วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เล่มที่ 21 ตอนที่ 6 มหัศจรรย์แห่งการประทานชีพ แปลโดย Cole’s Myth

เล่มที่ 21 ตอนที่ 6 มหัศจรรย์แห่งการประทานชีพ แปลโดย Cole’s Myth


เมื่อกลับเข้าไปในดันเจี้ยนใต้ดินอีกครั้ง วีดลงทุนลงแรงใช้เวลาไปพักใหญ่สลักประติมากรรมขึ้นมามากมายหลายตัว บวกกับพวกอันเดดที่รวบรวมมาได้ช่างยากลำบากเอาไว้เพื่อเอาไว้ใช้กำราบเหล่าศัตรู เขาจึงต้องการบางสิ่งบางอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงกระแสแห่งโชคชะตา เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องใช้กองกำลังที่มากกว่ากองกำลังอันเดดที่เขามีอยู่นั้นเพื่อใช้ต่อกรกับศัตรูอันแข็งแกร่ง
คงจะเหมือนกับที่ผู้คนพูดเอาไว้ว่า คนเราต้องใช้ความพยายามของตัวเองเพื่อที่จะรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้ ประติมากรรมที่สลักไว้เมื่อคืนนี้คงจะช่วยได้มากเลยทีเดียว
ฉันต้องใช้พลังและความแข็งแกร่งของประติมากรรม คิดว่านั่นคงเป็นหนทางที่จะหนีออกไปจากสถานการณ์เช่นนี้ได้
ตั้งแต่ที่เขาเชี่ยวชาญทักษะประติมากรรมธรรมชาติแล้ว วัสดุที่ใช้ทำผลงานแกะสลักก็ดูแตกต่างไปมากเลยทั้งพื้นผิวและภายในของวัสดุก็ด้วย ตั้งแต่พื้นผิวจนแกนกลางของวัสดุนั้นรู้สึกได้ถึงพลังแห่งชีวิตและชีพจรของมานาที่กำลังสั่นไหว
คุณสามารถรู้สึกถึงการก่อตัวของมานาที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาในตอนที่คุณมองดูประติมากรรมชิ้นนั้น
จากการเห็นคุณค่าของวัสดุที่เอาไว้ใช้แกะสลัก บวกกับความยากลำบากในการแกะสลักวัสดุนั้นโดยไม่ทำให้เสียหายก็จะทำให้ระดับมานาเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
ถึงแม้ว่าแร่นั้นมันช่างยากที่จะตัดแต่งให้เป็นรูปเป็นร่าง แถมแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการแกะทุบนั้นก็ยังจะส่งผ่านไปถึงแร่ที่อยู่ภายในนั้นได้อีกด้วย
ต้องค่อยๆทำอย่างละเมียดละไมแล้วก็ระมัดระวังเข้าไว้

ประติมากรรมเสร็จสมบูรณ์แล้ว!
อันเป็นผลมาจากคุณค่าทางศิลปะ ความอดทนของประติมากรรมเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ผลงานชิ้นนี้ส่งผลต่อสถานะค่าชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ทางศิลปะลดลง 2 แต้ม
ผลประโยชน์อย่างอื่นของการเป็นประติมากรที่เพิ่มขึ้นมา!
ประติมากรรมเสร็จสมบูรณ์แล้ว ความอดทนเพิ่มขึ้นอย่างมากและยังลดชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ลงด้วยอีก 2 แต้ม แถมยังเพิ่มชื่อเสียงให้อีกด้วย

วีดหัวเราะออกมาอย่างพออกพอใจ

ใช่แล้ว ประติมากรรมนี่ก็บ่งบอกถึงจิตวิญญาณอันมุ่งมั่นของประติมากรได้ด้วยสินะ
วีดพูดกับตัวเองขณะที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานแกะสลักผลงานประติมากรรมออกมามากมายมหาศาล เพราะว่าค่าชื่อเสียงที่สูงมากๆซึ่งได้มาจากการทำเควสที่ยากมาก ก็สามารถลดค่าชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ลงได้ง่ายๆเช่นกัน แถมค่าชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ก็ยังใช้การสร้างประติมากรรมทำให้ลดลงได้อีกด้วย
พอมาคิดดูแล้วฉันคงต้องย้ายผลงานอันน่าประทับใจชิ้นนี้ไปจัดแสดงไว้ในที่ที่สูงส่งกว่านี้แล้วละ
ชื่อเสียงดี (Fame)เพิ่มขึ้นมากแล้วนะ แต่ว่าระดับความยากของภารกิจนี้ก็หินสุดๆเลยแถมก็เอาแต่เพิ่มค่าชื่อเสียงเสียให้กับฉัน คงต้องแกะสลักประติมากรรมเอาไว้ให้มากๆเพื่อลดค่าชื่อเสียงเสีย(infamy)แล้วละ
จนกว่าพระอาทิตย์จะตกดินหากมีโอกาสที่จะตักตวงเอาไว้ได้ ฉันจะลดค่าชื่อเสียงเสียให้ได้ แม้นั่นจะเป็นการกระทำที่เลวร้ายก็ตามฉันก็จะกำจัดข้อกล่าวหาแย่ๆนั้นออกไปให้จงได้
ฉันถึงขนาดไปฆ่าคนทีหลังยังได้เลยถ้าฉันต้องทำ เพราะยังไงฉันก็ลดค่าชื่อเสียงแย่ๆนี้ลงได้อีกอยู่ดี
สำหรับวีดแล้ว แทนที่จะกลายเป็นคนใหม่ดั่งต้นกล้าที่กำลังงอกออกมา นี่กลับเป็นเหมือนกับตั๋วทองคำที่จะทำให้เขาได้เผยธาตุแท้ที่แสนเน่าเฟะให้เป็นอิสระเสียมากกว่า
ตอนนี้ฉันได้กลายเป็นอีกคนไปแล้ว กลายเป็นจอมบงการที่เลวเสียยิ่งกว่าคนที่เลวที่สุดซะอีก!ทุกๆคนจะต้องเกรงกลัวแต่วีดผู้นี้!”
การขุดแร่นั้นก็เพิ่มค่าชื่อเสียงเสียเป็นอย่างมากเพราะถือว่าเป็นการทำลายผืนดินในขณะที่กำลังขุดหาแร่อันมีค่าอยู่นั่นเอง
เพื่อที่จะให้ชื่อเสียงเสียของฉันลดลงเร็วกว่านี้ ฉันคงต้องแกะสลักประติมากรรมที่เกี่ยวกับเทวทูตและเด็กน้อยตัวเล็กๆนับหลายสิบตัวสินะ บางทีเดย์แครมก็คงจะสร้างประติมากรรมเทวทูตทั้งเจ็ดของเขาเพื่อลดค่าชื่อเสียงเสียหลังจากที่เขาทำเรื่องเลวๆมาก็ได้
วีดผู้ที่เกือบจะมีฝีมือเก่งกาจเทียบเท่าประติมากรระดับปรมาจารย์จึงเริ่มทำงานอีกครั้ง!
*แกร้งแกร้งแกร้ง*
แล้วเหล่าเด็กสาวผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนสดใส เปล่งประกายอันงดงาม ก็ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา
ตัวตนแห่งบุคคลผู้ทำงานหนักของวีดก็ได้ปลดล็อกติดเครื่องทำงานแบบเต็มสปีด เขาได้สร้างสรรค์ประติมากรรมเด็กสาวน้อยๆที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอันแสนบริสุทธิ์นับร้อยตัว
ลาก่อน ค่าชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ของฉัน!”

ช่วงเวลาที่ซอยูนไม่ได้ออนไลน์อยู่นั้น เจ้าเหลือง วิหคทองคำและวิหคเงินก็ใช้เวลาว่างๆของพวกมันชื่นชมบรรดาประติมากรรมที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่เพราะว่าพวกมันก็เป็นประติมากรรมเช่นกัน พวกมันจึงได้ค่าประสบการณ์จากกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พวกวิหคทองคำ วิหคเงินและเจ้าเหลืองจึงได้แต่เกาะกลุ่มคุยกันอยู่เงียบๆ
วิหคทองคำ: “นายท่านแกะสลักผลงานมาได้ซักพักแล้วนะตอนนี้ ข้าไม่เห็นนายท่านแสดงท่าทีมีความสุขออกมาเลยนอกเสียจากตอนที่เขาตีข้าแล้วก็ตอนที่เขาลูทได้ไอเท็มเจ๋งๆ
วิหคเงิน: “ข้ายอมรับว่าข้ารู้สึกอึดอัดใจเกี่ยวกับนายท่านอยู่บ้าง ข้าคิดว่านั่นคงจะมาจากรูปร่างลิชที่มีรอยยิ้มน่าขยะแขยงนั่น แต่ข้าคิดว่าทักษะแกะสลักของเขายอดเยี่ยมมากทีเดียว สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเป็นประติมากรก็คือทักษะแกะสลักนี่แหละ
เจ้าเหลือง: “นายท่านไม่เพียงแค่มีทักษะแกะสลักอันยอดเยี่ยมเท่านั้น เขายังเป็นคนดีอีกด้วยนะ
วิหคทองคำ: “เจ้าเหลือง นั่นเรียกว่าคนดีจริงๆนะหรอ? เจ้าคิดว่าวันไหนล่ะถึงจะมาถึงที่จะทำให้พวกเราคิดว่าเขาเป็นคนดีน่ะ?”
เจ้าเหลือง: “จนถึงตอนนี้ชั่วชีวิตของข้า ทั้งโดนทุบตี โดนขู่ว่าจะถูกกิน แล้วก็ถูกบังคับขี่ข้าเข้าสู่การต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์อันน่าสยดสยองมากมาย แต่ว่านายท่านก็ยังบอกข้าว่าข้ายังโชคดีที่มีเจ้านายที่ดีอย่างเขา
วิหคทองคำ: “เอ่ออออ….เจ้าเหลือง ข้าไม่คิดว่าเขาจะพูดความจริงกับเจ้านะ
ในขณะที่เหล่าประติมากรรมสลักชีพนั่งเสวนาเกี่ยวกับชีวิตอันแสนรันทดของพวกมัน บรรดาประติมากรรมเด็กสาวตัวน้อยๆก็จ้องมองมาที่เจ้าเหลืองแล้วก็ต่างพากันเลียริมฝีปากของพวกเธอ มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนไม่อาจมีใครมองเห็นได้ทัน แต่โชคช่างไม่ดีเลยที่มันได้เกิดขึ้นไปแล้วจริงๆ
การเติบโตเปลี่ยนแปลงด้วยตัวของมันเอง สถานะพลังแห่งความตายของวีดได้เริ่มสะท้อนผลกลับไปที่บรรดาประติมากรรมของเขา ปกติแล้ววีดก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายเกี่ยวกับประติมากรรมที่เขาสร้างขึ้นมา มีเพียงแค่ตอนที่พวกประติมากรรมออกมาอย่างที่เขาคาดหวังไว้ตอนที่เขาตรวจสอบมัน



