วันอังคารที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เล่ม 22 ตอนที่ 5 ทักษะประติมากรรมธรรมชาติ แปลโดย Cole’s Myth

เล่ม 22 ตอนที่ 5 ทักษะประติมากรรมธรรมชาติ แปลโดย Cole’s Myth

เทือกเขาสีเทาหม่นหมองสุดแสนอันตรายที่มีมอนสเตอร์มากมายขยายเผ่าพันธุ์ไปทั่ว ณ ตอนนี้
หากปราศจากแรนเจอร์ฝีมือดีอยู่ในปาร์ตี้ของคุณเพื่อนำทางผ่านภูเขาลูกเหล่านั้นไปอย่างปลอดภัย มันก็เท่ากับการฆ่าตัวตายชัดๆ
เนื่องจากพื้นเนินเขาที่ลาดชัน พวกมอนสเตอร์สามารถเข้ามาโจมตีคุณแบบไม่ให้ตั้งตัวตอนไหนก็ได้
วีดกำลังขี่ไวเวิร์นของเขาตัวหนึ่งบินรอบเป็นวงกลมกว้างๆวนดูรอบๆ
 เป็นเทือกเขาที่ใหญ่มากจริงๆ
เมื่อตอนที่เขาได้ต่อสู้ร่วมกับพวกออร์คและดาร์คเอลฟ์ที่เทือกเขายูโรกิ เขาก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นเทือกเขาที่มหึมามากแน่ๆ
 ปรมาจารย์นักแกะสลักคนนี้อาจจะอยู่ซักที่ตรงตีนเขาแน่ๆ!”
เขาคาดหวังไว้ว่าจะได้พบบ้านไม้ซักหลังตรงนั้น
 ถึงแม้ว่าผู้หลงใหลในธรรมชาติคนนี้อาจจะต่อต้านที่จะสร้างบ้านจากไม้ก็เถอะ
แม้ว่าอาชีพประติมากรจะสันทัดในการจัดการกับพวกหินและแร่ต่างๆ แต่ว่าการค้นหาบ้านซักหลังให้เจอมันไม่แน่ไม่นอนเอาซะเลย
 “คนสันโดษอยู่อย่างยาจก มันก็ต้องอาศัยอยู่ในภูเขาแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!”
วีดโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อว่าชายจนๆอย่างนั้นจะต้องอาศัยอยู่ในดินแดนปลีกวิเวกในเทือกเขาแห่งนี้แน่นอน
แล้วเขาก็เปิดหน้าต่างข้อมูลภารกิจขึ้นมาเพื่อตรวจเช็คเวลาที่เหลืออยู่ของภารกิจ
 หน้าต่างข้อมูลภารกิจ!”
คำเรียกขานของบัลข่าน
อันเดดของบัลข่านถูกเรียกตัวไปด้วยเหตุผลบางอย่าง
อันเดดทั้งหลายจะต้องเชื่อฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด
วันที่เหลืออยู่ :“84 วัน
ความยากของภารกิจ: C
ค่าตอบแทน: ภารกิจต่อเนื่องได้เริ่มขึ้นแล้ว การไปเข้าพบบัลข่าน
ตอนนี้ท่านเป็นอันเดดและไม่อาจปฏิเสธภารกิจได้
ถึงอย่างไรก็ตามภารกิจนี้ที่ปกติจะถูกมอบให้เพียงแค่ลิชไชร์ เขากลับได้รับภารกิจนี้มาด้วยทักษะประติมากรรมจำแลงแทนซะงั้น
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบไปตามสถานการณ์นัก เพราะว่าเขายังเหลือเวลาให้อีกเยอะและสามารถคิดหาทางแก้ดีๆได้
แทนที่จะไปออกล่า เขากลับใช้เวลาของเขาและเรียนรู้เกี่ยวทักษะแกะสลักมหาภัยพิบัติแห่งธรรมชาติ
 “ฉันควรไปทางไหนดีนะ?”
วีดต้องทำตามสัญชาตญาณของเขา และคิดว่าที่บริเวณตีนเขาดูท่าจะไม่ใช่ตำแหน่งที่ถูกต้องซักเท่าไร
 ตรงนั้นดูท่าคงไม่ใช่หรอก!”
เขาต้องการจะไปที่ไหล่เขาให้ได้ซักครึ่งทางเป็นอย่างน้อย
เขาคงมองหาทำเลสูงๆเจ๋งๆเอาไว้อยู่อาศัยนั่นแหละ
ถ้าคุณต้องการบ้าน คุณจะต้องมองหาทำเลดีๆไร้สิ่งกีดขวาง
 บริเวณที่เป็นหุบเขา มีแม่น้ำอยู่ใกล้ๆด้วยนิ
จากนั้นวีดที่ขี่อยู่บนเจ้าไวเวิร์นเกาะเอาไว้อย่างแนบแน่นแล้วก็บินตรงไปที่บริเวณเทือกเขา
ฝูงลิงหางยาวและมอนสเตอร์ตัวอื่นๆอีกมากมายตะโกนร้องพร้อมกับเคลื่อนตัวเข้ามาคว้าพวกเขา แต่พวกมันก็ไม่สามารถเข้ามาถึงตัวได้
พวกมันทั้งห้อยโหนกิ่งไม้และเถาวัลย์ด้วยท่อนแขนที่ยาว พลางเด็ดผลไม้มากมายหลากหลายชนิดอย่างกล้วยและลูกเกาลัดมาตลอดทาง
บางครั้งไอเท็มโลหะที่ไม่ธรรมดาก็สามารถใช้สวมใส่ไว้บนร่างกายได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และในตอนที่เขาตกลงไปแบบดิ่งพสุธา เขาก็สามารถยึดเกาะตัวพวกมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ก่อนถึงพื้นด้วย
 ที่นี่ไม่มีอะไรให้ฉันแหะ จากมุมมองของประติมากร สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพวกมอนสเตอร์ที่น่ารำคาญหนวกหูเท่านั้น ถ้าฉันจะมาทำงานที่นี่ ฉันคงโดนรบกวนอยู่เรื่อยๆแน่ เราจำเป็นต้องตามหาที่เงียบๆ
วีดอยู่ใกล้กับพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ในบริเวณนั้นมากๆ นอกจากนั้นเขายังไม่เห็นว่าใครจะสามารถอาศัยอยู่ในบริเวณที่เป็นหินขรุขระนั้นได้เลย ขณะที่เขาบินผ่านมา
เดบการ์ท(Debkart)เป็นภูเขาที่ใหญ่มหึมามากเมื่อเทียบกับมาตรฐานปกติ ความเป็นไปได้ที่จะหาเดย์แครมเจอในสถานที่เช่นนี้มีโอกาสน้อยมาก
แม้ว่าคุณจะต้องสรรหาใบไม้ในป่า คุณก็ต้องพยายามเสาะหาต้นไม้ที่แฝงตัวอยู่ข้างในให้เจอก่อน แต่นั่นก็อาจต้องใช้เวลาอยู่ซักหน่อย
เช่นนั้น วีดจึงตัดสินใจได้ในที่สุด!
