วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561

เล่ม 27 ตอนที่ 1: ประติมากรรมจากดิน แปลโดย Acid กรด


เล่ม 27  ตอนที่ 1: ประติมากรรมจากดิน แปลโดย Acid กรด


"ที่นี่มีอะไรบางอย่างจริงๆหรือ? ฉันไม่เห็นผู้คนเข้ามายังสถานที่แห่งนี้มาก่อนเลยนะ"

ภายในถ้ำ, วีดถือหินวิเศษซึ่งเปล่งแสงได้ แม้ว่าเขาจะสามารถนำคบเพลิงเข้ามาใช้ได้, ถ้าเกิดว่าสถานที่แห่งนั้น มันเป็นสถานที่ที่มีความผิดปกติแล้วล่ะก็, ความร้อนจากไฟอาจทำให้เกิดหายนะอย่างร้ายแรง

วีดเดินเข้าไปภายในถ้ำ

ติ๊ง!
คุณได้พบ มอนท์เวอร์ทรูเรีย(Montvertruria) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเหล่ามนุษย์, เอลฟ์ และออร์ค!
คุณได้มาถึงถ้ำที่สิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์ ได้เคยอาศัยอยู่ร่วมกันและเอาชนะอุปสรรคทั้งหลาย
ก่อนที่พวกเขาจะกระจัดกระจายออกไปทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลล์
จุดกำเนิดของที่แห่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นพรที่เหลืออยู่จากทวยเทพ
รางวัล : ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 12,000
คุณได้รับฉายา 'นักผจญภัยผู้ค้นพบประวัติศาสตร์ของทวีป'
คุณสามารถรายงานการค้นพบนี้ เหล่าชนชั้นสูงและอัศวินไม่สามารถปิดบังการค้นพบที่ยิ่งใหญ่นี้ได้, คุณต้องรายงานโดยตรงสู่กษัตริย์
        - เนื่องจากผ่านการผจญภัย, ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 7
        - ความกล้าหาญเพิ่มขึ้น 12
        - ระหว่างที่ค้นพบประวัติศาสตร์นี้, สติปัญญาเพิ่มขึ้น 9

ในที่สุด, ถ้ำที่ซึ่งทั้งสี่เผ่าพันธุ์เคยอาศัย ก็ได้ถูกเปิดเผย เควสปรมาจารย์การแกะสลักของเขาที่ให้ค้นหามอนท์เวอร์ทรูเรีย
หลังจากการสืบหา รัทเซเบิร์ก ก็ได้ชี้นำไปสู่ความสำเร็จในการค้นพบ

"อิ..อิ..อิ..อิ, ฉันมาถูกที่แล้วละ!"

ด้วยการใช้หินวิเศษ, เขาหาเส้นทางในความมืดและพบว่าภายในนั้นกว้างขวางพอใช้ และมีทางแยกออกเป็นหกทาง

"ฉันจะเข้าไปมันหมดทุกทางเลย ไม่ไปทุกทางนี่สิน่าตลก"

เควสปรมาจารย์การแกะสลักของเขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว คืบหน้าไปค่อนข้างมาก และเขาก็สนใจที่จะทำการค้นหาบางอย่างเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชนเผ่าต่างๆ
มันดีกว่าที่เขาเคยคาดหวังไว้

คล้ายกับว่าวีดถูกล็อตเตอรี่, ในจิตนาการของวีด ตอนนี้เตลิดเปิดเปิงไปทั่ว เขาคงกังวลใจมากว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาในครั้งนี้

'ในถ้ำแรกบรรจุไว้ด้วยเหล่าทองแท่ง ขณะที่ถ้ำที่สองกระจัดกระจายเต็มไปด้วยเพชรโบราณ และทับทิมมากมาย
พวกทับทิมสามารถเพิ่มมูลค่ามันได้ในภายหลัง ในถ้ำที่สาม บรรจุไว้ด้วยเหล่าศาสตราวุธหลากหลายชนิดและสินแร่
ถ้ำที่สี่กระจายเกลื่อนไปด้วยแท่งเงิน เยี่ยม,มันจะยิ่งดีถ้าเงินจะไม่หมองไปเสียก่อน และต่อไปถ้ำที่ห้า...

แม้จะเป็นแจกันโบราณใบหนึ่งก็ยังมีค่ามูลมหาศาลในตัวมันเอง

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแหะว่าฉันจะได้มาขายพวกของโบราณเอาไปใช้เป็นเงิน ชีวิตนี้จะเป็นยังไงน้าเมื่อเงินมากมายถาโถมเข้ามา ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ"

หัวใจของวีดเต้นรัวและสั่นสะท้าน

"เควสปรมาจารย์การแกะสลักไม่เคยดีเท่านี้เลย ได้มาที่นี่เป็นคนแรก, แม้แต่พวกขอทานยังสามารถร่ำรวยได้จากการปล้นที่นี่"

ที่นี่เป็นที่ที่เก่าแก่ที่สุดบนทวีป, ยังเป็นธรรมชาติ, เขากำลังกวาดทุกๆสิ่งและจะจากไปโดยไม่เหลืออะไรทิ้งไว้
ในเมื่อคนที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ไม่อาจหาอะไรเจอสักอย่าง เว้นเสียแต่ว่ากองมหาสมบัติ

วีดเก็บทางแยกใหญ่ที่สุดไว้ทีหลัง ถ้าเขาใช้สัญชาตญาณของเขามากกว่าความโลภ, นี่ย่อมจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

"ฉันคิดว่าในนั้น, มันอาจจะให้ทองคำกับฉัน แต่ก็นะ อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ ได้หมด ถ้าสดชื่น"
อัญมณี, ทองคำ, เงิน, ของโบราณ และเครื่องประดับ! อะไรพวกนั้น, เว้นแต่จะมีของมีค่าอื่นๆอีก

แคร็ง แคร็ง!

