วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เล่ม 23 ตอนที่ 4 : ปราสาททรายที่มิอาจพังทลาย แปลโดย Cole’s Myth

เล่ม 23 ตอนที่ 4 : ปราสาททรายที่มิอาจพังทลาย แปลโดย Cole’s Myth

 “ฮึ่มม ทำไมเธอถึงได้มาช้าขนาดนี้นะ?”
ลีฮุนกำลังยืนรอซอยูนอยู่ที่สถานีรถไฟ
ตั้งแต่กลายร่างเป็นเดทไนท์ เขาก็ออกล่าจนยุ่งแบบสุดๆ
ตอนนี้เขาสามารถสวมใส่ชุดเกราะเคลือบแร่เหล็กได้แล้ว อีกทั้งยังสามารถใช้พลังแห่งความมืดที่ช่วยเสริมทักษะดาบของเขาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
ความแข็งแกร่งของอาชีพสายอัศวินนั้นช่างน่าตกตะลึงมากจริงๆ!
ผู้เล่นหลายคนเลือกอาชีพสายนี้ก็เพราะว่ามันมีความสมดุลที่ดีอีกทั้งยังได้เปรียบในหลายๆทางอีกด้วย
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของวีดนั้นรวดเร็วมากพอสมควรด้วยทักษะการขี่ม้าอันแสนโดดเด่นของเขานั่นเอง
แม้การนั่งอยู่บนม้านั้นไม่ค่อยสบายตัวมากนักแต่ก็ถือว่ามีประโยชน์มากในการต่อสู้ จึงถือว่าคุ้มค่าที่จะใช้มัน
ข้อเสียเปรียบเพียงอย่างเดียวนั้นก็คงเป็นค่าความอึดที่ลดลงไปอย่างฮวบฮาบเมื่อเทียบกับอาชีพสายอื่นอย่างนักดาบ แต่มันกับไม่มีผลอะไรเลยกับเดทไนท์ซึ่งมีร่างเป็นอันเดด
 “แถมนี่ยังเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่เอาไว้อัพเลเวลซะด้วยสิ…”
วีดตกลงใจเพื่อรักษาคำมั่นสัญญาแล้วก็ออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้า
ซอยูนมาถึงก่อนเวลานัดสิบนาที ตอนเวลา 8 โมงเช้า เธอนำกระเป๋าสำหรับท่องเที่ยวมาด้วยสองใบ
แม้จะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดากับกางเกงยีนเธอก็ยังคงงดงามไม่เปลี่ยน
ผู้คนที่อยู่ภายในสถานีไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เลย
เพียงแค่แอบชำเลืองมองใบหน้าของเธอแบบผ่านๆ เขาก็ยังรู้สึกประทับใจกับความงดงามนั้นอย่างมาก
เขาไม่สามารถมองหน้าเธอแบบซึ่งๆหน้าได้อีกครั้งเลย ได้แต่มองไปที่เธอแบบทีละนิดทีละหน่อย
สุภาษิตที่ว่า ดวงตาคือหน้าต่างของดวงใจนั่นถูกต้องสุดๆไปเลย
ดวงตาของเธอช่างลึกล้ำบริสุทธิ์และสุกใสแวววาว
มันดูราวกับว่าดวงตาของเธอนั้นคืออัญมณีที่สุกสกาวที่สุดในโลกใบนี้
คิ้วของเธอเป็นเส้นยาวตรงที่ไม่อาจหาข้อติใดๆได้เลย
เขาไม่สามารถหาตำหนิใดๆอยู่บนจมูก ริมฝีปาก แก้ม หน้าผาก ใบหู หรือว่าที่ไหนๆบนตัวเธอได้เลย
เวลามองไปที่เธอก็จะรู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกายเธออยู่ในที่ที่เหมาะที่ควรแล้ว
เรือนร่างของเธอเปล่งประกายความงดงามดูน่าเหลือเชื่อออกมาทั่วทั้งร่าง
 นายกำลังรอฉันอยู่หรอ?”
เปล่าๆ ฉันก็พึ่งมาน่ะ ไปซื้อตั๋วขึ้นรถกันก่อนเถอะ
หลังจากที่รถไฟแล่นไปจนถึงตัวเมืองทางตอนเหนือแล้ว เพื่อที่จะไปให้ถึงชายหาด พวกเขาจึงวางแผนที่จะเช่ารถขับไป
ซอยูนบอกว่าเธอมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์แล้ว
 เธอไปได้ใบอนุญาตมาตั้งแต่เมื่อไรหรอ?”
ฉันพึ่งได้มาเมื่อวานนี้เองหลังจากที่ฉันสอบผ่านแล้วน่ะ
“………..”
________________________________________________

