วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เล่ม 38 : ตอนที่ 3 สายตาของเจ้าของบ้าน (EYE OF A LANDLORD) แปลโดย RastyMay


เล่ม 38 : ตอนที่ 3 สายตาของเจ้าของบ้าน (EYE OF A LANDLORD)  แปลโดย RastyMay

ลี ฮุน เห็นการต่อสู้ ณ ที่ราบรูปอย ผ่านทางโทรทัศน์

 

“พวกเขาสมควรถูกบดขยี้แล้วละนะ”


หลังจากที่พวกเขาครึ่งหนึ่งตกเป็นเหยื่อของอาณาจักรฮาเว่น ผู้เล่นทางเหนือก็ล่าถอย เขารู้สึกเสียใจที่เห็นพวกเขาแบบนั้น

 

ผู้เล่นเริ่มต้นที่รอดชีวิตมาได้จนถึงตอนท้ายก็กระจัดกระจาย หลังถูกไล่ล่าโดยทหารม้า พวกเขามาเพื่อสละชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าจะมีคนจำนวนเท่าไหร่คุณภาพและทักษะในการทำสงครามของอาณาจักรฮาเว่น ก็มีมากกว่าพวกเขา


ความกลัวและความสิ้นหวังก็แพร่ไปสู่ผู้เล่นหลังจากได้รับความพ่ายแพ้


“เราควรทำไงดี”


“อ่า น่าจะ….”


“พวกเรายังขาดความแข็งแกร่งอยู่ดี ยอมรับเลยว่ามันอยู่เหนือการควบคุม”


กองทัพของอาณาจักรฮาเว่น มีประสบการณ์ในการทำสงครามมาอย่างโชกโชน เพื่อให้กองกำลังต่อสู้อย่างสุขุมรอบคอบ จะต้องมีการหมุนเวียนของกองกำลัง ทั้งการโจมตีและการป้องกันให้เหมาะสม การปรับใช้กองกำลัง และการรอบรู้ถึงภูมิประเทศทั้งหมด มีบทบาทอย่างมากในการทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในทวีปกลาง


กิลด์เฮอร์มีสได้ใช้กลยุทธ์ต่างๆ และเติบโตขึ้นในช่วงสงคราม นั่นก็คือการรวมกลุ่มของคนที่เรียกว่ายอดฝีมือ!


ในทางตรงกันข้าม ผู้เล่นทางเหนือไม่มียุทธวิธีใดๆเลย

 

นี่จึงเป็นจุดอ่อนของผู้เล่นทางเหนือ การที่ไม่มีผู้บัญชาการในการรบ ทำให้พวกเขาถูกกวาดล้างโดยกลุ่มคนผู้มีปัญญา พวกเขาไม่มีกลยุทธ์หรือกองกำลังที่เหมาะสมเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู


ครั้งนี้ชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า กองทัพที่มีกำลังการรบอันยอดเยี่ยมนั้น สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้จริง

 

ลี ฮุน เข้าใจถึงความสำคัญของการเป็นผู้นำในการต่อสู้ที่มีขนาดใหญ่ แม้จะอยู่ภายใต้ผู้บังคับบัญชาเหมือนกัน แต่ผลของการต่อสู้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การต่อสู้และการปฏิบัติที่เหมาะสม

 

อาณาจักรฮาเว่น จะไม่สามารถพิชิตทวีปกลางได้หากพวกเขายังมุ่งไปสู่ความประมาท


“ก็สมเหตุสมผลแล้วละนะ”

 

ลี ฮุนพยักหน้า


เขาไม่ได้หวังอะไรตั้งแต่ต้น แต่เขาก็ยังคาดหวังอะไรแบบนี้ คนที่มีจิตใจแข็งแกร่ง ไม่ว่ายังไงก็จะประสบความสำเร็จ ส่วนคนธรรมดาจะจบลงด้วยการมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ใหญ่เท่านั้น


สิ่งต่างๆ เช่นการหลอกลวง การฉ้อโกงเงินกู้ การทำบัญชีที่ไม่ถูกต้อง การจัดการราคาหุ้น และ บริษัททางการเงินที่ประสบภาวะล้มละลายเป็นพันๆล้านวอนนั้นเป็นเรื่องปกติ ผู้คนต่างเลือกที่จะโกงกินกันอย่างหน้าด้านๆ

คนชนชั้นกลางพวกนั้นไม่เคยมีประสบการณ์การผจญภัยที่แท้จริง โลกนี้เป็นแค่สถานที่ที่ดีมากสำหรับการมีชีวิตอยู่ของคนที่มีเงิน


อำนาจ เป็นองค์ประกอบสำคัญใน รอยัลโร้ด หากคุณต้องการที่จะเหยียบย่ำผู้อื่น


กิลด์เฮอร์มีส ได้ตั้งชื่อสงครามนี้ว่า ปฏิบัติการบดขยี้มดปลวก พวกเขาจะเหยียบย่ำผู้เล่นทางเหนือเหมือนมด แน่นอนว่าวีดจะเป็นมดที่ตัวใหญ่ที่สุด


ลี ฮุน ถอนหายใจ

 

“ฉันดีใจนะ ที่ฉันไม่ได้คาดหวังอะไร”

 

หากเขาคาดหวังว่าจะถูกหวย หรือยึดติดกับผู้เล่นทางเหนือ มันจะทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างมากเลยทีเดียว


มันมีคำจำกัดความที่ว่า คนเลวมักจะกินดีอยู่ดี!


