"พวกเราจะปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บัญชาการกองทัพแห่งความมืด"
พร้อมกันกับผู้ใต้บังคับบัญชาอันเดธที่อยู่ตรงหน้าเขา วีดฆ่ามอนสเตอร์หลายตัวจากทั้งซ้ายและขวา
"ฆ่ามัน ฆ่ามัน  ฆ่ามัน !"
ยุทธวิธีที่เขาใช้บ่อยๆกลับไม่ได้เห็นนำมาใช้ในที่แห่งนี้
เขาเพียงสนับสนุนการสู้รบให้ดันต่อไปข้างหน้า
การต่อสู้ของเหล่ามอนสเตอร์ที่ดุร้ายและอันเดธ ทำให้มีโอกาสมากขึ้นในการออกล่ามากมาย.
บรรดาอันเดธสามารถฟื้นขึ้นมาได้โดยผู้เล่นเนโครแมนเซอร์ และมีกองทัพอันเดดอยู่ใกล้ ๆ จึงไม่มีความจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับพวกมันนัก
ทั้งหมดที่เขาทำก็คือการสั่งให้พวกมันต่อสู้อย่างดุดัน แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นกะทันหัน แม้แต่วีดก็ไม่ได้คาดคิด
- ในฐานะที่เป็นเดธไนท์ด้วยการสั่งการโจมตีอย่างรุนแรงต่อศัตรู ความเป็นผู้นำแห่งอัศวินเปิดใช้งาน
Øไอเท็มที่คุณเก็บไว้ ตราประทับของจักรพรรดิผู้ปกครองทวีปจะเปิดใช้งาน
Ø ด้วยอำนาจแห่งองค์จักรพรรดิ ค่าความจงรักภักดีถึงขีดสุด และขวัญกำลังใจของอันเดธเพิ่มขึ้น + 25%
Ø ด้วยการเสริมขวัญและกำลังใจให้ทหารอันเดธ พลังโจมตีของอันเดธเพิ่มขึ้น + 17%
Ø คำสั่งของคุณจะถูกส่งไปยังกองทัพอันเดด
ด้วยตราประทับของจักรพรรดิผู้ปกครองทวีป ซึ่งเป็นตราประทับราชวงศ์ของจักรพรรดิอาเพน เหล่าอันเดธที่กำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์จะมีความสามารถในการโจมตีอันน่าอัศจรรย์
เมื่อเทียบกับตอนที่วีดเป็นประติมากร ทักษะการสั่งการเหล่านี้ย่อมไม่อาจเปิดใช้งานได้อย่างเต็มที่
แต่เวลานี้เขาเป็นเดธไนท์ซึ่งเป็นหนึ่งในคลาสของอัศวิน ความสามารถในการบังคับบัญชาของเขาเพิ่มขึ้น 100% เมื่อเปิดใช้งานเอฟเฟ็กต์
"นายท่าน ข้าขอมอบความภักดีของข้า"
"ทุกตน โจมตีเข้าไปนี่คือคำสั่งของผู้บัญชาการของเรา!"
มากขึ้นเรื่อยๆ ที่บรรดาดูลาฮาน และเดธไนท์ สาบานว่าจะจงรกภักดีต่อวีด
ด้วยกันกับกองทัพอันเดดที่ทำตามคำสั่งของวีด ทำให้สามารถทำลายมอนสเตอร์ด้วยความแข็งแกร่งอันน่าอัศจรรย์
อันเดธสามารถแสดงศักยภาพของพวกมันทั้งหมดในขณะที่โจมตี
ภาวะผู้นำเพิ่มขึ้น +1
นานๆครั้งที่ค่าความเป็นผู้นำของวีดจะเพิ่มขึ้นในขณะที่เขาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การอัญเชิญอันเดธจากเนโครแมนเซอร์ และกองกำลังเสริมจากกองทัพอันเดดทำให้เกิดกองทัพขนาดใหญ่
แต่ภายใต้การควบคุมของวีด กองทัพอันเดดที่เห็นเหมือนกลายเป็นขุมกำลังใหม่ทั้งหมด
พวกมันจงรักภักดีต่อวีด พวกมันทำตามคำสั่งของเขาทันที
"เดธไนท์  ถอยกลับมา"
"นายท่านสั่งมา พวกเราถอย!"
วีดสั่งถอนกำลัง

ทันทีที่เดธไนท์ถอยออกมา จ่าฝูงบาร์ริทที่บาดเจ็บหนักได้หมุนไปรอบๆตัวมันอย่างบ้าคลั่ง.
"แกเป็นของฉัน!"
วีดพอใจในความเห็นแก่ตัว และความปรารถนาของเขา!
