วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เล่ม 22 ตอนที่ 8: การปฏิเสธโชคชะตา แปลโดย Cole’s Myth

เล่ม 22 ตอนที่ 8: การปฏิเสธโชคชะตา แปลโดย Cole’s Myth

เหล่านักดาบไม่มีทางเลือกนอกเสียจากต้องยอมแพ้ในการออกล่า เพราะว่าคราเค่นแหวกว่ายอยู่บนท้องทะเลเปิดอันกว้างใหญ่แห่งนี้ จึงเกรงว่าจะเกินเวลาที่กำหนดไว้และมันยากลำบากมากเกินไปที่จะออกค้นหามัน
เพียงแค่หากว่าคุณมีทักษะเดินเรืออันยอดเยี่ยม คุณก็จะสามารถไล่ตามและจับสิ่งมีชีวิตทางทะเลอย่างคราเค่นได้ แต่ว่าการตามจับคราเค่นด้วยเรือนั้นกลับต้องใช้เวลามากเกินไป (T/N: ท้องทะเลแห่งชีวิต (Sea of Life)คือชื่อเรือของพวกเขา)
 “งั้นพวกเราไปโมราต้ากันเถอะ
เหล่านักดาบที่ต้องทนแบกรับความหิวโหยเอาไว้แล้วมุ่งตรงไปที่ท่าเรือของเกาะเบลโลน่า(Bellona) แล้วมองหาเรือซักลำที่กำลังมุ่งหน้าไปยังโมราต้า
บรรดานักเดินเรือทั้งหมดที่เขาไปพบต่างพากันส่ายหัว
 ข้าจะไม่ไปไกลถึงโมราต้าหรอก
ข้าจะจ่ายให้สองเท่า
ช่วงนี้ท้องทะเลอันตรายมากๆ มีคลื่นทะเลซัดสูงแถมลมกรรโชกรุนแรงอีก เส้นทางที่เข้ามาทางแดนเหนือของทวีปถูกปิดกั้นเพราะพายุอีกด้วย
แม้ว่าจะมีเส้นทางทะเลอื่นอีก แต่ก็มีอีกหลายอย่างมากมายที่ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ที่เส้นทางเดินเรือจากโมราต้าไปยังทวีปกลางก็อาจจะถูกปิดกั้นด้วยเช่นกัน
แต่ถ้าหากคุณเจอกัปตันฝีมือดีแม้ว่าจะล่องเรือฝ่าพายุก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรนัก
ปัญหาเดียวที่มีนั่นก็คือไม่มีกัปตันที่เก่งแบบนั้นมากนัก แถมโอกาสที่พวกเขาจะหยุดอยู่กับที่เพื่อดื่มเหล้าและหยุดพักบนเกาะนั้นก็ต่ำมาก
ผู้เล่นที่เป็นนักเดินเรือบอกว่าถ้าพวกเขาต้องรอเกือบๆหนึ่ง สัปดาห์ เรือนำเที่ยวอันหรูหราจากราชอาณาจักรต่างๆก็จะล่องมาถึง
แถมเขาก็บอกอีกว่าพวกเขาสามารถไปยังโมราต้าเพียงเดินทางผ่านแค่สามอาณาจักรด้วยเรือสำราญนั่น
เหล่านักดาบกว่า 400 คนก็พบว่าพวกเขาต้องติดอยู่บนท่าเรือแห่งนี้
เพื่อที่จะเดินทางออกไปได้ พวกเขาจึงต้องขายเรือเล็กทั้งหมดที่พวกเขามี
การรอให้เรือสำราญมาถึงคงจะเร็วกว่าซื้อเรือลำอื่นล่องออกไป
จากนั้นวันหนึ่ง นักดาบ 405 ก็พูดขึ้นมา
 ถึงแม้ว่าคลื่นจะรุนแรงแต่ผมว่าคงจะสนุกถ้าว่ายน้ำไปนะครับ ศิษย์พี่ใหญ่!”
นักดาบ405 พูดออกไปลอยๆเพราะว่าต้องการที่จะเที่ยวเล่นและว่ายน้ำบนท้องทะเลในวันที่มีพายุรุนแรงเช่นนี้
แต่อย่างไรก็ตาม แววตาของเหล่าครูฝึกนั้นก็ได้เปลี่ยนไป
 “จริงด้วย ฟังดูน่าสนุกเนาะ
 “แน่นอนอยู่แล้วศิษย์พี่ใหญ่ แทนที่เราพูดคุยกันอยู่นี่ เราว่ายน้ำไปกันเถอะ
 “เหตุผลที่เรามาที่นี่ก็เพื่อกิไม่ใช่ๆ เพื่อท้าทายตัวเองต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่หรอกเหรอ?”
ตลอดมานั้นในตอนที่ออกไปสู้กับพวกมอนสเตอร์ในรอยัลโร้ด เหล่านักดาบก็ยิ่งพัฒนาทักษะดาบของพวกเขามากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
ความตึงเครียดเป็นสิ่งที่ยากลำบากต่อการเผชิญภายในชีวิตจริง การต่อสู้ดิ้นรนและความขัดแย้งของชีวิต บวกกับความตายก็ยังหวนให้นึกถึงการต่อสู้ที่แท้จริง (ผู้แปล: เหมือนในหนังสยองขวัญชอบพูดว่าคนเราจะมีชีวิตชีวามากที่สุดตอนดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอด” )
แม้ว่ามันจะแตกต่างจากความเป็นจริง มันก็ยังมีทางเป็นไปได้ที่จะพบบางส่วนที่ตัวคุณขาดหายไป
เหล่านักดาบอยากที่จะไขภารกิจให้สำเร็จมากเสียกว่าไขความลึกลับนั้น ยินดีที่จะออกไปต่อสู้แบบง่ายๆธรรมดาๆนั่นคือการต่อสู้ที่พวกเขาพึงกระทำเรื่อยมา
เพื่อที่จะสร้างพลังใจให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สภาพแวดล้อมที่รุนแรงสุดขีดแสนท้าทายถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง
เพื่อการทดสอบเหล่านักดาบฝึกหัดที่มารวมตัวกันนี้ นักดาบ1 จึงพูดขึ้น
 เรามาว่ายน้ำไปเมืองโมราต้ากันเถอะ!”
ถ้าหากว่ามีนักเดินเรืออยู่แถวนั้น พวกเขาคงจะพยายามหยุดพวกเขาไม่ว่ายังไงก็ตาม แม้จะให้ซูชิพวกเขาฟรีๆก็เถอะ
แม้จะเป็นคนที่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับท้องทะเลเพียงนิดเดียว พวกเขาก็คงไม่ทำอะไรที่บ้าบิ่นอย่างนั้นแน่ๆ
แม้แต่แฮนยอก็คงไม่ทำอะไรอย่างนั้นเหมือนกัน
(T/N: นักดำน้ำสัญชาติเกาหลี เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ เป็นที่รู้จักว่าสามารถดำน้ำได้เป็นเวลานาน แถมยังว่ายน้ำได้เก่งสุดๆอีกด้วย)
 “เพราะว่าอากาศร้อนด้วย เราควรจะทำอย่างนั้นดีไหม?”
ท่านอาจารย์ นั่นเป็นแผนการที่ฉลาดมากครับ
เรารีบไปที่โมราต้าแล้วก็ดื่มเบียร์กับกินหมูย่างซักหน่อยกันเถอะ
เหล่านักดาบฝึกหัดเห็นด้วยอย่างกระตือรือร้นและเข้าร่วมการว่ายน้ำในครั้งนี้
แล้วหลังจากนั้นโดยปราศจากความเตรียมพร้อมอื่นใด พวกเขาก็กระโดดลงไปในทะเลแต่ละคนต่างก็ค่อยๆหลั่งไหลทะลักลงไป
ผู้คนที่อยู่บริเวณท่าเรือต่างช่วยอะไรไม่ได้ นอกเสียจากรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
 “ทำอะไรบ้าบอกันซะจริง นั่นดูไม่เข้าท่าเอาซะเลย
 “โอ้โห พวกเขากำลังจะไปจริงๆเหรอ?”
พวกเขาพึ่งจะได้เห็นบางสิ่งที่ไม่อาจลืมเลือนได้
ค่ำคืนแห่งการว่ายน้ำมุ่งหน้าไปยังโมราต้านั้น ก็ง่ายพอควร
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะว่านักดาบ13 และเหล่านักบวชทั้งหลาย อีกทั้งค่าพลังชีวิตระดับปีศาจที่เหล่านักดาบฝึกหัดมีอยู่
 มันทั้งดีและยอดเยี่ยมไปเลย
พวกเราคงจะทำได้ในไม่ช้านี้แน่ๆ
อย่างไรก็ตามในค่ำคืนถัดมา เหล่านักบวชก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไปและไม่สามารถส่งกำลังเสริมทางค่าพลังชีวิตให้กับเหล่านักดาบได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าอย่างน้อยพวกเขาจะเคยชินและมีประสบการณ์เดินเรือมามากพอควร แถมยังเคยว่ายน้ำบนทะเลมาก็มากเอาการ แต่ก็ไม่อาจทนต่อไปได้
ในตอนที่พวกเขาว่ายน้ำ พวกเขาจะไม่ว่ายต้านกระแสคลื่นน้ำและปะทะเข้ากับจังหวะลมหายใจของพวกเขาเป็นอันขาด
เพราะว่ามีนักดาบ1 ที่เป็นผู้นำในการแข่งขันครั้งนี้ นักดาบสามกับนักดาบ5จึงเหมือนดั่งปลากำลังแหวกว่ายออกไปร่วมกัน
เมื่อคุณว่ายน้ำเป็นเวลานานๆ ค่าความแข็งแกร่งและสมาธิก็จะลดลงไปอย่างง่ายดาย
แค่ความเพี้ยงพร่ำเพียงเล็กน้อยบนทะเลลึกนี้ก็สามารถสร้างความผิดพลาดร้ายแรงได้เช่นกัน จากนั้นก็จะทำให้ต้องกล้ำกลืนน้ำทะเลลงไปแล้วก็จมลงสู่ใต้ท้องทะเล
เหล่านักดาบปกป้องตัวเองจากความตายด้วยการแหวกว่ายไปด้วยท่าสุนัขว่ายน้ำ
แม้แต่เหล่านกนางนวลที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าก็ไม่อาจช่วยพวกเขาได้ ได้แต่เฝ้ามองเหล่านักดาบว่ายน้ำอยู่เท่านั้นเอง ในขณะที่นักดาบ2ได้สั่งให้นักดาบ503ที่ดูเหมือนจะชื่อ ฮิวมันส์ ให้เขาว่ายน้ำท่าสุนัขด้วยเช่นกัน!
 ‘ปลาสดๆหรอ? ฉันจะต้องจับมากินให้ได้?’ (นกนางนวลคิด)
ฝูงนกมอนสเตอร์จับจ้องที่จะโจมตีเหล่านักดาบครั้งแล้วครั้งเล่า ทันใดนั้นสายฝนก็ร่วงโรยลงมาจากท้องฟ้า
สายลมพัดกรรโชกรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเหล่านกก็ต่างแตกตื่นจากคลื่นยักษ์ที่ซัดมา
-ค่าพลังชีวิตลดลง 15%
-การเคลื่อนไหวทางกายภาพต่ำลงเนื่องจากน้ำเย็น
-ท่านถูกโจมตีโดยเหล่าปลากินเนื้อ
-ท่านถูกพัดไปโดยกระแสคลื่น
แล้วกระแสคลื่นที่พัดกรรโชกมาแบบไม่จบไม่สิ้นก็เข้าสู่ช่วงวิกฤติ!
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีพลังชีวิตมากมายมหาศาลจากการผ่านพ้นภารกิจศิลปะป้องกันตัวนานับปะการที่แสนยากลำบาก การที่จะข้ามมหาสมุทรก็มิอาจเป็นไปได้เลย
เหล่านักดาบอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักในตอนที่พวกเขาโดนโจมตี แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมากแค่ไหน พวกเขาก็ต้องรับมือกับการโจมตีจากฝูงฉลามกินคนให้ได้อยู่ดี
จากระยะที่ไกลออกไป ก็มีครีบฉลามแหลมคมมากมายเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆจากยอดกระแสคลื่น
กรับ งับ งับ งับ งับ งับ! (เสียงงับจากฉลาม)
และแล้วมันก็ได้กลายเป็นฉากที่หลุดออกมาจากหนังสยองขวัญทันทีทันใด
นักดาบ3ก็เริ่มรู้สึกดีใจอย่างเหลือล้นที่ได้เห็นเหล่าฉลามมุ่งตรงมายังพวกเขา
 เฮ้พวกเรา ฉันเจอบางอย่างน่าหม่ำด้วยละ!”
จานอาหารเลิศรสมากมายถูกปรุงขึ้นมาโดยใช้หูฉลาม
พวกเขาต่างเคยได้ยินมาจากคำบอกเล่าปากต่อปาก แต่ไม่เคยได้มีโอกาสได้ลิ้มลองมาก่อน
แต่ว่าตอนนี้หูฉลามตรงมาที่พวกเขาแล้วไม่ใช่หรือ?
โจมตีเลย!”
กินพวกมันให้เกลี้ยง!”
การกระทำที่สุดแสนพิสดารของมนุษย์ผู้โจมตีกลุ่มฉลามเพื่อเอาไปเป็นอาหารได้เริ่มขึ้นแล้ว ในการล่านั้นมีเหล่านักดาบฝึกหัดตายไป 15 คน
ถ้าหากว่าพวกเขาโดนจู่โจมบนพื้นดินคงจะง่ายที่จะล่ากลุ่มฉลาม แต่เพราะการบิดตัวของเกลียวคลื่นจึงทำให้ยากมากที่จะควบคุมร่างกายภายในทะเลได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสเอาการ
 “ไอ้พวกสารเลว พวกแกจะต้องโดนกินแน่ๆ!”
ใช่เลย บทลงโทษของพวกแกก็คือความตาย!”
พวกเขาเทียบฝั่งที่เกาะซึ่งอยู่ใกล้ๆและก็ทำบาร์บีคิวเนื้อฉลาม จากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปในตอนที่เหล่านักดาบฝึกหัดฟื้นคืนชีพกลับมารวมกลุ่มอีกครั้ง
ความหิวกระหายถูกปรนเปรอด้วยปลาที่จับมา พวกเขารองน้ำฝนเอาไว้ตอนที่มีฝนตกเพื่อเอาไว้ดับกระหายของพวกเขา
ในความเป็นจริงแล้วนี่เป็นการว่ายน้ำที่สุดแสนยากลำบากสุดๆ
มีสิ่งมีชีวิตทะเลหลากหลายมากมายจู่โจมพวกเขา ผลักพวกเขาสู่ริมผาแห่งความเสี่ยงตาย
เหล่านักดาบส่วนมากมีเลเวลเกินกว่า300 เกือบๆสี่ถึงห้าครั้งที่พวกเขาเข้าใกล้ความตาย แต่ก็ยังยินดีที่จะท้าทายมันต่อไป!
จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ถึงครึ่งทางในการไปยังทวีปเหนือที่เมืองโมราต้าตั้งอยู่ด้วยซ้ำ
ในประเด็นนี้ เป็นธรรมดาที่จะได้ยินคนขอให้ช่วยบอกว่าจะไปทวีปใกล้ๆยังไง หรือว่าถามทางไปเกาะใกล้เคียง แต่ว่าพวกเขาไม่ใช่ใครที่ไหน พวกเขาคือเหล่านักดาบ
ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาก็มักจะเลือกภารกิจที่ยากลำบากและอันตรายเพื่อพิชิตมันให้ได้
 นี่มันไม่สนุกหรือไง?”
สนุกสิ!”
นี่แหละคือวิธีที่พวกนายควรจะเสี่ยงชีวิตตัวเอง
มุ่งหน้าไปสู่จุดหมายของพวกเรา อย่าหยุด!”
ขณะที่พวกเขากำลังว่ายน้ำอยู่เหนือท้องทะเลเปิดอันกว้างใหญ่ไพศาล พวกเขาก็เจอเข้ากับบางสิ้งบางอย่าง
ไกลสุดลูกหูลูกตาออกไป พวกเขาเห็นเรือสินค้าแล่นใกล้เข้ามา
 ดูสิ! มีเรืออับปางนิ เข้าไปใกล้ๆกันเถอะ!”
กัปตันและลูกเรือของเขาโยนเชือกลงมาอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยเหยื่อเรือล่มทั้งหลาย
แล้วนักดาบ 317 ก็ตะโกนออกมาอย่างดัง
 ที่นี่คือ *บุ๋ม บุ๋ม* ไม่ต้องห่วงพวกเรา มุ่งหน้าต่อไปเลย
ข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดนะ พวกเราไม่ใช่โจรสลัด เราจะไปส่งเจ้าที่ฝั่ง ดังนั้นขึ้นเรือมาเถอะ
จริงๆแล้วกัปตันก็เป็นพ่อค้าด้วยเช่นกัน เขาพยายามช่วยชีวิตคนที่เขาคิดว่าเป็นเหยื่อของท้องทะเลแห่งนี้ พ่อค้าแห่งท้องทะเลแสดงความดีของเขาออกมาด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์!
 “พวกเราก็แค่….*บุ๋ม บุ๋ม*สนุกกับการได้ว่ายน้ำน่ะ
ก็อย่างที่เจ้าพึ่งพูดไปนั่นแหละ ข้าไม่เห็นเรือซักลำอยู่แถวๆนี้เลย
บริเวณที่เรือสินค้าแล่นมาเจอกับเหล่านักดาบจริงๆแล้งก็คือใจกลางมหาสมุทร
 จุดหมายใดที่พวกเจ้าพยายามจะว่ายน้ำไปหรือ?”
โม…*บุ๋ม * ราต้า
เพราะว่านักดาบ 417 กำลังพูดขณะที่ว่ายน้ำอยู่จึงทำให้เขากลืนน้ำทะเลไปนิดหน่อย
แม้ว่านี่จะเป็นข้อผิดพลาดที่เขาไม่เคยทำมาก่อน มันก็ยังทำให้ค่าพลังชีวิตของเขาลดลงไปหลายแต้มจนทำให้เขาว่ายน้ำได้ไม่ดีอีกต่อไป ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือตีไม้ตีมือสะบัดขาไปมา
 อะไรนะ โมราต้างั้นหรอ? นั่นมันอยู่ทางตอนเหนือของทวีปไม่ใช่หรอ?”
กัปตันเรือแสดงสีหน้าท่าทางออกมาอย่างกับออร์คที่พึ่งโดนตีตรงหน้าผากด้วยดาบ
 พวกเจ้ากำลังจะไปโมราต้าจริงๆนะหรอ?”
พวกเจ้าเริ่มว่ายน้ำมาจากที่ไหนกันแน่? พึ่งจะมีพายุรุนแรงสองวันก่อนนะ
 “เฮ้ย ไม่มีท่าเทียบเรืออยู่แถวๆนี้เลยนะ ให้ว่ายน้ำจากนั่นมาถึงนี่….ยังไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะไม่มีท่าเทียบไหนอีกจนกว่าจะถึงโมราต้านับจากนี้ไป
จากนั้นเหล่านักดาบฝึกหัดก็เริ่มพล่ามโหวกเหวกโวยวายไปเรื่อยภายในกลุ่มของพวกเขา
เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่ากัปตันเรือสินค้าผู้ที่ออกเรือมาได้สองสามชั่วโมงจะได้มาเจอกับพวกเขา
แต่ว่าพวกเขาก็ว่ายน้ำออกไปจริงๆแล้วมุ่งหน้าไปยังทิศทางของเมืองโมราต้าอย่างไม่ลดละ
เขารู้สึกทึ่งในค่าพลังชีวิตอันมหาศาลของพวกเขามากๆ และอีกครั้งที่พวกเขาก็ได้สังเกตเห็นนักดาบฝึกหัดบางคนไม่อาจทนว่ายน้ำต่อไปได้อีกและจมลงสู่ใต้ทะเล
 ‘ถ้าหากว่าพวกเขามีค่าพลังชีวิตมากมายขนาดนั้น งั้นพวกเขาก็คงจะเป็นนักรบที่มีเลเวลสูงมากแน่ๆ…’
ในฐานะพ่อค้า เขาจึงเข้าใจถึงความแตกต่างของเลเวลนั้นเป็นอย่างดี
แม้ว่าเหล่านักดาบจะมีเลเวลค่อนข้างสูง แถมยังสวมเสื้อผ้าบางๆกับชุดหนังซอมซ่อ แต่ว่าบางคนก็ได้ใส่อุปกรณ์เลเวล 340อยู่เหมือนกัน
เหล่าผู้เล่นเลเวลสูงๆแบบนี้กำลังพยายามฝ่าฟันว่ายน้ำข้ามทวีปอย่างงั้นหรอ!
พวกอาชีพสายนักรบนั้นจะได้รับค่าชื่อเสียงและค่าสถานะจากการออกล่าเหล่ามอนสเตอร์โหดๆ
แต่ทว่าค่าสถานะนั้นก็สูญเสียได้ ถ้าหากว่าพวกเขาตายไปอย่างสูญเปล่า นี่ช่างเป็นการผจญภัยที่สุดแสนจะยากลำบากอย่างแท้จริงต่อการนำไปปฏิบัติตาม
มันเป็นเรื่องธรรมดาในหมู่ผู้เล่นรอยัลโร้ด แม้ว่าคนๆนั้นจะไม่เป็นที่สนใจก็ตาม พวกเขาก็ยังรู้ว่าค่าสถานะและค่าความเชี่ยวชาญของทักษะนั้นสำคัญมากเมื่ออยู่ในเกม
เหล่าชายฉกรรจ์ที่อยู่เหนือท้องทะเลอันกว้างใหญ่นี้ก็เช่นกัน แม้ว่าจะมีเหล่ามอนสเตอร์กินเนื้อขนาดใหญ่อยู่แถวนั้น พวกเขาก็ยังสามารถเพิ่มค่าความเชี่ยวชาญของพวกเขาได้อยู่ดี
กัปตันรู้สึกอิจฉาและถอนหายใจเฮือกใหญ่
 ช่างเป็นเหล่าชายหนุ่มที่มีความสุขอย่างแท้จริง
ทุกๆวันเขาต้องสะสมความเครียดมากมายในตอนที่เขาทำงานที่บริษัท (ในโลกจริง)
แต่ว่าการเดินเรือในรอยัลโร้ดและตามหาความสนุกสนานพร้อมกับทำการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า จากนั้นก็ได้มาเจอกับเหล่านักดาบเขารู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยด้อยค่าเป็นอย่างมาก
 ฉันว่าฉันมันช่างมีชีวิตอยู่สุขสบายเกินไป
ในห้องผู้โดยสารของเหล่าพ่อค้าจะถูกใช้เป็นคลังเก็บของที่มีสินค้าเครื่องแก้วราคาสูงและแร่โลหะมากมาย ทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลเขาเป็นพ่อค้าที่เป็นหนึ่งในท๊อป 300 เหล่าพ่อค้าจะมีความคล้ายคลึงไม่มากก็น้อยกับพวกอาชีพสายนักรบแต่จะเพิ่มเลเวลด้วยการค้าขายเท่านั้นเอง
หนังสือบันทึกการเดินเรือบนน่านน้ำแห่งนี้นับว่าเป็นโอกาสที่จะได้ย้อนนึกถึงตัวเองเพื่อก้าวต่อไปในอนาคต
 “หลังจากพวกเราเสร็จสิ้นการค้าขายครั้งนี้ ไปหาเรือใหม่ ลูกเรือใหม่แล้วก็ล่องออกไปที่นั่นกันเถอะ!”
จากนั้นเขาก็ดึงแผนที่มหาสมุทรที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ออกมา ความน่าจะเป็นที่พวกเขาสามารถว่ายน้ำออกไปบนท้องทะเลนั้นอยู่บนกระดาษแผ่นบางๆนี้เท่านั้น แต่ว่าปณิธานอันตั้งมั่นของพวกเขานั้นช่างสูงส่งมากเกินกว่าจะห้ามปรามได้แล้วจริงๆ
นอกจากนี้พวกเขายังมุ่งหน้าไปยังน่านน้ำที่มีเหล่าโจรสลัดชุกชุม หมู่เกาะร้าง หรือแม้แต่ดินแดนที่ใครไปแล้วไม่มีทางได้กลับมา
จากนั้นกัปตันเรือก็ตัดสินใจว่าเขาจะสานต่อความรักในการผจญภัยของเขาต่อไป
ถ้าหากว่ากัปตันได้เห็นเหล่านักดาบจมน้ำลงไปในมหาสมุทรยังไงหรือว่าถูกมอนสเตอร์ทะเลกินยังไง เขาก็อาจจะตระหนักได้ว่าพวกเขามีการผจญภัยที่สุดขั้วยังไงและพวกเขาต้องเสี่ยงชีวิตมากแค่ไหนถึงจะทำเช่นนั้นได้
และถ้าหากว่าเขาได้รู้ความจริงว่าเหล่านักดาบเริ่มว่ายน้ำมาจากเกาะเบลโลน่าที่อยู่ในทะเลเนอเรียส่วนใน, ผ่านทางเข้าสู่น่านมหาสมุทรมาตลอดทางจนถึงที่นี่
ไม่เลยๆ เขาคงไม่จำเป็นต้องรู้ถึงเรื่องราวของพวกเขาหรือนึกถึงว่าพวกเขามาไกลขนาดนี้ได้ยังไง ขอเพียงแค่กัปตันมีความเป็นชายชาตรีและกล้าหาญขึ้นมาอีกนิดหน่อย เขาคงกระโจนลงตรงนั้นและเริ่มออกว่ายน้ำไปพร้อมกับเหล่านักดาบไปแล้ว
==============================