อย่างไรก็ตาม, ยังคงมีเหลืออีกเพียงเล็กน้อยในถ้ำนั้น และเป็นเพียงพวกอาวุธเหล็กหักๆที่ถูกทิ้งไว้บนพื้น
เหล่าออร์คจอมละโมบนำทุกอย่างไปด้วยยามย้ายถิ่นจากรัทเซเบิร์ก(Ratzeburg)
มันเหมือนกับการเรียกบริษัทขนย้ายและถูกปล่อยให้ร้าง!

วีดยังไม่เสร็จภารกิจ เขามองไปทั่วทั้งถ้ำและพยายามหาทางลับที่อาจยังมีข้าวของอยู่อีก

"จนเดี๋ยวนี้,ฉันยังไม่ได้เข้าไปในถ้ำอีกแยะเลยด้วยซ้ำ ฉันแค่กำลังจะไปที่อื่น ในนี้,ไม่มีแม้กระทั่งพวกชามหรือตะเกียบให้ฉัน"
ความคาดหวังลดลงเล็กน้อย

***

หลังรับประทานอาหารในป้อมปราการเวอร์โก้, อาจารย์นักดาบตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการแข็งแกร่งขึ้น!

ในเทือกเขายูโรกิ, ซีซวิคกำลังเบิกบานระหว่างเดทของเธอกับนักดาบ2 เมื่อยูรินมาถึงอย่างเร่งรีบด้วยการใช้ทักษะจินตภาพเคลื่อนย้าย
อาจารย์นักดาบพร้อมกับพวกงี่เง่า(ออร์ค)จากนักดาบ2 ถึงนักดาบ5ได้มารวมตัวกัน

อาจารย์นักดาบกล่าว

"มาทำเควสปราบเหล่ามอนสเตอร์กันเถอะ"

"ครับ อาจารย์, พวกเราเตรียมตัวให้พร้อมกันที่นี่"

นักดาบ2 ได้มองดูพวกออร์คในเทือกเขายูโรกิ, ค้นพบความสำคัญของการต้องมีกลยุทธ์ที่เหมาะสมและความพร้อมรบ
ด้วยประสบการณ์ที่มีอยู่ของเหล่าครูฝึกในสำนัก พวกเขาสามารถสร้างบาดแผลให้พวกออร์คที่อ่อนแอได้อย่างง่ายดาย

อาจารย์นักดาบส่ายศีรษะ

"ในที่สุด, ข้าเพิ่งจะเห็นและคำนวณความสามารถของพวกเจ้าในการต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ และที่นี่ไม่เหลืออะไรแล้ว พวกเราย้ายไปที่อื่นกันเถอะ"

"ท่านอาจารย์กล่าวถูกต้อง ผมผิดเอง"

อาจารย์นักดาบ, เหล่าครูฝึก และพวกนักดาบฝึกหัดเดินทางสู่ประตูของป้อมปราการเวอร์โก้, บ่ายหน้าสู่ดันเจี้ยน
พวกเขาเดินทางผ่านพื้นที่ขรุขระอย่างไม่แยแส มุ่งไปข้างหน้า

พวกเขาต้องต่อสู้ในวิถีทางแบบนี้เสมอ เพราะการก้าวไปสู่ภัยที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นถึงจะเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่

เหล่าผู้ร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้ที่เป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม คุณต้องเอาชนะขีดจำกัดของตัวเอง
คนผู้นั้นต้องมีความกล้าหาญที่จะกระโดดจากหน้าผาเพื่อที่จะได้รับความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

"มีสถานที่อันตรายใกล้ๆนี่ พวกเราเคยเข้าไปครั้งหนึ่ง, จะมีพวกคนเถื่อน นั่นเป็นเรื่องที่พวกเราเคยได้ยินมาเสมอๆ จะมีพวกมอนสเตอร์จำนวนมากโผล่ออกมาด้วย

"จะรอช้าอยู่ไย, เข้าไปกันเถอะ!"

แม้ว่าพวกคนเถื่อนออกมาอยู่ข้างนอกรังไฮเรนแล้ว, พวกเขาก็ยังไม่เสี่ยงที่จะเข้าไป

อย่างไรก็ตาม, อาจารย์นักดาบนำลูกศิษย์ของเขาและบุกเข้าไปข้างในโดยปราศจากความลังเล

"ฆ่าพวกมันให้หมด!

พวกนักดาบเลือกพวกมอนสเตอร์ที่เห็นว่าแข็งแกร่งขณะที่พวกเขาเข้าต่อสู้

ช่วงเวลาที่พวกเขายังเป็นผู้เล่นใหม่, พวกเขาจำนวนมากต้องตายเพราะพวกเขาขาดขนมปังข้าวบาร์เล่ย์

"ทำไมพวกเจ้าถึงปล่อยให้สุขภาพดีได้ยามเมื่อจิตใจยังมีความทุกข์ยาก"

"ทำตามที่ท่านอาจารย์กล่าว!"

เมื่อจิตใจย่ำแย่, ร่างกายก็ต้องทนทุกข์ทรมานด้วย ในทางกลับกัน, ถ้าร่างกายอ่อนแอ, จิตใจก็ต้องต้องแบกรับความทุกข์เช่นกัน

เนื่องจากความไม่รู้ สามารถนำมากล่าวอ้างได้เสมอเพื่อแสดงถึงความกล้าหาญที่เพิ่มขึ้น, เหล่านักดาบจับตามองกองทัพมอนสเตอร์ด้วยรอยยิ้มอันรื่นรมย์

"หึ หึ, หนุ่มๆเหล่านี้ ทั้งรวดเร็วและแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ"

"ฝึกฝนทักษะของพวกเจ้า ทักษะดาบแยกร่าง! (Sword-cloning Skill)"

"เพ่งความสนใจไปที่การโจมตีของพวกเจ้า!"

