วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2563

เล่ม 37 ตอนที่ 2 : ลางบอกเหตุแห่งพลานุภาพอันทรงพลัง แปลโดย Patty


เล่ม 37 ตอนที่ 2 : ลางบอกเหตุแห่งพลานุภาพอันทรงพลัง แปลโดย Patty

 จงลืมตาตื่นขึ้นมา และแผดเสียงคำรามก้องไปตามสัญชาติญาณดิบของพวกเจ้าซะ

มากกว่าครึ่งหนึ่งของสายธารศักดิ์สิทธิ์แห่งป้อมปราการดัลมอร์ได้ถูกทับถมจนเต็มไปด้วยก้อนหินและดินโคลน เหล่านักบวชแห่งวิหารเอ็มบินยูก้าวไปเบื้องหน้าพร้อมกับร่ายเวทย์มนต์ด้วยคฑาในมือ จากนั้นมันก็ได้แผ่พุ่งเข้าใส่เหล่ากองกำลังป้องกันป้อมปราการ

 เฮ้ เจ้า เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?

 ข้าก็ไม่รู้ หัวของข้ารู้สึกคันคะเยอไปหมด และรู้สึกปวดตามร่างกาย มันรู้สึกราวกับว่าข้ากำลังถูกฉีกกระชากเนื้อออกเป็นชิ้นๆ

ในทันใดนั้น ขนยาวรุงรังก็ได้งอกเงยออกมาตามช่องว่างของชุดเกราะที่ทหารเหล่านั้นได้สวมใส่อยู่

 เชี่ยไรเนี่ยยยย?

 ข้าก็ไม่รู้ นี่...ไม่นะ ร่างกายของข้ากำลังเปลี่ยนไป อ๊ากกก

แขนขาของพวกเขาพลันใหญ่หนาและบึกบึนขึ้น และผิวหนังของพวกเขาก็ได้ถูกลอกออกมา พวกเขาไม่สามารถที่จะทานทนมันได้อีกต่อไป และเร่งรีบถอดชุดเกราะของพวกเขาออกไป

 ฆ่าข้าที !”

 ไปเรียกนักบวชมาเร็วเข้า

 ไม่... ก่อนจะถึงตอนนั้น...อ๊ากกก   มันสายเกินไปแล้ว...

เส้นขนงอกเงยออกมาจากทั้งช่วงท้องและใบหน้าของพวกเขา แล้วจากนั้นพวกเขาก็ได้ก้มตัวลงและเดินยืนด้วย 4 เท้าเยี่ยงสัตว์ร้าย

ก๊าซซซซซ!(เสียงคำราม)

พวกเขากลายเป็นสุนัขป่าขนาดกลางที่มีดวงตาอันอาฆาตแค้น เหล่านักบวชแห่งวิหารเอ็มบินยูได้ใช้เวทย์มนต์เพื่อเปลี่ยนให้มนุษย์กลายเป็นอสูรกาย หมาป่าเหล่านั้นได้กระโจนไปรอบด้านแล้วเข้าขย้ำคอของเหล่ามนุษย์คนใดก็ตามที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง

พวกเขาได้ต้องสู้เคียงข้างไปกับเหล่ามิตรสหาย แต่ทว่าสัญชาติญาณและเหตุผลทางความคิดของพวกเขาได้รับอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงจากวิหารเอ็มบินยู

 ดวงเนตรและใบหูของพวกเจ้านั้นกำลังรับรู้ถึงสิ่งอันผิดพลาด พวกเจ้าจักต้องรับใช้แต่เพียงองค์เทพเอ็มบินยูเท่านั้น!”

และพวกเขาก็ยังตกอยู่ในอำนาจของเวทย์มนต์ล้างสมอง จากนั้นเหล่าทหารผู้ต้องมนต์ก็ได้แปรพักตร์และเข้าร่วมกับวิหารเอ็มบินยูในทันที เหล่าพลธนูบนกำแพงได้หันเหเป้าหมายของพวกเขาและยิงเข้าใส่เหล่าพลทหารภายในปราสาท

 จงตื่นได้แล้ว!”

 กัปตับครับ ขอท่านจงศรัทธาในองค์เทพเอ็มบินยู พระองค์จะทรงนำพาพวกเราไปยังสู่ความสุขสงบที่แท้จริงและโลกแห่งความสุขอันปราศจากความเจ็บปวดใด

 เจียโด! พวกเราไม่ควรหลงลืมพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทที่เคยมีต่อเรา

 เฮอะ กษัตริย์นั่นรึ? เจ้านั่นมันเคยให้สิ่งใดแก่เรากัน? ทั้งขูดรีดภาษี ก่อสรงครามแค่เพียงเพราะความโลภในการแย่งชิงดินแดน หรือกระทั่งคร่ากุมและสังหารเหล่าผู้ทำการลี้ภัย นั่นรึคือสิ่งที่พวกเราสมควรได้รับ?

"มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และการเข้าร่วมกับพวกมัน(เอ็มบินยู)ก็ไม่ใช่ทางออกของปัญหา!”

 กษัตริย์นั่นกำลังหลอกลวงพวกเรา เจ้านั่นต้องการเพียงแค่จะรักษาอำนาจของมันได้เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าขุนนางเท่านั้น  เจ้าจะรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อเวลาผ่านไป ทว่าเจ้าสามารถที่จะพักทั้งกายใจได้เมื่อเจ้าเข้าร่วมกับองค์เทพเอ็มบินยู

กัปตันแห่งป้อมปราการดัลมอร์ได้พยายามที่จะหยุดพลทหารเหล่านั้น ทว่า เขาก็ได้ตกเป็นเหยื่อของเวทย์ล้างสมองอย่างรวดเร็ว

 คุคุคุคุ เจ้าพูดถูกแล้ว งั้นข้าจักเข้าติดตามพระบัญชาแห่งองค์เทพเอ็มบินยู

การก่อกบฏของเหล่าพลทหารได้เกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง เหล่าอัศวินนั้นไม่ได้รับผลกระทบใด ทว่าพลทหารที่ความภักดีต่ำนั้นได้ถูกล้างสมองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะที่วีดกำลังเล่นสนุกอยู่บนอากาศนั้น(แหม เอ็งนี่นะ) เหล่ากองกำลังป้องกันแห่งป้อมปราการดัลมอร์กำลังถูกบดทำลายจนป่นปี้ กองกำลังป้องกันตนเองได้ตกเป็นเหยื่อของเวทย์ล้างสมอง และนั่นส่งผลให้ขุมกำลังแห่งวิหารเอ็มบินยูเพิ่มขึ้นไปอีก

 เจ้าพวกตัวอัปลักษณ์บัดซบ!”

วีดผู้กำลังวิ่งวุ่นไปรอบๆบนเต่าบินสามารถที่จะคาดเดาสถานการณ์อย่างคร่าวๆได้โดยการมองลงไปยังพื้นด้านล่าง

 ฉันคงไม่อาจปล่อยให้เจ้าพวกนั้นเป็นอย่างนี้ต่อไปได้ ไม่อย่างนั้นพวกมันคงทนได้อีกไม่นาน

เขาบ่นพึมพำออกมาเมื่อเห็นว่าเหล่าพลทหารได้แปรพักตร์เปลี่ยนฝั่งไปเข้ากับพวกวิหารเอ็มบินยู จะอย่างไรก็ตาม ป้อมปราการก็ยังไม่ได้ตกอยู่ในกำมือของพวกวิหารเอ็มบินยูโดยทันที

อุปกรณ์เวทย์มนต์และอาวุธปิดล้อมของป้อมปราการยังคงทำงานอยู่  เหล่าพลธนูระดับหัวกะทิที่อยู่ในหอคอยสังเกตการณ์(หอคอยที่พวกนักธนูขึ้นไปอยู่กันแล้วยิงลงมาเหมือนในหนังอะ)ก็ได้ยิงลูกธนูเหล็กออกไป เหล่าจอมเวทย์แห่งอาณาจักรมาปอนและเบย์เนอร์ที่ถูกรวบรวมมาไว้บนกำแพงก็ได้โจมตีสวนกลับไปใส่ศัตรูที่เข้ามา การโจมตีเหล่านั้นส่งผลชลอความคืบหน้าของเหล่าสาวกคลั่งและปีศาจจากขุมนรก

วีดต้องการระดับนั้นเป็นอย่างน้อย(หมายถึงให้คนในป้อมป้องกันให้ได้ระดับนี้เป็นอย่างน้อย) เขาจึงสามารถที่จะออกไปโลดแล่นได้อย่างใจต้องการ

 เจ้าเต่าน้อย แกเป็นตัวสุดท้ายแล้ว!”