อีกอย่าง ในตอนที่วีดไม่ได้ล็อคอินอยู่ในเกม บรรดาประติมากรรมที่ส่องแสงมันวาวอย่างเจ้าเหลือง วิหคทองคำ วิหคเงิน(อึนแซ) ก็จะไปเก็บไอเท็มและลูทของต่างๆ
แม้ว่าพวกมันเป็นประติมากรรมมีชีวิตจากการใช้ทักษะประติมากรรมประทานชีพของวีดแต่พวกมันก็ต้องรู้จักเก็บหอมรอมริบเอาไว้ให้ตนเองแม้ว่าจะทีละเล็กละน้อยก็ตามที
เจ้าวิหคทองคำ วิหคเงินกับเจ้าเหลืองรู้สึกเศร้ายิ่งนัก
นายท่านนั้นได้แกะสลักประติมากรรมเอาไว้มากมายหลายตัวแล้วตอนนี้ ดังนั้นพวกเราก็ควรดีใจเอาไว้ได้เลยในตอนที่พวกเราแสดงของลูทที่เป็นภูเขาเลากาที่เราพยายามรวบรวมเอาไว้ให้เขา
จะให้เป็นคนรวยที่น่ารังเกียจนั่นก็ดีอยู่หรอกนะแต่ว่าฉันก็ยังต้องพัฒนาทักษะแกะสลักของฉันก่อน เพราะประติมากรที่รู้จักพัฒนาทักษะแกะสลักตนเองนั้นถือว่าเป็นเกียรติที่สูงที่สุด
เราคงไม่รู้จักตัวตนที่แท้ของนายท่านดีสินะ ช่างเป็นเรื่องที่ดีจริงๆที่ได้รู้ว่านายท่านมีมุมที่นิ่งๆและอ่อนโยนเช่นนี้
เจ้าเหลือง ฉันก็ไม่ได้รู้จักตัวตนของฉันดีมากนักหรอก ถ้าแกมองไปที่คนดีๆนะ เขาก็จะรู้เองว่าเขาไม่ได้รู้สึกมั่นใจกับคนที่เขาเป็นหรือเส้นทางชีวิตที่เขาอยากจะเป็นนักหรอก
ผู้คนก็แค่ต้องกินแล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ตามแบบของพวกเขา แต่หากจากมุมของพวกสัตว์แล้วพวกมันจะถูกต้อนเอาไว้ เลี้ยงเอาไว้เป็นอาหารเท่านั้นส่วนพวกม้าที่พวกมันมีชีวิตอยู่ดีก็เพราะมีความปรารถนาดีจากเจ้านายของพวกมันนะครับ”(เจ้าเหลืองแกคิดงั้นหรออ)
เจ้าเหลือง นั่นไม่ใช้ความสัมพันธ์อย่างที่เราเป็นอยู่หรอกนะ
“….”
ความจริงอันน่าเศร้าจากบทสนทนาครั้งนี้ นั่นก็คือชีวิตของมันในฐานะประติมากรรมสลักชีพที่ไม่ได้เป็นอย่างที่มันต้องการเลยแม้แต่น้อย มันอยากจะมีลูกสาวตัวน้อยหลายๆตัว แต่ถ้ามันพูดอย่างนั้นออกไปวีดคงมีหวังได้หวดมันเข้าแน่
ไม่ว่าใครก็คงสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนถึงความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้สะท้อนออกมาผ่านทางดวงตาของมัน
ระดับพลังอันเดดที่เพิ่มขึ้นของวีดนั้นส่งผลตรงกันข้ามให้กับประติมากรรมที่เขากำลังแกะสลักอยู่
วีดสามารถแกะสลักผลงานออกมาเป็นจำนวนมากได้อย่างง่ายดายหากไม่มีอารมณ์ส่วนตัวมาก้าวก่าย
อืมมมมโอเค ดูเข้าท่าแล้วละ บางทีน่ะนะ
ตรวจสอบ!”
______________________________________
ท่านได้แกะสลักประติมากรรมเด็กสาวผู้กำลังขบขัน
ปัญหาทั้งหลายของท่านจะเลือนหายไปเมื่อได้เห็นสาวน้อยเปื้อนยิ้มที่แสนไร้เดียงสานี้
ประติมากรรมแห่งเด็กสาวผู้เปื้อนด้วยรอยยิ้มอันแสนใสซื่อ ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะมองเธอเป็นเด็กตัวปัญหา
ประติมากรรมเด็กน้อยที่แกะสลักโดยฝีมือของประติมากรและนักผจญภัยผู้โด่งดังนามว่า วีด
ไม่มีคุณสมบัติพิเศษใดๆ , สามารถเอาไปใช้เป็นขวัญได้
คุณค่าทางศิลปะ: 6
คุณสมบัติ: ค่าเสน่ห์ +2
------------------------------------------------------------
เพียงแค่ส่งสายตาอันน่ารังเกียจประติมากรรมเด็กสาวชิ้นนี้อย่างไม่ระมัดระวังก็อาจเปลี่ยนคุณลักษณะของประติมากรรมได้
-----------------------------------------------------------
ประติมากรรมเด็กที่ไฟลุกโหมด้วยความชั่วร้าย
ประติมากรรมเด็กสาวผู้เผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย
มีข่าวลือหนาหูมากมายเกี่ยวกับประติมากรผู้ชั่วร้ายและเป็นจอมทุจริต
บุคคลผู้ครอบครองประติมากรรมชิ้นนี้จะต้องพบเจอกับความวิบัติ
คุณค่าความชั่วร้าย(Demonic Value): 15
คุณสมบัติ:
การแหกคุก การนำจับสูงสุด ชื่อเสียงเสีย +2
โชคดี -10
มีโอกาสน้อยมากที่จะพบเจอกับเหตุการณ์ที่อันตรายร้ายแรงกับผู้ที่เป็นเจ้าของประติมากรรมชิ้นนี้
----------------------------------------------------------------
หลังจากที่ช่วงเวลาแกะสลักประติมากรรมของเขาได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ค่าสถานะฆาตกรตัวสีแดงที่เสื่อมเสียบนชื่อวีดก็ได้จางหายไป
ในที่สุดฉันก็ทำได้แล้ว
ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้เป็นห่วงสถานะฆาตกรของเขาหรอกถ้าหากว่าเขายังอยู่ภายในเมืองโมราต้า
แต่อาจจะเป็นปัญหาอย่างมากตอนที่เขาต้องติดต่อธุระกับราชอาณาจักรหรือว่าเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่อื่นเพราะมีแนวโน้มว่าคนเฝ้าประตูจะจับเขาไปเข้าซังเตซะมากกว่า
และที่แน่ๆมันจะขัดขวางเขาไม่ให้เข้าพบพวกลอร์ดหรือแม้แต่พระราชาอีกด้วย
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่ว่าค่าชื่อเสียงเกียรติยศของคุณจะสูงซักแค่ไหน หากค่าชื่อเสียงเสียของคุณโผล่ออกมาซักนิดและไม่ได้ตรวจสอบให้ดี มันก็จะกลายเป็นอันตรายได้ทันที
ตอนนี้ฉันคงต้องกระจายผลงานประติมากรรมของฉันไปให้ทั่วๆซะแล้วละ” (น่าจะเอาไว้สร้างชื่อเสียงดีซื้อใจคนในหลายๆดินแดน)
เพราะว่าเขามีแผนที่จะเผ่นหนีออกไปจากเขตลาส ฟาลังคซ์เขาจึงจำเป็นที่จะต้องปลดสถานะฆาตกรของเขาให้ได้ก่อน
บัดนี้คงถึงเวลาที่ต้องเดินแผนต่อไปแล้ว
เอาละ คงชัดเจนแล้วละว่าพวกมันโง่จนไม่ได้สนใจข้อความในขวดที่ลอยน้ำพวกนั้นเลย หากดูจากที่พวกอันเดดมาถึงอย่างปลอดภัยอย่างนี้นะ
ฉันส่งขวดแก้วลอยน้ำออกไปมากมายแต่ไม่รู้เลยแหะว่าพวกมันจะมามากแค่ไหนกัน
เจ้าเหลืองยืนกรานที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ภายในช่องแคบ
ส่วนซอยูนที่ขี่อยู่บนหลังของเจ้าเหลืองก็มีพวกประติมากรรมเฝ้าระวังเอาไว้ให้ ผิวหนังของเธอดูเหี่ยวย่นแก่ลงไปราวสองสามปีได้แต่ว่าเธอก็สามารถกัดฟันทนต่อความเจ็บปวดนั้นเอาไว้ได้
ด้วยแรงปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดต่อไปเธอจึงได้แสดงถึงพลังใจอันมุ่งมั่นออกมา!
ในขณะที่หลบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของดันเจี้ยนนั้นพวกเขาก็ต้องกินอาหารที่พวกประติมากรรมหามาให้เท่าที่จำเป็นอย่างกับพวกผู้ลี้ภัย
ในตอนที่ไม่ได้แกะสลักผลงานประติมากรรมวีดก็ตัดเย็บเสื้อผ้าเพื่อพัฒนาทักษะเย็บปักของเขา
เขาใช้เวลาสร้างประติมากรรมบ้างแล้วก็เจียดเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมด้วยทักษะปักเย็บของเขาสำหรับแผนการ
สำหรับชุดนี่ ซัก 20 ชุด คงมากพอละมั้งนะ ถ้าหากว่าเราใช้เนื้อผ้าคุณภาพต่ำกว่านี้ไม่ๆ ไม่ดีกว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ผ้าหรือหนังคุณภาพต่ำเพื่อตัดเย็บชุดพวกนี้เลย ฉันค่อยเอาพวกมันไปขายทีหลังเพื่อเอากำไรกลับมา แต่ยังไงซะ นี่มันยากมากจริงๆที่จะทำชุดให้มันเหมือนกับที่ฉันใส่เป๊ะๆ ทำให้มันเหมือนมากที่สุดนี่สำคัญมากจริงๆ
ถ้าฉันตั้งร้านตัดเสื้อที่นี่ได้ ฉันคงตัดเสื้อผ้าได้ไปเป็น 20 ชุดไปแล้วถึงแม้ว่ามันจะคุณภาพต่ำไปหน่อยก็เถอะ
และเพราะเขาไม่ได้ต้องการที่จะทำเสื้อผ้าชุดอื่นแล้วจริงๆเขาจึงตัดสินใจที่จะรวบรวมวัตถุดิบสำหรับใช้ในวันอื่นเพิ่มอีก
วีดได้สร้างแบบตัดเย็บเสื้อผ้าและชุดแบบขุนนางตามแบบยุคราชอาณาจักรนิฟล์เฮม เขาได้เรียนรู้สไตล์แบบนี้ตอนที่อยู่ในโมราต้าหลักๆแล้วก็เพื่อเพิ่มระดับทักษะตัดเย็บของเขา การตัดชุดตามแบบยุคที่ชนชั้นสูงแห่งราชอาณาจักรนิฟล์เฮมสวมใส่ด้วยการทำแบบพิถีพิถันทีละเล็กละน้อย ชุดพวกนั้นก็จะสามารถใช้ไว้ข่มกำลังใจพวกโจรสลัดได้เช่นกัน
แต่ยังไงซะหลังจากที่ได้ร่วมมาเป็นลูกเรือโจรสลัดจากเกาะเล็กๆนั่นก็ยังทิ้งเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆเอาไว้ให้กันอยู่ละนะ
วีดที่เป็นกัปตันเดียรอลกำลังเย็บปักเสื้อผ้าตามคำสั่งของอันเดดที่ชื่อว่า กีซาโบกีนา(Gisabogina)ผู้เป็นขุนนางของราชอาณาจักรนิฟล์เฮม จากสถานการณ์เช่นนี้เขาก็อยากจะสร้างความสนิทชิดเชื้อกับผู้ก่อตั้งราชอาณาจักรที่ทรงอำนาจนี้เอาไว้ด้วยเช่นกัน
แถมการให้ชุดเสื้อผ้าแบบนี้ก็ค่อนข้างที่จะส่งผลที่ดีกับเหล่าโจรสลัดอันเดดได้เรื่อยๆอีกด้วย
ก็ถ้าแกเป็นอันเดด แกก็คงอยากจะสวมใส่เศษผ้ากระจอกๆของพวกโจรสลัดละนะ อย่างตอนที่เอาไว้ออกไปสร้างสีสันให้คนอื่นได้เห็น หรืออย่างแต่งตัวแปลกๆจนทำให้คนอื่นจำไม่ได้อะไรทำนองเนี๊ย
ฉันไม่รู้จริงๆว่าทำไมพวกโจรสลัดต้องแต่งตัวให้มันดูดีมากด้วย โจรสลัดก็ควรจะเป็นแค่โจรสลัดไปสิแล้วก็ห่อด้วยผ้าขี้ริ้วถูกๆไปเลย

ในตอนนี้ทักษะการเย็บปักของวีดอยู่ในระดับสูงมากแล้วถึงแม้ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอันเดดแบบนี้ มันก็ถือว่าแหกกฎของคำว่าเยี่ยมไปแล้วจริงๆ
เงินทอง ทักษะ และเลเวล สิ่งเหล่านี้จะไม่มีทางทรยศคุณตลอดชีวิต
แถมยังต้องขอบคุณผลงานประติมากรรมของเขาที่ทำให้ค่าชื่อเสียงเสียของวีดลดลงไป
หลังจากเย็บเสื้อผ้าจนเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็เปลี่ยนไปเป็นอีกาแล้วบินตรงไปทางทะเลเพื่อไปตรวจสอบสิ่งที่เขาจำเป็นต้องเตรียมแผนการเอาไว้
จากระยะทางที่ไกลออกไปสุดสายตาพวกมันก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในที่สุด เรือมิมิเฮจ(Mimihage)ที่มีชื่อเสียงอื้อฉาวคือลำสุดท้ายที่ล่องเข้ามาถึง บัดนี้ ท้องทะเลคับคั่งไปด้วยเรือผีสิงจำนวนมากมาย
เอาละ พวกมันมาถึงแล้ว ถึงเวลาที่จะเดินแผนต่อซะที
ในตอนที่ข้อความได้ถูกจารึกลงไป ขวดแก้วเหล่านั้นก็อัดเอาไว้ด้วยความเชื่อมั่นอันแรงกล้า เพราะว่าการทำหน้าที่ของบรรดาเรือผีสิงมักจะถูกความเกียจคร้านและกังขาที่จะออกสู่ทะเลมาฉุกรั้งเอาไว้ แถมพวกเขาก็ยังไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาด้วย
หากว่าเหล่าเรือผีสิงไม่ล่องเรือมา วีดก็คงต้องเตรียมแผนสำรองของเขาด้วยความยากลำบากมากขึ้นแน่ๆ แต่ทันทีกองเรือปรากฏขึ้นมา แผนการก็ง่ายดายขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว
แน่นอนว่าแผนการนี้ไม่ได้เอ่ยถึงว่าพวกกองเรือผีสิงนั้นต้องล่องเรือเข้ามาในเขตธารน้ำไร้เยือกเพราะนั่นคงจะเป็นปัญหาซะเปล่าๆ
แถมใครจะไปเชื่อละว่าทั้งหมดนี้เกิดจากข้อความจากขวดแก้วลอยน้ำน่ะ?