ขณะที่นั่งรถไฟมุ่งหน้าไปเที่ยวชายหาด พวกเขากินคิมบับกับน้ำโซดาที่ลีฮุนเอามาจากบ้าน
เขาผล็อยหลับไปขณะที่จ้องออกไปนอกหน้าต่าง
การได้ออกไปเที่ยวช่วยผ่อนคลายความเครียดและความกดดันต่างๆของเขา
 ไอ….”
ลีฮุนกำลังพึมพำด้วยเสียงทุ้มต่ำออกมา แล้วซอยูนก็เอียงหูของเธอเข้าไปใกล้เพื่อแอบฟัง
เท็ม
ลีฮุนกำลังละเมอพูดออกมา!
ซอยูนนอนหลับไม่เพียงพอเพราะว่าเธอยุ่งอยู่กับการจัดเตรียมข้าวของตั้งแต่ไก่โห่
เธอจึงซบไปบนไหล่ของลีฮุนแล้วก็เผลอหลับไปเช่นกัน
ทุกๆครั้งที่ขบวนรถไฟหยุดลง บรรดาผู้โดยสารก็จะเห็นฉากนั้นขณะที่ขึ้นมาบนรถไฟ
 ‘ผู้ชายคนนั้นไม่เหมาะกับเธอเลยซักนิด
ทำไมเธอถึงมากับไอ้อ่อนอย่างมันได้นะ
นี่มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ! อะไรกันวะเนี่ย!’
ตอนที่ขบวนรถไฟเดินทางมาถึงยังจุดหมายปลายทาง พวกเขาก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วก็ออกจากรถไฟไป
พวกเขาพบว่าที่เช่ารถเองก็อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟนั่นเอง
หลังจากที่พวกเขาได้เช่ารถที่ได้จองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซอยูนก็นั่งทางฝั่งคนขับ ส่วนลีฮุนก็นั่งทางฝั่งผู้โดยสาร
 ไปเลยไหม?”
หลังจากที่สตาร์ทรถแล้วนะ
จากนั้นซอยูนก็ติดเครื่องยนต์แล้วก็พูดขึ้นมาว่า
งั้นไปกันเถอะ!” (^.^)
ลีฮุนรู้สึกกังวลหน่อยๆแต่ว่าซอยูนนั้นกลับดูเข้มแข็งกับการใช้ชีวิตจริงอย่างน่าเหลือเชื่อ
ตอนนี้เธอติดเครื่องยนต์แล้ว จากนั้นก็ค่อยๆขับออกไปอย่างนิ่มนวล
แต่ทว่าทันใดนั้นเอง ที่ปัดน้ำฝนก็ทำงานขึ้นมาซะงั้น!
ไฟเลี้ยวอยู่ตรงไหนนะ?”
อยู่อีกฝั่งนึงนั่นน่ะ
ลีฮุนรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ไปสอบเอาใบขับขี่เอาไว้ก่อนหน้านี้
หลังจากพวกเขาออกไปจากตัวเมืองแล้ว ก็ปรากฏภาพของทะเลเหนือของเกาหลีให้ได้เห็นตลอดระยะทางบนทางหลวง
แม้ว่าทะเลตะวันออกหรือตะวันตกจะมีจุดดึงดูดที่มีเสน่ห์ของมันอยู่บ้าง แต่ว่าทะเลเหนือนั้นน่าดึงดูดมากกว่า แถมยังมีอากาศอบอุ่นในแบบของมันด้วย อีกทั้งราคายังไม่แพงมากอีกด้วย
ขณะที่ขับรถเลียบไปตามชายฝั่ง พวกเขาก็ได้เที่ยวไปทั่วทั้งเกาะแล้ว
มีดอกไม้โตขึ้นมากมายอยู่ตามทางโค้งติดกับทางฝั่งชายหาด
ในตอนที่พวกเขามาถึงที่หมาย ซอยูนก็เอากล้องถ่ายรูปของเธอออกมา
 พวกเราถ่ายรูปตรงนี้ได้ไหม?”
แน่นอน ถ่ายได้สิ
การถ่ายรูปคือกิจกรรมที่เราต้องทำขณะออกมาเที่ยว
เดี๋ยวฉันจะถ่ายให้นายนะ
ซอยูนถ่ายรูปเขาพร้อมกับมีทะเลเป็นฉากอันงดงามอยู่ด้านหลัง
ภายในรูปถ่าย เขาดูเหมือนนักท่องเที่ยวเซ่อซ่าที่ติดอยู่ในฉากสวยๆ
 โอเค เอาหล่ะ ที่นี้ตาเธอบ้าง
ลีฮุนรับกล้องถ่ายรูปมาจากซอยูน แล้วก็กดชัตเตอร์ถ่ายเธอทันที
ทุกๆครั้งที่เธอถูกถ่ายรูป มันเหมือนกับเป็นภาพที่ถูกถ่ายเอาไว้แล้ว เธอเพียงแค่ยืนอยู่นิ่งๆเหมือนกับลีฮุน แต่มันกลับเป็นภาพถ่ายที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว
เขารู้สึกราวกับว่าเม็ดทรายกำลังส่องแสงระยิบระยับ สายลมอันอ่อนโยนพัดวนรอบเรือนร่างของเธอ
เธอไม่ได้ยิ้มหรือว่าโพสท์ท่าทางอะไรมากมาย แต่เธอก็ยังคงดูเปล่งประกายผ่านฉากเบื้องหลังของทะเลยามเหมันต์
มีนักท่องเที่ยวคนอื่นอีกมากมายอยู่ที่บริเวณชายหาด
จากนั้นลีฮุนก็ขอให้นักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งช่วยถ่ายรูปให้
 ขอโทษนะครับช่วยถ่ายรูปให้พวกเราหน่อยได้ไหมครับ?”
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นนักท่องเที่ยวที่มีทริปฉลองจบการศึกษา
ได้ครับ เดี๋ยวผมช่วยถ่ายให้
จากนั้นผู้ชายพวกนั้นก็มาช่วยถ่ายรูปให้ลีฮุนกับซอยูนที่กำลังยืนอยู่ข้างๆกัน
แช๊ะ!
พวกเขาโฟกัสกล้องไปที่ซอยูน แต่เบลอลีฮุนเอาไว้!
เป็นคู่ที่ไม่เหมาะสมกันเอาซะเลย
ชาติที่แล้วผู้ชายคนนั้นต้องกอบกู้จักรวาลเอาไว้แน่ๆเลย
ด้วยการเดินทางไปยังที่ต่างๆมากมายขณะที่ขับรถไปทั่ว พวกเขาก็ได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวแล้วก็ได้ถ่ายรูปด้วยกันเอาไว้เยอะมากพอควร
พวกเขาใช้เวลาร่วมกันมากมายภายในรอยัลโร้ด แต่นี่เป็นอะไรที่แตกต่างออกไป ไม่มีการออกล่า ไม่มีการทำภารกิจ มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังเดทกันอยู่ซะมากกว่า
แล้วในไม่ช้า ยามพลบค่ำก็มาถึง อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วหลังจากที่ดวงตะวันลับขอบฟ้า ดังนั้นพวกเขาจึงต้องมองหาที่เหมาะๆเพื่อตั้งแคมป์
ฉันหาที่ดีๆเอาไว้แล้วไปทางนี้หรือเปล่านะ?”
หลังจากที่พวกเขาขับตะลอนไปทั่ว พวกเขาก็มาถึงจุดตั้งแคมป์ในที่สุด
ด้วยราคาที่ถูกที่สุด พวกเขาจึงสามารถใช้ที่แห่งนี้แบบฟรีๆ
มีหลายครอบครัวที่มาเที่ยวได้ตั้งเต้นท์ของพวกเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 “เรามาถึงช้าไปแหะ เร่งมือดีกว่า
ลีฮุนเอาอุปกรณ์ตั้งเต้นท์จากกระเป๋าใบใหญ่ออกมา
เขายืมมันมาจากมาวังบัมจากสำนักดาบ
หลังจากที่เขาตั้งเต้นท์แล้ว เขาก็ไปเอาเตาแก๊สมาต้มน้ำที่เขาไปกรองมาจากแถวๆนั้นเพื่อเตรียมทำอาหารเย็น
ขณะที่ซอยูนกำลังซาวข้าวเพื่อเตรียมหุง ลีฮุนก็หยิบเบ็ดตกปลาขึ้นมาแล้วก็มุ่งหน้าไปที่ชายฝั่ง
ฉันจะไปจับปลามาทำอาหารซักหน่อยนะ
ที่แถวนั้นมีเหล่าชายวัยกลางคนกำลังตั้งหน้าตั้งตาตกปลาขณะที่ภรรยาและลูกสาวของพวกเขาเฝ้าดูอยู่
 เฮ้อออ ไม่มีปลาซักตัวเลยแหะ
พวกเขาอยากจะโชว์ออฟให้ครอบครัวของพวกเขาได้เห็นความเก่งของพวกเขา แต่ถ้าหากว่าคุณไม่ได้มีสายเลือดของชาวประมงตั้งแต่เกิด มันก็ถือว่าไม่ใช่งานง่ายๆเลย
ลีฮุนเปิดกล่องใส่ของขนาดเล็กของเขา ก็จะเห็นหนอนตัวเป็นๆที่ถูกจับมาจากสนามหญ้าของเขาตั้งแต่เมื่อเช้านี้
ทุกครั้งที่เขาโยนเบ็ดที่เกี่ยวเหยื่อเอาไว้ลงไปในน้ำ เขาก็สามารถจับปลามาได้อย่างรวดเร็ว
ปลาซีกเดียวขนาด 63 เซนงั้นหรอ!
เปลืองเหยื่อฉันซะจริง!”
ปลาหินขนาด 49 เซน!
ฉันก็อยากได้ซักตัวไปทำสตูเนื้อปลานะ เจ้านี่ไม่เลวเลยทีเดียว
เป็นที่รู้กันว่าปลาหินนั้นเป็นอาหารขึ้นชื่อทางแถบนี้
พวกแกเหนื่อยบ้างไหมเนี่ย? เลิกมากินเหยื่อฉันได้แล้วเฟ้ย
ปลามากมายคับคั่งอยู่ในถังน้ำที่ลีฮุนเอามาใส่
เหล่าชายวัยกลางคนปลอบใจตัวเองแล้วก็คิดถึงภรรยาและลูกสาวของเขา
ตราบเท่าที่ฉันมีครอบครัวที่มีความสุข…’
ถึงแม้ว่าเมียฉันจะชอบเหน็บแนมบ่อยๆก็เถอะ ความสนุกสนานที่ได้ออกมาเที่ยวกับเธอก็…’
ลีฮุนบ่นอุบอิบขณะที่ถือเบ็ดตกปลาอยู่ในมือ
ฉันควรกลับไปทำอาหารค่ำได้แล้วคงจะดีไม่น้อยเลยถ้าปลาพอร์จี้(ตระกูลปลาจาน)ดำติดเบ็ดซักตัว พวกมันทำบ้าอะไรอยู่นะ ฮึ่มมม
เหล่าชายวัยกลางคนทั้งหลายจึงตอบโต้ภายในหัวของพวกเขา
เฮ้เจ้าหนู ปลาพอร์จี้ดำไม่ใช่ปลาคาร์พอะไรทำนองนั้นที่แกจะจับมันได้ง่ายๆนะ
ฉันนั่งอยู่นี่มา12 ชั่วโมงแล้วนะตอนนี้ ยังไม่เห็นมันซักกะตัวเดียว
ทันใดนั้นเอง ทุ่นลอยน้ำของลีฮุนก็จมลงไปเล็กน้อย
การเลือกทำเลที่ใช่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการตกปลา การค่อยๆกระตุกคันเบ็ดแล้วก็ทำให้เหมือนกับว่าหนอนกำลังกระดิกตัวถือว่าเป็นทักษะขั้นสูง!
และเพราะอย่างนั้นนั่นเอง ปลาอีกตัวก็ติดเบ็ดอีกครั้ง
โชคไม่ดีเลยที่มันไม่ใช่ปลาพอร์จี้ดำ มันกลับกลายเป็นปลาไหลทะเลไปซะงั้น
 นี่คงอร่อยแน่ถ้าเอาไปย่าง
ในตอนที่ลีฮุนกำลังจะกลับ ซอยูนก็ออกมาจากตรงบริเวณเต้นท์
จับได้เยอะไหม?”
มันก็ไม่พอสำหรับกินทั้งชีวิตหรอก แต่ก็กินพออิ่มได้ละนะ
หลังจากที่ลีฮุนและซอยูนกลับไปที่เต้นท์ของพวกเขา ดวงตาของเหล่าชายกลางคนทั้งหลายก็นองไปด้วยน้ำตา
 พ่อค่ะ มียุงมากัดหนูเต็มไปหมดเลยค่ะ หนูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว หนูอยากกลับบ้านไปดูทีวี
ที่รักคะ คุณช่วยทำงานอดิเรกบ้าๆของคุณไปคนเดียวได้ไหมคะ?”
พวกเขาแทบไม่อยากจะพูดกับลูกสาวของพวกเขาหลังจากเธอกลับมาจากโรงเรียนเลิก ส่วนภรรยาของพวกเขาก็แทบไม่อยากจะกลับไปที่บ้านบ่อยๆ แล้วพวกเขาเองก็แทบไม่กล้าขอไปเที่ยวกับเพื่อนๆของพวกเขาด้วยซ้ำ นี่ทำให้พวกเขาหวนนึกถึงช่วงเวลาทองของพวกเขาตอนที่อยู่มอปลายหรือที่มหาลัย
เฮ้ออถ้าแค่ฉันกลับไปได้ละก็นะ
____________________________________________________

