วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

เล่ม 29 ตอนที่ 6 : ปรมาจารย์แกะสลักคนสุดท้าย แปลโดย Acid กรด


เล่ม 29 ตอนที่ 6 : ปรมาจารย์แกะสลักคนสุดท้าย แปลโดย Acid กรด


        "หมอกนี่น่ากลัวจัง"

        "ผมได้ยินมาว่าที่นี่เต็มไปด้วยหมอกตลอดเวลา"

        วีดและพรรคพวกของเขามาถึงหมู่บ้านมูส์ออส(Musos Valley)ที่บรรจุสุสานของกษัตริย์ผู้บังคับไวเวิน
สายตาของสปาร์ทอย(Spartoi*) จับจ้องไปยังที่ไกลๆขณะที่พวกเขามองหาพวกมอนสเตอร์หรือภัยคุกคาม
อสูรร้ายแห่งขุนเขาและพวกมอนสเตอร์ที่เคลื่อนไหวอยู่รอบๆหวาดกลัวและหลีกหนีสปาร์ทอยอย่างกับมีแผ่นดินไหว
มันเป็นท่าทางที่ไร้ประโยชน์ของพวกมอนสเตอร์ระดับสูง ไม่เหมือนกับแวน ฮอร์ค และโทริ

        วีดเดาะลิ้น

        "ถ้าฉันสามารถถลกหนังพวกมันออกได้อย่างนั้น ฉันสามารถขายมันได้ราคาแพงแน่ๆ"

        "ดูเหมือนจะใช่"

        เพลค้นพบปากทางเข้า มันเป็นทางเข้าสุสานของกษัตริย์เบลซ์ออส(King Belsos) ที่ก่อนหน้าถูกเปิดโดยกิลด์ปีกสีชาด(the Crimson Wings Guild) แต่ไม่มีผู้มาเยี่ยมชมตั้งแต่นั้นมาเป็นต้นมา มันจึงถูกปิดผนึกอีกครั้ง

        พวกเขาเคลียร์ก้อนหินที่ทางเข้าและเข้าไปข้างในโบราณสถาน

                        *************************************************

        กำแพงหินด้านในโบราณสถานเป็นถ้ำตามธรรมชาติที่ถูกตัดถากจนราบเรียบและกว้างขวาง
มีเสากลมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง แต่พวกมอนสเตอร์อาจจะแอบอยู่บริเวณโดยรอบ ดังนั้นพวกเขาจึงวิตกกังวล

        "ถึงเวลาที่ฉันจะได้เฉิดฉายซะที"

        เพลเคลื่อนที่ไปข้างหน้า

        "เนตรวายุ"

 เมื่อได้รับพลังแห่งห้วงมิติ, เป็นไปได้ที่จะมองทะลุวัตถุ

        มันเป็นทักษะของนักธนูที่เขาได้รับหลังจากที่เลเวลถึง 400 แล้ว แม้นว่าเขาจะยังไม่ได้รับเทคนิคอื่นๆของนักธนู เพลเติบโตมาจากการต่อสู้ล้วนๆ เขาเป็นนักธนูที่ได้ความไว้วางใจให้ติดตามวีด
และได้ยกระดับสถานะและความเชี่ยวชาญด้านทักษะของเขา

        เพลวางลูกศรลงบนคันธนูของเขา

        "ลูกศรสนธยา"(Twilight’s Arrow)

- ใยเหนียวๆห้อยลงมาจากลูกศรจะทำให้ความเร็วของศัตรูลดลง

        "สายลมนำทาง" (Wind of Guidance)

- สามารถโจมตีเป้าหมายที่มองเห็นได้ด้วยเนตรวายุ ลูกศรจะถูกเล็งอย่างแม่นยำในการติดตามศัตรู

        เฟิ้ยว!

        เพลจ้องไปที่ผนังและยิงลูกศรออกไป ด้วยความสามารถในการยิงธนูของเขา ทำให้เขาสามารถทำการรวมทักษะสี่ประเภทในศรลูกเดียว ลูกศรแล่นตรงและเคลื่อนไปตามกำแพงก่อนที่จะหายไป

        หลังจากนั้นชั่วครู่

        อ๊าก.ก.ก!

        ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเจ้ามอนสเตอร์ เพลใช้ทักษะการยิงว่องไวและยิงลูกศรต่อเนื่องจนกระทั่ง
เสียงกรีดร้องของมอนสเตอร์ค่อยๆหายไป เขาได้แสดงให้เห็นถึงวิธีการอันยอดเยี่ยมในการออกล่ามอนสเตอร์ในดันเจี้ยน มันเป็นความสามารถของนักธนูขั้นสูงเท่านั้นที่ทำได้!

        มันไม่เป็นปัญหาถ้ามีเพียงตัวเดียวแต่ถ้ามีมอนสเตอร์เป็นทวีคูนอย่างนั้นมันจะเป็นเรื่องยากที่จะรับมือด้วยลูกศรสามารถลดพลังชีวิตของพวกมอนสเตอร์ได้หลายครั้งก่อนที่พวกมันจะมาถึง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อล่อมอนสเตอร์ ลูกศรของเพลสามารถกำจัดพวกศัตรูหรือทำให้พวกมันช้าลง

        พวกมอนสเตอร์ที่มาถึงได้ก็กลายเป็นเหยื่อของหมัดของเซอร์กะ

        "หมัดยอนฮาน(Yon han kwon : kwonแปลว่า มือ, การโจมตีด้วยมือ), พลังไร้เปรียบปาน(Matchless Power), พลังกงล้อ!(Wheel Power)"

        ท้อง, สีข้าง, หน้าผาก

        ทักษะต่างๆโจมตีเข้าที่บริเวณต่างๆราวกับพายุ รู้สึกได้ถึงพลังกำปั้นอันน่าหวาดเสียวและเสียงของบางสิ่งโดนโจมตีคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด

        "ฮิ ฮิ, ฉันยังไม่ค่อยแข็งแกร่งมากพอใช่ไหม?"

