วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เล่ม 27 ตอนที่ 9: การพบปะกับเผ่าพันธุ์ประติมากรรมสลักชีพ แปลโดย Cole’s Myth


เล่ม 27 ตอนที่ 9: การพบปะกับเผ่าพันธุ์ประติมากรรมสลักชีพ แปลโดย Cole’s Myth


วีดบอกกับไอน์ฮานด์ว่า

เหล่าประติมากรรมขององค์จักรพรรดิอาเพ่นยังไม่สูญหายไป ข้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับมันแล้ว

โอ้ ยอดไปเลย!

ไอน์ฮานด์ระเบิดคำอุทานเหมือนตอนที่เขาดื่มเหล้าอร่อยๆเข้าไป

ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าว่า เจ้าก็คงจะเป็นประติมากรที่ยิ่งใหญ่จริงๆสินะ ถ้างั้นข้าก็อยากจะขอร้องเจ้าซักอีกอย่างหนึ่ง เจ้ารู้จักสถานที่ที่เรียกว่า ยูก็อธ (Ugoth)ไหม?”

วีดเคยได้ยินชื่อนั้นจากที่ไหนมาก่อน

มันคือชื่อของดินแดนที่อยู่ทางทิศใต้ของเทือกเขาไซกอร์น ณ อาณาจักรธอร์ เหล่านักรบคนแคระคอยสกัดกั้นพวกมอนสเตอร์ในเขตชายแดนอยู่เสมอ ขณะที่มีเหล่านักผจญภัยเลเวลสูงมากมายก็มาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้เช่นกัน นั่นก็เพราะว่ามีดันเจี้ยนจำนวนมากที่ยังไม่ถูกค้นพบภายในดินแดนแถบนี้

ทันใดนั้นหน้าต่างข้อความก็โผล่ขึ้นมาตรงหน้าวีด

-ท่านได้เลือกใช้ทักษะประติมากรรมประทานชีพเพื่อใช้ในการทำภารกิจปรมาจารย์แห่งประติมากรรม
ภารกิจปรมาจารย์แห่งสายอาชีพที่เหลือของท่านจะถูกกำหนดขึ้นโดยภารกิจที่เกี่ยวข้องกับบรรดาประติมากรรมสลักชีพ


อีกอย่าง มีคนแคระบางคนที่อยู่ที่นั่นบอกว่าเคยได้คุยกับพวกกอบลินด้วย

พวกเขาบอกว่าไงบ้างครับ?”

พวกเขาบอกว่าเมื่อไรที่พวกเขาเดินและร้องเพลงไปด้วย พวกเขาก็จะเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆอยู่ในพุ่มไม้เข้าโดยบังเอิญ

 พวกมันตัวเล็กแค่ไหนครับ?”

เล็กเท่ากระรอกครึ่งตัวนี่แหละมั้ง? บางทีพวกมันอาจจะไม่ใช่มอนสเตอร์ แต่ว่าพวกเราคนแคระก็ยังไม่ได้เจอพวกมันตัวเป็นๆหรอก ข้าคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าเจ้าสืบหาก่อนว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่ ข้าก็ไม่ได้คิดว่ามันจะสำคัญใหญ่โตอะไรหรอกนะ ก็แค่เจ้าช่วยไปดูหน่อยละกันเมื่อเจ้ามีเวลา ถ้าเจ้าสะดวกก็ลองไปตรวจดูหน่อยละกัน

ถ้างั้น ข้าจะลองไปดูหน่อยละกันถ้าวันนี้ข้าว่าง

ถึงแม้ว่าวีดจะตอบไปอย่างนั้น แต่เขาคิดว่ามันต้องเป็นอะไรที่จำเป็นต้องรีบค้นหาแน่ๆ

บางครั้งคำใบ้แบบนี้ก็จะเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์หรือรางวัลใหญ่ๆ แน่นอน แม้ว่ามันไม่ได้มีอะไรที่เข้าเค้ามากนักแต่ก็คุ้มที่จะไปตรวจสอบดู

 แล้วก็ภายในยูก็อธ เพราะว่ามีฝูงมอนสเตอร์อยู่เป็นจำนวนมาก ก็เลยทำให้ช่วงนี้เหล่าคนแคระพลอยตกอยู่ในอันตรายไปด้วย หากเจ้าสามารถสร้างประติมากรรมสลักชีพที่ทำขึ้นมาจากเหล็กอย่างจักรวรรดิอาเพ่นเมื่อครั้งในอดีต ข้าก็คิดว่าเจ้าคงจะสามารถนำความสงบสุขให้เกิดขึ้นภายในยูก็อธได้ แม้ว่านี่จะเป็นคำขอที่ช่างน่าละอายนัก แต่เจ้าจะสามารถให้ความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆกับเหล่าคนแคระภายในยูก็อธได้ไหม?”
แน่นอน ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถครับ
วีดคิดว่ามันก็แค่ภารกิจต่อสู้ง่ายๆเท่านั้นเอง
แม้ว่าภารกิจแบบนี้จะเป็นสิ่งที่หาได้ยากจากภารกิจประติมากรรม แต่มันก็อาจจะเป็นภารกิจที่สร้างภาระอันหนักอึ้งให้กับเขาก็ได้ เพราะมันคือภารกิจที่เกี่ยวข้องกับทักษะประติมากรรมประทานชีพ

แล้วก็อีกอย่างนะหากเจ้าทำภารกิจนี้ เจ้าจะได้สร้างบุญคุณอันใหญ่หลวงให้กับพวกเราอย่างยิ่ง เช่นนั้นหากเจ้าช่วยยูก็อธได้สำเร็จ เราเหล่าคนแคระก็ยังไม่รู้เลยว่าควรจะให้ของขวัญล้ำค่าแบบไหนดี

ตริ้ง!

ภารกิจ: เหล่าผู้พิทักษ์แห่งยูก็อธ
กองกำลังที่หลบซ่อนแห่งจักรวรรดิอาเพ่น!
ถ้าประติมากรรู้วิธีใช้ทักษะประติมากรรมประทานชีพ เขาก็จะสามารถให้ความช่วยเหลือครั้งใหญ่กับเหล่าคนแคระแห่งเทือกเขาไซกอร์น
จงเข้าไปพร้อมกับเหล่าประติมากรรมสลักชีพจำนวน 10 ตัวหรือมากกว่านั้น และนำพวกมันไปช่วยกอบกู้ความสงบสุขภายในยูก็อธ
เหล่าคนแคระจะมอบรางวัลให้กับความช่วยเหลือในครั้งนี้
จากนั้นท่านก็จะสามารถตามหาอย่างอื่นที่อยู่ในยูก็อธได้ด้วยเช่นกัน อีกอย่าง มันอาจจะเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่อยู่ของพวกก็อบลินด้วยก็เป็นได้
หากท่านได้เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเหล่านี้ มันจะนำท่านไปสู่ขั้นต่อไปของภารกิจต่อเนื่อง
ระดับความยาก: ภารกิจปรมาจารย์แห่งประติมากรรม
ข้อจำกัดการทำภารกิจ: ทักษะแกะสลักขั้นสูงเลเวล 8 หรือมากกว่า
จำเป็นต้องใช้ทักษะประติมากรรมประทานชีพ
ระดับของทักษะการแสดงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากจินตกวีที่มีทักษะขับร้องขั้นกลางหรือมากกว่า
ท่านต้องล่ามอนสเตอร์จำนวน 500 ตัวเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ

วีดจำไม่ได้แล้วว่าเลเวลของพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ในยูก็อธสูงแค่ไหน
แม้ว่ามันจะเป็นสถานที่ที่มีความยากระดับสูง แต่ถ้าหากพวกนั้นเป็นประติมากรรมสลักชีพ คงกลายเป็นภารกิจที่ไม่ต้องใช้เวลานานมากนัก แต่ถึงยังไงในการทำภารกิจระยะยาว เขาคงต้องใช้ทักษะประติมากรรมประทานชีพเพื่อทำภารกิจปรมาจารย์แห่งประติมากรรมต่อไป เขารู้สึกกังวลนิดนึงว่าภารกิจต่อสู้แบบนี้จะยิ่งทวีคูณความยากขึ้นเรื่อยๆ
จริงๆแล้ว เขาไม่ค่อยจะมีศรัทธาในการทำภารกิจของเขาร่วมกับพวกประติมากรรมสลักชีพมากสักเท่าไหร่

 มีแต่พวกไร้ประโยชน์ เอาพวกมันมาที่นี่ก็คงทำอะไรไม่ได้มากนักหรอกถ้าฉันต้องทำภารกิจกับเจ้าพวกนี้ต่อไปเรื่อยๆ คงกลายเป็นเรื่องยุ่งยากแน่ๆ

แกว๊กแกว๊กกกกก!