เช่นเดียวกับค่าสถานะอื่น ๆ ประติมากรมี ค่าบารมี, ภาวะผู้นำและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้สูงมาก
แม้ว่าตราประทับของจักรพรรดิผู้ปกครองทวีปถูกใช้งาน เขาก็ไม่ได้สร้างผลทับซ้อนด้วยการชัดดาบปีศาจของโคลเดอริมหรือแตรแห่งเทรูเซ็ค
จนถึงตอนนี้ วีดได้เก็บไอเท็มดี ๆ ทุกอันที่สามารถเก็บได้จากการล่า และภารกิจ
เขาสามารถจินตนาการถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้หากเขาได้นำเอาไอเท็มที่มีค่าสูงเหล่านี้ทั้งหมดไปเปิดประมูล!
แต่ตอนนี้ เขาตัดสินใจที่จะรอ
'ฉันไม่ยอมเสียของเหล่านี้ให้กับพวกอันเดธ !'
พละกำลังเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของอุปกรณ์ วีดไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะราชสีห์คำราม อันเดธพวกนี้ไม่มีสติปัญญาพอที่จะทำตามคำสั่งของเขาอย่างซื่อสัตย์
พวกมันจะทำอะไรก็ตามที่วีดบอกให้พวกมันทำ และมอบความภักดีของพวกมัน แม้กระทั่งหลังจากที่มอนสเตอร์ตายไป
ก่อนที่วีดจะมาถึงหุบเขา ไม่ได้มีทุกภารกิจที่สำเร็จอย่างง่ายดาย
เมื่อมอนสเตอร์เหล่านี้พังผ่านแนวป้องกันและเข้าไปในศูนย์บัญชาการของกองทัพอันเดด ภารกิจจะล้มเหลว และค่าชื่อเสียง บวกกับการมีชื่อเสียงจะลดลง
เมื่อตอนที่พวกเขากำลังขอร้องอ้อนวอนในใจให้มีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เดธไนท์วีดก็มาพอดี
พวกเขาไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวเขามากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงประหลาดใจกับทักษะการต่อสู้ของวีด
เมื่อพวกเขามีเวลาว่างในการรวบรวมมานาโดยทำสมาธิสักครั้งหนึ่ง พวกเขาจะทำหน้าที่ของพวกเขาต่อคือ การอัญเชิญอันเดธมามากขึ้น เสริมแนวป้องกันด้วยกระดูก หรือการใช้คาถาพืชแห่งความตาย พวกเขาทั้งหมดต่างดูการกระทำของวีด
ทุกครั้งที่วีดออกคำสั่ง เหล่าอันเดธตอบสนองเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เขาต้านทานมอนสเตอร์เหล่านี้อย่างโดดเดี่ยวด้วยอันเดธที่อยู่ใต้การบัญชา!
ความจริงเขาเป็นราชาของเหล่าอันเดธ ! หรือว่าอาจจะเป็นอัศวินเหนืออัศวิน?
อัศวินขี่ม้า! คลาสที่มีลักษณะโดดเด่นด้วยพลังป้องกันอันแข็งแกร่ง พลังโจมตี ความจงรักภักดี และ
เกียรติยศ
มันสุดยอดมากที่เห็นเขานำการสู้รบอย่างนั้น แม้ว่าเหล่าอันเดธจะมีสติปัญญาที่ต่ำมาก
"อึก!"
"ว้าว น่าทึ่ง"
"เขาสามารถแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงนะ? เขาเป็นเดธไนท์จริงๆใช่ไหม ? "
"ถ้าเขาได้สั่งการมนุษย์ที่ดีมากกว่าอันเดธ ... ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะสามารถควบคุมทหารได้นับหมื่นคน ถ้ามีคนเช่นเขาเริ่มต้นสงคราม มันจะเป็นอะไรที่น่าดูเลยล่ะ."
พวกอันเดธเชื่อฟังเนโครแมนเซอร์ค่อนข้างดี
แม้ว่าค่าความเป็นผู้นำหรือบารมีของพวกเขาจะต่ำ เพราะการอัญเชิญอันเดธมาทำให้พวกมันต้องเชื่อฟังพวกเขา
แต่ยังไงซะ พวกมันไม่เข้าใจคำแนะหรือการสั่งการที่ซับซ้อนเช่นการจัดขบวนทัพในการสู้รบ
ในทางตรงกันข้าม วีดต่อสู้แม้ในขณะที่พิจารณาความโง่เขลาของพวกอันเดธ
การรวมพลังของเดธไนท์ พลทหารนักธนูโครงกระดูก และจอมเวทย์โครงกระดูก
การใช้พวกมันเพื่อดึงความแข็งแกร่งที่โดดเด่นในแต่ละแบบ และนำพวกมันลึกเข้าไปในแนวข้าศึก เขาจะใช้พวกมันเป็นเหยื่อเหมือนอย่างแพะบูชายัญ ในการยิงคาถาและลูกศรด้วยพลังเต็มอัตราศึก
การไล่ตามหลังพวกบาร์ริทที่กำลังล่าถอย และปลูกฝังความกลัวเข้าไปในตัวพวกมัน
มุ่งเน้นที่การโจมตี การหลอกล่อศัตรู และการทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าพวกมัน ... ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
การมีประสบการณ์การต่อสู้ขนาดใหญ่ กลยุทธ์ที่เขามี ถูกใช้หลอมรวมเข้าไปในการโจมตีของเขา
"เขาน่าทึ่งจริงๆ"
"กับคนอย่างนั้นว่าเขาจะทำภารกิจไปได้ไกลขนาดไหน?"