เขาไม่ได้คาดหวังว่าพวกเขาจะจัดทัพออกไปด้วยซ้ำ


“วันนี้ข้าวมันหกหล่น”

 

ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีเท่าไหร่ ชามข้าวที่สำคัญของเขาใกล้จะแตก เนื่องจากการบุกของอาณาจักรฮาเว่น เขารู้ว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดอาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นอารมณ์ของเขาจึงตกลงไปสู่จุดต่ำสุด


ตัวละครของวีดไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาปัจจุบัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถต่อสู้กับอาณาจักรฮาเว่นได้


สายตาของลี ฮุนฉายออกมาอย่างเย็นชา


“ให้พวกเขาได้ลองดู แต่มันจะมีแต่ความสูญเสีย... ไม่.. ฉันควรพยายามให้มากกว่านี้”

 

อาณาจักรอาร์เพนพยายามยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเอง มันทำให้อาณาจักรฮาเว่นเหมือนจะเป็นบ้า พูดตามตรงเขาไม่เคยคิดจริงจังเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย


มันเป็นเรื่องง่ายที่จะใช้ชีวิตอย่างพอมีพอกิน ในขณะที่หลีกหนีจากความรุนแรง แต่เขาจะไม่ได้ต่อสู้ ถ้าเขาใช้วิธีแบบนี้


ลี ฮุน มีจะชีวิตชีวามากขึ้น เมื่อเขาได้ท้าทายภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ หรือได้ฟาดฟันศัตรู


ผู้เล่นทางเหนือกำลังช่วยเหลือเขาอยู่ ผู้คนหลายล้านคนกำลังจะต่อสู้กับอาณาจักรฮาเว่น หมายถึงคนของเขามีจำนวนเป็นล้านๆ! เมื่อเขากลับไปที่ช่วงเวลาดั้งเดิมของเขา เขาอยากจะให้ผู้เล่นทางเหนือทำงานให้กับเขา มันทำให้เขาสามารถหยุดความเสียหายทางอารมณ์ของเขาได้


เขาต้องรีบทำภารกิจแกะสลักลับขั้นสุดท้ายให้เสร็จเสียก่อน เพราะชามข้าวของเขามันใหญ่มาก

 

“ฉันจะต้องรักษาชามข้าว ชามซุป และเครื่องเคียงของฉันไว้ ตั้งตารอไว้เลย ฉันจะแสดงให้พวกแกได้เห็น ที่กล้ามากระตุกหนวดเสือ”


วีดเข้าสู่ รอยัลโร้ด และปรากฏตัวขึ้นที่แอ่งน้ำใกล้กับกำแพง

 

“อืมมม ท่านจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เรื่องด่วน เหมือนจะ…”


นักรบ-2 ลืมตาตื่นขึ้น เขามีผ้าพันแผลรอบ ๆ ตัวเขาและดูเหมือนจะอาการดี


วีดต้อนรับเขาและพูดว่า


“ไอ้คนไร้ประโยชน์ ขนาดกินข้าวก็ยังไร้ประโยชน์”


“...... .”

 

การบ่นที่แสนจะคุ้นเคย

 

ประติมากรรมสลักชีพของเขาคุ้นเคยกับมันดี คำพูดที่ขวานผ่าซาก และความริษยานั่น! ถ้า วีดเป็นแม่สามีแล้วอัตราการหย่าร้างจะสูงขึ้นในเกาหลีหลายเท่า

 

“อย่างไรซะ แกก็ฟื้นตัวแล้ว อย่าต่อสู้อย่างประมาทอีกละ และตามหาเพื่อนของแกด้วย”


“รับบัญชา! ว่าแต่ท่านจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ท่านไม่ได้ไปกับข้าหรอกหรือ?”


