วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เล่ม 41 ตอนที่ 1: การเดือดดาลของวีรบุรุษ (Hero’s Short Agony) แปลโดย RastyMay

เล่ม 41 ตอนที่ 1: การเดือดดาลของวีรบุรุษ (Hero’s Short Agony) แปลโดย RastyMay

 

“ในที่สุดก็ถึงพระราชวังโลกาซะที!”

 

“กิลด์เฮอร์มีสมาเพื่อพิชิตแดนเหนือ”

 

“ถึงคราวสิ้นสุดของเทพสงครามวีดแล้ว ในวันนี้อาณาจักรฮาเว่นจะทําลายอาณาจักรอาร์เพนแล้วรวมทวีปให้เป็นหนึ่ง”

 

ผู้เล่นกิลด์เฮอร์มีสทางเหนือยากที่จะระงับความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านอยู่ในอก

 

กองกําลังชั้นยอดขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยระดมพลได้ยกทัพมายังทางเหนือ พวกเขาประสบความสําเร็จในการเอาชนะผู้เล่นทางเหนือมาแล้ว และได้เตรียมพร้อมที่จะเชือดคอวีด แน่นอนว่าการทําลายพระราชวังโลกานั้นก็เป็นแค่โบนัส!

 

นครลอยฟ้าลาเวียสกลางหมู่เมฆนั้นงดงามน่าประทับใจ  และพวกเขาอาจจะยึดมันได้ในวันนี้

 

ฉันจะแสดงให้เห็นว่า คนที่แข็งแกร่งขยี้คนที่อ่อนแอเขาทำกันยังไง

 

‘พระราชวังโลกาน่าเกลียดจัง สิ่งก่อสร้างบนยอดเขา คิดได้ไง พิลึกชะมัด ดูท่าแล้วที่นั่นคงไม่มีสมบัติเมืองเหนือเยอะหรอก? การปล้นพระราชวังอาณาจักรอื่นๆคงสนุกกว่านี้เยอะ ฉันอยากจะได้ของที่ปล้นเพิ่ม ให้ตายฉันก็ไม่อยากล้าหลังกว่าคนอื่น

 

‘หุ หุ หุ พวกมันจะต้องถูกการโจมตีของอัศวินกวาดออกไป ฉันได้ออกทีวีชัวร์

 

‘ทักษะเวทมนตร์ป่าเถื่อนของทางเหนือไม่สามารถหยุดเราได้หรอก พวกมันจะต้องถูกลบล้างออกไปด้วยเวทย์ลม คนเถื่อนอย่างพวกมันจะต้านเวทย์ลมได้ยังไง? ถึงเวลาเฉิดฉายของคนดังแล้ว’

 

โชคร้ายที่ท่านรองตายซะก่อน วันนี้แหละฉันจะแก้แค้นคืนให้สาสม

 

ผู้เล่นกิลด์เฮอร์มีสภูมิใจในความอาจหาญและกองกำลังติดอาวุธของพวกเขา

 

แม้ว่าทางเหนือจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของรอยัลโร้ด มันก็แค่ชายแดนเมื่อเทียบกับอาณาจักรเบรนท์ และอาณาจักรโรเซนไฮล์ม ผู้เล่นส่วนใหญ่ทั้งอ่อนแอและสวมอุปกรณ์ระดับต่ำ

 

อาวุธและเทคนิคเป็นส่วนหนึ่งในพลังการต่อสู้ (Combat power = CP) ของแต่ละคน การต่อสู้ในแดนเหนือที่ผ่านมาทําให้พวกเขารู้สึกว่ามีแต่ผู้เล่นโนวิทเท่านั้น ศัตรูที่อ่อนแอจะสยบแทบเท้าต่อแสนยานุภาพทางทหาร! {novice=ผู้เริ่มเล่น, ผู้เริ่มต้น หรือยังไม่มีอาชีพ}

 

ศีกสุดท้ายของวันนี้จะถูกถ่ายทอดสด ดังนั้นผู้เล่นกิลด์เฮอร์มีสจึงตื่นเต้นดีใจ

 

     - ปัจจุบันขวัญกําลังใจกองทัพอยู่ในระดับสูง พวกเขาได้ลืมเกี่ยวกับภัยพิบัติที่สะพานอัลคาซาร์ไปหมดแล้ว

 

     - กองกำลังที่ 2 นำอาวุธปิดล้อมไปก่อน

 

     - ผู้นําอัศวินแต่ละกองควรเคลื่อนทัพไปตามเส้นทางที่วางไว้เพื่อตอบโต้การโจมตี พฤติกรรมแปลกแยกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกับอัศวิน

 

     - เสริมสร้างการสื่อสารระหว่างกองอัศวินเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของเราในสงคราม

 

เหล่าผู้บัญชาการใช้ช่องทางการสื่อสารของกิลด์เฮอร์มีสเพื่อออกคําสั่ง

 

ขนาดของสงครามนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตรวจสอบ เพื่อที่จะให้คําสั่งนั้นดําเนินการไปอย่างสมบูรณ์

 

เหล่าอัศวินอาณาจักรฮาเว่นคุ้นเคยกับวิธีการโจมตีรูปแบบที่แตกต่างกัน, การตั้งขบวนทัพ และวิธีการต่างๆที่จะหลบการโจมตี

 

‘การต่อสู้ครั้งนี้หวานหมู... มันจะต้องเป็นชัยชนะของเรา แม้ว่าไม่มีใครทำตามคําสั่งก็ตาม’

 

ผู้เล่นทางเหนือเกาะกลุ่มกันเหมือนแมลงวัน ในขณะที่กองทัพอาณาจักรฮาเว่นใช้กลยุทธ์แบบกลุ่ม อีกทั้งเหล่าผู้นํากิลด์เฮอร์มีสก็ได้เข้าร่วมช่องทางการสื่อสารของเหล่าผู้บัญชาการอีกด้วย

 

มันเป็นหนทางที่เหมาะสมที่จะเฝ้าดูฉากการต่อสู้ในการออกอากาศและพวกเขาก็ไม่สามารถก้าวก่ายผู้บัญชาการแนวหน้าได้ แต่หลังจากการสู้รบจะมีการพิจารณาความสําเร็จของเหล่าผู้บัญชาการ

 

ลมอุ่นๆพัดโชย และมันก็เป็นวันที่แดดจัดและฟ้าโปร่ง

 

การเผชิญหน้าระหว่างกองทัพอาณาจักรฮาเว่นและผู้เล่นทางเหนือด้านหน้าพระราชวังโลกากําลังจะเริ่มต้นขึ้น ผู้บัญชาการกองกำลังที่ 1 ของกองทัพพิชิตแดนเหนือ, ดราก้าได้ขี่ม้านำไปข้างหน้า 100 เมตร

 

“เทพสงครามวีดเอ๋ย, กองทัพอาณาจักรฮาเว่นมาเพื่อพิชิตอาณาจักรอาร์เพนที่แสนต่ำต้อย นายที่แท้จริงของแผ่นดินนี้ได้ปรากฏตัวแล้ว!”

 

เสียงตะโกนของดราก้าดังไปทั่วพื้นที่ราบและพระราชวังโลกา

 

มันเป็นการร้องเรียกของผู้นําโดยใช้เวทย์ขยายเสียงและกระจายเสียงออกไปไกล คล้ายๆกับทักษะราชสีห์คําราม

 

ผู้เล่นทางเหนือวิพากษ์วิจารณ์เขาทันที

 

“โอ้อออ!

 

“ไอ้เวรกิลด์เฮอร์มีส, ออกไปซะ

 

“คุณวีดไม่ออกมาหรอกเว้ย!”