วีดปักหลักอยู่ตรงมุมของประติมากรรมแห่งแสงและยังถูกจับตามองอีกด้วย
ประติมากรรมแห่งแสงลากเส้นดึงดูดความสนใจต่อผู้หญิงเป็นอย่างมาก มวลเมฆ สายลม และดิน กลายเป็นทิวทัศน์อันแสนงดงาม
 เพียงแค่เพราะว่ามันมีขนาดใหญ่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นประติมากรรมธรรมชาติเสมอไป
ไม่น่าประหลาดใจเลยที่ทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลจะพูดถึงบรรดาประติมากรรมธรรมชาติที่วีดสร้างขึ้นบนยอดเขาทั้งหลายทั่วทวีป เหล่าผู้ประกาศข่าวรายงานข่าวจากการสัมภาษณ์ผู้เห็นเหตุการณ์ และก็ยังคงมีการโต้เถียงอีกมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆเหนือท้องทะเลนั้นด้วย
ตอนนี้ เหล่าอาชีพสายพ่อค้า ต่างพากันบุกเบิกสถานที่ค้าขายแห่งใหม่ แถมไม่ได้มีเพียงอาชีพช่างตีดาบที่ทำได้ดีจนเป็นที่น่าจับตามอง ยังมีเหล่าช่างเสื้อและโดยเฉพาะอาชีพสายประติมากรด้วยเช่นกัน