โดยปกติบนท้องทะเล จะมีเรืออิลกวาอินเท กับเรือโอลอิลกาที่จะล่องเอื่อยๆไปบนเส้นทางเดินเรือเป็นประจำก็ถึงกับหยุดเรืออย่างกะทันหันและได้แต่จับตาดูขบวนเรือผีสิงแล่นออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูก
คงพูดออกมาได้ว่าการวางแผนทำเรื่องทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนที่ยากมากที่สุดแล้วละ การจะทำให้เรือผีสิงหนีออกมาจากการต่อสู้นั้นเป็นสิ่งที่ง่ายยิ่งกว่าเสียอีก
และแน่นอนว่านั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยอมปล่อยเรือผีสิงแล่นออกมาจากธารน้ำไร้เยือกได้ง่ายๆแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องให้เรือผีสิงหลายลำไปล่องบนทางน้ำแคบๆแทรกผ่านเรือของกองทัพเรือที่สองแห่งราชอาณาจักรฮาเว่นและเรือของพันธมิตรโจรสลัดออกมาอีก
แล้วกองทัพเรือที่สองแห่งราชอาณาจักรฮาเว่นที่ร่วมมือกับพันธมิตรโจรสลัดก็คงสัมผัสได้ถึงเหยื่อของพวกเขาที่แล่นผ่านมา แล้วก็จะทำให้เรือผีสิงหลายลำต้องเผชิญหน้ากับช่วงเวลาอันยากลำบากบนเส้นทางน้ำอันคับแคบนั่นอีกด้วย

ณ วันที่วีดพยายามหลบหนีออกไปจากเขตลาส ฟาลังคซ์ร่วมกับซอยูนและเหล่าประติมากรรมสลักชีพ
ด้วยการใช้ทักษะประติมากรรมจำแลง วีดจึงได้แปลงเป็นอีกาบินนำออกไปก่อน
หลังจากที่เขากลายเป็นหนึ่งในพวกประติมากรรมสลักชีพรวมถึงพวกวิหคทองคำกับวิหคเงินที่ลำตัวถูกปกคลุมไว้ด้วยละอองหมอกอันหนาวเหน็บ จนทำให้กลายเป็นฉากนกดำทะมึนสามตัวโผบินตรงไปในทิศทางเดียวกัน
วีดกับเจ้าวิหคทองคำและวิหคเงินแล่นลงยอดของหอคอยมรดกแห่งประติมากร ยืนอยู่เคียงข้างรับหน้าที่คุ้มกันด้วยร่างกายที่ปกคลุมไว้ด้วยถ่านหินสีดำสนิท
พวกเขามาที่นี่เมื่อคืนนี้เพื่อตรวจสอบสิ่งที่วีดกำลังข้องใจอยู่
หากเป็นอย่างที่ฉันคิดไว้คงทำให้เราไปถึงที่นั่นได้เร็วแน่ๆ
ฉันได้ทิ้งความสงสัยทั้งหมดทั้งปวงนั้นไว้เบื้องหลังแล้ว สิ่งที่เราต้องมองหาในตอนนี้คือทางออกไปจากที่นี่
ไม่น่าเชื่อ พวกมันเหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้พอดีเลยแหะ”(พูดถึงวิหคทองคำกับวิหคสีเงิน)
การผจญภัยของวีดในเขตลาส ฟาลังคซ์ผ่านความเสียหายอันหนักหน่วง ในขณะที่ตัวเขาเองก็ต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส
เขากำลังคิดถึงวิธีการที่ปลอดภัยเอาไว้ก่อนในกรณีว่าถ้าหากพวกกองเรืออันเดดที่เขาระดมกำลังมาพ่ายแพ้ไป หนทางอีกอย่างก็คือต้องใช้ผลงานระดับมาสเตอร์พีสแล้วก็กลายร่างไปเป็นอันเดดแล้วเข้าร่วมการต่อสู้
และถ้าหากว่าเขาจะต้องออกไปสู้เขาก็ต้องการความช่วยเหลือจากซอยูนที่ฟื้นตัวเต็มที่แล้วอีกด้วย เพราะว่าถ้าเธอไม่หายดีนั่นอาจจะหมายถึงภารกิจที่ทำมาจะจบลงด้วยความล้มเหลวอย่างน่าอดสู!
ความยากของภารกิจสำหรับประติมากรนี้สูงมากเหลือเกิน คุณจะต้องก้าวข้ามผ่านไปจนอยู่เหนือของจุดแตกหักเพื่อที่จะเสร็จสิ้นภารกิจที่ได้รับมาจากจักรพรรดิองค์ก่อน
ชีวิตของประติมากรรมพวกนี้ที่พระองค์ให้มาจะไม่ถูกนำไปใช้อย่างไร้ความหมายเลย
เพราะงั้นเจ้าวิหคทองคำถึงได้มายังเขตลาสฟาลังคซ์แห่งนี้พร้อมกับประติมากรที่รูปร่างประหลาดๆตัวเปล่าๆคนหนึ่ง ไม่ว่าใครก็อาจจะน้ำตาซึมออกมาหลังจากการอุทิศตนของลูกสมุนประติมากรรมสลักชีพตัวหนึ่งในตอนที่พวกมันทำภารกิจมรดกแห่งประติมากรสำเร็จแล้ว
แล้วยังอาจจะมีความคับแค้นใจถึงความไร้พลังที่ไม่อาจหยุดภารกิจครั้งนี้ไว้ได้
ความคับแค้นใจทีว่านั่นก็คงกระอักออกมาจากตอนกลางของทวีปนั่นเอง
พวกประติมากรรมที่เก้งๆกังๆนั้นค่อนข้างไร้ประโยชน์ซะจริงถึงแม้โยนพวกมันทิ้งไปก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นละ แต่ฉันก็ยังต้องเก็บไอ้พวกประติมากรรมขยะๆนั่นไว้อยู่ดีละนะ
ในฐานะประติมากรคนหนึ่งแล้วฉันถือว่ามีผลงานระดับมาสเตอร์พีชหลายชิ้น และฉันก็เคยสร้างหอคอยแห่งแสงที่เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีชขึ้นมาอีกด้วย
ประติมากรรมอันแสนวิเศษงดงามได้กระจัดกระจายไปทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลไม่ใช่แค่ในพระราชวังของทวีปเวอร์เซลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถานที่อื่นๆอย่างเหมืองแร่ทองคำของพวกคนแคระ
นี่ถือว่าไม่ธรรมดาเลยที่ผลงานระดับมาสเตอร์พีสมักจะตั้งอยู่ในสถานที่ที่แสนพิเศษมากมายหลายที่
บ่อยครั้งที่ผลงานประติมากรรมหลายชิ้นมักจะมีเอฟเฟคท์ที่ยอดเยี่ยมหลากหลายแล้วก็ไม่ใช่คุณสมบัติดีๆนิดๆหน่อยๆเท่านั้น และในเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้พวกมันก็สามารถได้รับการประทานพรให้มีชีวิตได้ ฉันก็แค่คนๆหนึ่งที่เห็นแก่ตัวโลภมากในผลการบัฟที่จะได้จากประติมากรรมเท่านั้นเอง

วีดเคยศึกษาถึงอาณาเขตที่ปกครองโดยกิลด์เฮอร์มีสอย่างละเอียดถี่ถ้วนมาแล้ว
โชคดีจริงๆที่พวกโจรสลัดที่จับตาดูผลงานหอคอยระดับมาสเตอร์พีสนั้นเอาไว้อยู่นั่นไม่ยอมออกไปจากจุดนั้นเลย เพื่อที่จะได้รับผลการบัฟจากประติมากรรม เหล่าสมาชิกของกิลด์เฮอร์มีสถึงได้มาที่นี่ทุกๆเช้า
แต่ไม่ว่าคุณจะมองดูประติมากรรมนั้นมากซักแค่ไหน คุณสมบัติที่บัฟคุณจะได้ ก็จะไม่ส่งผลซ้อนทับออกมา คุณสมบัติที่พิเศษไม่เหมือนใครนั่นก็จะแค่ส่งผลบัฟออกไปแค่หนึ่งครั้งต่อวันเท่านั้นเอง
ประติมากรผู้นั้นได้ซ่อนมรดกเหล่านี้ไว้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะมีพื้นที่แบนราบและเพราะว่ามันไม่มีรูปร่างที่โดดเด่นชัดเจนนัก มันจึงยากมากที่จะสังเกตเห็นหอคอยแห่งนี้หากปราศจากสายตาที่เฉียบแหลม
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวีดจะต้องมาปรากฏตัวที่นี่แน่
วีดมีประสบการณ์การต่อสู้อย่างมาก เหตุการณ์การต่อสู้กับคูบิยะ นักรบแห่งความหายนะผู้ยิ่งใหญ่ จอมมอนสเตอร์อันแสนตายยากนั้นได้สั่นสะเทือนหลายๆกิลด์มากเอาการ
เพราะว่าเหล่ากิลด์เฮอร์มีสสามารถหลบหลีกพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ในดินแดนนี้ได้เป็นอย่างดี จนบัดเดี๋ยวนี้พวกเขาก็ยังคงแอบซุ่มอยู่ภายในดันเจี้ยนของเขตลาส ฟาลังคซ์
เป็นที่รู้จักกันดีว่าวีดมีชื่อเสียงในการควบคุมกองทัพขนาดใหญ่ เขายังมีกลวิธีที่ยากเกินกว่าจะอธิบายออกมาได้ แถมเขายังมีทักษะฟื้นคืนกลับมาจากความตายอันน่าเหลือเชื่อนั้นอีก
หากมีไอเท็มราคาแพงมากมายมหาศาลตกอยู่บนพื้นจะไม่มีทางเลยที่เขาทิ้งพวกมันเอาไว้เบื้องหลัง
วีดที่กำลังอยู่ในวังวนแห่งความขัดแย้งอันวุ่นวายนั่นก็อาจจะกลายไปเป็นหลุมพรางที่เขาสร้างมาก็ได้!
ไม่มีทางน่า เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
แม้วีดจะผ่านการผจญภัยมานานัปการ ความสาหัสสากรรจ์ที่ต้องเผชิญภายในเขตลาสฟาลังคซ์แห่งนี้ก็ยังถือว่าตึงมือเกินไปอยู่ดี
นับตั้งแต่วีดมาถึงที่นี่เขาก็รู้แล้วว่าวิธีการธรรมดาคงไม่อาจเข้าไปในดินแดนนี้ได้แน่ เขาใช้ร่างของเขาในฐานะลิชและพวกอันเดดบวกกับกลเล่ห์เพทุบายมากมายที่เขาจะนึกขึ้นได้แต่มันก็ยังไม่ได้ผลอยู่ดี

เขาใช้แผ่นทองแดงแห่งการหลับใหลไปแล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นความสำเร็จอันแสนสั้นนัก ถ้าหากว่าซอยูนไม่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างเหมาะเจาะทันท่วงทีภารกิจนี้ก็คงอาจจะไม่สำเร็จ แล้วถ้าหากมันล้มเหลวก็คงกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านแน่ๆ!
ความยากลำบากจากการต่อสู้ของภารกิจประติมากรนี้สูงมากจริงๆ วีดจึงใส่เหตุผลเข้าไปว่าบางทีเขาควรจะหรือจำเป็นต้องใช้ทักษะประติมากรรมประทานชีพของจักรพรรดิเกฮา วอน อาเพ่นแล้วจริงๆ
วีด อึนแซ กับเจ้าวิหคทองคำย่องไปรอบๆหอคอยอย่างลับๆล่อๆจากนั้นวีดก็เข้าไปใกล้ๆโจรสลัดที่ยืนเฝ้ายามอยู่ เพราะว่าเขาตรวจเช็คพื้นที่รอบๆหอคอยแห่งนี้อย่างละเอียดเพื่อหาว่ามีคนของกิลด์เฮอร์มีสอยู่หรือไม่ แต่โชคเข้าข้างเขาที่มีโจรสลัดเพียงไม่กี่นายยืนเฝ้ายามอยู่เท่านั้น
ห้าววววววว!ฉันง่วงแล้วก็เบื่อจังเลย
แกไม่ควรทำตัวอย่างนั้นในที่แบบนี้นะ ริก้าวีดอาจจะมาตอนไหนก็ได้ เราต้องเฝ้ายามต่อไปเรื่อยๆ
โจรสลัดแก่ๆทั้งสองบ่นพึมพำไปเรื่อยในขณะนั้นเองที่พวกเขาได้ยินอะไรบางอย่าง
หนึ่งในโจรสลัดหันกลับไปดู ก็ได้สร้างโอกาสให้กับวีดที่ได้ร่อนตัวกระโจนเข้าใส่เขา
จากนั้นเขาก็มองขึ้นไปข้างบนโดยบังเอิญ
แล้ววีดและโจรสลัดคนนั้นก็ได้สบตากัน
อีกางั้นหรอ?”
วีดสยายปีกออกกว้างและเริ่มกรีดเสียงร้องก๊าก๊าเตรียมจะกระแทกไปที่สันจมูกของโจรสลัดคนนั้น
ระวังกรงเล็บหินของเจ้ากานั่นละ มันตั้งท่าจะพุ่งเข้ามาแล้ว !
อึนแซตรงไปยังโจรสลัดอีกคนหนึ่งในขณะที่เจ้าวิหคทองคำยืนดูลาดเลาเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้
ดูนั่นสิ นกพวกนั้นคงอยากจะเล่นสนุกด้วยสินะ
พวกโจรสลัดพยายามเอื้อมให้ถึงตัวพวกมันอย่างเอาเป็นเอาตาย วีดที่กำลังเฝ้าดูพวกโจรสลัดนั่นก็ทำให้พวกมันไม่อาจทำหน้าที่การเป็นทหารยามได้อีกต่อไป
และแล้วเขาก็ค่อยๆจัดการกับโจรสลัดทั้งสองให้สลบไปอย่างเงียบเชียบ แล้วก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
หลังจากที่ใกล้จะจัดการกับโจรสลัดพวกนั้นสำเร็จแล้ว เจ้าวิหคทองคำกับอึนแซก็เตรียมเปลี่ยนจุดหมายไปที่อื่นต่อไป
จากนั้นวีดก็นำพวกวิหคทองคำกับอึนแซบินใกล้หอคอยเข้าไปอีก!
แกร๊กแกว๊กก แกร๊กก!
พวกมันใช้กรงเล็บรุมตะปบข่วนพร้อมสะบัดจิกด้วยปีกทั้งสองข้างอย่างต่อเนื่องเพื่อกำราบเหล่าศัตรูของพวกมัน
ปกติพวกโจรสลัดโดยเฉลี่ยมักจะมีเลเวลต่ำแต่ทว่าพวกโจรสลัดที่พวกมันกำลังจัดการอยู่นั่นมีเลเวลสูงอย่างน่าเหลือเชื่อ
ถึงแม้ว่าพึ่งจะใช้การโจมตีด้วยกรงเล็บไป 3 ครั้ง พวกมันก็ไม่อาจจะถูกจัดการได้ง่ายๆ
จากนั้นวีดก็ปลดร่างจำแลงของเขาแล้วกลับไปเป็นร่างมนุษย์
ฉันจะจับตาดูพวกโจรสลัดเอาไว้เอง เราอาจจะโดนฆ่าตอนไหนก็ได้ พวกแกต้องรีบจัดการพวกมันแล้วนะ
ประติมากรต๊อกต๋อยคนหนึ่งมายังดินแดนลาสฟาลังคซ์มือเปล่าไล่ตามผลงานรังสรรค์ของจักรพรรดิองค์เดิม วิหคทองคำ จากนั้นประติมากรคนนี้ก็มอบชีวิตให้กับประติมากรรมอีกตัวที่เป็นของจักรพรรดิองค์นั้นจนกลายมาเป็นลูกสมุน เจ้าวิหคสีเงิน แล้วทำไมทั้งหมดนั้นถึงจะไม่นำไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จของภารกิจอันเป็นมหากาพย์นั้นมาล่ะ
ถ้าหากว่าอย่างน้อยเขาไม่อาจเอื้อมไปถึงจุดสิ้นสุดของภารกิจ ปัญหาหลักๆนั้นก็คงเป็นคนผู้นั้นไม่ได้เข้าใจภารกิจที่แท้จริงสักครึ่งได้อย่างถ่องแท้