        วีดพอใจที่เหล่าสหายของเขาเติบโตขึ้นมาก

        "ทำได้ดี หมายความว่าพวกเราสามารถไปด้วยกันครั้งหน้าได้เมื่อผมได้เควสระดับ S "

        ถ้าความยากลำบากได้รับการแบ่งเบาอย่างนั้นความเจ็บปวดก็จะลดลง เขาจะสบายจากความยากลำบากมากขึ้นด้วยความช่วยเหลือของเหล่าสหายดีกว่าตัวคนเดียว!
เลือดสูบฉีดขึ้นบนใบหน้าของเหล่าสมาชิกเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของวีด พวกเขาโอ้อวดกันใหญ่กับความแกร่งของพวกเขาและตอนนี้พวกเขาได้มีส่วนร่วมในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า!

        และแล้วพวกเขาก็เร่งความเร็วในการสำรวจโบราณสถานทั้งหลาย

        ในอดีต, กิลด์ปีกสีชาดได้รวบรวมผู้เล่นถึง 300 คนเพื่อทำการสำรวจสุสานของกษัตริย์เบลซ์ออส
ในเวลานั้น, พวกเขาเป็นหนึ่งในกิลด์ที่มีอำนาจสูงบนทวีปเวอเซลล์ มันจึงเป็นไปได้ที่จะทำอะไรแบบนั้น

        "ถ้าพวกเราเคลื่อนที่ต่อไปเรื่อยๆพวกเราจะไปถึงประตูสุสานของกษัตริย์"

        "ผมเข้าใจ!"

        "คุณไอรีน, ผมเคยได้รับพรฉะนั้นฟื้นฟูพลังชีวิตของผมก็พอถ้าชีวิตผมตกอยู่ในอันตราย"

        "ฉันจะทำตามนั้นค่ะ"

        วีดสั่งการก่อนที่จะทำการสำรวจส่วนที่เหลือของโบราณสถาน ในกลุ่มเต็มไปด้วยผู้เล่นที่มีเลเวลมากกว่า 400 พลังของแต่ละคนก็ค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อเปรียบเทียบกับพวกกิลด์ปีกสีชาด
ดังนั้นการสำรวจของพวกเขาจึงมีประสิทธิภาพมากกว่าก่อนหน้านี้

        เขายังนำสปาร์ทอยของไคเบิร์นมาใช้ สปาร์ทอยเป็นพวกโครงกระดูกที่สวมใส่ชุดเกราะชั้นหนึ่ง(the first class)ที่คนแคระได้สร้างขึ้น พวกเขาเป็นโครงกระดูกรูปมนุษย์ที่เห็นกระดูกได้อย่างชัดเจน วีดสั่งการสปาร์ทอย

        "ออกไปต่อสู้"

        แม้ว่าการจัดการกับมอนสเตอร์ร่วมกับเหล่าผองเพื่อนทำได้ดีพอสมควร, แต่พวกแมลงตัวเล็กๆที่เรียกว่าแมลงหุ้มเกราะ(Armoured Insects)ในโบราณสถานเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ

        "ไม่มีข้อตกลงว่าต้องฟังคำพูดของเจ้า"

        "มันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ไคเบิร์นที่ได้มอบหมายให้ข้า"

        "...รับทราบ"

        สปาร์ทอยออกเดินภายใต้ชุดเกราะของพวกมันอย่างรวดเร็วและฟาดฟันพวกแมลงหุ้มเกราะ
พวกมันให้ความรู้สึกเหมือนเครื่องจักรขณะที่พวกมันจัดการแมลงหุ้มเกราะได้ในพริบตา

        'มันคงเจ๋งมากเลยถ้าเจ้าพวกนี้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของฉัน....'

        เขาประเมินว่าเหล่าสปาร์ทอยมีเลเวลอย่างน้อย 520 ดังนั้นพวกมันจึงไว้ใจได้ในการศึก
พวกมันคือสัตว์ประหลาดเวทมนต์ที่เกิดมาเพื่อการต่อสู้! วีดมองดูร่างของพวกมันจากด้านหลัง

        'ความตายเป็นเรื่องดีสำหรับพวกมันถ้าจะโดนกวาดล้างด้วยพวกมอนสเตอร์......'

        วีดก็จะฉกฉวยเอาชุดเกราะและดาบที่สปาร์ทอยใช้อยู่! สายตาของวีดฉายแววเจ้าเล่ห์

        "สปาร์ทอย, รักษาระยะเอาไว้แล้วบุกทะลวงไปข้างหน้าเดี๋ยวนี้!"

        "ขอรับ, รับทราบ"

        พวกสปาร์ทอยเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมประจันกับพวกมอนสเตอร์หลายร้อยตัวที่กางกงเล็บแหลมคมรออยู่
การต่อสู้อันรุนแรงตรงทางเดิน!!!

        "ทำได้ดีมาก, สปาร์ทอย!"

