วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561

เล่ม 27 ตอนที่ 2 : ช่างทำเครื่องปั้นดินเผา (A Ceramist) แปลโดย Acid กรด


เล่ม 27 ตอนที่ 2 : ช่างทำเครื่องปั้นดินเผา (A Ceramist) แปลโดย Acid กรด


        วีดเข้าไปในถ้ำของพวกเอล์ฟ

        ภายในถ้ำอุ่นเหมือนกับด้านนอกและไม่ได้ลึกลงไปถึงชั้นใต้ดิน มีลำธารสายน้ำไหลสะอาดอยู่ภายในถ้ำ พร้อมทั้งยังเต็มไปด้วยเหล่าต้นไม้และดอกไม้    
คุณมีความสุขกับสวนของพวกเอล์ฟที่สร้างขึ้นที่มอนเวอร์ทรูเรีย(Montvertruria)
        มันเป็นสวนที่พวกเอล์ฟปลูกและดูแลให้เจริญงอกงาม!
        มันเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของพวกชนเผ่า เมื่อพวกเขาไม่สามารถจับสิ่งอื่นๆได้และอาหารขาดแคลน
ถึงแม้ว่าพวกเอลฟ์จะจากไปนานแล้วและมหายุคอันยาวนานได้ผ่านพ้นไป, สวนแห่งนี้ก็ยังเจริญงอกงามและยืนยงด้วยตัวของมันเอง
ด้วยพรแห่งจิตวิญญาณและการบำรุงหล่อเลี้ยงจากพื้นพิภพ
- ระหว่าการผจญภัยค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 6
- โชคเพิ่มขึ้น 7
- ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับธรรมชาติเพิ่มขึ้น 3%

        วีดยกเถาวัลย์ที่ห้อยไปทั่วทั้งต้นไม้และบังเอิญพบทางข้ามไปตรงกลางสระน้ำ

เหล่าพืชพรรณที่เจริญเติบโตในสระแลดูสดใสดั่งมรกต มันเป็นทุ่งที่เขียวขจีทั้งต้นไม้และ
ดอกไม้ขึ้นเบียดเสียดรกเรื้อ สร้างบรรยากาศที่ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว
พวกมันเจริญเติบโตสูงแทบแตะเพดานถ้ำ แม้ว่าไม่มีผู้ใดเฝ้าดูมัน,
เหล่าดอกไม้ก็พร้อมที่จะออกดอกและเริ่มเบ่งบาน
เพราะไม่มีผู้ใดกินพวกมัน, พวกผลไม้แสนอร่อยก็ร่วงหล่นเป็นขยะเกลื่อนพื้น

        "ได้ยังไง ช่างน่าเสียดายที่สิ่งเหล่านี้ถูกทิ้งขว้างแบบนี้"

        เพราะว่าเขาซื้อกระเป๋าหนังไว้ 70 ใบ ด้วยความหวังว่า บางทีเขาอาจจะได้พวกไอเท็มมาบ้าง, เลยมีที่ว่างมากมายเหลือพอที่จะเก็บพวกมันไว้
วีดเก็บเกี่ยวเมล็ดพืชและลูกไม้(nut)หลากหลายชนิดที่ตรวจคัดแยกจากลักษณะของดอกและต้นของพวกมัน, และเก็บพวกมันใส่ลงไปในถุง
ถ้ามีอะไรเหลืออยู่ที่นั่นอีก,เขาก็จะเก็บมันโดยไม่มีข้อยกเว้น

        "ถ้าฉันปลูกพืชเหล่านี้ในโมราต้า, คงจะไม่มีเรื่องเลวร้ายตามมาล่ะมั้ง"

        วีดตื่นเต้นขณะที่กำลังรวบรวมเหล่าเมล็ดพันธุ์และใส่พวกมันเอาไว้ในกระเป๋าของเขา ขณะที่ทันใดนั้นเหล่าดอกไม้และต้นไม้ก็ส่ายไหวไปมาเบาๆ
ไม่เพียงเท่านั้น, พวกมันยังให้กลิ่นที่เข้มข้นและลึกลับ
ตริ๊ง!
        พวกเรายินดีต้อนรับเหล่าท่านผู้มาเยี่ยมเยือนหมู่ดอกไม้และพืชพรรณ
        พืชพรรณที่มีอายุยืนนานเหล่านี้ ต้องการอากาศสดชื่น, น้ำ และแสงแดด
        ถ้าพรรณไม้อยู่รอดปลอดภัยดี, และเหล่าต้นไม้ดอกไม้ไม่เป็นอันตรายเมื่อต้นไม้เจริญเติบโต คุณจะได้รับรางวัล

        เขากำลังจะนำพวกมันไปด้วย, แต่ก็คิดว่าเขาสามารถรับรางวัลได้อีกด้วย!
       
        วีดหยิบขวานออกมาจากเป้สะพายหลัง

        "ฉันไม่รู้ว่าจะสามารถใช้มันทำโต๊ะ, เก้าอี้ หรือ ของอื่นๆได้อีก"

        มันคงจะดีทีเดียวที่จะขุดมันไปทั้งต้น (ตัดขึ้นไปตั้งแต่โคนต้น(ประมาณขุดล้อม)-ของเดิม) และนำมันไปด้วย
แล้วเขาก็ยังขุดพื้นดินที่มีดอกไม้และรวมถึงรากของต้นไม้รวมถึงดินรอบๆมันและใส่มันลงไปในกระเป๋า
       
        มูลค่าไม้ของพวกเอลฟ์ไม่ว่าจะใช้ก่อสร้างหรือเป็นวัสดุ ล้วนแล้วแต่มีมูลค่าที่สูงมาก
มันเป็นวัสดุชั้นยอดเมื่อถูกทำให้แห้งภายใต้แสงอาทิตย์
ถ้าต้นไม้ยังไม่ตายและปลูกลงในดินที่อุดมสมบูรณ์, มันจะเจริญเติบโตเป็นต้นไม้ที่ใหญ่มาก

        แม้ว่าสวนของพวกเอลฟ์จะมีดอกไม้และพรรณไม้หลากหลายชนิด, พวกมันส่วนใหญ่มีอยู่ทั่วๆไปยกเว้น เมล็ดพันธุ์ 7 ชนิด

        "ตรวจสอบ!"
เมล็ดต้นบรอนด์(Brond Tree Seed)
        ความทนทาน : 1/1
        ไม้เนื้อหอมที่เหล่าเอลฟ์ชื่นชอบ
        ครั้นเมื่อเจริญเติบโตสูงได้ 2 เมตร ต้นไม้ก็จะให้ผลที่มีรสหวาน, และใบสามารถใช้เป็นยาได้
        มันมีจิตวิญญาณที่ใสกระจ่างมากและมันเจริญเติบโตดีในดินแดนที่ปราศจากมลพิษ
        เมล็ดพันธุ์ดอกเกล็ดหิมะ (Snowflake Flower Seeds)
        ความทนทาน : 1/1
        มันไม่ง่ายนักที่จะเก็บเพราะพวกมันเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีขนาดเล็กมากๆ!
        มันเจริญเติบโตง่ายมากในดินตื้นๆ ดังนั้นมันจึงถูกแนะนำให้เพาะปลูกบนพื้น
        เมื่อดอกของมันบานสะพรั่งดูราวกับเกล็ดหิมะและต้นอ่อนก็จะกระจายตัวได้ค่อนข้างรวดเร็ว
        ไม้พุ่มแจ๊กเคอร์ (Jackal Tree Branch)
        ความทนทาน : 22/22
        เป็นไม้เนื้อแข็งดั่งเหล็ก
        มันมีอัตราการเจริญที่ยอดเยี่ยมมาก
        มันออกดอกเพียงระหว่างฤดูใบไม้ผลิและไม่ใช่ไม้ผล
        ต้นไพรุด(Pyrud Tree)
        ความทนทาน : 10/10
        เป็นไม้ลำต้นกลวง
        มักจะถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัยของพวกสัตว์ขนาดเล็ก
        ถ้าป่ารกทึบถูกสร้างขึ้นด้วยการใช้ต้นไม้นี้, มันจะเพิ่มอัตราการเจริญพันธุ์ของเหล่าสัตว์ป่า

        การสร้างสวนดอกไม้และป่าด้วยการเติมแต่งพวกมันรอบๆโมราต้าและป้อมปราการเวอร์โก้ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย

        "ดูเหมือนเป็นการดึงดูดพวกนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้นมากมายในปีนี้ นานแล้วที่มีเพียงรูปแกะสลักของฉันที่นั่น, มันยังดูว่างๆอยู่เล็กน้อย
ฉันยังต้องการสร้างสถานที่สำหรับคู่รักที่จะไปได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินมากมาย"

        นี่เป็นแผนในอนาคตของเขาในการดึงดูดคู่รักโดยจะมีสถานที่มากมายเพื่อหาผลประโยชน์! ทั้งในโมราต้าและป้อมปราการเวอร์โก้

        คนสูงวัยชอบป่าโดยเฉพาะพวกภูเขาและหุบเขา ภูเขาที่ตะปุ่มตะป่ำและขรุขระเหล่านี้ที่ป้อมปราการเวอร์โก้น่าจะเป็นหนึ่งในจุดหมายทางการท่องเที่ยวชั้นนำด้วยมุมมองนั้น

        ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูร้อน, ฤดูใบไม้ร่วง, และฤดูหนาว; นักท่องเที่ยวสามารถมีความสุขได้อย่างเต็มที่กับภูมิทัศน์ของสภาพแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนแปลง
โดยเฉพาะตอนนี้, ตั้งแต่มีการบูรณะป้อมปราการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง, และในขณะนี้สามารถอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวด้วยเหล่าอาคารยอดเยี่ยมให้เลือกสรร

        แต่ยังมีปัญหาเล็กๆน้อยๆ ที่ทำให้วีดรำคาญ นั่นคือสิ่งที่อยู่ด้านนอกประตู, มันเป็นอันตรายเกินไปเมื่อพวกมือใหม่ออกไปเดินเล่นข้างนอก,
พวกเขาไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะเจอเข้ากับพวกมอนสเตอร์ และไม่มีเวลาให้พวกเขาหนีจึงต้องตาย มันเป็นเสน่ห์ที่อันตรายจริงๆ

        "ฉันคิดว่ามันน่าจะพอแล้วตอนนี้"

        วีดเก็บไอเท็มเพิ่มอีกสองสามชิ้นลงในกระเป๋าที่บรรจุพวกเมล็ดพันธุ์, ต้นไม้และผลไม้ต่างๆ

        เพราะว่ามีไอเท็มจำนวนมาก เขารวบรวมใส่เหล่าไอเท็มได้ถึง 45 ถุงจากในถ้ำแห่งนี้

        "ถ้ำเหล่านี้ยังสำรวจได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ของมนุษย์, ที่จะมาเติมถุงพวกนั้นจากสถานที่ที่ฉันจะไปต่อ"