ท่ามกลางเหล่าประติมากรรมทั้งหลาย(ที่อยู่ในมรดกแห่งประติมากร)มีเพียงผลงานระดับมาสเตอร์พีสชิ้นเอกที่ออกแบบขึ้นมาโดยประติมากรเท่านั้นที่ควรจะได้รับการประทานชีพ
ประติมากรรมบางชิ้นค่อนข้างมีสภาพย่ำแย่ คงไม่คุ้มมากพอที่จะปลุกมันขึ้นมา แต่ยังไงถึงแม้จะปลุกพวกมันขึ้นมาบางส่วน ก็ยังเหลือประติมากรรมอีกหลายชิ้นที่น่าเสียดายที่จะปล่อยพวกมันเอาไว้
หอคอยของประติมากรแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยผลงานศิลปะอันน่าทึ่งมากมาย มีประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีสมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว
แม้แต่ภายในราชวังส่วนตัวแห่งทวีปเวอร์เซลหรือแม้แต่ประเทศของเหล่าคนแคระก็ไม่มีที่ไหนที่จะมีกองสมบัติประติมากรรมทับถมอยู่มากมายขนาดนี้ที่อยู่ภายในหอคอยที่ถูกลืมของเขตลาสฟาลังคซ์ ไม่มีดินแดนมากมายนักภายในโลกแห่งนี้ที่จะมีหอคอยที่ถูกปล่อยร้างที่เต็มไปด้วยสมบัติ แถมยังไม่มีคนมาอ้างชื่อว่าเป็นเจ้าของ ไม่มีทายาทให้ส่งต่อตกทอดอีกด้วยซ้ำ
หากเขาไม่อาจเอาพวกมันไปหมดได้ วีดก็อยากเอาผลงานดีๆซักชิ้นสองชิ้นไปซักหน่อยก็ยังดี หากว่าเขายอมที่จะสละแต้มเลเวลของเขาไป
วีดเกือบจะถึงเลเวล400 แล้ว ส่วนพวกประติมากรรมสลักชีพนั้นก็คงจะไม่ยอมอ่อนแอแล้วก็จะเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆอย่างไร้ขีดจำกัด
ภารกิจหอคอยแห่งประติมากรอันสุดแสนยากลำบากนั้นไม่ได้ชี้แจงถึงเหตุผลอันใดว่าเขาจำเป็นต้องประทานชีพให้กับพวกประติมากรรมเหล่านี้
หากมองจากมุมมองกว้างๆแล้ว ก็จะสามารถเห็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากประติมากรรมล้มตายลงไปเพราะว่าพวกมันกังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นนั่นแหละ
วีดเข้าใกล้ทางเข้าของผลงานหอคอยมาสเตอร์พีสพร้อมกับประติมากรรมสลักชีพที่เป็นลูกสมุนทั้งสองของเขา
หลังจากที่ได้เห็นหอคอยที่เต็มไปด้วยประติมากรรมตั้งแต่ครั้งแรก วีดยังไม่ได้ใช้ทักษะประทานชีพของเขาไป คงเพราะว่าระดับความยากของภารกิจนั้นสูงเกินไป เขาจึงกังวลว่ามันคงสิ้นเปลืองเลเวลเสียเปล่าเพราะว่าประติมากรรมในนี้ส่วนมากก็ใกล้พังเต็มที ในเมื่อเขาเข้าไปตรงทางเข้าของหอคอยได้ไม่นาน วีดก็วางฝ่ามือของเขาลงบนประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีสรูปร่างอัศวินชิ้นหนึ่ง
เช่นนั้นเราก็ควรจะมอบชีวิตให้ประติมากรรมอัศวินชิ้นนี้ดีไหมนะ?”
เขาอยากให้ประติมากรรมชิ้นนี้มาเป็นลูกสมุนของเขา
อย่างน้อยเขาก็อยากได้อัศวินตัวนี้มา เพราะว่ามันจะกลืนเลเวลกับค่าสถานะทางศิลปะไปอย่างไม่มีทางเลือก เขาจึงจำเป็นจะต้องคิดให้รอบคอบ

แล้ววีดก็ตัดสินใจได้ในที่สุด
ประติมากรรมประทานชีพ!”
-สิ่งมีชีวิตอันใหญ่โตที่บรรจุเอาไว้ด้วยบรรดามอสเตอร์ไร้หน้าและเหล่ามอนสเตอร์ระดับตำนานหลากหลายเผ่าพันธุ์กระจัดกระจายอยู่ไปทั่วภายในหอคอยต่างก็เป็นประติมากรรมที่แสนโด่งดังรู้จักในนามว่าเป็นประติมากรรมสลักชีพที่ถูกไล่ล่าโดยเหล่าอัศวินในตำนาน
ผลงานประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีสอัศวินชิ้นนี้ได้รับการประทานชีพแล้ว
-จากเรื่องราวเหล่านี้ ท่านจำเป็นต้องใช้ระดับความจงรักภักดีที่สูงมากขึ้นและเพื่อสร้างความเชื่อใจเอาไว้ให้อัศวินท่านนี้ ท่านควรเติมเต็มความหิวโหยอันเหลือล้นของเขาและทำให้เขาพึงพอใจ
_______________________________________________
ตริ้ง!
เหล่ามอนสเตอร์ในตำนานที่รังสรรค์โดยจินเบียวรินกวากับสมาคมประติมากร
ผลงานประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีสชิ้นนี้ที่ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์จากสมาคมประติมากรที่8 จินเบียวรินกวาและสมาชิกแห่งสมาคมประติมากร
ในขณะที่รอคอยเวลาที่จะได้เห็นการเคลื่อนไหวของสิ่งมหัศจรรย์แห่งเขตลาสฟาลังคซ์ ผลงานระดับมาสเตอร์พีส หอคอยมรดกแห่งประติมากรชิ้นนี้ได้ถูกปลุกให้มีชีวิตขึ้นมาแล้ว
หอคอยเซรีนเฝ้ารอการมาของวีรบุรุษกำลังรอการประทานชีพ
_____________________________________________________
หือ?”
เขามั่นใจว่าได้มอบชีวิตให้กับประติมากรรมอัศวินแห่งหอคอยที่สร้างโดยประติมากรวิลลาส แต่หน้าต่างข้อความของระบบกลับเด้งขึ้นมาบอกว่าเขาว่า หอคอยเซรีน ผู้เฝ้ารอวีรบุรุษที่กำลังรอการประทานชีพ
มันมันยังคงลอยค้างอยู่ข้างหน้าของเขา
วีดมั่นใจนะว่าเขาได้มอบชีวิตให้ประติมากรรมชิ้นนั้นไปแล้ว
แต่เขาก็ยังเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของมันอยู่ จากนั้นก็มีผลรายงานจากด้านบนว่า
กำลังโหลดข้อมูลความทรงจำของประติมากรรมจะปรากฏขึ้นในไม่ช้า
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!
ยักษ์หอคอยแห่งประติมากรส่งเสียงร้องออกมาพร้อมกับโคลงเคลงตัวไปมา ทำให้ฝุ่นคลุ้งตะลบอบอวลอันหนาทึบถูกชำระออกไปด้วยสายลมที่ปะทะเข้าใส่มันในตอนที่มันพยายามเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
จากนั้นมันก็เผยให้เห็นสภาพโครงร่างที่เก่าแก่คร่ำครึจากฐานไปจนถึงยอด!
แล้วดินที่ห่อหุ้มมันอยู่ก็ปริแตกออกเผยให้เห็นหอคอยหินสลักโบราณตัวเบ้อเริ่ม!
นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยทักษะแห่งการประทานชีพ!
ท่านได้มอบชีวิตให้กับหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์แล้ว
ในที่สุดวีดก็เห็นหน้าต่างวิดีโอฉายขึ้นมาด้านหน้าของเขา(จากนี้จะเป็นเรื่องราวของประติมากรรมหอคอย มรดกแห่งประติมากร)
****
เหล่าประติมากรเดินทางมาถึงเขตลาส ฟาลังคซ์โดยเรือ พวกเขาไม่เพียงแต่ตั้งใจอย่างแน่วแน่เพื่อตามหาแร่ฮีเลียม พวกเขายังตั้งใจที่จะสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีสของพวกเขาที่นี่ด้วยเช่นกัน เหล่าประติมากรทั้งหลายแข็งแกร่งมากพอจนไม่ยอมย่อท้อการเผชิญหน้าต่อความยากลำบากใดๆ
ตอนนี้ละ เป็นอย่างที่คิดไว้เลย
เหล่าประติมากรได้มาถึงจุดหมายที่พวกเขาตั้งเอาไว้ในเขตลาส ฟาลังคซ์แล้ว
พวกเขาสร้างฐานที่มั่นเล็กๆของพวกเขาขึ้นมาในที่แห่งหนึ่งอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด
ถึงแม้ว่าข้าไม่อาจหาแร่ฮีเลียมเจอซักชิ้นก็ตาม แต่ข้าก็จะไม่ยอมให้อะไรมาฉุดรั้งเอาไว้ได้แน่ๆ
เหล่าประติมากรมีปณิธานอันแรงกล้าและไม่ว่าจะลำบากยุ่งยากแค่ไหนก็ตามพวกเขาก็จะเผชิญหน้าไปโดยไม่ย่อท้อ
มีประติมากรท่านหนึ่งเป็นตัวแทนนำการเดินทางในครั้งนี้มา
ชอนเบรินเป็นบุคคลที่น่ายกย่อง บุคคลที่เป็นแบบอย่างในการกระตุ้นแรงบันดาลใจให้กับเหล่าประติมากรทั้งหลาย
เขาพูดออกมาด้วยใจที่ฮึดสู้ว่า
เหล่าประติมากรรมอันล้ำค่าไม่อาจปกป้องตนเองให้อยู่รอดปลอดภัยด้วยตัวมันเองได้ และเราก็คงไม่ได้เป็นเพียงประติมากรกลุ่มสุดท้ายแห่งเขตลาสฟาลังคซ์นี้แน่นอน” (หมายถึงจะมีประติมากรคนอื่นมาที่นี่จึงสร้างมรดกแห่งประติมากรเอาไว้)
ดินแดนสุดท้ายในเขตลาสฟาลังคซ์ สถานที่ที่เหล่าประติมากรทั้งหลายล้วนใฝ่หา
นี่จะเป็นดินแดนที่พวกท่านเก็บรักษาประติมากรรมของพวกท่าน จงตามหาพื้นที่ที่กุมความหวังและความฝันของพวกเราเอาไว้ให้ได้
พวกเราจะสร้างสถาปัตยกรรมที่จะกักเก็บรักษาประติมากรรมอันล้ำค่าของเราเอาไว้ สิ่งก่อสร้างนี้เราจะสร้างมันขึ้นมาเพื่อสะท้อนและฝากฝังความหวังและความฝันของพวกเราเอาไว้
การตามหาแร่ฮีเลียมคือภารกิจที่สำคัญมากที่สุดแต่ว่าหลังจากที่พวกเขาต้องมาจบลงที่เขตลาส ฟาลังคซ์แห่งนี้แล้วพวกเขาก็กลับบังคับใจตนให้สร้างประติมากรรมให้เสร็จก่อนที่จะออกไปจากดินแดนแห่งนี้
การตามหาแร่ฮีเลียมให้เจอถือว่าสำคัญมาก แต่แล้วเส้นทางแห่งชีวิตก็ถึงคราวต้องดับสูญ เหล่าประติมากรทั้งหลาย ได้เตรียมสร้างผลงานอันล้ำค่าของพวกเขาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงจำเป็นที่จะต้องค้นหาพื้นที่ปลอดภัยจากแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด เหล่าประติมากรจึงร่วมใจไปให้ถึงจุดหมายของพวกเขา
พวกเรามาสร้างสถานที่ที่ไม่มีภัยอันใดมาอย่างกรายกันเถอะ จะมีเพียงแค่ศิลปะเท่านั้นที่จะคงอยู่ตราบนานเท่านาน
แม้นต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด เหล่าประติมากรต่างก็ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างผลงานต่อไปด้วยความร่วมมือกัน พวกเขาก็ได้ค้นพบกับสถานที่ที่ปลอดภัยได้ในที่สุด

