วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เล่ม 34 ตอนที่ 7 : ทะเลทรายแห่งความเงียบงัน แปลโดย Hill


เล่ม 34 ตอนที่ 7 : ทะเลทรายแห่งความเงียบงัน แปลโดย Hill

วีดรู้สึกเวียนหัวขณะที่เขาเดินผ่านประตูเคลื่อนย้าย
เขารู้สึกราวกับว่ามีผ้านวมอยู่ในเครื่องซักผ้า!
 “อย่าบอกฉันนะว่ามันล้มเหลวเพราะฉันเดินผ่านประตูที่ไม่สมบูรณ์เข้ามา
ความรู้สึกแห่งการโดนหวยแดก!
วีดกอดซอยูนอย่างแนบแน่นเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่สูญเสียเธอไป
เหตุผลที่เขาทำแบบนั้นเพราะว่าเขาอยากสานต่อภารกิจ แต่เขาก็ต้องการกอดเธอขณะที่เธออยู่ในสภาพอันทุกข์ทรมาน
อย่างกับเรื่องแปลกประหลาดถึงการที่เธอยังไม่ตื่นโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงว่าภารกิจนั้นจบลงแล้ว
 มันถูกเตรียมการไว้แล้ว...
สถานการณ์ฉุกเฉินมาก เขาส่งแม้แต่เสียงไปหาเธอก็ไม่ได้
ซอยูนยังคงไม่ตื่น แต่วีดยังคงแบกเธอขึ้นหลังและออกวิ่ง
เหตุเพราะเขาสัมผัสได้ถึงวิกฤติท่ามกลางการต่อสู้
 ฉันหวังว่าเราจะได้สุขสบายตลอดเวลา….’
เขาพุ่งผ่านประตูและโดนวาร์ปไปที่ไหนสักแห่ง
และเสียงร้องอย่างเศร้าโศกเสียใจก็ได้ออกมาจากปากของวีด
 อ้ากกกกกกก!”
แขนทั้งสองข้างพยายามไขว่คว้า แต่ก็ไม่โดนแม่แต่สิ่งใด
พวกเขาอยู่กลางอากาศ! หรือจะพูดอีกอย่างว่า เขาอยู่บนท้องฟ้า
 ฉันนี่ช่างไม่โชคดีเอาซะเลย!”
วีดบ่นพึมพำด้วยความขุ่นเคืองขณะที่กำลังร่วงลงสู่พื้นเบื้องล่าง
เขาอยู่ในสถานะที่พลังชีวิตเหลือน้อยมาก ถ้าเขาตกลงไปตอนนี้ เขาอาจตายได้ทันที
 แล้วฉันจะรอดไหมเนี่ย?
เขาคิดขณะที่เขาตกลงมาจากท้องฟ้า.. เพียงเสี้ยววินาที!
 เอาล่ะ นี่มันอาจจะอันตรายเล็กน้อย สถานการณ์อาจจะดีขึ้นกว่าเดิมเมื่อฉันสามารถมองลงไปที่พื้น
และเวลาก็ผ่านไป 1-2 วินาที
 ไกลจังวะ...ถ้ายังคงเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันคงไม่รอด เมื่อมองลงไปที่พื้นนั้นมีเพียงสิ่งเดียวคือความสิ้นหวัง
ตอนนี้เขาเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้ว
 เอาวะ ตายเป็นตาย
ความคิดพร้อมที่จะตายหลังผ่านไปเพียง 4 วินาที!
ในที่สุดร่างของวีดก็กระแทกเข้ากับพื้น อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช้พื้นแข็งๆ แต่เป็นกองทราย
เขาไถลลงไปตามความชันของกองทราย
เขาไถลไปประมาณ 10 เมตร ก่อนที่จะหยุดลงอย่างปลอดภัย
 อ้า!”
ความสุขในการมีชีวิตอยู่ของเขานั้นสั้นนัก วีดหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อต้องปีนป่ายกลับขึ้นมาและมองไปรอบๆ
สิ่งเดียวที่มองเห็นได้คือทรายสีแดง
สายลมผัดผ่านไม่มีแม้แต่ความชุ่มชื่น แสงแดดส่องลงมาช่างร้อนแรงยิ่งนัก
 ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่นี้มาก่อน ทะเลทรายแห่งความเงียบงัน!”
หนึ่งในสิบสถานที่ต้องห้าม พวกเขาได้มาถึงแล้ว มันร้อน ดินแดนแห่งทะเลทราย โดยที่ไม่ได้เตรียมการใดๆเลยแม้แต่น้อย
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
ลาฟาเย่และเหล่าผู้นำกิลด์เฮอร์มีสนั่งกันอยู่ในราชวังจักรวรรดิฮาเว่นเพื่อปรึกษาหารือเรื่องแผนการต่าง ๆ
 อาวุธปิดล้อมยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะทำลายป้อมปราการในพื้นที่เช็พเพนได้
 ที่นั่นมีทรัพยากรอยู่แถวนั้นด้วยเหรอ?