“มันจะดีกว่าหากเราแยกกันไป จุดหมายคือวิหารเอ็มบินยู หลังจากพบคนอื่นแล้ว ก็ไปให้เจอข้าที่นั่น”


“ข้าจะต้องไปพบท่านอย่างแน่นอน”

ดังนั้น นักรบ-2 จึงออกจากที่ซ่อนไป


ภารกิจของเขาจำเป็นต้องดำเนินการต่อไป แต่ว่าการตามหาลูกน้องของเขาก็สำคัญไม่แพ้กัน วีดให้คำแนะนำแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเพื่อค้นหาคนอื่นๆ แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันมาก


“มันจะสะดวกกว่าในการเคลื่อนไหวเพียงลำพัง”


งานของวีดเป็นการแทรกซึม!

ประติมากรรมจำแลง ทำให้เขาสามารถกลมกลืนกับพวกมอนสเตอร์ การค้นหาวิธีที่จะผ่านแม่น้ำเน่านี้ มันทำให้เขาปวดหัวนิดหน่อย เขาจำเป็นที่จะต้องหาตำแหน่งส่วนที่แคบที่สุดของแม่น้ำและข้ามมันไป แต่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงหอสังเกตการณ์ของลัทธิเอ็มบินยูได้ เมื่อเขาเข้ามาใกล้ที่นั่น มันจะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ หากพวกอัศวินพบวีดเข้า


-เอ็มบินยู ได้ส่งข้อความด่วนที่ระบุว่าศัตรูได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว

 

มันเหมือนเอาน้ำผึ้งมาถูตัวขณะที่กำลังเข้าถ้ำเสือ! ศัตรูจะออกมามากขึ้นในขณะที่ต่อสู้กับอัศวิน ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนหรือแม้ถ้าเขาแปลงร่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมาะแก่การต่อสู้ยังไง วีดก็ไม่สามารถต่อสู้เพียงลำพังได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ


หากเขาพยายามวิ่งหนีพวกมอนสเตอร์รอบๆ แม่น้ำเน่านี้ มันก็ยังมีอุปสรรคอยู่ดี แม้ว่าพลังชีวิตของเขา มากพอที่จะเอาชีวิตรอดได้เหมือนแมลงสาบ แต่ในท้ายที่สุดมานาของเขาก็จะหมด

 

“ฉันต้องตรวจสอบ ค้นหาช่องทางและใช้ประโยชน์จากมัน ทางลัดหรืองานง่ายๆ เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตเสมอ”

 

วีดไม่ตระเวนไปรอบๆ กำแพงอีกต่อไปแล้ว เขาจึงเดินไปรอบๆ แม่น้ำเน่า เขาเป็นม้าโพนี่ที่ดุร้าย ดังนั้นจึงไม่มีมอนสเตอร์มาถูกตัวเขา


“ กลิ่นเหม็นจนทนไม่ไหวเลย มันไม่เหมือนพิษทั่วๆไป”


มอนสเตอร์ดื่มน้ำจากแม่น้ำแล้วปล่อยกลิ่นพิษไปตามธรรมชาติ โดยปกติแล้วมันเป็นเรื่องท้าทายไม่ใช่เล่น ที่จะล่าพวกมัน


“ฉันไม่คิดว่ามันจะยากในการข้ามแม่น้ำนี้ พวกมอนสเตอร์ผ่านแม่น้ำไปได้อย่างรวดเร็ว เมื่ออยู่ในร่างประติมากรรมจำแลง ฉันสามารถต้านทานหมอกพิษได้”


หลังจากคิดเกี่ยวกับมันแล้ว วีด ก็ส่ายหัว การแก้ปัญหาทันทีทันใดมันมักจะไม่ได้ผล เว้นแต่เขาจะหาเส้นทางอื่น

 

หลังจากข้ามแม่น้ำเน่า เขาจะถูกตรวจสอบจากพวกลัทธิเอ็มบินยู เขาต้องการแผนโดยไม่ต้องต่อสู้คนเดียว


“อ่า มันต้องมีวิธีที่วางใจได้มากกว่านี้ซิ”

 

วีดเดินต่อไปยังแม่น้ำเน่า มอนสเตอร์ที่ได้กลิ่นตัวเขาก็วิ่งผ่านไป ดังนั้นเส้นทางของเขาจึงราบรื่น มันเหมือนม้าพันธุ์ดีที่เดินไปตามถนนอย่างภาคภูมิใจ


เขาดูเหมือนว่าเขาจะสะดุดล้มได้ทุกนาที แม้จะก้าวย่างสี่ขาของเขา มันเป็นเรื่องปกติที่ต้องกังวลเมื่อเห็นเหล่ามอนสเตอร์มากมาย

 

ซ่า  ซ่า ซ่า ซ่าก


เขาขยับตัวไปด้านข้างเหมือนปูที่อาศัยอยู่ในโคลน! วีดทำตัวแบบนี้ในขณะที่มองหาช่องทางในฝูงมอนสเตอร์

 

และเขาพบสะพานหินที่เชื่อมระหว่างฝั่งแม่น้ำเน่า



ตริ้ง!