        วีดเดินทางเข้าไปในถ้ำถัดไป

        ภายในเป็นถ้ำที่พวกมนุษย์เคยอยู่อาศัย, เขาพบว่ามีภาพวาดจำนวนมากอยู่ที่นี่ เขาพบผลงานไร้ทักษะที่เป็นส่วนหนึ่งของพวกมนุษย์
และยังพบร่องรอยของงานศิลป์ที่เพิ่งเริ่มขึ้นในยุคแรกๆ

        พวกคนแคระสามารถทำงานศิลปะที่มีคุณภาพได้ดีกว่าเพราะความเชี่ยวชาญอย่างมากของพวกเขา, แต่แทนที่เหล่าคนแคระจะทำพวกไอเท็มใช้งานที่ทนทาน
อย่างเครื่องใช้และอาวุธ เพราะว่าคุณค่าอย่างหนึ่งของสิ่งที่คนแคระทำอย่างพวกของใช้งานมีความแข็งแรง เนื่องจากเป็นสิ่งจำเป็น,
และก็เป็นมนุษย์ที่ทำศิลปะยุคแรกๆกับดอกไม้

        พวกเขามีแม้แต่พวกประติมากรรมดินปั้นชิ้นเล็กๆ, พวกชามที่ทำจากดินเผา, และแม้แต่พวกประติมากรรมตัวแทนแห่งพระเจ้า
มีแม้กระทั่งภาพที่วาดบนเพดานของถ้ำ

       
คุณได้ชมรูปปั้นเทพีแห่งแผ่นดินมินเน่ร์ (the statue of the Goddess of Land Minne)
        คุณได้รับการประทานพรจากรูปปั้น
        ความใกล้ชิดกับธรรมชาติของคุณเพิ่มขึ้น
        คุณได้ชมรูปปั้นของเทพแห่งสงครามอาร์ทร๊อค(the statue of God of War Ahtrok)
        ความเชี่ยวชาญในการรบเพิ่มขึ้น 3.7%
        ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 3
        คุณได้ชมรูปปั้นเทพีแห่งการทำอาหารเฮสเทีย(the statue of Goddess of Cooking Hestia)
        ไฟที่คุณใช้ทำอาหารจะปรับตัวของมันเองเป็นเวลา 30 วัน
        คุณได้ชมรูปปั้นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์เฟรย่า
        ศิลปะ, เสน่ห์ และโชคเพิ่มขึ้น 9

        มันเป็นโบราณสถานที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปเวอร์เซลล์ มันยังเป็นแหล่งกำเนิดของเหล่าประติมากรรมและงานศิลป์ที่กำเนิดขึ้นในสถานที่อันไร้ค่าแห่งนี้

        "ที่นี่มีประติมากรรมมากกว่า 100 ชิ้น แต่,พวกภาพเขียนที่เขียนลงบนผนัง... มันย่ำแย่เกินไปแล้วเพราะผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานและสีสันมันก็เปลี่ยนไป แล้วยังมีพวกร่องรอยเสียหายอีก"

        วีดชื่นชมเหล่าประติมากรรมโบราณซึ่งไม่เคยได้รับการบันทึกลงในหนังสือประวัติศาสตร์ใดๆ
มีรูปประติมากรรมเทพเจ้า 32 องค์ และเทพี 11 องค์ที่มีลักษณะเกลี้ยงเกลาและงดงามซึ่งดีกว่าที่วีดได้เคยทำมา

        รูปปั้นเฟร์ย่ามีหน้าอกขนาดใหญ่มากในขณะที่สีข้างของเธอและต้นขาของเธอไม่ใช่ขนาดปกติ
มาตรฐานความงามของพวกเขาแตกต่างกันตามแต่ละช่วงเวลา เพราะว่าพวกออร์คมักจะอ้วนและตัวใหญ่,
การมีรูปปั้นและประติมากรรมที่อวบอ้วนและใหญ่โตบ้างจึงเป็นเรื่องธรรมดา

        ระหว่างอาณาจักรของเทพเจ้าทั้งหลาย, ไม่มีความแตกต่างระหว่างรูปปั้นทางศาสนาที่ยิ่งใหญ่เนื่องจากเทวรูปเหล่านี้ล้วนมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์
มีบางสิ่งที่สำคัญกับสิ่งนี้ เมื่อนักบวชสักคนได้มาพบ ด้วยเงื่อนไขบางประการ, ผู้นั้นสามารถฟื้นฟูลัทธิของเทวรูปนั้นได้

        "ฉันเดาว่าฉันไม่สามารถนำมันไปหรือขายไอเท็มเฉพาะเหล่านี้ได้"

        วีด, ไม่ว่าความแข็งแกร่งหรือค่าสถานะจะเป็นอย่างไร, ก็อาจไม่รับคำสาปแช่งที่น่ากลัวถึงขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงได้แต่มองไปยังพวกไอเท็ม

        ประติมากรรมส่วนมากเป็นการจำลองตัวตนของพวกเขาเองแทนที่จะมีนัยสำคัญอื่นๆ
เหล่าประติมากรรมแสดงรูปลักษณ์การล่าสัตว์หรือทำอาหารรอบกองไฟ

        ส่วนใหญ่แล้วพวกมันทำด้วยดินเผา

        มันอาจจะเป็นเพราะว่าในอดีต, เทคโนโลยีการแกะสลักหินยังไม่พัฒนาเช่นที่เป็นอยู่ในตอนนี้

        "ประติมากรรมเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่ดีเช่นกัน"

        วีดไม่ค่อยถูกใจกับการทำแบบดินเผาในการทำประติมากรรม

        ดินเหนียวเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงเมื่อต้องทำพวกประติมากรรมขนาดใหญ่มาก
ถ้าหินอันแข็งแกร่งถูกนำมาใช้ในการทำประติมากรรม, มันสามารถใช้สิ่วเพื่อให้แสดงถึงอารมณ์อันวิจิตรบรรจงได้หลากหลาย
และมันยังง่ายที่จะทำการปรับแต่งรูปร่างให้กลมกลืน หินจึงเป็นที่นิยมในแนวทางนี้ ซึ่งมีโอกาสน้อย
ที่จะได้รับความเสียหายหลังจากทำมันเสร็จสิ้น

        รูปปั้นดินเหนียวขนาดใหญ่มาก มักชอบแตกร้าวหรือสุดท้ายก็แตกเป็นเศษเล็กเศษน้อยเนื่องจากน้ำหนักของมัน
อย่างไรก็ตาม, ดินเหนียวเป็นวัตถุดิบมหัศจรรย์ที่ต้องได้รับการพิจารณาเพราะว่ามันสามารถสร้างได้ด้วยมือของประติมากรเอง

        อีกอย่างหนึ่ง, พวกประติมากรรมดินเหนียวทำขึ้นด้วยอารมณ์ความรู้สึก
                                       
                                        ***

        วันประวัติศาสตร์แห่งทวีปเวอร์เซลล์

        กิลด์เฮอร์มิสกลืนกินและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากอาณาจักรคัลลามอร์อย่างสมบูรณ์

                อาณาจักรคัลลามอร์ได้จบสิ้นการดำรงอยู่
                กษัตริย์เสด็จสวรรคตแล้ว
                เกียรติและความเคารพในพวกขุนนางและชนชั้นสูงจักสูญหายไป
                ความสัมพันธ์ของอัศวินแห่งอาณาจักรได้หายไปและได้รับตัวตนใหม่
        ในฐานะอัศวินอิสระ (อัศวินไร้นาย - โรนิน)
                พวกเขาจะไม่ยอมสวามิภักดิ์เป็นเวลา 5 เดือนต่อพวกขุนนางคนอื่น
                เหล่าประชาชนยังคงระลึกถึงความภักดีต่อกษัตริย์และราชวงศ์แห่งคัลลามอร์
                ความโหดร้ายของอาณาจักรฮาร์เว่นผู้รุกรานแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องเผชิญกับ
        ความรุนแรงอย่างหนักหนาสาหัสในอนาคต
                        ความปลอดภัยลดลง 96
                        กำลังการผลิตลดลง 87%
                        การเพาะปลูกลดลง 79%
                        กิจกรรมทางการค้าหดตัวลงอย่างรุนแรง
                        เหล่ามอนสเตอร์อาละวาดไปทั่วทุกหนแห่ง

        อาณาจักคัลลามอร์ล่มสลาย!

        เหล่าสถานีถ่ายทอดและผู้เล่นรอยัลโรดทั้งหมดได้เข้าข้างฝ่ายกิลด์เฮอร์มิส

        เพราะว่าผู้คนจะมีความประทับใจที่ดีกว่าจากกิลด์เฮอร์มิสที่ได้เปรียบทั้งกองกำลังและเขตแดนที่มากกว่า
ผู้เล่นที่ไม่เข้าร่วมกับวงจรแห่งอำนาจของกิลด์เฮอร์มิสจะไม่สามารถสำแสดงสัญลักษณ์แห่งอำนาจได้
นอกจากนี้ , กิลด์ยังนำมาซึ่งผลประโยชน์อันมากมาย เช่น พื้นที่ล่าส่วนตัว, พวกอาวุธและชุดเกราะ,
และยังให้การสนับสนุนเหล่าตำราเวทมนต์

        จากนี้ไปอำนาจของอาณาจักรฮาเว่น, มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะเพิ่มการเก็บภาษีเพื่อที่จะ
เพิ่มกำลังทหารให้ทรงพลังมากขึ้น แต่ความเป็นจริงแล้ว ยังคงมีพื้นที่เหลืออยู่ในอาณาจักรคัลลามอร์ที่ยังคงไม่หยุดต่อต้าน

        เหล่ากองกำลังต่อต้านสร้างความวุ่นวายไปทั่วทุกพื้นที่ ประชาชนเผาหมู่บ้านและหลบหนีไป

        เปตรอฟปรากฏขึ้นในเขตที่ถูกครอบครองของอาณาจักรคัลลามอร์

        "ยังคงมีพวกร่องรอยและสัญญาณของสงครามอยู่"

        กองทัพทำการสู้รบเหมือนกวาดทำลายล้างไปยังทุกหนแห่งภายในเมือง บนถนนสายต่างๆ, มีชิ้นส่วนของพวกอาวุธที่แตกหัก,
หัวลูกศร, และอื่นๆอีก แม้ว่าจะยังมีผู้เล่นมากมายที่ยังมีกิจกรรมกับชาวเมืองที่ยังมีชีวิตอยู่ที่นั่น

        "ไอ้พวกอาณาจักรฮาเว่น มันชั่วช้ามาก ข้าจะต้องแก้แค้นพวกมันให้ได้"

        "บาร์ดเรย์ คงจะไม่มีใครที่สามารถแข่งขันกับกองทัพของพวกเขา และตอนนี้อาณาจักคัลลามอร์ก็กำลังจะถูกลืมเลือนไปจากประวัติศาสตร์"

        "ในการเข้าครอบครองดินแดนทั้งหลายของอาณาจักรฮาเว่น, การขึ้นภาษีสองเท่าอาจจะมีความเป็นไปได้"
อืม.ม ฉันต้องทิ้งโรงสีก็เพราะสงครามนั่นแหละ แล้วเวลานี้ฉันจะต้องเตรียมจ่ายภาษีนั่นยังไงละเนี่ย?"