พวกนักดาบฝึกหัดพยายามฟันฝ่าและต่อสู้ตามตำแหน่งสถานะของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม, พวกมอนสเตอร์ยังคงปรากฏและกระโดดออกมาจากรังไฮเรน

ในบริเวณพื้นที่รอบๆ, การออกล่าไม่ได้เกิดขึ้นมากนัก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมอนสเตอร์เหล่านั้นถึงยังคงแพร่พันธุ์กันมาเป็นเวลานาน
จนพวกมันมีเป็นฝูงเหมือนพวกผึ้ง, และทำให้เกิดความโกลาหลเล็กน้อย

เหล่ามอนสเตอร์พวกที่โจมตีป้อมปราการเวอร์โก้เพื่อหาอาหาร เป็นพวกหนึ่งที่มีขนาดเล็กและอ่อนแอจากในฝูงของพวกมัน
ด้วยเหตุนี้, เลเวลของพวกมอนสเตอร์ที่พวกเขากำลังออกล่าในปัจจุบันได้เข้าสู่ระดับต่อไปของอสูรกายแล้ว

พวกนักดาบฝึกหัดตระหนักแล้วว่านี่ไม่ใช่แค่ประสบการณ์สุดอันตรายที่พวกเขาจะได้พบเจอบ่อยๆ

ในที่สุด, นักดาบฝึกหัดก็ตายไปทีละคน พวกนักดาบศิษย์พี่ต่างก็เสี่ยงเอาตัวเองเข้าช่วยเหลือคนอื่นๆ;
อย่างน้อยพวกเขายังคงมีจิตวิญญาณ แม้ว่าจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีทักษะวิชาดาบแยกร่าง, มันก็ยังคงยากสำหรับพวกเขาอยู่ดีที่จะจัดการกับพวกมอนสเตอร์
เพราะว่ามานาของพวกเขาต่ำ พวกเขาจึงสามารถใช้ทักษะได้เพียงสองสามครั้งเท่านั้น

"เอ่อ, ฉันเดาว่าพวกเราต้องลงทุนเพิ่มกันอีกสักหน่อยกับค่าสถานะของความฉลาดและภูมิปัญญา เพื่อที่จะเพิ่มมานาของพวกเรา"

ทุกๆครั้งที่พวกนักดาบฝึกหัดเลเวลเพิ่มขึ้น, พวกเขาจะเพิ่มค่าสถานะภูมิปัญญาเพียงหนึ่งแต้ม

แม้ว่าพวกเขาจะประเมินว่าทักษะของพวกเขาต่ำไป, การต่อสู้อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งค่อนข้างมีประโยชน์ในการฝึกฝนร่างกายของพวกเขาได้พอประมาณ

นักดาบ5ตะโกนบอกว่า พวกหน่วยสอดแนมของศัตรูที่หนีออกไปก่อนหน้านี้ได้กลับมาแล้ว

"อาจารย์, พวกมอนสเตอร์กำลังมา!"

"อะไรนะ? อย่างนั้นไปหาที่เหมาะๆตั้งรับกันเถอะ"

พวกนักดาบฝึกหัดจากป้อมปราการเวอร์โก้วิ่งหนีไปทางสันเขาที่อยู่รอบๆและหลบอยู่ใต้นั้น
พวกมอนสเตอร์หิวโหยกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งกลับมาจากด้านนอก นำฝูงของมันไปยังกลุ่มครูฝึก

"กินพวกมนุษย์!"

"พวกมันโง่ที่ออกมาจากเมืองของพวกมัน อาวุธของพวกมันต้องเป็นของข้า!"

น้ำลายพวกมอนสเตอร์หยดแหมะๆลงมา จนท่วมพื้นเป็นรอยดำรอบๆพวกมัน

นักดาบฝึกหัดรู้สึกได้อย่างฉับพลันถึงความตึงเครียดและความตื่นเต้น

"จงแกร่งกล้า สู้ให้สุดใจ นี่เป็นประสบการณ์ใหม่ในการต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์"

ดังนั้น เหล่านักดาบที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสยังคงเดินเข้ามาและต่อสู้

"ชิ! เจ้าพวกมนุษย์ มันต้องตาย!"

"ถลกหนังพวกมันและกินพวกมัน...คำสาปอสรพิษ!"

พวกมอนสเตอร์ยิงธนูพิษและบ้างก็ใช้เวทมนต์

ทันใดนั้น, ผู้คนปรากฏขึ้นทันใดจากสันเขารอบๆพวกมันและออกมาสร้างความประหลาดใจ

มันคือพวกนักดาบฝึกหัดที่อยู่รอบๆสันเขานั่นเอง

มันดูเหมือนสมรภูมิกำลังจะเกิดการต่อสู้จนถึงจุดแตกหัก

"พวกรุ่นพี่, ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว"

"พวกเรากำลังมา!"

และอีกครั้งที่พวกนักดาบฝึกหัดตายไปทีละคน

ถึงตอนนี้ มีผู้เสียชีวิตรวม 143 คน ถ้าคุณได้พิจารณาถึงความแข็งแกร่งปัจจุบันของพวกนักดาบ, พวกเขาได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล
หลังการต่อสู้จบลง, มีศพเกลื่อนไปทั่วและไอเท็มดร็อปกองซ้อนกันจนเต็มรอบๆเทือกเขา

"อาจารย์, พวกเราเก็บไอเทมบนพื้นได้ไหมครับ?"

"เอามาเฉพาะพวกที่ดูแล้วขายได้"

"ครับ!"

หากบรรดาพ่อค้าผ่านมาแถวนี้ แล้วเกิดได้ยินการสนทนาของพวกเขา เหล่าพ่อค้าคงตกใจกับสิ่งที่ตนได้ยินเป็นแน่

โดยทั่วไปแล้ว พวกนักดาบจะเก็บเฉพาะดาบและพวกอาวุธที่ดูดี ส่วนที่เหลือจะถูกทิ้งไว้เพราะว่าพวกเขารำคาญมากที่จะนำมันไปด้วย

"แล้วมองหาแหวนกับสร้อยคอด้วย จงมั่นใจด้วยว่าข้าจะต้องได้ชิ้นที่ให้ความฉลาดและมานาสูงสุด"

"และนี่จะทำให้พวกเราสามารถใช้ทักษะของเราได้มากกว่าหนึ่งครั้ง ให้เก็บและสวมใส่พวกมัน เพื่อพวกเราจะได้แข็งแกร่งขึ้น"

อาจารย์นักดาบเป็นคนที่ไม่สนใจจะสวมใส่พวกแหวน, สร้อยคอ และอุปกรณ์อื่นๆ จนกระทั่งถึงตอนนี้
มีพวกไอเท็มเครื่องประดับที่หาได้ยากท่ามกลางของเหล่านั้น ที่เขาทิ้งเพราะมันไม่ได้รับความสนใจจากเขา
มูลค่าสะสมของพวกมันแท้จริงแล้วมากพอที่จะซื้อหมู่บ้านคฤหาสน์สุดหรูในโมราต้าได้เลย

"อาจารย์ครับ, ผมเห็นพวกคนเถื่อนรอบๆทางเข้าดันเจี้ยน"

"ไม่ใช่แค่ดูซิออกไปค้นหามันด้วย"

"ครับ!"