 - ความเสี่ยงระดับพิเศษถูกค้นพบ
สะพานที่สร้างโดยทาสผู้ยากจนใน
ซาก บาเรน ฮาวลิ้ง
มีก๊าซพิษ หมายความว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถใช้สะพานข้ามแม่น้ำนี้ได้
สมาชิก 7,600 ตน แห่งเผ่าพันธุ์นอร์ด ได้เสียสละเพื่อทำงานนี้ให้ลุล่วง
สะพานนี้สร้างขึ้นจากเลือดเนื้อและร่างของพวกเขา

- ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 485

- ค่าพลังชีวิตสูงสุด(maxHP)เพิ่มขึ้นอย่างถาวร 640

เขาพอใจเนื่องจากพลังชีวิตและค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นมันจะคงอยู่หลังจากกลับสู่ช่วงเวลาดั้งเดิมของเขา


“ฉันสามารถผ่านมันไปได้โดยใช้กำลัง”

 

เขาไม่จำเป็นต้องใช้สะพานอีกแล้ว! แต่ฝั่งตรงข้ามของสะพานนั้นได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาด้วยอัศวินเอ็มบินยู 100 คน สิ่งมีชีวิตที่เน่าๆใดๆ ที่เดินข้ามสะพานไปจะถูกฆ่าโดยหอกของอัศวินเอ็มบินยู มันเป็นเพียงแค่สะพานดังนั้นอัศวินที่ปกป้องมันไม่ค่อยน่าเกรงขามเท่าไหร่


จากนั้นเขาก็คิดขึ้นได้!


‘ฉันสงสัยว่าฉันควรจะกลายเป็นหนึ่งในพวกนั้นดีหรือเปล่า?’


อย่างแรกที่โผล่เข้ามาในหัวของเขา คือพวกสาวกคลั่งลัทธิเอ็มบินยู นักบวช อัศวินหรือมอนสเตอร์เขาต้องการเป็นหนึ่งในสมาชิกโดยไม่ต้องต่อสู้

 

‘ถ้าเป็นนักบวชของพวกเขาล่ะ…ไม่ๆ มันไม่เวิร์ค’

 

ประติมากรรมจำแลงไม่ได้ให้ความสามารถในการใช้เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ ความศรัทธาของวีดนั้นสูงก็จริง แต่เขาไม่สามารถใช้เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่นักบวชใช้ได้


แต่ละศาสนามีพิธีกรรมหรือพิธีศีลจุ่มที่จะทำให้นักบวชสามารถใช้เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าของพวกเขาได้ หากเขาปลอมตัวเป็นนักบวชเอ็มบินยู แล้วไม่สามารถใช้เวทย์มนตร์ศักดิ์สิทธิ์ได้ มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะถูกฆ่า


เขาไม่สามารถเลียนแบบนักบวชชั้นสูง ผู้คุม หรือนักบวชได้ แต่ตัวเลือกของเขาไม่ได้มีแค่เหล่าสาวกผู้ติดตามของเอ็มบินยู

 

ไม่ๆ มันไม่ใช่แค่ตัวเลือกที่หนึ่งหรือสองในพวกเขานี้


หญิงพรหมจรรย์มักจะเป็นเครื่องสังเวยในขณะที่พวกสัตว์ได้หายไปกลับกลายเป็นวัตถุดิบทำอาหารแทน หากมีปัญหามากทุกคนจะต้องตาย! ถ้าถูกจับได้ครั้งหนึ่งแล้วโดยวิหารเอ็มบินยู สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ล้วนจะไม่มีชีวิตรอด


แต่ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตที่จะไม่ตายทันที


‘ผู้สร้างหอคอยแห่งท้องฟ้า!’


มันถูกสร้างโดยทาส


ขณะสอดแนมลัทธิเอ็มบินยู เขาสังเกตเห็นพวกสาวก ลากทาสข้ามสะพานเป็นระยะๆ

 

‘นั่นคือข้อสรุปของฉัน’

-----

เผ่าพันธุ์นอร์ดที่มีดวงตาขนาดเล็กปูดออกมา

 

พวกเขาไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแรงเหมือนออร์ค หรือความกล้าหาญและพลังการต่อสู้เหมือนพวกบาร์บาเรียน พวกเขาไม่ชอบเงินตรา หรืออัญมณี พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์รักสงบ ที่กินปลาย่างและผลเบอร์รี่ที่เก็บมาจากต้นไม้

 

พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่ใกล้สูญสิ้นในช่วงสงครามนี้


นอร์ดตัวน้อยร่างเล็ก ธรรมดาๆกำลังเดินเลียบแม่น้ำเน่า


“แม่ครับ  แม่ครับ”

 

ดูเหมือนว่าเขาจะตามหาแม่ของเขาในขณะที่เขามองไปรอบ ๆ ด้วยท่าทางวิตกกังวลในขณะที่สะดุดเท้า ขาของเขาอ่อนแรงอย่างมากและการที่แขนสั้น ก็ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นเด็ก

 

ดูเหมือนว่าเขาจะเหนื่อยจากการเดินมานาน แต่ถ้ามีคนมองใกล้ๆ พวกเขาก็จะเห็นดวงตาที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว


มันเป็นลักษณะทั่วไปของคนเจ้าเล่ห์! เป็นใบหน้าที่มักมีส่วนร่วมในการฉ้อฉลและการฉ้อโกงหากพวกเขาเกิดในยุคศักดินา

 

นอร์ดตัวน้อย ลังเลสักพักก่อนจะข้ามสะพาน


“หยุด!”