ข้าไม่รู้จริงๆว่าทำไมข้าถึงได้เกิดมา มอออออออออ

เอาปีกแห่งแสงมาด้วยแหะ แกนี่มันซื่อสัตย์ต่อนายท่านจริงๆ

เหล่าประติมากรรมสลักชีพได้มารวมตัวกันแล้ว ขณะที่พวกมันกำลังโดนวีดบ่นจนหูชา
***

เหล่าคนเถื่อนภายในป้อมปราการเวอร์โก้กังวลเกี่ยวกับสถานที่แห่งหนึ่ง

ไม่มีนักรบคนใดไปที่นั่นแล้วมีชีวิตรอดกลับมาได้

ตำนานเล่าว่ามีปีศาจอาศัยอยู่ในนั้นด้วย

สถานที่แห่งนั้นส่งกลิ่นซากศพเน่าน่าขยะแขยงคละคลุ้ง แถมยังปลดปล่อยออร่าอันเลวร้ายทะลักออกมาทั่ว

 เหล่าอาจารย์นักดาบและพวกลูกศิษย์ได้รับภารกิจจากพวกคนเถื่อน

เอ่ออ เราจะทำได้ไหมนะ?” (ลูกศิษย์)

ถึงเราจะล้มเหลว เราก็จะไม่ยอมตาย (อาจารย์นักดาบ)

สมองพวกเจ้าไม่ได้เอาไว้ที่บ้านนะ เอามันไปใช้ต่อสู้ด้วยสิ (อาจารย์นักดาบ)

ข้าจะทำตามคำสั่งของท่านอาจารย์ (นักดาบ498)

เหล่าคนเถื่อนบอกว่าพวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมาก พวกเขาจึงจะเข้าไปล้อมพวกมันและกำจัดพวกมันไปพร้อมๆกันในทีเดียว

แต่เพราะว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่คนจำนวน 505 คน จะต้องไปทำแบบนั้น พวกเขาจึงแยกกลุ่มและกระจายตัวออกไปในแต่ละดันเจี้ยน

ห้ามเข้าไปในสถานที่แห่งนี้เด็ดขาด! อืม ดูเหมือนว่าเราควรกังวลเรื่องคำสั่งนั้นนะครับ (นักดาบ489)

ทางเข้าอยู่ที่ไหน?” (อาจารย์นักดาบ)

พวกนักรบบางคนบอกว่าต้นไม้พวกนี้ปกป้องเราจากการโดนโจมตีได้นะครับ (นักดาบ489)

ถ้างั้นก็สนุกสิ ข้าขอออกไปสู้ก่อนนะ (อาจารย์นักดาบ)

มอนสเตอร์พวกนั้นมีกรงเล็บที่ร้ายกาจมาก อย่างน้อยพวกมันก็จะอ่อนแอลงตอนฝนตกเพราะว่าการมองเห็นของพวกมันจะแย่ลงนะครับ ถ้าเราใช้. (นักดาบ489)

ถึงยังไงก็เถอะ จะให้ใช้วิธีนั้นถึงจะฆ่าพวกมันได้หรือไง? ถึงฝนไม่ตกข้าก็จะออกไปสู้อยู่ดี (อาจารย์นักดาบ)

ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง

ไปเร็วเข้า! (อาจารย์นักดาบ)

มาต้อนรับพวกมอนสเตอร์ให้หนำใจกันไปเลย (อาจารย์นักดาบ)

เหล่านักดาบรุดหน้าเข้าไปข้างในขณะที่พวกเขาต้องทนแบกรับอาการบาดเจ็บไปด้วย

พวกเขาทั้งวิ่ง กระแทกและต่อสู้ในแต่ละดันเจี้ยน แถมยังพยายามลดระยะเวลาในการต่อสู้ให้สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เราไม่จำเป็นต้องคิดให้ปวดหัวหรอก ก็แค่ฆ่าศัตรูทุกตัวแค่นั้นแหละ (อาจารย์นักดาบ)

ความคิดของท่านอาจารย์เจ๋งไปเลยครับ! (พวกลูกศิษย์)

พวกเขาทำตัวเป็นวีรบุรุษภายในสงครามขณะที่พวกเขาแต่ละคนค่อยๆตายไป

นักดาบ489 คือคนที่พูดได้ว่าเป็นคนที่มีระดับความคิดที่ฉลาดคนหนึ่งของสังคม

เมื่อก่อนหน้า เขาได้แสดงถึงลักษณะของการเป็นอัจฉริยะที่มีอนาคตที่สดใส เขาได้รับการศึกษาจากมอต้น มอปลาย จนสามารถเข้ามหาลัยได้ในที่สุด

แต่จากนั้น เขาก็ออกจากมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของสาธารณรัฐเกาหลีและได้กลายเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศจากทุนรัฐบาล เขาชนะการแข่งขันทางคณิตศาสตร์ และกลายเป็นที่รู้จักภายในแวดวงวิชาการจนได้ออกตีพิมพ์ในนิตยาสาร

เขาได้รับการันตีการว่าจ้างงานให้เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้บริหารของบริษัทแห่งหนึ่ง  แถมเขายังเป็นนักซิ่งระดับพระกาฬบนถนนไฮเวย์ที่ไม่มีกล้องวงจรปิดตัวไหนสามารถจับเขาได้!

ทั้งชีวิตของนักดาบ489 ผ่านอะไรมานักต่อนักแล้ว

ถ้าเป็นอย่างนี้ พวกเขาคงเลื่อนขั้นให้ฉันก่อนคนอื่นๆแน่ อาจจะเป็นรองผู้อำนวยการหรือผู้อำนวยการก็เป็นได้ จำนวนเงินเดือนร้อยล้านกับโบนัสที่จะได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวสินค้า ทางบริษัทก็จะให้รถส่วนตัว แล้วหลังจากนั้นฉันก็จะไต่ขึ้นไปเป็นซีอีโอหรือรองประธานบริษัท

แม้ว่าเขาจะดูเหมือนคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เขากลับไม่เคยรู้สึกถึงความสุขของชีวิต บนจอโทรทัศน์ที่ฉายออกมาก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาๆที่ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากนัก

ส่วนโรงฝึกดาบที่คนเราเอาไว้ใช้ออกกำลังกายและมอบโอกาสให้พวกเขาได้มองเห็นเส้นทางของดาบเท่านั้น
ร่างกายทุกส่วนของเขารู้สึกถึงความเร่าร้อนที่ได้เปิดเส้นทางเข้าสู่วิถีการใช้ดาบ

และหลังจากนั้น การฝึกดาบก็ได้กลายเป็นงานอดิเรกของเขาและเขาก็ได้เริ่มฝึกที่โรงฝึกแห่งนี้

แม้ว่าหยดเหงื่อที่ผุดออกมาจะเป็นผลของการฝึกหนัก แต่เขาก็ยังคงรู้สึกเพลิดเพลินไปกับการฝึกร่างกายของเขา
แต่ถึงกระนั้นก็มีผลข้างเคียงเล็กๆบางอย่างเกิดขึ้น

การอยู่ร่วมกับผู้ฝึกดาบคนอื่นๆหรือว่าการสวมชุดฟอร์มกลับมอบวิถีของการใช้ความรุนแรงมากกว่าการใช้สมองคิดให้กับเขา
 ฆ่าพวกม๊านนนน!

เขาไม่ต้องสนใจความรู้ที่สั่งสมมาจากสังคมภายนอก หากใครได้จับดาบร่วมไปกับผู้ฝึกดาบพวกนี้ คนๆนั้นก็จะกลายเป็นบุคคลผู้โง่เขลาไปโดยปริยาย

การตัดสินใจว่านั่นถูกหรือผิด คือความคิดที่มีความสำคัญน้อยมากเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ

หากคนๆหนึ่งมีความกล้ามากพอที่จะโยนชีวิตของเขาทิ้ง ให้ความสำคัญกับร่างกายมากกว่าความรู้ ชีวิตที่ไม่ต้องคำนึงถึงอะไรมากนักนั้นยิ่งสนุกซะกว่า

 ดูสิ ถ้าเจ้าลองทำดู ก็เป็นไปได้ ใช่ไหมล่ะ!