เขาไม่ได้สนใจการต่อต้านขัดขืนใดๆจากเหล่าพลธยูและทำให้จำนวนเจ้าเต่าบินลดเหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ เขาขี่เจ้าเต่าไฟ(หมายถึงเต่าที่ไฟลุกท่วมตัวอะ 555) ลงมาขณะที่มันกำลังร่วงลงสู่พื้น (เอ็งจะเท่ไปไหนฟะ)

เหล่าผู้ชมที่กำลังทำการชมการถ่ายทอดสดอยู่นั้น บางครั้งก็รู้สึกไปว่าพวกเขาเสมือนกำลังนั่งชมฉากในภาพยนต์อเวนเจอร์อย่างไรอย่างนั้น

 ฉากปรากฏตัวเท่ห์ๆใกล้จะออกมาแล้ว!’

ผ้าคลุมของเขาปลิวไสวไปมาขณะที่เขากำลังยืนอยู่บนหลังของเจ้าเต่าที่กำลังพุ่งชนเข้าใส่จตุรัสกลางของป้อมปราการ

-ท่านได้พุ่งลงจากที่สูงและเข้าปะทะกับพื้นดินอย่างหนักหน่วง
สร้อยคอขอท่านได้ช่วยดูดซับความเสียหาย
พลังชีวิตของท่านลดลง 37,838 หน่วย
จากการปะทะส่งผลให้ท่านไหล่หลุด
เมื่อท่านใช้สกิลดาบใดๆ ท่านจะต้องใช้มานาเพิ่มขึ้น
ผลเหล่านี้จะคงอยู่อีก 961 วินาที
หากได้รับการฮีลจากนักบวช พลังชีวิตและมานาของท่านจะฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

แรงระเบิดสั่นสะเทือนไปทัวพื้นที่ และวีดก็ค่อยๆปรากฏตัวออกมาอย่างช้าๆหลังจาที่ฝุ่นควันเริ่มจาง  พลังชีวิตที่ลดลงนั้นไม่ได้เลวร้ายนัก ทว่าอาการบาดเจ็บที่ไหล่น่าเป็นห่วงเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ในการต่อสู้ที่เสี่ยงอันตราย เขาจึงสามารถทนอาการบาดเจ็บได้อย่างสบาย

 นี่มันโคตรเท่ห์เลยว้อยยย ฉันนี่โคตรเจ๋ง

เหล่าสถานีและหมู่ผู้ชมต่างพากันส่งภาพเหตุการณ์ฉากนั้นออกไปอย่างทันทีทันใด

จนในตอนนี้กระดานข่าวสารต่างๆของรอยัลโร้ดแทบจะแตกเลยทีเดียว

-การต่อสู้บนท้องฟ้านี่มันโคตรเจ๋งไปเลยนะ แต่ว่าวีดดูทำอะไรโง่ๆไปหน่อย ทำไมเขาถึงปล่อยตัวเองให้ร่วงลงมา?
-ฉันว่าทุกคนคงมั่นใจอยู่แล้วว่าวีดมีความสามารถพอที่จะหลบหนีออกมาไม่ใช่หรอ?
-ดูจากแววตาของวีดนั่นน่าจะค่อนข้างเจ็บนิดหน่อยนะเนี่ย
-ภาพของวีดขณะที่กำลังเดินออกมาจากเจ้าเต่าก่อนที่มันจะระเบิดอย่างฉิวเฉียดทำให้หัวใจฉันเต้นแรงมากเลยล่ะ
-พวกแกเห็นท่างทางของวีดมั้ยล่ะ?  ฉันนี่ถึงกับฮึกเหิมขึ้นมาเลยตอนที่เห็นมัน

เหล่าผู้ชมนั้นโฟกัสไปที่การปรากฏตัวและทุกๆการกระทำของเขา พวกเขาคาดหวังว่าวีดนั้นจะแสดงให้พวกเขาเห็นถึงการต่อสู้อันดุเดือดและน่าตื่นเต้น! สิ่งเหล่านี้ได้กระตุ้นพวกเขาเหมือนดั่งเมื่อครั้งที่ ออร์ค คาริชวินำกองทัพเข้าต่อกรกับเหล่ากองทัพอมตะ

เหล่าผู้ชมนั้นไม่ได้ชื่นชอบฉากที่วีดร่วงลงมาจากฟากฟ้าขณะอยู่บนหลังเจ้าเต่ายักษ์โดยปราศจากการป้องกันต้านทานใดๆ มันเหมือนกันการไปไถเงินเด็กอนุบาลยังไงยังงั้น

เหล่าบาเรทได้กระหน่ำพ่นพิษและลูกธนูจากบนหลังของมันเข้าใส่ป้อมปราการ ทว่าวีดได้จัดการกับพวกมันอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แน่นอนว่า ความเสียหายจากการที่เต่ายักษ์ร่วงลงมาพุ่งชนเข้าใส่ป้อมปราการนั้นก็ต้องคิดแยกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง!

ดวงตาของวีดทอประกายมองไปรอบด้านขณะที่ฝุ่นควันจางหายไป

 แค่กๆๆ! คะ..ใครก็ได้ ช่วยด้วย!”

เหล่าอัศวินและขุนนางที่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนหน้านี้ไม่นานพวกเขานั้นสวมใส่ทั้งเครื่องเพชรอันหรูหรา หรือไม่ก็ดาบที่ประดับประดาไปด้วยอัญมณี

 ปล่อยให้ไอเท็มเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ ....อา เห้อ มีพวกทหารอยู่แถวนี้ค่อนข้างเยอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการที่จะดึงดูดความสนใจใดๆ ปล่อยมันทิ้งไปคงดีกว่า(เอ็งจะโลภไปไหนเนี่ย)

เวทย์มนต์ป้องกันได้ปกป้องปร้อมปราการอยู่ ทว่าเหล่าปีศาจก็ยังคงสามารถที่จะเข้ามาได้ เนื่องจากแม่น้ำที่กำลังถูกขวางกั้น เหล่ามอนสเตอร์และปีศาจจากขุมนรกกำลังเข้ามาผ่านประตูที่กำลังถูกจัดการอยู่

มีหอคอยเวทย์มนต์ทั้งสิ้น 12 หลังที่กำลังทำการปกป้องป้อมปราการดัลมอร์อยู่ กระแสพลังเวทย์ที่ไหลอยู่ใต้พื้นดินนั้นเป็นส่วนสำคัญในการเปิดใช้งานการป้องกัน ดังนั้นพลังป้องกันของมันจะอ่อนแอลงเมื่อใดก็ตามที่หอคอยถูกทำลายลง เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์และมอนสเตอร์ต่างก็เพ่งเล็งทิศทางการโจมตีของพวกมันไปยังหอคอยเวทย์ เมื่อเขาเงยหน้ามองขึ้นไป ก้อนหินขนาดใหญ่ .3 ก้อนที่ถูกขว้างมาโดยเหล่ายักษ์สัมฤทธิ์ก็ไปลอยพาดผ่านท้องฟ้า

ไม่ว่าจะอย่างไร นี่คือการโจมตีอีกระรอกหนึ่งจากกองทัพเอ็มบินยู เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์จะไม่หยุดขว้างหินออกไปจนกว่าป้อมปราการนั้นจะพลังทลายลงมาโดยสมบูรณ์

 กองกำลังของศัตรูจะยึดครองป้อมปราการสำเร็จในไม่ช้า

เรื่องเร่งด่วนที่สุดนั้นก็คือประตูนรก ขนาดของกองทัพเอ็มบินยูนั้นคงที่ไม่ได้มีการเพิ่มขึ้น แต่ทว่าประตูนรกได้ทำให้เหล่าปีศาจจากขุมนรกโผล่ออกมาแล้วเข้าร่วมกับพวกวิหารเอ็มบินยู

เขานั้นจำเป็นที่จะต้องจัดการกับแม่มดเปเช็ทเพื่อที่จะทำลายประตูนรก แต่ทว่า นั่นช่างเป็นเป้าหมายที่ยากจะทำให้สำเร็จได้ เปเช็ทนั้นถือเป็นหัวใจหลักของทัพศัตรู ดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่จะเข้าไปจัดการได้โดยง่าย

ถึงแม้ว่าต่อให้วีดเข้าไปสู้กับเธอเพียงลำพัง หล่อนก็ยังมีความสามารถพิเศษที่วีดไม่รู้อีกมาก