        วีดเฝ้าดูการต่อสู้ในขณะที่กำลังเชียร์พวกสปาร์ทอยอยู่ เหล่ากรงเล็บแหลมคมก็โจมตีเข้าใส่พวกสปาร์ทอยอย่างไม่ลดละ พวกมันโจมตีด้วยกรงเล็บแลัวยังขบกัดทั้งยังพ่นไฟใส่

        แต่พลังชีวิตของพวกสปาร์ทอยก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าพวกมันจะโจมตีไปมากเท่าไรก็ตาม
ความแข็งแกร่งด้านการป้องกันเวทย์ของมังกรปีศาจไคเบิร์น(Akryong Kaybern)กำลังล่องลอยอยู่รอบตัวของพวกสปาร์ทอย

        พวกมอนสเตอร์กรงเล็บคมทั้งหลายเลยเป็นพวกจดๆจ้องๆแทน เหล่าสปาร์ทอยไม่ได้รู้สึกรู้สาถึงสภาพวิกฤติทั้งมวลและล้มเหล่าศัตรูลงที่ละตัวๆ

        "เยี่ยม, แหงละพวกมันคงจะไม่ตายง่ายๆ"

        วีดให้พวกสปาร์ทอยป้องกันอยู่ในตำแหน่งของพวกมัน ต้องขอบคุณการต่อสู้และการป้องกันอันยอดเยี่ยมของพวกสปาร์ทอย, ทำให้การออกล่ากลายเป็นเรื่องง่ายดาย

        "เรียกขาน เดทไนท์ แวน ฮอร์ค, เรียกขาน ลอร์ดแวมไพร์ โทริ!"

        "นายท่าน, ท่านเรียกหาเราหรือ"

        "ออกไปสู้ซะ"

        โทริ และ แวนฮอร์คได้ช่วยเหลือในการศึก ขณะที่วีดใช้ทักษะดาบลับของเขา

        "ทักษะดาบโคลนนิ่ง!"

        ร่างลวงทั้ง 5 ได้ก่อตัวขึ้น หลังจากได้พ่ายแพ้ให้กับบาร์ดเรย์, เขาตระหนักว่าเขาต้องเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญทักษะการต่อสู้ต่างๆของเขา เขาใช้การรุกไล่ด้วยการใช้ทักษะดาบในการต่อสู้
พวกร่างลวงโจมตีใส่พวกมอนสเตอร์กรงเล็บคม กรงเล็บของมอนสเตอร์โจมดีวีดหลังจากที่เขาวิ่งเข้าใส่

        -คุณถูกโจมตีโดยมัลลัค(Malluk)
        - ด้วยพรของเทพีเฟร์ย่าส่งผลกระตุ้นให้ชุดเกราะอัศวินแห่งองค์เทพีทำงาน
        พลังป้องกันจะเพิ่มขึ้น 27% ขึ้นอยู่กับความเสียหายที่เกิดจากพวกมอนสเตอร์

        พลังป้องกันของเขาเพิ่มขึ้น ต้องขอบคุณชุดเกราะแห่งองค์เทพี

        "โอเค, นี่คงจะพอแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องขยับไปไหน"

        วีดพัฒนาสไตล์การต่อสู้ที่ต่างไปจากธรรมดา โดยปรกติแล้วเขาจะมุ่งไปข้างหน้าและปล่อยทักษะของเขาออกไปอย่างสุขุมรอบคอบ แม้ว่าบาร์ดเรย์จะชื่นชมความจันเจนและความว่องไวของเขาในการต่อสู้

        "หลับตาอดทน, เพลงดาบประกายแสง!"

        พลักๆๆๆๆ!

        วีดถูกโจมตีด้วยกรงเล็บคมและใช้เทคนิคดาบลับ ขณะนี้วิหคแสงเรืองรองสามตัวปรากฏออกมา มันพุ่งไปต้อนรับเหล่าศัตรูในขณะที่เขายังหลับตาอยู่ เขาไม่ได้หลบเลี่ยงการโจมตีใดๆ
และยังคงใช้ทักษะการต่อสู้ของเขาอย่างต่อเนื่อง

        การสร้างความยืดหยุ่นและความมุ่งมั่นต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก
เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายมากกว่าที่จะยอมถูกโจมตี
การเปลี่ยนแปลงวิธีการออกล่าของเขาทำให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้นนิดนึง
อย่างไรก็ตามรูปแบบการต่อสู้ของเขาแย่ลงเหมือนว่าเขาอยู่ในการตะลุมบอน

        "โจมตีฉันให้มากขึ้น, ยังอ่อนเกินไป เอาอีกๆ เข้ามาเลย!"

        นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ชุดเกราะอัศวินแห่งองค์เทพีในการต่อสู้

        พลังป้องกันขั้นพื้นฐานของเขาสูงมาก และเจ้าฮีเลี่ยมเองหมายถึงมานาจะคืนมาได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นวีดสามารถใช้ทักษะดาบของเขาได้อย่างต่อเนื่อง เบลล็อทถอนหายใจลึกๆ

        "เป็นคุณวีดแท้ๆเลย...."

        หากว่าเขายังไม่ได้เรียนรู้, เขาจะไม่สู้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า ผู้ชายควรพิจารณาภาพลักษณ์ของเขาในการต่อสู้ ฮวายองได้แต่อมยิ้ม

        "คุณวีดนี่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ อ๊าย.ย.ย!"

        "....."