จะไม่มีภัยคุกคามใดๆเข้ามาถึงพื้นที่นี้ได้ แต่ว่าก็ว่าเถอะ สถานที่แห่งนี้ก็ให้ความรู้สึกทางศิลปะในเวลาเดียวกันด้วยนะเนี่ย
สถานที่แห่งนั้นก็คือภูเขาหินสูงตั้งตระหง่านดั่งหอคอยจากภูเขาทั้งลูกนั่นเอง
มันเป็นการสร้างที่มีการขัดเกลาและตัดแต่งทางเข้าออก บวกกับการตัดแต่งพื้นผิวของภูเขาลูกนั้นทีละนิดทีละหน่อย
มันถือว่ายากมากที่จะมองเห็นความแตกต่างระหว่างโครงร่างที่ถูกซ่อนเอาไว้กับลักษณะของประติมากรรมเพราะพวกมันดูกลมกลืนเข้ากันได้เป็นอย่างดี ยอดของภูเขาถูกตัดทิ้งออกไปเพราะเหล่าประติมากรใช้ภูเขาทั้งลูกทำเป็นประติมากรรม
ช่างเป็นประติมากรรมที่สุดแสนจะอลังการอะไรเช่นนี้
----------------------------------------------------------------------------

ผลงานระดับมาสเตอร์พีส!
หอคอยเซรีนเฝ้ารอการมาของวีรบุรุษได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาสำเร็จแล้ว
บรรดาประติมากรเหล่านี้ ผู้ที่เดินทางมายังเขตลาส ฟาลังคซ์เพื่อสร้างสิ่งมหัศจรรย์!
หลังจากที่พวกเขาได้เดินทางเข้าไปถึงเขตลาสฟาลังคซ์แล้วเหล่าประติมากรก็ได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาได้สำเร็จ!
ประติมากรรมจินเบียวรินกวาถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าประติมากรรมผู้ทุ่มเทความพากเพียรพยายามและพรสวรรค์ของพวกเขาเข้าไป
ภายในประติมากรรมมีห้องรักษาความปลอดภัยมากมายและโถงแสดงนิทรรศการอันกว้างขวางอีกหลายห้อง
หอคอยแสดงออกเป็นสี่ส่วน: พระอาทิตย์ (the Sun) ภูเขาไฟ (Volcanoes) มหาสมุทร (Ocean) และ ประติมากร (Sculptor)
คุณค่าทางศิลปะ: 17,695
คุณสมบัติพิเศษ: หลังจากที่ได้เห็นผลงานหอคอยเซรีนเฝ้ารอการมาของวีรบุรุษชิ้นนี้แล้ว
ช่วงเวลากลางวันค่าพลังชีวิตของท่านเพิ่มขึ้นสองเท่า
ความใกล้ชิดสนิทสนมกับมอนสเตอร์ที่ถูกแกะสลักเพิ่มขึ้น
ท่านสามารถเรียนรู้กฎแห่งการล่ามอนสเตอร์
การพักผ่อนภายในประติมากรรมชิ้นนี้สามารถฟื้นฟูค่าพลังชีวิตและมานาได้อย่างรวดเร็ว
พัฒนาความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของเขตลาสฟาลังคซ์ได้
ลดผลกระทบจากอุณหภูมิทางอากาศและสภาพดินฟ้าอากาศลงได้
ค่าความต้านทานธาตุไฟเพิ่มขึ้น 55%
เพิ่มความต้านทานจากการโจมตีของมอนสเตอร์ธาตุไฟ
เหล่าประติมากรที่เคยเห็นประติมากรรมชิ้นนี้ครั้งแรกจะเพิ่มระดับสติปัญญา 39 แต้ม
ในช่วงเวลาระหว่างวันค่าทักษะการแกะสลักเพิ่มขึ้น 8%
มีบรรดาผลงานประติมากรรมถูกจัดแสดงที่ชั้นยอดของประติมากรรมนี้ เพื่อผลประโยชน์ในทางอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ ผลงานประติมากรรมบางชิ้นอาจจะต้องได้รับการบูรณะ
ประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีสหอคอยแห่งประติมากร ที่แกะสลักโดยจินเบียวรินกวาและพวกพ้องของเขา
เขตลาสฟาลังคซ์ก็ได้ถูกค้นพบแล้ว พวกเขาทั้งหมดตายไป ส่วนเหล่าผลงานประติมากรรมก็ได้ถูกเก็บไว้ในที่ปลอดภัยเพื่อให้ประติมากรคนอื่นได้มาเห็น
ฉากที่แสดงภาพบรรดาผลงานประติมากรรมที่กองพะเนินมากมายเคล้าคลอไปกับเสียงเพลงที่บรรเลงอย่างไพเราะเพราะพริ้ง หอคอยเซรีนเฝ้ารอการมาของวีรบุรุษช่างเป็นผลงานที่น่าพิศวงจริงๆ
---------------------------------------------------------------------------------
ตริ้ง!
-ทั่วทั้งผลงานประติมากรรมชิ้นนี้ ได้ถูกร่ายมนต์ปกปักรักษาถาวรเอาไว้บนยอดของ หอคอยเซรีนเฝ้ารอการมาของวีรบุรุษแล้ว
ท่ามกลางเหล่าผู้เชี่ยวชาญเก่งกาจทั้งหลายเหล่านี้พวกเขาก็มีความชำนาญทางด้านเวทย์มนต์อยู่ด้วยเช่นกัน
เวทย์ปกป้องที่แข็งแกร่งกางอาณาเขตครอบคลุมผลงานทางศิลปะทั้งหลายที่ได้ถูกเก็บเอาไว้อย่างปลอดภัยภายในประติมากรรมหอคอยชิ้นนี้
ช่วงเวลาหลายร้อยปีผ่านพ้นไปตั้งแต่ที่มันได้ถูกสร้างขึ้นแล้วก็กลายเป็นประติมากรรมที่ไม่มีผู้ใดรู้จักอีกเลย