“แกโชคร้ายนะ แกกล้าเข้ามาเหยียบที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเอ็มบินยู เพราะงั้นแกจะต้องตาย”


นอร์ดตัวน้อย ถูกล้อมรอบไปด้วยสาวกของวิหารเอ็มบินยู พวกเขายกอาวุธของพวกเขาแล้วมองด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

 

“ทะ-ทำไม?”

 

นอร์ดน้อยจ้องมองด้วยสายตาที่น่าสมเพช ราวกับว่าเขาสามารถเป็นซุปตาร์ในละครดราม่าตอนเช้าได้


“ขอโทษนะครับ แม่ของผมอยู่ที่นี่ไหม? ผมอยากเจอแม่”


“หืมม ข้ากำลังหิว”


“รสชาติของนอร์ด เนื้อมันเหมือนอีกาและเลือดสมารถใช้บำรุงพวกแวมไพร์ได้”


“เป็นความคิดที่ดี.”


เอ็นบนหน้าผากของนอร์ดเริ่มขมวดขึ้น

 

‘ไอ้โง่พวกนี้’


ตัวตนของนอร์ดน้อยนั้น คือวีด ที่ใช้ ประติมากรรมจำแลง พฤติกรรมของเขาจะขึ้นอยู่กับการกระทำของอัศวินเอ็มบินยู


“ผมไม่อร่อยหรอกครับ และแม่ของผมถูกอัศวินพาไปที่นั่น”

 

สาวกลัทธิเอ็มบินยูที่น่าเบื่อยอมรับคำพูดของเขา


“อย่างนั้นเหรอ? เมื่อไหร่ล่ะ?”


วีดคิดอย่างรวดเร็ว มันไม่ควรจะนานไป แล้วไม่ควรจะสั้นเกินไปด้วย

 

“เมื่อหกเดือนที่แล้ว”

 

“คิ คิ งั้นกระดูกจะน่ายังอยู่ละมั้งนะ”

 

“ข้าก็ไม่รู้หรอก หล่อนอาจถูกกลืนทั้งตัวและถูกย่อยไปแล้วละมั้ง….”

 

พวกอัศวินแกล้งเด็กน้อยตาดำๆ ว่าแม่ของเขาถูกกิน

 

“นี่เป็นช่วงเวลาวิกฤติ เราจำเป็นต้องปกป้องอาณาเขตอย่างรัดกุม ก็แค่ฆ่าเขาแล้วกลับไปทำตามหน้าที่เหมือนเดิม”


“เราควรจะกินเขาดีกว่า ข้าหิวแล้วนะ”


“เหล่าผู้คุมบอกว่าพวกเขาต้องการทาสมากขึ้นสำหรับการก่อสร้างหอคอย”


“โอ้ มันทนไม่ได้หรอก งานหนักและอาจจะตายได้ มันยังเด็กเกินไป และก็อ่อนแอด้วย”


วีด สามารถทุบพื้นด้วยกำปั้นและทำให้เกิดรอยร้าวยาวหลายสิบเมตรได้ แต่เขาต้องแกล้งทำเป็นนอร์ดผู้อ่อนแอ ความจริงแล้วถ้ามนุษย์ปรากฏตัว จะทำให้เกิดความเสียหายอย่าหนักจากการต่อสู้

 

“มันไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะหอคอยกำลังจะเสร็จในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”

 

“เมื่อถึงเวลานั้นพลังอันยิ่งใหญ่ของเอ็มบินยู จะลงมายังโลกและจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก”


“ใช่เลย! พอถึงวันนั้นเราก็ไม่ต้องการทาสอีกต่อไปและมันกลายเป็นเทศกาลละเลงเลือด”

 

“มนุษย์ดูอร่อยจริงๆ”


ในบรรดาอัศวินของลัทธิเอ็มบินยูมีคนจำนวนมากที่มีนิสัยดุร้ายนิยมกินเนื้อคน

 

อัศวินตัดสินใจและพูดกับวีด


“ไอ้เด็กน้อย”


“ครับ?”

 

วีดตอบกลับด้วยการแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา!