ใช่ครับ อาจารย์

การได้ทำตามคำสั่งของอาจารย์มันช่าง……เป็นพรที่ทวีปเวอร์เซลดลบันดาลมาให้จริงๆครับ

เหล่าอาจารย์นักดาบและผู้ฝึกดาบทั้งหลายมัวแต่ยุ่งอยู่กับการประจบสอพลออาจารย์นักดาบ (นักดาบ1) พวกเขาคอยรวบรวมและแบ่งปันข้อมูลให้กันและกันเกี่ยวกับพื้นที่ล่าใหม่รอบๆป้อมปราการเวอร์โก้

นักดาบสามมองดูเซเฟอร์และพวกพ้องของเขาขณะที่เดินเล่นในย่านการค้า

ว่าไง เซเฟอร์

ดีครับ พี่

ตอนนี้นายกำลังยุ่งอยู่รึเปล่า?”

เอ่อออก็…….

นักดาบสามขบฟันแน่นเพราะว่ามันเป็นเรื่องฉุกเฉินจริงๆ แม้ว่าเซเฟอร์จะมีภารกิจที่ต้องทำให้เสร็จวันพรุ่งนี้ แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้

ก็ไม่ยุ่งครับ

ถ้างั้นออกไปล่ากันเถอะ

เอ่ออ.งั้นไปกันเถอะครับพี่ แต่ว่ายังมีคุณเพลกับคนอื่นๆอยู่อีกนะครับ

เซเฟอร์รู้ว่าพวกนักดาบบ้าบิ่นขนาดไหนเพราะว่าเขาเคยเห็นตอนที่พวกเขาออกไปล่าด้วยกัน

แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ใช่คนแปลกถิ่นที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกี่ยวกับป้อมปราการเวอร์โก้ซักหน่อย

ในตอนที่พวกคนเถื่อนเอ่ยถึงเรื่องสถานที่ออกล่า พวกอาจารย์นักดาบกับพวกลูกศิษย์ก็กวาดล้างมอนสเตอร์พวกนั้นจนหมดเกลี้ยง!

พวกเขาได้แสดงทักษะการต่อสู้และความเร็วในการออกล่าที่มากพอจะทำให้พวกคนเถื่อนรู้สึกทึ่ง

หากเป็นอย่างนี้ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาออกไปล่า คงสรุปได้แล้วล่ะว่าต้องมีอะไรตายแน่ๆ

ถ้าเขาไปกับพวกนักดาบเพียงลำพังโดยไม่มีเพล เซอร์กะ ไอรีนและโรมูนะ เขาคงโดนพวกลูกศิษย์ประกบข้างเอาไว้แน่ และเขาคงจะได้เป็นลมเป็นแล้งด้วยความเหน็ดเหนื่อยปราศจากพวกพ้องที่จะมาร่วมแบ่งปันความเจ็บปวดไปพร้อมกับเขา

 ก็ได้ ถ้างั้น เราจะเริ่มออกล่าตอนที่พวกเรามากันครบแล้ว

เช่นนั้นเอง พวกเขาก็ถูกบังคับให้จำใจต้องยอมออกไปล่าร่วมกันทั้งหมดทุกคน!

นักดาบ2กลับมารวมกลุ่มกับออร์คซีชวิพร้อมทั้งออร์คตัวอื่นๆ

นี่มันก็ผ่านมาพักหนึ่งแล้วนะคะที่ฉันไม่ได้เจอคุณ ชวิชวิค!

คุณคงเหนื่อยมาก กว่าจะมาถึงนี่ได้

พวกเขาทั้งสองกอดกันจนแน่นขณะที่ส่งผ่านความอบอุ่นให้กันและกัน

เมื่อมองดูแล้ว แม้ว่ามันจะดูกระอักกระอ่วนเพราะนี่คือการแสดงความรักระหว่างออร์คกับมนุษย์ แต่มันก็ยังเป็นความรู้สึกเสน่หาระหว่างคนทั้งสองที่ส่งให้กันและกัน

 ตอนนี้ผมต้องออกไปล่าแล้วล่ะ.
ไปด้วยกันเถอะค่ะ ชวิชวิค!
ผู้บัญชาการออร์คซีชวินำกลุ่มออร์คมาร่วมออกล่าในครั้งนี้ด้วย
บรรดานักสู้ออร์คผู้มากฝีมือได้เข้าสู่ดันเจี้ยนและออกล่า ตระเวนเดินทางไปทั่วเทือกเขาอันแสนยากแค้น พวกเขาได้เติบโตขึ้นจากการตอนสู้กับมอนสเตอร์จำนวนมากมาย
ส่วนซอยูนเองก็ออกล่าร่วมกับลูกศิษย์นักดาบ หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า พวกเขา คือ ความหายนะ
อีกอย่างเพราะว่าช่วงหนึ่ง เธอเอาแต่ทำเครื่องปั้นและประติมากรรมร่วมกับวีด ตอนนี้เธอจึงอยากจะเพิ่มเลเวลของเธอด้วยการออกล่าพร้อมกับเหล่านักดาบ

อาชีพสายเบอร์เซิร์กเกอร์ของซอยูน ยิ่งเธอต่อสู้มากเท่าไรเธอก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น  

พลังจากทักษะของเธอไม่เพียงแต่จะเป็นพลังที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น เพราะทันทีที่เธอกวาดล้างทั้งดันเจี้ยนจนสิ้นซากแล้ว เธอก็ตรงไปยังดันเจี้ยนอื่นในทันที เธอต่อสู้กับมอนสเตอร์เป็นจำนวนมาก ขณะที่เหล่านักดาบและลูกศิษย์ทำได้เพียงแต่ยืนมองดูความสามารถของเธอที่กำลังห้ำหั่นกับพวกมอนสเตอร์

 สาวน้อยคนนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเรา.

ความสามารถในการล่าของเราดูเหมือนว่าคงยังเทียบไม่ได้กับของเธอนะ

ไม่นะ! ต้องไม่เป็นแบบนี้! ถึงเราจะกินเนื้อย่างแพ้เธอ เราจะต้องไม่ต่อสู้แพ้เธอเด็ดขาด ไปกันเถอะพวกเรา!

ท่านอาจารย์นักดาบ เหล่าครูฝึก พร้อมทั้งลูกศิษย์ ยิ่งเพิ่มความบ้าบิ่นขึ้นไปอีก
***

เพื่อที่วีดจะสามารถทำภารกิจยูก็อธให้สำเร็จได้ เขาจำเป็นต้องเรียกจินตกวีมาหนึ่งคน

ถ้างั้นก็แปลว่าฉันทำภารกิจเพียงลำพังไม่ได้สินะ แถมยังต้องร่วมมือกับผู้เล่นต่างอาชีพอีก แล้วจินตกวีคนนั้นก็ต้องเลเวลสูงมากด้วย อย่างต่ำเลเวลทักษะก็ต้องอยู่ขั้นกลาง

เขาสามารถขอความช่วยเหลือจากพวกจินตกวีได้ตลอด เพราะว่าไม่ว่ายังไงสายอาชีพนี้ภายในโมราต้าก็โดดเด่นกว่าเมืองอื่นๆอยู่แล้ว มีคนที่มีพรสวรรค์มากมายในโมราต้า ผู้คนพร้อมที่จะวิ่งเข้าหาเขาทันทีแม้จะไม่ได้ใส่รองเท้าอยู่ก็ตาม ถ้าหากว่าวีดเรียกพวกเขาเหล่านั้นล่ะก็นะ แต่โชคไม่ดีที่เลเวลของพวกเขายังไม่สูงพอ

 ถ้าเป็นเบลล็อตล่ะ เธอมีเลเวลสูงอยู่นะ เพราะว่ามันใช้แค่ขั้นกลางเองนิ

จากนั้นวีดก็ส่งข้อความกระซิบไปหาเบลล็อต

-ขอโทษนะครับ ตอนนี้คุณว่างอยู่รึเปล่า?
-ฮี่ ฮี่
-เอ่อ คุณเบลล็อตครับ?
-ฟิ้ววว ขอโทษทีค่ะ นี่คุณพึ่งติดต่อมาหาฉันหรอค่ะเนี่ย?
เธอยังมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดอยู่เสมอ แม้ว่าจะแปลกๆบ้าง โดยเฉพาะตอนที่เธอกำลังยุ่งๆ มักจะแสดงพฤติกรรมที่ไม่ใช่เบลล็อตแบบปกติ

-ตอนนี้ ถ้าคุณสะดวก เอ่อ…….
-คุณวีดค่ะ! ฉันสะดวก ว่างสุดๆเลยค่ะ!
-ถ้าคุณมีเวลา ผมอยากจะให้คุณช่วยอะไรบางอย่างน่ะครับ
-ถ้างั้นฉันก็หนีไปจากที่นี่ได้สินะคะ งั้น.ฉันมีเวลาเหลือเฟือเลยค่ะ

นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเบลล็อตที่เคยพูดว่ามีเวลาเหลือเฟือให้กับผู้ชาย