 “วิหคทองคำ วิหคเงิน แล้วก็พวกไวเวิร์น
คี๊ย่า อ๊า!
วีดขี่อยู่บนเจ้าไวเวิร์น บินตามเจ้าวิหคทองคำและวิหคเงินไป ในขณะที่พวกมันส่งเสียงร้องสูงปรี๊ดออกมา
 จากนี้ไป พวกแกออกไปค้นหา!”
การสั่งให้ทำงานที่ยากลำบากอย่างนี้ เขาจำเป็นต้องแบ่งงานให้แต่ละตัวได้ทำอย่างเท่าเทียม
 หาไปเรื่อยๆจนกว่าพวกแกจะพบเขา แม้ว่าการค้นหาจะกินเวลาทั้งคืน ยังไงก็ต้องหาเขาให้พบ
ณ จุดนี้เขาไม่เกี่ยงที่จะผลักลูกสมุนของเขาออกไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างที่เขาต้องการ
เหล่าไวเวิร์น วิหคทองคำ และวิหคเงินกระจายตัวออกไปทั่วทั้งเทือกเขาเดบการ์ดอันแสนยิ่งใหญ่
จากนั้นเจ้าวิหคทองคำก็บินกลับมารายงานผลภายใน 30 นาที
มันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้วในตอนนี้ นั่นก็เพราะว่ามันถูกอัดนั่นเอง
 “มีมนุษย์คนหนึ่งอาศัยอยู่ใกล้ๆต้นไม้ใหญ่ครับ
 “เดย์แครมใช่ไหม?”
 “แถวๆนั้นมีประติมากรรมอยู่มากมายเลยครับ ประติมากรรมทุกชิ้นสุดยอดไปเลย
 “นั่นแหละเขา ไปกันเถอะ!”
วีดกลับไปรวมตัวกับพวกไวเวิร์นแล้วมุ่งสู่ความศิวิไลซ์
พวกนักล่าและแรนเจอร์นั้นมักจะระมัดระวังแล้วอยู่ให้ห่างจากเทือกเขาเดบการ์ดเพราะว่ามันเป็นสถานที่ที่อันตรายมากๆ
เป็นเพราะว่ามีมอสเตอร์จำนวนมากมายและยังเป็นดินแดนที่สุดแสนอันตราย เทือกเขาสีเทาแสนเปล่าเปลี่ยวนี้ จึงถือว่าเป็นดินแดนที่โหดร้ายสำหรับเหล่าผู้เล่นด้วยเช่นกัน
 บ้านหลังนั้นหล่ะ!”
เมื่อมองลงมาจากท้องฟ้าผ่านมวลหมู่ไม้ เขาก็สามารถมองเห็นบ้านที่เดย์แครมอาศัยอยู่
บ้านหลังนั้นสร้างขึ้นจากการสานกิ่งไม้เข้าด้วยกันให้เป็นรูปเป็นร่าง
หลังคาก็มุงด้วยหญ้าแห้งกลบใส่กันพร้อมกับเถาวัลย์มารัดไว้และคลุมด้วยเศษใบไม้
มันดูไม่เหมือนบ้านที่มาจากเทพนิยาย แต่ว่าดูเหมือนกับกระท่อมที่มุงไว้ด้วยฟางซะมากกว่า
วีดลงไปทันทีที่เจ้าไวเวิร์นร่อนลงพื้นดินและมุ่งหน้าไปที่บ้านหลังนั้น
 “เขายังมีชีวิตอยู่รึเปล่านะ? ถ้าหากว่าเขาตายไปแล้ว งั้นแร่ฮีเลียมก็จะต้องเป็นของฉันสิ……”
หวังว่าจะได้เจอกับปรมาจารย์ประติมากรรมจริงๆนะ!
เพราะว่าเวลาจำนวนมากมายหลั่งไหลผ่านพ้นไปบนทวีปเวอร์เซล เดย์แครมอาจตายไปแล้วก็ได้
เหมือนกับผลงานการจุติของเทวทูตทั้งเจ็ดที่เขาทำด้วยแร่มิทธิลนั่น เขาคงไม่สร้างประติมากรรมเสร็จแล้วก็ตายไปหรอกนะ
 เพราะว่ามีมอนสเตอร์จำนวนมากอยู่ในเทือกเขาแห่งนี้ คงไม่น่าสงสัยเลยถ้าหากว่าเขาตายไปแล้ว
วีดตรงไปที่บ้านหลังนั้นด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม
ที่อยู่ใกล้ๆบ้านของชายหนวดขาวนั้นมีบรรดาประติมากรรมละมั่งตั้งอยู่มากมาย
พวกมันดูราวกับมีชีวิตแล้วก็แกล้งยืนอยู่ตรงนั้นอย่างอดทน
เพียงแค่มองดูวิธีการแกะสลักเขาอันประณีต เขาก็รู้สึกได้ว่าพวกนั้นสลักขึ้นมาด้วยทักษะอันยอดเยี่ยม
ในตอนที่เขาเห็นเดย์แครม เขารู้ได้ทันทีเลยว่าทำไมเขาถูกเรียกว่าอย่างนั้น
จากเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ เขาดูยาจกสุดๆ
 ‘ถ้าฉันขายเสื้อผ้าที่ฉันกำลังสวมอยู่นี่ มันคงช่วยเขาได้แน่ๆเลย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถใส่ตอนทำอาหารได้ก็เถอะ
เขาสวมเสื้อผ้าสกปรกๆที่มันอาจจะมีผลตรงกันข้ามในอาหารที่เขาทำก็เถอะ
เดย์แครมไม่แม้แต่จะยอมมองมาที่วีดแล้วก็พูดขึ้นมาว่า
เจ้าคือประติมากรที่มาเพื่อตามหาข้าใช่หรือไม่?”
วีดตอบกลับไปอย่างสุภาพ
 แม้ว่าข้าจะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอต่อดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ แต่ข้าก็เป็นช่างแกะสลักรุ่นเยาว์ที่เดินบนเส้นทางของประติมากร ข้าพบจารึกที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้อาวุโสอยู่ที่เขตลาส ฟาลังคซ์และทำให้ข้ามาถึงที่นี่ได้ แม้ว่าจะเป็นการเดินทางที่ไกลแสนไกล ได้เห็นท่านยังมีชีวิตอยู่เช่นนี้ก็ทำข้ารู้สึกดีใจจนเนื้อเต้นแล้ว
 “ข้าเข้าใจละ ข้ากำลังเฝ้าคอยอยู่ภายในภูเขาแห่งนี้ก็เพื่อให้ช่างแกะสลักมาที่นี่และเรียนรู้ทักษะของข้า เจ้าคิดว่าการแกะสลักนั้นเกี่ยวกับอะไร?”
