วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เล่ม 30 ตอนที่ 4: รูปปั้นหินในเมือง แปลโดย Cole’s Myth


เล่ม 30 ตอนที่ 4: รูปปั้นหินในเมือง แปลโดย Cole’s Myth

 จับมันให้ได้ เอามันมากินซะ!
ขวัญกำลังใจของพวกนักสู้พุ่งสูงขึ้นขณะที่วีดวิ่งหนีไป ถ้าหากว่ามีพวกนักสู้อย่างต่ำ 4 ตนสกัดทางของเขาเอาไว้ วีดก็จะใช้ทักษะบลิ้งค์ของเขา
เนื้อมันคงไม่เหนียวเกินไปนะ! อาหารคงรสชาติแย่แน่
น่าจะอร่อยนะ
ทางนั้นไง!
พวกมอนสเตอร์ไล่ตามหลังวีดมาติดๆ ทว่าสถานการณ์ตอนนี้บ่งบอกว่า เขาคงจะทนได้อีกไม่นานแน่ๆ
-ลูกธนูเหล็กปักเข้าที่สีข้างของท่าน

วีดได้รับบาดเจ็บจากลูกธนูและหอกอย่างต่อเนื่องขณะที่กำลังพยายามหนี เขาไม่ได้สวมใส่ชุดเกราะอะไรเลยในร่างนักรบแห่งความโกลาหลนี้ จึงทำให้พลังชีวิตดิ่งลงเหวเรื่อยๆและผ้าพันแผลก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้ แม้เขาจะพยายามวิ่งเลียบไปตามผนังด้วยความเร็วสูงสุด แต่ตอนนี้ค่าพลังชีวิตของเขาก็ลดต่ำลงเหลือแค่ 10% แล้ว
มันเป็นเรื่องที่ดีหากจะรั้งค่าพลังชีวิตต่ำๆเอาไว้ในการออกล่าที่มั่นคง ทว่าตอนนี้มันกลับตาลปัตรกลายเป็นสถานการณ์ที่อันตรายสุดๆ
ฉันต้องหลบมันให้ได้!
เขากะระยะทางระหว่างเขาและพวกซัลเลียนที่ไล่ตามเขามา และเริ่มใช้งานทักษะ
บลิงค์!
เขาเทเลพอร์ทเข้าไปในห้องที่เขาเคยผ่านมาแล้ว จากนั้นก็เข้าไปซ่อนที่มุมห้องแล้วรอให้พวกนักสู้ซัลเลียนผ่านไป
มันไปทางนั้น
นั่นมันทางที่หัวหน้าเราอยู่นิ ไม่ว่ายังไงก็ต้องหยุดมันให้ได้
วีดรอจนกระทั่งเขาไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า
โชคดีจริงๆแหะเรา ยังไงก็รอดมาได้ละนะ
เขารุ้สึกได้ว่าเขาได้เข้ามาในที่ที่ลึกมากขึ้นแล้ว เขาดึงลูกธนูเหล็กที่ทิ่มอยู่บนร่างของเขาออกแล้วก็ทาสมุนไพรลงบนแผล
-สมุนไพรโดนเผา ผลเอฟเฟสามารถใช้ได้เพียงแค่ 37% เท่านั้น

 สมุนไพรอันล้ำค่าของฉัน ถ้าเอาไปขายจะได้มากแค่ไหนกันนะ...?”
หลังจากการรักษาแบบลวกๆแล้ว ดาบดาวสีชาดของเขาก็ฟื้นฟูพลังชีวิตกับมานาให้เขาคืนมาอย่างรวดเร็ว พลังชีวิตของเขาเหลือแค่ 23% ส่วนมานาก็เหลือ 31% เมื่อตอนที่เขาเดินออกมาจากมุมห้องนั้น
ขอแอบดูหน่อยละกัน
ตึกตัก ตึกตัก
มันต้องออกไปจากที่นี่แล้วแน่ๆเลย
ข้าจะไปทางนั้น!
ตามสัญชาตญาณ วีดจะเข้าไปซ่อนที่มุมห้องอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหรือว่าเสียงร้องของพวกซัลเลียน
ฉันต้องคืนพลังชีวิตให้ได้สักครึ่งซะก่อน
วีดมองดูดาบดาวสีชาดของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ดาบนี้ได้อย่างดี มันเป็นเหมือนดาบของเทพเจ้าที่มีสลักเวทย์ซับซ้อนแกะเอาไว้บนตัวดาบ เวทย์โจมตีที่แข็งแกร่งก็ถูกผนึกเอาไว้ข้างใน
ฉันคงปล่อยพลังดาบได้มากกว่านี้แน่ถ้าต่อไปภายภาคหน้าเลเวลของฉันเพิ่มมากขึ้น....
วีดแสดงความหิวกระหายในตัวดาบ ใครก็ตามที่ได้เห็น ดาบดาวสีชาดนี้ ต่างก็ชื่นชมมัน คุณสมบัติเพลิงที่ช่วยเพิ่มพลังในการต่อสู้หลายครั้งหลายครา ถ้าหากว่าดาบเล่มนี้มีผลข้างเคียงน้อยกว่านี้ละก็เขาคงเอามันไปใช้สู้กับมังกรแล้ว
ต้องให้วางใจมากกว่านี้ก่อน อย่าให้โดนจับได้ ฉันต้องเคลื่อนที่ไปอย่างเงียบเชียบ
วีดตัดสินใจออกไปตรงทางเดินหลังจากที่ค่าพลังชีวิตของเขาเพิ่มมาถึง 46% แล้ว เขาต้องเดินหน้าต่อแม้ว่ามันจะอันตรายเพราะว่า เวลาเป็นเงินเป็นทอง
ถ้างั้นคงต้องใช้แผนถัดไปแล้วสินะ
วีดหยิบประติมากรรมออกมา มันคือประติมากรรมนักสู้ซัลเลียนยอดฝีมือที่เขาแกะไว้ก่อนหน้านี้! รูปร่างงองุ้มสูงโปร่งที่ดูดีใช้ได้เลยทีเดียว
 ประติมากรรมจำแลง!”
ร่างกายของวีดเปลี่ยนจากนักรบโกลาหลเป็นนักสู้ซัลเลียนยอดฝีมือ ดาบดาวสีชาดถูกปลดออก จากนั้นเขาก็สะพายคันธนูที่เขาได้มาจากการลูท แล้วก็เดินออกไปตรงทางเดินเพื่อร่วมเดินไปกับนักสู้ตัวอื่นด้วยการทำตัวเป็นธรรมชาติ
พวกมันมองดูวีดด้วยสายตาแปลกๆแล้วก็พิจารณาเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
 หรือว่าฉันโดนจับได้แล้วงั้นหรอ? ที่จริง..ลองมาคิดดูแล้ว ทักษะประติมากรรมจำแลงนี่ไม่ได้เปลี่ยนกลิ่นไปด้วยนี่นา
ทักษะประติมากรรมจำแลงนั้นไม่ใช่การแปรเปลี่ยนโดยสมบูรณ์ มีเหตุผลมากมายที่ว่าทำไมคนถึงโดนจับได้หรือโดนมองออกได้ และมันจึงกลายเป็นเรื่องยากที่จะหลอกสายพันธุ์ที่มีประสาทสัมผัสกลิ่นที่เฉียบคม
แต่ว่าโชคดีที่พวกซัลเลียนนี้ไม่มีรูจมูกเพราะงั้นพวกมันจึงไม่สามารถรับกลิ่นได้
นักสู้ยอดฝีมือตัวหนึ่งถามขึ้นมา
ดูเหมือนเจ้าจะบาดเจ็บนะ ไปได้แผลนั่นมาจากไหนละ?”
วีดพยักหน้ารับและตอบออกไป
 ข้าไปสู้กับผู้บุกรุกมา
ที่ไหน? พวกเราทุกคนมองหาตัวมันจนเป็นบ้าเป็นหลังอยู่หนิ
ข้ากินมันเข้าไปแล้ว
มีเหลือหน่อยไหม?”
ไม่เลย รสชาติมันห่วยแตกชะมัด อีกอย่าง...
วีดต่อบทสนทนาไปเรื่อยๆจนพวกนักสู้ไม่ได้สงสัยอะไรในตัวเขาแล้ว เท้าที่เป็นผังพืดส่งเสียงเอี้ยดปะทะกับพื้นดินแถมยังมีเกล็ดหุ้มทั่วทั้งร่าง
เขาเรียนรู้ที่จะเลียนแบบลักษณะเฉพาะและท่าทางพิเศษของสายพันธุ์นี้ที่มีหลายอย่างคล้ายกับตอนที่เขาแปลงกายเป็นออร์คคาริชวิ เขาไม่มีความรู้สึกไม่สบายใจหรือว่ารู้สึกผิดเลยกับการโกหกหรือว่าการเล่นเล่ห์ครั้งนี้
นิสัยมาตรฐานของวีดแบบนี้ก็เพียงพอมากแล้วที่เอาไปสอนภายในมหาลัย
เจ้านั่นมันมาที่นี่เพื่อช่วยทาสที่เรียกว่า อาร์นิน ดังนั้นผู้บุกรุกคนอื่นๆอาจจะมากันอีกก็ได้
อ๋อ ไอ้พวกนั้นหรอ? ถ้างั้นเราก็ต้องปกป้องห้องขังสินะ งั้นไปเร็วเถอะ
พวกนักสู้ยอดฝีมือเดินลงไปตามทางเดินและเดินเลี้ยวไปแยกทางขวา วีดเดินตามไปพร้อมดึงหอกที่ปักอยู่บนพื้นออกมา