 

อย่างไรก็ตามการตะโกนของดราก้าก็แฝงความนัย

 

“คุณวีดจะปรากฏตัวที่นี่เหรอ?”

 

“เขาไม่ได้อยู่ที่พระราชวังโลกาหรอกเหรอ?”

 

พวกเขารวมตัวกันที่นี่เพื่อหยุดอาณาจักรฮาเว่น แต่สิ่งที่ผู้เล่นทางเหนืออยากรู้อยากเห็นมากที่สุดนั่นก็คือสิ่งที่เกี่ยวกับวีด เพื่อปกป้องพระราชวังผู้เล่นทางเหนือจึงเดินทางมาถึงในไม่กี่วัน

 

อย่างไรก็ตามมีผู้เล่นจํานวนมากที่เฝ้าดูสถานการณ์จากที่ราบกว้างและพื้นที่ภูเขา เนื่องจากพวกเขามีเลเวลสูง การตายจะทำให้เกิดความสูญเสียที่ใหญ่มาก ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะเฝ้าดู ไม่ว่าพวกเขาจะต่อสู้หรือยอมแพ้ พระราชวังโลกานั้นจึงขึ้นอยู่กับวีด

 

“ไหนล่ะ?”

 

“คุณวีดอยู่ที่นี่มั้ย?”

 

“พวกกิลด์เฮอร์มีสคงไม่ได้มีเครือข่ายสุดยอดหน่วยข่าวกรองหรอกใช่มั้ย? คนพวกนั้นแม่งรู้ทุกอย่าง”

 

ผู้เล่นทางเหนือค้นหาวีด

 

ดราก้าก็เล็งในจุดนี้ด้วย

 

ดราก้าเรียกวีดก่อนจะสู้รบ เพื่อให้แน่ใจว่าวีดอยู่ที่นี่ เนื่องจากราชาอาร์เพนคือเทพสงครามวีด ดราก้าจึงได้รับบทบาทเน้นในทางป้องกัน เขาจะรับมือง่ายขึ้นเมื่อวีดปรากฏตัว

 

หากวีดไม่ตอบสนองต่อการเรียกของดราก้า มันก็จะค่อยๆทําลายความมุ่งมั่นของผู้เล่นทางเหนือ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

 

ดราก้ารอ แต่วีดก็ไม่ได้ปรากฏตัวท่ามกลางฝูงชน พระราชวังโลกาตั้งอยู่ในที่สูง ดังนั้นอาจจะมีเสียงตะโกนออกมาหากเขาปรากฏตัวขึ้น

 

‘เรียกทีเดียวคงไม่พอซินะ? ที่นี่แหละ หากพระราชวังโลกาถล่มลงมาก็จะสร้างความเสียหายให้กับอาณาจักรอาร์เพน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเป้าหมายของเราจะสําเร็จ

 

ดราก้าเปิดปากพูดอีกครั้ง

 

“เราเป็นผู้บัญชาการทัพกองกำลังที่ 1 แห่งอาณาจักรฮาเว่น และเราขอท้าดวลราชาวีดแห่งอาณาจักรอาร์เพนอย่างยุติธรรม อย่าเอาแต่หลบซ่อน จงออกมา”

 

ระบบท้าดวล!

 

ดราก้าเป็นตัวแทนกองทัพอาณาจักรฮาเว่นที่ขอท้าดวล  มันเป็นการเรียกขวัญกําลังใจของทหาร แต่มันก็ย่อมมีความเสี่ยงเช่นกัน แน่นอนว่าระบบท้าดวลนั้นขึ้นอยู่กับข้อสรุปจากการวิเคราะห์อย่างละเอียดของกิลด์เฮอร์มีส

 

     -ทักษะการแกะสลักของวีดได้ถูกวิเคราะห์ตามการผจญภัยครั้งก่อนของเขา

 

     -วีดสามารถเปลี่ยนสายพันธุ์หรืออาชีพได้, ทําให้เกิดภัยพิบัติได้, สามารถสร้างลูกน้องได้ และสกิลดาบที่มีประโยชน์

 

     -ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นในขอบเขตเฉพาะ... วีดไม่ได้ใช้มันบ่อยครั้ง ดังนั้นอาจจะมีบทลงโทษที่รุนแรง เช่นเดียวกับสกิลอาชีพอื่นๆ โดยตัดสินจากพื้นฐานของสกิล, ไม่ว่าจะเป็นค่าสถานะ, เลเวล หรือความชำนาญทักษะของเขาอาจจะถูกใช้ไป

 

     -วีดมีพลังที่จะสร้างภัยพิบัติร้ายแรงได้ ภัยพิบัติของวีดนั้นส่งผลอย่างมาก แต่มันคงไม่ใช่แค่ความชำนาญทักษะอย่างเดียว การทํานายผลกระทบของพื้นที่ หรือเขารู้ว่ามันจะมา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้ล่วงหน้า

 

     -มันน่าสงสัยนะ เขาได้รับบางสิ่งที่น่าตื่นเต้นจากเทคนิคการแกะสลักลับขั้นสุดท้าย แต่ข้อมูลเฉพาะไม่สามารถใช้ได้เลย เขาไม่ได้ใช้สกิลหลังจากกลับมายุคปัจจุบัน มันต้องมีข้อจํากัดบางอย่าง

 

     -สกิลที่สามารถกลายเป็นอะไรก็ได้ และความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็พัฒนาขึ้นเมื่อเทียบกับตอนที่เจอในเหมืองเมลเบิร์น

 

     -วีดมีภาพลักษณ์ที่ดีในฐานะผู้ปกครองทะเลทราย แต่ความจริงในปัจจุบันมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราต้องเข้าใจความสามารถในการต่อสู้ของวีดในปัจจุบัน เพื่อที่จะกําจัดสิ่งที่อาจรบกวนใดๆ เราจําเป็นต้องเร่งสืบให้ได้ว่าเทคนิคการแกะสลักลับขั้นสุดท้ายคืออะไร หากมันเป็นสกิลที่เกี่ยวข้องกับศิลปะอย่างลึกซึ้งแล้ว เราก็ไม่จําเป็นต้องกังวล

 

     -เมื่อพิจารณาจากเหมืองเมลเบิร์นและตัวแปรอื่น ๆ โอกาสของดราก้าที่จะแพ้น้อยกว่า 20%

 

การวิเคราะห์ข้อมูลของวีดอย่างละเอียดได้ทำนายว่าดราก้าจะเป็นฝ่ายชนะ

 

โดยปกติแล้วสายอาชีพศิลปะ อย่างประติมากรจําเป็นต้องพยายามมากขึ้นเป็น 2 เท่า ที่จะเอาชนะสายอาชีพการต่อสู้  เนื่องจากมีความต่างทั้งทักษะการต่อสู้และค่าสถานะ

 

อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถนำวีดมาเทียบกับมาตรฐานของมนุษย์ปกติได้ เขาได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองและใช้ทักษะพิเศษ

 

แม้พิจารณาปัจจัยต่างๆแล้ว ดราก้าเป็นอัศวินที่แข็งแกร่งของกิลด์เฮอร์มีส และเป็นหนึ่งในขุมพลังอันยิ่งใหญ่ของทวีปเวอร์เซลล์

 

เขาไม่ได้อาศัยการต่อสู้ในการดวลครั้งนี้เพียงอย่างเดียว เพื่อที่จะชนะการดวลนี้ ดราก้าสวมเกราะที่ดีที่สุด และได้รับพรจากพวกพรีสและชาแมน นอกจากนี้ยังมีมนตร์ดําพิเศษที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาเป็นเวลา 7 ชั่วโมง

 

“จะมีการต่อสู้ระหว่างผู้นําเหรอ?”