เหล่าอัศวินแห่งอาณาจักรเคลตั้นได้บันทึกเรื่องราวของเธอเอาไว้มากมาย

 [กลุ่มอัศวินผู้กล้า(A group of brave knights)ได้เข้าฟาดฟันแม่มดผู้ชั่วร้ายด้วยคมดาบในมือตน
เหล่าจอมเวทย์ได้เสี่ยงชีวิตตนเพื่อร่ายมนตร์คาถาโจมตีให้สำเร็จ
เหล่านักบวชได้ใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์เข้าสนับสนุน
แต่กระนั้น การโจมตีทั้งหลายเหล่านั้นก็ทำได้เพียงแค่พุ่งผ่านร่างของหล่อนไป...
เธอคือแม่มดต้องสาป ผู้มีความสามารถในการที่จะกวาดล้างโลกนี้ได้อย่างสะอาดหมดจด
อาณาจักรเคลตั้นได้เคยต่อสู้กับหล่อนทั้งสิ้น 9 ครั้ง และทุกครั้งคือความพ่ายแพ้อันน่าอดสู
แม่มดตนนั้นทำได้แม้กระทั่งการเข้าไปถึงพระราชวังหลวงแห่งอาณาจักรเคลตั้น
เหล่าจอมเวทย์ที่หลงเหลืออยู่ได้ทำการคาดคำนวณวิเคราะห์ความสามารถของแม่มดตนนั้น
ด้วยมหาเวทย์โบราณไดเมนชั่น รีลีส(Dimension Release, ปลดปล่อยช่องว่างมิติ แต่คิดว่าใช้ชื่อทับศัพท์ไปเท่ห์กว่า)
มันคือมหาเวทย์ที่จะทำการซ่อนร่างเนื้อของเธอเอาไว้ โดยนำข้ามมิติไป 2-3 มิติ
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสังหารเธอลง จนกว่าร่างเนื้อที่แท้จริงของเธอจะกลับมายังโลกใบนี้
แม่มดเปเช็ทยังสามารถทำได้แม้กระทั่งการดูดซับช่วงชิงพลังชีวิตของเหล่าผู้ที่กำลังตกตายลงไป
เหล่าอัศวินมากมายได้สูญเสียทั้งพลังชีวิตและมานาให้กับหล่อน
หนทางเพียงหนึ่งเดียวในการบังคับให้ร่างเนื้อของหล่อนแสดงออกมาคือการเล็งไปในช่วงจังหวะเวลาขณะที่เธอกับลังดูดซับพลังชีวิตอยู่
จนกว่าจะถึงตอนนั้น การโจมตีใดๆก็ตามล้วนแล้วแต่ไร้ความหมาย
ยิ่งไปกว่านั้น หากการโจมตีใดไปถึงก่อนช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็จะทำให้ร่างเนื้อของเธอทำการหลบหนีไปอีกครั้ง
บุรุษผู้มีนาม เจอร์เคล เขาได้เรียนรู้เวทย์ต้องห้ามแห่งเนโคแมนเซอร์

 ซากศพกัมปนาท!’(Corpse Explosion)

เขานั้นคือประชาชนผู้จงรักภักดีต่อกษัตริย์เหนือหัว และสละร่างตนเองขณะที่กำลังถูกแม่มดร้ายดูดซับพลังชีวิตเข้าไป เขาได้ปล่อยส่วนที่เหลือให้กับเหล่าอัศวินจัดการ
ด้วยซากร่างและโลหิตที่หลั่งนองของเหล่าอัศวินผู้ปกปักษ์รักษาราชอาณาจักร
โอ้ นี่คือเกียรติภูมิแห่งราชอาณาจักรเคลตั้น]

นี่คือข้อมูลที่เขาได้รับมาจากการสอบถามเมแพนที่ไปพบเจอเข้าในหอสมุดใหญ่แห่งโมราต้า

เปเช็ทนั้นเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของการที่หล่อนจะไม่มีวันตายจากการต่อสู้ เธอคือแม่มดผู้ที่ไม่สามารถจะจัดการได้โดยปราศจากการเสียสละสังเวยชีวิต
ความคิดของวีดได้วาบผ่านขึ้นมาทันที

 ฉันควรจะต้องเคลื่อนไหวโดยเร็วแล้วล่ะ มีห้องว่างอยู่ตั้งมากมายในป้อมปราการ ฉันจะไปงีบสักหน่อยไม่ได้เลยหรือไงนะ?

เขากำลังรีบอยู่

แต่ความคิดของเขาไม่ได้สะท้อนให้เห็นอะไรเลย

★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

 นี่จะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตของวีด (หมายถึงในภารกิจ) แม้ว่าหมอนั่นอาจจะมีความสามารถอันยิ่งใหญ่ แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีจากความตายในวันนี้ไปได้

ยูบยองจิน ได้ทำการตรวจสอบอย่างพิถีพิถันในทุกๆรายละเอียดของกำลังรบแห่งกองทัพเอ็มบินยู เขาถึงกับยิ้มไม่หุบเลยขณะที่เขาได้มองไปยังลิสท์รายการของกำลังรบหลัก

พวกมันมีทั้งเหล่าเต่ายักษ์บาเรท ที่สามารถพังถล่มป้อมปราการศัตรูได้ราวกับของเล่น พวกมันอยู่สูงเหนือขึ้นไปจากกำแพงป้องกันมากนัก ยังมีลูกธนูที่ยิงพร่างพรมลงมาจากท้องฟ้าที่จะทำการล่าสังหารเหล่าศัตรูของพวกมัน ทั้งพวกเต่ายักษ์ยังบินอยู่เหนือระยะการโจมตีของเวทย์มนต์จากบนพื้นดินอีกด้วย และถึงแม้จะมีการโจมตีที่พุ่งมาถึง กระดองเต่าของมันก็เป็นดั่งเกราะป้องกันตามธรรมชาติซึ่งยากจะสร้างความเสียหายได้แม้เพียงเล็กน้อย  ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวของมันคือความเร็วในการบินที่ค่อนข้างช้าเท่านั้น

การจะรับมือกับพวกมันนั้นจัดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 แต่ว่านั่นยังเป็นแค่น้ำจิ้มๆเท่านั้น กำลังรบหลักที่แท้จริงของกองทัพเอ็มบินยูนั้นยังไม่ได้ปรากฏออกมา คุคุคุคุคุ (สงสัยอิตาลุงนี่จะแค้นเรื่องโกโก้ร้อนไม่หาย แค้นฝังหุ่นจริงๆ 5555 สำหรับคนที่ลืมไปแล้ว วีดกับลุงยูบยองจินเคยเจอกันมาแล้ว ที่บริษัทยูนิคอร์นแล้ววีดมันไปทำอะไรสักอย่าง แล้วขอโทษด้วยการให้เงินตาลุงไปกดโกโก้ร้อนมากิน ปรากฏว่า ให้ไป 200วอน แต่โกโก้ร้อนราคา 300 วอน เงินไม่พอ กดไม่ได้อีก ตาลุงเลยน่าจะแค้น 5555)

ยูบยองจินสามารถมองเห็นผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ได้ว่า เหล่ามหาปุโรหิต(High Priest)และเหล่าอัศวินแห่งความป่าเถื่อนนั้นยังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวเลยจนถึงตอนนี้

ขุมกำลังแกนหลักของกองทัพเอ็มบินยูนั้นประกอบไปด้วยเหล่ามอนสเตอร์ระดับบอสทั้งสิ้น

ทั้งยังมีมอนสเตอร์สายพันธ์หายากกว่า 300 ชนิด, เหล่าสาวกคลั่งผู้ซื่อสัตว์อย่างไม่ลืมหูลืมตา และเหล่ายักษ์สัมฤทธิ์! แค่ลำพังด้วยขุมกำลังนี้เพียงอย่างเดียว ก็มากพอที่จะถล่มป้อมปราการดัลมอร์ให้ราบเป็นหน้ากลอง

เขานั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียดขณะที่เขากำลังรับชมผ่านจอมอนิเตอร์อยู่
ด้วยขุมพลังที่แท้จริงอันประกอบไปด้วยเหล่ามหาอุปโรหิต อิกริกและโมตุลส์ นี้
กำลังรบของวิหารเอ็มบินยูนั้นสูงล้ำเหนือที่ผู้ใดจะจินตนาการถึง และด้วยพลังนั้น มันก็เพียงพอแล้วที่พวกมันจะสามารถพิชิตทั่วทั้งทวีป ตามการวิเคราะห์คำนวณของ AI (Artificial Intelligent,ปัญญาประดิษฐ์) กองทัพที่วีดได้ทำการระดมพลมานั้นคิดเป็น 23% ของกองทัพเอ็มบินยูเท่านั้น แม้ว่าต่อให้นับรวมอาณาจักรมาปอนและเบย์เนอร์ด้วยแล้ว นั่นก็เพิ่มขึ้นเป็น 26% เท่านั้น