 “การแกะสลักนั้นเกี่ยวกับ……”
เขาสามารถคิดคำยกยอสรรเสริญเกี่ยวกับการแกะสลักได้มากมาย แต่ว่าก็ต้องใช้เวลาจัดเรียงความคิดของเขาใหม่อยู่ดี
 มันคือการแสดงถึงความสวยงามของธรรมชาติในบางสิ่งบางอย่าง จริงๆแล้ว ไม่มีอะไรที่สวยงามไปกว่าความงามของธรรมชาติแล้วครับ
จากนั้นเดย์แครมก็พยักหน้ารับคำตอบนั้น
 การแกะสลักคือทักษะที่จะเอาความสวยงามของผืนดิน สายน้ำ และสายลมออกมา บางครั้งธรรมชาตินั้นก็โหดร้าย แต่ถึงแม้ว่าจะทำสิ่งที่โหดร้ายเพียงใด มันก็ยังมีความสวยงามอยู่ข้างในตัวมัน
 “แน่นอนครับ ผมก็รักในความโหดร้ายนั้นด้วยเช่นกัน
วีดได้ตอกย้ำถ้อยคำเหล่านั้นเอาไว้แล้ว แม้จะต้องเจอกับพายุหิมะ ภูเขาไฟระเบิดหรือแม้แต่แผ่นดินไหว ก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้! ขอเพียงแค่เขาไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากมันเลยแม้แต่น้อย มันก็จะสวยงามกับเขามากทีเดียว
 ทักษะของข้าจะสามารถแสดงถึงความโหดเหี้ยมของธรรมชาติได้ เช่นนั้นแล้ว เจ้ายังอยากจะเรียนเคล็ดลับของข้าอยู่อีกไหม?”
 “แน่นอนอยู่แล้วครับ เพื่อที่จะกลายเป็นประติมากรที่เก่งยิ่งขึ้น ข้าเชื่อว่าเทคนิคของท่านเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว
ตอนนี้เขาสามารถเรียนรู้ทักษะมหาภัยพิบัติแห่งธรรมชาติอย่างที่หวังไว้แล้ว!
มันคือทักษะการโจมตีที่ทรงพลังมาก
แต่ว่าฉันต้องลองใช้ดูก่อนถึงจะรู้ว่าฉันจะสามารถใช้มันได้รุนแรงขนาดไหน!
หลังจากที่ระดับมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มันจะสามารถใช้กับพวกมอนสเตอร์หรือเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศได้หรือไม่ นั่นต่างหากที่เป็นปัญหาหลักจริงๆ
 แต่ว่ายังไงก็ตาม เจ้ายังไม่ได้เห็นความงามของธรรมชาติด้วยตาตัวเองนิ
 “ข้ายังขาดคุณสมบัติหรือครับ?”
 “เมื่อเจ้ารู้แจ้งถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้าแล้ว งั้นก็เหลือเพียงแต่ว่าเจ้าจะสามารถเรียนรู้เคล็ดลับของข้าได้หรือไม่เท่านั้น
 “แล้วทำอย่างไรข้าถึงจะรู้แจ้งได้ละครับ? ได้โปรดชี้ทางให้ข้าด้วย
 “เจ้าจะต้องสร้างประติมากรรมธรรมชาติจำนวนมากๆ เจ้ายินดีที่จะเรียนรู้จากข้าหรือไม่?”
ตริ้ง!
การสั่งสอนของเดย์แครม
ปรมาจารย์แกะสลักนามเดย์แครมต้องการให้ท่านสร้างประติมากรรมธรรมชาติร่วมกับเขา
เขาจะช่วยท่านสร้างสรรค์ประติมากรรมขึ้นมา
ความยากของภารกิจ: ไม่ทราบ
ข้อจำกัดของภารกิจ: ภารกิจสำหรับประติมากรเท่านั้น
ค่าชดเชย: ไม่มี
มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะปฏิเสธภารกิจนี้!
ทักษะแกะสลักจากทั้งหมดสี่อย่าง ทักษะสุดท้ายจะต้องเป็นทักษะที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ในตอนที่เขากำลังเรียนรู้ทักษะประติมากรรมจำแลงอยู่นั้น เขาก็ได้เรียนรู้ทักษะอื่นๆอีกหลายอย่างที่เป็นบันไดขึ้นไปสู่ระดับผู้เชี่ยวชาญแล้ว
 ข้าต้องการเรียนรู้คำสอนของท่านเดย์แครม ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ครับ
-ท่านยอมรับภารกิจแล้ว
 งั้นมาเริ่มกันเดี๋ยวนี้เลยเถอะ
การสร้างประติมากรรมแห่งธรรมชาตินั้นไม่ต้องวางแผนอะไรให้ยุ่งยากมากมายนัก วัสดุแบบไหนก็สามารถเอามาใช้ได้ ใบไม่ที่ร่วงหล่นหรือแม้แต่กลีบดอกที่ลอยมาตามสายลม ไม่ว่าอะไรก็สามารถเอามาใช้ได้
วัสดุที่ธรรมชาติเป็นเจ้าของก็สามารถทำออกมาให้เป็นผลงานประติมากรรมได้เช่นกัน!
เพราะว่าผลงานประติมากรรมธรรมชาติสามารถดึงค่าพลังชีวิตมากมายเหลือล้นออกมาได้ พวกกลีบดอกไม้จึงไม่แห้งเหี่ยวหรือว่าเน่าลงไปเลย
มวลหมู่ผึ้งและผีเสื้อมากมายต่างโบยบินไปยังประติมากรรมที่วีดและเดย์แครมสร้างขึ้นมา
-ค่าความใกล้ชิดจากการสร้างประติมากรรมธรรมชาติเพิ่มขึ้น 2 แต้ม
มันคือความพยายามที่ประสบผลสำเร็จเป็นครั้งแรกของเขา
ดินแดนแห้งแล้งที่อยู่ห่างไกลจากแหล่งน้ำ มีมวลหมู่นกกำลังรวบรวมกิ่งไม้เพื่อสร้างรังของพวกมัน (ผู้แปล: น่าจะเปรียบสถานการณ์ตอนนี้ของวีดเป็นนกที่ต้องพยายามจากสิ่งเล็กๆเพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่)
-ค่าความใกล้ชิดจากการสร้างประติมากรรมธรรมชาติเพิ่มขึ้น 4 แต้ม
เดย์แครมคุ้นเคยกับพวกสัตว์มากจริงๆ เขาอาศัยอยู่ร่วมกับธรรมชาติและเป็นมิตรกับพวกสัตว์ป่าอย่างมาก เหมือนกับกวางที่เข้ามาให้เล่นด้วยและก็เข้ามาให้กิน หลังจากนั้นไม่นานวีดก็ผูกมิตรกับพวกกวางได้ด้วยเช่นกัน
 “นั่นเจ๋งไปเลย ฉันว่าจะเริ่มด้วยเขาสัตว์นะ
 ‘น่าอร่อยจัง ถ้าฉันขายเขาสัตว์นั่นได้ คงจะทำเงินได้ราวร้อยเรียญทองแน่! ถ้าเดย์แครมไม่อยู่ที่นี่นะ ฉันจะตัดเขาของมันออก เพราะมันคงจะสามารถเอาไปซื้อเนื้อเลี้ยงครอบครัวฉันได้แน่! ถ้าจุดไฟ ตั้งกระทะแล้วก็หยดน้ำมันลงไปซักหน่อย จากนั้นก็ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย….’