“แกอยากให้พาไปที่แม่ของแกอยู่มั้ย?”


“คุณรู้ด้วยเหรอว่าแม่ผมอยู่ที่ไหน?


“ข้ารู้ ลุงจะพาไปหาแม่ แต่มีเงื่อนไข”


“อะไรเหรอครับ?”


“แกต้องทำงานหนักถ้าแกอยากจะเจอกับแม่ของแก แกทำได้ไหม?”


“ครับ!”


วีดพยักหน้าอย่างกล้าหาญ แน่นอนว่าพวกอัศวินเอ็มบินยู พวกมันไม่มีทางจะทำตามคำพูด! ไม่มีใครสามารถหลอกวีดได้หรอก


“แล้วสุดท้ายแกก็จะได้เจอกับแม่ของแก”


“ผมต้องขอบคุณจริงๆ”


วีดแสร้งทำเป็นตกหลุมพรางของอัศวิน

 

“ผมต้องเดินไปอีกซักพักซินะ”


“ถึงแม้ว่าแกเกิดเปลี่ยนใจกลางทาง แกก็จะออกไปจากที่นี่ไม่ได้”


“หุ หุ ครับ”


แทนที่จะต้องวิ่งไป วีดกลับได้ขึ้นขี่ม้าไปกับอัศวินคนนึงของ เอ็มบินยู




- คุณเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเอ็มบินยู
เหล่าสาวกผู้ติดตามลัทธิเอ็มบินยูทุกคน จะเพิ่มพลังความยืดหยุ่น
ผู้ที่ปฏิเสธลัทธิเอ็มบินยู พละกำลัง(VIT) พลังชีวิต(HP)และฟื้นฟูมานา(Mana)ลดลง 49%
นอกจากนี้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าเทพอื่น ๆ จะลดลง 89% ในพื้นที่นี้
ผลกระทบนี้จะคงอยู่ตราบใดที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ถูกทำลาย

 

“โอ้ มันช่างเป็นภูเขาที่สูงชัน”


อัศวิน เอ็มบินยู หันกลับมามองเขา


“แกหมายถึงอะไร”


“ไม่มีอะไรครับ”


“ไปเร็ว แล้วอยู่เงียบ ๆ ไม่งั้นข้าจะฉีกแกออกเป็นชิ้นๆแล้วกินแกซะ”


“ครับ ผมเข้าใจแล้ว. ผมไม่อร่อยหรอกครับ”

 

พวกม้ายอมรับพลังเวทย์อันชั่วร้าย ดังนั้นพวกมันจึงไม่เหนื่อยแม้จะวิ่งเร็ว แต่ต่างจาก อูฐแบคเทรี่ยน มันสั่นอย่างมากขณะที่มันวิ่งอย่างรวดเร็ว มันเหมือนกับความแตกต่างระหว่างรถบัสในเมืองกับแท็กซี่

 

‘อูฐแบคเทรี่ยนก็ดีนะ’


เขาคิดถึงเจ้าอูฐแบคเทรี่ยน เขาคุ้นเคยกับพวกประติมากรรมสลักชีพ ทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานหลังจากแยกจากพวกมัน

 

เขาจะไม่สามารถเจอพวกมันได้อีกในอนาคต หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเขาจะต้องกลับไปสู่ช่วงเวลาดั้งเดิมของเขาและไม่น่าจะได้พบพวกประติมากรรมสลักชีพได้อีก

 

เขาคุ้นเคยกับพวกมันผ่านภารกิจและการต่อสู้ แต่มีเพียงความทรงจำเท่านั้นจะยังคงอยู่

เขารู้สึกเสียใจต่อพวกไวเวิร์น แต่เขาได้มอบความรักเข้าไปขณะสร้างสิ่งมีชีวิตเหล่านี้

‘บางทีมันอาจจะเป็นเพราะฉันสร้างไวเวิร์น แบบลวกๆจริงๆก็ได้  มันเหมือนกับรสชาติของอาหารที่ไม่ดีละนะ’


ความทรงจำที่คลุมเครือจะลึกซึ้งยิ่งขึ้นหลังจากต้องกล่าวคำอำลา


“นี่คือที่ทำงานของแก”


อัศวินเอ็มบินยู ได้พาวีดไปยังสถานที่ก่อสร้างหอคอย


นอร์ด มนุษย์ ออร์ค คนแคระ เอลฟ์ และเผ่าพันธุ์อื่นๆที่ถูกจับได้ จะถูกบังคับใช้แรงงาน หลายคนขุดหินจากเหมืองใกล้ๆ และอุ้มมันขึ้นบันได

 

“อ๊าค!”