เหล่ากองกำลังทหารที่ผ่านการฝึกมาแล้วของแต่ละราชอาณาจักรนั้นได้ถูกเปิดเผยด้านที่อ่อนแอในจิตใจของตนออกมาผ่านเวทย์มนต์ดำ และถูกครอบงำโดยเวทย์ล้างสมองในที่สุด ทั้งเวทย์คาถาของเหล่าพ่อมดยังสามารถที่สร้างภาพลวงตาหมู่ได้อีกด้วย นั่นจึงทำให้มันเป็นการยากที่จะกำจัดกองทัพเอ็มบินยูนี้ลงได้ ความได้เปรียบด้านจำนวนที่มากมายมหาศาลของเหล่าพันธมิตรนั้นจะถูกทำลายลงโดยการแทงข้างหลังกันเอง

เนื่องด้วยลักษณะของวิหารเอ็มบินยูนี้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพิชิตพวกมัน ด้วยความสามารถในการที่จะเปิดเผยและเข้าจัดการกับจุดอ่อนของศัตรูนี้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกองทัพเอ็มบินยูนั้นจึงแทบจะเรียกได้ว่าไร้พ่ายโดยสมบูรณ์

มันช่างน่าสนใจอย่างยิ่งที่จะได้เห็นว่ากองทัพแห่งราชันย์ทรราชวีดที่สามารถกวาดล้างไปทั่วแดนใต้และทวีปกลางจะตกเป็นเหยื่อในครั้งนี้หรือไม่
วีดนั้นมีประสบการณ์ในการต่อสู้อันหลากหลาย ดังนั้นเขาจึงสามารถที่จะคาดเดาสมรรถภาพของกองทัพเอ็มบินยูได้ หากเขาเข้าโจมตีอย่างงุ่มง่ามไม่รัดกุมแล้วล่ะก็ เหล่ากองทัพทะเลทรายอันทรงพลังมหาศาลและได้แสดง

แสนยานุภาพอันเกรียงไกรมาจนถึงบัดนี้ จะต้องถูกกวาดล้างจนสิ้นซากอย่างสมบูรณ์!

ขุมกำลังของกองทัพเอ็มบินยูนั้นมากพอที่จะกรีฑาทัพเข้าบดขยี้เหล่าราชอาณาจักรที่อ่อนแอลงนี้ การที่เพียงแค่ฉลาดแกมโกงนั้นยังคงไม่เพียงพอที่จะพิชิตพวกมันได้

 มันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะแข็งแกร่งมากเพียงใด หรือแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำสิ่งใดผิดพลาดไปเลยก็ตาม ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของวิหารเอ็มบินยูจะถูกเปิดเผยออกมาพร้อมสิ่งเหล่านี้(น่าจะหมายถึงพวกไฮพรีสกับอัศวินแห่งความป่าเถื่อน)

ยูบยองจินนั้นรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับรอยัลโร้ดและรู้สึกไม่สบอารมณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ผู้คนมักประเมินวิหารเอ็มบินยูต่ำไป

เหล่าผู้เล่นบนทวีปเวอร์เซลล์นั้นยังคงไม่ได้รับความเสียหายจากวิกฤติการณ์ที่แท้จริง พวกเขาทำเพียงแค่ต่อสู้กันเองอย่างโง่เขลาโดยมิได้ให้ความสนใจกองกำลังแห่งความชั่วร้ายนี้ พวกเขานั้นช่างโง่เง่าในการปล่อยให้วิหารเอ็มบินยูนั้นแพร่กระจายออกไปในเงามืดของทั้งทวีป ทวีปเวอร์เซลล์นั้นไม่ใช่สถานที่อันมั่นคงที่จะมีสิ่งใดมาการันตีความสงบสุขได้

จนถึงตอนนี้วีดนั้นสามารถที่จะประสบความสำเร็จในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับวิหารเอ็มบินยูได้อย่างมหาศาล หลังจากที่เปลี่ยนร่างมาในฐานะโนดูล หากเขาล้มเหลวขึ้นมา หน้าประวัติศาสตร์จะถูกพลิกโฉมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์ และนั่นจะทำให้เหล่าวิหารเอ็มบินยูออกอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง

 พวกกิลด์เฮอร์มีสนั้นกำลังพยายามที่จะเข้าควบคุมทั้งทวีป...นี่คือบทสรุปที่ดีที่สุดแล้ว

ยูบยองจินนั้นรู้อยู่แล้วว่าเหล่าผู้เล่นมีแนวโน้มที่จะเกิดความละโมบโลภมากขึ้น ในฐานะผู้ให้กำเนิดรอยัลโร้ด เขาได้ทำการสำรวจตรวจพบเจอกับสิ่งต่างๆนับร้อยที่เขาไม่ชอบในแต่ละวัน อย่างเช่นช่วงเวลาสุดท้ายของคู่รักที่ถูกกลุ้มรุมโดยเหล่ามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง

 อั่ก... ความตายกำลังมาเยือนในไม่ช้า...ทว่า ผมมีความสุขที่อย่างน้อยผมก็ได้ตายไปพร้อมกับคุณ

ต๊อกแบที่รัก ฉันรักคุณค่ะ

ช่างเป็นฉากดราม่าเรียกน้ำตาอันสุดซึ้งชวนน้ำ(ตา)แตก ที่มักเห็นได้ในหนังหรือละครหลังข่าว คู่รักมากมายได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกอันแสนมหัศจรรย์แห่งทวีปเวอร์เซลล์

มันไม่ใช่เรื่องปกติเลยสำหรับเหล่าผู้ที่แข็งแกร่งที่จะใช้ความสามารถนั้นเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น เสียงหัวเราะที่ดังระงมไปทั่วเมืองและความหลงใหลได้ส่องประกายมาออกมาจากใบหน้าของเหล่าผู้คนที่รักและอยากที่จะออกไปผจญภัย

ยูบยองจินคิดว่ามันช่างเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่ารำคาญยิ่ง

 วีดตายแน่หากเขาพ่ายแพ้ลงในการต่อสู้

-ให้ฉันลองคำนวณความน่าจะเป็นถึงความตายของวีดไหมคะ?

 มันเป็นยังไงบ้าง?

ยูบยองจินรู้สึกสนใจในคำที่ AI ได้กล่าวออกมา

ในทุกๆครั้ง วีดนั้นจะสามารถฝ่าฟันเอาชัยเหนือความยากลำบากต่างๆมาได้ ทว่าในครั้งนี้ สามัญสำนึกได้บังคับให้รู้สึกว่าวีดนั้นจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน

ถึงแม้ว่ากองทัพทะเลทรายนั้นจะประกอบไปด้วยเหล่านักรบหัวกะทิมากมาย ทว่าที่เหลือนั้นก็เป็นเพียงเหล่าทหารเกณฑ์อันสามัญธรรมดา พวกเขาจะถูกต้อนให้จนมุมโดยเหล่ามอนสเตอร์และเหล่าสาวกคลั่งแห่งวิหารเอ็มบินยู ทั้งพวกมันยังมีเวทย์สร้างความสับสน รวมถึงเวทย์ล้างสมองอีกด้วย

ด้วยกองกำลังเหล่านั้น ก็ควรค่ามากพอที่จะถูกบันทึกไว้เป็นอันดับแรกในหน้าประวัติศาสตร์ แม้ว่าจะด้วยเหล่านักรบทะเลทรายกว่า 20,000นาย ป้อมปราการดัลมอร์ก็สามารถทำได้เพียงยื้อเวลาไปได้อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น กำลังรบโดยรวมของทั้ง 2 ฝ่ายนั้นมีความแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวงมากเสียจนการยื้อเวลาออกไปมีแต่จะทำให้เหล่านักรบทะเลทรายตกตายไปทีละคนทีละคนเท่านั้น รวมถึงเหล่าประติมากรรมสลักชีพ ทุกชีวิตที่ติดตามรับใช้ภายใต้อาณัติของวีดจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งโดยสูญเปล่า และในท้ายที่สุด ความตายของวีดจะเป็นจุดจบอันสมบูรณ์แบบ

ด้วยเหตุนั้น เทคนิคแกะสลักลับขั้นสุดท้ายก็จะสูญสลายหายไป ถึงแม้ว่าจะด้วยสติปัญญาและความสามารถในการเป็นผู้นำของวีด มันก็จะไม่ได้ช่วยให้วีดฟันฝ่าอุปสรรคในครั้งนี้ไปได้ หากว่าการต่อสู้ยังดำรงต่อไปอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานแล้วล่ะก็ พลังอำนาจของโมตุลและอิกริกก็จะเข้ามามีส่วนร่วมในสงครามครั้งนี้ด้วย และนั่นจะทำให้มันกลายเป็นชัยชนะของวิหารเอ็มบินยูอย่างสมบูรณ์