        เธอเป็นพี่สาวที่แสนจะเป็นกันเองแต่บางครั้งเบลล็อทก็ไม่ค่อยเข้าใจฮวายอง ซะจริงๆ

                                *************************

        พวกเขามาถึงทางเข้าห้องศิลาของกษัตริย์เบลซ์ออสได้อย่างปลอดภัย
พวกสปาร์ทอยช่วยเหลือได้มากทีเดียวแต่พวกเขาก็ยังเหน็ดเหนื่อยเมื่อต้องรับมือกับมอนสเตอร์จำนวนมากแบบนี้
วีดดูไม่ค่อยดีเท่าไรทั้งที่ยืนนิ่งๆอยู่เกือบตลอดช่วงการต่อสู้ของเขา

        ไอรีนถามอย่างร้อนใจ

        "พี่ยังโอเคอยู่ไหม? จะให้หนูใช้เวทย์รักษาพี่สักหน่อยไหมถ้าพี่อยู่ในสภาวะที่แย่อย่างนี้?"

        "มันยังโอเคอยู่ ฟิ้ว"

        เวลานี้ความอดทนของเขาเกินกว่า 900 แต้ม และความยืดหยุ่นของเขาเกิน 500
นี่เป็นผลมาจากการออกล่าอย่างโหดหินและการทำประติมากรรม

        พวกนักรบมีแนวโน้มในการพัฒนาทักษะการป้องกันด้วยการใช้โล่ป้องกันการโจมตี
การเพิ่มระดับพื้นฐานเหมือนอย่างวีดเป็นเรื่องยาก

        เขาตั้งใจจะให้มันจบลงผิดที่เมื่อโจมตีพวกมอนสเตอร์
       
        "ฉันเลือกได้ถูกต้องจริงๆกับเกราะชุดนี้"

        "....."

        ความแตกต่างระหว่างค่าพลังป้องกันที่ 85 ของเกราะทัลล๊อก กับค่าพลังป้องกันเกือบ 300 ของเกราะอัศวินแห่งองค์เทพี ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว ถ้าเขาใช้การขัดเงาชุดเกราะก็จะเพิ่มค่าพลังป้องกันได้อีก 20%
ทำให้ช่องว่างถ่างเพิ่มขึ้นอีก ผลของค่าพลังป้องกันที่ต่างกันถึง 200 ลดพลังการโจมตีของพวกมอนสเตอร์ลงได้ถึงหนึ่งในห้าส่วน

        "ตอนนี้ผมแค่รู้สึกจั๊กจี้"

        ครั้นเมื่อเขาสวมเกราะอัศวินแห่งองค์เทพี, เขาสามารถละเลยการโจมตีต่างๆและต่อสู้ได้อย่างห้าวหาญมากขึ้น นั่นเป็นเพียงอย่างเดียวที่มีผลกระทบต่อพลังโจมตีของเขาและฮีเลียมยังเติมมานาของเขาได้อย่างรวดเร็ว

        การใช้เทคนิคดาบลับและทักษะการต่อสู้ ที่หลากหลายช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการออกล่าของเขาด้วย เป็นเรื่องน่าเสียใจที่เขาเสียเกราะทัลล๊อก แต่มันนำไปสู่การเติบโตอย่างมากทางด้านความสามารถต่างๆ

        "มันอาจจะสมบูรณ์แล้วถ้าฉันขายมันที่ราคาสูงให้กับผู้ซื้อดีๆหน่อย"

        "หา?"

        "ไม่มีอะไร, ตอนนี้พวกเราสำรวจพื้นที่ทั้งหมดของพวกประติมากรรมกันเถอะ"

        พวกมันเป็นประติมากรรมแมงป่องที่เป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์เบลซ์ออส วีดหยิบหินสีแดงขึ้นมาจากแท่นบูชา ในอดีตเขาเคยทำชิ้นงานพวกนี้มาก่อนแต่เขาจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว

        ประติมากรรมจำนวนมหาศาลที่ผ่านมือเขากระจายออกไปทั่วทั้งทวีป จำนวนมหึมาอย่างกับเอาคลังสินค้ามาวางซ้อนกัน พวกประติมากรรมสามารถขายได้ราคาดี ในงานฉลองรำลึกเหตุการณ์ต่างๆหรือด้วยการขายราคาพิเศษ

        "ผมจะสร้างแมงป่องให้ดีกว่าที่เคยทำมาก่อน"

        วีดนำก้อนแร่ออกมาและเริ่มแกะสลักแมงป่อง และมอบมันให้สหายของเขาทีละคนๆ

        "วางมันลงพร้อมๆกัน"

        "ได้"

        บรรยากาศที่ตึงเครียดหลั่งไหลออกมาชั่วขณะหนึ่ง กิลด์ปีกสีชาดได้เคยเข้าไปในสุสานของกษัตริย์เบลซ์ออส
และจบลงด้วยการสาปแช่งไปทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลล์ ถ้าพวกเขาได้คิดถึงเรื่องนั้นแล้ว, จะเห็นได้ว่ามีความเสี่ยงมากถ้าพวกเขาเข้าไปข้างใน
       
        แน่นอน วีดก็ได้พิจารณาในส่วนนั้นแล้ว

        'ฉันกำลังทำสิ่งนี้แบบลับๆเพราะว่าฉันไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร และฉันสามารถยกเลิกมันได้เมื่อมันจบ'

        เขาไม่ได้ทำมันเป็นสาธารณะเหมือนอย่างกิลด์ปีกสีชาด และจากทางเข้าของโบราณสถาน มั่นใจได้ว่าไม่มีผู้ใดอื่นอยู่ข้างใน

        ครืด.ๆ.ๆ.ๆ.ๆ ครึม!