ข้าก็จะไปด้วยเหมือนกัน
เจ้าไปพักเถอะ ที่นั่นมีตั้ง 10 ตนแล้ว
ข้ายังสู้ไหว แถมข้ายังอยากกินพวกผู้บุกรุกมากกว่านี้ด้วย
ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ
วีดมีพวกนักสู้ซัลเลียนเดินนำแล้วก็ไปถึงห้องขังของพวกอาร์นิน พวกเขาเดินลงไปสามชั้นจากห้องที่ที่วีดเคยซ่อนตัวอยู่
ห้องขังที่พวกอาร์นินติดอยู่นั้นค่อนข้างใหญ่ มีนักสู้ยอดฝีมือถึง 10 ตนยืนเฝ้าอยู่แถมยังมีวีดมาร่วมแจมเพิ่มอีกคนด้วย
ที่นี่ก็มีอีกกลุ่มงั้นหรอ ถ้ามีแค่ 1 หรือ 2 ตัวละก็
วีดต้องตัดสินใจแล้ว ตอนนี้เขารู้ตำหน่งห้องขังแล้ว เขาอาจจะกลับมาใหม่หรือว่าใช้โอกาสครั้งนี้ไปเลย เขาต้องรีบจัดการก่อนที่ความวุ่นวายด้านนอกจะจบลงซะก่อน
การเข้ามาได้ถึงที่นี่พร้อมกับพวกประติมากรรมสลักชีพคงไม่ยากนัก แต่ว่าคงยากที่จะหนีออกไปพร้อมกับพวกอาร์นิน
วีดเริ่มประเดิมการต่อสู้ก่อนเลย
เรียกขาน เดทไนท์แวนฮอร์ค เรียกขานลอร์ดแวมไพร์ โทริ
มีหมอกทะมึนปรากฏขึ้นขณะที่พวกแวนฮอร์คและโทริปรากฏตัวออกมา
นายท่าน สู้สินะครับ
ข้าไม่อยากดื่มเลือดพวกสัตว์เลื้อยคลาน...นี่ท่านลืมเชื้อสายชนชั้นสูงของข้าแล้วหรือ? ถ้าสาวสวยๆก็ว่าไปอย่าง
แวนฮอร์คดึงดาบออกมาอย่างเชื่อฟังแต่ในขณะที่เจ้าโทริมองไปรอบๆพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียดคิ้วขมวด
ออกไปสู้เร็วเข้า! พวกมันไม่ใช่อาหารหรอกน่า
เดทไนท์และแวมไพร์ลอร์ดพุ่งเข้าไปโจมตีพวกนักสู้ในทันที
ไอ้คนทรยศ!”
วีดโยนหอกของเขาทิ้งไปแล้วเหวี่ยงดาบแห่งแดม่อนเข้าใส่นักสู้ซัลเลียนสองตน ทว่าก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะปิดฉากพวกมันได้ด้วยการโจมตีที่หนักหน่วงเพียงครั้งเดียว
พวกนักสู้ยอดฝีมือพวกนั้นมีเลเวลที่มากพอควร นอกจากนี้ผิวหนังของพวกมันก็มีคุณสมบัติพิเศษเพราะงั้นการโจมตีธรรมดาจึงไร้ผล แม้ว่าแขนขาพวกมันจะบอบบาง แต่หอกของพวกมันก็มีพลังโจมตีและระยะการโจมตีที่น่าตกใจ นักสู้ยอดฝีมือทั้ง 11 ตนนั้นคงถือว่ายากสำหรับวีดและสมุนอีกสองตน
 แวนฮอร์ค อย่ามัวเสียเวลา ลุยกับพวกมันเลย ส่วนโทริแกกลับไปอยู่ทางด้านหลัง!”
แวนฮอร์คต่อสู้อย่างบ้าคลั่งขณะที่พยายามสกัดลูกธนูและหอกด้วยดาบของมัน เจ้าเดทไนท์นี่ฝีมือไม่ตกลงเลยแม้แต่น้อย ดาบแห่งความมืดที่วีดสร้างให้เองก็ปลดปล่อยออร่าแห่งความมืดออกมาด้วย
โทริถอยไปอยู่แนวหลังและคอยใช้เวทย์คำสาปและทักษะแวมไพร์อื่นๆ!
เฮือก นั่นมันแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์แห่งรัตติกาลนิ
อย่ามองไปที่ดวงตาสีแดงของมัน
เหล่าซัลเลียนต่างรู้สึกขวัญผวาหวาดกลัวโทริโดยสัญชาตญาณของพวกมัน สติและสมาธิของพวกมันนั้นค่อนข้างต่ำ พวกมันจึงตกอยู่ภายใต้เวทย์ล้างสมองของเขาได้อย่าง่ายดาย โทริได้แสดงพลังอำนาจที่เหมาะกับฐานะมอนสเตอร์ระดับสูงเป็นอย่างมาก วีดเดินไปอีกฝั่งและเล็งโจมตีมอนสเตอร์ตัวหนึ่งจากทางด้านขวา
เพลงดาบประกายแสง
นกกระจอกแสง 5 ตัวปรากฏออกมาจากดาบแห่งแดม่อนและพุ่งเข้าใส่นักสู้ตนนั้น มันคือนักสู้ที่พาวีดมาที่นี่นั่นเอง
อึก คนที่ข้าคิดว่าเป็นพวกพ้อง...
ชีวิตมันก็คือซีรี่ย์ของคนทรยศนั่นแหละ นั่นแหละถึงจะเรียกว่าการเป็นผู้ใหญ่
ไอ้ชาติชั่ว!”
เดี๋ยวนี้ค่าน้ำแพงนะ งั้นอาบน้ำสัปดาห์ละครั้งละกัน
นักสู้ที่วีดพามาได้ตายลง!
เพลงดาบแยกร่าง!”
หลังจากนั้นเขาก็เปิดการใช้งานทักษะดาบแยกร่าง เป้าหมายเพียงอย่างเดียวของทักษะนี้ก็คือเพื่อหลอกล่อให้มองไปที่ร่างปลอม
เล็งไปที่การโจมตีเป็นหลัก!”
วีด แวนฮอร์ค และโทริเริ่มออกล่าขณะที่ร่างแยกของเขาหลอกล่อพวกมัน การเคลื่อนไหวของพวกเขาเปลี่ยนไปเพื่อเล็งไปที่เป้าหมายโดยมุ่งหวังการสังหาร
อย่าให้พวกมันตั้งหลักได้ จัดการพวกมันให้หมด!”
ค่าพลังชีวิตของวีดและแวนฮอร์คลดลงไปอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็สามารถต่อสู้กับพวกนักสุ้ 7 ตนที่เหลือได้ง่ายมากขึ้น โทริสูบเลือดพวกมันเพื่อฟื้นคืนค่าพลังชีวิตของตัวเองแล้วเริ่มโจมตีใส่ศัตรูในทันที
ในขณะเดียวกันวีดและแวนฮอร์คก็จัดการไปได้อีก 2 ตนแล้ว นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะสามารถกักตุนมานาเอาไว้ได้มากนัก ยังมีศัตรูเหลืออีก 3 ตน ทว่าเขาก็ยังไม่รู้ว่ากองหนุนจะมาถึงกันเมื่อไร
หลังจากที่การต่อสู้จบลงในที่สุด เขาก็หอบอย่างหนักขณะที่คิดคำนวณอยู่
ไม่ง่ายเลยแหะ
แวนฮอร์คล้มลงไปแล้วขณะที่โทริหน้าดูซีดกว่าเดิม นั่นก็เพราะว่ารสชาติของเลือดนั้นไม่เหมาะกับเขาเลยแม้แต่น้อย ค่าพลังชีวิตของวีดตกลงเหลือ 7%
อย่างที่คาดเลย นี่คงเป็นเพราะดาบแห่งความมืดและแหวนแวมไพร์จอมลวงที่ข้าสร้างให้แน่ๆ
“…..”
เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต เขาต้องทำให้พวกมันทำงานอย่างหนัก! วีดหยิบไอเท็มที่หล่นออกมาจากพวกนักสู้ เขาไม่ยอมพลาดไปสักชิ้นเพราะพวกมันอาจจะเป็นไอเท็มสำคัญก็ได้
-ท่านได้รับกุญแจไขสู่คุกจองจำใต้ดิน
กุญแจดอกนี้นั้นสามารถใช้เปิดประตูที่ล็อกได้ในทันที