 

“น่าสนุกนะ คุณวีดชนะชัวร์”

 

“ไม่ทำธรรมดาแหะ ว่าแต่ดราก้าเป็นใครกันเหรอ?”

 

“โง่แท้ พวกนายไม่รู้จักดราก้ารึไง?”

 

“ใครเหรอ?”

 

“ลอร์ดแห่งทะเลสาบบัลเล่ย์ และผู้นําของเหล่าอัศวินเอนาโบลิค มันเป็นตํานานเลยนะที่เอาชนะการดวลติดต่อกัน 14 ครั้ง... ยังไงซะเขาก็เป็นแค่ไอ้คนน่ารังเกียจ”

 

ดราก้าเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้เล่น แต่ผู้เล่นทางเหนือไม่เคยสนใจและไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขา แต่มันจะทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วเนื่องจากสงคราม

 

“คนอวดดี?”

 

“เขาต้องเป็นไอ้งั่งต่อหน้าสาวสวยๆแน่ๆ”

 

“ผมมั่นใจว่าเขาเป็นพวกโรคจิต

 

“อุว่ะ ไม่ใช่มนุษย์แล้ว”

 

แม้ว่าฝูงชนไม่เป็นมิตรกับกิลด์เฮอร์มีส ถึงอย่างนั้นเลเวล และประสบการณ์การต่อสู้ของดราก้า มันก็ทำให้พวกเขาประสาทเสียได้

 

วีดได้รับการเคารพฐานะเทพสงครามที่สามารถต่อสู้กับบาร์ดเรย์ได้ แต่กำลังของผู้เล่นในกลิด์เฮอร์มีสนั้นมีอย่างมหาศาล

 

ขุมพลังแห่งทวีปเวอร์เซลล์ถูกรวบรวมเอาไว้ และพวกเขาก็ตั้งใจที่จะเหยียบย่ำผู้เล่นทางเหนือ

 

แม้จะมีการขอท้าดวลที่สะเทือนไปทั้งพระราชวังโลกาและรอบข้าง แต่วีดก็ยังไม่ปรากฏตัว

 

‘มันจะดีถ้าเขาปรากฏตัว นี่เป็นโอกาสของคุณดราก้าที่จะได้รับความสนใจ

 

ดราก้าจะต้องชนะในการดวลหนึ่งต่อหนึ่ง

 

นี่เป็นโอกาสที่จะประสบความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ ก่อนที่อาณาจักรฮาเว่นจะพิชิตทวีป แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเหนือกว่าบาร์ดเรย์ได้ แต่เขาก็สามารถคว้าตําแหน่งที่ 2 ได้

 

ดราก้าได้เตรียมการมากมายเพื่อการดวลในวันนี้

 

“วีด, คนในทวีปไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์การผจญภัยของแกในฐานะผู้ปกครองทะเลทราย อย่างนั้นแล้วความมั่นใจของแกอยู่ที่ไหน? อีกทั้งแกยังมีฐานะและเกียรติขององค์ราชาแห่งอาณาจักรอาร์เพน ถึงอย่างนั้นแกก็ยังไม่โผล่หัวออกมา จะทำตัวเป็นคนขี้ขลาดไปถึงไหน?”

 

ดราก้าตะโกนด้วยความโกรธ

 

ฝั่งของอาณาจักรฮาเว่นและผู้เล่นทางเหนือก็เงียบสนิท วิกฤตการณ์ของวีดในสงครามเป็นเรื่องที่พวกเขากังวลเช่นกัน

 

แต่ 30 วินาทีผ่านไปกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้น

 

“ราชาวีดแห่งอาณาจักรอาร์เพน! เรา, ดราก้ามาเพื่อยึดดินแดนของแก ถ้าแกมีศักดิ์ศรีในฐานะราชาก็ออกมา! หรือว่าแกได้หนีไปและทิ้งพระราชวังโลกาไปแล้ว”

 

ดราก้าตะโกนอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครออกมาจากผู้เล่นทางเหนือ ฝ่ายผู้เล่นทางเหนือนั้นเงียบกริบ และในบรรดาพวกนั้นไม่มีใครออกตัวว่าเป็นวีด”

 

“เขาไม่อยู่ที่นี่จริงๆเหรอ?”

 

“คุณวีดไม่ได้อยู่ที่นี่... เขาจะไม่ออกมาเลยใช่มั้ย?

 

“สถานการณ์แบบนี้... เขาจะหนีไปจริงเหรอ?

 

ฝั่งของผู้เล่นแดนเหนือก็เปลี่ยนไปทันใด พวกเขารอวีด แต่กลับไม่เห็นเขาเลย

 

น่าผิดหวังจริงๆ ไอ้เราก็คิดว่าวีดจะโผล่ออกมาเร็วกว่านี้  ดูทรงแล้วไม่น่าจะได้ดวลแล้วล่ะ ที่เตรียมตัวมาทั้งหมดก็สูญเปล่าหมดน่ะสิ

 

มันน่าเศร้าที่ระบบท้าดวลของดราก้าถูกปฏิเสธ

 

เขาเน้นย้ำหลายครั้งว่าเขาขอท้าทายวีดแห่งอาณาจักรอาร์เพน มันก็สั่นคลอนผู้เล่นทางเหนือ

 

ความเป็นไปได้ที่วีดหนีออกจากพระราชวังโลกา มันก็เพียงพอที่จะทำให้แน่ใจว่าผู้เล่นทางเหนือบางคนจะไม่มีส่วนร่วมในสงคราม ผลกระทบทางจิตวิทยาต่อผู้เล่นทางเหนือนั้นจะมีบทบาทในสงคราม

 

จากนั้นชายคนหนึ่งเดินออกจากหมู่ผู้เล่นทางเหนือ

 

“ผมได้ยินคุณแล้ว ผมคาม่อนหนึ่งในนักรบชั้นยอดของแดนเหนือ และผมขอท้าดวลคุณ ดราก้า!”

 

นักรบคาม่อน

 

ปัจจุบันของเขาเลเวล 430 และตามหลักแล้วเขาเป็นผู้เล่นของสหราชอาณาจักรบริตเทน เขาย้ายมาโมราต้าในวันแรกๆ เขาเป็นที่นิยมในหมู่ผู้เล่นทางเหนือและสังกัดหน่วยโจ๊กจิงจูฉ่าย {Mugwort=จิงจูฉ่าย หรือ ต้นโกฐจุฬาลัมพา}

 

เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นเลเวลสูงที่มารวมตัวกันเพื่อทำสงครามในแดนเหนือ แล้วเขาก็เดินออกมา

 

ดราก้าหัวเราะเบาๆ

 

นักรบคาม่อนงั้นเหรอ? ขอโทษทีนะ แต่ผมไม่เคยได้ยินชื่อนั้น”

 

ในความจริงแล้วเขาก็เคยได้ยินมาบ้าง

 

ช่องทางการสื่อสารของกิลด์เฮอร์มีสรายงานข้อมูลเกี่ยวกับเขา แต่ดราก้าแกล้งทําไม่รู้

 

“คุณกล้าที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพอาณาจักรฮาเว่น คุณน่ะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมหรอก มีนักรบคนไหนที่ต้องการต่อสู้กับคุณแทนผมบ้าง?”

 

ดราก้าถอยหลังและผู้เล่นคนนึงในกองทัพก็ก้าวออกมาด้านหน้า

 

“ผมเป็นอัศวินนามว่านาเดลลี่ ผมจะขอรับคำท้าดวลในนามของคุณดราก้า”

 

“คุณไม่เกี่ยว ผมส่งคำขอท้าดวลกับดราก้า”

 

“คุณจะได้สู้กับผมหลังจากนั้น คุณคงไม่ได้ออกมาในนามของวีดหรอกใช่มั้ย?