บรรดาเนโครแมนเซอร์ต่างพากันอิจฉา และอยากรู้อยากเห็นในเวลาเดียวกัน
ไม่มีใครรู้ว่าภารกิจของกองทัพอันเดดจะสิ้นสุดลงเมื่อใด
มีเพียงสิ่งเดียวที่รู้ก็คือต้องทำภารกิจต่อไปให้ได้มากขึ้นไปอีก อันดับในอันเดธก็จะสูงขึ้น
มองย้อนกลับไป พวกเขาได้รับภารกิจที่สำคัญมาก มันจะไปได้ไกลแค่ไหน?
มีอันเดธถูกอัญเชิญขึ้นมามากมาย และ อันเดธก็จะมีทักษะสัมพันธ์กับเนโครแมนเซอร์เหล่านี้ แต่กระนั้นผู้เล่นก็ยังไม่สามารถควบคุมพวกมันได้
พวกเนโครแมนเซอร์ได้รับการพิจารณาว่าเป็นตราบาป และสมาคมฝึกสอนทั้งหลายต่างนำพวกเขาออกไป มีเพียงเวทมนตร์ที่สามารถเรียนรู้ได้ก็คือจากหนังสือที่ได้รับการบันทึกไว้ซึ่งเป็นหนังสือที่อยู่มายาวนานแล้วเท่านั้น
แต่การกลายเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอันเดดนั้นขึ้นอยู่กับความสำเร็จที่พวกเขาจะได้รับของขวัญจากบัลข่าน ซึ่งบางครั้งอาจมีเวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับอันเดธ
หลังจากที่บัลข่าน เดมอฟ ผู้ที่ควบคุมเวทมนตร์ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอันเดธทั้งหมด
ผู้เล่นต้องการพบตำนานแห่งลิช
ดังนั้นในขณะที่มีการแข่งขันอันยิ่งใหญ่ระหว่างเหล่าเนโครแมนเซอร์ มันคือ วีด เจ้าแห่งเดธไนท์ ผู้ที่กำลังสร้างความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่สุด
"ฉันเริ่มจะเกลียดเจ้าหมอนี่ซะแล้วสิ ... "
กรูเซ็ทร่ายเวทย์มนต์ใกล้กับบริเวณที่วีดกำลังต่อสู้อยู่ลึกเข้าไปในหุบเขา
 “ระเบิดซากศพ!”
ระเบิดซากศพในระยะใกล้อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้หลายเท่าขึ้นอยู่กับค่าพลังชีวิตของซากศพนั้นๆ
การร่ายเวทย์มนต์อย่างมีจุดมุ่งหมายและการดูว่าวีดแข็งแกร่งแค่ไหน เขาจึงมั่นใจว่าเวทย์มนต์จะไม่ฆ่าเขา
' ลองชิมไอ้นี่ดู '
เวทมนตร์ถูกส่งไปยังวีด เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อเขา
แต่มันก็เหมือนกับว่าวีดนั้นรู้อยู่แล้ว เขาจึงซ่อนตัวอยู่ระหว่างพวกบาร์ริท และหลีกเลี่ยงความเสียหายทั้งหมดจากการระเบิด
ความมหัศจรรย์ของวีดในการออกล่าอย่างกล้าหาญแม้จะมีระเบิดซากศพ !