เหล่านักดาบฝึกหัดแยกย้ายกันและค้นหาพวกคนเถื่อนทั่วทั้งทางเข้าดันเจี้ยนตามอาจารย์กล่าว

"ลองสังเกตดูให้ดีๆก่อน"

"เข้าไปข้างในกันเถอะ!"

คุณได้ค้นพบดันเจี้ยน, รังฟาโว เมาเท่น (Favlo Mountain Den)
ที่นี่เป็นเขตแดนของเผ่าคนเถื่อน คานา (Barbaric Kana Tribe)

รังมอนสเตอร์แห่งนี้สำคัญกับพวกมอนสเตอร์มาก มีเรื่องราวกล่าวขานกันว่าที่นี่เป็นที่ที่บรรจุสมบัติลับของพวกมอนสเตอร์, แต่ยังไม่มีใครเคยเข้าไปและค้นพบมัน

ถ้าคุณได้ครอบครองดันเจี้ยนนี้, คุณจะได้รับความเคารพจากเผ่าบาร์บาริก คานา

รางวัล: ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 1980
ค่าประสบการณ์และไอเท็มดรอป เพิ่มขึ้นสองเท่าตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์
        มอนสเตอร์ตัวแรกที่ฆ่าจะดรอปไอเท็มที่ดีที่สุด

เมื่อนำเลเวลของพวกมันมาเปรียบเทียบกับรังสามัญทั่วไป เลเวลของพวกมอสเตอร์ที่อยู่ข้างในนั้นมีขอบเขตที่สูงมาก

"ให้ข้าได้ดูการต่อสู้ของพวกเจ้าสักหน่อย ข้างในเป็นที่ซ่อนของพวกมอนสเตอร์จนกว่าพวกเจ้าจะเอาชนะพวกมัน, ห้ามกินอาหาร"

"ครับ ท่านอาจารย์!"

นักดาบ1, นักดาบ2, และนักดาบ3 ทำการสำรวจภายในรังและนำนักดาบฝึกหัดครึ่งหนึ่งเข้าต่อสู้

นักดาบ4 และนักดาบ5 พร้อมกับส่วนที่เหลือ ก็ได้เข้าต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ที่กำลังอยู่บริเวณทางเข้าของรัง

ขณะที่เยาว์วัย, แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เข้าโรงเรียน, พวกเขายังสามารถกินอาหารได้เป็นประจำสามมื้อต่อวัน

เมื่อพวกเขาได้กินข้าว ทำให้พวกนักดาบฝึกหัดหวนคิดถึงความทรงจำอันแสนอบอุ่น นึกถึงคำที่พ่อแม่ของพวกเขาอวยพร! แม้ว่าพวกเขาจะมีผลการสอบที่ไม่ดี

เมื่อพวกเขากำลังออกล่าในดันเจี้ยน, พวกเขาไม่ได้กินอาหารและแม้กระทั่งข้าวสักมื้อเดียว
อย่างไรก็ตาม, ด้วยความยากลำบาก, พวกเขาก็เอาชนะศึกของพวกเขามาได้

"ฉันจะเป็นคนนำเอง"

"อาจารย์, พวกเราจะประกบตามหลังท่านเอง"

นักดาบ1 พร้อมด้วย นักดาบ2และเหล่านักดาบฝึกหัด, ตั้งหน้าตั้งตาสู้กับพวกมอนสเตอร์ที่โผล่ออกมา

เลเวลของพวกนักดาบฝึกหัดไม่เท่ากัน พวกนักดาบฝึกหัดบางคนยังมีเลเวลต่ำอยู่
อย่างไรก็ตาม, พวกครูฝึก และ นักดาบรุ่นพี่ ต่างคอยระวังหลังให้กันและกัน และจัดการดันเจี้ยนได้อย่างหมดจดโดยมีนักดาบฝึกหัดตายไปเพียง 47 คน

"อืม, ตายไปเยอะเลยแหะ"

"ผมขอโทษครับท่านอาจารย์!"

ถ้าคุณเปรียบเทียบกับความยากของดันเจี้ยนแล้ว สิ่งที่พวกเขาได้รับเป็นความเสียหายเพียงเล็กน้อยจริงๆ
พวกเขาสู้โดยไม่มีนักบวชสักคนและยังใช้เพียงการพันแผลเพื่อปกปิดบาดแผลของพวกเขา และพวกเขายังสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพจนน่าทึ่งเลยทีเดียว

ติ๊ง!
ท่านได้เคลียร์ รังฟาร์โว เมาเท่น
คุณจะได้รับความเคารพในฐานะนักรบที่แท้จริงจากเผ่าคนเถื่อน คานา
        - ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 2
        - บารมี เพิ่มขึ้น 1

นักดาบฝึกหัดไม่จำเป็นต้องใช้เฉพาะดาบในการออกล่า โดยพื้นฐานแล้ว, การใช้ดาบดูจะเป็นความคิดที่ดีที่สุด
แต่ ด้วยทักษะศิลปะการต่อสู้เจ้าแห่งอาวุธ(Martial Arts with the Weapons Master skill) ทำให้มันเป็นไปได้ที่จะใช้อาวุธนานาชนิด

ถ้าพวกเขาเจอศัตรูระยะไกล, พวกเขาส่ามารถใช้ธนูและลูกศรเพื่อโจมตี หรือถ้าศัตรูนั้นทนทานและมีค่าพลังป้องกันสูง พวกเขาสามารถใช้ขวานเป็นอาวุธได้
โดยวิธีนี้พวกเขาสามารถใช้ความได้เปรียบทางอาวุธได้เมื่อยามที่พวกเขาต้องการ
นี่เป็นความได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่

พวกนักดาบฝึกหัดสามารถเปลี่ยนอุปกรณ์ของพวกเขาให้เป็นไปตามความแตกต่างของสายอาชีพนักสู้
ดังนั้นพวกเขาสามารถปฏิบัติการในระหว่างการออกล่าได้อย่างเฉียบคมเมื่อต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับบอส

"มันจบหมดหรือยัง?"