 หืมมมมม

แต่ถึงอย่างไร ยูบยองจินก็เป็นกังวลมากพอที่จะทำให้เขาต้องคาดคำนวณความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น

 คำนวณมันดูซิ

-ความเป็นไปได้ในการเอาชีวิตรอดได้ถูกคำนวณเรียบร้อยแล้ว ท่านควรจะดีใจนะคะ มองดูจากความเป็นต่อแล้ว ความน่าจะเป็นในการจะได้รับชัยชนะนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย มันมีโอกาสเพียง 3% เท่านั้นที่เขาจะได้รับชัยชนะ

 มันเป็นไปได้ยากที่เขาจะประสบความสำเร็จในภารกิจครั้งนี้

ว่ากันตามสามัญสำนึกแล้ววีดจะต้องพ่ายแพ้ให้แก่วิหารเอ็มบินยูอย่างแน่นอน ทว่ามันก็อาจมีบางสิ่งบางอย่างที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้

ความคิดของเขานั้นยอมรับความจริงที่ว่าวีดจะต้องพ่ายแพ้ แต่หัวใจของเขานั้นยังคงเชื่อในสิ่งหนึ่ง(สรุปตาลุงเอ็งเป็นซึนเดเระหรอวะ)

 บางทีวีดอาจจะจัดการได้จริงๆ

★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

ป้อมปราการดัลมอร์นั้นตกอยู่ภายใต้การปิดล้อมของศัตรู ทว่าวีดนั้นยังคงใจเย็นและทำตัวสบายๆอยู่

เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์ได้ขว้างก้อนหินออกไปทั่วทุกสารทิศ และสนามรบก็กลายเป็นฉากต่อสู้อันสับสนอลหม่าน

 ระลอกการโจมตีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

ตัวกำแพงด้านนอกได้ถูกวิหารเอ็มบินยูเข้ายึดครองในทันที หน่วยป้องกันป้อมปราการและ เหล่าทหารศึกแห่งราชอาณาจักรมาปอนและเบย์เนอร์ได้พยายามทำการยึดพื้นที่คืน ทว่านั่นกลับไม่ง่ายเลย

 จงรับการลงทัณฑ์แห่งเทพ!”

 อั่กก ไม่นะ ข้าปวดหัวเหลือเกิน

 องค์เทพเอ็มบินยูจะทรงบรรเทาความเจ็บปวดแก่ผู้ศรัทธาในพระองค์

เหล่านักบวชและผู้ไต่สวน ยังคงทำการล้างสมองอย่างต่อเนื่อง เหล่าทหารศึกที่ถูกล้างสมองโดยวิหารเอ็มบินยูได้ทำการสังหารเหล่าพวกพ้องของตน
คำพิพากษาอันศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์เทพเอ็มบินยู!

เข้าร่วมกับวิหาร หรือทำการต่อต้าน พวกเขานั้นมีเพียง ตัวเลือก 2 ตัวนี้เท่านั้น จะยอมรับความตายอย่างเจ็บปวดทรมานหรือเปลี่ยนฝั่งมาติดตามวิหารเอ็มบินยู

ทว่าเหล่าอัศวินของแต่ละอาณาจักรนั้นได้ต้านทานผลของการล้างสมองได้อย่างหมดจด กษัตริย์ ขุนนาง และอัศวิน ทั้งหมดต่างก็มีความสามารถในการต้านทานการล้างสมองที่สูงส่ง

โล่และดาบในมือเหล่าอัศวินถูกใช้ออกเพื่อขวางกั้นเหล่ามอนสเตอร์ ภายในของป้อมปราการนั้นเป็นเสมือนดั่งเขาวงกตอันลึกลับซับซ้อน ดังนั้นการที่สูญเสียกำแพงที่ภายนอกไปก็ไม่ถือว่าสลักสำคัญอะไรนัก

 กองทัพเอ็มบินยูจะต้องหลั่งเลือดมากหน่อยแล้วล่ะ หากต้องการจะเข้ายึดครองป้อมปราการแห่งนี้

มันถือว่าเป็นประโยชน์ต่อวีดเมื่อเขาเพียงแค่ต้องนั่งชมการต่อสู้เพื่อให้ได้รับประสบการณ์เกี่ยวกับกลยุทธการต่อสู้ต่างๆของเหล่ามอนสเตอร์ และวีดก็ได้มุ่งเป้าหมายเล็งไปที่การตัดกำลังรบของวิหารเอ็มบินยู

เขาจำเป็นที่จะต้องจัดการกับเหล่าพ่อมดและนักบวชที่กำลังล้างมองผู้คนอยู่อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง การกำจัดเวทย์นี้ออกไปนั้นจะเป็นการตัดกำลังของกองทัพเอ็มบินยูได้ แม้ว่านั่นจะเป็นการมอบโอกาสให้กับอาณาจักรมาปอนและเบย์เนอร์ในการหลบหนีออกจากสมรภูมิรบก็ตาม

 มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ประติมากรรมทำลายล้าง! เพิ่มทุกสิ่งไปกับค่าความแข็งแกร่ง

สำหรับช่วงที่ 2 ของการต่อสู้นี้ วีดได้เริ่มทำการใช้เทคนิคแกะสลักของเขา โดยมีเป้าหมายคือประติมากรรมระดับ มาสเตอร์พีซ!

เขานั้นไม่สามารถที่จะสร้างประติมากรรมได้มากนักขณะอยู่ในภารกิจนี้ ผลงานชิ้นนี้นั้นได้ถูกสร้างขึ้นโดยมีเจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนเป็นต้นแบบ โดยประติมากรรมชิ้นนี้มีชื่อเรียกว่า อูฐผู้ล้อมเพชร

คุณค่าทางศิลปะของมันนั้นค่อนข้างต่ำไปบ้าง แต่ทว่ามันถูกสรรสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิผู้พิชิต วีด มันคือผลงานที่เต็มไปด้วยเกียรติยศอันมากมายมหาศาล
เขาได้สร้างผลงานมาทั้งสิ้น 5 ชิ้น แบ่งเป็น ระดับมาสเตอร์พีซ 2 ชิ้น และ ไฟน์พีซ 3 ชิ้น ดังนั้นมันจึงมีโอกาสมากมายในการใช้ประติมากรรมทำลายล้าง

มันคือเวลาที่จะทำการเสริมพลังครั้งสำคัญ ณ ตอนนั้นเอง ร่างของวีดก็ได้โชนแสงอันเข้มข้นเรืองรองออกมา ลำแสงนั้นสว่างไสวตัดกับท้องฟ้าอันมืดมิด

-ท่านได้ใช้งานทักษะประติมากรรมทำลายล้าง
ความเจ็บปวดจากการทำลายประติมากรรมชั้นดี! ช่างน่าเศร้านัก!
ค่าสถานะศิลปะลดลง 10 หน่วย อย่างถาวร ค่าชื่อเสียงลดลง 200 หน่วย
ค่าสถานะศิลปะทั้งหมดจะถูกแปลงเป็นค่าความแข็งแกร่งเป็นระยะเวลา 1 วัน
ค่าสถานะศิลปะของท่านสูงเกินไป ท่านจะได้รับทักษะที่เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งแทน

ค่าสถานะความแข็งแกร่ง 1,660 หน่วยถูกเปลี่ยนเป็นทักษะ มหากัมปนาท(Severe Blow)
เมื่อใดก็ตามที่โจมตีศัตรูด้วยพลังทำลายถึงจุดหนึ่ง ศัตรูจะถูกระเบิดกระแทกปลิวออกไป
โอกาสในการเกิดสถานะอัมพาตและสับสนเพิ่มสูงขึ้น

ค่าสถานะความแข็งแกร่ง 1,320 หน่วยถูกเปลี่ยนเป็นทักษะ หอกทะลวงเกราะ(Piercing Spear)
โล่และเกราะป้องกันของศัตรูจะถูกบดขยี้โดยการโจมตีอันทรงพลัง

ค่าความแข็งแกร่ง 1,980 หน่วย ถูกเปลี่ยนเป็นทักษะ ร่างสถิตแห่งเฮอร์คิวเลี่ยน’ (Momentary Herculean Strength ,แปลว่าความแข็งแกร่งแห่งเฮอร์คิวเลี่ยนชั่วคราว แต่มันไม่เท่ห์อะ 555)
ด้วยการสถิตแห่งเฮอร์คิวเลี่ยน พละกำลังจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าในระยะเวลาสั้นๆชั่วขณะหนึ่ง
ท่านจำเป็นที่จะต้องมีค่าความอดทนอย่างมหาศาล

ค่าสถานะความแข็งแกร่ง 2,880 หน่วยถูกเปลี่ยนเป็นทักษะปณิธานแห่งยอดนักรบผู้กล้า’(Will of a Brave Worrior)
ท่านสามารถได้รับสืบทอดสกิลของยอดนักรบผู้กล้า พันธมิตรของท่านที่อยู่ภายในระยะที่กำหนดจะได้รับการอำนวยพรและส่งผลให้พลังสมาธิเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งยังมีผลต้านทานอย่างสมบูรณ์ต่อคำสาปใดๆที่จะลดทอนพลังต่อสู้
ค่าสถานะความแข็งแกร่ง 1,450 หน่วย ถูกใช้เพื่อเพิ่มความเสียหายพื้นฐานของอาวุธดาบจนถึงขีดสุด
ค่าความทนทานจะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่พลังโจมตีของดาบจะเพิ่มขึ้นถึง 62%

วีดนั้นรู้สึกราวกับว่าร่างของเขาเดือดปะทุไปด้วยพละกำลังอันมหาศาล

 ช่างเป็นความรู้สึกอันหอมหวาน!”