ทัศนคติที่ผู้คนต่างเคยมองอาชีพสายเหล่านี้ได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ประติมากรรมธรรมชาติของวีดถูกสลักขึ้นมาเพื่อแสดงถึงกลีบใบไม้ที่ร่วงโรยในยามฤดูใบไม้ผลิและผ่านพ้นฤดูกาลต่างๆนาๆจนกว่าจะกลับมาแตกหน่อแผ่กิ่งก้านอีกในยามฤดูใบไม้ผลิมาเยือนอีกครั้ง
นั่นจึงทำให้การแสดงตัวของพวกเขาดูโอ่อ่ามีอำนาจมากยิ่งขึ้น แม้นจะเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นมาแต่ก็ยังเป็นความงดงามที่แท้จริง อย่างขีดจำกัดของประติมากรรมท้องฟ้าที่ถูกสร้างขึ้นมา
 “ฉันจะสร้างสิ่งเล็กๆเหล่านี้ต่อไปเรื่อยๆ นี่เป็นสิ่งที่จะทำให้ฉันได้ค่าชื่อเสียง ค่าสถานะ และก็ค่าความเชี่ยวชาญทักษะ เพราะว่าสิ่งเล็กๆเหล่านี้ก็สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน
วีดนั่งลงและสร้างหลักการที่สมเหตุสมผลกับตัวเขาเอง เป็นบางสิ่งที่ออกมาจากภารกิจในครั้งนี้
จากนั้นเขาก็จมอยู่ในห้วงลึกแห่งอารมณ์
 พูดถึงเงินที่ไหลเวียนอยู่นั่นก็คงเป็นเงินที่พวกคนชั่วเลวทรามรีดไถ่กดขี่เอามานั่นแหละ ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีเงินมากมายเหลือเฟือก็ตามที….ฉันก็แค่อยากทำบางสิ่งบางอย่างเท่านั้นและแม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์แบบ พอที่จะดึงดูดความสนใจคนได้มากก็เถอะ
หลักๆส่วนใหญ่แล้ว พวกมันก็เป็นผลงานอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นฉากที่เขาอยู่ร่วมกับน้องสาวของเขาที่ไม่ค่อยได้มีเวลาออกไปท่องเที่ยวร่วมกันกับเธออยู่ซักพัก แล้วสำหรับพี่ชาย น้องสาวของเขาเป็นเพื่อนร่วมทางที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เขาคิดไว้ว่าจะให้อุปกรณ์บางชิ้นกับยูรินที่เหมาะกับเธอ
 แพงจังเลย ให้ส่วนลดข้าหน่อยสิ
วีดใช้ค่าชื่อเสียงที่สูงเพื่อกดราคาเจ้าของร้านขายของ
 ถ้าข้าทำอย่างนั้น ข้าคงทำกำไรไม่ได้แน่…”
 “การขายไม่ใช่บางสิ่งที่ทำเพื่อเงินนะ มันทำเพื่อผู้คนต่างหากละ! แถมมันสร้างคุณงามความดีให้กับตัวท่านอีก
 “อืมมมม เพราะว่านี่เป็นคำที่มาจากนักผจญภัยผู้โด่งดังหรอกนะ งั้นข้าจะทำอย่างที่เจ้าว่าละกัน
การออกล่าและการผจญภัยนั้นแสนธรรมดา ไม่เหมือนกับการซื้อเสื้อผ้าหรือว่าชุดเกราะที่ร้านค้า สิ่งของทั้งหลายล้วนแล้วแต่ไม่ซื่อไม่ตรง
น้องสาวของเขาวาดภาพด้วยความสดใสขึ้นอย่างมากในขณะที่พวกเขาออกท่องไปทั่วทวีปด้วยกัน เธอมีรูปร่างหน้าตาอย่างเด็กที่ผ่อนคลายและยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา
 เธอเติบโตขึ้นมาอย่างดี แม้ว่าฉันจะไม่สามารถดูแลเธอได้อย่างพอเหมาะพอควรก็เถอะ
เพราะว่าไม่มีพ่อแม่ วีดจึงต้องรับหน้าที่นั้นไป
ตั้งแต่เธอยังเด็ก เธอก็ทำตัวเป็นเด็กดีมาตลอด แต่เขากลับระแวงคนภายนอกต่างหาก ยูรินมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนและเนื้อหอมอยู่เสมอ
วีดนึกถึงนิทานก่อนนอนที่เคยเล่าให้ยูรินฟัง
เทพนิยายนั้นเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการสร้างEQของเด็กๆ!(นิทานปรัมปรา)
วันนี้พี่จะมาเล่านิทานเรื่องลูกหมูสามตัว
เหล่าลูกหมูน้อยสามตัวแยกตัวออกมาจากพ่อแม่ของพวกมันเพื่อสร้างบ้านของตัวเอง
หมูตัวแรกสร้างบ้านขึ้นมาด้วยฟาง หมูตัวที่สองสร้างบ้านจากท่อนไม้ ส่วนหมูตัวสุดท้ายก็สร้างขึ้นมาจากก้อนอิฐที่แข็งแรงมั่นคง
แต่ว่าจากนั้นก็มีเจ้าหมาป่ามาทำลายบ้านของพวกมัน
บ้านที่สร้างจากฟางพังลงมาด้วยการพ่นลมจากจมูกของมัน ส่วนบ้านที่สร้างจากไม้ถูกทุบจนพังลง
ท้ายที่สุด เหล่าลูกหมูสามตัวก็รอดจากการไล่ล่าของเจ้าหมาป่ามาได้ด้วยการอยู่ที่บ้านของลูกหมูตัวที่สามที่สร้างจากก้อนอิฐ
น้องรู้หรือเปล่าว่าอะไรคือข้อคิดของนิทานเรื่องนี้?
ในความทรงจำของวีด น้องสาวของเขาพูดออกมาด้วยดวงตาเป็นประกาย