"ครับ! จัดการรวบรวมพวกสมบัติเรียบร้อยแล้วครับ มันมาจากมอสเตอร์เหล่านั้น ส่วนใหญ่เป็นพวกอาวุธและเหรียญเงินจากป้อมปราการอาณาจักรนิฟเฮมกองสุมกันอยู่"

"ในกองอุปกรณ์, มีพวกที่ฉันสามารถใช้ได้ไหม?"

"พวกมันทั้งหมดเป็นอุปกรณ์เก่าๆ...อย่างพวกกองเสื้อเกราะ แต่ดูแล้วคงต้องเอาไปซ่อมก่อน"

"แล้วค่อยเอาของพวกนี้ไปให้วีดดูทีหลังแล้วกัน ตอนนี้กินข้าวกันก่อน, แล้วค่อยไปดันเจี้ยนถัดไป มันต้องมีสักตัวที่แข็งแก่งกว่าที่นี่"

"ครับ, อาจารย์"

เหล่าครูฝึกและนักดาบฝึกหัดเริ่มกินขนมปังข้าวบาร์เล่ย์เพื่อเติมท้องให้อิ่ม แล้วพวกเขาก็เดินทางไปยังดันเจี้ยนอื่นๆใกล้บริเวณนั้น
โดยไม่แม้แต่จะกลับไปและซ่อมแซมอุปกรณ์ของพวกเขาที่ป้อมปราการเวอร์โก้

และอีกครั้ง, มีนักดาบฝึกหัด 39คน เป็นผู้เคราะห์ร้ายในพื้นที่ หลังพวกเขาทำการเคลียร์ดันเจี้ยน

"บริเวณรอบๆนี้มีพวกมอนสเตอร์และดันเจี้ยนดีๆ เยอะแยะมากมายเลยนะ"

"มันดูเหมือนพวกมันเป็นของพวกเราเลยครับ, อาจารย์"

"เอาละ, ดันเจี้ยนบริเวณใกล้ๆต่อไปอยู่ที่ไหน?"

"ตามคำบอกของพวกคนเถื่อน, มันตั้งอยู่ตรงทางข้างหน้านี้"

"ถ้ามันอยู่ใกล้ๆ งั้นไปกันเถอะ พวกเราจะได้กินข้าวที่นั่น"

แล้วเหล่านักดาบก็เข้าไปในดันเจี้ยนอีกครั้ง นี่เป็นดันเจี้ยนที่สามที่พวกเขาเข้าไปและยังคงเป็นอีกหนึ่งแห่งที่สุดหิน

ในที่นี้, มีนักดาบฝึกหัดตายไป 53 คน อีก 130 คน ได้รับบาดเจ็บและมันคงเป็นการยากที่พวกเขาจะสู้ต่อในอีกสองวันถัดไป เว้นแต่พวกเขาจะได้รับการรักษาโดยเวทย์มนต์

"ส่งพวกเด็กๆที่บาดเจ็บไปป้อมฯเวอร์โก้, พวกเราไปที่ดันเจี้ยนต่อไป"

"ครับ, อาจารย์"

อาจารย์นักดาบต้องการให้ความแข็งแกร่งพวกเขาได้พัฒนาขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงตัดสินใจให้พวกเขาทำต่อไป

ในเมื่อเลเวลของพวกเขาเกือบทุกคนเกินกว่า 300 ไปแล้ว, มันจะเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงถ้าพวกเขาต้องตายลง

ผู้เคราะห์ร้ายมากมายเป็นนักดาบฝึกหัด ดังนั้นพวกเขาต้องร่วมมือกันให้มากขึ้น

จนถึงบัดนี้, บรรดามอนสเตอร์ที่พวกเขากำลังเข้าต่อสู้นั้นแข็งแกร่งเกินกว่าเหล่ามอนสเตอร์ทั่วๆไป

มันทำให้พวกเขาเสียวสันหลังเมื่อพวกเขาคิดถึงเลเวลและความเชี่ยวชาญในเจ้าแห่งอาวุธต้องลดลง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้คนมากมายกำลังจะตาย, เหล่านักดาบฝึกหัดต้องร่วมมือกันให้มากขึ้น

แม้กระทั่งร่างกายของพวกเขาจะอาบไปด้วยลูกศร, ถ้าพวกเขายังคงมีพลังชีพเหลือมากพอ, พี่ใหญ่ทั้ง 4 ยังคงกระโจนเข้าต่อสู้

"พวกเจ้าทั้ง 350 คน, ถอยไปด้านข้าง!"

หนึ่งในพวกเขาบาดเจ็บสาหัสอยู่บนพื้น และรุ่นพี่คนหนึ่งยังคงช่วยเขาราวกับว่าพวกเขาโจมตีไปทั่วทุกที่!
เหล่าครูฝึกและนักดาบฝึกหัด ก้าวเข้าหาและใช้ทักษะของพวกเขาในการต่อสู้ พวกเขาควรจะระมัดระวังให้มากขึ้น
เมื่อพวกเขากำลังทำการออกล่าภายในเขตแดนของรังมอนสเตอร์; แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขายังคงเสี่ยงสู้ต่อไปและเร่งการล่าให้เร็วขึ้น

เมื่อพวกเขาเห็นจุดอ่อนของพวกมอนสเตอร์, ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไร, พวกเขาจะผนึกกำลังกันและเพ่งความสนใจในการโจมตีของพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะเอาชนะได้
นักดาบ2, นักดาบ3, นักดาบ4 และนักดาบ5 กับเหล่าครูฝึก, นักดาบคนอื่นๆและ เหล่านักดาบฝึกหัดรุ่นพี่ ร่วมมือกันโจมตี และเอาชนะได้ ราวกับว่าพวกเขานั้นเป็นดั่งเขี้ยวอันคมกริบ

ด้วยหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานของแต่ละคน, พวกเขาเพียงแค่ชำเลืองแลกันไปมา ก็ทำให้พวกเขาไม่เคยบกพร่องอะไรในการรบ

"นักดาบ2, มันหนักไปไหม?"