ทว่าเดย์แครมไม่กินเนื้อ เขามีชีวิตอยู่ด้วยการกินผลไม้ที่หล่นลงจากต้นไม้ ใบหญ้า และเปลือกไม้
 เขาคงจะชอบคนที่ไม่ทำร้ายธรรมชาติ
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้ทักษะทำอาหารขั้นสูงของเขาทำอาหารด้วยวัตถุดิบอย่างกระต่ายได้ เขาก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ด้วยการกินใบหญ้าได้ ในตอนที่เขากำลังสร้างประติมากรรมอยู่นี่เขาก็สามารถสร้างความสนิทสนมกับธรรมชาติได้ด้วยการกินเช่นนี้
***
ฤดูหนาวใกล้เข้ามา เวลาของการจบภาคการศึกษาของมหาวิทยาลัยเกาหลีได้เข้ามาถึงที่สิ้นสุดแล้ว
 เงินค่าเทอมหายไปแล้ว….ถ้าเป็นอย่างนี้ ฉันก็คงต้องปล่อยให้แกไปแล้วแหละ” (T.T)
บรรดานักศึกษามีรายงานมากมายที่พวกเขาต้องส่งให้กับบรรดาอาจารย์และจึงทำให้พวกเขาใจจดใจจ่อมากยิ่งขึ้น
ส่วนนักศึกษาปีที่หนึ่งในรายวิชาทฤษฎีระบบเสมือนจริงนั่นยิ่งกว่าซะอีก แต่ว่าพวกเขาก็จะได้มีโอกาสเจอกับอุปกรณ์ระบบเสมือนจริงหลังจากที่พวกเขาขึ้นปีสองไปแล้ว
 ยิ่งการเรียนยากมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งต้องใช้เวลาในมหาวิทยาลัยมากขึ้นเท่านั้น
ลีฮุนไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่จะเก็บเงินของเขาได้เพราะว่าเขาต้องวุ่นอยู่กับการเรียน
 “เฮ้ออออ….”
ลีฮุนถอนหายใจและเหยียดแขนขาของเขาออกไป ซอยูนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาก็ตกอยู่ในห้วงความคิด
 ‘วันหยุดหน้าหนาวจะเริ่มในอีกสองสัปดาห์นี้แล้ว…’
เธอจะไม่ได้เจอกับลีฮุนทุกๆวันที่มีเรียนแบบนี้อีก
แม้แต่ภายในโรยัลโร้ด พวกเขาก็ยังแยกจากกัน เพราะในขณะนี้วีดไปที่เทือกเขาเดบการ์ดอยู่
แม้ว่าซอยูนจะใช้เวลาส่วนมากไปอย่างไร้ถ้อยคำใดๆ เธอก็อยากที่จะใช้เวลาให้มากขึ้นร่วมกับลีฮุน (>.<)
จากนั้นเธอจึงดึงความกล้าของเธอออกมาและเขียนบางอย่างลงไปในแผ่นกระดาษ
 [นายอยากจะไปชายหาดกับฉันไหม?]
ซอยูนได้แสดงความกล้าที่แท้จริงออกไปด้วยการชวนให้พวกเขาออกไปเที่ยวด้วยกันกับเธอ
หากว่าเป็นผู้ชายคนอื่น พวกเขาคงจะกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขและสงสัยว่านั่นเป็นความฝันหรือเปล่า แต่ทว่าลีฮุนกลับเฉยเมย
เขาไม่รู้จักการออกไปเที่ยวชายหาดในช่วงฤดูร้อน ดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่เขาจะเข้าใจการไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาวแบบนี้
 “มันหนาวนะ ไม่ดีกว่าหรอที่เราจะอยู่ที่บ้าน นั่นคงจะสบายกว่าออกไปเที่ยวชายหาดซะอีก? ไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นไข้หรือเปล่า แถมยังไม่ต้องห่วงเรื่องประกันสุขภาพอีกด้วย
 “…..”
นั่นคือทัศนคติของชายหนุ่มผู้ไม่เข้าใจในความโรแมนติก!
 “การออกไปเที่ยวนั้นใช้เงินจำนวนมาก เธอรู้ไหมว่ามันโหดร้ายซักแค่ไหนที่จะต้องไปพักในที่ที่แพงหูฉี่แบบนั้นนะ
เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน และเงินทั้งนั้น
การออกไปเที่ยวจะยิ่งต้องทำให้เขาใช้เงินมากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่การจะออกไปเที่ยวชายหาดช่วงหน้าร้อนหรือป่าวนั้น มันก็ยังต้องใช้เงินอยู่ดี
แต่อย่างไรก็ตาม ความคิดของซอยูนที่จะออกไปเที่ยวด้วยตัวเธอเอง ก็คงไม่ได้รับอนุญาตจากพ่อของเธออยู่ดี
จากนั้นซอยูนก็เขียนข้อความอื่นลงไป
 ฉันจะจ่ายค่าเที่ยวตลอดทั้งทริปเอง
ลีฮุรส่ายหัวของเขา
เธอหาเงินได้ด้วยตัวเองหรือเปล่า?”
ซอยูนเป็นนักศึกษาและชั่วชีวิตนี้เธอยังไม่เคยทำงานอะไรมาก่อนเลย
-เปล่า ฉันไม่ได้หามาเอง
 เงินในโลกนี้คือสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว ราคาค่าตั๋วหนังที่อยู่ในโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นทุกปี ส่วนค่ารถขนส่งสาธารณะนั้นยิ่งน่ากลัวกว่าซะอีก
 “…...”
 “ถ้าหากว่าเธอเคยหาเงินมาได้ด้วยตัวเอง งั้นเธอคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งไหนที่มีค่าบ้าง อย่าใช้เงินออกไปอย่างไร้หัวคิดสิ
แม้ลีฮุนจะไม่เคยพูดออกมาเลย แต่ว่าเขาก็รู้สึกอิจฉาเด็กพวกนั้น
พวกเด็กมหาลัยรวยๆ!