ด้วยมือทั้งสองข้างที่แสนคล่องแคล่วว่องไว ลีฮุนก็ทำให้ถ่านไฟติดแล้วก็วางตะแกงย่างไว้ข้างบนเรียบร้อย จนกระทั่งไฟแรงกำลังดี เขาก็ทำซุปเต้าเจี้ยวแล้วก็ย่างเนื้อ ไม่ใช่เนื้อหมูหรือเนื้อวัว แต่เป็นเนื้อปลาหลากชนิดต่างหาก!

 “คุณอยากจะแลกอาหารกับปลาหินนี่ไหมครับ?”  ด้วยจำนวนเต้นท์มากมายรายล้อมอยู่นั้น เขาก็สามารถแลกเปลี่ยนหอยกาบ ปู ไส้กรอก หรือแม้แต่ไวน์ถูกๆมาได้
ขณะที่เขาพลิกปลาที่กำลังย่างอยู่ เขาก็ทำสตูเนื้อปลาไปด้วย
ด้วยบรรยากาศที่คลื่นกำลังซัดเบาๆเป็นฉากหลัง พวกเขาก็ได้เห็นดวงดาวส่องแสงจากท้องฟ้าอันโล่งกว้างไร้เมฆหมอก
 กินกันเถอะ
การได้ออกมากินปลาย่างข้างนอกอย่างนี้เป็นอะไรที่วิเศษมาก
หลังจากทานอาหารมื้อค่ำจนเสร็จแล้ว ลีฮุนก็ไปทำความสะอาดจานชาม
นายอยากจะดื่มกาแฟสักหน่อยไหม?”
แน่นอน
พวกเขานั่งอยู่บนชายหาดพลางดื่มด่ำกาแฟคนละถ้วย เมื่อยามราตรีอันมืดมิดมาเยือนพวกเขาก็ได้ยินเสียงเหล่าจิ้งหรีดร้องก้องกังวาน เต้นท์อื่นๆทั้งหมดต่างดับไฟเข้านอนไปจนหมดแล้ว

 “เราก็ควรเข้านอนเหมือนกันนะ
มันคือเต้นท์ขนาดสำรองสำหรับสี่คน ดังนั้นมันจึงมีพื้นที่มากพอสำหรับสองคนที่จะเข้าไปนอนข้างใน
แม้ว่านั่นจะคือความจริงที่ว่ามีพื้นที่มากพอ แต่ก็ยังคงให้ความรู้สึกว่ามันคับแคบอยู่ดี
ต่างคนต่างนอนอยู่ในถุงนอนของใครของมัน แต่ยังไงพวกเขาก็ยังคงได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันที่ดังมาจากอีกฟากของเต้นท์อยู่ดี
หัวใจที่กระสับกระส่ายของซอยูนกำลังเต้นระรัวอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะอยู่ในเต้นท์ อยู่ในที่นอนของใครของมัน มันก็ยังดูเหมือนกับว่าพวกเขากำลังนอนในห้องนอนเดียวกันอยู่ดี
ซอยูนรู้สึกกังวลว่าเสียงหัวใจเต้นของเธออาจจะดังจนได้ยิน เป็นเสียงหัวใจที่กำลังผสานเข้ากับคลื่นทะเลที่กำลังซัดและเสียงร้องของจิ้งหรีดที่ดังระงม
ถึงแม้กระนั้นไม่นานนัก เธอก็ได้ยินเสียงกรนของลีฮุนดังขึ้นมา
______________________________________________________

ลีฮุนตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืดเพราะว่าเสียงนกร้อง
แม้ว่าเขาจะนอนในที่ที่ไม่คุ้นเคย เขาก็ไม่ได้นอนดิ้นไปดิ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังนอนกรนเสียงดังอีกต่างหาก
ลีฮุนพลิกตัวกลับไป แล้วพบว่าซอยูนยังคงหลับอยู่และหันหน้ามาตรงใบหน้าของเขาพอดี หลังจากที่เขาคลานออกมาจากถุงนอน เขาก็ออกมาจากเต้นท์เงียบๆ
 ฉันควรจะทำสตูปูเป็นอาหารเช้าดีไหมนะ?’
ลีฮุนจัดเตรียมวัตถุดิบแล้วก็รอให้ซอยูนตื่นนอน เขาคิดว่าซอยูนคงจะยังเหนื่อยล้าจากการเที่ยว เธอจึงยังไม่ตื่นนอนแม้ว่าพระอาทิตย์จะขึ้นแล้วก็ตาม
แต่ทว่าความจริงก็คือ ซอยูนนอนดึกก็เพราะว่าเธอมัวแต่นอนจ้องมองใบหน้าของลีฮุนที่กำลังหลับอยู่ต่างหาก
ความประทับใจครั้งแรกของเธอที่มีต่อเขาก็คือตอนที่เธอได้เห็นเขาทุกๆครั้งภายในรอยัลโร้ด แล้วก็ความซึ้งใจที่ได้ออกไปเที่ยวด้วยกัน เธอเปิดใจของเธอและสารภาพความในใจออกมา แต่ทว่าลีฮุนกลับไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลยเพราะเขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการนอนกรนหลับเป็นตายนั่นเอง
 บางทีฉันน่าจะออกไปเดินเล่นหน่อยนะ
ลีฮุนเดินไปตามทางหาดทรายพลางสูดอากาศสดชื่นจากสายลมจางๆยามเช้าตรู่
อากาศดีจริงๆเลยแหะ
เหล่าหมู่นกส่งเสียงร้องพลางมองหาอาหาร เด็กๆทั้งหลายมารวมตัวกันเพื่อก่อปราสาททรายตรงบริเวณชายหาด
 อยากลองทำบ้างจังแหะ
ไม่ว่าใครที่มาเที่ยวชายหาดก็คงอยากจะทำซักครั้ง
ลีฮุนไม่เคยมีโอกาสที่จะได้ทำมันเลย แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นการฆ่าเวลาที่ดีอย่างหนึ่ง
สิบนาทีต่อมาเด็กคนอื่นๆก็เริ่มเข้ามารุมล้อมรอบๆจ้องมองไปที่ลีฮุน
ปราสาททรายที่เขากำลังสร้างนั้นมีขนาดใหญ่ราวๆหนึ่งเมตรครึ่ง
บรรดาผู้ใหญ่ก็เข้ามาดูเช่นกันขณะที่เขากำลังสร้างป้อมปราการและเหล่าหอคอย ทั้งหมดนี่ต้องขอบคุณทักษะที่เขาเชี่ยวชาญที่ฝึกมาจากไซต์ก่อสร้างและทักษะประติมากรรมภายในรอยัลโร้ด
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ปราสาททรายก็สร้างเสร็จสมบูรณ์
ผู้คนที่อยู่รอบๆเขาชื่นชมถึงผลงานที่สมบูรณ์แบบของเขา แต่ว่าคำยกยอเหล่านั้นกลับไม่ได้เข้าถึงเขาเลยแม้แต่น้อย
 มันก็ไม่ใช่ว่าฉันจะเอานี้ไปแลกเปลี่ยนกับคฤหาสน์หลังจริงได้ซะหน่อยหรือว่าจะเอาไปขายเป็นเงินก็ไม่ได้ด้วยซ้ำ
นึกถึงการเอาไปใช้สอยต่างหากถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบที่แท้จริง!
เมื่อตอนที่น้ำขึ้นมาซักครั้ง มันก็คงโดนชะล้างแล้วก็พังทลายไป
มันก็แค่ปราสาททรายที่จะล้มลงเพราะลมแรงๆปะทะใส่เล็กน้อยเท่านั้นเอง
หลังจากที่ปราสาททรายสร้างเสร็จ ผู้คนก็ต่างกระจัดกระจายหายไปทีละคนเพื่อทานเข้าเช้าหรือว่ากลับไปบ้านของพวกเขา
ลีฮุนมองดูระดับน้ำที่กำลังขึ้นมาและปราสาททรายที่แสนไร้ค่าหลังนี้
ตอนนี้เราได้มาเที่ยวด้วยกันแล้วนะ….แต่ว่าซักวันเธอก็คงล่องลอยหายจากไป ไปอยู่ในที่ที่ฉันไม่อาจเอื้อมถึงได้
ลีฮุนยินดีที่จะยอมปล่อยเธอไปเพื่อตัวของเธอเอง
ตลอดเวลาที่เขาใช้ร่วมกันกับเธอจะยังคงอยู่ในความทรงจำของเขาต่อไป
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้เขียนบางอย่างลงไปข้างล่างปราสาท
 [บ้านของลีฮุนและซอยูน]
__________________________________________________

เมื่อเขากลับไปที่เต้นท์ ซอยูนก็กำลังทำอาหารด้วยวัตถุดิบที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้
หลังจากที่พวกเขากินข้าวเช้าจนอิ่มแล้ว พวกเขาก็วางแผนที่จะไปเดินดูรอบๆทะเลเหนืออีกซักนิดหน่อยก่อนที่จะขึ้นรถไฟกลับบ้านตอนช่วงบ่าย
ลีฮุนเก็บข้าวของของเขาแล้วก็พูดกับซอยูนว่าเขาจะจัดเก็บสถานที่เอง
 ฉันจะจัดเก็บพวกนี้เอง ทำไมเธอไม่ไปพักซักหน่อยละ
จากนั้นซอยูนก็เดินตรงไปทางหาดทราย
ก่อนที่เธอจะกลับเข้าสู่เมืองใหญ่อีกครั้ง เธอก็คิดว่าคงจะไม่มีโอกาสมาเห็นที่แห่งนี้อีกแน่ๆ
เพราะงั้นขณะที่เธอใกล้จะไปจากที่แห่งนี้แล้ว เธอจึงตัดสินใจหยิบของที่ระลึกเล็กๆน้อย อย่างเปลือกหอยหรือพวกก้อนกรวด
 หลังจากวันนี้ ฉันก็จะต้องกลับไปสู่ชีวิตธรรมดาของฉัน
ขณะที่เธอกำลังเดินอยู่บนหาดทราย เธอก็สังเกตเห็นปราสาทขนาดมหึมาอันสะดุดตา
เธอไม่รู้ว่าใครกันแน่มาสร้างมันไว้ แต่ว่ามันเป็นปราสาทที่เจ๋งสุดยอดแถมยังทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากอีกด้วย
จากนั้นซอยูนก็เดินมุ่งหน้าไปที่ปราสาททรายหลังนั้น (ผู้แปล: จะเห็นไหมๆๆๆๆ)
_________________________________________________