"ไม่เลยครับ ท่านอาจารย์ อันที่จริงมันแค่สนุกนิดๆ ไปดันเจี้ยนต่อไปกันเถอะ"

"ลุยกันเลย!"

อาจารย์นักดาบก็ถูกติดดามโดยเหล่าครูฝึกและเหล่านักดาบฝึกหัดด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนไป
พวกเขาได้รับความตื่นเต้นอันเป็นตัวกระตุ้นตัวตนของพวกเขา ให้จดจำการต่อสู้ที่พวกเขาได้ต่อสู้มาแล้ว

นี่คือวิถีแห่งนักดาบ

ในรอยัลโรด, เมื่อพวกมอนสเตอร์ตาย, พวกมันไม่ได้ตายจริง อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้ว, ผู้คนที่ตายและการได้เรียนรู้มัน จะช่วยให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าได้อีกขั้น

ทีละคืบทีละก้าว, พวกเขาออกล่าอย่างหนักและเก็บสะสมค่าประสบการณ์(EXP) เพื่อเสริมสร้างความเชี่ยวชาญในทักษะของพวกเขา
พวกเขายังฝึกฝนให้มีความสุขยามเจ็บปวด แต่,พวกเขาปฏิบัติเช่นนี้เพื่อที่จะได้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

แม้จะมีการต่อสู้ที่เป็นไปไม่ได้, พวกเขายังคงปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ดีมาก
และด้วยความเร็วในการออกล่าแบบบ้าระห่ำมันก็เพียงพอที่จะทำให้ขนลุกตั้งชัน! แม้ว่าพวกเขาจะบาดเจ็บที่ขาและยังมีพวกมอนสเตอร์อยู่ในระยะโจมตี, พวกเขาก็ยังพยายามที่จะสู้ต่อไป

เหล่านักดาบฝึกหัดได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาในเรื่องการต่อสู้ เพื่อที่พวกเขาจะได้เพิ่มเลเวล

***

ขณะนี้วีดอยู่ที่แยกตรงทางเข้าและเพิ่งกลับออกมาจากถ้ำที่ห้า

ถึงแม้ว่าจะมีเพียงที่เดียวที่บรรจุทองและเงิน, แต่รางวัลอื่นๆก็ทำให้เขายิ้มออก มันก็เพียงพอแล้วที่จะไปถึงสวรรค์

วีดวิ่งวุ่นไปตามถ้ำอื่นๆอย่างรวดเร็ว เท่าที่จะเป็นไปได้

ทางที่จะเข้าไปในถ้ำมีขนาดเล็กกว่าปรกติเล็กน้อย ตอนนี้ทำให้เขาคาดเดาว่าพวกที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพวกคนแคระ

"ถ้ามันเป็นพวกคนแคระ, สิ่งที่พวกเขามีอาจจะเป็นสิ่งที่มีราคาแพง นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันหวังจากเผ่าพันธุ์นี้"

แม้ว่าปากทางเข้าถ้ำจะค่อนข้างแคบ, แต่พื้นที่ที่ต่อเนื่องสังเกตได้ว่ามีขนาดใหญ่กว่า
พื้นที่และเสาหิน สิ่งอื่นๆ ภายในถูกขุดขึ้นมา โครงสร้างพื้นฐานของถ้ำทั้งหมดอยู่ภายใน

มันเป็นเมืองแรกในทวีปที่พวกคนแคระสร้างขึ้นและอาศัยอยู่ภายใน, เป็นเมืองย่อส่วนของรัทเซเบิร์ก(a miniature version Ratzeburg)

ในฐานะประติมากรและบุคคลที่เป็นเจ้าของเมืองและปราสาท, ที่นี่มีศิลปะและความรู้ทางโบราณคดีเพียงพอ
ด้วยการสังเกตรูปร่างของเมือง ก็พอแล้วสำหรับเขาที่จะสร้างอาคารและพื้นที่จากอดีตกาล

อาคารจากอดีกาลใช้ระยะเวลาการสร้างสั้นกว่า ทั้งราคาต่ำ ด้วยการที่มันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์สูงตลอดจนด้านวัฒนะธรรม, ถ้าการพัฒนาเมืองของคุณอยู่ในระดับต่ำ, สิ่งนี้จะช่วยยกระดับขึ้นได้

แทนที่จะสร้างอาคารใหม่, เขาสามารถบูรณะรูปร่างของอาคารที่เคยมีอยู่ และคุณสมบัติของมันยังคงได้รับการยอมรับ
ขณะนี้คุณสามารถสร้างอาคารโบราณพิเศษได้
ค่าสถานะทางศิลปะ, ความฉลาด, และโชค ได้เพิ่มขึ้น 13
เหล่าคนแคระจะต้องยืนตะลึงมองไปที่เมืองรัทเซเบิร์กขนาดย่อส่วนที่ได้สร้างขึ้นนี้
เหล่ามนุษย์, คนแคระ, เอลฟ์ และออร์ค อยู่กันอย่างกลมเกลียว เพราะแบบจำลองแสดงให้เห็นว่าพวกเขาใช้อาคารและโครงสร้างที่หลากหลายแตกต่างกัน
ถนนสีชาด(Maroon Colored Street)
การที่ปูหินไปในเมืองจะทำให้การเคลื่อนที่ง่ายขึ้น
ช่วยให้พวกม้าและผู้คนเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น
คุณสมบัติพิเศษ:
        คุณค่าเชิงประวัติศาสตร์: 3850
        คุณค่าทางศิลป์: 498
นี่เป็นการส่งเสริมการพัฒนาทางการค้า