 “ว่ามันต้องสร้างบ้านที่ทำจากอิฐ ใช่ไหมคะพี่?”
วีดส่ายหัวไปมาอย่างเด็ดเดี่ยว
 นี่มันก็แค่นิทานของเด็กๆ มันไม่มีข้อคิดอะไรหรอก ทรัพย์สินที่แท้จริงทั้งหมดนั้นล้วนเกี่ยวกับทำเลทั้งนั้น!”
อาฮ่า
อ๋อออออ
พรุ่งนี้พี่จะเล่าเกี่ยวกับเรื่อง ฮงบุและโนบุ (Hongbu & Nobu: เทพนิยายเกาหลี) มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำงานหนัก โนบุได้เคล็ดลับเหล่านั้นมาจากฮงบุพี่ชายของเขาเอง
เธอต้องเรียนหนังสือที่บ้านเนื่องจากสภาพทางครอบครัวของวีด!
วีดก็เป็นห่วงเรื่องผู้คนที่มองยูรินอยู่เรื่อยๆด้วยเช่นกัน เขาไม่สามารถปล่อยจิตปล่อยใจไปได้เลย
 ถึงเวลาที่ต้องสร้างประติมากรรมธรรมชาติในเมืองแล้ว
แผนเดิมก็คือสร้างประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีสเอาไว้ในทวีปทางตอนเหนือข้างนอกเมืองโมราต้า
มีดินแดนที่ไม่มีใครกล้าแตะ ดินแดนที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์อันตรายมากมายเตร็ดเตร่อยู่ ไม่มีใครหน้าไหนที่จะกล้าไปแหยมกับพวกมัน
ในขณะที่วีดออกไปบุกเบิกพื้นที่อย่างภูเขาเดบการ์ดเพื่อสร้างประติมากรรมธรรมชาติ เขาก็พยายามเพิ่มเลเวลให้ไปถึงทักษะแกะสลักมหาภัยพิบัติด้วยเช่นกัน
เหตุการณ์ภัยพิบัติแห่งธรรมชาติที่เลวร้ายที่สุดได้อุบัติขึ้นมาแล้ว!
สิ่งที่ต้องทำ: เรียนรู้ทักษะนี้ให้ได้เร็วๆ กวาดล้างเศษซากทั้งหลาย แล้วก็ทำอาหาร
ฉันจะต้องเพิ่มเลเวลทักษะให้ได้เร็วๆ ฉันจะได้เป่าทุกสิ่งทุกอย่างให้ราบคาบไปในทีเดียวเลย
ไฟป่า น้ำท่วม ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว คลื่นยักษ์สึนามิ ภูเขาไฟระเบิด พายุน้ำแข็งกับพายุหิมะ มีตัวเลือกตั้งมากมายสำหรับทักษะแกะสลักมหาภัยพิบัติที่เพิ่มค่าประสบการณ์ใส่เข้าไปแล้ว
 การผสานทั้งหมดเอามาไว้ด้วยกันคงสร้างประติมากรรมที่ดีที่สุดได้แน่ๆ
แต่เมื่อมองกลับไปที่เมืองโมราต้าความคิดของเขาก็แปรเปลี่ยนไปนิดหน่อย
 นี่ฉันต้องไปในที่ที่ไม่มีคนเพ่นพ่านเพื่อสร้างประติมากรรมธรรมชาติจริงๆหรอเนี่ย?”
มีต้นไม้มากมายอยู่ตามถนนในเมืองโมราต้า นั้นก็เพราะว่าวีดปลูกไม้ผลไว้มากพอควร แต่ว่านอกเหนือจากต้นไม้ก็ยังมีดอกไม้คั่นอยู่ระหว่างถนนหินที่แตกสายออกมาจากจัตุรัส แถมยังมีหญ้าโตขึ้นมาอีกด้วย
 ผู้คนเดินผ่านพวกมันโดยไม่ได้สังเกตอะไรเลย แต่ว่าหญ้าทุกๆต้นนั้นเป็นประติมากรรมธรรมชาติเลยนะ
วีดตั้งหลักหลบอยู่ที่มุมจัตุรัสแห่งแสงห่างราวๆ 20 เมตรจากพื้นที่นั้น
เพราะว่าจัตุรัสแห่งแสงเป็นสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาหมาดๆ แถมยังมีความจริงที่ว่ามีผู้คนมากมายกำลังทำงานเพื่อก่อสร้างวิหาร แถมยังมีผู้คนอีกมากมายเดินผ่านมาทางนี้อีกด้วย
แต่ก็มีพวกพ่อค้าตั้งร้านอยู่รอบๆน้ำผุเพียงเพราะว่ามีคนคับคั่งอย่างมาก จึงมีที่อยู่ตรงมุมนั้นที่โล่งกว้างเพียงพอจะนั่งลงไปได้ แต่จริงๆแล้วเหล่าผู้เล่นก็มารวมตัวอยู่แถวๆจัตุรัสนี้ด้วยเช่นกัน มันมีเหตุผลนานัปการที่พวกเขามารวมตัวกันที่นี่
และด้วยเหตุผลหนึ่งละ เพราะว่าเหล่าผู้เล่นต่างก็มาซ่อมแซมไอเท็มของพวกเขาที่นี่ การตั้งร้านแถวๆนี้จึงเป็นเรื่องง่ายมากและกอบโกยกำไรได้อย่างมหาศาล ไม่เพียงแค่นั้น หากมองย้อนกลับไปถึงวันที่เหล่ามือใหม่ที่ต้องออกล่ารอบๆปราสาทนี้ ทุกคนก็มักจะมาเติมน้ำดื่มที่ลานน้ำพุอยู่เสมอภายในจัตุรัสแห่งนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหล่าผู้คนที่รุดเร่งมายังน้ำพุแห่งนี้จะก่อให้เกิดการรวมตัวทางการค้าได้เช่นนี้
วีดทำงานอยู่ตรงหัวมุมถนนสวมเสื้อผ้าสีดำสนิทและแกะสลักดอกไม้และต้นหญ้าออกมาจากก้อนดิน
ความแข็งแกร่งอันเดดของวีดค่อยๆต่ำลงไปเรื่อยๆ นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วตั้งแต่เขาทำภารกิจประติมากรรมสำเร็จ ค่าสถานะของเขาลดลงไปต่ำกว่า 140 แต้มแล้ว พวกประติมากรรมที่วีดสร้างขึ้นมาจนถึงเดี๋ยวนี้ค่อยๆลดค่าสถานะอันเดดของเขาลงไปอย่างต่อเนื่อง
มันช่างรู้สึกสดชื่นราวกับได้ไปโรงอาบน้ำในวันหยุด นี่ถือเป็นความสำเร็จที่เขาได้อดทนฝึกทำประติมากรรมธรรมชาติให้ชำนาญและเหล่าประติมากรรมที่เกี่ยวโยงกับธรรมชาติก็นับเป็นเวลามากกว่า 100 วันแล้วด้วย
 ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะสร้างประติมากรรมพวกนี้ให้เสร็จซะที
สำหรับภารกิจของบัลข่าน เหลือเวลาเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น วีดจัดแต่งประติมากรรมนั้นเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อปิดฉากงาน
แม้ว่าวีดจะสามารถปฏิเสธภารกิจนั้นได้สบายๆ แต่เขาก็อดสงสัยและอยากเห็นว่าภารกิจแบบไหนกันที่จะออกมา
เพราะว่าวีดตั้งหน้าตั้งตาแกะสลักใบหญ้าแต่ละใบ กลีบดอกไม้แต่ละกลีบอย่างพิถีพิถัน ประติมากรรมชิ้นนี้ก็เลยไม่ได้ใหญ่โตเท่าๆกับผลงานชิ้นอื่นตั้งแต่ที่เขาเคยสร้างมา
ถ้าหากว่ามีใครสักคนเข้ามาใกล้ๆและแอบชำเลืองมองประติมากรรมชิ้นนี้ พวกเขาก็คงรู้สึกแปลกใจในความสมจริงของประติมากรรมชิ้นนี้ แต่ยังไงก็ตามเขาได้ยืมรถม้าจากเมแพนมาและใช้มันกั้นเอาไว้อย่างกับรั้วเพื่อกันไม่ให้คนเข้ามาดู
คงต้องขอบคุณที่มีผู้คนพลุกพล่านและสิ่งก่อสร้างที่เบียดเสียด อีกทั้งการค้าขายที่อยู่ทั่วทุกบริเวณที่ทำให้เขาสามารถทำงานเสร็จได้โดยไม่ถูกรบกวน
 เอาล่ะ เสร็จแล้ว
วีดสร้างดอกไม้ดอกสุดท้ายด้วยก้อนดินเสร็จสิ้นแล้ว
-โปรดตั้งชื่อประติมากรรมที่สร้างขั้นมา
ประติมากรรมชิ้นนี้รวบรวมผสมผสานไปด้วยมวลดอกไม้ที่วีดเคยเห็นมาในตอนที่เขาออกท่องไปทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลพร้อมกับน้องสาวของเขา เพราะว่านี่เป็นประติมากรรมแห่งดอกไม้และใบหญ้าที่เติบโตขึ้นมาแบบพรวดพราด มันจึงทำให้เขาหวนนึกถึงตอนที่เขายัดลูกตาใส่ในตุ๊กตา แต่เพราะว่าเขาพึ่งจะสร้างประติมากรรมแตกต่างหลากหลายเสร็จไป เขาจึงไม่อยากทิ้งหลักฐานใดๆไว้เพื่อแสดงให้เห็นความพยายามที่เขาทุ่มเทไป
 แปลงดอกไม้ที่ฉันทำฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ? ไม่ๆ มีเหตุผลบางอย่างที่ฉันรู้สึกว่าคงจะโดนด่าจากผู้คนว่าฉันตั้งชื่อห่วยๆหลังจากที่ต้องทำงานมาอย่างหนักขนาดนี้ งั้นเอาแค่ แปลงดอกไม้แห่งจัตุรัสหรอ? มันก็ดูไม่เตะหูเท่าไรจริงๆ
หลังจากที่ทำงานมาอย่างอยากลำบาก เขาช่างตั้งได้ชื่อแย่มากๆ นี่แหละความพิเศษของตัววีด!
คงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีผู้คนมากมายมาชื่นชมประติมากรรมชิ้นนี้เพราะว่ามันอยู่ถัดจากวิหารที่สร้างขึ้นในจัตุรัสแห่งแสงนี้
ถึงแม้ว่าจะไม่มีทางรู้ได้ว่าประติมากรรมนี้จะออกมาเป็นยังไง วีดก็ยังคงรู้สึกว่ามันคงจะไม่แย่มากนัก
ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ป่าและต้นหญ้าก็มีเหล่าผีเสื้อและหมู่ผึ้ง แถมยังมีเหล่านกน้อยถูกแกะสลักขึ้นมาเช่นกัน เหล่าผีเสื้อกระพือปีกภายในแปลงดอกไม้ หมู่ผึ้งก็ตอมรวมกันที่น้ำผึ้ง ส่วนหมู่นกก็กำลังสร้างรังอยู่ในพุ่มไม้
ซักวันเขาจะปลูกต้นไม้มากมายภายในพื้นที่แห่งนี้และสร้างให้มันเป็นป่าที่สดใสงดงามและเงียบสงบ
 “ฉันจะต้องปลูกไม้ผลให้ได้เลยแต่….งั้นฉันจะตั้งชื่อประติมากรรมธรรมชาติชิ้นนี้ว่า แปลงดอกไม้ธรรมด๊าธรรมดาละกัน(แอดชิน:ตอนแรกว่าจะให้เป็น แปลงดอกอันแสนเรียบง่าย แต่แบบนี้ดีกว่า 55)
-ท่านแน่ใจว่าจะตั้งชื่อว่า แปลงดอกไม้ธรรมด๊าธรรมดา หรือไม่?
 “ใช่แล้ว
ในการเป็นลอร์ดแห่งโมราต้า เขาต้องการที่จะแสดงให้ชาวเมืองของเขาได้รู้ว่าการสร้างงานระดับนี้นั้นไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย
ทำนองว่าในตอนที่เพื่อนคุณถามว่าเธอได้เงินมากเท่าไร แล้วคุณก็ตอบไปว่าก็ไม่มากเท่าไรหรอกจากนั้นก็ค่อยบอกจำนวนเต็มแบบไม่รวมค่าภาษีกับค่าประกันสังคมเข้าไป
ติ้ง!
ผลงานระดับมาสเตอร์พีส! แปลงดอกไม้ธรรมด๊าธรรมดา
แปลงที่มีดอกไม้บานสะพรั่ง ประติมากรรมชิ้นนี้แสดงให้เห็นถึงดอกไม้ป่าและพุ่มไม้ที่เติบโตขึ้นอยู่เต็มไปหมด แม้ว่ามันจะดูรกชัฏอยู่บ้างแต่ก็พรั่งพรูไปด้วยพลังแห่งชีวิต
มีบันทึกหลายเล่มได้อ้างว่ามีเพียงดอกไม้หายากเหล่านี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่จะเติบโตมาได้ พวกมันเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรงด้วยจำนวนมากมายถึงแม้ว่ามันจะเป็นประติมากรรม
ผลงานแต่ละชิ้นที่แสดงออกถึงความงดงามของดอกไม้เบ่งบานเต็มที่ภายในมือของประติมากร
ผลงานแห่งดอกไม้คุณค่าของมันจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
ค่าความแข็งแกร่งของประติมากรรมธรรมชาติขึ้นอยู่กับมัน
คุณค่าทางศิลปะ: 3871
คุณสมบัติ: เมื่อได้มองผลงานแปลงดอกไม้ธรรมดานี้แล้ว ระดับการฟื้นฟูค่าพลังชีวิตและมานาเพิ่มขึ้น 23% ตลอดหนึ่งวัน
ค่าพลังชีวิตสูงสุดเพิ่มขึ้น 37%
เมื่อได้ชื่นชมประติมากรรมชิ้นนี้ สามารถเชี่ยวชาญทักษะทางสมุนไพรได้คล่องแคล่วมากขึ้น
ประสิทธิผลของระดับทักษะของเหล่าคนไร่และคนสวนเพิ่มขึ้น 3%
การเติบโตนี้ได้ปลดล็อคเหล่ามอนสเตอร์พืชภายในพื้นที่ด้วยเช่นกัน มอนสเตอร์พืชได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว
หลักๆแล้วป่าไม้จะเกิดขึ้นมาจากพวกมัน และค่อนข้างจะมีแนวโน้มด้านเกษตรกรรมที่สูงต่อมนุษย์มากขึ้น
พื้นที่นี้ชุกชุมไปด้วยต้นชาแห่งเทือกเขาแอลป์
งานเทศกาลแห่งฤดูกาลอาจจะเกิดขึ้นมาด้วยเช่นกันขึ้นอยู่กับความต้องการของเหล่านักท่องเที่ยวและผลผลิตการเก็บเกี่ยวทางการเกษตร
ไม่มีผลทับซ้อนกับประติมากรรมชิ้นอื่นๆ
บัดนี้ จำนวนของประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีสทำสำเร็จไปแล้ว:15
-ค่าความเชี่ยวชาญทักษะแกะสลักพัฒนาแล้ว
-ค่าความเชี่ยวชาญทักษะช่างฝีมือพัฒนาแล้ว
-ระดับทักษะความเข้าใจในประติมากรรมเพิ่มขึ้น 1 เลเวล
-ค่าชื่อเสียงดีเพิ่มขึ้น 625 แต้ม
-ค่าสถานะทางศิลปะเพิ่มขึ้น 12 แต้ม
-ค่าสถานะกำลังกายเพิ่มขึ้น 4 แต้ม
-ค่าพลังชีวิตเพิ่มขึ้น 380 แต้ม
-ค่าความอึดเพิ่มขึ้น 3 แต้ม
-ค่าความอดทนเพิ่มขึ้น 3 แต้ม
-ด้วยการสร้างผลงานประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีส ความเชี่ยวชาญการแกะสลักเพิ่มขึ้น 1 แต้ม
-ระดับประติมากรรมธรรมชาติเพิ่มขึ้นไปจนถึงขั้นกลางเลเวล 6
-ท่านได้เรียนรู้ทักษะแกะสลักแห่งมหาภัยพิบัติ
-การแกะสลัก คำทำนายครั้งสุดท้าย(The Last of Divination)ด้วยความงดงามอันเฉิดฉาย ภารกิจที่เกี่ยวโยงกันได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว
การแกะสลักความรุ่งโรจน์แห่งผืนพิภพ ภารกิจจะเริ่มขึ้นได้ด้วยการติดต่อสนทนากับผู้คนที่อยู่ที่นั่น
ภารกิจต่อเนื่องจะยิ่งยากลำบากมากขึ้นเมื่อท่านไปไกลมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะไม่ทำให้ภารกิจล้มเหลว แนะนำให้ท่านเพิ่มทักษะการแกะสลักของท่าน
คำทำนายครั้งสุดท้ายได้ถูกแกะสลักขึ้นมาแล้ว!