พวกเขาอยู่ในครอบครัวที่เขาอิจฉามากจริงๆ
ลีฮุนใช้เวลาในวัยเด็กของเขาส่งหนังสือพิมพ์ เขาทำงานหนักเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ส่งนมที่เด็กรวยๆบางคนจะไม่มีทางผ่านประสบการณ์เช่นนี้ได้เลย
-แม่ฮะ ขอเงินหน่อยสิฮะ เดือนที่แล้วแม่ให้ผมแค่50ล้านวอนเองนะ
-ฉันจะรวมกลุ่มไปเที่ยวที่ต่างประเทศเร็วๆนี้กับเพื่อนๆแหละ
-แม่ลืมแล้วหรอคะ หนูอยากไปฝรั่งเศสนะคะ บอกเลขาของแม่โอนตังให้หนู100ล้านวอนด้วยนะคะ
พวกหนูไม่อยากกินแต่ข้าวห่อไปตลอดทริปหรอกนะค๊า
นั่นคือบทสนทนาที่พวกคนรวยเขาพูดกันจากความคิดภายในหัวของลีฮุน
ไม่ว่าจะเป็นพวกทายาทบริษัทอันร่ำรวยหรือว่าเป็นมรดกตกทอดจากครอบครัวมั่งคั่ง พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าหลายๆอย่างนั้น มีคนที่ทำงานทำการอย่างหนักคอยค้ำจุนพวกเขาอยู่
อย่างกับว่าเป็นลักษณะเฉพาะตัวของฮีโร่ที่ต้องเป็นพวกกากเดนสังคมคนธรรมดา มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับผู้หญิง แล้วก็จนอีกด้วย (คิดถึงลักษณะของฮีโร่ส่วนใหญ่ อย่างสไปเดอร์แมนภาคโทบี้แสดงนะ) และแน่นอนว่าพวกฮีโร่นั้นก็เป็นมนุษย์ธรรมดาและต้องเจ็บปวดทรมานซักครั้งหรือสองครั้งในชีวิต ทั้งจากความสัมพันธ์อันเลวร้ายกับพ่อแม่ หรือว่าความฝันความหวังสองสามอย่างที่ไม่มีทางเป็นจริง แล้วความทุกข์ทรมานเจ็บปวดรวดร้าวต่างๆนาๆก็จะเกิดตามมา
แต่หากปราศจากความรู้สึกรวดร้าวนั้น คนหลายๆคนก็จะสามารถอยู่รอดภายในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างปุบปับอย่างกับละครหลังข่าวได้ จากนั้นละครน้ำเน่าเรื่องนั้นก็จะได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วไปเอง (ผู้แปล: พวกเสพติดดราม่าที่รายการ ละครชอบเอามาเรียกเรตติ้ง)
แล้วในท้ายที่สุดพวกลูกชายลูกสาวคนรวยๆก็ไม่เคยถูกรังเกียจเลย ถ้าพวกเธอโกรธจนอารมณ์ไม่ดีใส่คนธรรมดาสามัญ แล้วก็ก่นด่าพวกเขา ทั้งหมดที่พวกเธอต้องทำก็แค่เอาเงินฟาดหัวพวกเขา จากนั้นคำขอโทษขอโพยก็จะกลับออกมาจากคนธรรมดาสามัญแทน
จนกระทั่งสิ้นสุดคาบเรียน ซอยูนก็ยังตกอยู่ในห้วงความคิดของเธอ
 ‘ดูเหมือนว่าฉันคงจะไม่รู้เกี่ยวกับคุณค่าของเงินจริงๆสินะ
ในขณะที่ลีฮุนต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างขยันขันแข็ง เธอกลับไม่เคยคิดถึงมันอย่างเอาจริงเอาจังมาก่อน
เหมือนอย่างที่ลีฮุนจินตนาการเอาไว้ เธอมีทรัพย์สิน กองมรดก กองทุน หุ้น และก็อื่นๆอีกมากมาย ดังนั้นเธอจึงอยู่มาอย่างมั่งคั่งตั้งแต่ที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแล้ว
ซอยูนเขียนความคิดเธอลงไปในแผ่นกระดาษขณะที่แสดงท่าทีของเธอไปด้วย
-ฉันจะไปทำงานหาเงินมา จากนั้นเธอจะยอมไปเที่ยวกับฉันไหม?
ลีฮุนๆไม่ได้คาดหวังกับการตอบโต้กลับมาแบบนี้เลย
 อีกไม่นานก็วันหยุดหน้าหนาวแล้ว
เหลือเวลาน้อยกว่าสามสัปดาห์ก็จะจบภาคการศึกษานี้แล้ว
 “เธอจะหาเงินมาได้มากแค่ไหนละ?”
ฉันไม่เคยไปเที่ยวมาก่อนดังนั้นฉันจึง….เธอคิดว่าฉันต้องเก็บเงินมากแค่ไหนหรอ?
ดวงตาของซอยูนเป็นประกายในตอนที่เธอกำลังคาดหวังให้เขาตอบกลับมา
เธอไม่เข้าใจในสังคมปัจจุบันและไม่คุ้นเคยกับโลก เธอจึงอยากรับรู้ถึงรสชาติอันแสนขมขื่นจากโลกใบนี้ ลีฮุนผู้ที่ถูกตอกย้ำเรื่องการออกไปเที่ยวแบบคนธรรมดาจึงได้ตอบกลับออกไปว่า
 หากเรากำลังพูดถึงทะเล ก็คงจะเป็นทางใต้ของเกาหลีหรือไม่ก็เกาะเจจูแน่นอนอยู่แล้ว ในกรณีของค่าเดินทางก็คงราคาอย่างน้อย 450,000 วอน ส่วนค่าอาหารก็คงจะประมาณ800,000วอน เราจะพักค้างคืนด้วยไหม?”
แม้ว่าเราจะกินซาชิมิทุกมื้อ ราคามันก็ค่อนข้างสูงมากทีเดียวอาจจะประมาณ 800,000 วอน ซอยูนก็พลางพยักหน้ารับอย่างไม่สนใจในราคานั้น เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะใช้เวลาของพวกเขาเพียงแค่ไปเที่ยวที่นั่นแล้วก็กลับทันที เธอต้องการที่จะใช้เวลาทั้งคืนพูดคุยและดื่มไวน์ไปด้วย
 ราคาค่าห้องของโรงแรมก็น่าจะประมาณ5,000,000 วอนสำหรับพวกเราสองคน เพราะว่าเราต้องจองไว้สองห้องนอน อีกอย่างถ้าเราอยากจะดื่มไซเดอร์กับไข่ต้มบนรถไฟแล้วก็ซื้อของฝากบ้างนิดๆหน่อยๆ เราก็ต้องใช้เงินอย่างน้อย 5,000,000 วอนหรือว่า 6,000,000วอน
ลีฮุนให้คำแนะนำออกมามากมายอย่างไม่แยแสโดยสิ้นเชิง
 การทำงานพาร์ทไทม์ตลอดช่วงหยุดหน้าร้อนนั้นไม่พอที่จะเก็บเงินได้มากขนาดนั้นหรอก
แม้ว่าจำนวนเงินที่เขาพูดมานั้นดูน่าตลกสิ้นดี แต่ซอยูนก็ยังพยักหน้ารับ
จากนั้นลีฮุนจึงพูดออกไปเพื่อที่จะทำสัญญากับเธอไว้ว่า เธอจะต้องหางานด้วยตัวเองจากการทำงานหนัก ไม่งั้นก็ถือว่าไม่นับนะ
-ก็ได้
***
วีดใช้เวลา20 วันสุดท้ายในการสร้างประติมากรรมธรรมชาติภายในเทือกเขาเดบการ์ด
 ฉันตั้งหน้าตั้งตาแกะสลักมานานมากแล้วจริงๆ
ภารกิจนี้ไม่ยอมให้เขาออกไปล่าเลย เขาทำได้แค่สร้างประติมากรรมออกมามากมาย แถมตอนนี้เขาก็เหลือเวลาไม่มากแล้วด้วย
การอยู่ตามลำพังภายในสิ่งแวดล้อมเช่นนี้เขาสามารถสร้างประติมากรรมยอดเยี่ยมมากมายหลายชิ้น แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถสร้างประติมากรรมระดับคลาสสิคกับมาสเตอร์พีสได้เลยโดยไม่กินเวลาเขาไปเปล่าๆ และก็ยังต้องทำงานไปโดยไม่สามารถผ่อนคลายได้ซักย่างก้าว
 “ประติมากรรมที่ทำจากหยาดน้ำค้าง!”