 

ไม่มีมาตรการด้านความปลอดภัยจึงมีบางคนตกลงมาจากหอคอย วีดยิ้มเหมือนเขากำลังรับขนมจากผู้ร้ายลักพาตัวเด็ก


“ดูเหมือนว่าเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมเลยนะ เดิมฉันชอบที่สูงอยู่แล้ว”


“ดีมาก  มันจะเป็นเกียรติกับแก ที่จะได้ตายที่นี่”


“ผมจะได้พบแม่จริงๆ ใช่มั้ย ถ้าผมทำงานที่นี่?”


“แน่นอน แต่ถ้าแกวิ่งหนีเราจะฆ่าแม่ของแกซะ”


“อ่าฮะ! ผมจะไม่วิ่งหนี”


“ถ้าแกทำงานตลอดเวลา แกก็จะสามารถเจอแม่ของแกไวๆ คงจะนานซักหน่อยละนะ… คุ คุ คุ  ….”

 

อัศวินก็จากไปและจากนั้นยามเฝ้าหอคอยก็ตะโกนใส่เขา


“เฮ้เด็กน้อย! อย่ายืนอยู่เฉยๆ ทำงาน!”


“ครับ!”

 

วีดตะโกนตอบและอุ้มหินอย่างขะมักเขม้น


เขาแปลงร่างเป็นนอร์ดและค่าสถานะพื้นฐานสูงดังนั้นเขาจึงสามารถรับน้ำหนักของหินได้อย่างง่ายดาย

 

แน่นอนว่าเขาจะใช้เวลาหนึ่งหรือสองวันที่นี่ ดังนั้นเขาจึงต้องแกล้งทำเป็นมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก

 

“งั้นมาเริ่มกันเลยดีกว่า”


เขาไปถึงหอคอยอย่างปลอดภัยและเขาคุ้นเคยกับงานก่อสร้าง


วีดยกหินขึ้นบันได

-----

‘20 พัน 6,237, 20 พัน 6,238, 20 พัน 6,239 ….”


วีดนับจำนวนแนวเสาในขณะที่ปีนขึ้นไปบนหอคอยแห่งท้องฟ้า บันไดที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าก็พอที่จะทำให้คนเวียนหัวได้

 

คนงานมีทั้งขึ้นไปและลงมา ดังนั้นความสูงของบันไดค่อนข้างต่ำ มันไม่ค่อยดีสำหรับคนขาสั้นอย่างออร์ค หรือ นอร์ด เพราะบันไดขั้นนึงมีความสูง 30 เซนติเมตร

 

อพาร์ทเม้นท์ที่สูงๆ มี 1,000 ขั้น ดังนั้นหอคอยที่มีมากกว่า 10,000 ขั้นน่าจะสูงกว่าภูเขามาก เมื่อมันมี 20,000 ขั้นมันคงจะผ่านเมฆขึ้นไป

 

จากบนนั้นพื้นดินก็ดูเหมือนจะเป็นแค่ของเล่นเล็กๆ เมื่อมองจากหอคอย สายตาของเขามองเห็นค่ายเอ็มบินยู ทั้งแม่น้ำเน่าและซากปรักหักพังบาเรน

 

‘มีมอนสเตอร์และสาวกคลั่งลัทธิเอ็มบินยูอย่างน้อย 1 ล้านคน’


แม้ว่าไม่ได้เจาะจงนับเป็นรายหัว  แต่พื้นดินและท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ เขาจำเป็นจะต้องทำลายกำแพงของฐานที่มั่นของพวกสาวกคลั่งและอัศวิน!

 

‘พวกมันล้มเหลวในการทำลายทวีปด้วยจำนวนเท่านี้แล้วละก็นะ ไอ้พวกนั้นก็คงจะเป็นพวกไร้น้ำยา’


วีดคิดว่ามันน่าสมเพชมากกว่าแทนที่จะกลัว คนเลวมักจะมีพลังที่แข็งแกร่ง แต่อัศวินมักจะประมาทเมื่อต้องต่อสู้

 

‘ที่จริงต้องชดเชยอย่างจริงจังให้กับความคับแคบนี้ นี่เป็นรางวัลสำหรับความพยายามของเหล่าคนไม่ดีใช่รึเปล่า?’


นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่ทาสสามารถพักผ่อนได้ในเวลาสั้น ๆ


“เราควรทำอย่างไรดี”


“ฉันไม่รู้ ทุกชีวิตจะต้องตาย”


“เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาคุณเห็นนอร์ดคนนั้นหรือเปล่า? เขาถูกโยนลงไปในหม้อเดือดด้วยล่ะ”


“เนื้อและกระดูกไม่ละลายก็จะถูกโยนให้กับนก?