และแล้ววีดก็ดูมาถึงตอนจบของวิดีโอนั้น
หอคอยนี่เป็นประติมากรรมงั้นหรอ!”
นี่มันช่างเป็นหอคอยที่สุดยอดไปเลย ทำไมฉันถึงไม่เคยสังเกตเห็นมันมาก่อนเลยนะ?”
เพราะว่าหอคอยนี้โผล่สูงออกมาเพียงแค่ไม่กี่เซนเท่านั้นในตอนที่กองฝุ่นทับถมมันเอาไว้
ด้วยเหตุผลนี้นั้นเองที่ทำให้หอคอยหลังนี้ได้ถูกโยนข้อเท็จจริงที่ว่า มันคือประติมากรรมชิ้นหนึ่ง ออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
+ประติมากรรมได้รับการประทานชีพแล้ว
ความสามารถของประติมากรรมจะถูกปรับเปลี่ยนไปตามค่าสถานะทางศิลปะปัจจุบันจำนวน 2041 แต้ม จากนั้นจะทำให้มีเลเวล461
เพราะว่าประติมากรรมชิ้นนี้คือผลงานระดับมาสเตอร์พีสบวกกับเอฟเฟคท์ของประติมากรรมทางประวัติศาสตร์ เลเวลจะเพิ่มขึ้น 32% กลายเป็นเลเวล608
สิ่งมีชีวิตนี้จะมีคุณสมบัติสามชนิดขึ้นอยู่กับเลเวลและรูปร่างลักษณะของประติมากรรมจะทำให้คุณสมบัติที่ได้รับแตกต่างกันไป
คุณสมบัติทางศิลปะ (100%) คุณสมบัติการป้องกัน(100%) คุณสมบัติทางพลังชีวิต (100%) เนื่องจากคุณสมบัติทางศิลปะผลงานศิลป์ได้รับผลเพิ่มขึ้น 150%
ประติมากรรมแห่งประวัติศาสตร์จะให้ทักษะพิเศษเพิ่มเติม
ผู้รังสรรค์ประติมากรรมชิ้นนี้ไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียวแต่ว่าเป็นคนทั้งสมาคม
จากประสิทธิผลของคุณสมบัติการป้องกันที่สร้างโดยจินเบียวรินกวาและเพื่อนร่วมงานของเขา ประติมากรรมชิ้นนี้จะปกป้องคุณจากภัยอันตรายได้
จากประสิทธิผลของคุณสมบัติพลังชีวิตประติมากรรมจะให้พลังชีวิตท่านมากมายล้นหลาม
มานา 5,000 แต้มถูกใช้ไป
ประสิทธิภาพของทักษะเพิ่มขึ้น ดังนั้นระดับค่าสถานะและเลเวลที่ถูกใช้ไป เมื่อใช้ทักษะประติมากรรมประทานชีพจะลดลง 20%
ค่าสถานะทางศิลปะลงลดถาวร 6 แต้ม ค่าสถานะที่ลดลงสามารถฟื้นกลับมาได้ทางการแกะสลักและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศิลปะอื่นๆ
เลเวลลดลง1 ระดับ ผลจากการลดลงของเลเวลค่าสถานะที่ท่านได้รับก็ลดลง 5 แต้มเช่นกัน
ค่าสถานะที่ลดลงไปสามารถฟื้นคืนมาได้ด้วยการเพิ่มเลเวลของท่าน
เชิญชื่นชมประติมากรรมที่ท่านได้มอบชีวิตให้ ถ้าหากประติมากรรมได้รับความเสียหายสามารถแกะสลักขึ้นมาอีกได้ ในกรณีที่โดนทำลายจนหมดก็ไม่สามารถฟื้นคืนชีพให้ได้
ประติมากรรมที่พึ่งมอบชีวิตให้ไปสงสัยเกี่ยวกับชื่อของมัน จากนั้นก็มองตรงมาที่วีดที่อยู่ข้างบน
แต่ว่าก่อนที่หอคอยยักษ์ที่มีชีวิตแล้วตอนนี้จะถามวีดถึงชื่อของมันก็มีบางอย่างเกิดขึ้น
----------------------------------------------------------------------
-ประติมากรรมที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหยาดเหงื่อและหยดเลือด จึงไม่มีความแตกต่างคนใดคนหนึ่ง พวกเราทุกคนล้วนคือคนๆเดียว
-ประติมากรรมหอคอยเซรีนเฝ้ารอการมาของวีรบุรุษกำลังใช้พลังอำนาจแห่งศิลปะ พลังงานขับเคลื่อนแห่งชีวิตจึงได้เสริมพลังชีวิตให้กับเหล่าประติมากรรมทุกๆตน
-------------------------------------------------------------------------------------------------
- จากภายในร่างของหอคอยเซรีนเฝ้ารอการมาของวีรบุรุษประติมากรรมสลักชีพตัวอื่นๆก็เริ่มแยกตัวออกมา
วีดพยายามที่จะมอบชีวิตให้กับประติมากรรมตัวแรกเพียงตัวเดียวเท่านั้นแต่ว่ากลับมีรอยปริแตกปรากฏออกมาให้เห็นมากมาย แล้วรูปแกะสลักตัวอื่นๆที่อยู่ในประติมากรรมหอคอยนั้นก็เริ่มแยกตัวออกมา(จินตนาการถึงมีตัวอะไรออกมาจากภายในรูปปั้นเหมือนไก่ออกจากไข่)
หลังจากนั้นไม่นานเหล่าประติมากรรมสลักชีพก็เริ่มเคลื่อนตัวออกมา
เหล่าประติมากรรมที่เกิดขึ้นมาจากการถูกปลุกชีพต่างเริ่มฟักตัวออกมา บางตนก็ดูแปลกประหลาดแต่บางตนก็ดูยอดเยี่ยม
แต่ว่ามันยังไม่จบเพียงเท่านั้น
ประติมากรรมอีกหลายตัวที่อยู่ในบริเวณใกล้กันก็เริ่มปริแตกออกมาเรื่อยๆเช่นกัน
หรือว่านี่จะเป็น?”
------------------------------------------------------
-เนื่องจากผลของทักษะประติมากรรมประทานชีพที่ได้รับชีวิตมาจึงส่งผลไปยังประติมากรรมที่อยู่ในหอคอยประติมากรรมทุกๆตน
-เนื่องจากหอคอยเซรีนเฝ้ารอการมาของวีรบุรุษได้แบ่งปันพลังชีวิตให้แก่กันและกัน พวกมันจึงมีค่าพลังชีวิตเหลือแค่ครึ่งเดียว
-----------------------------------------------------------------
นี่มันมาทั้งหอคอยเลยใช่ไหมเนี่ย?”
ยังมีสิ่งมีชีวิตใหญ่โตจำนวนมาก มอนสเตอร์ขนาดมหึมาอีกหลายตัว แถมยังมีแมลงยักษ์อีก
ทั่วทั้งบริเวณนั้นปกคลุมไปด้วยละอองฝุ่นในขณะที่เหล่าประติมากรรมเริ่มเคลื่อนตัวออกมา
มีประติมากรรมจำนวนมหาศาลที่ได้รับลมหายใจให้มีชีวิตขึ้นมา
บางตัวพยายามที่จะซ่อนตัวในตอนที่พวกมันแยกตัวออกมาจากสิ่งก่อสร้างหลักนั่น
ถึงกับใช้เวลาไปนานเอาการแต่สุดท้ายมันก็หยุดลงในที่สุด ส่วนประติมากรรมบางตัวก็เริ่มนอนราบไปในพื้นที่รอบๆ
วีดกำลังดูฉากเหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยเหล่าประติมากรรม ประติมากรรมหอคอยได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว
-งานแกะสลักมรดกแห่งประติมากรได้ตื่นขึ้นมาเพราะทักษะประติมากรรมสลักชีพ
ขณะที่ยังคงเฝ้าดูอยู่นั้น เหล่าประติมากรรมสลักชีพที่แยกตัวออกมาจากหอคอยก็หดตัวพองตัวไปมาเป็นเพราะได้รับพลังงานชีวิตที่กำลังไหลกระจายออกไป
สิ่งมีชีวิตแห่งประติมากรรมมากมายทั้งหมดมุ่งหน้าไปที่วีดผู้ที่มอบชีวิตให้กับพวกมัน
บางตัวสยายปีกของพวกมันออก ตัวอื่นที่มีเขี้ยวแหลมใหญ่ก็กำลังขบฟันหรือไม่ก็กระดิกหางไปมาส่วนตัวที่เหลือก็กุมดาบเอาไว้แล้วชูขึ้นฟ้าแล้วกู่ร้องว่า อูรีอองชาเจ ออกมา (ผู้แปล: 우리앙자재= หมายถึงผู้นำของพวกเรา)
นี่ช่างเป็นภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ ชายผู้เฝ้ามองดูเหตุการณ์จากเบื้องบนผู้ที่ได้มอบชีวิตพูดออกมาว่า ฉันคงไม่มีอะไรให้ต้องบ่นอีกแล้วละ
นายท่าน ทำไมร่างกายเราถึงได้สกปรกอย่างนี้ละ?”
ประติมากรรมพวกนี้มันไม่ดูประหลาดไปหน่อยหรอ?
พวกมันทั้งหมดต่างถูกเกาะกรังไปด้วยฝุ่นเขรอะทั่วทั้งตัว
ส่วนประติมากรรมสลักชีพตัวอื่นๆก็มีเศษหินเศษดินติดอยู่บริเวณหัว ไหล่ และส่วนลำตัว จากนั้นพวกมันก็เริ่มขัดๆถูๆออกอย่างตาลีตาเลือก
วีดรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่เขาควรออกตัวไป
เขาสามารถใช้โอกาสนี้ผูกความสัมพันธ์กับพวกมันเอาไว้ได้
วีดเรียกเหล่าประติมากรรมในเวลาเดียวกับที่พวกมันหันหน้ามาที่เขา
นายท่าน แล้วชื่อละ
ขอบคุณนายท่าน เป็นเพราะท่านข้าถึงกำเนิดขึ้นมาได้ ข้าจะภักดีต่อท่าน
นายท่าน ชื่อของข้าเรียกว่าอะไรหรือ?”
นายท่าน เราพร้อมที่จะสู้ไม่ว่ากับใครก็แล้วแต่
มีประติมากรรมมายมายเหลือเกินที่จะต้องมอบชื่อให้ซึ่งถือว่าไม่ใช่ภารกิจที่ง่ายดายเลย
มีมอนสเตอร์ทะเลขนาดใหญ่ตัวหนึ่งที่เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีสที่รูปร่างคล้ายกับปลาโลมาถลาล้มลงไปกับพื้นดินแล้วกลิ้งไปมา แล้วก็มียักษ์ไฟอีกตัวที่พ่นไฟทุกครั้งที่มันเปิดปากพูดแถมยังมีสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดรูปร่างไม่เหมือนอะไรที่เคยเจอมาก่อนอีกด้วย ทุกอย่างนั้นแสนจะยุ่งเหยิงอีรุงตุงนังซะจริง
ชื่อของแกคือ……”
วีดไม่อาจทนกับอะไรอย่างนี้ได้อีกต่อไปแล้วเพราะว่ามีประติมากรรมมากมายหลายชนิดแถมยังมีหน้าตาคล้ายๆกันอีกด้วย
หากจะใช้ชื่อที่เหมาะกับรูปลักษณ์ภายนอกให้กับแต่ละตัวก็ยังทำให้สับสนอยู่ดี เขาจึงไตร่ตรองต่อไปเรื่อยๆ
เอาไว้ทีหลังละกัน
มันคงจะยากเกินไปที่จะจำหน้าพวกมันทั้งหมดให้ได้
ชื่อของเหล่าประติมากรรมนั้นควรจะมีชื่อเอกลักษณ์จากบ้านเกิดของพวกมัน
มันสำคัญกับเรามากที่ต้องให้เกียรติกับมัน
จะเรียกชื่อมันก็ควรจะทำให้ฉันรู้สึกสบายใจที่จะเรียกสิ งั้นฉันจะเรียกออกมาแบบสุ่มๆละกัน เฮ้ย เฮ้ยแกนะ ออกมานี่สิ ใช่ๆแกนั่นแหละ……”
"......."
“……”
มันก็ไม่ใช่ว่าคนทั่วไปๆจะมาพบเจออะไรที่นี่ได้อย่างกับวีด เพราะฉะนั้นประติมากรรมเหล่านี้จึงได้มอบความจงรักภักดีอย่างมากตั้งแต่ที่ได้เจอกันครั้งแรก
และสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อที่จะแสดงความภักดีนั้นด้วยเหตุผลง่ายๆอย่างว่าทำไมเขาถึงได้มาที่นี่ นั่นก็คือจัดการคนที่เข้ามายุ่งกับเขา
แต่ทว่าวีดไม่ได้มีเวลาเหลือมากแล้ว
ส่วนนั้นไปเป็นแนวหลัง พวกทางขวาก็เตรียมออกไปสู้ แล้วเจ้าบึกนั่นก็ไปเป็นตัวฝ่าวงล้อม ชื่อว่าชอนทูราเนียนละกัน
ประติมากรรมพวกที่เหลือจ้องมองไปที่ประติมากรรมที่ถูกเรียกว่า ชอนทูราเนียน
วีดคิดว่าตอนนี้เขาพร้อมที่จะทำสงครามแล้วด้วยกองกำลังทางบกและกองกำลังทางน้ำ