        เสียงความปวดร้าวของเหล่าประชาชนยังคงได้ยิน

        ประชาชนของอาณาจักรคัลลามอร์ในพื้นที่ ได้สูญเสียทรัพย์สินของพวกเขาจากการลอบวางเพลิงและปล้นสะดม
หลังจากที่เหล่าอัศวินและทหารได้เสียชีวิตลงในสงคราม,พวกมอนสเตอร์จากเขาเซ็นเบน(Senbain Mountains)
ได้ลงมาใกล้หมู่บ้านและกระโจนเข้าไปข้างใน

        ต่อให้พวกผู้เล่นสามารถป้องกันเอาไว้ได้, พวกเขาจำนวนมากยังคงละทิ้งและออกเดินทางไปยังอาณาจักรอื่นๆ

        "พวกเราไปอาณาจักรอื่นกันเถอะ พวกเราช่วยอะไรที่นี่ไม่ได้มากแล้ว"

        "ช่าย ฉันอยากจะเดินทางลงใต้มากกว่า"

        "ไปที่ไหนๆก็ได้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ฉันอยากจะออกไปจากที่นี่ซะเดี๋ยวนี้เลย"

        สำหรับพวกมือใหม่, มันเป็นความจำเป็นที่จะต้องย้ายและเลือกสถานที่ที่มั่นคงพอเพื่อการออกล่า

        แม้จะมีบางสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้,พวกผู้เล่นส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับที่พวกเขาสามารถรับคำร้องขอเป็นจำนวนมากได้
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุที่ชาวเมืองกำลังมีชีวิตอยู่ด้วยความแร้นแค้น พวกเขาจึงไม่ได้รับรางวัลอย่างที่ควรจะเป็น เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการกวาดล้างอย่างรุนแรงจากกิลเฮอร์มิสในอนาคต, พวกเขาจึงอยากย้ายไปอยู่ยังต่างอาณาจักร

                                ***

        เปตรอฟมองไปยังอาณาจักรคัลลามอร์

        เมืองเหล่านี้ถูกทำลายล้างอย่างหาอะไรเปรียบมิได้

        "รัฐกิลด์เฮอร์มิสไม่สนใจฉัน"

        กองทัพที่แข็งแก่รงมุ่งหน้าแต่จะทำสงคราม!

        พวกเขาเข้ายึดครองเมืองหลวงและมีความสุขกับการพักผ่อน ความยากลำบากของประชาชนได้ปรากฏชัดแจ้ง
ขณะที่มอนสเตอร์จำนวนมากยังคงอยู่รอบ ๆ อาณาจักร กำลังเพิ่มความทุกข์ทรมานของพวกเขา

        "พวกเขาดูจะตั้งใจทำแบบนี้...."

        โดยหวังว่าการทำแบบนี้ จะเป็นการเพิ่มเลเวลให้เหล่าทหารของพวกเขา, พวกเขาทำการเพิ่มกองกำลังของพวกเขาด้วยการเพาะเลี้ยงพวกมอนสเตอร์จำนวนมาก เปทรอฟยังสงสัยและยังไม่มั่นใจและยังสับสนว่าจะเขียนภาพการรับสมัครทหารง่ายกว่าหรือว่าเขียนภาพกองทัพอันเข้มแข็งและฮึกเหิมมากขึ้นกว่าเดิมดี

        สำหรับพวกผู้เล่นฝั่งอาณาจักรฮาเว่น, พวกเขามีแผนที่จะรักษาตัวไว้ในภายหลัง ซึ่งพวกเขายังสามารถได้รับชื่อเสียงอย่างง่ายดายถ้าเมืองหลวงถูกสร้างขึ้นมาใหม่

        แต่ในตอนนี้, พวกชาวบ้านที่หลบหนีได้พวกถูกมอนสเตอร์ฆ่าตายเรียบร้อยแล้ว

        "ฉันจะเขียนภาพที่เห็นนี่ลงในการวาดภาพ"

        เปตรอฟพุ่งความสนใจไปที่ภาพนั้นหลังจากที่ได้มองเห็นด้วยตาของเขาเองและลงมือวาดภาพซากอาคาร

        ภาพที่วาดได้แสดงให้เห็นความหวาดกลัวของสงคราม

        ขอบคุณที่เปตรอฟยังไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก, เขายังไม่ถูกพบเจอและยังไม่โดนรบกวน

        <ค่ำคืนของหมู่บ้านที่พังพินาศ>

        <กองกำลังยึดครองที่ไร้ยางอาย>

        <ประชาชนสูญสิ้น>

        ด้วยชิ้นงานที่ดีเหล่านี้ได้ถูกเขียนขึ้น, บางทีอาจเกิดงานมาสเตอร์พีซขึ้นมา

        พวกชาวเมืองต่างเดินเข้ามาใกล้เขา

        "เฮ้, คุณเป็นจิตรกรหรือ?"

        "ผมก็เขียนพอได้เล็กๆน้อยๆ, แต่ก็ใช่ครับ"

        "ผมอยากให้ช่วยหน่อย...ผมต้องการให้วาดภาพวันวานอันเงียบสงบในบ้านของผม ผมสามารถอธิบายได้
เพียงชีวิตความเป็นอยู่เมื่อก่อนนี้"

        "แค่นั้นก็พอแล้ว, ผมสามารถทำการวาดภาพจากคำอธิบายของคุณได้"

        เปตรอฟได้รับเงินค่าดำเนินการจากชาวเมืองและตัดสินใจที่จะทำเพื่อพวกเขา

        เขามองดูที่กระดานข่าวของหมู่บ้านเก่าและดูไปที่รูปภาพทั้งหลายแล้วลงมือวาดภาพลงบนกระดาน
เขายังแอบเขียนตราสัญลักษณ์ของอาณาจักคัลลามอร์และอัศวินที่เสียชีวิตในหมู่บ้านลงในภาพวาด
เขาใส่ทั้งความสุขและความเศร้าของชาวเมืองลงในภาพวาดทำให้ชื่อเสียงของเขาเพิ่มขึ้นทั้งยังสร้างความสนิทสนม

        จนบัดนี้เปตรอฟยังไม่ได้ลงมือเขียนอะไรลงบนผืนผ้าใบของเขา ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงใบหน้าคนผู้หนึ่งที่ไม่มีวันลืมขึ้นได้ทันใด

        "ยูริน....."

        เธออาจจะรู้ว่าเขาได้มาปรากฏตัวที่โมราต้าแล้ว

        แต่, พี่ชายของเธอคือวีด

        เขาได้เผชิญหน้ากับวีดช่วงสั้นๆ, แต่วีดก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คาดคิด ในการสนทนาพวกเขาก่อนการแตกหักได้แวปขึ้นต่อหน้าเขาอีกครั้ง

        - มีเนื้อมากมาย, ไม่อั้น กินได้เท่าที่คุณต้องการ

        - ขอบคุณ

        วีดเป็นคนใจดีมากเขาแสดงความโอบอ้อมอารีต่อคนแปลกหน้าเสมอ!

        ในความเป็นจริงแล้ว, พวกเนื้อถูกนำออกมาสู่งานฉลอง ส่วนใหญ่ถูกกินโดยพวกนักดาบและพวกผู้เล่นคนอื่นๆ,
พวกเขาคิดว่ามันเป็นการแสดงออกถึงน้ำใจ...

        เปตรอฟจำได้ถึงเนื้อย่างที่วีดทำ, มันชั่งชุ่มฉ่ำหนึบหนับในขณะที่ทั้งกลิ่นรสชาติยังอยู่ครบถ้วน

        "เขาช่างเก่งจริงๆในการทำอาหาร"

        หลังจากนั้นเปตรอฟก็ได้เรียนรู้ว่าวีดคือพี่ชายของยูริน, เปตรอฟก็ได้ทบทวนทัศนคติต่อวีดดีขึ้นนิดนึง
ประติมากรรมประทานชีพของวีด, การเป็นลอร์ดและผู้นำของโมราต้าและป้อมปราการเวอร์โก้ทั้งหมดล้วนเป็นกรรมสิทธิ์อันน่าอัศจรรย์

        ในวันที่การผจญภัยของเขาได้เกิดขึ้น, การจัดอันดับของเหล่าสถานีถ่ายทอดได้พุ่งพรวดพร้อมเพรียงกัน

        "การทำพวกงานเย็บปักถักร้อยหรืองานสัพเพหระ ฉันก็ไม่สามารถเทียบเคียงเขาได้เลยเรื่องการต่อสู้หรือแม้กระทั่งพวกเลเวล"

        เปตรอฟได้รับบาดแผลกรีดลงบนหัวใจของเขา

        เขาอยากให้ยูรินประทับใจด้วยการแสดงผลงานจากทักษะการวาดภาพของเขา

        แต่แม้ว่าเขาจะมีความมั่นใจมาก, มันก็เป็นการยากที่จะเปรียบเทียบทักษะในฐานะศิลปินกับประติมากร

นอกจากนี้เขายังพอมีผู้คนจำนวนมากที่ยังสามารถยื่นมือเข้าไปจัดการได้

        วีดยังเป็นผู้สร้างสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์ในโมราต้า อย่างเช่น หอคอยแห่งแสง, รูปแกะสลักเฟรย่า, และอีกมากมาย!
ความสำเร็จของวีดเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับใครคนไหนอีกที่จะทำให้สำเร็จหรือแม้แต่ทำตาม

        ถึงแม้เปทรอฟจะมีทักษะพอที่จะแข่งขันได้, มันก็ยังเห็นได้ว่าเขาไม่มีทางเอาชนะความรักและความนับถือของผู้คนที่ชื่นชอบวีด
เขาสร้างงานศิลปะอย่างต่อเนื่องดังนั้นจึงยังคงไร้ความหมายแม้ว่าเขาจะแย่งป้อมปราการเวอร์โก้ไปจากวีด
เปตรอฟเพิ่งตระหนักว่าประติมากรมืออาชีพจะยังคงได้รับการยกย่องเป็นอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับจิตรกรหลังจาก
ที่ความเย่อหยิ่งของเขาได้มลายไป (snapped out of - (สำนวน) หมายถึงหยุดนิสัยเสียที่แย่ๆ)

        "ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมประติมากรรมของวีดถึงได้น่าอัศจรรย์ พวกมันถูกสร้างขึ้นมาด้วยความยากลำบาก และด้วยวิธีนี้,
มันถึงจะได้รับการยอมรับ ขณะที่เมืองยังไม่มีอะไรเลยในในช่วงแรกๆ และแม้แต่เหล่าดวงดาวก็ไม่ได้ฉายแสงในสถานที่แห่งนี้,
เขาได้สร้างหอคอยแห่งแสงเพื่อให้ชาวบ้านกล้าหาญ และเมื่อเขาได้สร้างรูปแกะสลักเฟรย่าเขาได้ทำให้ผู้คนร่วมมือกัน
ถึงตอนนั้นเองที่วัฒนธรรมและการพัฒนาได้เริ่มขึ้นในโมราต้าจนเฟื่องฟูจวบจนมาถึงปัจจุบัน"

        ประติมากรแต่ละคนมีเรื่องราวความเป็นมาและแต่ละคนยังต้องอดทนกับการทดลองกับงานของตัวเอง
เปตรอฟเอง แท้จริงแล้วยังได้ท่องเที่ยวไปในทวีปและได้สร้างสรรค์งานจากการผจญภัยของตัวเอง

        แต่ดูเหมือนว่าต้องหลังจากได้รับการยอมรับจากประชาชนแล้วเท่านั้นเขาจึงจะสามารถก้าวไปอยู่ตรงหน้ายูรินได้

                                        ***

        ลัทธิโจ๊กหญ้ามีสมาชิกเกิน 3 ล้านแล้ว!