กองทัพสี่เหล่าทัพจากดินแดนอันเดดมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองโมราต้า
แต่ทว่ามีเพียงแค่สองเหล่าทัพเท่านั้นที่ใกล้มาถึง ด้วยระยะทางห่างจากเมืองโมราต้า การเดินทัพจึงเหลือเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น
นั่นก็เพราะว่าอันเดดบางตนไม่มีขาเหลือแล้วจึงไม่สะดวกที่จะเดินนัก ฉะนั้นพวกมันส่วนใหญ่จึงจะมาถึงช้าหน่อย
นี่ยังไม่ได้พูดถึงอันเดดบางตนที่เขวออกจากเส้นทางหลัก แล้วก็ตกบ่อน้ำไปหรือแม้แต่หลงทางเดินวนไปมาในป่า
เพราะว่ากองทัพอันเดดกระจายตัวไปมาก ในตอนที่พวกมันเคลื่อนพลจึงทำให้จำนวนอันเดดล้มตายหายไปสูงมากยิ่งขึ้น
และเพราะว่ามีมอนสเตอร์อยู่ในแถบดินแดนเหนืออยู่จำนวนมากเป็นปกติธรรมดา พวกมันจึงหายตัวไปในขณะที่เหล่ามอนสเตอร์อย่างก๊อบลิน โทรล หรือว่ายักษ์ที่กำลังพยายามปกป้องอาณาเขตของพวกมัน
กองทัพอันเดดกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ครับ
 เหล่าผู้เล่นที่กำลังออกผจญภัยอยู่บริเวณพื้นที่ออกล่าชี้ไปที่กองทัพอันเดด และส่งสัญญาณเตือนภัยภายในเมืองโมราต้า
มันคือเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่สำหรับเหล่าผู้เล่นใหม่และบรรดาพ่อค้า
เหล่าอัศวินศาสนจักรจากวิหารเทพีเฟรย่าถูกส่งตัวออกไปทันทีหลังจากที่ได้รับแจ้งมายังเมืองโมราต้า
ดูท่าว่าพวกอัศวินแห่งศาสนจักรกำลังเคลื่อนพลออกไปล่าพวกอันเดด
นิกายลูห์กับนิกายเฟรย่าได้จับมือกันทำภารกิจออกล่าพวกอันเดดแล้ว
บรรดากลุ่มปาร์ตี้ทั้งหลายที่ออกล่าบริเวณรอบเมืองโมราต้าก็เข้าร่วมกับพวกนักบวชและพาลาดินในการทำภารกิจด้วยเช่นกัน
ส่วนภายในปราสาทของท่านลอร์ด ก็มีกองกำลังแห่งการลงทัณฑ์(Punitive Force)จัดตั้งขึ้นมาเพื่อใช้กวาดล้างพวกอันเดด
เพราะว่ายังมีพวกอันเดดโครงกระดูกอ่อนแอๆอยู่ท่ามกลางพวกศัตรู ดังนั้นไม่ว่าใครที่มีเลเวลมากกว่า 30 จึงสามารถเข้าร่วมได้
ไปสนุกกันเถอะพวกเรา
ไปฆ่าพวกอันเดดให้เกลี้ยง!”
สำหรับบรรดาผู้เล่นใหม่ นี่ถือว่าเป็นโอกาสทองที่พวกเขาจะได้กอบโกยเอาค่าประสบการณ์จากการเข้าร่วมการต่อต้านการรุกรานครั้งใหญ่เช่นนี้
มีเหล่าพาลาดินจากวิหารเฟรย่าทั้งหมด 450 หน่วยมารวมตัวกัน
อัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเหล่านี้นั้นแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับพวกอัศวินธรรมดาของโมราต้า เพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในสังกัดทั้งของเมืองหรือของหมู่บ้าน แม้แต่ลอร์ดก็ไม่อาจสั่งการพวกเขาได้
พวกเขาเพียงแค่ต่อสู้เพื่อศาสนจักรของพวกเขาในตอนที่มีวิกฤตการณ์ทางศาสนาหรือว่าภัยคุกคามจากพวกมอนสเตอร์
อีกทั้งยังมีผู้คนอีก 840 คนมาเข้าร่วมกับเหล่านักบวชของวิหารลูห์และวิหารเฟรย่าเพื่อออกไปร่วมรบกับกองทัพอันเดด
กำลังคนในตอนนี้นั้นถือว่ายอดเยี่ยมมาก มีเหล่านักบวชมากกว่า 3,000 คนภายในกองกำลังต่อต้านบวกกับเหล่าผู้เล่นธรรมดาๆที่มาเข้าร่วม
เหล่าชาวเมืองและบรรดานักบวชภายในเมืองโมราต้าได้มาเข้าร่วมในการทำภารกิจครั้งนี้เพราะว่ามันสามารถเพิ่มค่าความศรัทธาของพวกเขาได้ แม้แต่พวกคนที่กำลังยุ่งๆอยู่หรือว่ากำลังทำภารกิจบางอย่างก็ปลีกตัวรุดหน้ามายังสนามรบในทันที
 ฮี่ย่าห์ พวกอันเดดเอ๋ย!”
พระเจ้า ฉันรักอันเดด
เหล่านักบวชทั้งหลายรู้สึกเอิบอิ่มไปด้วยความสุขในตอนที่พวกเขาเห็นพวกอันเดด
พวกเขาออกมาเร็วเกือบจะพร้อมๆกันกับเหล่าพาลาดินด้วยการควบม้าเข้าไปจัดการกับอันเดดตัวแรกในทันที
แถมยังมีเหล่านักบวชอีกหลายคนในกองกำลังต่อต้าน ต่างทยอยออกมาต่อสู้เรื่อยๆ
เพราะว่าโมราต้าเป็นเมืองที่มีค่าชื่อเสียงค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ และเพราะว่าเมืองนี้มีรูปสลักแห่งเทพีเฟรย่าและมหาวิหาร จากสิบคนในหนึ่งพันคนของจำนวนผู้เล่นจึงเลือกที่จะเป็นนักบวชของวิหารเฟรย่า
มันกลายเป็นสิ่งที่ย้อนแย้งอย่างมากสำหรับพวกเขาที่ต้องมาตอบโต้เผชิญหน้ากับกองทัพอันเดดแบบนี้!
เหล่าพาลาดินเคลื่อนพลออกไปพร้อมๆกับผู้เล่นอาชีพอื่นอย่าง ทหารรับจ้าง นักรบ นักเวทย์ นักอัญเชิญ แล้วก็จินตกวีก็ได้มาเข้าร่วมกับกองกำลังต่อต้านในครั้งนี้ด้วย พวกเขาต่างพร้อมเพรียงกันต่อสู้สกัดการรุกรานจากกองทัพอันเดด
เมื่อเทียบกับผู้เล่นเลเวลสูงๆในทวีปทางตอนกลาง เลเวลของพวกเขาทั้งหมดโดยเฉลี่ยนั้นไม่ได้สูงมากนัก