สถานการณ์ปัจจุบัน ณ ตอนนี้ เธอได้ถูกขัดจังหวะขณะที่กำลังต่อสู้ร่วมกับฮวายองและเหล่านักดาบ

แม้ว่าเลเวลของเธอจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างง่ายและเธอเองก็พอใจไปกับมัน แต่ว่าการล่าของพวกเขานั้นไม่จบลงง่ายๆ
เพราะตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยมากขณะที่ต้องร้องเพลงและเล่นดนตรีไปด้วย ทั้งที่ตอนนี้เธอแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นอยู่แล้ว

-งั้น ผทจะติดต่อยูรินให้พาคุณมาด้วย
-ได้โปรด ช่วยมาเร็วๆหน่อยก็ดีนะคะ
***

วีด เบลล็อต พวกไวเวิร์นทั้งหก โกลมินิ เจ้าเหลือง วิหคเงิน และปีกแห่งแสงได้มาถึงยูก็อธแล้ว ส่วนเจ้าวิหคทองคำจำใจต้องมาเพราะเจ้าวิหคเงินก็มาด้วย ยูก็อธตั้งอยู่บนหนึ่งในหกของเขตแดนเหล่าคนแคระ เขาขี่ไวเวิร์นขึ้นไปบนฟ้าและทอดสายตามองสิ่งก่อสร้างที่เหล่าคนแคระพักอาศัยอยู่ แน่นอนว่าพวกคนแคระก็ยิ่งตัวกระจ้อยร่อยมากกว่าเดิม และที่แห่งนั้นก็คือสถานที่ที่พวกเขาสร้างชุดเกราะ อาวุธและอื่นๆอีกมากมายขึ้นมา

เหล่านักผจญภัยที่มาเยี่ยมชมเมือง กำลังเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วท้องถนนที่แออัดไร้ซึ่งกำแพงระหว่างเผ่าพันธุ์

ก่อนอื่น เราจะไปจับมอนสเตอร์กัน คุณโอเคกับมันไหมครับ

เบลล็อตถอนหายใจเฮือกใหญ่

งั้น ฉันต้องออกไปล่าอีกสินะคะ?”

เธอพึ่งหนีมาจากเสือฝูงใหญ่ก็มาเจอเข้ากับจระเข้ตัวเป้งอีกตัวซะแล้ว!

ก็แค่ 500 ตัวเองครับ เราควรจะจัดการเรื่องนี้ก่อนจะได้จับมันง่ายๆหน่อย

คุณพึ่งบอกว่า 500 ตัวหรอ?”

เบลล็อตเอาเครื่องดนตรีของเธออกมาและเตรียมตัวบรรเลงมัน

ความสามารถในการต่อสู้ของจินตกวีนั้นก็พอใช้ได้ แต่ถึงกระนั้นเจ้าพวกประติมากรรมสลักชีพก็ไม่ยอมขยับตัวไปไหนเลย

เธอพึ่งเล่นเพลงที่คิดว่าน่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับพวกประติมากรรมสลักชีพและ ตอนนั้นนั่นเอง……

 อ๊ากกกก นั่นมันเสียงหนวกหูอะไรวะ

“………”

พวกไวเวิร์นไม่ชื่นชอบในเสียงเพลงเป็นเพราะธรรมชาติของความดุร้ายและหุนหันพลันแล่นของพวกมัน
แต่ถึงอย่างนั้น วิหคเงินก็ชื่นชอบมันอย่างมากจนเธอเต้นออกมาขณะที่ส่งเสียงจิ๊บๆไปด้วย
ขณะที่เครื่องดนตรีของเบลล็อตกำลังบรรเลงเพลง วิหคเงินก็เต้นรำด้วยท่าทางน่ารักน่าชัง
แต่ถึงอย่างนั้น ท่าทางการเคลื่อนไหวที่น่ารักน่าชังของวิหคเงินกลับไม่เป็นที่น่าประทับใจนักจากวีดผู้ตายด้าน

แกเมารึไง?”

จิ้บ จิ้บ!

วิหคเงินหันหัวของเธอกลับมาและทำหน้าบูดบึ้ง
พวกไวเวิร์นรู้สึกสงสัยเพราะคิดว่าพวกมันพลาดอะไรไปรึเปล่า ในขณะที่คนอื่นๆได้ดื่มอะไรอร่อยๆจนเมา

เอาเถอะ ไปสู้กันได้แล้ว!

ราคาที่เขาต้องจ่ายในการทำภารกิจครั้งนี้ก็คือการต้องมาเคลื่อนพลพวกประติมากรรมสลักชีพโง่เง่าพวกนี้

วีดและโกลมินิติดอาวุธด้วยธนู และยิงมอนสเตอร์ตัวไหนก็ตามที่เตร็ดเตร่อยู่ในป่า หากธนูพวกเขาถูกเล็งไปที่พวกมอนเตอร์แล้วพลาด พวกไวเวิร์นก็จะตามไปจัดการพวกมันในทันที

 ฉันจะเร่งจังหวะแล้วนะคะ

เพราะว่าเบลล็อตเล่นเพลงเร็วขึ้น พวกไวเวิร์นจึงรู้สึกตัวเบาขึ้นเพราะมีค่าความว่องไวช่วยเสริมจนทำให้เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว

พวกมอนสเตอร์ของยูก็อธถือว่าเป็นเหยื่อที่ยอดเยี่ยมสำหรับเหล่าประติมากรรมสลักชีพ

ในบางครั้งที่เขาเจอเข้ากับสถานที่ที่มีมอนสเตอร์รวมตัวกันอยู่เต็มไปหมด วีดก็จะกระโดดลงไปที่พื้น

วิชาดาบประกายแสง!

วีดขี่เจ้าเหลืองขณะที่กำลังต่อสู้

-เหลือมอนสเตอร์ที่ต้องกำจัด: 264

การออกล่าเป็นไปอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าจะมีมอนสเตอร์เลเวลสูงอยู่ในเขตยูก็อธอยู่เป็นจำนวนมาก พวกมันก็ถือว่าอ่อนแอจากการโจมตีผสานของพวกไวเวิร์น

กรี๊กกกกกกกกส!

วิหคเงินเรียกหมอกปริศนาออกมา

ถึงแม้ปกติแล้วมันจะถูกเรียกใช้ในการโจมตีปิดล้อม มันก็ยังคงใช้ได้ในการต่อสู้บนภูเขาสูงแบบนี้ มันคือเทคนิคที่ทำร้ายพวกมอนสเตอร์ด้วยการทำให้พวกมันสบสน ขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมกำลังใจให้กับกลุ่มทหาร

ภายในป้อมปราการเวอร์โก้ เทคนิคนี้ของวิหคเงินเป็นสิ่งที่ถูกใช้ค่อนข้างบ่อย เพื่อช่วยสร้างข้อได้เปรียบให้กับพวกทหารและพวกประติมากรรมสลักชีพ

เบลล็อตที่กำลังขี่เจ้าไววันอยู่เผยรอยยิ้มอันสดใสออกมาขณะที่เธอกำลังบรรเลงเพลง

สวยจัง

หมอกปริศนาปกคลุมห่อหุ้มทั่วทั้งเทือกเขาไซกอร์นและกระจายตัวออกไปขณะที่พวกมอนสเตอร์หลงทิศหลงทางและเดินไปมาแบบงงๆ

ถึงแม้ว่าเบลล็อตจะมีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย เธอก็คงจะหลงอยู่ในหมอกนั่นได้อยู่ดี ในขณะที่พวกไวเวิร์นกลับมีความคิดที่ยอดเยี่ยมในการโจมตีอะไรก็แล้วแต่ที่มีรูปร่างของพวกมอนสเตอร์

แต่ทว่าวีดก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่สนใจใยดีใดๆ ออกมาว่า

เฮ้ย ฉันมองหาแจ็ปเทมไม่เห็นยกเลิกทักษะของแกไปซะ

กรี๊กกก!

อีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้บอกให้แกทำแบบนี้ด้วย

เพราะว่าเธอใช้ทักษะไปอย่างสูญเปล่า วิหคเงินเลยรู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจจากคำดุด่านั้น
วิหคเงินที่เชิดชูวีดว่าเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด เธอบิดจะงอยปาก จมลงสู่ความท้อแท้ใจและบูดบึ้งไม่ยอมพูดยอมจาใดๆ และตอนนี้เธอก็ทำตัวเป็นลูกนกนั่งตัวงองุ้มไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และหลังจากนั้นพวกเขาก็จบการต่อสู้กับมอนสเตอร์ 500 ตัวลงในช่วงเย็นของวันนั้น

ตริ้ง!