        ในทวีป, พวกเขาถูกพิจารณาว่าเป็นกองกำลังใหญ่ที่สุดในเขตเหนือ

        แต่, เมื่อเวลาผ่านไปผู้เล่นใหม่ส่วนใหญ่ได้กระทำบางสิ่งที่น่ากลัว

ฉันไม่อยากไปคนเดียวเพราะฉันจะเบื่อ(มันน่าเบื่อ) ฉันออกล่าที่เทือกเขาหินแห่งความวิบัติ(the Chaotic Rocky Area)
มีใครต้องการจะออกล่าตามมาได้เลย ฉันเป็นผู้หญิง

        ใครบางคนอยู่ที่ทางเข้าของกระท่อมหลังจากที่โพสต์ข้อความ

        จากนั้น, ปาร์ตี้ออกล่าของคน 20,000 คน ก็ได้ถูกจัดตั้งขึ้น

        ถ้าไม่ใช่กระดานข่าวสาร เรื่องนี้ไม่อาจเกิดขึ้นอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ได้

        "มีผู้คนมารวมกันมากมายเลย ยังไงดี พวกเราเอาด้วยไหม?"

        "วิ่งไปกันเลยเถอะ ฉันตื่นเต้น"

        "มันให้ความรู้สึกเหมือนกลุ่มปิคนิคเลย"

        ในพื้นที่เทือกเขาหินแห่งความวิบัติ, พวกมอนสเตอร์จำนวนมากที่อาศัยอยู่บนนั้นถูกทำลายลงจนหมดสิ้น

พวกสมาชิกลัทธิโจ๊กหญ้าของคุณมักจะเอาแผนที่มาดูและใช้เป็นประจำเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำเลยใช่ไหม?
ฉันอยู่ในระหว่างการท่องเที่ยวฉันได้เห็น ทุ่งเฮิร์ด (Herd Plains)และมีหญ้าที่อร่อยเจริญงอกงามเต็มไปหมดที่นั่น
ในโมราต้า, มันหนาวนิดหน่อย อย่างไรก็ดี, สมาชิกลัทธิโจ๊กหญ้าคงจะมีปัญหาไม่มากนัก
ถ้าพวกเราจะทำบางอย่างกับมันใช่ไหม?

        และในวันนั้น,ลัทธิโจ๊กหญ้าของโมราต้าก็เคลื่อนกันไปอย่างเอิกเกริก ตลอดทั้งวันทั้งคืนผู้คนเดินทาง
ไปที่ทุ่งเฮิร์ดก็เพราะมัน, จำนวนของผู้คนที่มีอยู่สุดที่จะคาดเดา! แต่เพี่อสิ่งเดียวกันแน่นอน, หลังจากนั้นสามวัน,
ทุ่งเฮิร์ด ต้องถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ดินแดนรกร้างเฮิร์ด(Herd Wastelands)

นี่คือรีเบ็กก้า, แม่ค้าจากทวีปกลางและนี่เป็นครั้งแรกของฉันที่มาเมืองโมราต้า ฉันขอกล่าวทักทายกับพวกคุณทุกคน
และเหล่านักท่องเที่ยวที่ต้องการพื้นที่กว้างใหญ่ด้านนอกประตูตะวันออก, แค่ 20 เหรียญเงินต่อคนก็พอ
ใครมาก่อนได้ก่อนเป็นเรื่องปรกติดังนั้นอย่ามาช้า หุ หุ หุ

        แม่ค้ารีเบ็กก้ายังคงป่าวประกาศต่อไปในขณะที่เธอถือเหล่ากระเป๋าที่ว่างเปล่าและร่ำไห้ด้วยความเสียใจ

        เมื่อตอนที่ลัทธิโจ๊กหญ้าได้เริ่มขึ้นพวกเขาเป็นแค่เพียงกลุ่มผู้เล่นใหม่จนๆกลุ่มนึง
เดิมที, พวกเขาก็สลับกันออกล่าพวกกระต่าย, กวาง และหมาป่า แต่เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นในเมืองโมราต้า,
พวกเขาจะแนะนำเควสให้แก่กันโดยจะจ่ายให้อย่างต่ำ 1 เหรียญเงิน

        ระหว่างช่วงแรกๆของโมราต้า, เมืองยังไม่ได้พรั่งพร้อมด้วยสิ่งที่จำเป็น และผู้คนก็ไม่อยากออกไป
นอกประตูเมือง เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อเหล่าโจรร้าย อย่างไรก็ตาม, โมราต้าก็ได้รับการพัฒนาขึ้นในแต่ละวัน,
เหล่าสมาชิกลัทธิโจ๊กหญ้าก็เติบโตขึ้น

        พวกเขาไปเป็นกลุ่มเมื่อทำการออกล่า ทั้งพวกเขายังกระตือรือร้นร่วมมือร่วมใจกันทำพวกเควสอื่นๆ

        แม้ว่าพวกเขากำลังทำพวกเควสง่ายๆและน่าเบื่อ แต่แรงจูงใจของพวกเขาก็เยี่ยมมาก
       
        "ในโมราต้า, มีคำร้องขอมากมายที่เกี่ยวข้องกับจักรวรรดินิฟเฮล์ม(Niflheim Empire)

        "พวกเราจะสามารถทำพวกเควสเหล่านั้นให้สำเร็จได้ไหม?"

        "พวกเราคงทำไม่ได้ แต่ถ้าพวกเราหาพวกหนังมาได้โดยไม่ต้องมีพวกค่านายหน้า, สักวันพวกเราจะต้องเป็นอย่างวีดได้แน่นอน"

        "โจ๊กหญ้า! โจ๊กหญ้า!"

        ขณะที่พวกเขากำลังเพลิดเพลินกับศิลปะและการผจญภัยของพวกเขาในรอยัลโร๊ดที่โมราต้า, เหล่าสมาชิกลัทธิโจ๊กหญ้าก็กำลังค่อยๆเติบโตขึ้นและพวกเราก็ไม่ได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

        ในบ้านกระท่อมอิฐ

        พวกเขาใส่เสื้อผ้าราคาถูกกับอุปกรณ์ที่เหมาะสมกัน สมาชิกลัทธิโจ๊กหญ้าก็กำลังกินพวกอาหารอย่างดีจากภัตตาคาร
ค่าเฉลี่ยเลเวลของพวกมือใหม่กำลังไต่ระดับขึ้นไปในแต่ละครั้ง ผลผลิตและเศรษฐกิจของโมราต้าก็เพิ่มขึ้น

                                        ***
        วีดพบรูปปั้นดินที่ได้สัดส่วนในงานประติมากรรมที่ทำขึ้นในมอนเวอร์ทูเรีย

        ชิ้นงานดินปั้นสามารถบอกเล่าได้ทุกเรื่องราว คุณสามารถสร้างผลงานที่ดีได้แม้ว่าคุณจะ
รู้เพียงแค่ลักษณะบางอย่างของเผ่าพันธุ์

        ผลของการมีความชำนาญในการทำงานหัตถกรรมที่ดีก็เป็นประโยชน์อย่างมาก

        สีและพื้นผิวของงานดินปั้นเป็นส่วนสำคัญของประติมากรรมทุกๆชิ้นและทำให้เป็นไปได้ที่จะสร้างบางสิ่งให้คล้ายกับว่ามันมีชีวิตจริง

        < เค้าหน้าของคนแคระจากงานดินปั้น >

        <ครอบครัวออร์คกินอาหารมากมายด้วยกัน >

        < มนุษย์จ่อมจมอยู่กับความเศร้า >

        < เอลฟ์กำลังปลูกไม้ผล >

        เมื่อพิจารณาผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว, ความเหนียวของมันยังไม่น่าพอใจ

        "พวกลายเส้นบนใบหน้าและรายละเอียดของพวกเสื้อผ้าเป็นส่วนที่ยุ่งยากเพราะมันใช้ความละเอียดอ่อน"

        การสะสมดินเหนียวเพื่อใช้ในการทำรูปประติมากรรมสร้างความรู้สึกใหม่ให้กับวีด

        "ตอนฉันยังเป็นเด็กๆฉันเล่นดินโคลนและสร้างหนึ่งหรือสองอย่างด้วยดินโคลน"

        ระหว่างวันที่ฝนตกในฤดูฝน,ไม่ได้มีเวลาว่างในการเล่นสนุกสนานกับดิน
ตอนเป็นเด็ก, เขาทำเขื่อนโดยใช้ดินเหนียวที่ป้องกันไม่ให้น้ำฝนที่ไหลผ่านและขายมัน
300 วอนให้กับเพื่อนๆของเขา!

        เขาไม่ต้องการพวกของเล่น เขาใช้พวกวัสดุเช่นน้ำและขี้ฝุ่นเพื่อสร้างมันแทน

        "ชิ้นงานพวกนี้ฉันทำขึ้นโอเคแล้ว พวกวัตถุดิบคงเปลี่ยนแปลงไปตามรูปแบบที่ฉันจะทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง,
ดินบริเวณนี้ดีจริงๆ"

        เนื้อของดินในแม่น้ำทิเนียส(Tinius River) มีปริมาณ(หนาแน่น)เป็นสองเท่าและยังมีสีขาวหม่น
ถ้าเขาเก็บรวบรวมโคลนและพวกกรวดเล็กๆและกรองพวกวัสดุแปลกปลอมในพวกมันออก, มันจะเป็นวัสดุที่ยอดเยี่ยม
ในการทำประติมากรรม

        การทำประติมากรรมเป็นศิลปะที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับชีวิต

        พวกวัสดุที่รายรอบตัวเขาดูดซึมความชื้นได้ง่ายมาก แล้วกลายเป็นดินเหนียวใช้ขึ้นรูปมันทำให้คุณสร้างชิ้นงานได้สะดวกสบาย
การจะสร้างบางสิ่งให้สวยงามหรือสร้างบางอย่างที่คุณทะนุถนอมวัสดุจากธรรมชาติเป็นตัวเลือกที่ควรใช้

        ไม่ต้องมีภาระหนักนักในการเจียระไนอัญมณีหรือการแกะสลักหิน

        วีดหันไปมองดูพวกงานดินปั้นอื่นๆ

        ที่นั่นเขาเห็นชุดเครื่องใช้ในการรับประทานอาหารโบราณอย่างเช่นชามหยาบๆที่ทำมาจากดินเหนียว
มันก็ยังคงมีคุณค่าทางศิลปะ, แต่ก็ไม่มากนัก, สิ่งสำคัญคือคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของพวกวัตถุโบราณอันน่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้

        "ฉันสงสัยจังว่ามันจะเป็นยังไงกับฉันที่จะทำพวกเครื่องปั้นดินเผานี่ด้วยน้ำโคลนและดินเหนียว?"