ทักษะมีดแกะสลัก(Scuplting Blade) ทักษะประติมากรรมประทานชีพ(Sculpture Life Bestowal) ประติมากรรมจำแลง (Sculpture Shapeshifting) ทักษะแกะสลักรังสรรค์ธาตุ (Elemental Sculpting) แล้วก็ทักษะแกะสลักมหาภัยพิบัติ(Disaster Sculpting)!
 “ทักษะแล้วทักษะเล่า จนในที่สุดฉันก็มีทักษะครบเซ็ทแล้ว
นั่นก็คือคำทำนายสุดท้าย (Last Divination)นั่นเอง
นี่มันให้ความรู้สึกอย่างกับตอนที่เขายังเป็นเด็กและขายหนังสือพิมพ์ตลอดฤดูใบไม้ผลิเพื่อเอาไปหยอดกระปุกออมสินให้เต็ม แน่นอนว่าฉันจะเอามันมาให้ได้ในกรณีที่ฉันยังยุ่งๆอยู่แบบนี้ ฉันคงต้องเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก่อน
 ได้รับภารกิจมาแล้ว แต่มันคงจะล้มเหลวแน่ถ้าไม่ทำให้สำเร็จภายในปีหนึ่ง…”
สถานการณ์มันคลับคล้ายคลับคลากับตอนที่ย่านการค้านำเข้าสินค้าล็อตใหม่แล้วเขาก็ต้องรีบทุบกระปุกออมสินแล้วเร่งไปที่ทงเมง(Dongmeng: ย่านการค้าของเกาหลี)
 ฮึก ฮึก ฮือฮือ!” (น่าจะเสียงร้องไห้)
สารรูปของวีดช่างเป็นภาพที่น่ากวนใจยิ่งนัก
ในหลายๆแบบที่ลักษณะนิสัยอันพิลึกพิลั่นของเขาที่มีในตอนนี้เป็นเพียงภาพสะท้อนวัยเด็กของเขาเท่านั้นในตอนนี้มีเพียงแค่น้ำบริสุทธิ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะชำระจิตใจของเขาได้
เมื่อนึกหวนกลับไปตอนนั้นช่างยากยิ่งนักที่จะได้กินเนื้อหมูทอดซักชิ้นและยากยิ่งกว่าที่จะหาความสงบสุขภายในจิตใจของเขาได้
ยังไงก็เถอะ อีกไม่นานทักษะแกะสลักของฉันก็จะขึ้นเป็นขั้นสูงเลเวล 8 แล้ว
ณ เวลานี้ทักษะแกะสลักของเขาอยู่ที่ขั้นสูงเลเวล 7 ที่ 99.3% เหลืออีกเพียงแค่ 0.7% เท่านั้น
การสร้างประติมากรรมให้เป็นต้นอ่อน ดอกไม้ และต้นหญ้าได้สำเร็จนั้นเป็นเพียงการสร้างมุมของความมีชีวิตชีวาให้กับก้อนหิน ดิน และน้ำเท่านั้น
ด้วยการพลิ้วไหวไปมาอย่างแผ่วเบาของสายลม เหล่าใบไม้ก็กลายเป็นสีเขียวชอุ่มและโปรยกลิ่นอันสดชื่นไปทั่วทุกที่ เหล่าประติมากรรมผีเสื้อและหมู่ผึ้งดึงดูดเหล่าผีเสื้อกับผึ้งจริงๆบินเข้ามา ส่วนแมลงอื่นๆบินเข้ามาเพื่อดื่มด่ำน้ำหวานและเกสรดอกไม้
การรังสรรค์ผลงานของวีดได้แปรเปลี่ยนภาพที่หวนกลับไปถึงวันเก่าๆที่มาเทียมข้างเคียงกับพืชพันธุ์นานาชนิดของดอกไม้และต้นหญ้า
แต่ว่ามวลดอกไม้นับไม่ถ้วนและรากที่อยู่ระหว่างผืนดินอยู่ใกล้ๆกับรั้วกั้นแพร่พันธุ์ลุกลามออกไป และในไม่ช้าก้านดอกไม้ก็โผล่ออกมา
สถานที่สีสันสวยงามมากมายภายในโมราต้าปกคลุมไปด้วยดอกไม้ที่แพร่ขยายออกไปเรื่อยๆ!
มวลกลีบดอกไม้จากจัตุรัสแห่งแสงล่องลอยปลิวไปยังบรรดาเมืองร้างต่างๆ
ห้องสมุด กิลด์ทหารรับจ้าง และตลาดก็อยู่ใกล้ๆโครงวิหารที่ยังสร้างไม่เสร็จ ที่นั่นมีเหล่าพ่อค้าและผู้เล่นคนอื่นๆที่รวมตัวกันอยู่ก็เห็นกลีบดอกไม้ลอยล่องมาตามสายลม
ติ้ง!
เทศกาลดอกไม้ป่าได้เริ่มขึ้นแล้ว
มวลดอกไม้ป่าเป็นสัญญาณที่บอกว่าฤดูใบไม่ร่วงได้มาเยือนแล้ว ไม่ว่าเพื่อนมิตรสหายหรือศัตรู
ที่ราบโล่งและเนินเขาของทวีปเวอร์เซลตอนเหนือจะเต็มไปด้วยดอกไม้อันเบ่งบาน แม้แต่ริมแม้น้ำก็ด้วยเช่นกัน ชาวเมืองที่ตกหลุมรักจึงเลือกที่จะสารภาพความจริงบนดินแดนแห่งนี้
ระหว่างงานเทศกาล ความสุขของเหล่าชาวเมืองจะเพิ่มขึ้น
การฟื้นตัวของพลังชีวิตเพิ่มมากขึ้น
ค่าชื่อเสียงเมื่ออยู่ในอาณาเขตของโมราต้าเพิ่มขึ้น
ผู้มาเยือนเพิ่มขึ้นเพื่อโฆษณาถึงการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
อัตราการผลิตน้ำผึ้งสูงขึ้น 800%
มันเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสหายและศัตรูต่างใช้เวลาแห่งความสุขร่วมกันภายในดินแดนเดียวกันด้วยความเป็นมิตร
 เยี่ยมไปเลย ดอกไม้พวกนี้ช่างสวยงามจริงๆ แถมข้ายังได้กลิ่นหอมอันน่าทึ่งนี้อีก…”
ความกล้าหาญของพวกเขาเพิ่มขึ้นด้วยผลจากดอกไม้เหล่านั้น ไม่ว่าผู้เล่นจะมีเลเวลสูงมากซักแค่ไหนพวกเขาก็ยังคงจดจำเหล่าผู้เล่นมือใหม่ไว้ภายในใจ พวกเขาเคยใช้เครื่องรางร่ายเวทย์ที่มีแร่หินล้ำค่า!
งานเทศกาลดอกไม้ป่าของวีดเกิดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
 ดอกไม้พวกนี้ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคนถึงซื้อมันแล้วก็เอาไปให้คนอื่น อย่างเพื่อแสดงความยินดีในการเรียนจบ ฉลองสอบเข้ามหาลัยได้ หรือแม้แต่ในโอกาสอื่นๆก็ด้วย มีดอกไม้ปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ หลังจากนั้นทุกอย่างที่ให้มาก็สูญเปล่าในตอนที่พวกมันลงไปอยู่ในถุงขยะ คุณค่าของมันก็จะหมดไป
จิตใจของวีดนั้นแห้งแล้งเสียยิ่งกว่าทะเลทรายที่แม้แต่ต้นกระบองเพชรก็ไม่อาจรอดได้ซะอีก
งานเทศกาลนี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง แต่เขาก็คิดว่ามีซักครั้งก็คงไม่เป็นไร เขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วตอนที่ยูรินไปชมสวนดอกไม้ นี่อาจจะทำให้ดีขึ้นก็ได้ขณะที่พวกดอกไม้กระจายไปทั่วทั้งดินแดนแบบนี้
 “ก็ดี ไม่เลวเลย เอาไว้ให้แค่คนกลุ่มเดียวก็คงไม่ดี กระจายออกไปแบบธรรมชาตินั่นละดีแล้ว แถมยังไม่ต้องเสียค่าเก็บดอกไม้ในโมราต้าด้วย เพราะถ้าไม่ใช่นี่ มันก็คงดีเหมือนกันที่พวกชาวเมืองจะได้มีความสุขบ้าง
สถานที่ที่เหล่าประติมากรรมผีเสื้อและผึ้งอยู่กลายเป็นจุดที่ให้ค่าสถานะไปซะแล้ว
เขารู้ว่ามันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่ผู้เล่นคนอื่นๆจะสร้างอะไรแบบนี้ขึ้นมา
จากนั้นวีดก็พบกับจุดโล่งๆที่อยู่ใกล้กับประติมากรรมผีเสื้อและผึ้ง ฉะนั้นเขาจึงสามารถต้อนรับเหล่าผู้เล่นที่เดินเข้ามาได้