        ประตูส่งเสียงดังเมื่อแมงป่องแดงถูกวางลงบนแท่นบูชา มีสัญญาณมอนสเตอร์จำนวนหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ภายใน
พวกมันคำรามออกมาอย่างดุร้ายเมื่อพวกมันมองเห็นปาร์ตี้ของวีดและเข้าโจมตี

        "สปาร์ทอย, เคลื่อนไปข้างหน้าและป้องกันทางเข้า"

        "รับทราบ"

        พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่ปกป้องสุสานกษัตริย์ ดังนั้นพวกมันจึงอันตรายและมีเลเวลที่สูงกว่าปกติ
จากวิดีโอแสดงความพยายามของกิลด์ปีกสีชาดได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย

        วีดตัดสินใจที่จะคงการออกล่าไว้โดยไม่หักโหมในเวลานี้ ต้องขอบคุณเหล่าสปาร์ทอยที่คอยคุ้มกันทางเข้า, เขาตัดสินใจใช้การโจมตีระยะไกล เวทย์ระดับสูงของโรมูนะ, ลูกศรของเพล และระยะสายเบ็ดของเซเฟอร์ก็มีพลังมากพอ หมัดของเซอร์กะ และสปาร์ทอยก็สร้างความเสียหายให้กับอสูรตนใดก็ตามที่พยายามจะแอบออกมา

        "ฉันเริ่มเต้นบ้างดีกว่า"

        "พี่สาว, ฉันจะเร่งจังหวะให้!"

        เบลล๊อทบรรเลงเพลงรวมถึงการเต้นของฮวายองได้สร้างความละลานตาให้แก่พวกอสูร
วีดหยุดใช้เพลงดาบประกายแสงแล้วใช้ธนูและลูกศรของพวกเอลฟ์เป็นวิธีการในการกำจัดเจ้าพวกอสูร

        ทางเข้าได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาและพวกเขาออกล่าด้วยวิธีโจมตีระยะไกล ค่าประสบการณ์และของลูทจากพวกอสูรกองสุมกันอย่างง่ายดาย มันเป็นสถานการณ์ที่ผู้เข้าร่วมการต่อสู้ใฝ่ฝันถึง

        "มันขาดรสชาติไปหน่อย ผมอยากเข้าไปใกล้อีกหน่อย!"

        แต่ในที่สุด, วีดก็เลือกที่จะเลิกเพลย์เซฟโดยออกรัศมีการคุ้มกันของสปาร์ทอยและออกล่าพวกอสูร
เจ้าอสูรเป็นพวกอันตรายแต่ชุดเกราะอัศวินแห่งองค์เทพีก็ได้แสดงอานุภาพของมัน

        "หัตถ์เยียวยา!"

        ไอรีนกำลังให้การรักษา เหล่าสปาร์ทอยไม่จำเป็นต้องใช้แต่มันก็ยังคงได้รับการดูแลเอาใจใส่
วีดรู้สึกดีที่ได้พักผ่อนเมื่อตอนทำแกะสลักประติมากรรม แต่เขาไม่ค่อยพอใจกับสิ่งนั้นเมื่อออกล่า

        เขาต้องการเพิ่มความชำนาญในทักษะของเขาและได้รับไอเท็มลูท!

        "คุณวีด, ผมจะคุ้มกันให้เอง"

        เพลเล็งลูกศรของเขาไปที่พวกอสูรด้านหลังวีด โรมูนะก็เตรียมการร่ายเวทย์ของเธอ

        พวกอสูรงงงันและอ่อนกำลังลงด้วยการแสดงของฮวายองและเบลล๊อต ดังนั้นพวกมันจึงเคลื่อนที่ช้าลงกว่าเดิม
เขาต่อสู้ในพื้นที่คุ้มกันของสุสานกษัตริย์

        "โอ้ว.ว.ว.!"

        และแล้วดวงตาของวีดก็เปียกชุ่มในขณะที่เขาเห็นแมงป่องทอง, ทอง, เงินและอื่นๆ กองสุมอยู่ในขุมทรัพย์
วีดเคยเห็นมันในวีดีโอการรุกล้ำของพวกกิลด์ปีกสีชาด แต่มันก็ยังน่าประทับใจ

        "ละ-เหรียญทอง กับ อัญมณี..."

        เสียงของวีดสั่นเครือราวกับหนุ่มน้อยกำลังสารภาพรักกับรักแรกของเขา แต่ใบหน้าของเขาดูเหมือนนักการเมืองที่ต้องการสินบนมากๆ

        "คุณต้องไม่ไปที่นั่น คุณวีด!"

        "ผมรู้ว่าจะมีปัญหาถ้าผมไปแตะต้องสิ่งนั้น"

        เพื่อนในกลุ่มของเขาสงสัยว่าวีดพยายามที่จะรวบรวมสมบัติทั้งหมด
กิลด์ปีกสีชาดได้ทำผิดพลาดมาแล้วเรื่องการแตะต้องทรัพย์สมบัติและทำให้เกิดคำสาปขนานใหญ่
สมบัติก็เหมือนขนมพายอยู่ในอากาศ สร้างความเจ็บปวดให้ผู้คนอย่างมหาศาลที่ได้แต่มาที่นี่ แล้วไม่สามารถนำสิ่งใดๆออกไปได้

        สมองของวีดกลับคืนมาเมื่อเพื่อนๆดึงแขนของเขา เขาใจเย็นวิเคราะห์เหรียญทอง, อัญมณี และพวกไอเทม!
       