อ่างอาบน้ำออร์ค (Orcish Bathtub)
บางครั้งหลังจากการต่อสู้, ออร์คที่น่ารังเกียจจะได้กลับบ้านเร็วขึ้นและใช้มันขณะแต่งตัว
มันกว้างขวางราวกับสามรถกระโดดลงแม่น้ำเพื่อว่ายเล่นได้
มันเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับพวกออร์คที่ทำการอาบน้ำของพวกมันได้สำเร็จและดูน่าเคารพยำเกรง (ท่าทางพวกออร์คจะเป็นโรคกลัวน้ำ ชิมิ - ผู้แปล)
คุณอาจถึงตายได้ถ้าคุณใช้สิ่งนี้ขณะที่พลังชีวิตมีน้อย
คุณสมบัติพิเศษ :
        คุณค่าทางประวัติศาสตร์ : 1935
        คุณค่าทางศิลป์ : 179
        หลังการอาบน้ำ, อัตราการฟื้นทางกายภาพจะเพิ่มขึ้น 45%
        เสน่ห์ของพวกออร์คเพิ่มขึ้น 3

อัฒจันทร์โบราณ (The Ancient Ampitheatre)
ที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ทุกๆเผ่าพันธุ์สามารถถกเถียงถึงภัยคุกคามรอบๆพวกเขาได้
แต่ในไม่ช้า,ก็กลายเป็นสถานที่ที่พวกออร์คและพวกคนแคระโอ้อวดความแข็งแกร่งของพวกเขา
ในขณะที่มนุษย์สร้างสรรค์พวกละครเพลง ในขณะที่พวกเอลฟ์แสดงผลงานพลังเวทย์และอำนาจแห่งธรรมชาติของพวกเขา
คุณสมบัติพิเศษ:
        คุณค่าทางประวัติศาสตร์: 7410
        คุณค่าทางศิลป์: 2930
สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมและการเมืองในท้องถิ่น
เพิ่มความภักดีของผู้คน

ลานจัตุรัสไม้ใหญ่ (The Great Trees Square)
สถานที่แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีและความมั่งคั่งของทั้งสี่เผ่าพันธุ์
ลานจัตุรัสนี้มีต้นโกตา(Kota trees)ออกผลอยู่ตรงกลาง
เหล่ามารดา ออร์ค, มนุษย์, คนแคระ และเอลฟ์ จำนวนมาก ใช้เวลาดูแลพวกเด็กๆ
เมื่อมารดากำลังเลี้ยงดูเด็ก, พวกพ่อแม่ต้องให้อาหารของพวกเขา
พวกเขาต้องทำสิ่งต่างๆมากมายจากการขายของที่ไม่จำเป็นของพวกเขา เพื่อเป็นการช่วยเหลือในการออกล่าและการก่อสร้าง
ภาพที่สนุกที่สุดที่เกิดขึ้นที่นี่คือเมื่อเหล่าสามีกำลังเจอปัญหาและภรรยาของพวกเขาก็เอ็ดตะโรพวกเขาที่ต้นไม้นั้น
คุณสมบัติพิเศษ:
        คุณค่าทางประวัติศาสตร์: 9340
        คุณค่าทางศิลป์: 689
จำเป็นต้องสร้างต้นโกตา
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบอย่างมากต่อการก่อตัวของเมืองการค้าที่เก่าแก่ที่สุด
ซึ่งช่วยในการรักษาสันติภาพและความสงบเรียบร้อยและลดความขัดแย้ง

สิ่งที่วีดต้องการคือทองคำสีเหลืองๆ

แต่แทนที่จะเป็นดังนั้น, สิ่งที่เขาได้รับคือความรู้เกี่ยวกับอาคารและสิ่งปลูกสร้างมากมายในรัทเซเบิร์ก
อาคารในเมืองโบราณมีต้นทุนต่ำ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมหรือเทคโนโลยีไม่มีข้อจำกัดใดๆทั้งสิ้น
ดังนั้นแทนที่จะสร้างสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่ๆ, เพียงแค่บูรณะอาคารและเพิ่มเติมเข้าไป, ก็จะยังคงคุณค่าทางประวัติศาสตร์

วีดได้หวนนึกถึงข้อความที่เขาเคยเห็นโพสต์บนบอร์ดข้อมูลในอดีต

"คุณค่าทางประวัติศาสตร์ของเมือง.... พวกเขาพบซากปรักหักพังจำนวนมากของเมืองที่เรียกว่าแอนติก้า (Antika)"

รัทเซเบิร์กเป็นเมืองที่เกินจะเปรียบเทียบกับเมืองแอนติก้าของมนุษย์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นในอนาคตอันแสนไกล
การที่เป็นเมืองที่มีค่าทางประวัติศาสตร์จะชักนำเหล่านักท่องเที่ยวมาจากทั่วทั้งทวีป การเจริญเติบโตทางวัฒนธรรมจะรวดเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับการพัฒนาเชิงพาณิชย์

"อย่างไรก็ตาม, แล้วทองพวกนั้น มันถูกซ่อนเอาไว้ที่ไหนกันนะ?"

วีดมองไปรอบๆถ้ำของพวกคนแคระและมันดูเหมือนที่นี่จะไม่มีอะไรให้หยิบฉวยมาได้เลย
ยกเว้นเมืองรัทเซเบิร์กขนาดย่อส่วน, มีเพียงร่องรอยไม่ชัดเจนของที่ที่เคยตั้งเตาหลอมโลหะ

"ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าไม่มีสมบัติที่นี่ ไม่น่า! มันยังเร็วเกินไปที่จะสรุป อาจจะมีบางอย่างที่ฉันพลาดไป, พวกเขาอาจจะทิ้งแผนที่หรือบางอย่างไว้ก็ได้"

วีดใช้มือของเขาสัมผัสและค้นหาไปตามกำแพงและเพดาน เขาสังเกตไปที่วัตถุต่างๆที่ทำด้วยหิน
บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาถูกทำให้มืดบอดด้วยพวกเครื่องประดับ เขาจึงไม่ได้ละทิ้งความคาดหวังของเขาจนกว่าจะถึงที่สุด

เขายังคงค้นหาและไขว่คว้าความหวังของเขาไว้โดยไม่ยอมแพ้!