 

“เอางั้นก็ได้ เรามาสู้กัน”

 

คาม่อนถือขวานสั้น ในขณะที่นาเดลลี่ถือดาบและโล่

 

“คุณคาม่อน ชนะ!”

 

“วู้ววว ลัทธิโจ๊กหญ้า กินนิ่มเลย”

 

“ไม่หรอก แค่ให้เขากินโจ๊กเห็ดพิษ!”

 

ผู้เล่นทางเหนือให้กำลังใจ

 

ในทางกลับกันฝั่งอาณาจักรฮาเว่นเงียบ พวกเขามั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องเชียร์

 

คาม่อนถูกห้อมล้อมด้วยกิลด์เฮอร์มีส วินัยทางทหารของกองทัพใหญ่ที่รอคอยอย่างสงบให้ความรู้สึกกดดัน

 

“ไป! ทลายพสุธา”

 

คาม่อนทุ่มขวานลงอย่างหนักหน่วง แต่ถูกบล๊อกด้วยโล่ของนาเดลลี่

 

‘พวกชั่วกิลด์เฮอร์มีส! ฉันจะฆ่าพวกแก

 

‘สไตล์การต่อสู้ธรรมดาเมื่อเทียบกับเลเวลของเขา ถึงเขาจะเชี่ยวชาญการต่อสู้กับมอนสเตอร์ แต่เขาก็ไม่ได้มีประสบการณ์มากเท่าไหร่ในการดวลหนึ่งต่อหนึ่ง’

 

หลังจากการโจมตีไม่กี่ครั้งก็คาม่อนก็เผยช่องโหว่ให้เห็น นาเดลลี่จึงพุ่งเป้าไปที่จุดนั้น

 

“ระเบิดโล่แนวระนาบ”

 

การกวัดแกว่งโล่ทําให้รบกวนความสมดุลของคาม่อน

 

“คลื่นสั่น, ดาบทะลวง, ดาบแรงอัด”

 

การรัวสกิลเป็นชุดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขวานสั้นไม่สามารถตามป้องกันการโจมตีจากดาบและโล่ได้

 

และการดวลในรอบนี้ถูกตัดสินออกมาแล้ว คาม่อนถูกตีอย่างโหดร้ายแล้วกลายเป็นแสงสีเทา

 

“โอ้พระเจ้า...”

 

“คุณคาม่อน...”

 

เกิดความเงียบสงัดในหมู่ผู้เล่นทางเหนือ อาณาจักรฮาเว่นไม่มีความสงสัยในชัยชนะของพวกเขาดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องส่งเสียงเชียร์

 

แน่นอนว่ามีการฉลองเกิดขึ้นลับๆในช่องสื่อสารของกิลด์

 

     - คุณนาเดลลี่ คุณสุดยอดไปเลยนะ ขอแสดงความยินดีด้วย มันเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมาก

 

     -เป็นเพราะปราสาทพูลโบรเฮท  มันเป็นวันล่าที่ดีจริงๆ ทักษะดาบและโล่ของผมถึงกำหนดแล้ว

 

     -เมื่อสามเดือนก่อน มีการล่าในดันเจี้ยนกับนักเวทย์มิลแล็ต เพื่อฉลองเราควรหาดันเจี้ยนดีๆแล้วไปล่าด้วยกันอีก

 

     - ฮ่าฮ่าฮ่า ขอบคุณสําหรับคําชมนะครับ มันเป็นเพราะพวกคุณที่ทำให้ผมดูดี และผมซาบซึ้งมากที่คุณดราก้าให้โอกาสกับผม

 

มันเป็นช่องกิลด์ที่แสนจะเป็นมิตรอย่างแท้จริง

 

ตั้งแต่นั้นก็มีการดวลระหว่างผู้เล่นทางเหนือคนอื่นๆ และ สมาชิกกิลด์เฮอร์มีสอีก 9 ครั้ง

 

“โปรดชนะการดวลในครั้งนี้ด้วย คุณคิตาโอะ!”

 

“แก้แค้นให้กับหน่วยโจ๊กโสมด้วยนะ!”

 

ผู้เล่นออกมาเพื่อปกป้องความภาคภูมิใจของแดนเหนือ แต่ผลที่ได้คือแพ้ 10 ครั้ง! กิลด์เฮอร์มีสมีเลเวลที่เหนือกว่ามาก รวมทั้งทักษะและอุปกรณ์ ผู้เล่นทางเหนือที่โยนตัวเองเข้าสู่การต่อสู้ก็ยับเยินกันถ้วนหน้า

 

ผู้ชนะการดวล ก็เป็นเหมือนผู้ใหญ่เล่นกับเด็ก เพราะเป็นชัยชนะที่ล้นหลาม พลังของกิลด์เฮอร์มีสนั้นยอดเยี่ยมและนี่ก็เป็นหนึ่งในแผนสงครามของพวกเขา

 

ผู้เล่นทางเหนือออกมาสุ่มๆ แต่ผู้เล่นกิลด์เฮอร์มีสได้ถูกคัดเลือกเอาไว้แล้ว

 

ผู้ที่เข้าร่วมในดวลจะได้รับอุปกรณ์พิเศษและพร ผู้เล่นที่เข้าร่วมมีค่าชื่อเสียงต่ำเมื่อเทียบกับทักษะของพวกเขา มันให้เกิดความอดสูอย่างมากซึ่งถูกกระตุ้นจากผู้เล่นทางเหนือ

 

ดราก้าตะโกนอีกครั้งเมื่อได้รับชัยชนะ 10 ครั้ง

 

“ในที่แห่งนี้วีดเป็นเทพสงครามแน่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นจุดประสงค์ในการดวลมันก็จะมีความหมายอะไร ฉันจะให้เวลาแกอีก 1 นาที วีดออกมาสู้กัน หลังจาก 1 นาทีกองทัพอาณาจักรฮาเว่นจะยกทัพไปยังพระราชวังโลกาและทําลายทุกอย่างให้สิ้นซาก!”

 

เสียงของดราก้าดังกังวาน

 

มันเพียงพอที่จะดึงสายตาของชาววิหคบนเกาะลาเวียสได้

 

1 นาทีแห่งความเงียบงัน

 

แต่วีดยังไม่ปรากฏตัว

 

“ราชาวีดแห่งอาณาจักรอาร์เพนไม่ยอมปรากฏตัว ฉายาจักรพรรดิทะเลทรายที่ได้รับจากการผจญภัย ก็เป็นแค่คำลวงที่ไร้สาระ มันกระดากปากจริงๆที่เรียกแกว่าเทพสงครามและราชา ราชาของพวกแกได้นำหายนะให้อาณาจักรอาร์เพน กองกําลังอาณาจักรฮาเว่นทุกคนเดินทัพ!”

 

กองทัพอาณาจักรฮาเว่นตอบพร้อมเพียงกัน

 

“โอ้!”

 

ทหารอาณาจักรชักดาบของพวกเขาทันที เพราะชัยชนะที่ติดต่อกันในการดวลทำให้ขวัญกำลังใจของพวกเขาอยู่ในระดับสูงสุด!

 

อาณาจักรฮาเว่นได้เสร็จสิ้นการจัดวางพลธนูและนักเวทย์ในระหว่างที่มีการดวลกัน ทหารราบและทหารหุ้มเกราะก็ถูกวางตําแหน่งเพื่อปิดทางของผู้เล่นทางเหนือ

 

อาวุธปิดล้อมถูกคุ้มกันด้วยอัศวินชั้นสูง พร้อมกับเสียงที่ดังสนั่น

 

“ยิงโคตรมันส์!”