กริ๊ก!
และในที่สุดเขาก็ได้เจอพวกอาร์นิน สายพันธุ์ประติมากรรมสลักชีพที่สร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือจักรพรรดิเกฮา วอน อาเพน นี่คือช่วงเวลาที่น่ายินดีอย่างยิ่ง!
ข้ามผ่านปัญหาอุปสรรคมานานัปการ เพราะงั้นฉันต้องทำให้พวกมันทำงานไปตลอดชีวิตให้ได้
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
ชิน ฮเยมินรู้สึกเศร้าใจอย่างมาก
โห การโจมตีป้อมปราการทับคาลนั้นน่าทึ่งจริงๆ แถมก่อนหน้าก็มีการต่อสู้ที่หุบเขาหินนั่นอีกค่ะ
โอจูวานรับฟังคำพูดของเธอและเอ่ยขึ้นต่อว่า
เป็นการต่อสู้ที่น่าทึ่งจริงๆครับ ดูการล้อมโจมตีที่ฉายอยู่บนฉากนั้นสิครับวิเศษมากจริงๆ
ชิน ฮเยมินเป็นแรนเจอร์ ดังนั้นเธอจึงคิดว่ามันจะสนุกขนาดไหนกันถ้าเธอได้ไปอยู่ตรงนั้น พวกประติมากรรมสลักชีพส่งเสียงร้องคำรามลั่นสนันขณะที่ต่อสู้ พวกซัลเลียนเองก็พยายามตอบโต้กลับเพื่อปกป้องบ้านของพวกมัน
พวกประติมากรรมสลักชีพก็แสดงทักษะออกไปมากมาย ในขณะที่พวกนักสู้เองก็ได้เปรียบทางภูมิประเทศที่คอยตั้งรับปกป้องป้อมปราการอย่างดุเดือด ช่างเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่และตื่นตาตื่นใจมากจริงๆ
วีดเขายังไม่ได้พักมากพอเลยนิครับ แถมยังรีบพรวดพราดเข้าไปอีก คุณชินฮเยมินคิดว่ายังไงหรอครับ?”
แผนการของวีดนั้นเหนือความคาดหมายเสมอค่ะ
แต่ว่าการต่อสู้นี้ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาหวังไว้นะครับ
 ใช่ค่ะ ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น แม้ว่าจะมีการสังเวยชีวิตไปมากที่หุบเขาหิน แต่ก็ยังเหลือพวกนักสู้ซัลเลียนอีกตั้งมากมาย สถานการณ์ในตอนนี้ดูท่าว่าจะไม่มีทางทำให้พวกที่อยู่ในป้อมปราการยอมจำนนได้เลยค่ะ
งั้นเราควรสรุปได้ว่าการโจมตีครั้งนี้ล้มเหลวสินะครับ และสถานการณ์ของวีดในวันพรุ่งนี้หรือว่าวันมะรืนก็คงมีแต่จะแย่ลง
เหล่าประติมากรรมสลักชีพยอมแพ้ที่จะปีนขึ้นไปบนกำแพง ขณะที่เพลและพวกพ้องคนอื่นๆก็เปลี่ยนมาตั้งรับการโจมตี พวกเขาโดนกดดันให้ล่าถอยออกมาจากกองหนุนที่ไม่มีวันจบสิ้นจากภายในโพรงทั้งหลายที่เป็นช่องเข้าไปในป้อมปราการ
คุณวีดคงต้องหากองกำลังมาเพิ่มเพื่อมาสู้ใหม่แล้วละ
การคาดการณ์ต่างๆจากบทพูดเอ่ยถึงแต่การล่าถอยหรือเพิกถอนกองทัพของวีด แต่มันก็อันตรายมากจริงๆหากยืดเยื้อเวลาให้นานไป แม้ว่าพวกฟีนิกซ์และปิงหลงจะมีเลเวลสูง แต่ก็มีพวกซัลเลียนจำนวนมากเกินไป พวกมันโผล่ออกมาจากโพรงตัวแล้วตัวเล่าเพื่อมาโจมตีใส่พวกเขา
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
เมื่อเขาเปิดประตูออก อาร์นินจำนวนมากมายก็กำลังนอนหลับอยู่บนพื้น พวกมันคือประติมากรรมสลักชีพที่ใช้ชีวิตเยี่ยงทาส
เจ้าเป็นใคร?”
พวกอาร์นินตื่นขึ้นแล้วมองไปที่วีด
ข้าคือ….”
วีดประเมินความแข็งแกร่งด้วยตาทั้งสองข้างของเขา เขาพยายามที่จะกดน้ำตาแห่งความดีใจเอาไว้ ทว่ารอยยิ้มอันชั่วร้ายกลับย้อนแย้งเปื้อนลงบนใบหน้าของเขาทันใด เขาได้ยินสถานการณ์ทางด้านนอกผ่านทางการกระซิบของไอรีน ดังนั้นเขาจึงพูดออกไปตรงๆ
 สหายของเจ้า เอลลิออนได้ขอความช่วยเหลือจากข้าเพื่อมาช่วยพวกเจ้าออกไปจากที่นี่
จริงหรอ?”
พวกอาร์นินลุกขึ้น แม้ว่าพวกมันจะพากันลุกขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังตัวเล็กเสียกว่าพวกคนแคระซะอีก
-ภารกิจ: มิตรสหายของเหล่าเอลลิออน
ท่านได้พบกับเหล่าอาร์นินแล้ว
ช่วยพาพวกเขาออกไปจากยอดเขาทับคาลให้ได้อย่างปลอดภัย
ความสามารถในการขยายเผ่าพันธุ์ของพวกอาร์นินได้ถูกระงับเอาไว้จนกว่าพวกมันจะเป็นอิสระ
จำนวนที่มีชีวิตเหลือรอดสูงสุดในตอนนี้ 342 ตน
ท่านต้องช่วยพวกอาร์นินให้มีชีวิตรอดกลับไปหาเหล่าเอลลิออนด้วยจำนวนมากที่สุด
หากว่ามีเพียง 10 กว่าตนที่เหลือรอดกลับไปได้เหล่าเอลลิออนก็จะเข้าใจได้ว่ามันคือภารกิจที่ยากเกินไป