มันคือความรู้สึกที่ว่าเขาสามารถบดขยี้หรือดับทำลายไม่ว่าอริศัตรูใดที่ริอาจมาต่อกรกับเขา! นี่คือความรู้สึกอันสุดหฤหรรษ์ที่จะสามารถพบเจอได้เพียงแค่ในรอยัลโร้ดเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของเขามากพอแล้วที่จะตกเป็นเป้าหมายของเหล่าศัตรู สมาชิกของวิหารเอ็มบินยูทั้งหมดในตอนนี้นั้นเป็นดั่งข้าวสวยที่วีดสามารถเคี้ยวกินได้ตามใจตน

 ความแข็งแกร่งของฉันคงมากพอแล้ว ดังนั้นฉันควรเล่นมันอย่างจริงจังขึ้นมาหน่อยมั้ยนะ?

การเตรียมการอย่างละเอียดรอบคอบจะทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถถอนตัวออกมาได้อย่างมั่นคง แทนที่จะหุนหันพลันแล่นพุ่งเข้าการต่อสู้ในทันทีเขากลับได้นำรูปสลักอีกตัวออกมา

มันคือนักรบบาบาเรี่ยน ทอร์!

พวกมันแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันไปตามตระกูลแต่ละสาย ทว่าเจ้าบาบาเรี่ยนนี่คือตัวที่มีความเกี่ยวพันกับเหล่ายักษ์ในเทวะตำนาน พวกมันมีความสูงกว่า 6 เมตร และมีร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง

นี่คือเผ่าพันธุ์ที่ถูกสรรสร้างขึ้นมาเพื่อการต่อสู้อย่างแท้จริง

เหล่าหญิงสาวจะจ้องมายังร่างกายของมันด้วยความรังเกียจ(รังเกียจหรือชอบ อันบิ๊กบึ้มเบยนะ อิอิ) ทว่าแววตาของวีดได้ทอประกายราวกับตะเกียงในยามราตรีขณะที่เขากำลังมองไปยังรูปร่างของมัน

มันเป็นการยากมากที่จะได้พบเจอกับเหล่าบาบาเรี่ยนบนทวีปเวอร์เซลล์เหตุเพราะพวกมันใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนอันเต็มไปด้วยเหล่ามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุด ด้วยเหตุนั้น เหล่าผู้เล่นจึงยังไม่เคยได้เข้าไปสำรวจในพื้นที่ส่วนนั้น แต่อย่างไรก็ตาม รูปร่างและทักษะการต่อสู้ของพวกมันนั้นได้เป็นที่รู้จักจากภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในถ้ำที่ถูกสำรวจพบและจากหนังสือประวัติศาสตร์ต่างๆ ด้วยจิตวิญญาณในการต่อสู้อันกร้าวแกร่งดุดันส่งผลให้พวกมันมักถูกกล่าวขานถึงในเรื่องการล่าหรือการต่อสู้ดิ้นรนกับเหล่ามอนสเตอร์

หลังจากที่ทำการเปลี่ยนเผ่าพันธุ์เป็นเผ่าอันมีขนาดใหญ่โตแล้ว มันจะทำให้เขาต้องใช้ทั้งค่าความอดทนและความแข็งแกร่งทางกายภาพมากขึ้น แต่จะอย่างไรก็ตาม วีดมั่นใจว่าเขานั้นสามารถที่จะรักษาพลังความสามารถในการต่อสู้ของ บาบาเรี่ยนทอร์เอาไว้ได้

 ประติมากรรมจำแลง!”

-ทักษะประติมากรรมจำแลงได้ถูกใช้งาน
ด้วยความหลงใหลในการแกะสลักอันไร้สิ้นสุดทำให้ประติมากรและรูปปั้นมีความคล้ายคลึงซึ่งกันและกัน


การเติบโตขึ้นของวีดนั้นเทียบไม่ได้เก็บการที่เด็กน้อยคนหนึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากดื่มนมเป็นประจำ ด้วยลักษณะผิวแทนคล้ำขึ้นและทั่วทั้งร่างกายของเขาได้มีการเปลี่ยนแปลงไป เขามีช่วงไหล่ที่ทั้งกว้างและแข็งแกร่งดั่งโลหะ และกล้ามหน้าท้องที่ใหญ่โตราวกระดานซักผ้า (ใครเขาช่างเอากล้ามท้องไปเปรียบกับกระดานซักผ้าฟะ) ยังมีกล้ามขาอันแข็งแกร่งของเขาที่เรียกได้ว่าถึงขั้นสุดยอด

เปรียบเทียบกับคนแคระ หัตถ์แห่งศิลป์ หรือเจ้าออร์คคาริชวิแล้วนั้น นี่ถือว่าเป็นรูปร่างอันหล่อเหลาเป็นบ้าเลยล่ะ

ในความเป็นจริง ในตอนแรกวีดคิดว่าการที่มีใบหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวจะช่วยให้ศัตรูรู้สึกถึงการข่มขู่คุกคามที่มากกว่า ทว่ารูปสลักมักจำเป็นที่จะต้องมีความกลมกลืนอันสมดุลกันของใบหน้าหน้าและร่างกาย เมื่อใดก็ตามที่ทำการใช้ประติมากรรมจำแลง เขามักจะต้องมีอย่างน้อย 1-2 รอยแผนเป็นจากมีด, จมูกที่หนาๆ และ กรามที่กว้างผิดรูปเสมอ

อย่างไรก็ตามด้วยใบหน้าอย่างนั้นเพียงอย่างเดียวก็ดูน่ากระอักกระอ่วนแล้วด้วยร่างกายอย่างนั้นของวีด มันมีความไม่เข้ากันระหว่างใบหน้าและรูปร่าง ดังนั้นวีดจึงได้ใช้ใบหน้าของเฮสไทเกอร์เพื่อแก้ขัดไปก่อน

ทว่าด้วยความภาคภูมิใจในฐานะศิลปินเขาจึงไม่สามารถที่จะทำเพียงแค่คัดลอกหน้าตาของเป้าหมายขึ้นมาเฉยๆได้ ดังนั้นเขาจึงทำการปรับจมูก ดูตา และคิ้วให้หนาขึ้น และเขายังได้ทำการขยายช่วงหน้าผากให้กว้างขึ้นอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้นักรบผู้หล่อเหลาจึงได้ถือกำเนิดขึ้น! มันคือใบหน้าและเรือนร่างอันกระชากวิญญาณของสาวน้อยสาวใหญ่ที่เข้ามาพบเจอ



-ร่างกายของท่านได้ขยายใหญ่ขึ้นส่งผลให้อุปกรณ์ในปัจจุบันไม่สามารถสวมใส่ได้
ท่านได้เรียนรู้ความรู้แจ้งแห่งประติมากรรมเนื่องจากการใช้งานประติมากรรมจำแลง
เนื่องด้วยความแข็งแกร่งที่มากเพียงพอและความรู้แจ้งในเผ่าพันธุ์ ท่านสามารถใช้ทักษะเฉพาะของเผ่าพันธุ์บาบาเรี่ยนได้


-ร่างกายดุจปราการเหล็ก: ชาวบาบาเรี่ยนจะไม่สวมใส่ชุดเกราะอันรกรุงรังและเกะกะ
ร่างกายของพวกเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเกราะโลหะใด
ด้วยร่างเนื้อที่ถูกอำนวยพรจากเทพสงครามนี้จะทำให้เวทย์มนต์ในที่เข้าสัมผัสอ่อนแอลง
หากมีบาดแผลเกิดขึ้น มันจะถูกรักษาในทันทีราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