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ภารกิจคำเรียกขานของบัลข่านนั้นกำลังจะเริ่มเต็มทีแล้ว
บรรดาประติมากรรมของวีดนั้นออกมาจากเมืองโมราต้าแล้ว
ณ เวลาเที่ยงคืนตรง ภาพวิด๊โอของกองทัพอมตะและภาพอื่นที่เกี่ยวข้องกันก็ปรากฏฉายขึ้นมาบนสายตาของเขา
มวลหมอกอันเย็นยะเยือกสกัดกั้นหุบเขาที่แสนชุ่มชื่นด้วยสายน้ำที่ไหลริน
เหล่าต้นไม้มีอายุเติบโตขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายและทำลายฉากความมืดมนและดินแดนที่แสนหดหู่นี้
แสงแดดส่องแสงริบหรี่ ก็ได้ยินเสียงบางสิ่งบางอย่างดังขึ้นมา
ตึก ตึก ตึก กรึก กรึก คึก คึก (เสียงสั่นๆเสียงกระทบของบางอย่าง)
จากนั้นกองทัพโครงกระดูกมอดไหม้ก็โผล่ร่างขึ้นมาจากหุบเขาเบื้องล่าง
พวกมันไม่ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว และก็รุดหน้าบุกเข้าสู่หุบเขาดินอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เข้าไปในพื้นที่โล่งอันกว้างใหญ่ไพศาลและมุ่งหน้าเข้าสู่ผืนป่า
เหล่าโครงกระดูกมอดไหม้จำนวนมากมายที่กำลังเดินส่ายไปส่ายมาเริ่มก่อขบวนทัพและและกรีธาทัพออกไป
ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ จุดหมายปลายทางของพวกเขาคือตรงรอยแยกที่อยู่ในหินยักษ์ก้อนนั้น!
ขณะที่เหล่าโครงกระดูกมอดไหม้กระเสือกกระสนพยายามเข้าไปในรอยแยกนั้น ก็มีอันเดดตนหนึ่งมาถึงแล้ว
นั่นก็คืออัศวินแห่งโลกาวินาศที่ลุกขึ้นมาจากอดีต (Doom Knight)
 “ไอ้พวกตัวเหม็น ออกไปนะ ไปให้พ้น!”
มีคนแคระขาสั้นคนหนึ่งออกมาและกวัดแกว่งขวานของเขาออกไป
เหล่าโครงกระดูกมอดไหม้ถูกโจมตีเข้าอย่างจังและแตกกระจายทุกครั้งที่เขาเหวี่ยงขวาน
เหล่าคนเถื่อน เผ่าพันธุ์เอลฟ์และภูติต่างก็ร่วมกันสร้างแนวตั้งรับของพวกเขาเอาไว้และก็ต่อสู้กับพวกมันเหมือนเช่นดั่งในอดีตที่ผ่านมา
 พวกอันเดดมาถึงแล้ว ยิง!”
เหล่าเอลฟ์สาวสวยก็กำลังเฝ้าคอยอยู่ในตอนนั้น ในตอนที่พวกอัศวินโลกาวินาศเข้ามาอยู่ในระยะสายตา พวกเธอก็ตั้งลูกศรธนูแสงขึงใส่สายธนูและโจมตีใส่มอนสเตอร์พวกนั้นทันที
จากนั้นกองทัพอมตะก็ได้แสดงกำลังรบของพวกมันให้เผ่าพันธุ์ทั้งหลายนั้นที่เข้ามาต่อต้านพวกมัน ฉากการต่อสู้เปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อบัลข่านที่นั่งในท่าหลังค่อมอยู่บนบัลลังก์ที่ทำมาจากโครงกระดูกมังกร!
บนหน้าอกของเขาได้แสดงพลังอำนาจอันลึกลับออกมา ควันสีดำทมิฬหนาทึบพวยพุ่งขึ้นมาและรังสีแห่งการกวาดล้างของบัลข่านก็แผ่รังสีมากดดันพวกเขาในทันที
จากนั้นบัลข่านก็พูดขึ้นด้วยขากรรไกรที่ส่งเสียงกรอกแกรก
จงตื่นขึ้นมากองทัพอมตะของข้าในไม่ช้าพวกเจ้าก็จะได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้สิ้นซาก
ติ้ง!
จอมเวทย์แห่งความมืด คำเรียกขานของเนโครแมนเซอร์บัลข่าน ดีมอฟ
เขาเคยนำกองทัพอมตะและเข้าไปท้าทายภาคีแห่งความยุติธรรมมากมายทั่วทั้งทวีป กำลังทหารที่เขามีอยู่นั้นช่างแข็งแกร่ง
นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างชีวิตและความตาย!
ในอดีตบัลข่านโดนกำราบและถูกปิดผนึกมานาและพลังชีวิตเอาไว้ด้วยดาบที่แทงทะเลเข้าไปในร่างกายของเขา
เพื่อที่จะมีชีวิตรอดให้ได้ บัลข่านจึงดูดซับเอาพลังชีวิตจากเหล่าอสูรกายและมอนสเตอร์
เทนี่ ราชินีแห่งเหล่าภูติ(Teney the Fairy Queen)และเหล่าคนแคระผู้ภักดี พวกเขาต่างก็ได้เตรียมตัวกับสิ่งนี้เอาไว้แล้วเช่นกัน
เขาจึงเข้ามาท้าทายเหล่าคนแคระและเทนี่ราชินีแห่งภูติ!
เหล่าภูติต่างขับฝีไม้ลายมือของพวกเขาแบบเล่นๆไม่เอาจริงเอาจังด้วยนิสัยที่รักอิสระจึงได้ถูกตำหนิ พวกเขาจึงล้มเหลวที่จะนำกองกำลังทหารที่เป็นกำลังสำคัญออกมา
ภายในดินแดนแห่งเหล่าภูติ บรรดามนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆไม่ได้ให้โอกาสกับพวกเขาเลย แล้วจำนวนกำลังรบของพวกเขาก็ลดลงมากเอาการ
มีเหล่าคนแคระที่ได้รับบาดเจ็บมากมาย ราชินีภูติเทนี่และภูติตนอื่นๆก็พยายามรักษาบาดแผลให้พวกเขาด้วยการสะบัดปีกไปทั่วทุกที่
ในตอนที่ลิชบัลข่านคนเดิมได้ดูดซับพลังชีวิตของเทนี่ เขาก็สามารถเรียกคืนพลังความแข็งแกร่งดั้งเดิมของเขาคืนมาได้ จากนั้นเทนี่ก็ได้กลายเป็นแหล่งพลังมานาแหล่งใหม่ให้กับเขา
บัลข่านสูบกินความแข็งแกร่งของภูติเทนี่ไปอย่างต่อเนื่อง ความแข็งแรงของเธอได้รับความเสียหายอย่างมากจากดาบที่แทงติดอยู่บนตัวของเขา
แต่ทว่าบัลข่านก็ยังจำเป็นต้องใช้บริวารของเขาอยู่ อันเดดลิชไชร์นั่นเอง
-ได้รับภารกิจของบัลข่านดีมอฟแล้ว
-ด้วยพลังเวทย์แห่งความมืด บัลข่านสร้างประตูมิติเพื่อบริวารของเขา ให้กับลิชไชร์
จากนั้นวีดก็ยืนอยู่เบื้องหน้าของประตูที่เปิดอยู่นั้น มีลอร์ดแห่งความมืดอยู่ภายในห้องตรงเบื้องหน้าของเขา
 ถ้าหากว่าบัลข่านฟื้นคืนความแข็งแกร่งดั้งเดิมของเขามาได้แล้ว เขาคงจะน่ากลัวกว่าเดิมแน่ๆ
เหล่าวิหารศักดิ์สิทธิ์ของทวีปเวอร์เซลทั้งหมดก็ได้เตรียมตัวเอาไว้เช่นเดียวกัน
อัศวินศักดิ์สิทธิ์และเหล่านักบวชรวบรวมกำลังรบขึ้นมาเพื่อต่อกรกับเหล่ามอนสเตอร์อันเดด!
ขณะที่ยืนอยู่เบื้องหน้าประตูที่กำลังเปิดออกอยู่นั้น วีดสามารถรู้สึกถึงพลังคุกคามของบัลข่านผ่านทางผิวหนังของเขาได้ทันที
 ถ้าหากว่าประตูปรากฏขึ้นที่นี่ งั้นบัลข่านก็อาจจะคิดว่าฉันเป็นบริวารของเขา เดาว่าเทนี่กับคนแคระพวกนั้นคงโดนกำราบไปแล้ว แม้แต่กองกำลังรบมากมายขนาดนั้นยังไม่รอดสินะ
ภายในกองกำลังของเขา ยิ่งสั่งสมมนต์แห่งความอมตะได้มากเท่าไรก็จะยิ่งเพิ่มกองกำลังรบเขาได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ด้วยผลของทักษะประติมากรรมจำแลงของเขา เขาสามารถดำเนินการทำภารกิจต่อไปได้ด้วยรูปลักษณ์ของลิชไชร์
 ทรัพย์สมบัติของบัลข่านงั้นหรอ รวมๆกันแล้วมันต้องมีมากจนน่ากลัวแน่ๆ
วีดเริ่มขยับตัวก้าวเข้าไปในประตูมิติ
สิ่งเดียวที่อยู่ภายในหัวของเขาก็คือ เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน สมบัติ สมบัติ สมบัติ
ทันใดนั้นเอง เขาก็หยุดชั่วครู่หนึ่งขณะที่เขากำลังจะก้าวเข้าไปข้างใน
 แต่ว่าเมื่อก่อนสมบัติมักจะโดนลูทจากทางฝั่งคนที่แพ้สงครามตลอดเลยนิ
แต่ยังไงก็ตามพวกอันเดดก็แทบจะยึดทั้งทวีปเอาไว้ได้แล้วนิ พวกเขาทำได้เพียงทนต่อไปเท่านั้นเอง
ในกรณีแบบนี้ ยังไม่สิ้นหวังซะทีเดียวหรอก!
สมาชิกทีมฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทยูนิคอร์นมารวมตัวกันอยู่ที่ห้องฉายวิดีโอ
พวกเขาเฝ้ามองดูฉากของเหล่าผู้เล่นเด็ดๆที่น่าจับตามองเพื่อดูความก้าวหน้าของรอยัลโร้ดแบบตามเวลาจริง
และผลที่ตามมาก็คือทีมของยูนซูและเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมคนอื่นๆก็มารวมตัวเพื่อพูดคุยกัน
บนจอที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาคือการปรากฏตัวของวีดที่กำลังครุ่นคิดว่าเขาควรจะเข้าไปในประตูที่เปิดนั่นไหม
รองผู้อำนวยการจึงถามว่าอีกนานแค่ไหนกัน
 การตัดสินใจของวีดจะเป็นยังไงกันนะ?”
ผมยังไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมก็คิดไม่ออกว่าเขาคิดจะเลือกแบบไหนกัน?”
จาง ยุนซูไม่อาจคาดการณ์ถึงการตัดสินใจนั้นได้ก่อนเช่นกัน
ถ้าคุณใช้หลักการวิเคราะห์แบบวีด แรงขับเคลื่อนของเขาก็มักจะเกี่ยวกับเงินเสมอแล้วก็ค่าเสียหาย
แม้แต่เหรียญทองแดงเพียงหนึ่งเหรียญก็เป็นเรื่องที่อ่อนไหวต่อเขา
จากภายนอกมันยากที่จะบอกได้ถึงการตัดสินใจของเขาเพราะว่านี่เป็นภารกิจของเขาเอง และคงไม่มีผู้เล่นคนไหนที่จะมีการผจญภัยแบบนี้ได้อีกแล้ว
ขณะที่เฝ้ามองการตัดสินใจที่แสนยาวนานของวีด เหล่าสตาฟของยูนิคอร์นก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ของพวกเขานิ่งราวกับรูปปั้น
พวกเขาอดทนต่อแรงผลักดันในการที่ต้องไปห้องน้ำ
มีความแตกต่างของเวลาเพียงเล็กน้อยระหว่างโลกจริงและโลกในรอยัลโร้ด
สิ่งนี้ก็เป็นปัญหาเหมือนกันในตอนที่ผู้ประกาศข่าวต้องออกอากาศ แต่ผู้คนที่ดูอยู่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
ความเร็วของวิดีโอจะถูกทำให้เพิ่มขึ้นถึงสี่เท่า คุณภาพเสียงก็จะถูกปรับให้ดีขึ้น ส่วนฉากที่ไม่สำคัญของวิดีโอก็ถูกลบออกไป ในไม่ช้าพวกเขาก็ส่งวิดีโอออกไปได้
 “ได้โปรดส่งวิดีโอนี่ไปขั้นตอนต่อไปด้วยครับ
พวกเขากลับไปนั่งที่เก้าอี้หลังจากที่ส่งวิดีโอของวีดที่แกะสลักดอกไม้ไปแล้ว จากนั้นพวกเขาก็กลับมาดูขั้นตอนต่อไปของเขาทันที
มันไม่ใช่เพียงแค่สร้างประติมากรรมดาดๆธรรมดา มีตะขาบและหนอนผีเสื้อก็ถูกแต่งเติมเข้าไปในประติมากรรมด้วยเช่นกัน
บางทีนั่นอาจจะรวมเข้าไปในแปลงดอกไม้ก็เป็นได้ มันไม่ใช่งานบางงานที่คุณคาดว่าจะได้เห็นในผลงานแบบดาดๆธรรมดาทั่วไป!
 “ฉันจะพักไว้สักครู่ละกัน
ภารกิจของบัลข่านนั้นสำคัญมากๆสำหรับพวกเนโครแมนเซอร์ แม้แต่ฉันก็คงไม่สามารถตัดสินใจแบบบุ่มบ่ามได้
ในช่วงเวลานั้นเอง วีดอาจจะเป็นจอมเวทย์แห่งความมืดเพียงคนเดียวที่เป็นเนโครแมนเซอร์อันเดดท่ามกลางเหล่าจอมเวทย์แห่งความมืดทั้งหลายทั่วทั้งทวีปเวอร์เซล
บัลข่านเรียกขานเหล่าจอมเวทย์แห่งความมืดและเนโครแมนเซอร์ทั้งหมด ถ้าหากว่าเขาไปยังดินแดนนั้น วีดคงเป็นคนเดียวที่มีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกับลิชไชร์ ขั้วอำนาจอาจเปลี่ยนแปลงไปแบบไม่คาดคิดก็ได้
ภารกิจนั้นช่างอยู่ในระดับที่ใหญ่โตมาก ภารกิจของบัลข่านนั้นมีไว้เฉพาะเหล่าเนโครแมนเซอร์ที่อยู่ภายในทวีปเวอร์เซล
เหล่าลูกจ้างของบริษัทยูนิคอร์นต่างชื่นชอบในตัววีด
การแกะสลักคำนายสุดท้าย (the last divination)และได้รับทักษะมาห้าอย่าง นี่ช่างเป็นการผจญภัยแห่งศตวรรษของประติมากรจริงๆ!
จำนวนของผู้เล่นภายในกิลด์ของบาร์ดเรย์มักจะผันผวนขึ้นๆลงๆอยู่เสมอ ทุกๆถ้อยคำจากปากของเหล่าผู้เล่นก็อาจทำให้พวกเขาย้ายไปกิลด์ดังๆกิลด์อื่นก็ได้
 “การตัดสินใจนั้นใช้เวลานานมาก งั้นเราไปดูจออื่นก่อนดีกว่า
เหล่าสตาฟฉายภาพวิดีโอไปยังสถานที่อื่นบนจอฉายภาพ
ที่นั่นคือดินแดนแห่งเงามืด (Land of Shadows)