 

“ยิง, ยิงเข้าไป! ไม่ต้องสนเป้าหมาย”

 

“การต่อสู้จะต้องจบลงในวันนี้ วันพรุ่งนี้จะไม่มีพระราชวังให้ดวงอาทิตย์ได้สาดส่องอีกแล้ว!

 

อาวุธล้อมปิดล้อมยิงลูกไฟขนาดใหญ่ ลูกไฟตกลงใจกลางผู้คนที่รวมตัวกันที่พระราชวังโลกา และแถบไหล่เขาก็ถูกเผาจนวอด

 

แม้ว่าหลายๆคนใช้ธาตุน้ำหรือเวทย์น้ำดับไฟ แต่คนหลายร้อยก็ตายไปแล้ว

 

“ปกป้องทางเหนือ”

 

“สมาชิกลัทธิโจ๊กหญ้าต่อสู้ด้วยศรัทธาอันแรงกล้า แม้ว่าร่างกายของเราจะต้องถูกฝังอยู่ที่นี้ก็ตาม!”

 

“หน่วยโจ๊กเห็ดพิษ ความตายอยู่ตรงหน้าเราแล้ว อย่าไปกลัว จงสนุกกับมัน!”

 

“หุ หุ หุ ลัทธิโจ๊กหญ้าของเรามีจิตวิญญาณที่อิสระ โจ๊กข้าว, โจ๊กไก่ และโจ๊กอื่นๆแสนธรรมดา โจ๊กเห็ดพิษล่ะ? จะมีใครกินมันได้? เราเป็นหน่วยโจ๊กแมลงที่จะต่อสู้กับความชั่วร้ายของโลกใบนี้ กรอบนอกนุ่มในและอุดมไปด้วยสารอาหาร ไม่จำเป็นต้องย่างก็ได้ แค่กินแมลงสาบหรือแมลงอื่นๆสามครั้งต่อวัน...”

 

“ยี้ โจ๊กแมลง!”

 

“ไอ้พวกบ้าแมลง!”

 

ผู้เล่นทางเหนือเริ่มการโจมตี ลูกธนูและเวทมนตร์พุ่งเป้าไปยังอาณาจักรฮาเว่น

 

“ว่ะฮะฮ่า!”

 

เหล่านักรบวิ่งไปยังกองทัพฮาเว่นเร็วสุดเท่าที่จะเป็นไปได้  อัศวินขี่ม้าและวัวกระทิงวิ่งไปบนที่ราบโดยไม่ลังเลใดๆ การโจมตีครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้น

 

“ทุบอาวุธปิดล้อม!”

 

“เป้าหมายของหน่วยโจ๊กคุดซึคืออาวุธปิดล้อม”

 

{Kudzu= คุดซึ=พืชแถบเอเชีย ไทยเรียกว่าแป้งท้าวยายม่อม เกาหลีนำมาทำแป้งต๊อก ญี่ปุ่นนำมาทำเป็นแป้งโมจิKuzumochi} (ชื่อไทยๆก็หน่วยโจ๊กท้าวยายม่อม)

 

“หน่วยโจ๊กเนื้อวัวจะฆ่าให้หมดทุกคน!”

 

สมาชิกลัทธิโจ๊กหญ้าหลายแสนคนได้ย้ายเข้ามาอยู่ในสังกัดหน่วย และอาณาจักรฮาเว่นก็เริ่มโจมตีพวกเขาในระยะไกล

 

“คนทางเหนือบอบบางต่อเวทย์น้ำแข็ง น้ำแข็งแผ่ซ่าน!”

 

“คลื่นระเบิด!”

 

“ทุกคนจะต้องตายต่อหน้าพลังสายฟ้า!”

 

ผู้เล่นทางเหนือล้มลงเมื่อเผชิญหน้ากับเวทย์ทําลายล้างของอาณาจักรฮาเว่น มีการระเบิดเวทย์ต่างๆหลายร้อยครั้ง มันยากที่จะแยกแยะความต่างของแต่ละคนได้

 

ผู้เล่นทางเหนือพุ่งเข้าโจมตีด้วยความเร็วเต็มพิกัดเพื่อที่จะประจันหน้ากับอาณาจักรฮาเว่น

 

อย่างไรก็ตามพื้นดินแตกทลายและเปลวไฟก็กระจายไปทั่ว มันเป็นพลังที่เลวร้ายพอจะทำลายโลกได้ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยลูกธนูของอาณาจักรฮาเว่น ผู้เล่นทางเหนือวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้นั้นต่างก็ล้มลง

 

พื้นที่ของการโจมตีระยะไกลของกิลด์เฮอร์มีสถูกเรียกว่าเขตเวทมนตร์ทำลายล้าง

 

“รูปแบบปราการกำแพง”

 

ผู้บัญชาการสั่งให้ทหารหุ้มเกราะยกโล่ เมื่อมองจากด้านหน้าเป็นเหมือนโล่ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่

 

เตง เตง เต็ง!

 

“ทะลวงผ่านมันไป!”

 

ผู้เล่นทางเหนือที่ข้ามเขตเดนตายมาได้ แต่ต้องมาเจอรูปแบบโล่จนขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้

 

“โจมตีสวนกลับ”

 

ทันทีที่ผู้บัญชาการพูดจบ โล่ก็ถูกทิ้งและหอกก็ปรากฏขึ้น ทหารราบหุ้มเกราะแถวที่ 2, 3 และ 4 เดินออกมาและเชือดผู้เล่น

 

“เอื๊อกก!”

 

“อั่ก”

 

แล้วพวกเขาก็กลับไปที่ฝั่งและยกโล่ขึ้นเพื่อสร้างรูปแบบปราการกำแพงอีกครั้ง! มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทําลายทหารราบหุ้มเกราะ

 

ความเร็วและลักษณะของอัศวินนั้นสามารถแหวกพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ แต่ว่าจำนวนทหารราบหุ้มเกราะแน่นหนาจนไม่สามารถใช้วิธีนั้นได้

 

ประสิทธิภาพของกลยุทธ์ของกิลด์เฮอร์มีสไม่สามารถนำไปเทียบกับศัตรูที่ต่อสู้เฉพาะตัวได้

 

“มันไปไหนไม่ได้เลย เราต้องเผชิญหน้ากับพวกมัน”

 

“มันจะไม่สำเร็จถ้าไปเพียงคนเดียว ไปด้วยกัน!”

 

ผู้เล่นทางเหนือรวมตัวกันเพื่อปกป้องพระราชวังโลกา พวกเขาพร้อมใจเคลื่อนตัวเหมือนสึนามิ แต่อาณาจักรฮาเว่นใช้เพียงกำลังของพวกเขาบล็อกมันไว้

 

ตามที่เสนาธิการทหารได้บอกไว้ ศัตรูได้ลดลงไปแล้วหนึ่งในสาม ภัยคุกคามไม่สามารถเข้าใกล้แนวป้องกันของทหารหุ้มเกราะได้ ล้วนเป็นเพราะพลังของนักธนูและนักเวทย์ในสนามรบ!

 

“โจมตีนักธนู!”