-เสียงสะท้อนแห่งหินผา: เสียงคำรามแห่งยอดนักรบที่ดูราวกับจะดังสะท้อนออกไปอย่างไรสิ้นสุด
คลื่นเสียงเหล่านั้นจะถาโถมเข้าใส่ศัตรู
เหล่าผู้ที่มีบุคลิกตัวตนอันอ่อนแอ ดวงวิญญาณจะถูกกระชากหลุดลอยไป

-โยกคลอนพสุธา: ทุบกำปั้นเข้าใส่พื้นดิน หรือกระทืบเท้าลงอย่างหนักหน่วง จะส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหว
ส่งผลให้ศัตรูสูญเสียการทรงตัวล้มลงเป็นวงกว้าง และสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายในระยะการโจมตีจะพังทลายลง
จะมีสิ่งใดทานทนต่อแผ่นดินไหวอันเกินจากพละกำลังของบาบาเรียนได้กัน?
เหล่าศัตรูที่ล้มลงจะติดสถานะมึนงง สับสัน หรือไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ข้อควรระวัง: การร่ายใช้ทักษะใดๆจะสูญเสียค่าความอดทนและความแข็งแกร่งมหาศาล ดังนั้นท่านควรใช้อย่างระมัดระวังและใช้เพียงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น

-ห้วงลมหายใจอันลึกล้ำ: เหล่าบาบาเรี่ยนนั้นคล้ายคลึงกับมนุษย์ ทว่ามีองค์ประกอบของร่างกายที่ค่อนข้างแตกต่าง
ปอดของเหล่าบาบาเรี่ยนนั้นมีขนาดใหญ่ และหัวใจของพวกเขาเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง
การเคลื่อนไหวอย่างหักโหมใดๆจะไม่ส่งผลให้จังหวะการหายใจผิดเพี้ยนไป
บาบาเรี่ยนจะต้องสู้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสัปดาห์จึงจะเพียงพอให้รู้สึกเหนื่อยล้าได้

-พลังการฟื้นฟูแห่งความปีติ: เหล่าบาบาเรี่ยนนั้นศรัทธาในเทพแห่งวิริยะภาพ บาร์ดเจอร์
เทพบาร์ดเจอร์นั้นแทบจะไม่มีตัวตนอยู่เลยในจุดกำเนิดของมวลมนุษย์
เหล่าบาบาเรี่ยนเป็นที่รู้จักกันในวีรกรรมแห่งความกล้าหาญ มักจะไปยังแท่นบูชาแห่งชัยชนะ
เทพแห่งวิริยะภาพ บาร์ดเจอร์ นั้นได้เป็นที่กล่าวขานกันว่าเป็นผู้พิทักษ์แห่งสุสานนักรบ
เทพบาร์ดเจอร์จะประทานพลังพิเศษให้แก่เหล่าบาบาเรี่ยนที่กำลังครวญครางด้วยความเจ็บปวดและทรมาน
 เหล่าบาบาเรี่ยนเอ๋ย งานของพวกเจ้าหาได้สิ้นสุดที่นี่ไม่ จงอย่าได้หยุดสู้แม้ว่าผู้ชนะจะถูกตัดสินแล้วก็ตาม
พลังฟื้นฟูแห่งความปีติจะทำการลบล้างผลของสถานะผิดปกติทั้งหมด และฟื้นคืนพลังชีวิตรวมถึงค่าความอดทนทั้งหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความต้านทานหลากหลายชนิดจะเปลี่ยนแปลงไปขึ้นอยู่กับค่าสถานะความแข็งแกร่งและความอดทน
อย่างไรก็ตาม ความสามารถนี้จะใช้ได้เพียงเดือนละ 1 ครั้ง
ทักษะพลังฟื้นฟูแห่งความปีติ สามารถพลิกสถานการณ์เพื่อบรรลุชัยชนะอันยิ่งใหญ่

-ด้วยอิทธิพลจากทักษะ ประติมากรรมจำแลง ค่าความว่องไวและความอดทนจึงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ประสิทธิภาพของทักษะโจมตีจะเพิ่มขึ้น 25%
ค่าความอึดได้ถูกเสริมเพิ่มขึ้น
ผลนี้จะคงอยู่ตราบเท่าที่ทักษะประติมากรรมจำแลงยังไม่ถูกปลดออก

 วู้ววว เจ๋งชะมัดเลยว้อยย

วีดนั้นรู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาได้สัมผัสถึงพลังของบาบาเรี่ยน มันเป็นความรู้สึกราวกับได้กินต้มยำทะเลที่ใส่ซีฟู้ดมาให้แบบจัดเต็มทั้ง ปูไข่ หอยเป่าฮื้อ(ไม่รู้สิ หอยแหละมั้ง) และกุ้งตัวโต

แต่จะอย่างไรก็ตาม เหล่าผู้เล่นนั้นยังไม่สามารถเลือกเล่นเผ่าพันธุ์บาบาเรี่ยนได้ เหมือนอย่างอาชีพเนโครแมนเซอร์ เหล่าผู้เล่นอาจจะได้รับโอกาสนี้อีกครั้งในอนาคต(โอกาสในการเลือกเล่นเผ่าบาบาเรี่ยน)

แน่นอนว่า มันก็ยังคงไม่ชัวร์นักว่าจะมีผลเสียอะไรบ้างจากการเลือกเปลี่ยนเผ่าพันธุ์เป็นบาบาเรี่ยน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร วีดนั้นก็มีความสามารถมากพอในการที่จะซึมซับความสามารถของบาบาเรี่ยนได้

นี่คือข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของเทคนิคแกะสลักลับอย่างประติมากรรมจำแลง

 ตอนนี้โลกเป็นของฉันแล้ว

เขามองไปรอบๆด้วยดวงตาอันกลมโตผิดธรรมดา เหล่าทหารศึกภายในป้อมปราการดัลมอร์ต่างพากันอกสั่นขวัญแขวนเมื่อได้พบเจอเขา

 มอนสเตอร์! มันคือมอนสเตอร์ ช่วยด้วยยย

 โอ้ว พระเจ้า ไยพระองค์ถึงทรงส่งปีศาจร้ายเยี่ยงนี้ลงมากัน?

เหล่าทหารศึกไม่สามารถที่จะลบล้างความหวาดกลัวออกไปได้เลย ในความเป็นจริงแล้ว ต่อให้พวกเขาเข้าโจมตีวีด ก็จะไม่มีริ้วรอยแม้สักรอยเดียวปรากฏขึ้นมา การโจมตีอันยากที่จะโดนแม้จะกระหน่ำรัวราวกับฟ่าฝนก็ตาม
วีดนั้นไม่ได้ต้องการที่จะสู้กับพวกมนุษย์ด้วยกัน พวกเขาสูงยังไม่ถึงเอวของวีดด้วยซ้ำไป   บางทีเขาคงรู้สึกเหมือนเป็นดั่งนักมวยรุ่นเฮฟวี่เวทที่กำลังยืนประจันหน้าอยู่กับเด็กทารก

 ความแข็งแกร่งถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็วเลยแฮะ

เขารู้สึกได้ถึงพื้นดินที่สั่นสะเทือนขณะที่เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์กำลังขว้างโยนหินออกไป เขาอยากจะรีบพุ่งออกไปบดขยี้เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์เสียให้สิ้นซากโดยเร็ว ทว่าเขาจำเป็นต้องหาอาวุธมาใช้อย่างเร่งด่วนก่อน โดยปกติแล้วเขามักจะได้แจ็ปเท็มที่เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ต่างๆมาเป็นประจำแต่ว่าในครั้งนี้นั้นมันเป็นการยากมากจริงๆในการที่จะหาอาวุธของเผ่าบาบาเรี่ยนมาใช้

ไอเท็มที่ดร็อปออกมานั้นจะไม่ดร็อปโดยปราศจากความสมเหตุสมผล เช่น ดาบซิมิทาร์(Scimitar ดาบที่โค้งๆเหมือนแบบในหนังเจ้าชายเปอร์เซียอะ) จะดร็อปได้ง่ายจากมอนสเตอร์ในเขตทะเลทราย ขณะที่เหยื่อตกปลาและเปลือกหอยหายากสามารถหาได้จากตามบริเวณชายฝั่ง หากคิดในทำนองเดียวกันแล้ว อุปกรณ์สวมใส่ของเผ่าบาบาเรี่ยนก็อาจจะมีดร็อปได้แค่เฉพาะบริเวณใกล้ๆกับป่าหินอันเป็นพื้นที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่