วีดได้ตระหนักถึงวิธีการล่าในหมู่ผู้เล่นสายเนโครแมนเซอร์
เพื่อเพิ่มกำลังแทนกำลังคนที่ลดลงไป อันเดธจำเป็นต้องถูกเรียกอย่างไม่สิ้นสุด เพื่อแทนที่จำนวนเหล่านั้นจากจำนวนที่เพิ่มขึ้นของซากศพ
แต่ด้วยศพที่กองซ้อนอยู่รอบตัวเขาและไม่ได้ถูกอัญเชิญกลับมาเป็นอันเดธอีกครั้ง เขาจึงระวัง และเมื่อเวทย์มนต์ถูกเปิดใช้งาน เขาก็ซ่อนตัวอยู่ระหว่างมอนสเตอร์ได้ทันที
มันเป็นเหตุการณ์ที่เห็นได้ชัดสำหรับวีด ผู้ที่ไม่ได้รับการต้อนรับที่ดี เนื่องจากในขณะนี้เขาอยู่เหนือกว่า
________________________________________________________
ในขณะที่ปกป้องหุบเขาคิลลิซาร์อย่างต่อเนื่อง ภารกิจของวีดก็เปลี่ยนไปด้วย
การกำเนิดแห่งความเป็นผู้นำของเดธไนท์
ด้วยการผ่านการต่อสู้ คุณจำเป็นต้องรวบรวม :
30 พลธนูโครงกระดูกขั้นสูง
5 ดูลาฮานยักษ์
15 เดธไนท์องครักษ์ราชวงศ์
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้คุณจะได้รับความไว้วางใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นจากกองทัพอันเดด
รางวัล: ความจงรักภักดีของอันเดธ
การมีคุณสมบัติสำหรับลำดับถัดไปในลำดับชั้นของกองทัพอันเดด
ข้อจำกัด : เฉพาะเดธไนท์เท่านั้น
"งานพี่เลี้ยงเด็กยังไม่จบ!"
เพราะมันยังไม่มีการกำหนดเส้นตาย วีดจึงไม่สนใจเรื่องอันเดธ
"จงสู้ รอปะทะ บุก!"
หลังจากการออกคำสั่ง เขาได้โจมตีฝูงบาร์ริดด้วยกองพันเดธไนท์ และดูลาฮาน
อันเดธรอบตัวเขาล้มลง แต่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับพวกมัน
'พวกมันสามารถฟื้นขึ้นมาได้ทุกเมื่อ'
หากมีสักครั้งที่ผู้เล่นเนโครแมนเซอร์อัญเชิญอันเดธที่ถูกทำลายให้ฟื้นกลับมาอีกครั้ง พวกมันก็สามารถมีชีวิตได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกมันก็ไม่ได้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของวีดอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกถึงความเห็นอกเห็นใจสำหรับพวกมัน.
ใครจะคาดคิดว่าสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยอันเดธ ?
"ข้าต้องการทำตามคำสั่งของนายท่าน ผู้บัญชาการ"
"ข้าได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงของท่าน และมาจากกองทัพอันเดด ข้า,เดธไนท์ ทีดรา, ต้องการต่อสู้เคียงข้างท่าน "
เขายอมรับอันเดธที่เข้ามาทุกตน
- พลธนูโครงกระดูกได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นขั้นสูง
ทักษะเพิ่มเติม 'ลูกศรเจาะทะลวง', 'ลูกศรพิษ', 'ลูกศรบินสูง' ได้รับการเพิ่มเข้าไปแล้ว
ความว่องไวของทหารโครงกระดูกเพิ่มขึ้น 15%
ด้วยการต่อสู้ในแต่ละครั้งทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของวีดได้รับการเลื่อนยศเป็นพลรบขั้นสูง และเขาก็เสร็จสิ้นภารกิจ
"ตอนนี้ ข้าเข้าใจคำสั่งของท่านผู้บัญชาการ"
"ข้าสูญเสียตัวตนด้วยความโกรธในขณะที่ต่อสู้ แต่ข้าจะจัดลำดับความสำคัญของคำสั่งของท่านผู้บัญชาการนับแต่บัดนี้"
ความฉลาดและสติปัญญาของเดธไนท์เพิ่มขึ้น + 2%
ขอบเขตวิสัยทัศน์ของดูลาฮานขยายเพิ่มขึ้น
ความสามารถในการสู้รบโดยรวมเพิ่มขึ้น
กองทัพของวีดประกอบไปด้วยพลธนูโครงกระดูก 142 ตน, พลธนูโครงกระดูกขั้นสูง 57 ตน,ดูลาฮาน 11 ตน,ดูลาฮานยักษ์ 29 ตน, เดธไนท์ 9 ตน และ องครักษ์เดธไนท์อีก 24 ตน
พิจารณาการเพิ่มประสิทธิภาพที่เกิดจากคาถาการอำนวยพรแห่งความตายของบัลข่าน และออร่าแห่งความตาย นั่นเองเป็นกำลังสำคัญที่ควรคำนึงถึง
มันเหมือนกับในหุบเขาขณะที่เวลาผ่านไปนานขึ้น การปรากฏตัวของผู้เล่นที่มากขึ้น และจำนวนอันเดธที่ถูกเรียกเพิ่มขึ้นมาก็มากขึ้น
บาร์ริทอึด แต่ด้วยจำนวนของเนโครแมนเซอร์แค่หนึ่งคนก็สร้างกองทัพได้แล้ว พวกเขาทำการไล่ล่าด้วยอัตราที่เร็วมาก
ยกเว้นสำหรับผู้เล่นที่เพิ่งเปลี่ยนมาเป็นเนโครแมนเซอร์ในทวีปเวอร์เซลล์ ในทุกๆช่วงเวลาของเนโครแมนเซอร์ถูกรวบรวมมายังที่นี่
ติ้งงงง !