 

“เราจำเป็นต้องโจมตีระยะไกลบ้าง อย่าไปกลัวหยุดนักธนูและนักเวทย์ อ๊าคค

 

ผู้เล่นทางเหนือลดลงอย่างรวดเร็วจากลูกธนูและเวทย์ที่ลอยมา เหล่าอัศวินและทหารราบของอาณาจักรฮาเว่นมีไอเทมที่ลดดาเมจเวทมนตร์ระยะไกล

 

นี่คือความแตกต่างระหว่างบุคคลและกลุ่ม อัศวินมีความสามารถพิเศษในการเป็นผู้นํา อย่างเช่นการกระจายความเสียหาย, เสริมการป้องกัน, เพิ่มพลังชีวิต และรูปแบบกลุ่มขนาดใหญ่

 

ทางเหนือมีผู้เล่นจํานวนมากมาย แต่พวกเขาไม่ได้ถูกใช้อย่างเหมาะสม แม้จะอยู่กันเต็มพื้นที่ขนาดใหญ่ พวกเขาก็พ่ายแพ้และก็ตายไป

 

วีดไม่ได้อยู่ที่จุดเริ่มต้นของการต่อสู้ จึงไม่น่าแปลกใจกับกำลังพลระดมยิงของอาณาจักรฮาเว่น

 

ผู้เล่นเลเวลสูงไม่ได้เข้าร่วมสงคราม เพราะว่าโอกาสชนะแทบจะไม่มีเลย อีกทั้งการโจมตีของผู้เล่นทางเหนือก็ค่อยๆชะลอตัวลง

 

“โอเค มันเป็นชัยชนะของเราแน่นอน”

 

‘มันเกือบจะเสร็จแล้ว’

 

อาณาจักรฮาเว่นรุกรานทางเหนือ เพราะพวกเขาแน่ใจแล้วว่าจะได้เก็บเกี่ยวผลตอบแทนหลังจากรบชนะ พวกเขาดื่มฉลองกันหลังจากได้รับชัยชนะทุกครั้งแต่ครั้งนี้มันแตกต่าง หากพวกเขาชนะในวันนี้ มันก็เท่ากับว่าทางเหนือทั้งหมดนั้นได้พ่ายแพ้

========================================

 

วีดยังคงอยู่ในพระราชวังโลกาดูการต่อสู้

 

เขาได้ยินดราก้าตะโกนท้าดวล แต่เขาไม่ได้โผล่ออกไป

 

“ฉันยังไม่ได้เงินของฉันคืนเลยนะ แถมพวกมันก็ไม่น่าไว้ใจ...”

 

ในการดวลทำให้กองกําลังจากทั้งสองฝ่ายกระจุกกันอยู่ตรงกลาง แต่กิลด์เฮอร์มีสนั้นแน่นอนว่าต้องใช้วิธีสกปรก

 

“ฉันไว้ใจลุงชเว คนที่ชอบเก็บเงินแถวๆบ้านมากกว่า”

 

พวกเขาอาจจะใช้คําสาปหรือเวทมนตร์ที่มองไม่เห็นเพื่อช่วยให้ชนะการต่อสู้ ในหนังฮีโร่ทุกคนจะก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ และมักจะพังพินาศด้วยวิธีการเลวๆ

 

เขาไม่อยากตกเป็นเหยื่อในแผนการที่ชั่วร้าย หรือลูกเล่นเด็กๆ

 

“พวกมันคงจะตีหัวฉันด้านหลัง!

 

เมื่อถึงคราวที่ต้องเอาชีวิตรอด วีดไม่สนความภูมิใจอะไรนั่นหรอก

 

“และสงครามก็ยังไม่ได้เริ่มอย่างสมบูรณ์”

 

ผู้เล่นทางเหนือได้รวมตัวกันที่พระราชวัง พวกเขาต้องการปกป้องเสรีภาพของอาณาจักรอาร์เพน

 

ในตอนต้นอาณาจักรฮาเว่นนั้นทรงพลังอย่างมาก แต่ในที่สุดแล้วพวกมันก็เริ่มเบื่อ ผู้เล่นทางเหนือจําเป็นต้องประเมินเวลาอย่างละเอียด

 

“เอ่อ เฮสไทเกอร์อยู่ที่ไหนแล้วละ? แน่นอนว่าเขาคงไม่หนีไปซินะ”

 

“ข้าจะทําตามคําสั่งของมหาจักรพรรดิ แต่ตัวข้าได้ตายไปแล้ว ข้านั้นมีสิทธิที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโลกใบนี้หรือไม่?

 

เฮสไทเกอร์หายไปจากพระราชวังโลกาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว

 

“ไม่ว่าจะดีหรือเลว มนุษย์ควรเลือกทางเดินในชีวิตเพื่อกำหนดโชคชะตาของพวกเขาเอง นายท่านพยายามนำพาไปสู่ชีวิตที่ดี แต่ว่า...ข้ามาจากอดีตและไม่มีสิทธิที่จะก้าวก่ายการตัดสินใจของมนุษย์ในปัจจุบัน”

 

เมฆที่พัดผ่านท้องฟ้าที่แจ่มใส ผมของเขาสะบัดปลิวตามสายลม เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลา

 

นัยน์ตาสีฟ้าเข้มเหมือนทะเลสาบ ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกของเฮสไทเกอร์ก็แสดงให้เห็นหัวใจที่อ่อนโยนของเขา

 

“ข้าไม่สามารถบังคับชีวิตของผู้คนได้ พวกเขาควรจะรับผิดชอบผลการกระทำในชีวิตของพวกเขาเอง มีเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น ดังนั้นข้าไม่ควรไปขัดขวางพวกเขา”

 

วีดใช้ประติมากรรมคืนชีพเพื่อต่อสู้กับอาณาจักรฮาเว่น แต่คนคนนั้นถูกขังอยู่ในความกังวลอยู่ตามลำพัง

 

“ข้าขอขอบคุณ พระคุณของนายท่าน แต่ว่าการทำตามความประสงค์ของนายท่านโดยไม่มีเงื่อนไขนั้น...มันยาก ข้าอยากจะสนุกไปกับชีวิตที่เหลืออยู่”

 

เฮสไทเกอร์เป็นตัวอย่างทั่วไปของฮีโร่ แต่เขาก็มีความคิดที่กวนใจเขาอย่างมาก เขายืนอยู่บนหน้าผาของพระราชวังและจ้องมองที่กองทัพอาณาจักรฮาเว่น

 

เฮสไทเกอร์มีมุมมองที่ดี

 

“มนุษย์มากมาย ส่วนใหญ่พวกเขาดูเหมือนจะอ่อนแอเพราะไม่ได้รับการฝึกที่เหมาะสม”

 

พวกเขาเป็นเหมือนทหารที่วีดและนักรบทะเลทรายได้เหยียบย่ำในช่วงสงคราม แม้จะมีอาณาจักรที่โอ้อวดกองทัพทหารอันทรงพลัง แต่เมื่อถูกโจมตีเล็กน้อยก็ทําให้กองทัพของพวกเขาแตกกระเจิง

 

เหล่านักรบทะเลทรายได้แสดงความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริง ขวัญกําลังใจทหารฝ่ายศัตรูตกลง ทำให้เกิดความอับอายขายหน้าอย่างมาก และมีศัตรูมากมายที่พยายามหนีจากสนามรบ

 

เลือดนักรบทะเลทรายเดือดพล่าน มันเป็นความปรารถนาที่ต้องการจะต่อสู้

 

“มันไม่สําคัญแล้ว”

 

มีการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วนในช่วงสงคราม หลังจากเหตุการณ์ลัทธิเอ็มบินยู เขาก็ได้เดินทางต่อสู้ไปทั่วทวีปเพื่อความยุติธรรม

 

เฮสไทเกอร์มองย้อนกลับไปและเสียใจกับชีวิตของเขา

 

“เมื่อถึงเวลา ข้าจะจากไปดั่งสายลม ข้าจะใช้ช่วงชีวิตสุดท้ายของข้าบนโลกใบนี้อย่างอิสระ ทั้งเคารพและรักการมีชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แม้ว่าข้าจะล้มเหลวในการปฏิบัติตามคําสั่งของนายท่าน...”