วีดลุกขึ้นมาสร้างประติมากรรมตั้งแต่เช้าตรู่
เขารวบรวมวัสดุพื้นๆมากมายที่จำเป็นต่อการสร้างประติมากรรม
เขาหมอบลงกับพื้นขณะที่กรีดใบหญ้าเพื่อเก็บหยาดน้ำค้างออกมา
ด้วยค่าความใกล้ชิดกับธรรมชาติที่ยิ่งเติบโตขึ้นมากเรื่อยๆ เขาก็สามารถเลือกใช้ธรรมชาติได้มากยิ่งขึ้นเพื่อเอาไปสร้างประติมากรรม
วีดสร้างผลงานมวลน้ำขึ้นมา นี่เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีสชิ้นแรกตั้งแต่ที่เขาแกะสลักธรรมชาติมา
มาสเตอร์พีสหรอ! วัสดุธาตุน้ำที่สร้างขึ้นมาจากการก่อตัวของหยาดน้ำค้าง ธรรมชาตินั้นมีความหมายที่จะพัฒนาระดับผลงานประติมากรรมได้ ดังนั้นเขาถึงเก็บมาเฉพาะหยาดน้ำค้างที่ใสสะอาดเท่านั้น
บนต้นไม้และบนพื้นดินที่ผสมกลมกลืนไปกับกลิ่นมวลดอกไม้ เขากำลังเพลิดเพลินกับกลวิธีการสร้างผลงานธาตุน้ำอย่างกระตือรือร้น มันช่างเป็นการแสดงออกที่มีชีวิตชีวาและน่ายกย่องอย่างสูงยิ่ง
ท่ามกลางเหล่าประติมากรรมที่อยู่ภายในทวีปเวอร์เซล มีผลงานเพียงน้อยนิดที่พรรณนาถึงธรรมชาติ!
แต่อย่างไรก็ตาม เพราะว่าเขาเป็นประติมากรอันเดด ผลงานของเขาจึงค่อนข้างเสียหายและตัวเขาเองก็กำลังจะบ้าตาย
คุณค่าทางศิลปะ : 898
คุณสมบัติพิเศษ: ผู้คนที่เห็นประติมากรรมแห่งธาตุน้ำที่สลักขึ้นมาจากน้ำค้าง จะฟื้นฟูค่าพลังชีวิตและค่ามานาได้ 12% เป็นเวลาหนึ่งวัน
-ระดับมานาที่ต้องใช้อัญเชิญจิตวิญญาณธาตุน้ำลดลง
-สามารถดับกระหายของท่านได้เป็นเวลานาน
คุณสมบัติไม่ทับซ้อนกับประติมากรรมชิ้นอื่น
จำนวนประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีสที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว: 89
-ค่าความชำนาญการแกะสลักเพิ่มขึ้น
-ค่าความคล่องแคล่วของทักษะเพิ่มขึ้น
-ค่าความชำนาญในการแกะสลักธรรมชาติเพิ่มขึ้น
-ค่าชื่อเสียงดีเพิ่มขึ้น 263 แต้ม
-ค่าความอึดเพิ่มขึ้น 1 แต้ม
-ระดับสติปัญญาเพิ่มขึ้น 1 แต้ม
-ค่าทางศิลปะเพิ่มสูงขึ้น 8 แต้ม
-การสลักผลงานระดับมาสเตอร์พีสได้เพิ่มค่าความใกล้ชิดธรรมชาติของท่าน 9 แต้ม
การเพิ่มค่าความใกล้ชิดธรรมชาติจะช่วยพัฒนาขอบเขตของธรรมชาติที่คุณสามารถแกะสลักได้
เนื่องจากการสลักประติมากรรมที่มีความบริสุทธิ์ พลังของอันเดดจะถูกชำระและลดลง 6แต้ม
วีดได้รับมอบหมายให้ทำงานแกะสลักประติมากรรมของตัวเอง
เขาสามารถเพิ่มค่าความชำนาญด้วยการใกล้ชิดกับพวกสัตว์และพืช โดยเฉพาะพวกพืชที่เขาจะใกล้ชิดเป็นพิเศษ
ในตอนที่อยู่ในร่างอันเดดแบบนี้ เขาจำต้องทำงานหนักอย่างมาก ข้อดีของการเป็นอันเดดก็คือเขาสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องพัก
แม้ว่ามันจะดีซักเท่าไร ประติมากรรมธรรมชาติก็มีคุณสมบัติชำระล้างที่มีผลต่ออันเดดอยู่ดี
 “พลังศักดิ์สิทธิ์นี่ลดพลังของอันเดดเราลงไปมากเอาการเลยทีเดียว
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือเขาไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินมากมายให้กับว่าที่สันตะปาปาแห่งวิหารเฟรย่า อัลเวรอน (ผู้แปล: เพื่อชำระค่าชื่อเสียงเสียที่มีเครื่องหมายฆาตกร)
 “โชคไม่ดีเลยแหะ ประติมากรรมชิ้นนี้ระดับมาสเตอร์พีสซะด้วย
เขาต้องเพียรพยายามรวบรวมน้ำค้างเพื่อที่จะเอามาทำเป็นประติมากรรมธาตุน้ำ
ต้องติดอยู่ภายใต้ความร้อนตามธรรมชาติที่จะส่องแสงแดดสะท้อนลงมา มันคงจะถูกทำลายในไม่ช้านี้และก็หายไปแน่ๆ
แต่มันก็น่าเสียดายที่ต้องทิ้งประติมากรรมของเขาไว้ที่แทซันในเทือกเขาเดบการ์ด
แม้ว่ามันจะไม่ต้องเสียเงินค่าวัตถุดิบ แต่ว่ามันก็ทำออกมายากมาก แถมยังต้องใช้เวลามากมายเพื่อรวบรวมน้ำค้างนั่นอีกด้วย
 การสร้างผลงานประติมากรรมธรรมชาติระดับมาสเตอร์พีสออกมาเป็นครั้งแรก ฉันคงทิ้งประติมากรรมชิ้นนี้ไปไม่ได้
งั้นปลดปล่อยประติมากรรมชิ้นนี้ให้เป็นอิสระละกัน!
วีดตัดสินใจที่จะสลักอักษรบนตัวประติมากรรมธาตุน้ำชิ้นนั้น
เพื่อที่จะปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งน้ำ มันสามารถอัญเชิญออกมาได้ด้วยการสลักอักษรบนน้ำได้ แล้วยังสามารถเพิ่มระดับของค่าความใกล้ชิดกับธรรมชาติได้อีกด้วย
จากนั้นมวลธาตุก็เริ่มก่อตัวขึ้นแม้ว่ามันจะไม่สำเร็จแบบทันทีทันใด แต่หลังจากนั้นซักพักหนึ่ง ด้วยการก่อตัวขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จากนั้นตัวที่หนึ่ง หรือสองก็เริ่มก่อตัวรวมกันบนพื้นราวกับอาหารพร้อมรับประทาน
วีดใช้ทักษะของเขาใส่ประติมากรรมชิ้นนั้น
 ทักษะรังสรรค์จิตวิญญาณแห่งธาตุ!”(Creat Elemental)
ตริ้ง!