·การกวาดล้างเฟอโกลของอันเดธ
Ø  แม่มดในกองทัพอันเดดกำลังหงุดหงิดจากการรุกรานของเฟอโกล
Øการเดินทัพมุ่งสู่ถิ่นที่อยู่ของเฟอโกล ภารกิจนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อพวกมันถูกสังหารจนหมดและถูกเปลี่ยนเป็น อันเดธ
Øอย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลที่แม่มดเหล่านี้ได้รับ นักรบเฟอโกลสังเกตเห็นพฤติกรรมที่น่าสงสัยของอันเดธและจะเดินทางมาใช้เวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น
ความยาก : A
รางวัล: เวทมนตร์จากแม่มดหรือเลื่อนระดับยศถัดไป
ข้อจำกัด : เฉพาะอันเดธเท่านั้น
ภารกิจแบบปาร์ตี้สำหรับผู้เล่นในหุบเขา !
วีดและผู้เล่นคนอื่น ๆ สงสัยว่าภารกิจต่อเนื่องที่เกิดขึ้นนี้จากกองทัพอันเดดจะมีต่อไปไกลแค่ไหน.
"มันคงไม่ใช่ว่าจะนำไปสู่รางวัลอันน่าเหลือเชื่อหรอกหรือ?"
'บางทีฉันสามารถเรียนรู้คาถาอัญเชิญอันเดธต้องห้ามหรือเวทย์มนต์ดำจากบัลข่านสอนด้วยตัวเอง ... '
'มันคงจะดีถ้าฉันสามารถได้รับยูนิคอันเดธจากกอันเดด!'
เนโครแมนเซอร์ต้องการเวทมนตร์อัญเชิญอันเดธเลเวลสูงๆ หรือยูนิคอันเดธที่สามารถเรียกใช้ได้ตลอดเวลาเช่น แวนฮอก
"ในขณะที่ภารกิจมีความยากสูงขึ้น ผมขอแนะนำให้ทุกคนจำเป็นต้องสร้างทีมขึ้น"
การรวบรวมคะแนนเสียงของเหล่าเนโครแมนเซอร์ได้ให้ เจนนี่ เป็นผู้นำของพวกเขา และกัปตันสำหรับการกวาดล้าง
"การมอบความรับผิดชอบสำหรับภารกิจที่ยากลำบากเช่นนี้ให้กับฉัน ฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถของฉัน"
"ถ้าคุณเจนนี่เป็นผู้รับผิดชอบ ฉันรู้สึกโล่งใจ"
"ก่อนอื่น ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนควรตัดสินใจเกี่ยวกับเวลา"
พวกเขาตัดสินใจที่จะเริ่มภารกิจในอีกเก้าวันถัดไป เมื่อเนโครแมนเซอร์ส่วนใหญ่สามารถเชื่อมต่อได้
พวกเขายังพูดคุยกับผู้เล่นที่เหลืออยู่ในคาปัว การช่วยเหลือพวกเขาจะมีผู้เล่นสามารถเข้าร่วมจำนวนมากกับพวกเขาในอีก 9 วันต่อมา
พวกเขาไม่ต้องเสียเวลารอจนกว่าจะตกลงกันได้สำหรับภารกิจนี้ เจนนี่, โอเทม, เฮเรี่ยน, โกชู พร้อมกับผู้เล่นบางคน มุ่งหน้าเพื่อสอดแนมที่อยู่อาศัยของเฟอโกล
แผนการของพวกเขาคือการกำหนดเป้าหมายกำจัดถิ่นที่อยู่ของเฟอโกลที่มีมากมายด้วยจำนวนคนมากๆและอันเดธที่มีมากเท่าจะเป็นไปได้!
มันดูง่าย แต่ไม่มีอะไรให้ทำมากไปกว่านี้
วีดได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภายหลัง แต่เขาไม่สามารถหาข้อผิดพลาดในแผนนี้ได้
'ผู้เล่นระดับสูงย่อมแน่ใจว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถดูแลตัวเองได้'
จนแล้วจนรอด สิ่งที่เขาต้องทำก็คือให้ตัวเองให้ยุ่งอยู่กับการออกล่า
'ด้วยการออกไปสอดแนมมากมาย แล้วมาแบ่งปันให้ฉันมันคงเยี่ยมสุดๆ
__________________________________________________________
กว๊ากกกกก ...ก!
จุ๊กกรู กรู กรู กรู !