บัดนี้ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือออกไปจากที่นี่ วีดพันผ้าพันแผลรอบตัวเขาและถามพวกมันเพื่อขอความช่วยเหลือ
พวกเจ้าต่อสู้ได้ไหม?”
เขาเตรียมหอกมามากมายเพื่อที่จะเอาให้พวกอาร์นิน
พวกเราไม่รู้วิธีต่อสู้หรอก
ถ้างั้นอย่างน้อยพวกนายก็น่าจะรู้วิธีถือดาบบ้าง ใช่ไหม? ลองคิดดูสิ
เราไม่รู้เลย
ขอแค่เวทย์มนต์หรือเวทย์จิตวิญญาณก็ยังดี
พวกเราไม่รู้วิธีใช้มันหรอก
มันไม่ต่างอะไรกับพาเด็กน้อย 342 คนที่ไม่รู้จักวิธีต่อสู้เดินเข้าสู่สนามรบ
เดาว่ายังไงฉันก็ต้องทำมันสินะ
วีดเปลี่ยนร่างกลับไปเป็นนักรบโกลาหลคูบิยะ มันจำเป็นที่เขาจะต้องเปลี่ยนร่างของเขาให้เหมาะกับการต่อสู้ ดาบดาวสีชาดถูกสวมใส่อีกครั้ง
ตามมาให้ทันละ ระวังอย่าให้โดนทิ้งห่าง
ในขณะที่เขากำลังออกไป ก็มีอาร์นินตนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาว่า
ขอโทษนะครับ สัตว์เลี้ยงของพวกเราก็อยู่ที่นี่ด้วยนะครับ ข้าไม่อยากจากไปโดยไม่มีพวกเขา
ได้โปรดพาสัตว์เลี้ยงพวกเรากลับไปด้วยเถอะ
เราคอยดูแลและให้อาหารพวกมันทุกวัน เราอยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีพวกมัน
ตริ้ง!
-ภารกิจ: สหายของเหล่าเอลลิออน
เหล่าอาร์นินปรารถนาที่จะพาสัตว์เลี้ยงที่พวกเขาเลี้ยงมาหลบหนีไปด้วยกัน
หากท่านบังคับให้พวกเขาไป คงก่อให้เกิดปัญหามากมายตามมาแน่
หากท่านช่วยเหลือเหล่าสัตว์เลี้ยง พวกเขาจะขอบคุณท่านอย่างสุดซึ้ง