จิตวิญญาณธาตุตัวใหม่ได้ถูกสร้างขึ้น
ค่าสถานะทางศิลปะ 160 แต้มถูกใช้ไป
-ค่าความเชี่ยวชาญทางการแกะสลักเพิ่มขึ้น
-ทักษะการสร้างจิตวิญญาณธาตุตอนนี้อยู่ขั้นต้น เลเวล 6
ทักษะแกะสลัก รังสรรค์จิตวิญญาณแห่งธาตุจะพัฒนาความสามารถใหม่ๆขึ้นมาได้และความสามารถทางธาตุก็จะปรากฏด้วยเช่นกัน
-ค่าความใกล้ชิดธรรมชาติเพิ่มขึ้น 75 แต้ม
-ค่าชื่อเสียงดีเพิ่มขึ้น 440 แต้ม
-ค่าความดึงดูดเพิ่มขึ้น 74 แต้ม
จิตวิญญาณธาตุน้ำหน้าตาน่ารักคำรามออกมาเสียงดังกังวาน
 แกคือประติมากรที่สร้างข้าหรอ! กล้าดียังไงมาทำให้ข้าดูประหลาดขนาดนี้ แกเตรียมตัวตายแล้วรึยังละ?”
มันเป็นประติมากรรมที่นิสัยเสียที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นมาโดย วีด
มันทำตัวอย่างกับเด็กอนุบาลซุกซนตัวเล็กๆ
 ตรวจสอบ!”
ท่านยังไม่ได้มอบชื่อให้กับประติมากรรม
จิตวิญญาณแห่งธาตุน้ำ
มันเกิดขึ้นมาในฐานะประติมากรรมแห่งธรรมชาติ
ถูกสร้างขึ้นมาด้วยทัศนคติที่แย่ ประติมากรรมแห่งธาตุน้ำตัวนี้จึงไร้ความอดทน
มองดูมันตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาก็ยังไม่เข้าใจในตัวมันอยู่ดี
มันสามารถแสดงพลังได้ถึง 71% จากระดับพลังของธาตุ
มีความเป็นไปได้ที่มันจะกลายเป็นจิตวิญญาณธาตุที่ยิ่งใหญ่
ด้วยวิธีการอัญเชิญของชาแมนสายธาตุและแรงกระตุ้นแห่งชีวิตจากผืนพิภพ จะสามารถอัญเชิญจิตวิญญาณธาตุเพิ่มขึ้นหลายตัวได้และยังเพิ่มพลังในการต่อสู้อีกด้วย
ความสามารถพิเศษ: เกราะวารีที่เป็นมวลน้ำบริสุทธิ์จะมีอำนาจในเกราะมากเป็นพิเศษ
เขาสร้างจิตวิญญาณธาตุขึ้นมาได้ด้วยตัวเองแล้ว แถมเขายังไม่คิดว่าลักษณะนิสัยของมันเป็นปัญหาใหญ่อะไรด้วย
จิตวิญญาณแห่งธาตุเกิดใหม่ต้องเรียนรู้อีกหลายสิ่งหลายอย่าง ในเมื่อมันมีชีวิตเป็นครั้งแรก ปกติแล้วการพูดกับมันนิดๆหน่อยก็น่าจะกำราบมันได้แล้ว
 ฉันว่าพวกเราควรคุยกันหน่อยนะ” (ผู้แปล: องค์ลงแล้วว555+)
เจ้าจิตวิญญาณธาตุเมินเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง!
จากนั้นวีดจึงค่อยๆดึงคทานักบุญของเขาออกมา
โป๊ก โป๊ก โป๊ก โป๊ก โป๊ก!
เจ็บปวด รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
การตบตีและฟาดมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า บัดนี้เขาไร้ซึ่งความสงสารใดๆแล้ว และก็ตีไปตรงจุดที่เป็นแผลเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อไปเรื่อยๆ
 แกควรจะพูดว่าขอบคุณกับคนที่สร้างแกขึ้นมาสิ
ปั้ก ปั้ก โป๊ก โป๊ก ปึ้ก ปึ้ก!
ข้าขออภัยสำหรับเมื่อครู่นี้……”
ปั้ก ปั้ก โป๊ก เพี้ย!
 “นายท่านผู้น่ายกย่องของข้า!”
ทัศนคติของจิตวิญญาณแห่งน้ำเกิดความเปลี่ยนแปลงทันทีทันใด
จากนั้นวีดก็เก็บคทานักบุญไว้ในกระเป๋าสะพายของเขา
 ฉันจะเป็นคนสั่งสอนแกเอง แล้วแกก็จะมีการศึกษาที่ดีขึ้น
ความคิดส่วนตัวของเขาคิดว่าเขาเป็นผู้ให้การศึกษาที่ดีเลิศ!
จิตวิญญาณแห่งน้ำคือนักเรียนผู้โชคร้ายแห่งโรงเรียนประถมศึกษาของวีด
 “งั้นแกชื่อ เจ้าหยาดน้ำ
เขาตั้งชื่อให้จิตวิญญาณนั่นว่า หยาดน้ำ ก็เพราะว่ามันเป็นจิตวิญญาณแห่งธาตุที่สร้างขึ้นจาก หยาดน้ำค้าง
 ขอบคุณสำหรับชื่อของข้า นายท่านผู้น่ายกย่องของข้า
จิตวิญญาณแห่งน้ำผู้น่ารักและบอบบาง ถูกอัญเชิญออกมาและมาเป็นตัวบรรเทาอารมณ์ให้วีดราวกับช่างตีเหล็กที่กำลังใช้เตาหลอม
ฉันจะต้องมอบชีวิตให้เจ้าโกลมินิอีกครั้งหนึ่ง
เขาไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถมอบชีวิตให้กับเจ้าโกลมินิได้หรือป่าว
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อาจะเป็นไปได้นะ เพื่อที่จะถอดชีวิตให้มันออกมาให้ได้ แต่ต้องเอาไว้ก่อน
สักวันฉันจะต้องลองทำให้ได้เลย
ประติมากรรมที่ถูกสร้างขึ้นในเดบการ์ดภายในเขตไทซัน ในสถานการณ์ปัจจุบันของเขาในตอนนี้ที่อารมณ์ศิลป์แกะสลักยังพุ่งสูงปรี๊ดอยู่หลังจากสร้างผลงานจากน้ำนั่น เขาจึงตัดสินใจในทันที
 งั้นมาลองตอนนี้เลยดีกว่า
เดย์แครมออกไปสร้างประติมากรรมธรรมชาติอยู่ที่ไหนซักแห่ง
จากนั้นวีดจึงรวบรวมกิ่งไม้ที่ร่วงลงมาก่อไฟในเตาหลอม
เพราะว่าประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีส เจ้าโกลมินินั้นถูกสร้างขึ้นมาจากทองคำหลอมเหลว
 “เพื่อสร้างและก่อมันให้เป็นรูปร่าง……”
แม่พิมพ์ของร่างกายเจ้าโกลมินินั้นเรียบง่ายที่ถูกร่างแบบออกมารวมกันเป็นตัวมัน ศิลปะแห่งดินที่พบในเมืองโรเดียมนั้นให้ความทรงจำที่มีรายละเอียดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แต่สำหรับเจ้าโกลมินินั้นมันเป็นความทรงจำที่ยังคงอยู่มานานแสนนาน
ด้วยการเททองคำเหลวลงไปในแม่พิมพ์แล้วรอจนกว่ามันจะเย็นมากพอแล้ว วีดก็หมดสิ้นความอดทนของเขาที่จะออกไปทำประติมากรรมชิ้นอื่นๆ!