        แทนที่จะเป็นพวกแผ่นขี้ดินธรรมดาๆ, เขาต้องการทำเครื่องเคลือบดินเผา!

        แม้ว่าศิลาดลและเครื่องเคลือบขาวได้รับการตกทอดมาเป็นเวลาหลายปี, ผู้คนก็ยังคงให้ความประทับใจพวกมัน
[ ผู้แปลต้นฉบับ: ศิลาดล(celadon)เป็นเครื่องเคลือบเกาหลีด้วยการเคลือบใสสีเขียวอ่อน,
ผู้แปล: ศิลาดลในประเทศไทยเป็นการเคลือบใสสีเขียวเช่นเดียวกันด้วยการใช้ขี้เถ้าไม้หรือหญ้าเฉพาะผสมในน้ำเคลือบแล้วนำไปเผาจะให้สีเขียวใส
ส่วนเครื่องเคลือบขาว(white porcelain)จะใช้เป็นวัตถุหลักในการทำเครื่องเคลือบที่มีลวดลาย เนื้อจะแกร่งกว่าศิลาดลเพราะเผาที่อุณหภูมิสูงกว่า
แอดชิน : อารมณ์ประมาณพวกเครื่องปั้นสังคโลก เครื่องปั้นลายคราม อะไรประมาณนี้]

        การผลิตสิ่งของแบบนั้นดูเป็นแนวทางที่ดีในการเพิ่มทักษะการทำประติมากรรมของเขา

        "มันง่ายมากที่จะขนย้ายแต่คงต้องมีโชคเป็นทุนด้วยถ้าจะขาย ทั้งต้นทุนของวัตถุดิบที่ใช้ในการทำนี่ก็ไม่มี คริ.คริ.อิ.อิ."

        วีดหัวเราะอออกมาเมื่อเขาคิดถึงเงินที่เขาจะได้รับ สิ่งจำเป็นในการทำพวกเครื่องเคลือบดินเผา(ceramics)ต้องมีทักษะช่างตีเหล็กขั้นกลาง เลเวล 7 พร้อมทั้งความสามารถในการควบคุมไฟของเขา, เขาสามารถสร้างพวกชิ้นงานชั้นเยี่ยมได้

        เขาคิดถึงเรื่องที่จะเลิกทำประติมากรรมและแทนที่ด้วยการใช้ชีวิตในการตีเหล็ก
ถ้าเขาตัดสินใจที่จะเปลี่ยนไปเป็นช่างตีเหล็กเขาจะได้ไม่ต้องกังวลใจเรื่องอาหารและค่าใช้จ่าย

        "ในตอนนี้, ฉันจะเริ่มจากตรงไหนดี ฉันยังไม่ค่อยชินกับมัน เอาละฉันจะเริ่มจากทำชามจากด้านใน"

        การทำประติมากรรมมีขอบเขตไม่จำกัด ในที่นี้คุณจำเป็นต้องขึ้นรูปดินโดยใช้มือจากนั้นก็นำไปอบด้วยไฟ
ทั้งยังมีข้อมูลต่างๆในการปั้น

        ทักษะช่างตีเหล็กมีความสัมพันธ์กันมากกว่า, แต่รูปแบบพื้นฐานและรูปลักษณ์ที่เห็นเป็นงานศิลปะที่ต้อง
ใช้ทักษะงานฝีมือ, ทักษะการแกะลาย, และทักษะช่างตีเหล็ก เพื่อที่จะทำเครื่องเคลือบดินเผา

        วีดทำให้เป็นรูปเป็นร่างโดยใช้มือที่หุ้มไปด้วยโคลนของเขาแต่การทำชามกลมๆโดยใช้มือเขาเองไม่ค่อยสะดวกสำหรับวีด

        "ต้องมีใครสักคนมาช่วยงานตรงนี้ มนุษย์โคลน(Dirtman)!"

        "ท่านเรียกผมมาทำอะไรที่นี่ครับ"

        มนุษย์โคลนตัวนี้ที่เขาอัญเชิญมาดูห่อเหี่ยวและอ่อนล้า

        ช่วงวันเวลาที่ผ่านมา, มันแสดงความยินดีเสมอเมื่อใดก็ตามที่มันถูกเรียกตัวมาบนโลก
แต่ก็บ่อยครั้งที่, พวกมันจะถูกอัญเชิญเป็นอันดับแรกๆโดยผู้เล่นในโมราต้า ตอนแรกพวกมันก็ทำงานของพวกมัน
ได้อย่างดีไม่หยุดหย่อน, แต่แล้วพวกมันก็ทำกันช้าลงและกลายเป็นพวกปากร้าย บางคนก็ว่ามันเป็นเสน่ห์แท้จริง
ในแบบของมันดังนั้นพวกมันยังคงได้รับความนิยมอยู่เสมอ

        ในขณะที่สั่งงานพวกมันมักจะชอบพูดหรือออกความเห็นซ้ำๆ(บ่นนั่นแหละ)

        "มันคงจะดีกว่าถ้าฉันไม่ได้เกิดมา ... ทำไมฉันจึงต้องทนทุกข์ทรมานเมื่อฉันได้เกิดมา? "

        "โอ้ว, หลังของฉัน หลังของฉันเจ็บจังเลย แต่ฉันยังต้องทำงานต่อ"

        "นี่มันงานสุดแสนจะง่าย ถ้าแกทำเสร็จเร็วฉันอาจจะให้แกพักเอาไหม?"

        "พวกเขาพูดถึงเจ้าเมืองโมราต้าว่า, ท่านวีดนี่ช่างเป็นคนหล่อเหลาที่สุดในทวีปแต่ฉันไม่รู้จริงๆว่าจะเชื่อดีไหม"

        เมื่อพวกมนุษย์โคลนที่กำลังทำงานกันอย่างขันแข็ง, เหล่าจิตวิญญาณเหล่านี้ก็จะได้รับงานมากขึ้น
ลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันของพวกมันกลายเป็นความแข็งแกร่งและสร้างความสบายใจให้กับวีด
ซึ่งเป็นผลจากการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอที่พวกจิตวิญญาณได้รับจากเขา!

        วิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นจากประติมากรที่น่ารังเกียจนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับคำสั่งของพวกมัน

        "มีงานอะไรที่ท่านต้องการให้ข้าทำ"

        "พวกเราอาจจะเหนื่อยนิดหน่อยแต่ถ้านายท่านบอกมาพวกเราจะทำให้อย่างเต็มที่สำหรับนายท่าน"

        "มันก็เป็นเรื่องง่ายๆ, ก็แค่ทำให้ไอ้นี่หมุนไปสักหน่อย"

        วีดยื่นแผ่นหินอันใหญ่ให้มนุษย์โคลน

        เขารู้ว่าเขาต้องการจานหมุนที่ด้านล่างเมื่อเอาดินเหนียวกองซ้อนไว้เพื่อที่ทำเครื่องปั้นได้สะดวก

        วีดกำลังจดจ่ออย่างมาก

        "หมุนมัน รักษาความเร็วให้คงที่ อย่าทำมันสั่นหรือแม้แต่จะทำมันหยุด"

        "ถ้ามันเป็นแค่เรื่องอย่างนี้, มันช่างเป็นเรื่องที่ง่ายดายซะเหลือเกิน"

        แผ่นหินไม่ได้น้ำหนักเบาแบบไม้, แต่วีดก็ไม่สนใจ

        มันไม่ใช่หน้าที่ของเขาในการทำงาน, แต่เป็นของมนุษย์โคลน!

        "กำจัดพวกเศษๆและหินที่ติดอยู่ในดินด้วย"

        "ฉันกำลังเก็บมันออกมาแล้วนะ"

        "อัญเชิญกรวดเพลิง!(Fiery Pebble)"

        "วีด ฮูเร่!"

        "เจ้า, จงสร้างไฟขึ้นมา"

        "ขอรับ, รับทราบ"

        "มันต้องร้อนและแรง เราต้องดูแลรักษามันให้อุณหภูมิคงที่"

        มนุษย์โคลนและกรวดเพลิงได้รับมอบหมายงานของพวกมันและทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่

        วีดยังอัญเชิญจิตวิญญาณอื่นอีก

        "อัญเชิญ หยาดวารี!(Droplet)"

        แล้ว, จิตวิญญาณน่ารักที่สร้างขึ้นจากหยดน้ำอันน่าพิศวงได้ปรากฏขึ้น

        "ข้าต้องการทำงาน ท่านกำลังทำอะไร, นายท่าน"

        "เจ้าค่อยๆพรมน้ำลงบนกองดินที่อยู่ตรงนี้"

        เป็นเรื่องปรกติ, เพราะว่ามานาของเขามีจำกัด, เขาจึงจำกัดการอัญเชิญพวกจิตวิญญาณให้น้อยที่สุด
แม้ว่าพวกจิตวิญญาณจะแยกกันเรียกได้, ความสามารถทักษะของเขาด้านทักษะผู้อัญเชิญจิตวิญาณธาตุ(Elemental Shaman skill) ยังไม่ค่อยจะเพิ่มขึ้น
       
        ในเวลานี้,ด้วยแหวนแต่งงานของซึลโร(Seulroeo’s Wedding Ring), สร้อยข้อมือของบาฮาราน(Baharan’s Bracelet) และคบเพลิงฮีเลี่ยม, ระดับการใช้งานของมานานั่นเป็นเรื่องไม่ยากเลยที่จะแบกรับ

        ด้วยการแบ่งงานของเขาให้กับพวกจิตวิญญาณ, โครงสร้างที่ทำงานของเขาในการทำเครื่องปั้นดินเผาตอนนี้มีอุปกรณ์ครบครัน

        "ขึ้นรูปชามแบบเรียบๆคงจะไม่ยาก"

        วีดใช้มือของเขาตบ(นวด)ดินเปียกๆ(ดินเหนียว)

        บนแท่นหินที่กำลังหมุน, เขาเริ่มทำการขึ้นรูปโดยใช้กองดินเหลว(ดินเหนียว)
ด้วยความรู้สึกกระตือรือร้นในมือของเขา, เขาทำด้วยความมั่นใจว่าดินเหนียวจะไม่พังลงและสร้างทำไปทีละเล็กละน้อย

        ขลุกๆๆๆ  (น่าจะเป็นเสียงแท่นหินหมุน-ผู้แปล)

        จนกระทั่งเขาปั้นขึ้นรูปแผ่นดินเหนียวเป็นรูปเป็นร่างขึ้น

        "ขั้นตอนการทำงานฝีมือนี่เป็นเรื่องที่สนุกจริงๆ เนื่องจากวัสดุเป็นของฟรีและได้มาง่ายๆมันไม่สำคัญว่าถ้าฉันทำล้มเหลว"

        วีดทำการเปลี่ยนแปลงชิ้นงานจากพวกชามเป็นพวกจาน

        ความพยายามแรกของเขามันยังหยาบ,ดูเป็นชามขี้เหร่, หลังจากนั้นเขาก็ปรับปรุงทำให้พอยอมรับได้มากขึ้นว่าเป็นชามสำเร็จ

        "ฉันจะอบ(เผา)มันตอนนี้เลยดีไหม?"