วีดถอนหายใจเฮือกใหญ่
ชาติที่แล้วฉันขายชาติหรือไงวะเนี่ย...
เขาไม่รู้ว่าทำไมชีวิตของเขาถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้ ถึงยังไงเขาก็ต้องทำภารกิจช่วยเหลือพวกอาร์นินให้ได้อยู่ดี วีดเลียริมฝีปากของเขา
ฉันจะไปช่วยพวกมันทีหลังนะ ไปกับฉันก่อนเถอะ
จริงหรอครับ?”
ใช่แล้ว แน่นอน
ปกติแล้ววีดก็คงไม่ได้มีความตั้งใจที่จะกลับมาช่วยพวกมันหรอก นี่เป็นสถานที่ออกล่าที่ยอดเยี่ยมทีเดียว ทว่าคนอื่นๆคงลำบากใจที่จะกลับมาสู้กับพวกซัลเลียนอีกแน่
ไม่มีทางหรอก ถ้าพวกเราหนีไปกับเจ้า พวกซัลเลียนได้จับพวกเขาไปกินแน่
พวกเราจะไม่ไปโดยไม่มีพวกเขา
โชคไม่ดีที่คำโกหกแบบนั้นไม่ได้ผล
มันจะอันตรายมากเลยนะ แค่พวกนายออกไปจากที่นี่ แค่กำลังฉันก็ถือว่ายากแล้ว พวกนายต้องมีชีวิตอยู่นะ เพื่อนๆเอลลิออนของพวกนายกำลังรออยู่ที่โมราต้า
ก็ข้าอยากจะเลี้ยงสัตว์นิ ข้ายินดีที่กลับไปหลังจากช่วยพวกเขาได้แล้ว
แค่มาที่นี่ก็ถือว่ายากพอแล้ว....ระดับความยากของภารกิจระดับนี้นั้นถือว่ายากมากเกินไปแล้วจริงๆ
ถึงยังไงฉันจะมายอมแพ้ที่นี่ไม่ได้.....
มาตรฐานของบรรดาผู้เล่นทางเหนือนั้นถือว่าสูง เพราะงั้นต่อไปคงมีผู้เล่นมากมายมาออกล่าภายในเทือกเขาฮาร์เซลแห่งนี้แน่ ทว่าผู้เล่นที่มีระดับพอที่จะออกล่าได้นั้นยังถือว่าน้อยมาก เพราะงั้นการออกล่าในดันเจี้ยนที่ปลอดภัยหรือว่าพื้นที่ออกล่าทั่วไปนั้นจะให้ผลได้ดีมากกว่า
ความข่มขื่นได้ลุกลามไปยังผู้เล่นคนอื่นๆ!
ภารกิจนี้ยากมาก เพราะแม้แต่วีดเองก็ยังไม่สามารถต่อกรกับพวกซัลเลียนที่แพร่พันธุ์ออกมาแบบต่อเนื่องแบบนี้ได้
ฉันออกไปไม่ได้ แถมยังทำให้พวกประติมากรรมสลักชีพแข็งแกร่งขึ้นไม่ได้ด้วย....แบบนั้นคงใช้เวลามากเกินไป
พวกมอนสเตอร์ไม่ได้โง่พวกมันคงรู้จักที่จะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นเหมือนกับพวกผู้เล่น จำนวนของพวกมันก็คงเพิ่มมากขึ้นและการป้องกันของป้อมปราการก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
ถ้าฉันบังคับให้พวกมัน 10 ตัวกลับไปโมราต้าหล่ะ....
นั่นคือความคิดของเขาเพื่อที่จะได้ทำภารกิจให้สำเร็จ แต่การบังคับให้พวกมัน 10 ออกไปแล้วก็ต่อสู้ไปด้วยมันคง.....
ก็ได้ ฉันจะช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงของพวกนาย!”
ช่างเป็นแผนการที่น่าสิ้นหวังอย่างยิ่ง!
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด วีดก็คงแอบหนีไปคนเดียวแล้วหาโอกาสต่อไป หรือว่าแอบลักพาตัวพวกอาร์นินบางตัวไป หากเขาบังคับให้พวกมันกลับไป ภารกิจคงไม่สำเร็จง่ายๆแน่ แล้วค่าชื่อเสียงที่สูงของเขาก็คงตกลงไป
ค่าความสนิทสนมเองก็คงลดลง แล้วเขาก็คงใช้ให้พวกมันทำงานให้กับราชอาณาจักอาเพนไม่ได้ ทว่ายิ่งเขาลังเลซักแค่ไหน อันตรายก็จะยิ่งตกลงไปที่พวกประติมากรรมสลักชีพอยู่ดี
ขอบคุณท่านมาก
แล้วสัตว์เลี้ยงของพวกนายอยู่ไหนหล่ะ?”
อยู่ใกล้ๆนี่แหละ เราจะพาท่านไปเอง
วีดถูกพาไปพร้อมกับพวกแวนฮอร์คและโทริ พวกเขาฆ่าพวกนักสู้ซัลเลียนทุกตนก่อนที่พวกมันจะได้เรียกกองหนุนมาซะอีก พวกเพื่อนของเขาอาจจะแพ้ไปตอนไหนก็ได้เพราะงั้นเขาเลยวางใจไม่ได้ จากนั้นก็มีอาร์นินตนหนึ่งเอ่ยออกมาว่า
ปกติแล้วเจ้าพวกนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นหรอกนะครับ
พวกนักสู้ใต้ดินนั้นมัวแต่ขึ้นไปต่อสู้ด้านบนจนหมด
พวกเขาอยู่ตรงมุมนั้นแหละครับ
มีพวกนักสู้ซัลเลียนเฝ้ายามอยู่ 4 ตนตรงทางเข้า วีดตรวจสอบสภาพร่างกายของเขาและหายใจเข้าลึก
แวนฮอร์ค จัดการพวกมัน 3 ตัว โทริจะจัดการ 1 ตัวแล้วค่อยตามไปช่วยแก
รับทราบ นายท่าน
แวนฮอร์คและโทริเริ่มการออกล่าในทันที ตอนนี้มีศัตรูแค่ 4 ตัว แถมเขายังใช้ดาบดาวสีชาดด้วย มันจึงไม่ยากเย็นอะไรที่จะจัดการพวกนักสู้ยอดฝีมือแล้วชิงเอากุญแจมาเปิดประตู
ดวงตาของวีดเบิกโพลง
พวกนี้มัน.......
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
การต่อสู้ ณ ยอดเขาทับคาล
ค่าพลังชีวิตและมานาของเพลแทบจะถึงขีดจำกัดแล้ว พวกประติมากรรมสลักชีพก็ยังสู้ได้ทว่าพวกมันต่างก็รู้สึกเหนื่อยจากพวกนักสู้ที่มากันไม่จบไม่สิ้น พวกมันถูกข่มขู่จากพวกประติมากรรมสลักสลักชีพที่บินได้และพวกราชาไฮดร้า เพราะงั้นพวกซัลเลียนถึงได้ไม่กล้าเข้ามาจู่โจม แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในสภาพที่เหนื่อยล้า ฮวารยองและเบลล็อตก็ยังหลอกล่อความสนใจของศัตรูต่อไปเรื่อยๆด้วยการบรรเลงเพลงและร่ายรำ
เพลดึงลูกธนูออกมาจากกระบอกใส่แล้วตะโกนออกไปว่า
ยังไม่มีข่าวจากคุณวีดเลยหรอ?”
เขายิงใส่กลางหน้าผากของนักสู้ได้อย่างแม่นยำ! เขาไม่รู้ว่าเพราะพวกมันปกป้องป้อมปราการได้ดีหรือว่าพวกเขาสร้างความเสียหายไม่มากพอ แถมพวกนักสู้ซัลเลียนก็ต่อสู้ได้อย่างชาญฉลาดมากด้วย
บางทีนั่นอาจจะทำให้มันยิ่งน่ากลัวมากเข้าไปใหญ่
พวกซัลเลียนล้อมเหยื่อที่แข็งแกร่งของมันอย่างรอบคอบเพื่อที่จะรวมกำลังพลของพวกมันแล้วพร้อมกำจัดพวกเขาในคราเดียว
ไอรีนที่กำลังฟื้นค่าพลังชีวิตให้พวกประติมากรรมสลักชีพอยู่ก็ตอบกลับไปว่า
รอแปบนึงนะคะ
เราต้องถอยแล้วนะ บอกเขาว่าได้เวลาต้องไปแล้ว
เขาบอกว่าถ้าเรารออีกหน่อย เราก็ได้ออกไปแล้วค่ะ
หมายความว่าไง....?”
และทันใดนั้นเอง
กริฟฟินหลายสิบตัวบินออกมาจากป้อมปราการของพวกซัลเลียนที่อยู่บนยอดเขาทับคาล แถมยังมีเสือเขี้ยวโค้งจำนวนมากมายวิ่งกรูกันออกมาจากประตูที่เปิดอ้าอยู่ ส่วนพวกอาร์นินก็นั่งอยู่บนหัวของพวกเสือเขี้ยวโค้งพวกนั้น
พวกซัลเลียนนั้นจะไม่เลี้ยงสัตว์ที่เชื่องๆอย่างกระต่าย แกะ หมู ไก่ หรือว่าวัวควาย มันจะเลี้ยงพวกกริฟฟินและเสือเขี้ยวโค้งเพื่อเอาไว้เป็นอาหาร แถมยังเลี้ยงเอาไว้เป็นยานพาหนะด้วยเช่นกัน
ถ้าหากมีเวลามากกว่านี้ พวกมันคงทรงพลังมากขึ้นและพากันขยายอำนาจออกไปนอกเทือกเขาฮาร์เซลแล้ว
ปัญหาปวดหัวมากมายถูกคลี่คลายได้ในทันทีที่วีดเจอเข้ากับพวกกริฟฟินและเสือเขี้ยวโค้ง เพียงแค่ตบปากรับคำทำภารกิจของพวกอาร์นิน เขาก็ยิงปืนนัดเดียวแล้วได้นกตั้งสองตัว จากนั้นพวกกริฟฟินและพวกเสือเขี้ยวโค้งก็โจมตีใส่พวกนักสู้ซัลเลียนตามคำขอของพวกอาร์นิน
อึก เจ้านั่นมันออกมาข้างนอกแล้ว!”
เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่แล้วสิ
พวกซัลเลียนมัวแต่ป้องกันป้อมปราการของพวกมันอยู่ จนไม่สามารถหยุดพวกกริฟฟินและเสือเขี้ยวโค้งที่กำลังหนีเอาไว้ได้แล้ว
เล็งไปที่พวกมือยิงแล้วเปิดทางไว้ให้พวกเสือเขี้ยวโค้ง!”
จากคำสั่งของวีด ทั้งปาร์ตี้ก็กลับออกมาจากยอดเขาทับคาลได้อย่างปลอดภัย! พวกซัลเลียนที่ต่างได้รับบาดเจ็บไม่สามารถไล่ตามพวกเขาให้ทันได้!
ตริ้ง!
-การต่อสู้กับเหล่าซัลเลียน ณ ยอดเขาทับคาลจบลงด้วยผลเสมอกัน
พวกซัลเลียนคือผู้ปกครองเทือกเขาฮาร์เซล หากท่านพิชิตป้อมปราการของพวกมันได้ ท่านจะสามารถปกครองทั่วทั้งเขตเทือกเขานี้ได้
ทว่าช่างน่าอัศจรรย์ที่ท่านสามารถหลบหนีออกมาได้โดยไม่มีการสังเวยชีวิต
เหล่าซัลเลียนที่ต่างเจ็บปวดจากความเสียหายร้ายแรงครั้งนี้จะคัดเลือก แม่ทัพ และสร้างปราการให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในการต่อสู้ครั้งหน้า