-ท่านได้กำจัดมอนสเตอร์จากภารกิจเหล่าผู้พิทักษ์แห่งยูก็อธตามจำนวนเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ท่านสามารถได้รับค่าชดเชยจากภารกิจของท่านด้วยการไปที่เมืองและมองหาคนแคระ

แม้ว่าพวกเขาจะจัดการมอนสเตอร์ไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ใช้เวลาไปมากพอสมควรในการแยกพวกมอนสเตอร์ออกจากกัน
เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับภารกิจ มันจึงดีกว่าที่จะออกล่ามอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่า ดีกว่าไปออกล่าพวกที่มีเลเวลน้อยกว่า อีกอย่างพวกเขาอาจจะได้รางวัลที่ดีจากพวกคนแคระด้วยก็ได้

 ที่นี้แหละครับคุณเบลล็อตที่ผมต้องการความช่วยเหลือของคุณจริงๆ

ว่ามาเลยค่ะ?”

ที่แน่ๆภารกิจของวีดพึ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น
เพราะว่าหากเขาไม่อาจหาสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ตามที่ได้ยินมาจากการพูดคุยของพวกก้อบลิน เขาก็คงจะทำภารกิจถัดไปไม่ได้
***

ขณะที่วีดออกล่าไปทั่วเขตยูก็อธ เขาก็ระแวดระวังสิ่งรอบข้างไปด้วย

มันคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม เขาจำได้ว่าพวกกอบลินอาศัยอยู่ในโพรงแถวๆนี้

ถ้างั้น เริ่มจากตรงนี้ละกันนะคะ

เบลล็อตเริ่มร้องเพลงขณะที่เล่นเครื่องดนตรีของเธอไปด้วย


เหยียบย่างบนเส้นทางภูเขาดำทะมึนเมื่อยามราตรีอันดึกสงัด
กรายย่างบนผืนใบไม้ที่ร่วงหล่นปนเสียงกรอบแกรบ
ยามทอดเดินบ้างพลัดหลงในสายทางเท้า
การเดินทางที่ชักนำข้าสู่ดินแดนใหม่
ที่ข้ามิอาจรู้ได้ว่าสิ่งไหนจักปรากฏออกมา
ตัวสั่นเทาในเมื่อยามที่ขับเสียงร้องบทเพลง
ยามใดเมื่อได้ยินเสียงพวกหมาป่า


ในยามค่ำคืนนั้นเอง ถ้อยเสียงของเธอนั้นดังก้องกังวานไปทั่วสารทิศ


แม้ว่าในฐานะจินตกวี เบลล็อตจะสามารถใช้เครื่องดนตรีบรรเลงเพลงได้เป็นอย่างดี แต่น้ำเสียงของเธอที่เปล่งออกมาก็เป็นสิ่งหนึ่งที่งดงามและสดใสมากอย่างยิ่ง
แต่ในบางครั้งบางครา เมื่อมีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่พวกกอบลินได้ยินและมองมาที่พวกเขา พวกมันก็จะหลบหนีในทันที ส่วนสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่อยู่ในพุ่มไม้นั่นก็ไม่ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน

เบลล็อตคิดในใจว่า

นี่มันน่าอายชะมัด

แน่นอน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีประติมากรรมสลักชีพร่วมเดินทางด้วย แต่การร้องเพลงให้ชายคนหนึ่งที่อยู่กันเพียงลำพังนี่เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างแปลกพิลึก

ตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกอะไรอีกแล้วนอกจากความอายบวกกับอาการปวดตุบๆตรงขมับ!

จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรออกมาเลย ฉันจะร้องต่อไปเรื่อยๆก็แล้วกัน

ขณะที่เบลล็อตร้องเพลงต่อไปเรื่อยๆ เธอหวังว่าจะมีบางอย่างบังเอิญได้ยินเสียงเพลงของเธอและปรากฏตัวออกมา

เนื่องจากพวกเขาอยู่ใกล้กับบริเวณโพรงของพวกกอบลิน มอนสเตอร์ตัวอื่นๆก็ไม่ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน นั่นคงเป็นเพราะว่าสถานการณ์เช่นนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศชวนหดหู่

เจ้าเหลืองและพวกไวเวิร์นล้มตัวลงนอนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แล้วในที่สุด วีดก็พูดแทรกขึ้นมา

ดูท่าคงจะมีอะไรบางอย่างผิดพลาดเกี่ยวกับเพลงที่ร้องนะครับ

คะ?”

ถึงแม้ว่าอาชีพของเธอในโลกจริงจะไม่ใช่นักร้อง เบลล็อทก็ยังคงรู้สึกมีความภูมิใจในการเป็นจินตกวีภายในโลกของรอยัลโร้ด

จากความแม่นยำในการใช้โทนเสียงกับการเล่นดนตรีของฉัน ฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรผิดพลาดนะคะ?”

วีดส่ายหน้า

ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ช่วยทวนเนื้อเพลงซักท่อนให้ผมฟังอีกซักครั้งได้ไหมครับ

“………ก็ได้อยู่หรอกค่ะ

ทักษะการร้องเพลงของวีดถือว่าแย่ที่สุดของแย่ที่สุด
แม้ว่าเบลล็อตจะรู้เรื่องนี้ดี เธอก็ยังตัดสินใจทำตามที่เขาขอ และพยายามจะไม่ตอบโต้ใดๆหลังจากที่เขาพยายามร้องเพลงบางท่อนของเธอ
วีดเปลี่ยนเนื้อเพลงที่ที่จะให้เธอเอาไปร้อง      

เพลงน่าจะเป็นอย่างนี้นะครับ

เนื้อเพลงนี่ เอ่อ ค่อนข้างจะ..จะให้ฉันร้องออกไปยังไงดีล่ะคะ?

เธอทนไม่ได้ที่จะพูดออกไปว่าเนื้อเพลงนั้นมันน่าอายที่จะลองร้องมันด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องกลืนมันลงไปในคอ!

แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกไวเวิร์นและเจ้าเหลืองจะชอบเมื่อได้ยินมัน

โอเค ถ้างั้นฉันจะลองร้องดูละกันค่ะ

อัญมณีถูกฝังอยู่บนเส้นทางภูเขาดำทะมึนเมื่อตอนดึก
เศษใบไม้ร่วงหล่นภายใต้ก่อเสียงกรอบแกรบ
ฉันทำอาหารอร่อยๆออกมามากมายเลยนะ
คงไม่มีใครออกมาแล้วล่ะ
แล้วเพลงนี่ก็คงไม่มีใครมาฟังหรอกมั้ง
เพลงที่พวกแกไม่ต้องฟังกันแล้วล่ะ
อย่ามาแอบฟังก็แล้วกัน


ในหัวของวีดกำลังคิดขณะที่เขาได้ยินเพลงอันแสนไพเราะของเบลล็อต

นี่ต้องทำให้พวกกอบลินออกมาแน่.

ทักษะการร้องเพลงของเธอค่อยๆเข้าที่เข้าทางแล้ว

เพลงนี้ได้ปล่อยความรู้สึกที่สดชื่นออกมาโดยไม่มีท่วงทำนองที่ยุ่งเหยิงหรือว่าโน้ตที่สูงๆ

มันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากที่ได้ฟังเพลงนี้พร้อมกับเสียงดนตรี หากระดับความเชี่ยวชาญของเธอสูงมากพอแล้วละก็ วีดก็จะตามหาสิ่งมีชีวิตกระจ้อยร่อยพวกนั้นพบ

บางทีอาจจะมีปัญหาตรงเนื้อเพลงอีกล่ะมั้ง?’

ทันใดนั้นวีดก็เห็นบางอย่างเคลื่อนไหว

ตอนที่เบลล็อตเปลี่ยนเนื้อเพลงของเธอ การตอบสนองของพวกประติมากรรมสลักชีพก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

มออออออออออออออ

เจ้าเหลืองที่นอนอยู่ด้วยหนังตาที่เกือบจะปิด มันขุดลงไปในพื้นดินด้วยขาหลังของมัน
แซกๆๆๆๆๆๆๆๆ!

เจ้าเหลืองพยายามหาว่ามีอัญมณีฝังอยู่จริงๆหรือเปล่า

แน่นอนว่ามันก็กลายเป็นเรื่องจริงสำหรับพวกไวเวิร์นเช่นกัน แม้แต่กับวิหคเงิน กับวิหคทองคำเองก็เปล่งเสียงที่ดูโหยหาออกมา

จิ้บ จีบ จิ้บ จิ้บ!

แล้วจากนั้นก็มีเสียงสั่นสะท้อนเบาๆดังออกมาจากพุ่มไม้

ในที่สุดวีดก็สามารถตามหาสิ่งมีชีวิตจนพบ พวกมันมีขนาดเล็กกว่าลูกสนและกำลังแอบมองจากทางพุ่มไม้

ตริ้ง!