        วีดใส่พวกจานและชามเข้าไปในไฟ(เผา) ระหว่างที่กำลังใส่ชิ้นงานเข้าไปในไฟ วีดคาดว่าพวกมันจะเผาออกมา
ได้เหมือนพวกเครื่องเคลือบ(ceramics), แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้นน้ำกลับระเหยออกมาและทำให้ดินเหนียวแตกออก(ระเบิดนั่นแหละ)

        "ฉันเดาว่า ฉันคงต้องรอให้ดินเหนียวแห้งสนิทเสียก่อนที่ฉันจะเผามัน"

        แล้ว 'ชามขี้เหร่' ก็แห้งเรียบร้อย และเพราะด้วยเหตุนี้, เขาจึงสามารถใช้พวกมันเป็นตัวทดลอง
วีดสร้างเตาเผาและใส่กองเศษขยะลงในเตาและเผาเศษขยะนั่น (จุดเตาไฟ)

        ถ้าคุณหนาวและหิวโหย, คุณสามารถแก้ปัญหานี้ด้วยการกินมันเทศร้อนๆ
มันเหมือนยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว!

        หลังจากการเผาไม้, ฉันจะใช้ขี้เถ้า(น่าจะถ่านที่ติดไฟแล้ว) มาทำอาหารพวกพวกมันฝรั่ง, มันเทศ และเนื้อให้อร่อย
แค่บอกพวกนักดาบว่าฉันจะทำอาหาร นั่นสำหรับพวกเขามันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาน้ำลายไหลแล้วไหลอีกตอนที่ทำราเม็ง

        "แล้วตอนนี้, เป็นเวลาที่จะตรวจสอบดูกันว่าโครงการของฉันสำเร็จไหม"

        วีดดับไฟในเตาและสังเกตดูที่เจ้า'ชามขี้เหร่'

        การควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับดินเหนียวต้องการอะไรบ้าง เขาอาจจะทำบางอย่างพลาดไป
ประมาณเศษหนึ่งส่วนสามของพวกมันแตกร้าว บางชิ้นแตกร้าวตรงขอบ,
แต่ส่วนที่เหลือเผาออกมาได้ดีมีรูปทรงตามที่เขาต้องการ

        - คุณได้ทำชาม 29 ใบ, ความเชี่ยวชาญการปั้นเพิ่มขึ้น
        - ความเชี่ยวชาญด้านการตีเหล็กเพิ่มขึ้น

                "ไม่ค่อยสวยนัก แต่ยังไงมันก็เป็นงานแรกของฉัน ตรวจสอบ!"
        ชามที่ทำอย่างลวกๆ
        ความทนทาน: 11/11
              หม้อที่กว้างพอที่จะใส่อาหารได้ทั้งมวล ทำขึ้นโดยช่างศิลป์ที่มีชื่อเสียงประติมากรวีด!
        ชามใบหนานี้หนามากๆและไม่ให้ความสำคัญกับการเผาอย่างต่อเนื่องด้วยการที่ใช้ไฟแรงไป
        การใช้เนื้อดินที่สะอาดเป็นวัสดุเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก!
        ถ้าชิ้นงานนี้ของประติมากรวีดปรากฏขึ้นบนทวีปคงจะเป็นที่ต้องการของผู้คนมากมาย
        คุณค่าทางศิลป์: 27
        คุณสมบัติพิเศษ: เมื่อใช้เก็บในภาชนะนี้จะช่วยปรับปรุงในด้านรสชาติและกลิ่นหอมของอาหาร

        เมื่อพิจารณาว่ามันเป็นงานแรกของเขา, มันก็ดูเรียบร้อยดี
ชามใบหนาที่ได้ทำขึ้นมานี้ มันค่อนข้างหนักและขนาดของมันก็ค่อนข้างจะใหญ่
ความล้มเหลวของเขาถูกบันทึกไว้ทั่วทั้งผลิตภัณฑ์

        "ไม่ใช่แค่ชามนี่, ฉันอยากจะทำพวกเครื่องเคลือบ(ceramics)"

        มันอาจจะเห็นได้ว่ามีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ต้องทำกับพวกเครื่องดินเผาอย่างพื้นๆ(basic pottery)ก็แค่ใช้ดินเหนียวกับไฟ
เขาทำพวกชามอย่างง่ายๆ, หยาบๆและแค่ไหนละที่เขาต้องการ เพื่อที่จะทำชิ้นงาน,เขาต้องทำเนื้อดินให้ละเอียดจนกว่ามันจะละเอียดพอและนั่นก็เป็นเวลาที่เขาสามารถใช้มันขึ้นรูปได้

        "แล้วก็ชิ้นต่อไป..."

        เขาทำงานของเขาต่อโดยมีมนุษย์โคลน, หยาดวารี และกรวดเพลิง คอยช่วยเขา

        เขาสร้างเครื่องปั้นดินเผาที่มีความละเอียดเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยและยังคงทดลองกับอุณหภูมิของไฟ
หลังจากทำการขึ้นรูปเครื่องปั้นดินและทำให้แห้งสนิทดีในที่ร่ม, เขาก็นำมันไปใส่ในเตาและเผาเครื่องปั้นดินดิบนั้น
       
        ในที่สุดเขาก็คุมไฟได้

        จากนั้นเขาก็ทำกระบวนการต่อโดยลงเคลือบบนผิวของพวกมัน เขาทำการเคลือบหลากหลายชนิด
โดยการย่อยหินผสมรวมกับเถ้าของไม้ที่ถูกเผา (พวกหินฟันม้าจะช่วยให้เกิดเป็นเคลือบกระจกบนผิวเครื่องปั้น - ผู้แปล)
เขายังสร้างสีสันหลากหลายลงในกระบวนการทำ วีดพอใจสีขาวและสีฟ้าใสเป็นส่วนใหญ่

        เขาประยุกต์การเคลือบโดยการย้อนกลับไปที่การเผาโดยใช้ไฟแรงทำให้เคลือบเงาชั้นในละลายออกมาได้สวยงาม
และเครื่องเคลือบก็เสร็จสมบูรณ์


        วีดได้ทดลองวิธีเคลือบยากๆแบบอื่นๆโดยเขาใช้ทักษะการทำเหมือง(Mining)และการปรุงสมุนไพร(Herbalism)และ
ใช้มันในการทดสอบการเผาเครื่องเคลือบ

        "มีงานยุ่งเต็มมือทีเดียวที่ต้องทำ"

        เครื่องดินปั้นนี่ต้องพิถีพิถันมาก แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จ, แต่งานนี้ไม่ง่ายเลย
ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในกระบวนการทั้งหมดจะทำให้สีของมันเปลี่ยนไป
วีดได้ทำชามดินเผาอีกเพียบและทำลายเฉพาะชามชิ้นที่ผลิตออกมาผิดพลาด

        จากที่ได้รับการยกย่องจากศิลปินว่าเป็นสุดยอดประติมากรของทวีป, ความภาคภูมิใจของเขาแหลกสลายลงทันใด+++++

        "นี่เป็นเรื่องน่าพอใจ วัสดุเกือบจะได้เปล่า!"

        วีดคิดในแง่บวกมาก

        งานประติมากรรมและเครื่องเคลือบลึกๆแล้วเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน, แต่วิธีการในการทำของพวกมันแตกต่างกันมาก
นั่นคือทำไมเขาถึงได้ล้มเหลวที่จะเรียนมัน การสร้างงานขึ้นรูปจากดินเหนียวและก้าวผ่านไปสู่ขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องน่าสนุกเช่นกัน

        "มาทำมันให้หลากหลายมากขึ้นดีกว่า ฉันคิดว่ามันยังเพิ่งเริ่มต้น แต่ฉันยังต้องพยายามต่อไปและลำบากลำบน
ไปกับมัน เพื่อให้เห็นว่ามันเป็นไปได้"

        สิ่งที่วีดสามารถทำขึ้นโดยใช้จินตนาการของเขาได้สำเร็จลง

        เหยือกที่มีรูปร่างคล้ายกับสัตว์!

        เครื่องเคลือบนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนกับเทน้ำเข้าปาก ถ้าเขาได้พยายามทำเต่าสักตัว,
เขาจะสามารถแสดงให้เห็นถึงทักษะของเขาในฐานะประติมากรที่เหนือกว่าผู้อื่น
วีดเคยทำประติมากรรมที่มีความซับซ้อนมานักต่อนักแล้ว

        "หากเป็นเครื่องประดับมันคงขายได้ราคาดีเลยทีเดียว, หากเป็นงานศิลปะมันจะมีมูลค่าสูงขึ้น"

        เขารวมก้อนดินเข้าด้วยกันให้เป็นก้อนแข็งและจากนั้นก็เลือกวิธีปั้นมันโดยใช้มีดแกะสลักของเขา
เพราะว่าเขายังไม่คุ้นเคยกับการใช้ดินเปียกๆในการทำพวกรูปทรงที่ซับซ้อน, เขาจึงต้องประสบความยากลำบากอย่างมาก
ถึงแม้ว่ามีดแกะสลักเพียงแค่ตวัดมีดลงบนก้อนดินเหนียว, ยังคงมีบางส่วนถูกบดบี้

        "ฉันต้องการให้แกจับและถือไว้เพื่อให้แน่ใจว่าดินเหนียวจะไม่สั่น หัตถ์แห่งจิต!" (Mind Hand)

        วีดใช้วิชาหัตถกรรมขั้นสูง, ใช้มือของเขาแสดงทักษะเหล่านั้นซึ่งปรากฏเฉพาะในช่างฝีมือในตำนาน
เนื่องจากเขาเพ่งความสนใจอย่างเต็มที่, การสัมผัสทางกายภาพไม่ทำให้เครื่องเคลือบเสียหาย

        ในขณะเดียวกัน, มีดแกะสลักของเขาก็สามารถที่จะตัดแต่งให้เป็นรูปเป็นร่าง

        "ชิ้นงานมันเยอะแยะมากซะเหลือเกิน เรียกขาน เดทไนท์ แวนฮอร์ค, เรียกขานเจ้าแห่งแวมไพร์โทริ!"