ท่านได้รับค่าชื่อเสียงจากผลงานในการต่อสู้ครั้งนี้

วีดพาพวกประติมากรรมสลักชีพกลับไปที่เมืองโมราต้าพร้อมกับพวกพ้องของเขา ส่วนพวกกริฟฟินและเสือเขี้ยวโค้งก็ลงหลักปักฐานอยู่ในพื้นที่ทางตอนใต้และตะวันออกของเทือกเขาฮาร์เซล
พวกมันจะคอยเป็นหูเป็นตาระวังภัยจากพวกซัลเลียน
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
 ....กลับมาได้อย่างปลอดภัยสินะ
-ขอบคุณท่านมาก ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบเพื่อนๆของพวกเราอีก
ตริ้ง!
-ภารกิจ: ผองเพื่อนของเหล่าเอลลิออน ประสบความสำเร็จแล้ว
ประติมากรวีดได้ช่วยเหลือเหล่าอาร์นินที่ถูกบังคับให้ไปเป็นแรงงานของพวกซัลเลียน
-สายพันธุ์ประติมากรรมสลักชีพ อาร์นินและเอลลิออนได้ลงหลักปักฐานที่ราชอาณาจักรอาเพนแล้ว
เหล่าประติมากรรมสลักชีพนั้นต่างอยากหวนรำลึกถึงความเกรียงไกรของราชอาณาจักรอาเพนเมื่อครั้งอดีตกาลและจะยอมทำงานเพื่อราชอาณาจักร
ท่านได้แสดงความหาญกล้า และความสามารถในการบัญชาการแห่งวีรบุรุษและได้ทำการตัดสินใจบนพื้นฐานของการเคารพในชีวิตของผู้อื่น
-ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 2,580 หน่วย
-เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น
-เหล่าประติมากรรมสลักชีพ อาร์นินและเอลลิออนจะทำงานเพื่อราชอาณาจักรของท่าน





-ระดับความใกล้ชิดสนิทสนมกับเหล่าประติมากรรมสลักชีพของท่านเพิ่มขึ้น
พวกเขาจะไม่ลืมความซึ้งใจที่ท่านมอบให้พวกเขาจากการตะลุยภยันตรายเพื่อช่วยเหลือพวกเขา
-บารมีของท่านเพิ่มขึ้น 15 หน่วย
-ความเป็นผู้นำเพิ่มขึ้น 23 หน่วย
-ท่านได้รับประสบการณ์การต่อสู้อันยิ่งใหญ่
สถานะที่เกี่ยวกับการต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างละ 3 หน่วย