ท่านค้นพบ เอลลิออน จากเผ่าพันธุ์ประติมากรรมสลักชีพที่ได้รับการประทานชีวิตมาจากจักรพรรดิเกฮา วอน อาเพ่น
เอลลิออนคือเผ่าพันธุ์จำพวกเดียวกับเผ่าพันธุ์ภูติ (Ellyon: น่าจะตั้งชื่อคล้ายๆกับเทพของชาวยิว)
เพราะว่าพวกเขามีอายุขัยที่ยาวนานมาก จึงยากที่จะได้เห็นกรณีที่มีตัวใดตัวหนึ่งในเผ่าพันธุ์ของพวกเขาตายไป
ขนาดของร่างกายพวกเขาเล็กมาก แถมพวกเขายังชื่นชอบในเสียงดนตรีและประติมากรรม
อาหารส่วนใหญ่ที่พวกเขากินก็คือ หยาดน้ำค้างและธัญพืชที่พวกเขาเก็บได้ในยามรุ่งอรุณ
พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่รักสงบและไม่ฝักใฝ่ในการต่อสู้ ไม่มีอาณาเขตใดที่แยกพวกเขาออกจากกันได้
พวกเขารักสถานที่แห่งนี้มากและไม่เคยทำลายธรรมชาติแบบรุนแรงมาก่อน
-จากการค้นพบครั้งนี้ ค่าพลังชีวิตสูงสุดเพิ่มขึ้น 1,000 หน่วย มานาเพิ่มขึ้น 50 หน่วย ทุกค่าสถานะเพิ่มขึ้น 2 หน่วย
-ท่านสามารถรายงานเผ่าพันธุ์ใหม่ที่ท่านพบให้กับกษัตริย์หรือเจ้าเมืองให้ทราบได้
หากบรรดาอาณาจักรและเมืองต่างๆได้ทราบข่าวคราวเรื่องเอลลิออน ค่าสติปัญญาและความใกล้ชิดกับธรรมชาติเพิ่มขึ้น
ภารกิจ เหล่าผู้พิทักษ์แห่งยูก็อธสำเร็จแล้ว
ก๊อบลินเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซื่อตรง ความจริงนั้นยากที่ใครสักคนจะเชื่อได้ แต่สิ่งที่พวกเขาพูดมานั้น เป็นจริงเสมอ
- ค่าความเชี่ยวชาญทักษะแกะสลักเพิ่มขึ้น
-ท่านมีชื่อเสียงที่ดีต่อเหล่าก๊อบลิน
หากท่านพูดคุยกับพวกเขา พวกเขาจะบอกสิ่งที่พวกเขารู้
- โชคเพิ่มขึ้น 7 หน่วย
- ท่านทำภารกิจผู้พิทักษ์แห่งยูก็อธสำเร็จ ตอนนี้ท่านสามารถทำภารกิจปรมาจารย์แห่งประติมากรรมในขั้นต่อไปได้แล้ว

***

บาร์ดเรย์ต้องเสียกองทหารไปถึง 400 หน่วยเพื่อใช้ตั้งรับภายในปราสาทคราตั้น
แม้ว่าปราการของปราสาทจะแข็งแกร่ง แต่กองกำลังทหารเหล่านั้นต้องสู้กับฝ่ายศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาถึงสิบเท่า
เหล่าทหารกำลังถูกฝึกให้เตรียมพร้อมรบ และยังได้รับอาวุธใหม่อย่างหอกขว้างและดาบ!
เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 20 วันเท่านั้นกว่าศัตรูทั้งหมดของพวกเขาจะยกทัพบุกเข้ามาโจมตีพวกเขา
และช่วงเวลาที่เหลือในตอนนั้น เหล่าทหารก็จะถูกฝึก ส่วนพวกชาวเมืองก็จะถูกบังคับเกณฑ์เข้ามาเป็นทหารหรือถูกสั่งให้มาซ่อมแซมเครื่องมือ ชุดเกราะและอาวุธ
แน่นอนว่าเนื่องจากพวกเขากำลังขาดแคลนเสบียงศึก จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกเขาที่จะเพิ่มปริมาณผลผลิตของพวกเขา
 ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษ

แม้ว่าบาร์ดเรย์จะเป็นหนึ่งในผู้นำการฝึกครั้งนี้ เหล่าทหารทั้งหลายก็ยังไม่ทำตามคำสั่งง่ายๆ

ถ้าแกไม่ยอมฟัง…….

บาร์ดเรย์ชักดาบออกมาและฟันใส่เขา

จากนั้นทหารคนที่ทำเรื่องผิดพลาดก็กลายเป็นแสงสีเทาสลายหายไป

 “…พวกแกจะต้องตายอย่างนี้ จำใส่กะโหลกของพวกแกไว้ด้วย

-จำนวนทหารของปราสาทคราตั้นลดลงเหลือ 399 นาย
-ความหวาดกลัวที่มีต่อเจ้าเมืองแผ่ขยายไปสู่เหล่าทหาร
ค่าชื่อเสียงแย่เพิ่มขึ้น
ผลจากความเป็นผู้นำจะพัฒนาขึ้นชั่วคราว

รับทราบครับ!

ตอนนี้ภารกิจปรมาจารย์แห่งอัศวินทมิฬของบาร์ดเรย์อยู่ที่ขั้น 11 แล้ว
ขณะที่ความยากของภารกิจของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้น การสนับสนุนของกิลด์เฮอร์มีสก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

บรรดาทหารที่เตรียมตัวสำหรับภารกิจต่อไป ต่างได้รับไอเท็มธรรมดาที่มีข้อจำกัดต่ำเพื่อใช้สวมใส่ อย่างแหวนเวทย์ มีดสั้นเวทย์มนต์ เกราะหนังให้กับพวกเขาโดยที่พวกเขาต้องจ่ายเอง

ถึงแม้ว่าภารกิจอัศวินทมิฬส่วนมากจะไม่มีอะไรมากนัก ได้แต่ออกไปต่อสู้แบบหูตามืดบอดเพื่อความอยู่รอด แต่พวกเขาก็ยังสามารถจัดการกองรบของพวกเขาได้เหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ

 สถานะของเขาในตอนนี้เป็นถึงกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรฮาเว่นที่มีบารมีและความเป็นผู้นำที่สูงมาก แถมยังมีเลเวลที่ไม่แม้แต่จะกล้าไปอิจฉาได้

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มากพอที่จะเปลี่ยนทหารพวกนั้นให้กลายเป็นกองกำลังทหารฝีมือพระกาฬได้ในทันที
ในการเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ที่จะมาถึงนี้ด้วยแผนที่ได้วางไว้ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่าง

ให้พวกชาวเมืองตั้งใจสร้างคันธนูกับลูกให้ดี แล้วก็เพิ่มคนไปซ่อมกำแพงเมืองตลอดทั้งคืน
แต่ความไม่พอใจของชาวเมืองอาจเพิ่มขึ้นนะ
“’งานนี้ทำเพื่อพวกเขาทั้งนั้นแหละ
แม้ว่าความเหนื่อยล้าและความไม่พอใจของเหล่าชาวเมืองจะยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆวันแล้ววันเล่า บาร์ดเรย์ก็ทำได้เพียงแค่กดความคิดกบฏเหล่านั้นเอาไว้
มีข้อมูลที่เขาได้รวบรวมมาในตอนที่เขาบริหารอาณาเขตของอาณาจักรคัลลามอร์ให้มีประโยชน์มากยิ่งขึ้น
ชาวเมืองทุกคนกำลังล้มตายเพราะถูกทารุณ แถมยังไม่สามารถหยุดพักได้
ส่วนทหารที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งการฝึกนั้น ก็จะถูกส่งไปอยู่นอกกำแพงที่แสนอันตรายเพื่อทำงานซ่อมแซม

เมื่อเวลาผ่านไป 20 วัน เหล่าศัตรูก็เตรียมตัวสำหรับการต่อสู้เสร็จสิ้นแล้ว

จำนวนทหารของปราสาทคราตั้น : 620 คน
ระเบียบวินัย : พวกเขาอาจจะเข้าร่วมสงครามเพราะความหวาดกลัวต่อกษัตริย์ของพวกเขา
ระดับขวัญกำลังใจ: ต่ำ

เหล่าศัตรูมุ่งหน้าสู่ปราสาทเพื่อปะทะกับเหล่าทหารที่มีกำลังต้านทานที่แข็งแกร่ง

ขณะที่พวกเขาโยนก้อนหินและยิงธนูลงมา พวกเขาก็ต่อสู้กับศัตรูที่ไต่ขึ้นมาบนกำแพงไปด้วยเช่นกัน
ช่วงเวลาภารกิจของบาร์ดเรย์กำลังถูกถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีถ่ายทอดเกมทุกๆสถานี

และนี่คืออีกครั้งครับ ที่เขาได้สังหารหมู่คนพวกนั้นเหมือนว่าพวกเขาเป็นพวกมอนสเตอร์!