ดูท่าว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นสักขีพยานแห่งการทำลายล้างที่น่าตกตะลึงซะแล้วละ ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนของฉัน ฉันก็จะกลายเป็นแพะรับบาปจากการนองเลือดอันบ้าคลั่งครั้งนี้เอง
เหล่าโจรสลัดได้รับคำสั่งมาให้ดูแลรักษาความปลอดภัยเต็มที่บริเวณท่าเทียบเรือ บรรดาเรือของกองทัพเรือที่สองแห่งราชอาณาจักรฮาเว่นกับเรือของพวกโจรสลัดทอดสมออยู่ที่ธารน้ำไร้เยือก
นี่มันโคตรน่าเบื่อไปเลยว่ะพวก
แกคิดว่าตอนไหนเราจะสามารถจับวีดได้หรอ?เราก็ถูกสั่งมาตลอดว่าให้เฝ้าเรือเอาไว้ให้ดีแต่ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ช่างหัวมันละกัน
เดี๋ยวก่อนๆ ข้าว่ามันคงจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้แหละ ถ้าเราฆ่าวีดให้ตายได้เราก็จะโม้ว่าเราเอาชนะเขาได้ยังไงในตอนที่ออกไปจากที่นี่ แล้วทุกๆคน ก็จะชื่นชมเชิดชูพวกเรา
เหล่าโจรสลัดที่เอาแต่พร่ำบ่นออกมาอย่างระมัดระวังโดยที่ไม่อาจบอกได้เลยว่าใครกำลังรับฟังพวกเขาอยู่
เมื่อยามราตรีมาเยือนพวกเขาก็พากันเล่นพนันเสี่ยงโชคในขณะที่หาวิธีฆ่าเวลา
อย่างกับว่าวีดจะออกมาตอนไหนก็ได้แล้วก็ออกมาสู้เพื่อที่จะหาทางออกไปจากเขตลาสฟาลังคซ์ แต่ทว่ามันก็ไม่เกิดขึ้น
วีดเก่งกาจในการวิ่งหนีมากจริงๆ เขานั้นลื่นอย่างกับปลาไหลเลยละ
เขาใช้ประโยชน์จากดันเจี้ยนใต้ดินที่กว้างขวางของเขตลาส ฟาลังคซ์ แถมในตอนที่เหมือนกับว่าเขากำลังถอยร่นกลับไปก็กลับนำพวกศัตรูไปตกหลุมพรางซะงั้น
เหล่าโจรและนักฆ่าที่ถูกส่งลงไปที่เขตใต้ดิน แต่พวกเขานั้นไม่มั่นใจตำแหน่งที่อยู่ของพวกเขาเลย
แม้นจะมีร่องรอยติดตามที่หลงเหลือเอาไว้ ในตอนที่เขาถูกไล่ตามบนดินแดนของศัตรูแห่งนี้ แต่เขาก็ได้ใช้ทักษะที่ได้สั่งสมมานานเพื่อปกปิดร่องรอยเหล่านั้นเอาไว้
หลังจากที่วีดได้บีบเส้นทางให้วกไปวนมามัน จนยากมากขึ้นเรื่อยๆที่จะตามรอยเขาได้
ผู้เล่นที่มีเผ่าพันธุ์มาจากมอนสเตอร์เลือดผสมร่วมขบวนอยู่กับลูกเรือของเขาด้วย และทำให้กลุ่มโจรสลัดก็เลยไม่สนใจร่องรอยที่ทิ้งเอาไว้อีกเลย
แต่ยังไงซะ มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วละก่อนที่เราจะจับไอ้เลวนั่นได้ แผนที่ดันเจี้ยนใต้ดินก็ทำจนเสร็จสิ้นแล้ว การค้นหาของแกก็คงจะเร็วยิ่งขึ้นนะกันเดสซิค
หวังว่านั้นจะเป็นข่าวดีนะครับ?ชื่อเสียงของกิลด์เฮอร์มีสตอนนี้ก็คับขันมากพอแล้วจากสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นนั่นนะ
แค่กๆฮึฮืม!”
เมื่อมีเสียงโจรสลัดคนหนึ่งไอเตือนขึ้นมา เหล่าโจรสลัดที่อยู่ใกล้ๆตัวเขาก็เงียบกริบลงในทันที
แล้วโจรสลัดคนอื่นๆก็สังเกตเห็นถึงสถานการณ์จริงได้อย่างรวดเร็ว
เหล่าหัวหน้าโจรสลัดที่เฝ้าท่าเทียบเรือนั่นก็หันหน้าไปและก็เห็นว่านั่นคือราชาโจรสลัดกริฟฟิทที่พึ่งมาถึง
กริฟฟิทตบบ่าของเหล่าโจรสลัดที่เขาเจอหน้าไปตลอดทาง
พวกเจ้าทำงานหนักมากจริงๆ
ไม่หรอกครับ ท่าน
กริฟฟิทราชาแห่งโจรสลัดผู้สวมหมวกระดับพลเรือเอกที่ต้องการเลเวลกว่า 400 ถึงจะใส่ได้ในขณะที่โจรสลัดทั่วไปสวมใส่แค่หมวกธรรมดาเท่านั้น
อะไรพาท่านมาถึงที่นี่หรือครับ?”
ข้ารู้สึกหายใจไม่ค่อยออกน่ะก็เลยออกมาสูดอากาศสดชื่นกับสายลมอันบริสุทธิ์
น้ำเสียงกริฟฟิทดูทุ้มๆและแหบแห้งอย่างกับเป็นการดัดเสียง
ท่านจะไปขึ้นเรือของท่านหรือครับ?”
อ๋อใช่ เรือของข้า…”
กริฟฟิทหยุดนิ่งเงียบไปซักพักและก็พูดออกมา
มีเรือหลายลำที่เทียบท่าอยู่ที่มาเรียน่าอยู่เป็นจำนวนมาก (หมายถึงท่าเทียบเรือตรงที่เป็นธารน้ำไร้เยือก ชื่อว่ามาเรียน่า) (แอดชิน: Marina แปลได้อีกว่า ที่จอดเรือสำหรับซ่อมแซมและบริการเรือเล็ก)
มีทั้งเรือของกลุ่มโจรสลัดและเรือของกองทัพเรือที่สองแห่งราชอาณาจักรฮาเว่น ท่าจอดเรือชั่วคราวบนท่าน้ำนั้นไม่มีพื้นที่จอดเพียงพอนัก เรือมากกว่าครึ่งไม่สามารถทอดสมอจอดที่ท่าเทียบเรือนี้ได้เลย
ความเห็นแก่ตัวของกัปตันเรือโจรสลัดนั้นมีมากมายเหลือเกิน ลำตัวเรือของเขายิ่งใหญ่อลังการน่าประหลาดใจซึ่งจอดเทียบไปตามแนวของทะเลสาปจั๊งฟราว (JungFrau)แถมยังต้องใช้กำลังคนอีกอย่างมากเพื่อควบคุมเรือลำนั้นให้ได้อีกด้วย
ข้าควรสั่งให้พวกที่อยู่ท่าจั๊งฟราวเตรียมตัวไหมครับ?”
ข้าไม่อยากทำให้มันวุ่นวายนะ ข้าก็แค่อยากจะสูดอากาศซักหน่อย ข้าก็แค่จะล่องออกไปด้วยเรือเร็วจากนั้นก็แค่วนกลับมา
ให้ข้าเตรียมลูกเรือไว้ไหมครับ? พวกเราอยากจะล่องออกไปกับท่าน
เนื่องด้วยเพราะมีราชาโจรสลัดอยู่บนเรือด้วยก็จะทำให้เรือแล่นเร็วขึ้นกว่าที่เคยแล่นมา นั่นจึงกระจ่างอย่างยิ่งว่าเหล่าโจรสลัดทั้งหลายมองมาที่เขาอย่างมีความหวังที่จะแล่นเรือออกไปด้วย
กริฟฟิทส่ายหน้าปฎิเสธการช่วยเหลือนั้น
ไปแค่แปบเดียวเอง มันน่ารำคาญจะตายไป ข้าจะล่องไปเองคนเดียว
ได้ครับ ข้าเข้าใจแล้วครับ ท่าน ครั้งหน้าได้โปรดพาเราไปด้วยนะครับ!”
ข้าจะให้เจ้าเป็นคนคุมพังงาเรือเองเลยถ้าโอกาสนั้นมาถึงละก็นะ
กริฟฟิทแล่นเรือขนาดกลางออกไปลำที่เทียบท่าอยู่ที่ท่าเทียบเรือชั่วคราวนั้น
หลังจากที่เฝ้าดูเรือแล่นออกไปด้วยความเร็วแบบเต่าคลาน เหล่าโจรสลัดก็บ่นพึมพำออกมาด้วยความผิดหวัง พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้แล่นเรือช้าขนาดนั้น
ตอนไหนที่พวกแกสามารถไล่ล่าเรือศัตรูด้วยความเร็วเต็มสูบอย่างที่กริฟฟิทสามารถทำได้แล้วจากนั้นพวกแกค่อยวิจารณ์ความเร็วในการแล่นเรือของเขาสิ
ข้าคงรู้สึกเกลียดมากพอๆกับที่ต้องพายเรือแจว แล้วคงไม่มีใครแล่นเรือได้ดีกว่าหรือว่าเร็วกว่าเขาหรอก
แทนที่เรือเดอะเควล (The Quail)จะล่องไปตามสายธารน้ำไร้เยือกตรงไปยังท้องทะเล มันกลับเลี้ยวไปและตรงไปทางต้นธารน้ำเข้าไปทางเขตลาส ฟาลังคซ์
ภูเขาไฟหลายลูกพ่นควันโขมงออกมาตลอดทางที่แล่นไป บริเวณนั้นเป็นเส้นทางสีขาวถูกปกคลุมด้วยปุยหิมะ เพราะว่าอากาศสดชื่นและทิวทัศน์ตรงบริเวณธารน้ำจุดนั้นเป็นจุดที่พวกโจรสลัดไม่มีทางเทียบท่าได้แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พวกเขาเข้ามาอยู่ในระยะสายตาของพวกโจรสลัด เรือใบขนาดกลางก็เลี้ยวเลียบชายฝั่งธารน้ำของเขตลาส ฟาลังคซ์ไป มันเป็นเรื่องยากที่จะทอดสมอเรือลงเพราะว่าแนวหินโสโครกแต่กับกริฟฟิทคนนี้กลับสามารถทอดสมอลงไปเทียบชายฝั่งได้
แล้วเรือขนาดกลางก็ทอดสมอเทียบท่าที่ธารน้ำไร้เยือกที่ชื่อว่าเรือเควลเลคก็ออกมาจากเขตลาสฟาลังคซ์และตรงไปออกยังมหาสมุทรจนไปถึงบริเวณทางโค้งบิงกึล(Binggeul’s turn)
-ตอนนี้ละ มาหาฉันได้แล้ว
มออออออออออ!
เรือใบลำนั้นได้เทียบท่าอยู่ใกล้ๆทางเข้าดันเจี้ยนก็ได้เจอเข้ากับเจ้าเหลืองที่กำลังวิ่งเร็วจี๋เข้ามาหาเขา
เขากลับมาแล้วและยังเข้ามาเจอกับพวกซอยูน วิหคทองคำ วิหคเงิน แล้วก็ประติมากรรมสลักชีพตัวอื่นๆ ให้รับช่วงต่อโดยเร็ว
เขาจอดเรือหลบอยู่ใต้เงามืดสนิท
เร็วเข้า ขึ้นเรือมาได้แล้ว!”
จากนั้นพวกมันก็ตีวงล้อมเรือที่ล่องมาลำนั้นมาที่บริเวณชายฝั่งได้อย่างเหมาะเจาะพอดี
กลับคืนสู่สภาพเดิม!”
และแล้วรูปลักษณ์ของกริฟฟิทก็ได้กลายไปเป็นวีดที่เขาใช้ทักษะประติมากรรมจำแลงปลอมตัวมา
เพื่อที่จะลดค่าชื่อเสียงเสียด้วยการสร้างประติมากรรมจำนวนมากมายในตอนนี้เขาก็ได้พ้นจากสถานะฆาตกรแล้ว
แน่นอนว่าจากคนในบรรดาเหล่าทหารเรือกับพวกโจรสลัดก็อยู่ในสถานะฆาตกรอยู่เหมือนกัน มันถือว่าเป็นธรรมดาของพวกเขาแล้วละ
แต่อย่างไรก็ตาม กริฟฟิทกลับไม่มี หมวกกับเครื่องแบบที่ปกติกริฟฟิทสวมใส่ได้ถูกปลอมแปลงขึ้นมาเพื่อที่จะแฝงตัวไปได้อย่างแนบเนียน
และแน่นอนละว่า ช่วงกลางวันแบบนี้นั้นช่างแตกต่างอย่างกับโลกและสวรรค์ แต่พลังที่แท้จริงของทักษะนี้จะยกระดับขึ้นในช่วงกลางคืน มันคงจะยากซักหน่อยที่พวกเขาจะแยกความแตกต่างของชุดได้ (เพราะกลางคืนจะไม่เห็นชุดชัดเจนนัก)
ทักษะช่างตัดเย็บระดับกลางและสิ่งของปลอมๆซักสองสามชิ้นก็สามารถปลอมแปลงสิ่งของหลายๆอย่างให้เทียบเท่ากับชุดของจริงได้แล้ว!
เหล่าประติมากรรมรูปร่างมนุษย์นำเชือกมาแล้วเริ่มปีนขึ้นไปบนเรือ ส่วนประติมากรรมที่รูปร่างเหมือนนกก็เริ่มบินขึ้นไป
เหล่าประติมากรรมสลักชีพเริ่มมารวมตัวกันอยู่บนเรือขนาดกลางลำนี้ตั้งแต่หัวยันท้ายเรือ
อย่างที่ตกลงกันไว้ ดำเนินไปตามแผนการอย่างรัดกุมด้วยละ
จากนั้นวีดก็ถอดหมวกของเขาออกแล้วโบกมันเพื่อบอกลาให้กับเจ้าประติมากรรมหอคอย หอคอยเซรีนเฝ้ารอการมาของวีรบุรุษ ที่อยู่ห่างออกไป
ตัวของมันใหญ่เกินไปที่จะเอาหอคอยทั้งหลังนั้นขึ้นเรือมาได้ มันถูกสร้างขึ้นบนเขตลาสฟาลังคซ์และมันจึงจำเป็นต้องอยู่ที่นั่นต่อไป มันได้ทำภารกิจพิทักษ์เหล่าประติมากรรมตนอื่นๆสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้นมันจึงอยู่เพื่อกลายเป็นผู้พิทักษ์ดินแดนแห่งนั้นจนกว่าจะตายไป
ลาก่อน
วีดเอ่ยคำลาออกมาอีกครั้งด้วยความเศร้าเสียใจ
ฉันหวังนะว่าจะสามารถพาแกกลับไปทวีปเวอร์เซลได้ ฉันคงจะใช้ประโยชน์จากแกได้ดีทีเดียว
ทางเลือกของเจ้าหอคอยนั่นช่างเด็ดเดี่ยวจริงๆ
แทนที่มันเลือกจะไปอยู่บนทวีปที่แสนกว้างใหญ่ เจ้าหอคอยกลับตัดสินใจที่จะอยู่ภายในเขตลาสฟาลังคซ์เพื่อให้เกียรติกับความทรงจำของเหล่าประติมากรที่ได้ล้มหายตายจากดินแดนแห่งนั้นแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปลี่ยนใจของมัน
ดินแดนลาส ฟาลังคซ์ในภายภาคหน้าคงจะได้เจอกับมอนสเตอร์ระดับบอสตัวใหม่แน่ๆ
โกรววววววววววววว!”
เสียงคร่ำครวญดังสนั่นของเจ้าหอคอยส่งสัญญาณกระตุ้นบอกให้พวกเขารีบหนีไปเร็วๆ
เสียงที่เปล่งออกมาก้องกังวานอย่างลึกลับดังออกมาจากตั้งแต่ชั้นที่ต่ำที่สุดจนถึงชั้นที่สูงที่สุดของหอคอย เจ้าหอคอยประติมากรรมได้ทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาเหล่าประติมากรรมทั้งมวลได้อย่างยอดเยี่ยมแต่ ณ บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่มันจะกล่าวคำล่ำลา
งั้น เราไปกันเถอะ
การเคลื่อนย้ายพวกประติมากรรมแห่งหอคอยไว้บนเรือนี่ถือว่าเป็นงานใหญ่เอาเรื่อง แถมพวกมันทั้งหมดก็ยังถูกสร้างขึ้นภายในเขตลาสฟาลังคซ์นี้อีกด้วย
ภารกิจของมรดกแห่งประติมากรคือรับรองว่าพวกประติมากรรมเหล่านี้จะอยู่รอดปลอดภัยจนถึงที่สุด แล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องออกไปจากดินแดนแห่งนี้แล้ว
ลาก่อนนะ
วีดมองกลับไปด้วยความรู้สึกเสียดายอีกครั้ง
การมุ่งหน้าไปทางตะวันตกแล้วเดินทางกลับไปยังทวีปเวอร์เซลนั่นคงจะดีสินะ
แต่สำหรับเหล่าผลงานแห่งหอคอย พวกมันเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี
แต่อย่างไรก็ตาม ภารกิจรู้แจ้งในประติมากรรมนั้นช่างเป็นภารกิจที่สุดโต่งจริงๆ
เหล่าประติมากรที่ถูกชักนำให้มาที่นี่นั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีชีวิตอยู่รอดจนถึงวาระสุดท้ายแล้วยังย้ายเข้ามาที่เขตลาส ฟาลังคซ์ แห่งนี้และซ่อนผลงานระดับมาสเตอร์พีซเฝ้ารอไว้อีก
ฉันทนตั้งตารอคอยกับการมาของมอนสเตอร์ระดับบอสตัวใหม่แห่งเขตลาสฟาลังคซ์แทบไม่ไหว ความลึกลับนี่ช่างน่าตื่นเต้นจริงๆเลย
คุววะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!
มาเถอะน่า เจ้าพวกประติมากรรมยักษ์แห่งหอคอย เลิกร้องไห้ฟูมฟายได้แล้ว ได้เวลาไปกันได้แล้ว
นอกจากนี้ ประติมากรรมหอคอยทั้งหลังตั้งแต่บนพื้นของชั้นล่างก็มีเสียงร้องไห้ฟูมฟายดังระงมก้องกังวารอย่างลึกลับทั่วทั้งเขต
ผลงานประติมากรรมแห่งหอคอยที่ดูเฉลียวฉลาดก็เดินออกมาอยู่ในระยะที่มองเห็นได้ราวกับรู้ว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องแยกจากกัน
งั้นก็ไปกันเถอะ
วีดออกคำสั่งกับเหล่าประติมากรรมสลักชีพที่ขึ้นมาบนเรือแล้วและก็พร้อมที่จะเดินเรือออกไป
เจ้าวิหคทองคำและเจ้าวิหคเงินปลดเชือกที่ยึดติดเสากระโดงเรือกับใบเรือออก
ลาส ฟาลังคซ์ งั้นนี่ก็ถือว่าเป็นการจากลาตลอดกาลละนะ
การที่ต้องเคลื่อนเรือใบขนาดกลางลำนี้ถือว่ามีน้ำหนักที่มากเอาการเลย
เหล่าประติมากรรมสลักชีพอัดตัวอยู่ที่ห้องโดยสารเรือ ทางเดิน แล้วยังบนดาดฟ้าเรืออีก
ความจุสูงสุดของเรือนั้นมันจุจนเลยขีดจำกัดไปแล้ว
แล้วกระแสลมก็เริ่มพัดมา ลำเรือก็เริ่มเคลื่อนที่ไปทีละนิดทีละหน่อยและก็เริ่มฝ่าแม่น้ำออกไป
วีดบังคับพังงาเรือและก็หันเรือเลี้ยวอย่างแรงไปที่แม่น้ำเพื่อแผ่วงขยายทิศทางให้กว้างมากขึ้น
ภายในท่าเทียบเรือมาเรียน่านั้นดูวุ่นวายอย่างมาก เหล่าทหารเรือที่สองแห่งราชอาณาจักรฮาเว่นก็ได้ออกไปแล้วในที่สุด
ความจริงและเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าราชาโจรสลัดกริฟฟิทไม่ได้สั่งการอะไรหรือให้ออกเรือไป
จากนั้นเรือของวีดก็เพิ่มความเร็วขึ้นในทันที แม้ว่าจะมีแค่ลมอ่อนๆโชยผ่านทางธารน้ำไร้เยือก
เพราะว่านั้นเป็นเรือเป็นของกองทัพเรือแห่งราชอาณาจักรฮาเว่น จึงใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เหล่าทหารยามจะตัดสินใจรายงานถึงเรือที่แล่นด้วยความเร็วสูงลำนั้นกับหัวหน้าของพวกเขา
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-ราชาโจรสลัดกริฟฟิทแล่นเรือออกไปแล้วครับ
-ทำไมเขาทำอย่างงั้นล่ะ?
-ก็ไม่มีอะไรครับ พวกโจรสลัดเฝ้ายามที่ท่าเทียบมาเรียน่าบอกว่าเขาอยากจะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ครับ
-เข้าใจละ
-พวกโจรสลัดที่ยืนเฝ้ายามมันคงกำลังทำหน้าที่อยู่สินะ คงไม่ทำบ้าอะไรนอกจากดูดาวอยู่ข้างนอกกับปล่อยให้ลมพัดมาแล้วผ่านพวกมันไป
-ใช่เลยครับ
----------------------------------------------------------------------------
จากผลรายงานที่ส่งมาช่วยให้ควบคุมเส้นทางเดินเรือได้เป็นอย่างดี แต่ว่าทั้งทีมรักษาความปลอดภัยกิลด์เฮอร์มีสและกลุ่มโจรสลัดกลับไม่ให้ผลรายงานที่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด เนื่องจากบุคคลที่พวกเขารายงานมาเป็นพรรคพวกของพวกเขาเอง ราชาโจรสลัดกริฟฟิท เรือจึงไม่จำเป็นจะต้องได้รับการอนุญาตหรือคำแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด
การควบคุมเรือเข้าออกนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ออกเรือตามกฎเกณฑ์ที่ได้ตั้งไว้ดังนั้นเหล่าทหารยามก็จับได้ว่ามีบางอย่างผิดปรกติ
ผลรายงานนั้นเริ่มกระจายตัวออกไปเป็นกลุ่มๆ พวกเขาทั้งหมดจึงมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้
ถ้าหากว่ามีอะไรเกิดขึ้น แล้วได้รับข้อความอนุญาตยินยอมเฉพาะให้จัดการกับราชาโจรสลัดกริฟฟิทละก็ พวกเขาคงกำจัดเขาไปแล้ว
แล้วหลังจากนั้นเวลาผ่านไปพักหนึ่ง
อัศวินนาวีคนหนึ่งก็ได้รับผลรายงานแบบฉุกเฉินเข้ามาผ่านทางหน้าต่างกระซิบ