 ดีนะที่ฉันเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว

วีดนั่งย่อลงแล้วนำดาบดาบผลาญโลกาทั้ง3เล่มออกมาจากกระเป๋า
แกร๊ก (เสียงแบบเวลาประกอบอะไรสักอย่างแล้วมันลงล็อคพอดีอะ)
มันคือการสั่งทำพิเศษที่วีดได้ร้องขอไปกับเหล่าช่างตีเหล็ก ชิ้นส่วนของดาบผลาญโลกาทั้ง 3 ประกอบเข้าด้วยกันจนราวกับหอกยาวเล่มหนึ่ง
มันเป็นดาบที่มีขนาดใหญ่มากจนเกินพอดี ทว่าเขาสามารถกวัดแกว่งมันได้อย่างง่ายดายเมื่อเขาเป็นบาบาเรี่ยน ใบดาบชิ้นที่ 3 ถูกทำมาเป็นพิเศษ เพื่อให้หนาพอที่จะให้มือเขาเผ่าบาบาเรี่ยนจับได้อย่างถนัดถนี่ (ดาบนี้ทำจากเขาซาลามานเดอร์ ซึ่งถ้าตามที่อธิบายนี่คือ เอาทั้งเขามาตีเป็นดาบเลย ไม่ได้เสริมด้ามจับหรืออะไรเข้าไป มันเลยเอามาประกอบกัน3อันแล้วเป็นดาบอันใหญ่พอดี)

-ดาบผลาญโลกาทั้ง 3 ได้ผสานเข้าด้วยกันแล้ว
ความเสียหายที่เกิดจะเพิ่มขึ้น 1.4 เท่า
คุณลักษณะแห่งไฟได้รับการเสริมความแข็งแกร่งให้สูงขึ้น
ท่านจะได้รับค่าสถานะเพิ่มเติมเมื่อสวมใส่

 ให้มันได้อย่างนี้สิ

ดาบธรรมดาทั่วไปนั้นจะดูราวกับเป็นไม้เสียบลูกชิ้นเมื่ออยู่ในมือของเหล่าบาบาเรี่ยน ดาบนั้นถูกออกแบบมาให้เหมาะกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทว่าบาบาเรี่ยนนั้นค่อนข้างเหมาะกับการใช้งานอาวุธจำพวก ขวานหรือกระบองมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อาวุธในมือของวีดคือดาบผลาญโลกาอันบรรจุไปด้วยพลังแห่งไฟ

ซู่ว บรึ้มมม! (เสียงไฟลุกอะ)

เปลวเพลิงอันร้อนระอุได้ปะทุไปทั่วตัวดาบ! มันคือดาบที่ถูกสร้างมาเพื่อให้เหมาะกับเผ่าบาบาเรี่ยนอย่างแท้จริง และเขายังรู้สึกได้ถึงความร้อนอันมหาศาลผ่านมือของเขา

สุดยอดร่างกายและสุดยอดอาวุธ!

เงื่อนไขที่ถูกกำหนดสำหรับการใช้ดาบผลาญโลกาคือค่าความต้านทานไฟ ถึงแม้คุณสมบัติของเผ่าพันธุ์ของเขาจะเปลี่ยนแปลงไป ทว่าความต้านทานพื้นฐานอันมาจากสมญานามปรมาจารย์ดาบยังคงอยู่

ทั้งนี้เขายังมีจิตวิญญาณการต่อสู้แห่งบาบาเรี่ยนเพิ่มเข้ามา สมองของวีดในตอนนี้นั้นคิดเพียงอย่างเดียวว่าอยากที่จะรีบเร่งออกไปต่อสู้โดยเร็วที่สุด

โปรดติดตามตอนต่อไป

ปล.สารจากผู้แปล สวัสดีทุกท่าน ผม Patty ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ชื่นชอบในผลงานแปลของผม
ทั้งนี้หากยังคงชื่นชอบกันอยู่ผมขอคนละ1 คอมเม้นท์ เป็นกำลังใจให้ผู้แปลหน่อยครับ สัญญาว่าจะตามอ่านทุกคอมเม้นท์เลย
ปล.2 แล้วพบกันตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ
ผู้แปล : Patty
Editor : แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

43 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับ รอดูวีดเราบู๊ในร่างบาบาเรี่ยนเลย

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณครับ รออ่านวีดออกบู๊

    ตอบลบ
  3. เข้ามาดูทุกวันขอบคุณรับ

    ตอบลบ
  4. เปิดดูทุกวัน...สนุกมากก...ติดตามมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ผมวัยรุ่นจนแก่แล้ว555

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ

    ตอบลบ
  6. สนุกมากขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  7. ตามอ่านอยู่ ค้างมาก

    ตอบลบ
  8. ขอขอบคุณทีมงานผู้แปลและเหล่า Admin นะครับ
    - ค้างเลยยยยย (ทำไมทำกันได้ลงคออออ) -

    ตอบลบ
  9. กราบขอบพระคุณครับกำลังมันนนน

    ตอบลบ
  10. ขอบพระคุณครับ แปลได้สุดยอด อ่านลื่นดีครับ

    ตอบลบ
  11. ขอบคุณครับ แปลต่อมาเรื่อยๆเลยนะครับ จะได้ไม่ขาดตอน

    ตอบลบ
  12. ขอขอบคุณ คุณPatty และผู้แปลท่านอื่นๆ ตลอดจน Admin , ทีมงาน และผู้สนับสนุนทุกท่านครับ ขอให้ผมได้มีโอกาสติดตามผลงานแปล LMS ของพวกท่าน จนถึงตอนจบด้วยนะครับ

    ตอบลบ
  13. เก็บตัวอยู่บ้าน ดีนะที่มีอ่าน ขอบคุณคับ

    ตอบลบ
  14. ถ้าไม่มีวงเล็บกำกับไว้คงคิดว่าเป็นพันธุ์เต่าไฟแล้วจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
    ขอบคุณสำหรับผลงานครับ สนุกมาก

    ตอบลบ
  15. ขอบคุณครับ ตามอ่านมาตลอดเลย สู้ๆ นะครับ

    ตอบลบ
  16. ได้อาชีพใหม่อีก ชาวบ้านอยากได้อีกชัวร์

    ตอบลบ
  17. ขอบคุณครับเป็นกำลังใจในแปลให้ครับ

    ตอบลบ
  18. เข้ามาดูทุกวันเหมือนกันครับ เพิ่งอ่านจบขอบคุณมากครับ

    ตอบลบ
  19. ขอบคุณมากๆครับแปลได้มันส์มาก กำลังรอตอนต่อไปอยู่ครับ

    ตอบลบ
  20. ชอบที่คนแปลมาแซะนิยาย ฮ่าๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  21. ชอบมากๆๆๆ กดตามอ่านตลอดครัล

    ตอบลบ
  22. ขอบคุณมากๆคับ ที่เสียสละเวลา มาแปล ให้ มีความสุขมากๆ คับ อ่านแล้ว ลื่นดีคับ ไม่มีติดขัด หรือ งงเลย อ่านเพลินเลยคับ (แอบรู้สึกว่าอาว หมดแล้วหรอ ) ขอขอบคุณอีกครั้งคับ

    ตอบลบ
  23. มันมาเลยครับ ขอบคุณครับที่ช่วยแปลให้พวกเราได้อ่านกัน

    ตอบลบ
  24. ขอบคุณมากครับ ติดตามผลงานแปลตลอดครับ😊

    ตอบลบ
  25. แปลได้ดีมากครับ อ่านแล้วเข้าถึง อมยิ้มตลอดครับ 55555
    ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ครับ

    ตอบลบ
  26. ขอบคุณครับ อ่านเพลินจนไม่อยากให้จบตอน
    เป็นกำลังใจให้สร้างผลงานแปลดีๆ ต่อไปนะครับ

    ตอบลบ
  27. งานแปลดีๆ ขอเป็นกำลังใจด้วย ขอบคุณมากครับ

    ตอบลบ
  28. ขอบคุณครับ เป็นกำลังใจให้ครับ. งานแปลดีมากๆ

    ตอบลบ
  29. งานดีมันส์แถมยังมีมุกตบระหวางอ่าน
    ขอบคุณครับผม

    ตอบลบ
  30. ขอบคุณครับ ค้างอย่างแรง

    ตอบลบ
  31. ขอบคุณครับ ค้างอย่างแรง

    ตอบลบ
  32. ขอบคุณมากครับที่ช่วยแปลให้อ่านกัน

    ตอบลบ
  33. ติดมากกกกกก เเง้

    ตอบลบ
  34. ขอบคุณทั้งแอ็ดมินและทีมงานแปลมากครับ

    ตอบลบ
  35. ขอบคุณมากครับ สนุก และวีดเกรียนมากครับ5555

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...