        'พวกอัญมณีมีมูลค่ามาก ถ้าเอาออกไปขาย, พวกมันคงทำเงินได้ไม่น้อยกว่า 3.4 ล้านเหรียญทองตามราคาตลาด
ถ้าให้เมแพนขายมันอย่างนั้น เขาสามารถขายมันได้สำเร็จไม่น้อยกว่า 3.67 ล้านเหรียญทอง'

        พูดถึงการพิจารณาราคาตลาดที่ผันผวน, มีค่าส่วนต่างผิดกันอย่างน้อยที่ 3% วีดยังไม่ได้แตะพวกอัญมณีที่กองสุมรวมกัน

        "แจ๊บ แจ๊บ แจ๊บ แจ๊บ!"

        น้ำลายถึงกับหกทีเดียว!

        "โอ้ว ดูพวกอัญมณีที่แวววาวนั่นสิ"

        "พี่สาว, กระเป๋านี่ก็ด้วย นี่เป็นกระเป๋าที่เจ้าหญิงจากอาณาจักรโรเซนไฮม์ทรงถือ"

        "จริงรึ? มันเป็นไอเทมลิมิเต็ดเชียวนะ ฉันอยากจัง"

        ฮวายองและเบลล๊อตไม่อาจละสายตาของพวกเธอจากอุปกรณ์เครื่องหนังและอัญมณีล้ำค่าเหล่านั้นได้

        "อ้า มันสวยมาก ฉันอยากสวมเจ้านี่แล้วออกไปโชว์ที่จัตุรัสเมือง"

        "ดูสีสันเป็นประกายนี้สิ"

        พวกสาวๆมีความสุขแม้เพียงได้มองไปที่กระเป๋า, อัญมณี และรองเท้าบูท

        "นี่ไม่ใช่ไม้เท้าสำหรับพวกนักบวชหรือ?"

        "ดูโน่นถุงมือประดับเพชร"

        ไอรีนและเซอกะสอดส่ายสายตาขณะที่พวกเธอมองไปที่พวกอุปกรณ์
โรมูนะแสดงความสนใจออกมาอย่างมากและวนเวียนอยู่ที่หน้าเชือกวิเศษที่รายรอบด้วยแสงสีแดง

        วีดไม่ได้เป็นผู้เดียวที่เกิดความโลภเมื่อเห็นไอเท็มเหล่านี้!
วีดพบว่ามีบางสิ่งแปลกๆเกี่ยวกับพวกอัญมณีที่กองสุมอยู่

        "ฝีมือการทำงานของช่างค่อนข้างยอดเยี่ยม หรือเป็นงานของคนแคระ? แต่มันไม่ใช่วิธีที่พวกคนแคระชอบใช้"

        คนแคระนิยมชมชอบฝีมือการทำงานที่สวยงามขณะที่สิ่งนี้ดูเรียบง่ายและแสดงออกถึงสีสันของอัญมณี

        "มีแปลกมากเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น"

        วีดสามารถจำแนกได้ว่าไอเท็มแก้วนั่นทำได้สมบูรณ์แบบโดยประติมากรมากทักษะ
ยังมีโลงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางบรรจุพระศพของกษัตริย์เบลซ์ออสด้วย ลวดลายที่แกะสลักบนฝานั้นถูกออกแบบมาให้กลมกลืนกับจิตวิญญาณทั้งยังไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป

        "มาตรฐานของพวกแมงป่องนี่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน"

        ทั้งหมดที่วีดต้องทำเพื่อเข้าสู่สุสานกษัตริย์ก็คือการทำประติมากรรมรูปแมงป่อง
แต่แมงป่องในสุสานแห่งนี้มีความซับซ้อนมากจนทำให้งานที่เขาทำเหมือนเป็นของเด็กเล่น
มีสมบัติมากมายแต่วีดต้องการตรวจสอบพวกประติมากรรมก็เพราะว่าเขาเป็นประติมากร

        "นี่อาจจะเป็น..."

        วีดผายมือขึ้นไปที่ลวดลายแมงป่องบนผนัง

        "ตรวจสอบ!"

       
การตรวจสอบล้มเหลว

        "อย่างที่คิดไว้, สิ่งนี้คือ..."

        วีดกลับเชื่อมั่นยิ่งขึ้น

        "ตรวจสอบ!"

- รูปแกะสลักแมงป่อง
ประติมากรรมที่สร้างโดยปรมาจารย์แกะสลัก เบลซ์ออส เลอ ดิอุส ที่3 (Belsos La Deus the 3rd) เขาได้แสดงออกอย่างชัดแจ้งจากตัวแมงป่องว่าเขาชอบจริงๆ
คุณค่าทางศิลปะ : 472
คุณสมบัติพิเศษ : เพิ่มอัตราการเจริญพันธุ์ของพวกแมงป่อง
พลังได้ถูกกักเก็บเอาไว้ภายใน

        "เขาเป็นปรมาจารย์แกะสลัก!"

        วีดได้พบปรมาจารย์คนสุดท้าย, กษัตริย์เบลซ์ออส และแล้วความทรงจำที่บรรจุอยู่ภายในประติมากรรมก็เริ่มแสดง

                                *********************************

        เบลซ์ออสเกิดในทะเลทรายตอนใต้

        เขาได้ครอบครองสายโลหิตแห่งกษัตริย์ ดังนั้นเขาจึงถูกไล่ล่าโดยพวกมือสังหารอยู่เสมอ
เบลซ์ออสติดตามไปกับชนเผ่าทะเลทรายและแบกสัมภาระของพวกเขา

        เขาสนใจในดาบและการแกะสลัก เบลซ์ออสแกะสลักประติมากรรมเล็กๆด้วยมือและได้รับการยอมรับจากกลุ่มคนเป้าหมาย
เขาเรียนรู้วิธีการใช้ดาบจากทหารรับจ้างที่ร่อนเร่ในทวีปและทะเลทราย

        เมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่และกลับไปหาตระกูลของเขา เบลซ์ออสสวมสร้อยคอแมงป่องและมีรอยสักสีสดใสของเผ่าบนตัวเขา

        หลังจากเขาได้กลายเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรบรูแคน, เขาก็ปกครองเหนือดินแดนทะเลทรายตอนใต้
เบลซ์ออสถูกขนานนามว่ามหากษัตริย์แห่งไฟ(Great King of Fire) และจิตวิญญาณแห่งไฟจำนวนมากได้ติดตามเขา

        "การกรีธาทัพของอาณาจักรบรูแคน"

        "รวบรวมเหล่าทหารหาญในทะเลทราย!"