ตอนนี้เขากำลังแสดงความแข็งแกร่งอันเหลือล้นที่มากขึ้น เมื่อเทียบกับความสามารถในการต่อสู้ที่เขาเคยแสดงให้เห็นในสนามรบเมื่อก่อนหน้านี้

 บรรดาเหล่าทหารที่ไม่เหมาะสำหรับการสู้รบได้แสดงทักษะต่อสู้อันยอดเยี่ยมออกมาแล้วครับ

เหล่าทหารกำลังรุดหน้าเข้าไปหาบาร์ดเรย์และคอยสกัดเขาให้อยู่กับที่แทนที่จะยอมสละตัวเอง
แม้ว่าพวกเขาจะถอยหลังกลับไปเล็กน้อยเพราะไม่ต้องการให้ได้รับบาดเจ็บ ขอเพียงแค่พวกเขาฆ่าเจ้าเมืองได้ ก็จะจบการต่อสู้ครั้งนี้ได้เช่นกัน มันอาจจะทำให้พวกเขาถูกฆ่าหรือว่ามีชีวิตรอดกลับไปก็เป็นได้
ท้ายที่สุด บาร์ดเรย์ก็ปลอดภัยและยังสามารถรักษาปราสาทคราตั้นเอาไว้ได้ สถานที่ที่จะกลายเป็นตำนานบทใหม่ หน้าต่างสถานะปรากฏขึ้นและเขาก็ได้รับหอกสายฟ้าและเซทชุดเกราะสายฟ้ามาครอบครอง

ภารกิจอัศวินทมิฬของเขาได้ก้าวสู่ขั้นต่อไปแล้ว
แน่นอนว่าในตอนที่บาร์ดเรย์ตอบรับภารกิจนี้ มันไม่ได้ถูกฉายภาพผ่านการถ่ายทอดสด

เหล่าอัศวินเอ๋ย ความโหดร้ายคงไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นเหตุที่กระทำเพื่อความสงบสุขได้ สำหรับดาบแห่งอัศวินทมิฬของเจ้า จักมีอสูรกายตนหนึ่งปรากฏตัวใกล้เหมืองเมลเบิร์น (Melbourne) ณ เมืองป้อมปราการเทรพีค หากเจ้าถือดาบของเจ้าไว้ เจ้าก็จะสามารถเรียนรู้ได้ว่าวิชาดาบนั้นคือการทำลายล้าง เพื่อที่จะปลุกอสุรกายตนนี้ขึ้นมา เจ้าต้องตามหาอัญมณีจากผู้เขย่าปฐพี (The Earth Shaker)

บาร์ดเรย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น

เหมืองเมลเบิร์น..มันอยู่บนอาณาเขตของพวกกิลด์ราชสีห์ทมิฬหนิ
***

 ว้ายยย

เบลล็อตกำมือทั้งสองข้างของเธอแน่น

ภูติเอลลิออนต่างสวมเสื้อผ้าและหมวกปีกกว้างสีเขียวสด ที่ทำให้พวกเขาดูน่ารักน่าเอ็นดูมากจริงๆ

น่ารักจังเลย

เธอกระพริบตาปริบๆขณะที่ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงกับสิ่งน่ารักน่าชังพวกนี้

เพราะว่าเธอเองก็เป็นคนที่ค้นพบเหล่าเอลลิออนพร้อมกันกับวีด เธอจึงได้รับรางวัลที่คล้ายๆกัน

ในฐานะจินตกวี เธอจะกลายเป็นคนแรกที่ได้ร้องเพลงเกี่ยวกับเอลลิออน และด้วยเพลงนี้ เธอก็จะได้รับค่าชื่อเสียงมากมายที่สามารถทำให้เธอดึงดูดผู้ชมได้มากยิ่งขึ้นด้วย

ตั้งแต่วันที่ยิ่งใหญ่แห่งการผจญภัยของพวกเขาที่ได้ออกเดินทางไปยังเขตลาส ฟาลังคซ์ มันทำให้เธอยืนหยัดได้จนถึงทุกวันนี้

วีดโน้มตัวลงไปหาเอลลิออนตัวหนึ่งและล้มตัวราบลงไป

ทีแรกเขาคิดว่ามันมีอยู่แค่ตัวเดียว แต่ภายในพุ่มไม้มีพวกเขามากกว่า 30 ตัว

 สวัสดี
วีดเอ่ยปากทักทายพวกเขา

ในช่วงยุคของจักรพรรดิเกฮา วอน อาเพ่น มีประติมากรรมสลักชีพมากมายที่อยู่ในยุคทองแห่งการแกะสลัก
เพราะว่าเขาได้ค้นพบหนึ่งในเผ่าพันธุ์ประติมากรรมสลักชีพ เขาก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่แสดงอาการตื่นเต้นออกมา

-มนุษย์นิ
-เขาจ้องพวกเราอยู่
-เรากลับไปซ่อนตัวดีไหม?
-ท่าทางเขาดูไม่น่าไว้ใจเลย ข้าคิดว่าเขาเป็นคนเลวแน่ๆ
จากการปรากฏตัวของพวกก๊อบลินพวกเขาไม่ได้วิ่งหนีไป แต่เมื่อพวกเขามองไปที่วีด กลับดูเหมือนกำลังพยายามจะวิ่งหนีไปซะงั้น

แต่ถึงกระนั้น พวกเขาตัวหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า

-ดูเจ้าพวกนั้นสิ พวกเขาเหมือนกับพวกเรา
-พวกเขาดูเหมือนรูปปั้นที่เด็กปั้นขึ้นมาเลย

เหล่าเอลลิออนเดินออกมาและกระโดดขึ้นๆลงๆบนเจ้าเหลืองอย่างร่าเริง แถมยังเอาหน้าเข้าไปถูตัวของเจ้าพวกไวเวิร์นอีก

มอออออออออ พวกเขาดมข้า

เจ้าเหลืองและพวกไวเวิร์นรู้สึกจั๊กจี้จึงรีบสั่นร่างกายของพวกมัน 

เจ้าวิหคเงินรีบกระโดดหนีขณะที่มองไปยังภูติจิ๋วที่ดูใสซื่อพวกนั้น จากนั้นก็บินหนีไปอยู่บนกิ่งไม้เพราะว่าพวกเขายิ้มใส่มัน
วีดยกเอลลิออนตัวหนึ่งขึ้นมาด้วยนิ้วของเขา

หน้าต่างข้อมูลเอลลิออน!

-ท่านได้ตรวจดูประติมากรรมสลักชีพ
ท่านไม่สามารถตรวจดูรายละเอียดบางอย่างได้
 ชื่อ: เอลลิออน รอนนี่
เผ่าพันธุ์: ภูติ
สิ่งที่ชอบ: ธรรมชาติ
เลเวล: 51
หน้าที่หลัก: ผู้นำการดื่มหยาดน้ำค้าง
ฉายา: คนเสเพลที่ชอบแอบออกไปเที่ยว
ค่าชื่อเสียง: 2
สิ่งมีชีวิตที่สร้างขึ้นมาโดยจักรพรรดิเกฮา
พวกเขาเก่งกาจในเรื่องการทำสวนและยังมีความสามารถในการขุดแร่อีกด้วย
พวกเขาหลงรักในเสียงเพลงและศิลปะ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีทักษะการต่อสู้ที่ด้อย แต่ในสายตาของคนจิตใจต่ำทรามไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้
+ไม่ทราบ
+ไม่ทราบ


วีดมองดูเจ้าเอลลิออนใกล้ๆด้วยตาของเขา
ขณะที่เขามองมันใกล้ๆ มันก็ยิ่งดูเหมือนกับเด็กที่ใสซื่อบริสุทธิ์
มันคือภูติสาวที่แต่งตัวอย่างกับเด็กน้อย

-ปล่อยข้านะ

วีดวางเอลลิออนลงกับพื้น

ทันใดนั้น ก็มีเอลลิออนมารวมตัวกันเป็นกลุ่ม จนกลายเป็นฉากกลุ่มของสิ่งมีชีวิตจิ๋ว 100 ตัวมายืนอยู่ล้อมรอบวีดเป็นวงกลม