 

เป็นไปได้ว่าวีดจะเสียเลเวลอันมีค่าอย่างสูญเปล่าในการใช้ประติมากรรมคืนชีพ!

 

จากนั้นเฮสไทเกอร์มองดูอาณาจักรฮาเว่นชนะในการดวล 10 ครั้ง

 

หลังจากวีดได้จากไป เฮสไทเกอร์ยังคงล่าและผจญภัยอย่างต่อเนื่อง เขามีเลเวลถึง 869 และมันเป็นการยากที่จะหามอนสเตอร์ที่จะคู่ควรกับเขา

 

เขายังไม่ขยับเมื่ออาณาจักรฮาเว่นใช้อาวุธปิดล้อมและฆ่าผู้เล่นทางเหนือ

 

โชคร้ายสําหรับวีด เฮสไทเกอร์ได้ตัดสินใจแล้ว

 

“ข้าจะไปจากที่นี่... ไปสู่ที่ที่ไม่มีการต่อสู้ ข้าอยากเห็นทะเล”

 

และทันใดนั้น!

 

“พ่อคะ!

 

ฮันส์เป็นหนึ่งในชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรอาร์เพน เขาตัดสินใจต่อสู้กับศัตรูอย่างสมัครใจ เพื่อปกป้องอาณาจักรอาร์เพน เช่นเดียวกับชาวเมืองคนอื่นๆ ความจงรักภักดีของเขามีต่อองค์ราชาจนถึงขีดสุด

 

ฮันส์ยิงธนูไปยังอาณาจักรฮาเว่นไม่กี่ครั้ง แต่พื้นที่นั้นถูกโจมตีด้วยเวทมนตร์และเขาก็เสียชีวิต ลูกสาวของเขา ซูซานน่า อายุ 7 ขวบวิ่งและกรีดร้องในสิ่งที่เธอเห็น

 

แต่อาณาจักรฮาเว่นกลับใช้เวทย์ไฟอีกอัน

 

นี่คือเป้าหมายของหน่วยนักเวทย์ พวกเขาเริ่มโจมตีพื้นที่ด้วยเวทมนตร์ระยะไกลก่อน และผู้ที่รอดชีวิตจากการโจมตีระลอกแรกนั้น ในไม่ช้าก็จะถูกฆ่าโดยการโจมตีระลอกสอง

 

“อ๊าาาาาา!”

 

เฮสไทเกอร์ร้องไห้ออกมาเต็มไปด้วยน้ำตา ขณะที่ซูซานน่าถูกเผา ความโกรธเกรี้ยวของวีรบุรุษไหลบ่ามาที่ภาพของชาวเมืองทวีปเวอร์เซลล์คนหนึ่งที่กําลังจะตาย

 

“ทำไมพวกมันถึงโหดร้ายเพียงนี้... ! พวกมันไม่มีความเมตตาแม้แต่น้อย”

 

และเขารู้สึกเสียใจ

 

“ถ้าข้าลงมือไวกว่านี้ละก็... มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด ชีวิตแสนมีค่าที่เต็มไปด้วยความรักได้ถูกพรากไป เป็นเพราะข้าลังเล”

 

หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว

 

“มันไม่ใช่ว่าชีวิตของข้าจะกระทำผิด ข้าไม่จําเป็นต้องเคารพคนจะที่ตัดสินใจชีวิตของผู้อื่น ถ้าข้าไม่ทําเพื่อความยุติธรรมแล้ว ความยุติธรรมก็จะไม่บรรลุผล ข้าลืมปณิธานความยุติธรรมของข้าไปได้ยังไง”

 

นี่เป็นคำพูดธรรมดาๆ

 

“นายท่านได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ทั้งหมด เพราะคําสั่งของนายท่านมีความหมายลึกซึ้ง... ผู้ใต้บังคับบัญชาที่แท้จริงจะต้องเจริญรอยตามทันที”

 

ผลสรุปก็คือ

 

“ปีศาจคือความชั่วร้าย ข้ายินดีจะฝังดาบของข้าไว้ในนั้น เพื่อความยุติธรรม ไม่สามารถทิ้งความชั่วร้ายเอาไว้ได้  คําสั่งของนายท่าน...ข้าจะฆ่าพวกมันให้หมดดดดดดดดดดด!!!!!!!

 

ความเจ็บปวดรวดร้าวของฮีโร่ในหนังหรือละคร

 

“อัญเชิญเกราะแห่งพงไพร อัญเชิญดาบปฐพี”

 

เฮสไทเกอร์อัญเชิญดาบและเกราะของเอลฟ์ชั้นสูง

 

ในความเป็นจริงประติมากรรมคืนชีพไม่ได้ให้อุปกรณ์เดิมมาด้วย อย่างไรก็ตามเอลฟ์ชั้นสูงและป่าของพวกเขายังคงจดจําเฮสไทเกอร์ได้

 

     - เพื่อนและวีรบุรุษของเรา เฮสไทเกอร์กลับมาแล้ว

 

     - เขาเป็นคนดีและก็อ่อนไหว...ป่าได้ส่งไอเทมมาเก็บไว้ที่นี่

 

     - ภูติแสนซน เพื่อนเราต้องการสิ่งเหล่านี้

{Fairy=แฟรี่=นางฟ้า, เทวดา, เทพธิดา, ภูติ}

 

     - ฉันเข้าใจแล้ว เขาเป็นเพื่อนของเหล่าภูติเหมือนกัน เดี๋ยวฉันจะเอาไปให้เขาเอง

 

เกราะและดาบถูกเก็บไว้กับเหล่าเอลฟ์และภูติก็มาถึง

 

ร่างกายของเฮสไทเกอร์ไม่บอบบางเหมือนเอลฟ์ เป็นเพราะความสําเร็จในการผจญภัยพิเศษ, ช่างฝีมือเอลฟ์นั้นหายากที่จะช่วยทําดาบและเกราะให้แก่เขา นักเวทย์ของมนุษย์แข็งแกร่งก็จริง แต่เอลฟ์นั้นเข้าใจเวทมนตร์ได้ลึกซึ้งกว่า

 

เฮสไทเกอร์ได้สวมชุดเกราะและดาบเวทมนตร์

=========================================

 

     -คิ คิ คิ วู้ ฮิ ฮิ ฮิ

 

“ชำระล้างวิญญาณ!”

 

     - คิย๊าาาาค

 

แสงอันทรงพลังที่ปล่อยออกมาจากร่างกายของไอรีนดับชีวิตผี เซอร์กะก็วิ่งชกและเตะไปรอบๆ ในขณะที่โรมุน่า รวบรวมมานาเพื่อการโจมตี

 

การค้นหาขุมทรัพย์ของจักรวรรดิพอลลอส! ทะเลสาบได้เปลี่ยนเป็นโคลนเลนและผีจํานวนมากสิงอยู่ในสมบัติ

 

- เกราะของซาริน:

 

ความทนทาน 32/51 ป้องกัน 54

 

ชุดเกราะที่สวมใส่โดยรอยัลไนท์ซารินแห่งอาณาจักรมาปอน

 

เขาเป็นอัศวินที่ดีที่สุดที่เป็นตัวแทนของอาณาจักรและเป็นชนชั้นสูงที่มีบรรดาศักดิ์เป็นเอิร์ล

 

ซารินได้นําอัศวินที่ต่อสู้กับนักรบทะเลทรายและจักรวรรดิพอลลอส เขาพยายามปกป้องอาณาเขตเบลโลสแต่ก็พ่ายแพ้

 

ชุดเกราะของเขาถูกปล้นโดยนักรบทะเลทรายและเกราะนี้ยังเป็นหนึ่งในสมบัติของจักรวรรดิพอลลอส

 

มันถูกฝังอยู่ในพื้นดินเป็นเวลา 600 ปี ดังนั้นความทนทานและพลังป้องกันของเกราะจึงอยู่ในสภาพที่เลวร้ายมาก บางครั้งจะรู้สึกหนาวเย็นจนน่าขนลุกและสามารถสัมผัสวิญญาณของซารินที่หลับใหลอยู่ในเกราะได้

 

ข้อจํากัด: เลเวล 455 อัศวินเท่านั้น

 

คุณสมบัติเพิ่มเติม: สมบัติที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์

 

สามารถดูดกลืนความกลัวได้อย่างรวดเร็ว

 

ศักดิ์ศรีและเกียรติยศจะลดลง

 

มนต์ดํา + 1

 

ทักษะอัศวิน + 2

 

มีโอกาส 13% ที่ทุกการโจมตีสามารถแสดงพลังประหลาด

 

ในขณะที่ชุดเกราะส่วนใหญ่มันไร้ประโยชน์มาก!