        "เกิดอะไรขึ้น!"

        "ไหนละการต่อสู้, นายท่าน!"

        แวนฮอร์ค และโทริ ก็ถูกอัญเชิญออกมาเช่นกัน!

        "ถ้าพวกแกเป็นผู้ชายก็อย่ามัวแต่สนุกสนาน! รีบทุบพวกนี้เร็วๆเข้า!"

        วีดให้พวกมันทุบพวกก้อนหินและผสมรวมกับถ่าน หน้าที่ของพวกมันคือการทำน้ำเคลือบ

        แวนฮอร์ค และโทริไม่เข้มแข็งพอที่จะต่อต้านงานของพวกมัน ระหว่างที่ท่องเที่ยวไปกับวีด, พวกมันก็เกิดความชาชิน
ไปพร้อมกับงานบ้านอันแสนน่าเบื่อของวีดอย่างทุบกระเทียม, ปอกเปลือกมันฝรั่งและหัวหอม

        "อย่างน้อยงานในวันนี้ก็ทำง่ายกว่า"

        "ฉันหวังว่าฉันคงสามารถทำเสร็จเร็วๆแล้วจะได้พัก"

        วีดทำพวกเครื่องเคลือบกับจิตวิญญาณทั้งสามและโทริ ขณะที่แวนฮอร์คยังได้รับงานจำนวนมากในกระบวนการผลิต

 -เหยือก'ขี้เหร่'พิเศษ 42 แบบได้ถูกสร้างขึ้น ความเชี่ยวชาญการแกะสลักเพิ่มขึ้น
 -คุณประสบความสำเร็จในการควบคุมไฟอย่างละเอียด
 -ค่าสถานะทางศิลปะเพิ่มขึ้น 1
 -ความใกล้ชิดธรรมชาติเพิ่มขึ้น 2

        เวลานี้, ดูเหมือนว่าเขาสามารถสร้างผลงานได้ดีพอควร

        "ตรวจสอบ!"

เหยือกเป็ดน้ำ
ความทนทาน: 14/16
เหยือกน้ำเป็นตัวแทนของแม่เป็ด
ชิ้นนี้เป็นงานประติมากรรมสุดพิเศษที่ทำโดยศิลปินผู้ยิ่งใหญ่วีดในด้านต่างๆ
นี่เป็นการเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น เป็นเป็ดที่น่าเหลือเชื่อ(หรือเป็นของกากๆที่ราคาน่าเหลือเชื่อ น่าจะเป็นการเล่นคำ-ผู้แปล)
และบ่งบอกได้อย่างชัดแจ้ง
แต่นี่ไม่ได้รับการจัดการที่จะเคลือบอย่างสม่ำเสมอเพราะว่าบางส่วนของวัตถุดิบไม่ละลายและยังมีส่วนชำรุดเล็กน้อยภายใน
เพราะว่ามันเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อน ชิ้นงานหรูหราหายาก, ดูเหมือนพวกชนชั้นสูงและพวกราชวงศ์จะชอบมัน
คุณค่าทางศิลป์ : 361
คุณสมบัติพิเศษ : เกียรติยศ +26
                 มันจะเสริมเกียรติยศของคุณต่อกษัตริย์และชนชั้นสูง

        จากข้อเท็จจริงที่ว่าวีดยังไม่มีประสบการณ์, การสร้างภาชนะดินเผาที่ดีแบบนี้ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จเรียบร้อยแล้ว

        "ตอนนี้ฉันคุ้นเคยกับการเคลือบแล้ว, ฉันต้องการฝึกฝนการทำเครื่องเคลือบเพิ่มเติม"

        โทริ, แวนฮอร์ค และจิตวิญญาณทั้งหมดอยู่ในระหว่างการเดินทางและมีงานที่ต้องทำ แต่ยังคงมีถ้ำที่ยังไม่ได้สำรวจในมอนเวอร์ทูเรีย(Montvertruria)

        "บางทีฉันควรเติมช่องทางเข้าสู่ดันเจี้ยนนี้ด้วยประตูสัมฤทธิ์(bronze)เพื่อให้มีบรรยากาศที่ดีในนี้"

        วีดส่งกระซิบถึงน้องสาว

        - ยูริน

        - คะ, พี่

        - น้องกำลังทำอะไรอยู่?

        - ตอนนี้หนูกำลังป้อนหญ้าเจ้าเหลือง

        ยูรินชอบเจ้าเหลืองเป็นพิเศษมากกว่าประติมากรรมประทานชีพตัวอื่นๆ, เธอให้ความสนใจเป็นพิเศษและลูบไล้บริเวณซี่โครงของมัน

        - พี่พบสถานที่หนึ่งระหว่างทำเควสของพี่อยู่ตอนนี้ พี่จะบอกรายละเอียดของมันแล้วเธอจะลองมาเที่ยวที่นี่ได้ไหม?
พวกประติมากรรมกับรูปวาดมากมายจะเป็นประโยชน์กับเธอ

        - ฉันกำลังป้อนหญ้าเจ้าเหลือง

        - อ้อ, แล้วนำคนอื่นๆมาด้วย พี่รู้สึกได้ว่าภายใต้สถานที่นี้อาจจะเป็นดันเจี้ยน

                                        ***

        ยูรินใช้ทักษะจินตภาพ(Picture Teleportation)ทำการย้ายตัวเธอเองพร้อมด้วยเพล, เมลอน, และเซอร์กะ
และแล้วพวกเขาก็มาถึงพร้อมๆกัน

        "มีสถานที่แบบนี้จริงๆด้วย! ฉันไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน พวกเราสามารถเดินดูรอบๆนี้ได้ใช่ไหม?"

        "ก็ได้นะ, ดูรอบๆเอาเองก็แล้วกัน"

        วีดกล่าวอย่างมีน้ำใจ

        สถานที่นี้ค่อนข้างไม่มีอะไรสำหรับเขาอีกแล้วเนื่องจากเขาบรรจุทุกอย่างที่เขาต้องการไปแล้ว

        "สถานที่แห่งประวัติศาสตร์ของสี่เผ่าพันธุ์ ช่างมหัศจรรย์อะไรเช่นนี้"

        "ค่าสถานะทางศิลปะของฉันเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ขอบคุณคุณวีดค่าสถานะทางศิลปะของฉันเกินกว่า 300 แล้ว"

        ในขณะที่พวกเขาเพลิดเพลินกับประติมากรรมของวีดและออกไปผจญภัย, ค่าสถานะทางศิลป์ในปาร์ตี้ของพวกเขาเติบโตขึ้นไม่หยุดหย่อน
แม้กระทั่งผู้เล่นที่ไม่ได้มีอาชีพเป็นศิลปินก็เพียงพอที่จะได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ผู้เล่นในโมราต้ามีค่าสถานะด้านศิลปะระดับสูงจำนวนมาก
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้เล่นในเมืองอื่นๆ ด้วยการพัฒนาของโมราต้าตลอดทั้งการแกะสลัก, การวาดภาพ, การขับร้อง, การเต้นรำ และเหล่าการแสดง
ชาวบ้านจะพบว่าคำร้องขอจำนวนมากเชื่อมโยงกับศิลปะเป็นอย่างมาก

        "นี่คือสิ่งที่คุณทำด้วยดินเหนียวหรือคะ?"

        ฮวายองแสดงความสนใจชามและเหยือกที่วีดทำขึ้น

        เธอดูเหล่าตัวอย่างที่เคลือบในแบบต่างๆกันและชามแต่ละใบก็ทำขึ้นด้วยสีต่างๆกัน ท่ามกลางพวกชามขาวที่ใสสะอาดทำให้เธอไม่สามารถละสายตาได้

        "มันช่างสวยงาม"

        "การเคลือบทำได้ลำบาก ไม่ค่อยดีนัก, แต่มันก็เป็นสุดยอดในหมู่ชิ้นงานที่ดีเยี่ยมที่ผมทำ"
.
        มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน, แต่มีบางส่วนข้างใต้มันไม่ได้ถูกเคลือบ อย่างไรก็ตามงานของเขากลับดีขึ้นและทนทานมากขึ้น

        "ฉันอยากจะได้ชามนี้จริงๆนะ อย่างน้อยนี่ให้ฉันสักใบได้ไหม?"

        "ตามสบายเลย เอาไปมากเท่าที่คุณต้องการได้เลย"

        มีชามมากมายและเนื่องจากพวกเขาทำการผลิตมันเป็นจำนวนมาก, ให้ไปมันเป็นคู่จะได้ไม่เป็นขยะกองโต

        เมแพนมาถึงทีหลังและมองไปที่พวกชามด้วยสายตาเป็นประกาย

        "สวัสดี ท่านวีด, มีให้ผมสักสองสามชิ้นไหมครับ..."

        "แน่นอน ผมจะขายให้"

        วีดพูดตัดบทเขาอย่างเย็นชา

        มันก็เพราะว่าจุดประสงค์ของฮวายองคือแค่สะสมในขณะที่เห็นได้ชัดว่าเมแพนจะใช้มันในการขายสินค้าทั้งแปดร้านของเขา

        "โอ้ว, ผมคิดว่าผมจะสามารถจูงใจให้เกิดความนิยมอย่างใหญ่หลวงกับคุณ"

        เมแพนจับจ้องมองเครื่องปั้นดินเผาโดยไม่ได้ซ่อนความยินดีของเขาไว้เลย ในทวีปเวอร์เซลล์, เครื่องเคลือบดินเผาเป็นสิ่งล้ำค่า
พวกคหบดีผู้ร่ำรวยและราชวงศ์มักจะต้องใช้บางอย่างแบบนี้ เนื่องจากงานศิลปะนี้มีคุณภาพสูงอีกด้วย เขาสามารถขายของหรูนี้ได้

        คลังสินค้าคนแคระ
        คุณเป็นคนแรกที่ได้ค้นพบคลังสินค้าคนแคระ
        ผลประโยชน์ที่ได้รับ : ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 680
                        ค่าประสบการณ์และอัตราการดรอปไอเท็ม เพิ่มขึ้น 2 เท่า เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์
                        มอนสเตอร์ตัวแรกที่ฆ่าได้จะดรอปไอเท็มคุณภาพสูงที่สุดที่มันสามารถดรอปได้

        อย่างที่คาดไว้, พวกเขาค้นพบดันเจี้ยน!