ครั้งแรกที่อยู่บนที่ราบแห่งความสิ้นหวัง มีรอยเท้าของกลุ่มปาร์ตี้นักผจญภัยจากราชอาณาจักรโรเซนไฮม์
ในช่วงเวลาปัจจุบัน สัญลักษณ์นักผจญภัยของวีดได้เพิ่มกระแสมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นเหล่าผู้เล่นก็ออกไปจากทวีปเวอร์เซลเพื่อออกตามหาการผจญภัยของตัวเอง พวกเขาส่วนมากรวมตัวกันเป็นกลุ่มนักผจญภัยขนาดใหญ่และตั้งปาร์ตี้ขึ้นมา ผ่านไปซักพักหนึ่งผู้คนก็ได้รับการแจ้งเตือนว่าพวกเขาได้รับภารกิจที่ถูกซ่อนเอาไว้  และมีขั้นตอนระดับความยากถึง 13 ขั้นจากภารกิจระดับ S นั้น ในตอนนี้พวกเขาก็ได้เข้าใกล้ส่วนสุดท้ายของภารกิจแล้ว
 อืมมม ระวังไว้ด้วยแล้วก็อย่าทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาล่ะ
แค๊กๆ! ทำไมถึงได้มีฝุ่นละอองเยอะขนาดนี้นะ?”
หลังจากที่พวกเขาต่อสู้กับพวกกูล ก็มีโจรคนหนึ่งจากกลุ่มทหารรับจ้างซิลเวอร์ริง (Silver ring merchanary)พบบางอย่างเข้าในขณะที่เขาค้นตามโบราณวัตถุและกองกระดาษมากมาย
ถ้าหากว่าพวกเขาสามารถพบเงื่อนงำอะไรเกี่ยวกับภารกิจบนทวีปเวอร์เซลนั่นก็คงทำให้ใครก็ตามไล่ตามไปหาได้ทันที
เพราะนั่นจะช่วยสนับสนุนเงื่อนงำที่พวกเขาได้มาก่อนหน้านั้นได้
 ฉันไม่รู้จริงๆว่าระดับความยากจะออกมาเป็นภารกิจระดับ C หรือเปล่า
เฮ้ นายบอกว่านายตามหามาเป็นปีเลยนะ แถมนี่ก็เกือบสองปีแล้วด้วย
ในทางกลับกัน การได้รับอุปกรณ์ซักอย่างที่เกี่ยวข้องกับภารกิจนั้นก็มักจะช่วยไขภารกิจให้ได้เสมอ
นี่ก็หมายความว่าความยากของภารกิจก็จะยากมากขึ้นด้วยเช่นกันเพราะงั้นการหาอุปกรณ์เหล่านั้นให้เจอก็ถือว่าช่วยได้เยอะ
ภายในประวัติศาสตร์อันล้ำลึกของทวีปเวอร์เซลพวกเขาไม่เคยเจอใครคนไหนที่ฉลาดขนาดหามันจนเจอมาก่อน
การพบจุดสิ้นสุดของการเดินทางคือสิ่งที่จะทำให้การผจญภัยเป็นการผจญภัยที่แท้จริง
พวกเขาจำเป็นต้องทะลุผ่านออร่าของพวกวิหารแห่งเอ็มบินยูเข้าไปเพื่อที่จะไปเอาไอเท็มที่เป็นของวิหารวัลฮาลามาให้ได้ (Valhalla order) นี่คือภารกิจของชินเยชอน!(Shin Yejon’s quest)
เหล่าอัศวินแห่งวิหารเอ็มบินยูที่บัดนี้มีกำลังต่อสู้อันทรงพลังมากเพียงพอถึงขนาดขึ้นระดับจนไปถึงเลเวล 420 แล้ว
และแน่นอนถ้าหากว่าคุณมองไปที่เหล่าปาร์ตี้เงาที่อยู่บนดินแดนแห่งนี้ เลเวลของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
แต่ว่าช่วงเวลาที่พวกเขาไปพบเจอพวกวิหารเอ็มบินยูโดยบังเอิญ ก็มีเหล่านักบวชแห่งวิหารรวมถึงเหล่านักเวทย์ จอมเวทย์ อัศวินแห่งความมืดพวกเขาก็รวมตัวอยู่เป็นจำนวนมาก
ในขณะที่พวกเขาค้นหาเส้นทางที่ไม่สามารถผ่านไปได้ เหล่าทหารรับจ้างแห่งซิลเวอร์ริงก็ต้องเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรู ชินเยชอนก็ตกสู่หลุมพรางในทันที
หลังจากเขาแทรกซึมเข้าไปข้างในได้แล้ว เขาก็ออกตามหาไอเท็มนั้น เขาจึงไม่สามารถรับมือกับเหล่านักบวชและอัศวินที่เข้ามาใกล้ไปพร้อมๆกันได้ เขาจึงซ่อนตัวอยู่ภายในห้องเก็บเอกสารขณะที่เหล่าศัตรูกำลังใกล้เข้ามา
พวกเขายังยึดมั่นศรัทธาในเทพเจ้าโบราณของพวกเขา เหล่าอัศวินและนักบวชนั้นช่างเป็นศัตรูที่น่าเกรงขามยิ่งนัก
 พวกเจ้า ข้าไม่รู้ว่าเร็วแค่ไหนกว่าพวกเจ้าจะมาถึง แต่ข้าก็หวังว่าพวกเจ้าจะมาถึงให้เร็วที่สุด
ทำไมถึงต้องเป็นอย่างนั้นละครับในเมื่อทางนี้ก็เต็มไปด้วยละอองฝุ่นไปทั่ว แถมยังมีมอนสเตอร์โบราณอีกมากมายหลายตัวด้วย นี่เจ้าจะมาขอให้ข้าทำอย่างนั้นงั้นหรอ?”
ก็ไม่รู้สินะ แต่ว่าหาตัวศัตรูให้เจอละ พวกเราเจอปัญหาหนักหนามามากพอละเท่าที่ข้าเห็นนิ เพราะงั้นระวังตัวด้วยล่ะมีศัตรูอันตรายอยู่มากเลยทีเดียว
ความเฉลียวฉลาดของเหล่าNPCนั้นช่างน่าขันพิลึกแถมยังคิดว่านี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายอีก  อีกอย่างการเดินทางสำรวจระยะยาวกับการค้นหาโบราณวัตถุจากอดีตนี้บอกเป็นนัยว่าการหลบหนีเป็นทางเลือกที่เป็นไปไม่ได้เอาซะเลย
 เราคงต้องเพิ่มเลเวลให้ได้ซัก 2-3เลเวลแล้วค่อยปีนขึ้นไป ทักษะของพวกเราคงจะเติบโตขึ้นมาได้อย่างมากแน่ๆ
ว่าแต่ ภารกิจการค้นหาไอเท็มที่หายไปของวัลฮาลาที่ชินเยชอนทำ จะสำเร็จไหมนะ?”
ซากโบราณวัตถุกับของโบราณตามประวัติศาสตร์เต็มอยู่มากมายกองพะเนินอย่างสะเปะสะปะ เหล่าไอเท็มกองทับถมอยู่บนพื้นล้มระเนระนาด
เหล่าทหารรับจ้างแห่งซิลเวอร์ริงค้นหาสมบัติที่ยอดเยี่ยม โบราณวัตถุล้ำค่า จากนั้นพวกเขาก็ได้มันไปครอง
ทั้งที่ไม่รู้ว่าวัตถุทั้งหมดนั้นเกี่ยวโยงกับภารกิจหรือเปล่า พวกเขาก็ยังตั้งหน้าตั้งตาค้นหาทั่วทั้งพื้นที่ แถมยังเพิ่มระดับทักษะทางโบราณคดีของพวกเขาได้อย่างมากอีกด้วย
เหล่านักผจญภัยค้นพบอยู่บ่อยๆว่าทักษะนี้นั้นสำคัญในการทำภารกิจเป็นอย่างมาก รวมถึงการสำรวจตรวจสอบประวัติศาสตร์อีกด้วย
ในขณะที่พวกเขาค้นหาเงื่อนงำเกี่ยวกับภารกิจนี้ พวกเขาก็ใส่ด้ามถือของเชิงเทียนทองคำและไอเท็มทองคำชิ้นอื่นๆเอาไว้ในกระเป๋าสะพายหลังของพวกเขา
ความสุขในช่วงเวลานี้ราวกับเป็นสิ่งที่ทำให้ความเป็นนักผจญภัยของพวกเขาโลดแล่นออกมา!
 “ตรวจสอบ!”
เบนี่(Beni)ได้คบเพลิงที่ใส่เอาไว้อยู่ภายในกล่องเหล็กกล้า
คบเพลิงแห่งความยุติธรรม(Torch of Justice):
ค่าความคงทน: 23/102
พลังโจมตี: 49~91
หากดับคบเพลิงนี้จักเข้าสู่ความมืดมิด วัลฮาลายืนอยู่เบื้องหน้าของเหล่าผู้ต่อต้านนักรบแห่งวิหารเอ็มบินยู
การปกป้องที่ได้บัญญัติมาจากภาคีถูกควบคุมไว้โดย ดาราเทสซึกะ (Daratesuga)
ข้อจำกัด: ค่าชื่อเสียงและค่าความเป็นผู้นำต้องมากกว่า 600
คุณสมบัติ: +25 ของทุกค่าสถานะ +2 เลเวลให้กับทักษะการวางแผน(Projection Skill)
อัตราฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น 40%
มีความเป็นไปได้ที่จะใช้คำอวยพรของวัลฮาลา
กดดันเหล่ามอนสเตอร์ด้วยการจัดขบวนทัพแห่งความมืด
พลังป้องกันเวทย์แห่งความมืดเพิ่มขึ้น 83% ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การร่ายมนต์และมนต์ตบตา ช่วยทำให้ควบคุมจิตใจที่จะให้คนอื่นทำตามความปรารถนาของภาคีวัลฮาล่าได้
ดาราเทสซึกะเป็นนักสู้ที่เก่งกาจที่สุดจนภาคีวัลฮาล่าต้องการตัวเขามา!
ตามงานเขียนที่เบนี่ค้นหาเจอ ในเวลาต่อมาเขาได้ตายในการต่อสู้กับวิหารเอ็มบินยูและไอเท็มของเขาก็หายสาบสูญไปจนหมด
ทันใดนั้นเองถ้อยเสียงแห่งความปั่นป่วนก็ดังขึ้นมาจากกล่องใส่นั้น
 มีทหารรับจ้างจำนวน 27 คนที่จำเป็นจะต้องได้รับการรักษาครับ
ฉันได้รับแจ้งว่าพวกเขาสามารถต้านเอาไว้ได้เพียง 10 นาทีเท่านั้นแถมยังไม่มีชีวิตรอดกลับมาอีก
พวกทหารรับจ้างไม่เป็นไรแล้ว เราจำเป็นต้องช่วยชีวิตพวกที่ประจำการอยู่เท่านั้น ข้าเจอของแล้ว มาเร็วเข้า!”
เบนี่ดึงม้วนกระดาษที่เขาเก็บเอาไว้ออกมา นั่นคือคัมภีร์แห่งการหวนคืน! (Scroll of Return)
แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถใช้มันได้ก่อนเพราะว่าเวทย์มนต์ของวิหารเอ็มบินยูสะกดมันเอาไว้
ชินเยชอนหย่อนตัวลงไปอยู่ห่างราวๆ 500 เมตรอยู่ในสภาพที่ห่างจากแสงออกไปเพียงแค่ก้าวเดียว
 ไปกันเถอะ!”
จากนั้นเบนี่ก็กางคัมภีร์ออก  ในขณะเดียวกันประตูทั้งสองของห้องส่วนเก็บเอกสาร บานประตูก็ถูกเปิดออก แล้วเหล่ามอสเตอร์ที่เป็นข้ารับใช้ของเอ็มบินยูก็เบียดตัวเข้ามาในห้องนั้นพร้อมกับกำลังสนับสนุน จากนั้นพวกอัศวินก็ถีบตัวเข้ามาด้วยความโกรธเกรี้ยว แล้วพวกเขาสามคนก็ได้หายไปพร้อมกับแสงสว่างวาบ
 ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเจอมันแล้ว

ฝ่ามือของเหล่าพนักงานบริษัทยูนิคอร์นโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อขณะที่ดูภาพๆนั้น ชินเยชอนอยู่บนตรอกถนนแคบๆแล้วก็เข้าไปซ่อนเพื่อมองหาข้อความลับที่เหล่าทหารรับจ้างถือไว้อยู่ ฝีมือของพวกเขานั้นยอดเยี่ยมจนต้องยกนิ้วให้ ขณะที่พวกเขากำลังทำขั้นที่ 13 ของภารกิจต่อเนื่องอันแสนยอดเยี่ยมนั้น ความก้าวหน้าของภารกิจรุดหน้าไปไกลเสียยิ่งกว่าพวกเขาคาดการณ์เอาไว้เสียอีก
 ถ้าหากว่าเราตั้งชื่อเควสนี้ว่า ปาร์ตี้เงาแห่งผืนพิภพ(Party of shadow of the earth) พวกคุณจะโอเคกับชื่อนี้หรือเปล่า?”
อิลคังซอนถามความเห็นของยุนซูจาง ภายในห้องตัดต่อสถานที่ที่ทีมอื่นไม่มีทางรู้ข้อมูลนอกเสียจากพวกเขาจะปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจออกไป ถึงแม้ว่าจะมีแค่แขกที่ได้รับเชิญเท่านั้นที่จะได้รับฟังข้อมูลนั้น
 มันยังไม่จบหรอก แต่ว่ามันก็ยากลำบากมากจนต้องระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้นในการท้าทายภารกิจภายในอนาคต ตอนนี้ผมไม่มั่นใจแล้วว่าผมจะไปไกลกว่านี้ได้ไหม
หากภารกิจสำเร็จแล้วอะไรจะเกิดขึ้นละ?”
ในภายภาคหน้า จะไม่มีเพียงข้อขัดแย้งระหว่างผู้เล่นจากวิหารเอ็มบินยูเท่านั้น แถมพวกเขายังจะเลือกทำสิ่งชั่วร้ายตามความพอใจของพวกเขาอีกด้วย
ผมต้องทำโฆษณาใหม่แล้วสินะ
บริษัทยูนิคอร์นเป็นบริษัทที่ปล่อยโฆษณาอันโดดเด่นจากหนึ่งในหลายสถานีของโลกตั้งแต่อดีต
จริงๆแล้วหลังจากที่รอยัลโร้ดไต่เต้าจนมาถึงจุดสูงสุด พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องใช้การโฆษณาใดๆอีกต่อไปเลย ดังนั้นผลผลิตจากการขายแคปซูลก็สร้างรายได้ตามมาเรื่อยๆ แถมยังไม่มีอะไรที่จะพูดว่ากลยุทธ์การตลาดที่ทางบริษัทใช้นั้นยังสามารถกอบโกยเอาเงินได้มากมายอีก
ฉะนั้นแล้วปกติพวกเขาจึงแค่รับหน้าที่ปล่อยรายการโฆษณาออกไปเท่านั้น เพื่อให้เหล่าผู้เล่นปรับเปลี่ยนสถานที่เล่นได้หลากหลายมากมายบนทวีปเวอร์เซลนั้น

นั่นอาจจะเป็นโฆษณาจำพวกสถานีเกมแล้วก็ข้อมูลสำคัญของเหล่าผู้เล่นจากอีเว้นท์ของทวีปเวอร์เซลที่ปล่อยออกไปให้ทันท่วงที
แน่นอนอยู่แล้วว่าจำนวนของผู้เล่นใหม่ก็จะเติบโตขึ้นทุกๆเดือน นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าวิธีที่โฆษณาถูกปล่อยออกไปยังไง และอาจได้รับการยอมรับหรือว่าถูกเพิกเฉยไป การโฆษณาก็เหมือนกับการอยู่บนทุ่งสะวันน่านั่นแหละ! ที่มีเหล่าไฮยีน่าดักซุ่มอยู่ทั่วทุกที่เฝ้ารอจับเหยื่อตัวเดิมๆที่เข้ามา
แม้ว่าไฮยีน่าแต่ละตัวจะอ่อนแอ แต่ถ้าหากว่าพวกมันจู่โจมรวมกันเป็นฝูง แม้แต่พลติดอาวุธก็ยังต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยุ่งยากในการรับมือกับพวกมัน แม้แต่สิงโตที่แข็งแกร่งและมีพละกำลังมากมายก็ยังต้องวิ่งหางจุกตูดถ้าหากว่ามันมาเผชิญหน้ากับพวกไฮยีน่านับสิบตัว โลกของการโฆษณาก็ถูกสร้างขึ้นบนเส้นทางแบบนั้นแหละ
จากนั้นก็มีหัวเรื่องปรากฏขึ้นมาบนจอภาพ: “ความเป็นปึกแผ่นของดินแดนมาตุภูมิในสงคราม” (The Strength of a Homeland in war)
แล้วจอภาพก็เริ่มฉายภาพทิวทัศน์สิ่งรอบตัวของทะเลสาบด้วยน้ำอันใสบริสุทธิ์เบื้องหน้าพวกเขา
สายหมอกอันน่ากลัวปกคลุมสะท้อนไปกับผืนน้ำ แต่มวลหมู่ไม้ก็ยังคงเห็นได้บนผืนน้ำยามตะวันยอแสง!
จากนั้นภาพก็ถูกตัดไปยังฉากถัดไป เหล่าภูติและเอลฟ์ขี่อยู่บนใบไม้ยักษ์ล่องลอยไปรอบๆ แล้วเหล่าทหารหาญก็ปรากฏตัวขึ้นมา ทหารทุกนายติดอุปกรณ์ด้วยดาบ โล่ และชุดเกราะ
นี่คือภาพของทวีปทางตอนกลางที่ไม่สิ้นสุดตั้งแต่เดิมมา! มันถูกสร้างขึ้นมาจากการชิงชัยมากมายและการฝ่าฟันอุปสรรคอันแสนโหดเหี้ยมนานัปการ!
ภายใต้การนำของเหล่าวีรบุรุษทั้งหลาย พวกเขาจึงได้รวมเหล่าพลทหารไปยังป้อมปราการและที่ปราสาทเพื่อใช้ธนูและเวทย์มนต์ แล้วพวกเขาก็ได้รับชัยชนะมาเหมือนแต่ก่อน
ภาพนั้นราวกับอยู่ภายในหนังสงคราม ด้วยกองกำลังทหารนับร้อยนับพันต่อสู้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และแล้ว ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งก็มีรูปร่างของลางร้ายของนักบวชที่สวมชุดสีดำทมิฬพยายามเพิ่มพูนจำนวนกำลังรบชั้นสูงเข้ามาสู่สนามรบ
พวกเขาได้เปิดห้องใต้ดินหลังจากที่จัดการมอนสเตอร์เก่าแก่ตนหนึ่งไป ณ ที่นี้เวลานี้ ชินเยชอนได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ภายในศพของมอนสเตอร์ตัวนั้น
จากนั้น ซีค ซาฮูรานีที่เจ็ด (ชื่อแบบอาหรับ)แห่งวิหารเอ็มบินยูก็ป่าวประกาศบางอย่างออกมา
 การเตรียมตัวเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าพวกมนุษย์อ่อนแอน่าโง่ พวกเอลฟ์ และพวกคนแคระ พวกเราจะปกครองฏระเบียบทั้งหมดของพวกแกแล้วกระจายความพินาศออกไปให้หมดสิ้น!”
ทวีปทางตอนกลางอยู่ในความขัดแย้งจากเหล่าผู้เล่นอาชีพที่โด่งดังมากมาย แล้ววิหารเอ็มบินยูได้เปิดเผยภาพนี้ออกไปอย่างเป็นทางการ
โฉมหน้าของกองกำลังปีศาจได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว! ภาพอันน่าสะพรึงได้กระจายออกไปทั่วทุกดินแดนอันเสื่อมโทรมมากมาย