"ฉันมั่นใจ แน่นอนว่า,ไม่มีทางที่บริเวณนี้จะไม่มีพวกไอเท็มหลงเหลืออยู่อีก"
วีดเดินห่างออกจากเมืองรัทเซเบิร์ก เขาถือไม้เท้าแล้วเดินคุ้ยหาไปตามพื้น

เราไม่รู้ว่าสักวันหนึ่งจะมีประติมากรคนอื่นๆอาจได้มาพบถ้ำแห่งนี้
มันจะรู้สึกห่อเหี่ยวแค่ไหนถ้าเขา(วีด)ได้ยินข่าวลือว่ามีบางอย่างถูกค้นพบที่นี่เพราะว่าวีดพลาดไป
มันคงแย่เสียยิ่งกว่ากินไก่กับพิซซ่าค้างคืนและหมดอายุมานานหลายวัน ต่อด้วยหมูสามชั้น(pork belly)สุกๆดิบๆแล้วนั่งรถสาธารณะด้วยท้องไส้ที่กำลังปั่นป่วน

ตุ๊ง ตุ๊ง~

ในเวลานั้น,  บางอย่างส่งเสียงดังที่พื้น

"มีอะไรอยู่ในนี้นะ"

วีดค่อยๆขุดที่พื้นและมองดู เขาพบถัง 12 ลูกที่ถูกปิดผนึกไว้

"ตรวจสอบ!"

ถังอันหอมหวนของคนแคระ (น่าจะหมายถึงถังเบียร์-ผู้แปล)
ความทนทาน: 4/25
เครื่องดื่มนี้ทำมาจากการต้มเบียร์ด้วยผลไม้แตกต่างกันหลายชนิดและเมล็ดธัญพืช ในขณะนั้น,
การผลิตสุราเป็นสิ่งต้องห้ามในหมู่ชนเผ่า แต่พวกคนแคระกลับลักลอบต้ม กลั่นและดื่มมันบ้าง

ถังบ่มทำจากไม้เอล์ฟ(elven wood) นั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อเวลาผ่านไป, กลิ่นและรสชาติอันล้ำลึกของมันแทรกซึมเข้าไปในนั้น

แต่เนื่องจากเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดได้ผ่านไปแล้ว, ปัญหาก็คือว่าสุรายังมีรสชาติอร่อยจริงดังที่กล่าวไว้หรือไม่

"มันเป็นเหล้า แต่ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าฉันอยากจะดื่มมันไหม"

สำหรับวีดแล้ว, ทุกอย่างที่เป็นของฟรีค่อนข้างเป็นสิ่งที่ดี แต่นี่มันเกือบจะเน่ามากเกินไปแล้วจริงๆ
แม้ว่าเขาจะขายให้กับคนอื่นแล้วพวกเขาเกิดตายโดยบังเอิญ, เขาไม่อาจยอมรับความจริงได้ แต่คงต้องทนกล้ำกลืนคำด่าจากพวกเขาเหล่านั้น
สิ่งที่ป้องกันไม่ให้เขาทำอย่างนั้นก็คือการที่ผู้คนจำนวนมากก่นด่า ทำให้ชื่อเสียงของเขามัวหมอง

"ฉันต้องไปพบกับรุ่นพี่และให้ของนี่กับพวกเขา"

พวกนักดาบอาจจะไม่เสียใจ, ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะถึงที่ตายเพราะดื่มมัน

มีถ้ำหลายแห่งที่พวกคนแคระใช้อยู่อาศัย, แต่เขาพบเพียงเศษชามแตกไม่กี่ชิ้นนอกเหนือไปจากพวกถังบ่ม
นอกเหนือจากนี้, การค้นพบอื่นๆของเขาไม่ใช่เรื่องสำคัญ

"ถ้าจะมีอะไรอีก, ถังบ่มเหล่านี้...คงมีค่าเหมือนกับพวกวัตถุโบราณชิ้นโต"

ด้วยสิ่งนี้, ใบหน้าของวีดดูแจ่มใสขึ้นมานิดนึง

พวกถังบ่มทำจากไม้เอล์ฟดังนั้นเขาสามารถคาดเดาคุณค่าทางโบราณคดีของมันได้
ขณะที่วัสดุของถังบ่มดี, วัตถุดิบที่ใช้ในการทำสุรามีความสดใหม่จึงคาดหมายว่าจะดี

วีดมีภูมิหลังในการเรียนรู้สูตรการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากมาย ซึ่งใช้ในการแก้ไขบางส่วนจาก
สมมุติฐานของเขาเกี่ยวกับการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และทำให้เลเวลทักษะการปรุงอาหารของเขาเพิ่มขึ้น

สมบัติโบราณที่พวกคนแคระทำขึ้น, อาจช่วยให้เขาเก็บเกี่ยวผลกำไรอย่างมหาศาลในการใช้สูตรเครื่องดื่มนี้
นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้ทักษะการทำอาหารของเขาเพิ่มขึ้นและได้รับความนิยมมากขึ้น

"เหล้า, ฉันจะหมกมุ่นกับมันมาก ถ้ามันเป็นฉัน"

วีดเก็บรวบรวมผลไม้ขณะที่เขาออกล่าในบางเขตแดน เขามีประสบการณ์มากมายในการผลิตสุราเพราะว่าเขาใช้ในการหมักเครื่องดื่มเหล่านั้น เพื่อขายหรือเป็นของกำนัลให้แก่พวกนักดาบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความต้องการปริมาณสุรามากขึ้น, สัดส่วนของน้ำที่พอเหมาะจะใช้เพื่อเจือจางมันได้อย่างลงตัวพอดี
ในทวีปเวอร์เซลล์,ไม่มีใครที่ยอดเยี่ยมไปกว่าเขาในเรื่องนี้ (เรื่องขี้โกงนี่เป็นที่หนึ่ง ชิมิ)
จบตอน
ผู้แปล : Acid กรด
Editor : แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล





8 ความคิดเห็น:

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...