        มีสงครามกับชนเผ่าทะเลทรายมากมาย พวกเขาเข่นฆ่าชนเผ่าเร่รอนและชิงเอาอูฐ, ฝูงวัว และแกะ
บิดาของกษัตริย์เบซ์ออสถูกสังหารโดยชนเผ่าพวกนั้น เบลซ์ออสจึงถูกทิ้งไว้

        กองทัพของชนเผ่าประกอบด้วยอูฐและกองทหารม้ามากกว่า 100,000 นาย พวกเขาใช้อาวุธยาว,ดาบโค้ง และยังเชี่ยวชาญธนู พวกเขาต่อสู้แตกต่างจากกองพลอัศวินของทวีปกลางที่พุ่งหอกในขณะ
ที่ทำการต่อสู้ในระยะประชิด แต่พลังในการต่อสู้ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกอัศวินในทวีปกลาง

        ในทางกลับกัน, อาณาจักรบรูแคนขาดแคลนกำลังทหารถึง 30,000 นาย นี่รวมไปถึงพลทหารราบที่ไม่ได้ขี่อูฐ
กองทัพของกษัตริย์เบลซ์ออสยังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งไฟนับหมื่นรวมถึงพวกมนุษย์

        ถ้าเกิดสงครามขึ้นในทุ่งหญ้าหรือในป่าแทนที่จะเป็นทะเลทรายอย่างนั้นแล้ว ทุกๆสิ่งจะถูกเผาผลาญ
พวกจิตวิญญาณแห่งไฟสามารถย่างกรายอย่างอิสระทั่วท้องทะเลทราย

        กษัตริย์เบลซ์ออสนำความสงบสุขสู่ทะเลทรายผ่านจิตวิญญาณแห่งไฟ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้เป็นกษัตริย์ที่ดี
ดินแดนที่เป็นทะเลทราย นั้นธัญพืชไม่สามารถเติบโตได้และยังมีการสู้รบระหว่างชนเผ่าที่ครอบครองโอเอซิส

        กษัตริย์เบลซ์ออสไม่มีทางเลือก เว้นแต่ต้องเข้าสู่ทวีปกลาง เขาได้ระดมกำลังจิตวิญญาณแห่งไฟ เพื่อนของเขาและมีชัยขยายอาณาเขตออกไปตลอดการทำสงคราม

        สมบัติจำนวนมหึมาที่พวกเขาได้รับทุกๆครั้งที่พวกเขาชนะศึก ได้บดบังดวงตาของชนเผ่า
พวกเขาต้องการนองเลือดแทนการทำงานบนผืนดิน

        เบลซ์ออสรู้สึกโดดเดี่ยว เนื่องจากเขาแทบจะไม่เคยออกจากพระราชวังเลย
แต่ประชาชนของเขาได้ขยายการทำสงครามต่อไป พวกชนเผ่าทะเลทรายถูกฝึกฝนในการสงคราม
ดังนั้นพวกกำแพงจึงไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป แม้ว่าเบลซ์ออสไม่ได้ต่อสู้, โลหิตของประชาชนก็เสียสละเพื่ออาณาจักรในทวีปกลาง

        "ประติมากรรมนั้นสวยงามแต่พวกมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความโลภของมนุษย์"

        กษัตริย์เบลซ์ออสกลับคืนสู่เจตนารมณ์ของเขาและสร้างประติมากรรม เขาเก็บรวบรวมสินแร่ วัตถุดิบ
และสร้างประติมากรรมในพระราชวังของพระองค์

        สวนที่ตกแต่งโอเอซิสในทะเลทราย, อย่างเช่นอูฐดื่มน้ำในลำธารอย่างสงบเสงี่ยมล้วนเป็นประติมากรรมที่สร้างขึ้น

        พวกชนเผ่าทะเลทรายผู้ที่หลงเสน่ห์ของสงครามไม่อาจเข้าใจถึงความหมายของพวกประติมากรรม
เนื่องจากเขตแดนของกษัตริย์เบลซ์ออสได้แผ่ขยายออกไปและนักรบมากมายได้ถูกคัดเลือก, สมบัติมากมายก็หลั่งไหลเข้าสู่พระราชวัง

        ครั้นเมื่อกษัตริย์มีพระชนมายุมากขึ้น, ได้ปรากฏพวกคนที่เห็นแก่ตัวในฐานะรัชทายาท เข้าต่อสู้แย่งชิงกันในหมู่พวกเขา
กองทัพจิตวิญญาณแห่งไฟของเบลซ์ออสอยู่นิ่งเฉยแต่ยังมีการเข่นฆ่าที่น่ากลัวอยู่ภายนอก

        เบลซ์ออสเพียงแค่ทำประติมากรรมจิตวิญญาณแห่งไฟอย่างต่อเนื่อง มันเป็นขอบเขตที่จิตวิญญาณแห่งไฟ
จำนวนหนึ่งที่ติดตามเขาไม่อาจเข้าใจได้ จากนั้นในที่สุดเขาก็ทอดทิ้งกายเนื้อมนุษย์ของเขาและกลายเป็นวิญญาณ