ในเทือกเขาและป่าที่อยู่ห่างไกลจากโมราต้า มันเต็มไปด้วยมอนสเตอร์
ผู้เล่นบางคนจากโมราต้ามาล่าเป็นปาร์ตี้ แต่ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปลึก นักผจญภัยระดับสูงให้มันผ่านไปเนื่องจากพวกเขาสนใจในการสำรวจดันเจี้ยนที่เข้ามาเท่านั้น สมบัติ ความมีชื่อเสียง และค่าประสบการณ์
เมื่อพวกมอนสเตอร์ในเทือกเขาหรือในป่าขยายเผ่าพันธุ์ พวกมันจะลงมาที่หมู่บ้านทำการชิงทรัพย์และทำลายสาธารณะให้เสื่อมโทรมลง
แต่มีอยู่วันหนึ่งมอนสเตอร์ถูกโจมตีด้วยสายฟ้าที่ออกมาจากท้องฟ้า
ประติมากรรมประทานชีพหลายตนเช่น ปิงหลง, ไวเวิรน์ และฟินิกซ์ เริ่มการออกล่าของพวกมัน
"พวกมันดูน่าอร่อย"
มอนสเตอร์กำลังถูกกลืนกินด้วยความโหดเหี้ยม
"พวกมันให้เงินเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน."
ไม่มีใครสามารถต้านทานแรงจูงใจจากเงิน
"พวกเราต้องอยู่รอด"
พวกมันใส่ใจเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ
เมื่อยามที่จักรพรรดิอาร์เพ็นยังคงมีชีวิตอยู่ครั้นในอดีตกาล มีประติมากรรมที่มีชีวิตมากมายอยู่ทั่วทั้งทวีป
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป พวกมันสูญเสียตัวตนของพวกมันแล้วกลายเป็นมอนสเตอร์หรือลงหลักปักฐานสร้างเผ่าพันธุ๋ใหม่และวะฒนธรรมใหม่
บ้างก็ไม่ประสบความสำเร็จและหายไปด้วยกันทั้งหมด
ด้วยประวัติศาสตร์ดังกล่าวเป็นเบื้องหลังให้พวกมันที่เป็นประติมากรรมประทานชีพต้องทุ่มเททุกอย่างที่มีในการเจริญเติบโตของพวกมัน เพื่อปกป้องตัวพวกมันเองได้
"โกล โกล โกล โกล, ข้าอยู่นี่!"
การขี่บนเจ้าเหลือง โกลมินิก็ปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ที่ปิงหลง, ฟินิกซ์ และไวเวิร์นอยู่
"โกลด์มินิ!"
ไวท์ทรีมาถึงก่อนและต้อนรับมันด้วยการถูไปที่ใบหน้าของมัน
ไวท์ทรีสันนิษฐานว่ามันสูญเสียความทรงจำของมันหลังจากที่เกิดใหม่ แต่โกลด์มินิกอดบรรดาไวท์เวิร์นด้วยความปิติยินดี
"มันเยี่ยมมากที่ได้เห็นพวกเจ้า ไวท์เวิร์นอีกครั้ง โกล โกลโกล "
ในความเป็นจริงแล้วการกระทำทั้งหมดนี้ที่ทำตัวโง่เง่าให้วีดเห็นเพื่อตบตาว่าเขาสูญเสียความทรงจำของเขา
ขณะที่ประติมากรรมประทานชีพได้สัมผัสการกลับมาพบกันใหม่ สายตาอันแหลมคมของไวท์เวิร์นสังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงของโกลมินิที่ปรากฏออกมา
" ดวงตาของโกลมินิเปลี่ยนไป "
มันใหญ่กว่าแต่ก่อน มันยังมีเปลือกตาสองชั้น
มันเป็นรางวัลพิเศษจากวีดสำหรับการสละร่างกายของมันในการช่วยเขาออกมา
____________________________________________________________
เนโครแมนเซอร์ที่ทำการสอดแนมถิ่นที่อยู่อาศัยของเฟอโกล ได้กลับมาแล้ว
"นี่มันไม่ใช่ภารกิจที่ง่ายเลย มันไม่ใช่แค่ถิ่นที่อยู่อาศัย มันเป็นอาณาจักร "
พวกเขาบอกว่ามันเป็นป้อมปราการที่ได้รับการคุ้มครองโดยนักรบ ยาม นักเวทย์ และราชาเฟอโกลผู้ยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน
"มันถูกสร้างขึ้นบนหน้าผา การปีนขึ้นไปคงจะเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกอันเดธ
สิ่งหนึ่งที่ดีเกี่ยวกับอันเดธคือตราบเท่าที่มีซากศพ จำนวนของพวกมันก็สามารถมีไม่รู้จักหมดจักสิ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแค่มันยากที่จะฟื้นฟูอันเดธที่แตกหักอย่างสมบูรณ์ที่พลัดตกลงมาจากหน้าผา พวกมันจะต้องปีนกลับขึ้นไปจากจุดเริ่มต้น
มันคือภารกิจที่เหล่าเนโครแมนเซอร์ต้องเริ่มต้นสงครามปิดล้อมและยึดป้อมปราการ!