วีดหัวเราะออกมาอย่างอบอุ่น หากมองจากสายของผู้ชม คนๆนี้ไม่จำเป็นจะต้องหล่อไม่ต้องดังเลย เขาก็เป็นคนที่น่านับถือ วีดเบนสายตาของเขาหนีและหัวเราะออกมาด้วยความชั่วร้าย
ฉันยินดีมากจริงๆที่ได้พบพวกนาย
ภารกิจปรมาจารย์สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว แทนที่จะได้รับอุปกรณ์สวมใส่หรือว่าไอเท็ม พวกอาร์นินนั้นกลับเป็นพวกที่ช่ำชองในเรื่องการเลี้ยงสัตว์
ฉันจะทำให้พวกมันทำงานไปตลอดชีวิต
พวกมันพึ่งหลุดออกมาจากการครอบครองของพวกซัลเลียนแล้วก็มากลายเป็นของวีด สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการสูบเลือดสูบเนื้อจากพวกมันนับจากนี้ไป
อีกอย่าง มันคงจะดีกว่าถ้ามาอยู่ในราชอาณาจักรอาเพน
ราชอาณาจักรอาเพนที่อยู่ทางเหนือของวีดนั้นได้ผงาดขึ้นมาเป็นอาณาจักรที่เป็นศูนย์กลางของเหล่าผู้เล่นมือใหม่
ถ้าหากว่าเขาลองมองดูกำลังทางเศรษฐกิจ กำลังทหาร และกำลังทั้งหมดของราชอาณาจักร นั่นเทียบไม่ได้กับทวีปทางตอนกลางเลย ทางเดียวที่จะเอาชนะได้ในตอนนี้คือ พยายามหาประโยชน์ใส่ตัว!
ตามความเป็นจริงแล้ว สถานการณ์รอบตัววีดในช่วงนี้ไม่สู้ดีนัก
บาร์ดเรย์และกิลด์เฮอร์มีสรวมกำลังของราชอาณาจักรฮาเว่นและคาลามอร์เป็นเข้าด้วยกัน ระดับขนาดนี้ก็มากเพียงพอที่จะถูกเรียกว่า จักรวรรดิแล้ว หลังจากที่กำราบพวกกิลด์ราชสีห์ทมิฬไปแล้ว พวกเขาก็สามารถเข้าควบคุมราชอาณาจักรทัลเลนผ่านทางกิลด์บาเดนไว้ได้ พวกเขามีกำลังทางทหารและอำนาจทางเศรษฐกิจที่ดีที่สุด
แถมพวกเขายังมีผู้เล่นเลเวลแรงเกอร์อีกมากมาย มีข่าวลือมาว่าเงื่อนไขที่จะเข้าร่วมกับกิลด์เฮอร์มีสนั้นเป็นอะไรที่เหนือจินตนาการ พลังของพวกเขามีมากพอๆกับกิลด์เมฆา กิลด์นักพเนจร และเหล่าทหารรับจ้างดาบทมิฬรวมกันซะอีก พวกเขาคือกิลด์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อปกครองราชอาณาจักรจริงๆ
ไม่มีอะไรเลยที่ราชอาณาจักรอาเพนจะมีอะไรไปเทียบเท่ากับพลังอำนาจ ความสามารถในการระดมทุน และกองกำลังทหารของพวกเขา
พวกเขาไม่มีทางยื่นข้อเสนอให้ฉันแน่ๆ พวกเฮอร์มีสต้องเสียหน้ามากแน่ๆถ้าหากพวกเขาทำอย่างนั้น
ประเด็นนี้ค่อนข้างชัดเจนสำหรับวีดจริงๆ กิลด์เฮอร์มีสนั้นต่างชี้ดาบมาทางเขา เพราะว่าเขาขึ้นหลังเสือไปแล้วเขาไม่มีทางลงมาได้ ราชอาณาจักรอาเพนนั้นยังอ่อนแออยู่ แต่ถึงยังไงพวกลูกสมุนของเขาก็ยังทำงานได้ดีอยู่ ส่วนภารกิจปรมาจารย์ก็ให้ผลกำไรดีพอควร
วีดพึ่งทำภารกิจปรมาจารย์ขั้นที่ 14 ของเขาเสร็จไป ปลายทางนั้นไม่ไกลมากแล้วที่เขาจะได้กลายเป็น ปรมาจารย์สายอาชีพ
คงได้เงินมามากมายแน่ๆถ้าฉันได้เป็นคนแรกที่ทำสำเร็จ!”
สถานีออกอากาศทั้งหลายจะจ่ายรางวัลมหาศาลให้กับเขาเพื่อที่จะได้ออกอากาศปรมาจารย์คนแรกของทวีป ตำแหน่งนั้นควรจะเป็นของเขาเมื่อโอกาสมาถึง
ทันใดนั้นกระเป๋าเป้ของเขาก็เปิดออก แล้วประติมากรรมรูปกวางที่เขาไม่ได้มอบชีวิตให้ก็เดินออกมา
ลูกกวางที่มีหน้าตาสดใส เพราะงั้นเขาจึงคิดว่าคงขายได้กำไรมากพองาม ในบางครั้งถ้ามีรูปร่างที่ดีก็เป็นที่นิยมและขายได้ราคาดีด้วย
จากนั้นลูกวางตัวนั้นก็พูดออกมา
ท่านประติมากรผู้สามารถมอบลมหายใจให้กับศิลปะได้
วีดรู้สึกเสียใจทุกครั้งที่เขาถูกยกย่องในฐานะศิลปิน มันคือสายอาชีพที่จำเป็นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรืออย่างอื่นอีกมากมายที่เขาจำต้องเผชิญกับความเจ็บปวดรวดร้าวไร้ที่สิ้นสุด เมื่อตอนที่ถูกสัมภาษณ์จากทางผู้ออกอากาศในหลายสถานี มันช่างเป็นประเด็นที่หนักอึ้งเกี่ยวกับคำถามที่ว่า เขามาเลือกสายอาชีพนี้ได้อย่างไร เขาพูดออกไปไม่ได้ว่าเขาเลือกสายอาชีพนี้มาเพราะความผิดพลาดแล้วก็ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด
ทว่าวีดก็ตอบออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เอาสิ พูดมาเลย เจ้ากวาง
ข้าซึ้งใจนักที่ท่านอุตส่าห์ฟูมฟักค้ำชูประติมากรรมด้วยใจจริง
.....
วีดรุ้สึกละอายใจมากจากคำๆนั้น
ขอบคุณมากที่อัญเชิญวิญญาณลงมาสู่ตัวพวกเราจนทำให้เรามีชีวิตขึ้นมา
ไม่ต้องพูดขนาดนั้นหรอก ก็แค่สิ่งที่ฉันต้องทำนะ ข้าแค่อยากจะให้ทั้งโลกได้เห็นประติมากรรมน่ารักๆอย่างเจ้านะ
ช่างเป็นบทสนทนาที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยระหว่างพ่อและลูกสาว เจ้าเหลืองที่กำลังยืนอยู่ข้างๆเขาที่มักจะถูกเรียกว่า สเต็กริบอายรู้สึกขุ่นเคืองกับคำพูดของเขา
ประติมากรเช่นท่านคือคนเดียวที่สามารถเข้าใจหัวใจของประติมากรรมได้ ดังนั้นข้าจึงมีบางอย่างอยากจะขอร้องท่าน ท่านจะช่วยเรียนรู้ความเป็นประติมากรรมเช่นเราได้หรือไม่?”
ตริ้ง!

-ภารกิจ: ดวงตาของประติมากรรม
ความท้าทายใหม่ในฐานะประติมากรนี้ก็เพื่อเพิ่มความเข้าใจในตัวของประติมากรรม
จงกักตัวท่านเอาไว้ในประติมากรรมที่แม้แต่สายลมที่เหน็บหนาวก็ไม่อาจทำให้ท่านรู้สึกได้
ระดับความยาก: ภารกิจปรมาจารย์ประติมากร
ข้อจำกัดภารกิจ: ทักษะแกะสลักขั้นสูงเลเวล 8
หากประติมากรรมถูกทำลายโดยฝีมือสัตว์หรือผู้คนท่านจะทำภารกิจล้มเหลว
หากท่านปลดทักษะ กายาประติมากรรม ก่อนเวลากำหนดท่านก็ล้มเหลว

-ท่านได้รับทักษะ กายาประติมากรรม
กายาประติมากรรม: ร่างกายของท่านจะถูกทำให้กลายไปเป็นประติมากรรม
หินจะก่อรูปรอบร่างกายของท่านเมื่อทักษะเริ่มร่าย ท่านจะไม่สามารถขยับได้เป็นระยะเวลา 1 เดือนที่เป็นระยะเวลาที่กำหนดของทักษะนี้
แม้ว่าการเชื่อมต่อกับเกมส์จะถูกตัดขาด รูปสลักหินจะยังคงอยู่ด้วยความมั่นคงขึ้นอยู่กับค่าสถานะทางศิลปะของท่าน

 ฮึ่มมมม..
วีดคิดคำนวณภารกิจขั้นที่ 15 ของเขาเสร็จในทันที เขาโชคดีมากตั้งแต่ที่ภารกิจปรมาจารย์ของเขาเกือบจะล้มเหลวลงไป เขาสามารถวางใจได้แล้วใช้เวลาเดือนหน้าทั้งเดือนในร่างประติมากรรมหิน
โรยัลโร้ดนั้นเวลาเดินเร็วมากกว่าเวลาในโลกจริงถึงสี่เท่า เพราะงั้นมันก็คงไม่ใช้เวลานานมากนัก
วีดเผยรอยยิ้มออกมาแล้วพูดออกมาว่า
ข้าปรารถนาที่จะเข้าใจในจิตใจของพวกเจ้าให้มากยิ่งขึ้น ข้าจะขอรับโอกาสครั้งนี้เอาไว้เพื่อเรียนรู้มัน
-ท่านได้ตอบรับภารกิจแล้ว