        เขากลายเป็นกษัตริย์ของจิตวิญญาณแห่งไฟ

        หลังจากเบลซ์ออสได้หายไปจากพระราชวัง, จิตวิญญาณแห่งไฟก็หายไปด้วย ไม่มีเหตุผลที่จะสู้รบอีกต่อไป
และอาณาจักรบรูแคนก็ล่มสลาย เหล่ารัชทายาทเข้าสู่พระราชวังและฉกฉวยทุกสิ่งทุกอย่างที่มีค่า
ประติมากรรมอันงดงามมากมายที่เบลซ์อสสร้างขึ้นในพระราชวังถูกเผา

        อาณาจักรบรูแคนอ่อนแอลงด้วยสงครามระหว่างชนเผ่าและอาณาจักรมาเซน(the Masen Kingdom)
ได้ขับไล่พวกเขากลับเข้าสู่ทะเลทรายอีกครั้ง โชคยังดี, ที่ของที่ระลึกหลายอย่างและสิ่งของมีค่าอื่น ๆ ถูกเบลซ์ออสย้าย
ไปยังหมู่บ้านมูซ์ออสก่อนที่พระราชวังจะถูกปล้น

        มีส่วนที่หลงเหลืออยู่เล็กน้อยของกษัตริย์เบลซ์ออสโดยไม่ได้คำนึงถึงความสำเร็จของเขา

                        ************************************

- คุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับปรมาจารย์แกะสลัก เบลซ์ออส เลอ ดิอุส ที่3 จากประติมากรรม
 คุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรบรูแคน
ได้รับความรู้ประวัติศาสตร์
ความรอบรู้เพิ่มขึ้น 14
คุณได้ทำภารกิจเกี่ยวข้องกับส่วนสำคัญของการแกะสลักสำเร็จเรียบร้อยแล้ว

        "ปรมาจารย์แกะสลักที่แท้จริงไม่ได้มีชีวิตอยู่อย่างสามัญชน"

        วีดรู้สึกขมขื่นขณะที่เขาเฝ้าดูความทรงจำที่บรรจุในประติมากรรม

        "บางคนที่เสียชีวิต...เขาได้สร้างขุมทรัพย์ขึ้นเพราะว่าเขารู้สึกโดดเดี่ยว!"

        มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ! กษัตริย์ไม่เคยได้เพลิดเพลินกับสิ่งหรูหราและมีความสุข
เมื่อมองจากมุมมองของวีดแล้ว, เขาไม่เข้าใจกษัตริย์องค์นี้เลย

        มันอาจจะเบิกบานใจถ้าเขามีทรัพย์สมบัติมากกว่านี้ และเขาจะใช้มัน
เขาจะสะสมสมบัติให้มากขึ้นและใช้อำนาจของเขาปกครองประชาชนในโลกนี้

        อย่างไรก็ตาม, เบลซ์ออสไม่ได้เป็นกษัตริย์สามัญ เขาใช้ชีวิตของเขาและกลายเป็นต้นแบบของเหล่าจิตวิญญาณการแกะสลัก

        ปรมาจารย์แกะสลักทุกคนล้วนมีความแปลกประหลาด

        ดาโรนสร้างงานมากมายจากสตรีผู้เดียว และในที่สุดก็สำเร็จประติมากรรมจำแลง
การส่งผ่านเรื่องราวความรักทางประติมากรรมของ ซาฮับกับองค์ราชินีทำให้เกิดเคล็ดมีดแกะสลักและเพลงดาบประกายแสง
จักรพรรดิ เกฮาร์ วอน อาร์เพ่น ได้ให้ชีวิตกับเหล่าประติมากรรมที่เขามองว่าเป็นเพื่อนและทำให้เกิดเป็นประติมากรรมประทานชีพ
สุดท้าย,เบลซ์ออส ผู้เป็นกษัตริย์แห่งทะเลทราย กระทั่งเขาหายตัวไปกลายเป็นจิตวิญญาณ

        "ฉันต้องระมัดระวัง ฉันไม่สามารถเบียดเบียนหรือใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายนั่นมันเงินของฉันเลยนะ"

        วีดอารมณ์สดใสขึ้นมากกว่าเดิมแต่เขายังรู้สึกไม่ไว้วางใจขณะที่เขามาเยือนสุสานของกษัตริย์

        มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกปรมาจารย์แกะสลัก เบลซ์ออส ว่าเป็นชายที่สมบูรณ์แบบ


*Spartoi - นักรบเขี้ยวมังกร เป็นพวกนักรบโครงกระดูกระดับสูง จากตำนานเทพเจ้ากรีก "ขนแกะทองคำ"
โดยแคดมัส(Cadmus)ได้โปรยเขี้ยวมังกรที่ได้รับจากอาเทน่า(Athena)เกิดเป็น Spartoi

ผู้แปล : Acid กรด
Editor : แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล


7 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณผู้แปลมากครับ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากๆๆครับมีความสุขมากเลยทีไ่ด้อ่าน

    ตอบลบ
  3. กษัตริย์ผู้สมาถะ อยากอยู่อย่างสงบ แต่คนรอบตัวดันเข้าใจว่าบ้าอำนาจแถมกระหายสงครามอีก เมือนักมโน สูดกาวกันทั้งเมืองจนล่มสลาย

    ตอบลบ
  4. ว้าว...
    ขอบใจหลายๆเด้​อ​อ

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...