 นั่นก็เพราะว่าผู้เล่นใหม่จำนวนมากเริ่มเล่นจากเมืองโมราต้าเพิ่มมาทุกๆวัน และเนื่องจากโอกาสมากมายของเมืองนี้ โมราต้าจึงกลายเป็นหนึ่งในเมืองที่ดีที่สุดรองจากเมืองใหญ่อื่นๆ
ก่อนหน้านี้เหล่าผู้เล่นแห่งเมืองโมราต้า ต่างมีความทรงจำที่ว่าบ้านเมืองของพวกเขาช่างเงียบเหงาและแปลกแยกโดดเดี่ยว แต่ทว่าตอนนี้แม้แต่ยามค่ำคืน เหล่าพ่อค้าก็ยังตั้งแผงขายของอยู่ในทุกๆจัตุรัสเป็นประจำ
ไม่ว่าใครก็รู้สึกได้แล้วว่าบ้านเมืองของพวกเขานับวันยิ่งเปลี่ยนแปลงไปวันแล้ววันเล่า
เหล่าผู้คนนับ 50,000 คนจากกองกำลังแห่งการลงทัณฑ์ถีบตัวเองขึ้นมาอยู่แนวหน้าเพื่อต่อสู้!
ก็ถือว่ามีกำลังคนขาดแคลนมากพอสมควรเมื่อเทียบกับกองทัพอันเดดสองเหล่าที่มีจำนวนโดยประมาณราว 60,000 ตน
แต่ด้วยการตั้งแคมป์ซุ่มอยู่ที่บริเวณเนินเขา พวกเขาก็ได้จุดยุทธศาสตร์ที่สร้างความได้เปรียบ
กำลังใจต่อสู้ของพวกเขาถีบตัวขึ้นสูงด้วยผลเอฟเฟคจากบัฟอวยพรของเหล่านักบวช
แซฟฟราน ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพของกองกำลังแห่งการลงทัณฑ์ในการทำภารกิจนี้ก็ตะโกนก้องออกมา
 กำราบพวกอันเดดที่มารุกรานบ้านใหม่ของเรา ดินแดนของพวกเรา!”
โจมตี!!!”
จากนั้นเหล่าพาลาดินแห่งกองกำลังต่อต้านก็พุ่งเข้าใส่ศัตรู ส่วนเหล่าผู้เล่นกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าที่อยู่ในกองกำลังต่อต้านก็เข้าไปปะทะเรื่อยๆกับพวกอันเดดที่กำลังหลั่งไหลเข้ามา
ในที่สุดสงครามระหว่างทั้งสองทัพก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
________________________________________________

โปลอนได้รับข้อมูลมาจากกิลด์เฮอร์มีสแล้ว
-พวกเนโครแมนเซอร์ถูกอันเชิญมาโดยพลังที่ไม่ทราบแน่ชัด แล้วตอนนี้พวกเขาก็กำลังต่อสู้เพื่อกองทัพอมตะด้วยร่างอันเดด
แม้แต่เหล่าเนโครแมนเซอร์จากภายในกิลด์ของพวกเขาเองก็ถูกอันเชิญไปเป็นแนวร่วมกับกองทัพอันเดดนั่น พวกเขาแต่ละคนต่างมีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมซึ่งช่วยให้กิลด์มีสายอาชีพที่หลากหลายมากมาย แต่โชคไม่ดีเท่าไร อาชีพสายเนโครแมนเซอร์พึ่งถูกสร้างขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้
บรรดาเนโครแมนเซอร์ที่เป็นส่วนหนึ่งของกิลด์พวกเขาจึงไม่ค่อยมีเลเวลสูงมากเท่าไร แถมความเร็วในการออกล่าของพวกเขายังช้ามากอีกด้วย อีกอย่างพวกเขาตอนนี้ต่างก็ยังติดอยู่ที่ระดับโครงกระดูกขั้นสูงเท่านั้น
เซบริน: ดูเหมือนว่าเนโครแมนเซอร์ทุกๆคนภายในทวีปเวอร์เซลจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ครับ
เซบรินรายงานข้อมูลทั้งหมดผ่านทางช่องสื่อสารระยะไกลของกิลด์
โปลอน, เหล่าอัศวิน, นักเวทย์, เรนเจอร์ ที่อยู่ในกองทัพรวมถึงบรรดาผู้บริหารของกิลด์เฮอร์มีสก็สามารถรับฟังรายงานนี้ได้
เซบริน: ผมกำลังจับตาดูพวกเนโครแมนเซอร์ที่โด่งดังทุกๆคนอย่างเจนนี่หรือว่าโบรัมครับ
โปลอน: ตอนนี้พวกเขากำลังทำภารกิจอะไรกันอยู่?
เซบริน: ผมไม่ทราบแน่ชัดครับ แต่ว่ามีภารกิจการต่อสู้ให้กับกองทัพอันเดดออกมาเรื่อยๆเลยครับ
เซบรินรู้สึกดีใจที่เขาได้รายงานออกไป
สำหรับกิลด์เฮอร์มีสแล้ว พวกเขาจะให้การสนับสนุนเต็มที่ถ้าหากพวกเขาคิดว่ามันสำคัญ แถมยังไม่ต้องพูดเลยว่าทางกิลด์จะจัดหาอุปกรณ์ดีๆและได้พื้นที่ออกล่าด้วย แม้แต่กองกำลังทางทหารที่เอาไว้ใช้ทำภารกิจหรือความจำเป็นอื่นๆทางกิลด์ก็จะจัดหาให้เต็มที่
ถ้าหากว่าเขาได้รับอะไรบางอย่างจากครั้งนี้ เขาก็อาจจะสามารถเข้าร่วมปาร์ตี้ล่าได้ นั่นก็เพราะว่าด้วยระดับอาชีพปัจจุบันของเขาที่ต่ำจนเขาไม่สามารถเข้าร่วมกับเนโครแมนเซอร์คนอื่นๆที่ก้าวข้ามเขาไปไกลแล้วในการออกไปทำภารกิจ ไม่ว่าความช่วยเหลือใดๆจากกิลด์ก็คงจะเป็นความช่วยเหลือที่ใหญ่สำหรับเซบรินผู้ที่ยังเอื้อมเลเวลไปไม่ถึงเลเวล  300 ด้วยซ้ำ
เหตุผลเดียวที่เซบรินเข้าร่วมกับกิลด์เฮอร์มีสก็เป็นเพราะความละโมบโลภมากจากการได้รับการสนับสนุนที่จะทำให้เลเวลเพิ่มขึ้นได้อย่างง่ายดาย
เซบริน: ถ้าท่านต้องการข้อมูลอะไรอีก ผมจะหามาให้ครับ ผมได้ผูกมิตรกับเพื่อนเนโครแมนเซอร์หลายคนไว้แล้ว ฉะนั้นผมก็จะสามารถเอาข้อมูลที่ท่านต้องการมาได้แน่ๆครับ
โปลอน: คงจะดีถ้านายสามารถสร้างอิทธิพลต่อพวกเนโครแมนเซอร์พวกนั้นได้บ้าง
เซบริน: โอเคครับ ผมจะลองดู แต่ว่าพวกเนโครแมนเซอร์ที่เก่งๆแล้วก็มีชื่อเสียงโด่งดังได้รับการเลื่อนขั้นไปแล้วครับ และก็กำลังต่อสู้อยู่ใกล้ๆนี้ โชคไม่ค่อยดีเท่าไรเลยครับที่เลเวลของผมต่ำมากจนไม่อาจตามพวกเขาได้ทันเลยครับตอนนี้
โปลอน: นายใส่อุปกรณ์สำหรับนักเวทย์ได้ไหม?
เซบริน: ได้ครับผมใส่ได้ มันจะดียิ่งกว่านี้ถ้าเป็นไอเท็มต้องสาปครับ
เหล่าโครงกระดูกและภูติผีนั้นสามารถสวมใส่อุปกรณ์ได้แม้ว่าจะเป็นไอเท็มที่มีการจำกัดเผ่าพันธุ์
ยกตัวอย่างเช่น ไอเท็มต้องสาปที่มีคุณสมบัติลดค่าพลังชีวิตและค่ามานาลงมันก็จะสามารถเพิ่มได้ทั้งสองค่าสำหรับพวกอันเดดที่สวมสิ่งนี้
สำหรับเซบริน ไอเท็มต้องสาปถือว่าเป็นอะไรที่ดีกว่ามาก
โปลอน: ไม่ว่านายต้องการอะไร นายก็จะได้สิ่งที่ต้องการ แต่นายต้องรายงานข้อมูลเข้ามาทุกๆวันให้ฉันทราบ และแจ้งฉันทันทีถ้าเกิดว่านายได้ยินเรื่องสำคัญ หรือข้อมูลสำคัญของวีด
เซบริน: เชื่อใจผมได้เลยครับ ในฐานะสมาชิกกิลด์เฮอร์มีส ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังครับ
_________________________________________________