พวกทาสไม่ค่อยมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เท่าไหร่เพียงบอกเล่าเรื่องราวที่โหดร้ายและมืดมนเท่านั้น


“คุณเฮลเลอร์เหรอ? เราไม่พูดถึงเขาซี้ซั้วหรอกนะหากเรานินทาที่ไหนก็ตาม เราก็จะถูกเขาเขมือบ”


“นั่นคือคนที่มีอำนาจทุกอย่าง คุณเห็นเอลฟ์ผู้สูงอายุที่นั่นมั้ย? เขาอยู่ที่นี่มา 100 ปีแล้ว อย่างที่เขาพูดกันคุณเฮลเลอร์ ดูเด็กกว่าที่คิด”

 

“อากาศมักจะเปลี่ยนแปลงและมันกลายเป็นความมืดมิด อาจมีเวทมนตร์อยู่ในหอคอยแห่งนี้ ยังไม่เพียงพอหรอกที่จะเรียกมันว่าพระเจ้า”

 

มีผู้คุมทุก 4 หรือ 5 ชั้นเพื่อเฆี่ยนตีทาสที่นั่งอยู่รอบๆ

 

“ขึ้นไปเร็วๆ หากแกถ่วงเวลา ข้าจะโยนแกให้เป็นเหยื่อ”


“ได้โปรดเถอะ  ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย!”


“โอออค!”


ทาสทำเสียงครวญครางขณะถือทรายและก้อนหิน หอคอยแห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศที่มืดมนของความกลัวและความตาย


คนที่จิตใจอ่อนไหวอาจจะหลั่งน้ำตาด้วยเห็นใจเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้!

 

อ้า ฉันรู้สึกเบื่อและก็ง่วงด้วย บันไดนั้นยาวจริงๆ’

 

วีดปีนขึ้นไปบนยอดหอคอยอย่างเงียบ ๆ เขารู้สึกหอบหายใจไม่สะดวก เมื่อเขาไปถึงขั้นบันไดประมาณ 40,000 ขั้น

 

“มันสูงมากจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าหอคอยมันจะสูงขนาดนี้”


เขาไปไกลกว่าแนวเมฆอยู่พักหนึ่งและไม่มีลมพัดแรง  ปกติเขาไม่ได้มาถึงระดับความสูงขนาดนี้ แม้ว่าเขาขี่ไวเวิร์นก็ตาม มองลงไปที่พื้นดินจากหอคอยก็เพียงพอที่จะทำให้คนกลัวความสูงและมันรู้สึกเหมือนเขาลอยอยู่บนท้องฟ้า

 

พื้นที่ของชั้นบนของหอคอยลดลงจนกระทั่งเหลือเพียงความกว้างของห้องเล็ก ๆ

 

บางทีนี่อาจเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในทวีปแวร์เซลล์


จากนี้ไปมีแค่บันไดที่ไม่มีราวจับขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่สิ้นสุด บันไดมุ่งหน้าไปยังจุดสิ้นสุดของท้องฟ้า!


ฮืมม


วีดมองเห็นส่วนยอดของหอคอย เหมือนดวงตาปีศาจมองลงไปยังพื้นโลกอย่างเศร้าสลด ด้านบนของหอคอยสร้างขึ้นให้มีลักษณะคล้ายกับดวงตาสีดำ แดง

 

เหลืออีก 600 เมตรจนกระทั่งเขาไปถึงที่นั่น


‘มันคล้ายกับดวงตาของเจ้าของบ้านเมื่อเขามองฉันจากชั้น 3’

 

เจ้าของบ้านไม่เพียง แต่ดูหน้าของคนๆนึง

เขาคำนวณว่าคน ๆ นั้นสามารถจ่ายค่าเช่าเดือนนี้หรือเงินประกันได้หรือไม่ ว่าเขาควรจะเพิ่มค่าเช่า ค่าความเสียหาย หรือ จะป่าเถื่อน จะโกงกิน และอื่นๆอีกหลายอย่าง!

 

ความมั่นใจของนักล่าที่อยู่ด้านบนยอดสุด ของลำดับชั้นมองลงไปยังพวกสัตว์กินพืช

 

วีดรู้สึกประหม่าเมื่อใดก็ตามที่ประตูนั้นเปิดออกเพื่อเก็บค่าเช่ารายเดือน แน่นอนว่าเขาจะไม่กล้าใช้เครื่องซักผ้าในวันที่แดดจัดและจะรอจนกว่ามันจะครึ้มเพื่อใช้ราวตากผ้าในสนาม

 

สายตาของหอคอยนั้นทำให้เขานึกถึงสายตาของเจ้าของบ้านที่จ้องเขาลึกเข้าไปจนกระดูก

 

“ลงมาเมื่อแกทำเสร็จแล้ว!”


“ครับ”


ทหารองครักษ์เร่งเขา วีดทิ้งหินไว้ข้างหลังแล้วเดินลงบันได


นี่คงเพียงพอแล้วสำหรับการลาดตระเวนสั้น ๆ


จบ 38 ตอน 3
ผู้แปล : RastyMay
Editor : แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

4 ความคิดเห็น:

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...