 ขอบคุณที่ยอมรับภารกิจของข้า
จากนั้นลูกกวางตัวนั้นก็กลับไปเป็นประติมากรรมอีกครั้ง
เผยดวงตาที่เป็นของตุ๊กตาไม้ออกมา! ปกติแล้วราคาโดยเฉลี่ยก็คงอยู่ประมาณ 1 เหรียญทอง ทว่าหากบวกภาษีเข้าไปก็คงได้อย่างน้อย 4 เหรียญทอง
จากนั้นคำบ่นของวีดก็เริ่มขึ้น
อาชีพประติมากรนี่เอาปัญหามาให้ฉันตลอดเลยน๊า
ถึงยังไงก็ตามเขาก็จำเป็นต้องทำภารกิจ เขาต้องรีบทำต่อไปให้จบลงเร็วที่สุด
อย่างน้อยก็ดูเหมือนจะไม่มีความเสี่ยงอะไร
เขาควรจะเอาไวเวิร์นไปซักตัวแล้วบินไปอยู่บนหน้าผ้าแล้วก็ค่อยใช้ทักษะ
ไม่ๆ อาจจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้
หลังจากที่ทักษะประติมากรรมมหาภัยพิบัติถล่มผาหิน เขาก็ตะหนักได้ว่าหน้าผาไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน
พื้นที่ราบก็คงไม่ดีเท่าไรเพราะมอนสเตอร์ก็คงอยู่ที่นั่นแน่ กลางทะเลก็ดูอันตรายพอกัน...
มีภัยพิบัติเกิดขึ้นภายในทะเลด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะพายุและอันตรายที่จินตนาการไม่ถึงมากมายกระจัดกระจายอยู่ทั่วท้องทะเล เขาแค่ต้องเข้าไปหาข้อมูลในหอสมุดของโมราต้าก็เห็นข้อมูลเหตุการณ์แลวร้ายมากมายที่เกิดขึ้นบนท้องทะเล ทุกวันนี้ตามชายทะเลและท่าเรือวาร์น่าเองก็ถูกสร้างขึ้นมารอบๆเมืองโมราต้า มีผู้เล่นมากมายสนุกกับการผจญภัยในทะเล ออกไปตกปลา หรือว่าว่ายน้ำ
คนในโลกนี่เหลือเชื่อจริงๆ...ฉันจะไปใช้เวลา 1 เดือนที่ไหนดีเนี่ย?”
วีดตัดสินใจที่จะอยู่ภายในโมราต้า เมื่อพิจารณาถึงพวกมอนสเตอร์และธรรมชาติสิ่งแวดล้อม โมร้าต้าถือว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุด
ฉันต้องอยู่ที่นั่น 1 เดือนเต็ม
มีประติมากรรมตั้งโชว์อยู่เป็นจำนวนมากมายภายในเมือง ประติมากรทั้งหลายก็ทำงานตามท้องถนน แต่ก็มีอีกมากมายภายในศูนย์ศิลปะและมหาวิหาร
ฉันก็แค่ไปเป็นหนึ่งในประติมากรรมพวกนั้น
วีดรู้ดีว่าเขาไม่ควรบอกเรื่องนี้กับใคร ภารกิจนี้ไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่ก็อาจจะมีคนที่มีความบาดหมางกับเขามาโจมตีได้
มีทั้งพวกกิลด์เฮอร์มีสกับพวกผู้เล่นที่โดนฉันเล่นงานตอนที่อยู่ในเดอะ คอนติเนน ออฟเมจิค น่าจะมีอย่างน้อย 100,000 ถึง 200,000 คนไหมนะ?”
ความบาดหมางนั้นคงมากพอที่จะทับถมกองเป็นภูเขาเหล่ากาแน่!
พวกมันต้องมารวมกลุ่มกันแน่ถ้ารู้เรื่องนี้เข้า แล้วก็จะเข้ามาขัดขวางภารกิจ
วีดเดินตรงเข้าไปตามสถานที่ที่มีแสงสลัวๆภายในตัวเมืองโมราต้า เมื่อตอนที่เขาเผชิญหน้ากับพวกแวมไพร์ในอดีต เขาได้ออกล่ามากมาย ณ ที่แห่งนี้ทว่าบัดนี้ ตัวเมืองได้พัฒนาไปมากแล้วตั้งแต่ตอนนั้น สิ่งก่อสร้างใหม่ๆที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปทุกครั้งที่เขาเข้ามาในเมืองโมราต้า
สถานที่ที่ไม่มีคนพลุกพล่านคงจะดีไม่น้อย สถานที่เงียบๆที่จะได้ไม่โดนขัดจังหวะ
ไม่มีที่ไหนภายในเมืองโมราต้าที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน ตัวเมืองเติบโตขึ้นอย่างมากและตอนนี้ก็กลายมาเป็นเมืองหลวงไปแล้ว รถลากผ่านไปมาส่วนผู้เล่นใหม่ก็เดินกันให้ว่อน
วีดซ่อนใบหน้าเขาเอาไว้ภายใต้ชุดคลุมและเดินผ่านเส้นทางหลักไป เขาเดินไปแถบชานเมืองของโมราต้าและเลือกใช้ถนนเลี่ยงเพื่อขึ้นไปยังเนินเขา
ที่นี่ไม่เลวเลยทีเดียว ไม่ค่อยมีคนเพ่นพ่าน....
เขานั่งแกะสลักรอไปได้ 1 ชั่วโมงแต่ก็ยังไม่มีใครเดินผ่าน วีดสวมชุดเกราะอัศวินแห่งเทพี ดาบแห่งแดม่อน และสร้อยคอแห่งบาราฮาน พร้อมกับหมวกดำอันสง่าของชนชั้นสูงวัยเยาว์ก่อนที่จะเปิดใช้ทักษะ
ทักษะกายาประติมากรรม!”
ทักษะกายาประติมากรรมได้ถูกใช้งานแล้ว
ท่านจะไม่สามารถขยับได้ขณะที่ทักษะเปิดใช้งานอยู่

เขาเริ่มกลายเป็นรูปสลักหินตั้งแต่เท้าขึ้นมา หลังจากที่ร่างกายทั้งหมดของเขากลายไปเป็นหิน เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้นั่นทำให้ค่อนข้างน่าอึดอัดนิดหน่อย เขากำลังมองดูโลกผ่านทางสายตาของประติมากรรม และถึงแม้ว่าจะสำรวจทั่วทั้งพื้นที่แล้ว ดวงตาหินของเขาก็ไม่ขยับซักนิด
เจ๋งไปเลย ไม่มีใครรู้แน่ๆ
วีดรู้สึกปลื้มใจกับความลับเล็กๆของเขาแต่เพียงผู้เดียว แล้วหลังจากที่ผ่านไปได้ 10 นาที
ฟิ้วววววววววววว
ใบไม้ผลิใบร่วงลงสู้ผืนดิน ช่างเป็นสถานที่ที่เงียบสงบจริงๆภายในเมืองโมราต้าแห่งนี้ เพราะงั้นแหละมันถึงได้น่าเบื่อสุดๆ ทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้ก็มีแค่มองดูวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปแล้วก็นกกระจอกที่บินผ่านไป
ยังไงก็เถอะ ก็คงจะดีถ้าฉันทำภารกิจสำเร็จ อยากให้ผ่านไปเร็วๆชะมัด
วีดรู้ว่ามันน่าเบื่อแต่ก็ยังเชื่อมต่อเกมส์เอาไว้ แต่ยังไงก็ตามเขาก็ยังต้องกินข้าวแล้วก็ทำความสะอาดบ้าน การดูแลเรื่องงานบ้านและเอาใจใส่ดูแลร่างกายนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการมีชีวิตอยู่ในฐานะมนุษย์
ก็นะ คงไม่มีปัญหาอะไรแล้วหล่ะ โมราต้าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย งั้นไปทำความสะอาดบ้านดีกว่า
จากนั้นวีดก็ออกจากเกม
---จบตอน----
ผู้แปล : Cole’s Myth
Editor : แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

6 ความคิดเห็น:

  1. เข้าไปอยู่ในหอศิลป์ดิ ไม่มีใครรู้ แถมกระตุ้นยอดผู้เข้าชมด้วย
    ปล.ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  2. ข่าวลือตามมา...จุดแวะชมใหม่

    ตอบลบ
  3. ใส่ของดีขนาดนั้น ไม่โดนหิ้วไปตั้งโชว์เรอะ 555

    ตอบลบ
  4. ยังดีตอนย้ายไม่แตก 5555

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...