บนทวีปเวอร์เซลมีพื้นที่ออกล่าทางยุทธศาสตร์มากมายหรือแม้แต่พื้นที่อันเงียบสงบก็มีอยู่หลากหลายเช่นกัน ภูเขาและแม่น้ำ ทะเลสาบ ท้องทะเล ปราสาท บ้านเมืองต่างถูกคุ้มครองโดยป้อมปราการฮัลลูกาดูท (Heuleugadeut)
หากว่าคุณเดินไปซักครู่หนึ่งในตอนเหนือของเขตโมราต้าก็จะสามารถมองเห็นประติมากรรมยักษ์ทมิฬได้
มีย่านกระท่อมดินเล็กน้อยตั้งอยู่ด้วยเช่นกันที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมือง เหล่าผู้เล่นก็จะได้มองดูทิวทัศน์อันแสนงดงามของวิหาร ส่วนบางคนก็ขอร้องเพื่อมีส่วนในการก่อสร้างหอสมุด
 งั้นฉันก็ควรยกเลิกภารกิจด้วยดีกว่า
วีดตัดสินใจไม่เข้าไปในประตูแห่งความมืด กองทัพอมตะได้กลืนกินดินแดนไปมากมายเหลือเกินแล้ว และในตอนนี้ก็ได้เตรียมพร้อมกับการสร้างเครือข่ายอันชั่วร้ายขึ้นมา
การรักษาความยั่งยืนคงอยู่เอาไว้นั้นจะต้องเป็นเรื่องที่ยากมากแน่ๆ
เขาไม่อาจดึงสติกลับมาได้แบบทันทีทันใด เพราะนี่คือเส้นชะตาเพียงหนึ่งเดียวที่จะทำให้แหล่งอาหารที่เขากักเก็บมาอย่างยากลำบากให้คงเหลือรอดเอาไว้ได้
เมืองที่ใหญ่โตที่สุดในเขตทางตอนเหนือของทวีปเวอร์เซลที่กำลังเฟื่องฟูอยู่ก็คือ โมราต้านั่นเอง!
เขากลัวว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้กองทัพอมตะมาถล่มเมืองโมราต้าก็เป็นได้
 ทางฝั่งบัลข่านคงจะไม่จบลงได้ดีกว่านี่อีกแล้วมั้ง ถ้าหากว่าฉันยกเลิกภารกิจนี้ไปนะ
งั้นฉันจะตรวจสอบอีกซักครั้งก็แล้วกัน
ไม่ค่อยอยากรับคำเรียกขานนี่เลยแหะ ภารกิจของบัลข่านงั้นหรอ?’
กองทัพอมตะมีเพียงลิชไชร์อยู่แค่ตนเดียว บัลข่าน ดีมอฟกับภารกิจที่เกี่ยวโยงกัน
คำเตือน!
ถ้าท่านปฏิเสธภารกิจอาจทำให้สูญเสียความสัมพันธ์กับบัลข่านได้เพราะว่าความเป็นปรปักษ์ และเพราะว่าภารกิจนี้ก็ยังสามารถเอื้ออำนวยผลประโยชน์อื่นๆได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
จากนั้นข้อความอันน่าสะพรึงที่ควรจะทำให้คนอื่นรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว แต่กลับไม่มีผลอะไรกับตัววีดเลย ก็ได้ออกมาจากปากของเขา
ฉันไม่รับภารกิจ
-ท่านปฏิเสธภารกิจแล้ว

ค่าความศรัทธาเพื่มขึ้น 50 แต้ม
ศักดิ์ศรี ความกล้าหาญ อำนาจจิต เพิ่มขึ้น 10 แต้ม
ค่าชื่อเสียงดีลดลง 2,439 แต้ม
 แต่ยังไงก็ตามเถอะ เขาก็คงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างดีอยู่แล้วละ
วีดคิดถึงบทลงโทษจากภารกิจนี้นั้นคงไม่หนักหนาเกินกว่าเขาจะรับมือได้หรอก! เหนือเสียยิ่งกว่านั้น การที่เลเวลของเขาต้องลดลงอีก แต่เขาก็สามารถแบกรับความเสี่ยงและยินดีอย่างยิ่งที่จะรับมันเอาไว้
จากนั้นวิดีโอก็กลับมาออนไลน์ด้วยภาพของวีดที่กำลังส่งเสียงหัวเราะออกมา คว๊าคว๊า! ฮ่าฮ่าฮ่า! ครื้นนน! ทันใดนั้นเอง ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆครึ้มๆ ก็มีสายฟ้าผ่าฟาดใส่ลงมาตรงพื้นดิน  
แล้วหมู่มวลต้นไม้เก่าแก่มากมายภายในพื้นที่ตั้งตระหง่านมานับร้อยปีก็ได้หักโค่นลง แม้แต่หยดฝนเม็ดมหึมาก็ไหลเทลงมาจากท้องฟ้า บัลข่าน ดีมอฟ ราชันย์แห่งเหล่าอันเดดยืนอยู่เหนือเนินเขาลูกหนึ่ง
ในแต่ละครั้งที่สายฟ้าฟาด หัวกะโหลกอันแสนโสโครกก็โผล่ขึ้นมาเหนือชุดที่เขาสวมใส่อยู่
 “ลิช ไชร์ เจ้ากล้าหนีไปจากข้างั้นหรือ? ข้าจะทำให้เจ้าชดใช้สำหรับความอกตัญญูของเจ้า อัน อีอ้อน(An Eon)คงจะสั้นเกินไปสำหรับความทุกข์ทรมาณของเจ้าแล้วละ!” (เป็นชื่อบทลงโทษระดับต่ำ)
ฟ้าผ่าฟาดส่งเสียงราวกับเสียงกรีดร้องโหยหวนที่ปะทะใส่ผืนดินจนสั่นสะท้านไปทั่ว ในขณะที่เหล่าอันเดดมากมายโผล่ลุกขึ้นมาจากหลุมศพ
ภารกิจได้ถูกปลดล็อคโดยราชันย์อันเดดแล้ว
เหล่าอันเดดจะได้รับโอกาสให้มีชีวิตที่มีบาปหนาในขณะที่บัลข่านบัญชาการพวกมัน
 ฆ่าข้าสิ แล้วข้าจะได้เป็นอิสระจากความทรมานชั่วนิรันดรครั้งนี้
พวกมันถูกสั่งให้หันหน้ามาทางดินแดนแห่งอันเดด นี่คือค่ำคืนที่บัลข่านตั้งใจที่จะไปเยือนเมื่อปีก่อน
เหล่าอันเดดจากหลายสุสานมากมายถูกสั่งให้ไปเยือนเมืองโมราต้าเพื่อทำการลงโทษวีด
วีดพึ่งได้รับข่าวร้ายสุดๆแล้ว!
ความสัมพันธ์ของเขากับบัลข่านในฐานะลิชไชร์ได้สร้างความหายนะขึ้นมา แล้วอีกครั้งที่เขาได้อ่านข้อความจากหน้าต่างสถานะ
รากไม้ที่ฝังลึกลงไปในหลุมนั้นไม่ง่ายเลยที่จะถอนออกมา
ความแข็งแกร่งของเหล่าอันเดด พลังนั้นแหละที่เป็นของเหล่าอันเดดที่แท้จริง!
นั่นก็คือเส้นกั้นหลักระหว่างความเป็นและความตาย
ในตอนที่ดวงอาทิตย์ลับหายไปจากขอบฟ้านั่นก็แสดงถึงความตายของเหล่ามวลมนุษย์เสียแล้ว ความแข็งแกร่งของเหล่าอันเดดก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างทวีคูณ
นี่แหละคือราตรีของเหล่าอันเดดที่แท้จริง
เหล่าเนโครแมนเซอร์ก็เป็นมนุษย์ด้วยเช่นกัน แถมยังบวกกับความแข็งแกร่งแบบอันเดดเข้าไปอีก เขาระวังตัวเองเป็นอย่างมากและบางครั้งก็อัญเชิญอันเดดออกมาจากใต้ดินครอบครองพื้นที่เอาไว้ได้หมดอีก
มันคือค่าสถานะคำสาปที่เติบโตขึ้นมาเองตามธรรมชาติของเนโครแมนเซอร์ แต่คุณก็ยังสามารถพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องกับเนโครแมนเซอร์ทักษะอื่นได้อีกด้วยเช่นกัน
ณ ตอนนี้ แสงตะวันได้สิ้นสุดลงแล้ว
และแล้วร่างกายของเขาก็เริ่มส่งกลิ่นเหม็นหึ่งและเริ่มแห้งไปอย่างรวดเร็ว (หมายถึงตัววีด)
-เหล่าอันเดดถูกบังคับโดยความแข็งแกร่งของพลังอันเดด
การใช้ทักษะประติมากรรมจำแลงของวีดได้กลายเป็นอันเดด ส่วนมอนสเตอร์ระดับสูงตัวอื่นๆก็เดินไปมารอบๆนั้น แถมยังมีเหล่าโครงกระดูกมอดไหม้ที่กำลังถือดาบสนิมเครอะลุกขึ้นมาจากหลุมศพด้วยเช่นกัน
คำเรียกขานแห่งความมืด!(Call of Death)
บัลข่านอัญเชิญเหล่าอันเดดออกมาเพื่อทำภารกิจพิเศษ
เหล่าอันเดดไม่สามารถปฏิเสธคำเรียกขานนั้นได้
ทันใดนั้นวีดก็ถูกดูดเข้าไปในประตูมิติสีดำเนื่องจากความแข็งแกร่งของพลังอันเดด
******
ผู้แปล: Cole’s Myth

Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

10 ความคิดเห็น:

  1. Doom Knight น่าจะประมาณ อัศวินโลกันตร์ อัศวินแห่งนรกน่าจะดูเท่กว่า ขอบคุณครับสนุกมาก

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณที่ช่วยแนะนำคับ ตอนหน้าว่าจะใช้ ดูมไนท์เลย เพราะเดทไนท์ก็ใช้ทับศัพท์ เพราะว่าแปลติดต่อกันหลายตอนเลยเบลอๆบางที่อาจจะแปลตรงตัวไปครับ ต้องขออภัย

      ลบ
    2. อัศวินโลกันตร์ใช้กับ Inferno Knight ครับ ดูเหมาะกว่า แต่ Doom Knight นี่ ผมว่าทับศัพท์ไปเลยจะดีกว่าครับ ถ้าผมแปล คงเป็น อัศวินแห่งความพินาศ ล่ะมั้งฮะ

      ลบ
  2. ยอมรับไปก็หมดเรื่องละวีดเรา

    ตอบลบ
  3. เวรแล้วไงละวีด พ่อเรียกแล้วไม่ไปโดนเลยทีนี้จะแก้ไขสถานการยังไงละ งานงอก หรือจะโค่นบาลข่าน เสียเองอันนี้็ไม่แน่ อิอิ!!!!

    ตอบลบ
  4. ไปบวก บัลข่านเลย เมืองไว้ให้นักดาบ
    มาช้วยเสริม (ว่าแต่ว่ายมามันจะถึงตอนไหนฟะ)

    ตอบลบ
  5. เลี่ยงไม่ได้ ทำไปทำมาต้องสู้กันอยู่ดี ฮ่าๆ
    หาพันธมิตรด่วนๆ

    ตอบลบ

เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล

  เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล ลาเฟย์หลับตาลง ' เราจบสิ้นแล้ว '...