 

แต่ถ้าช่างตีเหล็กคืนสภาพมันแล้ว มันอาจจะเป็นไอเท็มที่สุดยอด หลังจากพรีสอาวุโสได้ทำการชำระล้างแล้ว ก็เป็นไปได้ที่ช่างตีเหล็กคืนสภาพมันให้เหมือนเดิม

 

การคืนสภาพอุปกรณ์จากช่วงสงครามสามารถเพิ่มความชํานาญทักษะของช่างตีเหล็กได้ พวกมันเป็นเหมือนไอเทมล้ำค่าสำหรับช่างตีเหล็ก

 

นอกจากนี้ยังมีวัตถุโบราณบางอย่างที่ชำรุดเสียหายที่มันแตกหัก นี่คือเหตุผลที่วีดไม่มีความกังวลเกี่ยวกับสภาวะนี้ เมื่อบอกให้นักรบทะเลทรายฝังสมบัติไว้

 

“มันยากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่สามารถผูกพวกมันติดกับอวนได้มากกว่านี้แล้วนะครับ”

 

เซฟเฟอร์พูดว่าเขาดักผีด้วยอวนของเขา หากไม่มีทักษะชาวประมงนี้ละก็ พวกเขาจะต้องสู้กับผีจํานวนมหาศาลในครั้งเดียว

 

“การเต้นของฉันเกินขีดจํากัดแล้ว!”

 

ฮวารยองนั่งบนพื้น

 

บูบิ บูบิ แดนซ์!

 

แม้แต่ผีที่ลอยผ่านก็จะถูกดึงดูดโดยการเต้นของเธอ อย่างไรก็ตามการเต้นของเธอนั้นกินพละกำลังไม่น้อยเลยทีเดียว

 

เซอร์กะ ไอรีน และเบลล็อตตะโกนออกมา

 

“เยส แจ๊คพ็อต!”

 

“ฉันสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เสื้อผ้าของพรีสชั้นสูงหรือนักบุญ...”

 

พวกเขาลงเอยด้วยการถูกย้อมไปด้วยความโลภของวีดเพื่อสมบัติ!

 

นี่เป็นสถานที่ยอดเยี่ยมมากในการยกระดับความชำนาญทักษะและเลเวลกับการค้นหาขุนทรัพย์ในเวลาเดียวกัน มันเป็นธรรมดาในครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกับสมบัติของจักรวรรดิพอลลอส

 

อย่างไรก็ตามพวกเขาจะต้องต่อสู้กับผีที่โผล่ออกมาจากสมบัติของจักรวรรดิพอลลอสอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในเวลากลางคืนและเช้ามืดจะมีผีออกมาจํานวนมาก ทำให้กลุ่มของพวกเขาพบกับความยากลำบาก

 

พละกำลังถูกใช้ไปจนหมด ทําให้สถานที่นี้เป็นเขตล่าและไซด์งานขุดที่ยากลำบาก พละกำลังถูกใช้ไปกับการขุดเพื่อหาสมบัติ และพวกเขายังล่าผีได้อีกด้วย ดังนั้นสถานที่แห่งนี้อาจจะเรียกว่าเป็นหนึ่งในดันเจี้ยนที่ดีที่สุดในทวีปเวอร์เซลล์

 

อัศวินผีมีเลเวล 400 ~ 500 ในช่วงสงคราม ดังนั้นพวกเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสม

 

ผีอ่อนแอลงเนื่องจากการมีชีวิตที่ยาวนานและมีพลังชีวิตต่ำ แต่ยากที่จะล่าพวกมัน ไอรีนยุ่งกับดินที่ปนเปื้อนและการกําจัดคําสาปเพื่อเพิ่มค่าความศรัทธาทุกๆวัน

 

แต่พวกเขาถึงขีดจํากัดในการล่าผีแล้ว

 

โรมูน่าวางไม้เท้าของเธอและพูดว่า

 

“ฉันทํามันต่อไปไม่ไหวแล้ว”

 

“ฉันเหนื่อย”

 

เบลล็อตหยุดเล่นพิณที่ขาดไป 3 สาย

 

“ไปพระราชวังโลกากันเถอะ”

 

เซอร์กะแสดงความเห็น

 

ทุกคนอยากจะสู้กับอาณาจักรฮาเว่น และจะออกไปเร็วกว่านี้หากไม่ใช่เพราะการขุดค้น

 

“ฮืมมม, ฉันอยากไปนะ แต่งานของเรานี่ล่ะ?”

 

เซฟเฟอร์ถูกขังอยู่ในความคิดชั่วครู่หนึ่ง

 

พวกเขาสามารถหาสมบัติมากมายที่นี่ ถ้าพวกเขาออกจากที่นี่ไปแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็จะกลายเป็นสรวงสวรรค์ของเหล่าผี เลเวลโดยรวมของกลุ่มอยู่ราวๆ 440 ดังนั้นที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสําหรับผู้เล่น

 

เซฟเฟอร์พยักหน้าอย่างรวดเร็ว

 

“ไปกันเถอะ!”

 

เขาใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ มันเพียงพอแล้วที่ได้สนุก สนามรบเป็นเหมือนสนามเด็กเล่นสําหรับผู้เล่นเลเวลสูง

 

แม้แต่ไอรีนที่มีบุคคลิกนิ่งๆก็ยังยิ้มอย่างกว้าง

 

“ไปสิ!”

 

เธอไม่ได้กังวลในเรื่องการเปลี่ยนที่อยู่ของพวกผี

 

มีวีดทั้งคน

 

วีดได้ต่อสู้กับบัลข่าน และมังกรแห่งกลียุคออสโซเล็ท! พวกเขาเชื่อว่าวีดจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย

 

เบลล็อตทำหน้ายุ่ง

 

“แต่เราจะไปให้ถึงทันเวลาได้ยังไง? การต่อสู้อาจจะจบลงไปแล้วเมื่อเราไปถึงที่นั่น”

 

เซฟเฟอร์ถอนหายใจหลังจากนั้นไม่นาน

 

“ผมจะถามยูรินให้”

 

จิตภาพเคลื่อนย้ายของยูริน!

 

มันเป็นทักษะจิตรกรที่ช่วยเหลือผู้คนรอบตัวเธอได้เป็นอย่างดี

 

แน่นอนว่าเขาต้องเตรียมใจโดนบ่นทุกครั้ง ที่ขอให้เธอใช้ทักษะ

จบ เล่ม 41 ตอนที่ 1

ผู้แปล : Rastymay

Editor : แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล


3 ความคิดเห็น:

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...