        มันเป็นดันเจี้ยนที่พวกคนแคระใช้เก็บสินค้าของพวกเขา

        "มันเป็นอย่างที่ฉันคาดไว้เลย"

        ซอยูนยังอยู่ที่โมราต้าและเข้าร่วมกับพวกเขาผ่านทักษะของยูรินด้วย
ประสิทธิภาพของปาร์ตี้นั้นถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัว

        "แวน ฮอร์ค, นำทาง"

        "ครับ นายท่าน"

        วีดร่วมทางไปกับเดทไนท์ทำการลาดตระเวนดันเจี้ยน ที่เปิดเผยให้พวกเขาเห็นภาพรวมมันตั้งแต่จุดเริ่มต้น

        เขาดึงดาบปีศาจโคลเดอร์ริมออกมาและถือไว้เพราะเขาได้ก้าวเข้าสู่ดันเจี้ยนแล้ว เขาให้ซอยูนระวังทางด้านขวา
ในขณะที่เธอสังเกตอย่างระมัดระวัง เพลและเมลอนถือธนูของพวกเขาในขณะที่ เซเฟอร์, ฮวายอง, เซอร์กะ, เบลล็อท,
ไอรีน, โรมูเนะ และยูริน ก็ตามมาข้างหลังพวกเขา อย่างกับทีมชั้นนำ เมแพนมาพร้อมกันในขณะที่ลากรถบรรทุก
เพื่อรับพวกแจ๊บเท็มหรือของที่ยึดมา

        "พวกเราไม่เคยให้สมบัติพวกแก มันเป็นของพวกเรา!"

        "อี๋, นี่มันขโมยนี่! มีพวกขโมย!

        มีพวกโจรปล้นขุดสุสาน(graverobbers)ออกตระเวนและปรากฏอยู่บ่อยๆในดันเจี้ยน

        ทว่า พิษ, เวทมนต์, ดาบ หรือลูกศร, มันยากมากที่จะใช้มันกับพวกโจรปล้นสุสานที่เข้ามาไม่สิ้นสุด
พวกกับดักถูกติดตั้งโดยพวกคนแคระภายในดันเจี้ยนเอาไว้อย่างสมบูรณ์ยิ่ง

        "พวกโจรปล้นสุสานที่เตร็ดเตร่อยู่อยู่ในเลเวล 300 กลางๆ"

        วีดรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

        ซอยูนและเหล่าผองเพื่อนของเขาเลเวลอยู่ในระดับ 400 แล้วดังนั้นการกระทำในดันเจี้ยนด้วยเลเวลนี้มันเกินสมควรไปนิดหน่อย
เพราะว่าสถานที่นี้มีความหมายทางประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้ง และด้วยสิ่งนี้ นั่นคือทำไมเขาจึงหวังในเรื่องระดับความยากของดันเจี้ยนนี้
ถ้ามันเป็นเช่นนั้น อย่างนั้นพวกสมบัติที่นี่อาจจะมีค่าค่อนข้างน้อย

        พวกโจรปล้นสุสานเมื่อเปรียบเทียบกับมอนสเตอร์อื่นๆมีพลังชีวิตสูงกว่าจึงให้ประสบการณ์มากกว่า
และด้วยด้วยความที่พวกมันมีความเร็วต่ำ, พวกเขาสามารล่าได้อย่างสบาย

        "เคล็ดมีดสลักแสงจันทร์!"

        เขาใช้ดาบเปล่งประกายได้อย่างอิสระและใช้ได้ครอบคลุมอย่างยิ่ง

        สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อทักษะความชำนาญได้รับการพัฒนาและแล้วหลังจากนั้นก็สามารถใช้มันได้อย่างเหมาะสม!

- คุณได้ถูกพวกโจรปล้นสุสานพบเห็น
- คุณได้พบกุญแจจากพวกโจรปล้นสุสาน
- คุณได้รับถุงที่บรรจุพวกสิ่งของเล็กๆ

พวกโจรปล้นสุสานได้ดรอปของที่ปล้นมาต่างๆมากมาย วีดพร้อมด้วยโทริ, แวนฮอร์ค และเซเฟอร์ทำการป้องกันตั้งแต่เริ่ม
เช่นเดียวกัน คนอื่นๆก็สนับสนุนพวกเข้าทั้งด้านหลังและด้านข้าง ทั้งมือและเท้าของพวกเขายุ่งอยู่ตลอดเวลา
เพราะว่าไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย จากนั้น, พวกเขาพบพวกกล่องของคนแคระ
ในระหว่างนั้นและการเปิดพวกมันเป็นกิจกรรมที่สนุกเพื่อฆ่าเวลา

- คุณได้รับพวกหนังสือเก่า และไดอารี่ที่2 ของคนแคระ(the Diary #2 of a Dwarf)
- คุณได้พบดาบสัมฤทธิ์(bronze sword)
ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 310
- คุณได้พบมีดหิน
ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 195
- คุณได้รับแก้วสำหรับใช้ดื่มน้ำของพวกคนแคระ

        พวกอาวุธและเกราะของพวกคนแคระที่พบหลังจากนั้นเป็นพวกที่ด้อยพัฒนาเกินไป นั่นเป็นเหตุว่าทำไมประสิทธิภาพของพวกมันถึงไม่ค่อยดี

        พวกดาบสัมฤทธิ์ และทองเหลืองไม่ได้ทำขึ้นอย่างเหมาะสมและมันจึงสมควรที่จะทิ้งมันไว้ให้เป็นพวกโบราณวัตถุ!

        "น่าเดี๋ยว มันก็ดีขึ้นเอง ถ้าฉันนำพวกนี้ไปยังศูนย์ศิลปะ"

        การบริจาควัตถุโบราณเข้าสู่ศูนย์ศิลปะคือสิ่งที่เขากำลังคิด พวกเขาค้นพบก้อนแร่เหล็ก, แร่เงิน
และมิธริลข้างในกล่องและคาดหวังว่าพวกเขากำลังจะได้รายได้ก้อนโต

        มันเป็นสิ่งที่ทำให้วีดรู้สึกได้เพียงพอที่มุมปากของเขาจะยกขึ้นอย่างช้าๆ

        วีดออกล่าร่วมกันกับเพื่อนๆยกเว้นยามเมื่อเขากำลังทำให้สินค้า(เครื่องปั้นดิน)แห้งหรือมันได้เวลาที่ต้องลงเคลือบ
เขายังเก็บเกี่ยวสะสมประสบการณ์เช่นการทำพวกเครื่องเคลือบ(ceramics)ของเขาให้กลับกลายเป็นเรียบลื่นขึ้นและมันยังเป็นการพัฒนาให้ดีขึ้น

        แม้ว่าจะไม่มีผลงานชิ้นเอก(Masterpiece) หรือผลงานที่ยิ่งใหญ่(Magnum Opus), ก็ยังคงมีชิ้นพวกชิ้นงานชั้นเลิศ(Fine pieces)ปรากฏให้เห็น

        "อ๋า.! มันช่างงดงามจริงๆ

        ในขณะที่วีดทำพวกเครื่องเคลือบ, ฮวายองได้ดูและเฝ้ามองตลอดเวลา ในความเป็นจริง, เหตุผลหนึ่งที่เธอจับจ้องมองวีด
ก็เพราะการแสดงออกอันน่าสนใจที่วีดทำ ขณะที่เขากำลังทำงาน เธอหลงใหลยามเมื่อการแสดงออกของวีดกลับกลายเป็นเคร่งขรึม
ในขณะที่เขาสร้างพวกประติมากรรม เธอจดจ่ออยู่กับภาพที่น่าหลงใหลของวีดในขณะที่เขาทำงาน

        ระหว่างที่วีดกำลังแกะสลักพวกรูปประติมากรรมจากไม้ของเขา, เขากำลังใช้ความคิดอย่างเงียบๆ

        'ฉันจะขายมันได้เท่าไรหนอ ถ้าฉันทำมันสำเร็จ มูลค่าของวัสดุมันก็ไม่ค่อยมีค่าเท่าไร
โอ้ว, วันนี้มูลค่าของพวกต้นไม้มันย่ำแย่มาก นอกจากนี้เมื่อก่อนฉันไม่เคยซื้อไม้สักต้น
ถ้าฉันมีพวกหินขนาดย่อมๆถึงขนาดใหญ่ละก็ฉันสามารถสร้างประติมากรรมขนาดยักษ์ได้เลย
และจะมีสายของคนร่ำรวยออกมามองหา.....'

        วีดยุ่งอยู่กับดินเหนียวในการทำเครื่องดินเผา(pottery)ดังนั้นมือของเขาจึ้งเปรอะเปื้อนด้วยดินเต็มไปหมด
คนที่ตัวเลอะเทอะกำลังนั่งอยู่ที่นั่นในห้องทำงานย่อมไม่น่าเกลียดแน่นอน มันเป็นการสร้างบรรยากาศอ่อนโยน
ชวนให้พวกสาวๆหลงไหล

        ไอรีน, โรมูเนะ, และฮวายอง จ้องมองไปที่เขาในขณะที่เขากำลังทำงาน

        "ฉันอยากจะเรียนทำเครื่องปั้นดิน"

        "ไว้คราวหลัง, ฉันจะทำเครื่องปั้นดินกับแฟนของฉัน...."

        ผู้ชายอยากแนบชิดกับกายสาวและวางมือของเขาช่วยสอนทำเครื่องปั้นดิน
มันเป็นบรรยากาศอันอ่อนโยนแปลกประหลาดอย่างมาก!

        แล้ว,วีดเหยียดมือออกผ่านเอวและค่อยๆสัมผัสและขึ้นรูปเครื่องปั้นดินเผา  (โอ๊ย...นึกถึงเรื่อง Ghost เชียว - ผู้แปล)

        "อ่า.า.า!"

        "อะไร..คะ!"

        ใบหน้าของหญิงสาวก็แดงระเรื่อในขณะที่สายตาของพวกเธอก็เปล่งประกาย

        'ใครกัน ฮึ....'

        'ใคร มันเป็นใครกัน?'

        วีดตรวจดูที่ด้านหลังของเขาแต่ไม่เห็นใครอยู่ที่นั่น

        หนึ่งในทักษะการแกะสลักของอาชีพเขา หัตถ์แห่งจิต! (Mind Hand)

        ด้วยเหล่ามือของช่างหัตถกรรม เขาเริ่มแกะสลักประติมากรรมต่างๆด้วยมือของเขาและหัตถ์แห่งจิต

        มันเป็นประสบการณ์ที่แปลกและแตกต่างจากสิ่งที่เขาคาดหวังไว้
จบตอน
ผู้แปล : Acid กรด
Editor : แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

16 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณทีมแปลครับ ทีสละเวลาแปลมาให้อ่านสนุกๆทุกตอน ^_^

    ตอบลบ
  2. ได้เปิดโรงปั้นดินเผาในโมราต้า เพิ่มยอดท่องเที่ยวคู่รัก

    ตอบลบ
  3. เด็วถ้าวีดสร้างกิลขึ้นมานี้ กิลคงไหญ่หน้าดูชม

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. วีดมีกิลอยู่แล้ว มันเข้ากิลตอนอยู่เมือคนแคระ

      ลบ
  4. ตอนนี้ยาวสะใจมาก ขอบคถณค่ะ

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณครับ แปลได้ดีมากๆ ครับ

    ตอบลบ
  6. อ่านเพลินอ้าวจบและ ขอบคุณฮ่ะ

    ตอบลบ
  7. ยาวๆป้าย
    ขอบใจหลายๆเด้ออ

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...