"ตอนนี้ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะหาวิธีอื่นได้"
เจนนี่ และพวกเนโครแมนเซอร์กำลังคุยกันอย่างจริงจัง
ในเวลาเช่นนี้ วีดแค่เฝ้าดูตามปกติ
'ทำแค่พอดี เพียงทำตามสิ่งที่คนอื่นกำลังทำ!'
ถ้าเขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถอันยอดเยี่ยม เขาจะได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ที่น่าเบื่อหน่าย
"ฉันก็แค่โชคดี"
"ฉันมีพลังบางส่วนที่ควบคุมพวกอันเดธได้ แต่อันเดธทุกตนไร้ซึ่งสติปัญญา ดังนันใครก็สามารถทำได้ "
"ผมเหรอ? การต่อสู้ในแนวหน้า? ไม่ใช่เลย. ผมยืนอยู่ข้างๆ อันเดธมากมาย แม้ว่าทักษะในการขี่ม้าของผมและการโจมตีจะดูดี แต่มันก็ไม่อาจเทียบได้กับอำนาจของสมาพันธ์อันเดธได้หรอก "
แม้ว่าพวกเขาจะได้เห็นมันด้วยสายตาของตัวเองก็ตาม แต่การพูดซ้ำ ๆเกี่ยวกับความเสื่อมเสียและความอ่อนแอของตัวเขาเอง มันยากที่จะยอมรับเขาอย่างจริงจัง
ตามความสัตย์ บรรดาเนโครแมนเซอร์เหล่านี้คิดว่าวีดเป็นเดธไนท์ที่ยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาคิดว่าการที่เขา สามารถบรรลุความสำเร็จระดับนี้ได้คงต้องขอบคุณการอัญเชิญอันเดธของพวกเขา
วีดใช้ความพอประมาณเจียมเนื้อเจียมตัวเพื่อหลีกเลี่ยงหน้าที่ยากๆ!
การอภิปรายของพวกเขายังคงดำเนินต่อไป
"พวกเราไม่สามารถทำลายป้อมปราการได้อย่างสมบรูณ์ด้วยการใช้เวทย์มนต์หรือ ?"
"ฉันพัฒนาแต่เวทมนตร์อัญเชิญอันเดธ, ระเบิดซากศพ และคำสาปแช่ง ... "
"ใครในที่นี้ที่มีเวทมนตร์โจมตีระดับสูงหรือเวทมนตร์แห่งศาสตร์มืดบ้างไหม?"
"ฉันไม่มีคาถาที่แรงพอที่จะสามารถทำลายป้อมหรือทำลายกำแพง ... "
เนโครแมนเซอร์สามารถเรียนรู้เวทมนตร์ศาสตร์มืด
แต่ขณะที่พวกเขาได้เรียนรู้ มันก็มาพร้อมกับบทลงโทษจำนวนมาก
ในหมู่พวกเขาจะมีค่าความอื้อฉาวที่สูง และค่าศรัทธาเป็นศูนย์
ค่าชื่อเสียงและค่าทางศีลธรรมจะติดลบ และมันก็ยังอาจเป็นไปได้ที่จะสูญเสียค่าภูมิปัญญาและสติปัญญาไปบางส่วน
ขั้นตอนของความเชี่ยวชาญเวทย์ศาสตร์มืดเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครเมื่อเทียบกับเวทมนตร์อื่น ๆ
ดั่งเช่นการเพิ่มประสิทธิผลของเวทย์มนต์ดำให้เพิ่มขึ้นนั้น ต้องทำการเอาชีวิตสัตว์มาบูชายัญ ค่าความอื้อฉาวก็จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าสถานะอื่น ๆ ลดลงสวนทางกับระดับมนต์ดำที่เพิ่มขึ้นมา
แม้เหล่าเนโครแมนเซอร์พร้อมรับผลข้างเคียงหลายอย่างของการอัญเชิญอันเดธ แต่มันก็ยากที่จะหาผู้เล่นเนโครแมนเซอร์ที่ใช้มนต์ดำ
"ฉันได้เรียนรู้มนต์ดำจนถึงเลเวล 2 ... "
"นั่นไม่ได้ช่วยอะไรเลยกับการสู้รบขนาดใหญ่ ไม่มีใครมีเวทย์มนต์ดำที่ทรงพลังมากกว่านี้อีกแล้วหรอ ?"