เขาคอยกังวลคิดแต่สิ่งที่จะออกมาเกี่ยวกับรูปร่างที่กำลังทำออกมานี้ของเจ้าโกลมินิ
 เจ้าโกลมินินี่ก็ไม่ค่อยเชื่อฟังเราเท่าไร แถมมันก็ไม่ค่อยพอใจอยู่บ่อยๆด้วย ต้องทำงานอย่างหนักซะแล้ว ฉันควรจะจัดการยังไงดี….”
การรอให้ทองคำเหลวไหลลงแม่พิมพ์ใช้เวลาอยู่ซักพักนึง
 เสร็จละ
การแกะแม่พิมพ์ออกด้วยการกะเทาะมันออก รูปร่างของเจ้าโกลมินิก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกครั้ง
ความทรงจำของวีดเริ่มชัดเจนมากแล้วในตอนนี้ เมื่อเทียบกับตัวต้นแบบ เขารู้สึกว่ามันเสียของจริงๆที่เจ้าโกลมินิตัวใหม่นี่มีรอยร้าวและเตี้ยนิดหน่อย แต่นอกจากนั้นมันก็ยังเหมือนเดิม
 โชคดีที่เจ้าโกลมินิถูกสร้างขึ้นด้วยการใช้ทองคำ การมอบชีวิตให้พวกประติมากรรมไม้หรือหินนั้นที่เป็นวัสดุทางกายภาพที่จะต้องก่อตัวขึ้นเองตามธรรมชาติ แถมการจะต้องคงสภาพร่างกายให้เหมือนเดิมอาจจะปวกเปียกมากๆเช่นกัน
ดวงตา จมูก และปากมีรายละเอียดชัดเจนมากขึ้นหลังจากที่วีดใช้ทักษะซ่อมแซมแล้ว
 ทักษะประติมากรรมประทานชีพ!”
ค่าสถานะลดลง สูญเสียเลเวล 2 เลเวล แต้มค่าทางศิลปะ 6 แต้มถูกใช้ไป
-ประติมากรรมได้รับชีวิตลงสู่ร่างกายแล้ว เนื่องจากมีคุณสมบัติของธาตุน้ำ จึงได้เกิดชีวิตใหม่ขึ้นมา
ทักษะประติมากรรมรำลึกชาติได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว
ประติมากรรมจะได้ความทรงจำในชีวิตของมันคืนมาแต่อาจจะรู้สึกสับสนบ้าง
อีกครั้งในกรณีนี้ที่การเพิ่มขึ้นของค่าสถานะทางศิลปะและเอฟเฟคของประติมากรรมจะไม่นำมาใช้ต่อ ประติมากรรมตัวดั้งเดิมก่อนหน้านี้ จะลดเลเวลลง 5%
แม้ว่าประติมากรรมที่พึ่งมอบชีวิตให้ไปนั้นมันจะค่อยๆตื่นขึ้นมาช้าๆ แต่เจ้าโกลมินิกลับไม่เหมือนประติมากรรมพวกนั้น มันเบิกตามันขึ้นมาทันทีทันใด
ในขณะที่วีดกำลังมองไปที่มัน เจ้าโกลมินิส่ายหัวของมันไปมาและเริ่มพูดออกมา
 “ได้โปรดมอบชื่อให้กับข้า
ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างและแหบแห้ง!
ท้ายที่สุดแล้วแกก็ไม่ได้ฟื้นความทรงจำของแกคืนมาสินะ
มิตรภาพที่พวกเขาได้ฟูมฟักมาจบสิ้นไปแล้ว นี่คือคำกล่าวลาตลอดกาลของเจ้าโกมินิ
 เจ้าเหลืองจะต้องเสียใจมากแน่ๆ ซอยูนก็ด้วย
เจ้าเหลืองดูแลเจ้าโกลมินิราวกับเป็นคนในครอบครัว ซอยูนก็คงจะเศร้าและคงร้องไห้หนักมากแน่ๆ
ฮวายองกับพวกเพื่อนๆของเขาก็คงจะเสียใจกับการตายของเจ้าโกลมินิมากด้วยเช่นกัน
 “ชื่อของแกคือ โกลมินิ
รับทราบครับ นายท่าน
หลับให้สบายนะ
ห่ะ..?”
จากนั้นวีดก็กลับไปเริ่มสร้างประติมากรรมธรรมชาติอีกครั้ง
บนต้นไม้ที่อยู่ไกลออกไป เจ้าไววัน ไวทู กับไวทรีกำลังนั่งจับเจ่าอยู่
เจ้าโกลมินิก็พยายามเข้าไปทักทายกับพวกมันทุกคนอย่างตื่นเต้น
แล้วพวกมันทั้งหมดก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
 “โกลโกลโกล!”
วีดจึงถามออกไป
แกคือโกลมินิ ใช่ไหม?”
เจ้าโกลมินิจึงเอามือมันทาบอกแล้วโน้มตัวลงทำความเคารพ
 เมื่อซักครู่ก่อนหน้านี้ ข้าพึ่งได้ชื่อนั้นมา นายท่าน
 “นั่นมันค่อนข้างแปลกๆนะ
วีดรู้สึกเคอะเขินอึกๆอักๆอยู่ข้างๆเจ้าโกลมินิ
จบตอน
ผู้แปล: Cole’s Myth

Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

7 ความคิดเห็น:

  1. 555 โกลๆๆ ความจำเสื่อม ต้องโดนทุบก่อนสินะ

    ตอบลบ
  2. แกล้งลืมสินะแกรรรร โกลมินิ

    ตอบลบ
  3. มันแกล้งลืมแหง่มๆไม่งั้นมันคงไม่หัวเราะ กับ ไววัน ไวทู กับไวทรี แน่นอนอิอิ

    ตอบลบ
  4. ความจำสับสนรึไงหว่า?บทตอนนี้เรื่อยๆเอื่อยๆนะ เก็บค่าทักษะกันไป

    ตอบลบ
  5. โกลโกลโกลกูหลอกเจ้านายได้แล้วเกือบโดนทืบ555555

    ตอบลบ
  6. สายเปย์นี้หว่าชอยูนเรา

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...