-นายใช่ไหม่ที่ได้รายงานว่ากริฟฟิทแล่นเรือมุ่งหน้าออกไปทะเลก่อนหน้านี้น่ะ?
-ใช่ครับ ผมรายงานเอง
-นั่นมันกริฟฟิทตัวจริงหรือเปล่า?
-พวกโจรสลัดยืนยันว่างั้นครับ
-บัดซบ! ซวยแล้วไง!
-ทำไมหรือครับ?
-ราชาโจรสลัดกริฟฟิทตอนนี้อยู่กับดรินเฟลด์โว้ย ไอ้คนที่อยู่บนเรือนั่นไม่ใช่ราชาโจรสลัดห่าเหวอะไรนั่น
-อะ-อะไรนะครับ?ท่านล้อเล่นอยู่หรอครับ….
-เรื่องมันยาว ไปหยุดเรือนั่นไว้ให้ได้!
-มันไม่อยู่แล้วครับ
-งั้นก็รีบๆไล่ตามไปสิโว้ยย!

แล้วเหล่ากองทัพเรือที่สองแห่งราชอาณาจักรฮาเว่นก็กางใบเรือออกในทันทีตามคำสั่งการที่ได้รับมา
เหล่าทหารเรือของกลุ่มโจรสลัดก็ได้รับการแจ้งข่าวมาเช่นกัน แล้วก็เริ่มออกเรือในเวลาเดียวกัน
ฉันจะไม่ยอมให้มันหนีไปได้แน่ๆ!”
ไล่ตามพวกมันไป!”
เรือหลายลำภายในท่าเรือมาเรียน่าสั่นสะเทือนในตอนที่ลูกปืนนัดแรกถูกยิงออกไปจากเรือรบลำหนึ่ง
แต่ท่ามกลางเหล่าประติมากรรมสลักชีพนั้นคือสัตว์ทะเลที่กำลังเฝ้ารอคอยการมาของพวกเขาอยู่
ปืนใหญ่หลายกระบอกยิงมาอย่างกับห่าฝนแต่พวกมันก็จมลงก้นทะเลไปในที่สุด!
ส่วนเหล่าผู้เล่นประจำอยู่บนพื้นดินที่ล่าอยู่ในดันเจี้ยนได้รับคำสั่งให้กลับไปที่ท่าเทียบเรือพร้อมกับพวกโจรสลัดที่ยืนเฝ้ายามที่ประติมากรรมหอคอย
บรรดาผู้เล่นทั้งจากทีมโจรสลัดและทีมกิลด์เฮอร์มีสที่กำลังคับแค้นใจด้วยเพลิงแห่งความโกรธ รีบรุดหน้ากลับไปที่ท่าจอดเรือในทันที แล้วก็ต้องพบเจอเข้ากับเส้นทางที่ถูกกั้นเอาไว้ด้วยเจ้าประติมากรรมหอคอย
อ๊ากกกอ๊ากกก!”
เจ้าหอคอยแห่งประติมากรกกระทืบเท้าเหยียบเหล่าผู้เล่นและทหารทั้งหลาย มันสกัดพวกเขาไว้เพียงเพื่อจะได้ปกป้องวีดและสหายประติมากรรมที่กลับมามีชีวิตทั้งหลาย
ประติมากรรมหอคอยแห่งประติมากรเริ่มสกัดเหล่าศัตรูและวิ่งพุ่งตรงไปยังเหล่าผู้เล่นในขณะที่เหยียบพวกเขาไปด้วย
วีดมองดูเหล่าสิ่งมีชีวิตประติมากรรมที่กำลังออกมาเพื่อหลบหนีออกจากอันตรายที่อยู่ในรัศมีการโจมตีนั้น
เขาช่างเป็นจอมทำลายล้างที่ทรงพลังมากจริงๆ!
เหล่าผู้เล่นของดรินเฟลท์แห่งกิลด์เฮอร์มีสพยายามต่อสู้กับเจ้าประติมากรรมหอคอยตนนั้น
เหล่าทหารทั้งหลายต่างกำลังรับมือโจมตีตอบโต้เจ้าหอคอย แล้วพลเอกดรินเฟลด์ก็ตะโกนออกคำสั่ง
ไอ้ตัวนั้นเอาไว้ค่อยกำจัดทีหลังก็ได้ พวกแกไปขึ้นเรือซะ!สิ่งที่เราต้องทำอย่างแรกก็คือจับตัววีดให้ได้
กองกำลังหลักของกิลด์เฮอร์มีสและกลุ่มโจรสลัดขึ้นเรือของพวกเขาไปในขณะที่หลบหลีกหอคอยประติมากรรมนั้นไปด้วย พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสพอควรแต่พวกเขาก็กางใบเรือแล้วก็แล่นออกไปจากท่าเรือมาเรียน่าไป
เรือธงของกิลด์เฮอร์มีสและเหล่าโจรสลัดที่ขึ้นเรือไปพยายามหนีไปที่ส่วนหัวของเรือ (조각답을)
มีความเสียหายมากมายมหาศาลปรากฏอยู่บนตัวเรือ แล้วเรือของพวกเขาก็ค่อยๆแล่นออกไปเรื่อยๆหลังจากที่พวกเขาแล่นเรือออกมาจากท่าเทียบนั้น

โอ้ววววอ๊ากกกกกกก!”
โกรววววววววววววววววว!”
ประติมากรรมหอคอยที่ได้ช่วยขัดขวางกองกำลังศัตรูจนวินาทีสุดท้ายก็หันตัวกลับไป แล้วเริ่มมุ่งหน้าตรงไปยังดินแดนภูเขาไฟที่ปลดปล่อยไอน้ำพวยพุ่งออกมาทั่วทั้งดินแดน นามว่า ลาส ฟาลังคซ์

จบตอน
ผู้แปล:Cole’s Myth

Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

20 ความคิดเห็น:

  1. รวดเร็วจริงๆ ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  2. ทำไมเศร้าแปลกๆ สงสารหอคอยอะ อารมเดียวกับโปเยโปโลเยเลย

    ตอบลบ
  3. เสียดายหอคอย ค่อยมาขนมาทีหลัง เอาไปตั้งใน โมราต้า

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. วีดเปรยๆว่า ประติมากรรมอคอยอาจจะเป็น บอสตัวใหม่ของลาส ฟาลังค์ก็ได้ มารอลุ้นกัน ฮ่าๆๆ

      ลบ
  4. ขอบคุณครับ สนุก ๆ ๆ ๆ

    ตอบลบ
  5. เอาหอคอยไว้นี่แหละ รีบไปสร้างประตูวาป โมราต้า - ลาสฟารัง ด่วน รับรองรวยอื้อ

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณครับผู้แปลที่สุดแสนใจ ดีเสียสละเวลา เราขอบคุณท่าน

    ตอบลบ
  7. หนีได้สมเป็นวีดจริงๆ

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณผู้แปลครัช...หึหึหึทำวาร์ปมารับหอคอยกลับไปเป็นกำแพงเมืองโมราต้าชั้นดีเลยล่ะ

    ตอบลบ
  9. ขอบคุณที่แปลครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ

    ตอบลบ
  10. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  11. ถ้าเป็นไปได้ช่วยแปลเล่มที่ 11ถึง13/1-13/4 ด้วยได้ไหมครับ เพราะหาอ่านไม่ได้เลย อยากอ่านมาก ^^

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. LMS_INDEX สารบัญ
      http://axelms.blogspot.com/p/lmsindex.html ในนี้มีคับ

      ลบ
    2. ขอบคุณครับ ผมดีใจมากเลย

      ลบ
  12. ซื้อ1แต่ได้ถึง100
    ของแถมมาอื้อ
    เสียดายเอาตัวสุดท้ายไปไม่ได้ มันใหญ่เกินบวกกับเจ้าตัวไม่อยากไปด้วย
    อนาคตข้างหน้าคงมีวิธีการ?

    ตอบลบ
  13. ตัวถ่วง(เวลา)หมดงานแล้ว ต่อไป ก็ พวกที่บินได้ พวกที่ว่ายน้ำได้ อ่ะ ยิงกันให้เละ สุดท้ายยังจะมี กองเรือผี

    ตอบลบ
  14. วีดสร้างประติมากรรมเต็กสาวอาถรรพ์หรือประติมากรรมเด็กสาวต้องสาปขึ้นมาซะแล้ว
    จะดีจะร้านก็แล้วแต่ผู้ครอบครองซะด้วย

    ตอบลบ
  15. เวล ตั้ง 608 ระดับบอสแง่มๆ

    ตอบลบ
  16. ช่วยพิมพ์แบบสรุปของตอนนี้ให้ทีครับ ว่าท่านวีดเขาทำไรบ้าง ได้โปรดเถอะครับ ผมมีปัญหาเรื่องสายตาน่ะครับ

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...