จากผู้เล่นเนโครแมนเซอร์ทั้งหมด 43 คน มีเพียง 12 คนเท่านั้นที่รู้จักเวทมนตร์ดำ
เวทมนตร์ดำขั้นต้นนั้นดีพอสำหรับการยกระดับอันเดธของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงเรียนรู้มัน
แต่มีเพียงผู้เล่นสองคนในหมู่พวกเขาที่สามารถใช้มันได้โดยตรงในการต่อสู้และก่อให้เกิดค่าความเสียหายบางส่วน
"ฉันเดาว่าเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องนำอันเดธของพวกเราทั้งหมด และสู้ "
"ถ้ามีใครบางคนไปถึงที่นั่น และเป็นเหยื่อล่อพวกมัน บางทีพวกเฟอโกลอาจจะเปิดประตู และออกมา."
"นั่นจะทำให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้น ... ก่อนอื่น ให้กำหนดเวลา และเมื่อเนโครแมนเซอร์ทั้งหมดมารวมตัวกันแล้วพวกเราจะบุกเข้าไป. "
ไม่มีใครกำหนดบทบาทใด ๆ มีเพียงวีดที่ยังคงยืนอยู่และเฝ้าดูสถานการณ์
เขาสามารถเพิ่มทักษะช่างตีเหล็ก โดยการสร้างอาวุธปิดล้อม แต่มันคงไม่เป็นประโยชน์มากในจุดนี้.
เขาสามารถรวบรวมวัสดุที่จำเป็นทั้งหมดรอบๆ ที่นี่ได้เพื่อสร้างมันขึ้นมา แต่ไม่มีใครสามารถใช้งาน
อาวุธปิดล้อมได้เลย
มีเนโครแมนเซอร์จำนวนน้อยด้วย และมันก็ไม่เหมือนกับที่พวกเขาสามารถทำให้อันเดธใช้งานอาวุธปิดล้อมได้
ทหารโครงกระดูกมีสติปัญญาต่ำและพวกมันมีแต่เคลื่อนที่ไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น พวกมันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงกับการต่อสู้ด้านนอก
ถึงดูลาฮานจะมีหัว แต่หัวของพวกมันก็อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง พวกมันเดินไปรอบๆกับหัวของพวกมันที่ถืออยู่ในมือของพวกมัน ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดหวังสำหรับพวกมัน
เหล่าเดธไนท์ ด้วยการพูด ความฉลาดสูงคงจะเป็นประโยชน์ แต่พวกมันคงยุ่งอยู่กับการนำทัพอันเดธ เข้าสู่สนามรบ
เหนือสิ่งอื่นใด เมื่ออาวุธปิดล้อมถูกสร้างขึ้นมา มันจะมีปัญหาด้านการขนย้าย
จุดอ่อนที่สำคัญของเนโครแมนเซอร์ คือการที่พวกเขาไม่มีเวทมนตร์ป้องกันที่ดี ดังนั้นอาวุธปิดล้อมเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการสกัดกั้นจากศัตรู
อาวุธปิดล้อมไร้ประโยชน์ถ้าไม่มีใครใช้มันได้ หรือป้องกันมันได้
โดยทั่วไป สงครามปิดล้อมเป็นศึกที่ฝั่งที่โจมตีเสียเปรียบกว่าประมาณ 3 เท่า
จบตอน
ผู้แปล: Smith Rex

Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

16 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับ...มันส์ละทีนี้ตาวีดคงได้ไอเทมคลาสพ่อมดแม่มดเพียบ

    ตอบลบ
  2. นึกถึงเหล่านักดาบ 505คน แยกร่างใด้คนละ40ร่าง 505×40 แม่เจ้านี้มันกองทัพนักรบในตำนานชัดๆ

    ตอบลบ
  3. เดียวนะ ทักษาแยกเงา ที่นักดาปได้มานี่ถ้าได้ครบ 505คน 1คนแยกได้40ร่างก็จะเท่ากับ 20,200 นะสิ โหดฝุดๆ

    ตอบลบ
  4. เดี๋ยวคงได้ไปเรียนกับปรมาจารณ์ดาบที่เหลือจนครบแหงกว่าถึงเมือง เนื่องจากหลงทาง

    ตอบลบ
  5. จะตีเมืองยังไง?ภารกิจไต่ระดับความยากไปถึงขั้นsแน่

    ตอบลบ
  6. สนุกมากมายครับ ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  7. โกลด์มินิ นายแน่มาก...อย่าพลาดหล่ะ หึ หึ 😉

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณครับ รอคอยต่อตอนถัดไป

    ตอบลบ
  9. พี่นักดาบกำลังมา 500 คน + สกิลแยกร่าง 555

    ตอบลบ
  10. สนุกมากค่ะ5555นักดาบได้สกิลแยกร่าง

    ตอบลบ
  11. แล้วปราสาทไปไหนสรุปแล้วเห็นไหม

    ตอบลบ
  12. ยาวๆปายยย...
    ขอบใจหลายๆเด้อออ

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...