วีดและเบลล็อตไม่ได้วิ่งหนีไปขณะที่พวกประติมากรรมสลักชีพทำเรื่องแปลกๆ

-ข้าจะให้เจ้ารู้บางอย่างเกี่ยวกับพวกเรา

พวกเขาได้ยินเสียงของเหล่าเอลลิออนดังออกมาพร้อมๆกัน
จากนั้นก็มีภาพๆหนึ่งไหลเข้ามาในสายตาของวีด
***

ตั้งแต่การสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิเกฮาผู้ที่รวมทวีปเวอร์เซลเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว  อารยธรรมแห่งจักรวรรดิอาเพ่นก็ถึงคราวล่มสลาย

เนื่องจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างเด็กๆของพระองค์และพวกอัศวิน จักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ก็พังทลาย เหล่าประติมากรรมสลักชีพแต่ละตนก็จำต้องจากไป

ออกไปตามหาดินแดนใหม่เพื่อใช้ชีวิตอยู่กันเถอะ..
วันที่ศิลปะและวัฒนธรรมเบ่งบานขึ้นอีกครั้งบนทวีปจะต้องมาถึง
ขอให้ความสงบสุขอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไป

เหล่าประติมากรรมสลักชีพที่จากไปเพราะจักรวรรดิได้ล่มสลาย ก็ต้องประสบพบเจอกับอันตรายมากมายและต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆภายในทวีปแห่งนี้

ส่วนเหล่าคนแคระที่อาศัยอยู่ในโลกใต้พิภพที่ลึกเสียยิ่งกว่าเมืองใต้ดิน ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและอ้อนวอนต่อเหล่าทวยเทพ
พวกเขาไปตามท้องทะเล เกาะใหญ่ๆทั้งหลาย บนภูเขา และป่าดงพงไพรมากมายหลายที่ที่พวกมนุษย์ยังไม่ค้นพบ หรือแม้แต่ตามบึงตามหนองน้ำพวกเขาก็ไป

แม้ว่าเหล่าประติมากรรมสลักชีพทั้งหลายที่องค์จักรพรรดิอาเพ่นสร้างขึ้นมาจะเป็นพวกยึดติด พวกมันก็กระจัดกระจายแยกตัวกันออกไป

ส่วนพวกเอลลินออนที่เคยรับหน้าที่ดูแลไร่สวนและขุดเหมืองแร่ของจักรวรรดิก็ต้องพลอยไปอยู่ตามสระน้ำและทะเลสาบ

แม้จะปราศจากซึ่งทักษะการต่อสู้ พวกมันก็ยังมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสิ่งต่างๆ

พวกมันปรับตัวให้เข้ากับภูเขากลมกลืนไปกับก้อนหินและผืนดิน ขณะที่ต้องคอยหลบหลีกพวกมอนสเตอร์ จนทำให้มีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้
***

 [เราเฝ้ารอคอยวันที่ประติมากรผู้ที่จะเป็นทายาทขององค์จักรพรรดิอาเพ่นมาพบพวกเรา]

ถึงอย่างไรก็ยังมีถ้อยคำบอกกล่าวที่ดูเป็นมิตรโผล่ออกมา วีดก็เลยไม่ได้รู้สึกแย่มากนัก
คำพูดแบบนั้นทำให้เขานึกถึงตอนที่ฝุ่นเข้าตาของเขา

ภารกิจปรมาจารย์แห่งประติมากรรม คงเป็นเพราะว่าฉันค้นพบเมืองรัทเซเบิร์กซินะ ค่าชื่อเสียงของฉันในฐานะประติมากรผู้สร้างประติมากรรมถึงได้มีผลเชิงบวกแบบนี้ แถมยังกระจายข่าวออกไปในแต่ละเผ่าพันธุ์อีก เมื่อก่อนตั้งแต่ตอนที่ฉันเลือกทักษะประติมากรรมประทานชีพ ฉันก็อยากจะเจอกับเผ่าพันธุ์ประติมากรรมสลักชีพพวกนี้มากจริงๆ

-เรามีชีวิตที่ยาวนานกว่าพวกเอลฟ์ซะอีก แต่ถึงกระนั้นความแข็งแกร่งของพวกเราก็ยังอ่อนด้อยมาก เพื่อที่จะกลับไปเป็นร่างเดิมของพวกเรา เราจำเป็นต้องใช้พลังของไพลินแห่งเมลเบิร์น

วีดผงะถอยหลังไปด้วยร่างกายที่สั่นเทา

เดี๋ยวก่อน พวกเธอคงไม่ได้หมายถึง..

-ท่านจะสามารถไปเก็บไพลินนี้มาทำเป็นประติมากรรมและมอบให้พวกเราได้ไหม?

ตริ้ง!

เหล่าเอลลิออนปรารถนาพลอยไพลิน
ภายในเทือกเขาไฮเนฟแห่งราชอาณาจักรทัลเลน มีป้อมปราการที่มนุษย์สร้างขึ้นมาชื่อว่า ป้อมเทรพีค
ป้อมปราการนี้คอยเป็นสิ่งปกป้องเหมืองเมลเบิร์นจากพวกมอนสเตอร์และภัยคุกคามจากราชอาณาจักรอื่นๆ
ขณะที่วิญญาณที่โกรธเกรี้ยวสิงอยู่ภายในเหมือง นี่จึงเป็นสถานที่ที่ท่านเองก็สามารถเข้าไปขุดไพลินที่ดีที่สุดเพื่อสร้างประติมากรรมได้เช่นกัน
ระดับความยาก: ภารกิจปรมาจารย์แห่งประติมากรรม
รางวัลภารกิจ: ความภักดีของเหล่าเอลลิออน
ข้อจำกัดการทำภารกิจ: ทักษะแกะสลักขั้นสูงเลเวล 8 หรือมากกว่า
ต้องใช้ทักษะขุดเหมือง
ต้องเป็นผลงานประติมากรรมไพลินระดับแมคนั่ม


เหมืองแร่เมลเบิร์นขึ้นชื่อว่าเป็นคลังสมบัติที่ใหญ่ที่สุดของทวีปที่มีแร่เหล็กและแร่ไพลินอยู่มากมาย
หากใครที่เป็นเจ้าของเหมืองแร่นี้ คนๆนั้นก็จะได้รับความมั่งคั่งและอำนาจมหาศาล
เมื่อก่อนที่แห่งนี้เคยมีสงครามระหว่างกิลด์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดเกิดขึ้น มีฉายาว่าเป็นป้อมปราการโอเด็นอันโด่งดัง
ปัจจุบันนี้ ดินแดนแห่งนี้เป็นสมบัติของกิลด์ราชสีห์ทมิฬ

-พวกเราเองก็มีชีวิตอยู่มานานมากแล้ว เราคิดถึงศิลปะและวัฒนธรรมของจักรวรรดิอาเพ่นมากๆ หากท่านตัดสินใจที่จะสร้างประติมากรรมนี้เพื่อพวกเรา ข้าก็จะเชื่อในคำพูดของท่าน ถ้าท่านมอบผลไม้สดๆให้กับดวงวิญญาณ พวกเขาจะไม่ต่อสู้เลย

วีดพยักหน้า

ถ้างั้น ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องสร้างประติมากรรมหรอก รออย่างสบายใจเถอะ

ท่านได้ตอบรับภารกิจแล้ว

-ขอบคุณท่านมาก

ไม่ต้องหรอก ฉันทำสิ่งที่ฉันสามารถทำได้เพื่อพวกเธอ.

ภารกิจปรมาจารย์แห่งประติมากรรม เขาได้มอบความพยายามเพื่อทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเหล่าเอลลิออน เพราะว่าเขาอาจจะได้รับผลตอบแทนมากถึงสิบเท่าจากความพยายามของเขาก็เป็นได้

จบเล่ม
ผู้แปล : Cole’s Myth
Editor : แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

11 ความคิดเห็น:

  1. อ่าวจะได้ไฟว์กันแล้ว

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ผู้แปลทุกๆท่านครับ

    ตอบลบ
  3. นึกสภาพออกเลย ตาเป็นไพลินแวววาวเลย

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณมากเลยนะคับ

    ตอบลบ
  5. บาเรกับวีคเจอกันแล้วใครจะชนะกันนะ

    ตอบลบ
  6. ในที่สุดก็ได้พบกัน ไอ้ตัวร้ายน่าจะเป็นใครที่สำคัญในโลกจริงละครับ อย่าเป็นคนสร้างเกมส์แบบSAOก็พอ


    ตอบลบ
  7. จะได้ตีกันแล้วเย้ๆ

    ตอบลบ
  8. เส้นทางเควสมาบรรจบกันแล้ว

    ตอบลบ
  9. ได้เจอกันแน่ 555
    ดาบทมิฬ vs ประติมากร

    ตอบลบ
  10. ความมันส์จะบังเกิด...
    ขอบใจหลายๆเด้อออ

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...