หลังกลับมาจากทริปท่องเที่ยว วีดก็กลับมาเชื่อมต่อรอยัลโร้ดอีกครั้งและอยู่ที่หุบเขาตรงที่ดินแดนอันเดดตั้งอยู่
ด้วยการเลื่อนขั้นจนประสบความสำเร็จได้กลายเป็นเดทไนท์ เขาก็ถูกส่งให้มาอยู่ที่หุบเขาแห่งนี้เพื่อต่อสู้
------------------------------------------------------------------------
ติ้ง!
กองทหารรักษาการณ์แห่งคิลิซาร์
-         กองทัพอันเดดมีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งในความสามารถของท่าน
-         ด้วยการประสบผลสำเร็จจากการผ่านภารกิจทุกอย่างนี้ กองทัพอันเดดคาดหวังให้ท่านไปกำราบศัตรูที่หุบเขาคิลิซาร์
-         ความยากของภารกิจ: B
-         ข้อจำกัด: เฉพาะอันเดดเท่านั้น
--------------------------------------------------------------------------
ความยากของภารกิจเพิ่มมาอย่างพรวดพราด แต่โชคดีที่ยังมีเนโครแมนเซอร์คนอื่นๆอีก 33 คนรวมถึง เจนนี่ โอเทม โบรัม เฮเรียน กรูเซท วาเรน่า และโกซูมาถึงที่นี่ก่อนหน้าเขาแล้ว
เพราะว่าพวกเขาเคยเป็นนักเวทย์และซัมมอนเนอร์มาก่อนที่จะกลายเป็นเนโครแมนเซอร์ เลเวลของพวกเขาจึงได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
เจนนี่จะเลเวลเพิ่มขึ้นบ่อยครั้งหลังจากที่เธอกลายมาเป็นเนโครแมนเซอร์ ส่วนเลเวลปัจจุบันของเธอเดาว่าน่าจะราวๆ 408
เนื่องจากแต่ละคนมีค่าสถานะและทักษะที่แตกต่างกัน มันจึงยากที่จะคาดเดาถึงเลเวลของคนๆหนึ่งได้เพียงแค่ดูจำนวนอันเดดที่พวกเขาสามารถอันเชิญออกมา
อีกอย่าง เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจจะกำลังซ่อนพลังที่แท้จริงของพวกเขาเอาไว้ก็เป็นได้ มันจึงเป็นอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านั้นเยอะเลย
วาเรนน่าเปิดเผยเลเวลของเธอว่าเธอมีเลเวล 390 และก็พิจารณาถึงการใช้ค่ามานาที่มากมายมหาศาลตอนที่เธอต้องอันเชิญและร่ายเวทย์แห่งความมืดนั่นเอง ส่วนเจนนี่ก็คงมีเลเวลอย่างน้อย 408 เมื่อเทียบกับเธอ
 คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขากำลังคิดว่าใครกันแน่ที่เป็นเนโครแมนเซอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา
วีดยอมรับในตัวของบรรดาเนโครแมนเซอร์ที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของเขา
พวกเขานั้นไม่เพียงจะสามารถควบคุมอันเดดของพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยม แต่พวกเขายังไม่ลังเลที่จะใช้ทักษะอันสุดยอดนั้นในการต่อสู้เลย
วีดเลือกคลาสของเขาเป็นแบบทักษะต่อสู้สายบู้ ในขณะเมื่อเทียบกับพวกเขาที่เลือกคลาสที่เชี่ยวชาญในการอัญเชิญอันเดด
นั่นคือคลาสพ่อมดแห่งความตายและแม่มดแห่งความตายนั่นเอง!
พวกผู้เล่นคนอื่นๆต่างก็เลือกที่จะเป็นอาชีพสายพ่อมดและแม่มดเช่นกัน
เพื่อควบคุมเหล่าอันเดด จำนวนซากศพจึงจำเป็นต้องเพิ่มขึ้นมาด้วยพร้อมกับช่วยเสริมพลังก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น
เช่นเดียวกันสำหรับพวกคำสาปทั้งหมดที่จำเป็นต้องร่ายใส่เหล่าศัตรูที่จะทำให้พวกมันอ่อนแอลง เคลื่อนไหวช้าลง แล้วก็สับสนมึนงง
อาชีพสายเนโครแมนเซอร์นั้นเป็นอาชีพที่ยุ่งยากมากจริงๆ เพราะว่าจะต้องระเบิดซากศพหรือแม้แต่อันเชิญอันเดดป้องกันเพื่อมาสกัดศัตรูเอาไว้อีก
เมื่อเทียบกับอาชีพสายนักบวชกับนักเวทย์ที่ต้องเกาะอาศัยสมาชิกปาร์ตี้ของพวกเขาเพื่อปกป้องพวกเขาในการต่อสู้ขณะที่ต้องร่ายเวทย์แบบนิ่งๆอย่างต่อเนื่อง อาชีพสายเนโครแมนเซอร์มีภาระมากมายที่ต้องทำในการสังเกตการณ์สนามรบพร้อมกับวิเคราะห์สถานการณ์ไปด้วย
ในฐานะที่เป็นกองทัพที่สั่งการโดยคนๆเดียว พวกเขาจึงจำเป็นจะต้องสนับสนุนอันเดดพวกเขาเสมอด้วยความหลากหลายของค่าสถานะและทักษะที่จำเป็นจะต้องอัพเกรดให้ดีขึ้น
ความแข็งแกร่งของอาชีพเนโครแมนเซอร์นั้นแตกต่างอย่างมากขึ้นอยู่กับการสังเกตสถานการณ์ในสนามรบอย่างเฉียบขาดด้วยตนเอง เวลาในการตอบสนองด้วยความรวดเร็ว หรือแม้แต่ความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ แต่ว่าความสามารถทั้งหมดนั้นเป็นอะไรที่เหนือความคาดคิดเหนือจินตนาการมากเกินไป
 ไม่เลว ไม่เลวเลยทีเดียว
วีดรู้สึกพอใจอย่างมากกับการกลายร่างเป็นเดทไนท์
มันดีจริงๆที่มีแนวร่วมชั้นยอดแบบนี้
ในตอนที่เหล่าเนโครแมนเซอร์นำอันเดดของพวกเขาออกไปสู้ ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็เหลือเพียงแค่กำจัดพวกมอนสเตอร์แล้วก็กอบโกยค่าประสบการณ์และไอเท็มที่ดร็อปออกมาเท่านั้น
ด้วยอันเดดและมอนสเตอร์นับพันตนที่เข้าโรมรันกันยุ่งเหยิง จึงมีจำนวนศัตรูมากมายเอาไว้ให้เขาเชือด
พวกมันมาไม่หยุดไม่หย่อนเลยแหะ
ดินแดนแห่งนี้คือสถานที่ผู้คนต่างเรียกว่าเป็นสรวงสวรรค์ของมอนสเตอร์แข็งแกร่งทั้งหลาย
มันมีเหตุผลที่มนุษย์ไม่สามารถมาออกล่าที่แห่งนี้ได้ เพราะว่ามอนสเตอร์แพร่พันธุ์รวดเร็วแถมยังฉลาดพอที่จะรู้จักรวมตัวกันเป็นฝูงอีก
กองทัพอันเดดนั้นแข็งแกร่งดั่งหินผาแต่พวกมอนสเตอร์เหล่านี้ต่างก็มีระดับสูงเช่นกัน
พวกอันเดดสวมใส่อาวุธและชุดเกราะที่จี้ปล้นมาเมื่อนานมาแล้วหลังจากการล่มสลายของราชอาณาจักรนิฟล์เฮม
เหล่ามอนสเตอร์ต่อสู้กับเหล่ากองทัพอันเดดอย่างเป็นกังวลขณะที่พวกมันโดนข่มขู่และโจมตีพวกมันอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็คงไม่ใกล้เคียงเลยกับตอนที่บัลข่านมาต่อสู้เองแล้วก็ร่ายเวทย์ใส่แบบไม่จบไม่สิ้นไปที่พวกมัน
นี่คือสนามรบอันแสนดุเดือดอลหม่านวุ่นวายสำหรับเหล่าอันเดดและมอนสเตอร์ที่ได้ถูกตระเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
วีดฝ่าวงล้อมเข้าไปล่าภายในฝั่งของพวกมอนสเตอร์แล้วก็เลเวลอัพถึง 394 แล้ว
จากนั้นสิบนาทีต่อมา มอนสเตอร์อีกหลายฝูงก็กรูกันออกมาอีก
เขารู้สึกได้ถึงละอองฝุ่นทรายที่เพิ่มขึ้นแถมยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของพลังชีวิตที่ใกล้เข้ามา
 อีกไม่นานศัตรูก็มาถึงแล้ว ร่ายเวทย์เสริมกำลังให้พวกอันเดดเร็วเข้า
ขณะที่เจนนี่พูดออกมา พวกเขาก็ตื่นขึ้นจากการทำสมาธิเพื่อชาร์ตมานาพวกเขาแล้วก็รีบเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ระลอกต่อไป
เหล่าเนโครแมนเซอร์ต่างยอมรับเจนนี่ให้เป็นหัวหน้าของพวกเขา
เพระว่ากองทัพอันเดดจำเป็นต้องร่วมมือกันทุกๆครั้งที่พวกเขาออกไปต่อสู้
พวกเขาจึงทำหน้าที่ของพวกเขาอย่างขะมักเขม้น
 “จงสู้! ห้ามถอย!”
ฆ่าพวกมันให้หมด!”
เหล่าอันเดดที่ถูกอันเชิญมาโดย โอเทม เฮเรียน และกรูเซด หยิบอาวุธและโล่ของพวกมันขึ้นมาเตรียมพร้อม
ซัดกระดูก!”
ลานน้ำแข็ง!”
หมอกพิษ!”
ศาสตราต้องสาป!”
บนหุบเขา เจนนี่ วาเรนน่า โกซู และผู้เล่นคนอื่นๆร่ายเวทย์คำสาปออกมาอย่างต่อเนื่อง
คำสาปและเวทย์ทุกชนิดที่ถูกร่ายออกมาจากเหล่าเนโครแมนเซอร์เลเวลสูงปะทะเข้ากับกองทัพมอนสเตอร์ที่มุ่งหน้ามาตามหุบเขา
นักเวทย์โครงกระดูกและนักธนูโครงกระดูกโปรยกระสุนของพวกมันอย่างต่อเนื่องดั่งห่าฝน
แล้วการต่อสู้อีกครั้งก็เริ่มย่างเข้าสู่ยามราตรี!
เหล่าอันเดดมีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ส่วนพวกมอนสเตอร์พวกนี้ก็น่าประทับใจเช่นกัน
พวกมันทั้งทำลาย ฝ่าวงล้อม เหวี่ยงขวานของพวกมันใส่พวกอันเดด
 “อัญเชิญอาชาปีศาจ!”
จากนั้นวีดก็ขึ้นไปบนม้าของเขา
-ระดับพลังใจของม้าเพิ่มขึ้นสูงสุด
จิตวิญญาณการต่อสู้ ค่าบารมี และค่าความว่องไวเพิ่มขึ้น 10%
ในขณะที่ม้าปีศาจของเขาปรากฏตัวขึ้น มันก็ได้เพิ่มค่าสถานะให้กับเขาในฐานะที่เขาเป็นเดทไนท์นั่นเอง
 ไปเลย!”
ฮี่ๆๆๆๆๆ!
ในขณะที่เขายังนั่งอยู่บนม้า วีดก็วิ่งลงไปตามแนวหน้าผา ทักษะการขี่ม้าของเขาไม่ได้ยอดเยี่ยมมากนักในตอนแรก แต่มันก็สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้เพราะเขาเป็นทั้งอัศวินโครงกระดูก(Skeleton Knight)และอัศวินแห่งความตายนั่นเอง(Death Knight)
แต่ถึงกระนั้น ก็ถือว่าใจกล้าบ้าบิ่นมากที่วิ่งลงไปจากหน้าผาขณะที่ขี่ม้าอยู่!
ฉันมาแล้ว ค่าประสบการณ์กับไอเท็มจ๋า!”
เขาพุ่งเข้าใส่มอนสเตอร์ที่กำลังพยายามปีนหน้าผาขึ้นมาขณะที่พวกมันต่างถูกระดมยิงด้วยลูกธนูและเวทมนต์
จบตอน
ผู้แปล: Cole’s Myth

Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

16 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากขอรับ^____^

    ตอบลบ
  2. ไอ...เท็ม ละเมอมาได้

    ตอบลบ
  3. ตกลงนางจะเห็นไม๊ เนี่ย ค้างอย่างแรง..
    ขอบคุณผู้แปล และ แอดฯชิน มากๆครับ

    ตอบลบ
  4. นั่นสิเห็นมั้ยขอให้เห็น จะได้ฟินกันต่ออีก

    ตอบลบ
  5. บทจะบู๊ก็มา บทจะรักก็มี
    บทบาทไหนจะเคลียร์ยากกว่ากัน

    ตอบลบ
  6. ซอยูน นางสารภาพรัก ตอนวีดนอนหลับหรอนิื แล้วซอยูน ได้เห็นคำที่วีดเขียนลงไปบนปราสาททรายหรือเปล่าหว่า

    ตอบลบ
  7. ถ้าซอยูนเห็นละก็ คุณพ่อตาเตรียมรับพระเอกเป็นลูกเขยได้เลย 0v0

    ตอบลบ
  8. ‘ตอนนี้เราได้มาเที่ยวด้วยกันแล้วนะ….แต่ว่าซักวันเธอก็คงล่องลอยหายจากไป ไปอยู่ในที่ที่ฉันไม่อาจเอื้อมถึงได้’

    ลีฮุนยินดีที่จะยอมปล่อยเธอไปเพื่อตัวของเธอเอง

    ตลอดเวลาที่เขาใช้ร่วมกันกับเธอจะยังคงอยู่ในความทรงจำของเขาต่อไป

    นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้เขียนบางอย่างลงไปข้างล่างปราสาท

    [บ้านของลีฮุนและซอยูน]...ซึน นี่หว่า!!???😉

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. มันขัดๆ กันกะอีตรงนี้ ละครับ ฮ่้า

      ลบ
  9. วีดเอ้ย สงสารซอยูนบ้างเท้อ

    ตอบลบ
  10. เฉลยตอนไหนน้อ...ลุ้นกับซอยูน
    ขอบใจหลายๆเด้อออ

    ตอบลบ

เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล

  เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล ลาเฟย์หลับตาลง ' เราจบสิ้นแล้ว '...