 พวกเขาเริ่มใช้มันแล้วหรือไม่ก็เริ่มซ่อมแซม ภูมิประเทศบริเวณนั้นทำให้การขนย้ายลำบาก
 ถ้าอย่างนั้นเราจะจัดส่งกองทัพจอมเวทย์จากเมืองหลวง พวกเขาจำเป็นต้องยึดเขตอะเบอร์ดีนให้เร็วที่สุด
 ศัตรูถอนกำลังทันทีที่กำแพงโมซัลลีได้ถูกยึด
 สั่งให้ทหารม้าอย่าไล่พวกเขาเกินเขตเนินเขาด้วยล่ะ กองทหารม้าที่ 14 จะเป็นไล่ตามต่อจากที่นั่น
พวกเขาบัญชาการมาแล้วหลายสมรภูมิ นั่นทำให้พวกเขาสามารถยึดแต่ละสถานที่ในเวลาเดียวกันทั่วทั้งทวีป
ความน่ากลัวของจักรวรรดิฮาเว่นนั้นได้กระจายออกไปโดยที่เหล่าผู้นำทำงานกันอย่างหนักเพื่อทำให้การบัญชาการกองทัพมีประสิทธิภาพสูงสุด
 การต่อต้านอ่อนแอเกินไป
หลายวันก่อนการพิชิตสงคราม เหล่าศัตรูมอบเมืองให้แก่พวกเขาและทำการถอนทัพออกไป
แผนการล่าสิงโต
มันเป็นแผนการร้ายโดยมีจักรวรรดิฮาเว่นเป็นเป้าหมาย!
ถึงแม้รายละเอียดต่าง ๆ นั้นจะซับซ้อนก็ตาม แต่มันเป็นสิ่งปกติอยู่แล้วที่จะใช้ทหาร NPC ทำการโจมตีเพื่อที่จะแยกพวกเขาออกจากกันในแต่ละพื้นที่
 ไม่สำคัญว่าแผนการนั้นมันจะดีสักแค่ไหน แต่มันจะไร้ค่าหากว่าคุณไม่สามารถทำให้สำเร็จได้
สงครามการสู้รบไม่ได้มีแต่ใช้สมอง
เหล่ากิลด์ต่าง ๆ ก็ได้เข้าร่วมกันเป็นพันธมิตร แต่พวกเขาก็ยังคงสนใจในสิ่งที่พวกเขาต้องการ
นั่นคือการต่อต้านอย่างหนักหน่วง
ถ้าหากว่าจักรวรรดิฮาเว่นพ่ายแพ้ นั่นจะทำให้พวกเขาเก็บเกี่ยวได้อย่างมหาศาล ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจเกี่ยวกับจำนวนของ NPC ที่ต้องสูญเสียไป
ลาฟาเย่ก็ไม่รอช้าในการที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อกอบโกยผลประโยชน์
เหล่าศัตรูก็ไม่สามารถยืนหยัดลุกขึ้นสู้ ดังนั้นเหล่าผู้นำของกิล์เฮอร์มีสก็กล้าที่จะเดินหน้าเกมรุกเพื่อยึดครองดินแดน ขณะที่ความกลัวมากมายและความเป็นไปได้ที่จะใช้พลังอันแข็งแกร่งของพวกเขาและโจมตีสวนกลับ
การโจมตีของกลุ่มนักรบรับจ้างดาบทมิฬก็กระนาบทั้งสองด้านและได้สร้างความเสียหายอย่างมาก
 ถ้าหากว่ากองกำลังพันธมิตรรวมกลุ่มกัน พวกเขาจะสามารถสร้างความเสียหายให้แก่พวกเราอย่างใหญ่หลวง
 เราจะเริ่มจากไหนก่อนดี?”
 “มันอาจจะเป็นไปได้ที่พวกนั้นเล็งบาร์ดเรย์เป็นเป้าหมายแรก”
 ถ้าหากว่าเขาไม่เคยแพ้ การบุกวังหลวงจะเป็นไปได้ยาก
บาร์ดเรย์ ราชองครักษ์และกองทัพของพวกเขารวมพลกันที่ราชอาณาจักรกราเดี้ยน
พวกเขาคือกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิฮาเว่น
กองกำลังพันธมิตรก็ไม่สามารถต่อต้านการยั่วยวนที่จะโจมตีบาร์ดเรย์ได้
 พวกเขาก็จะทำแม้ว่าพวกเขาจะมีแผนการอื่นๆอยู่อีก
ลาฟาเย่ก็ได้เคลื่อนทัพข้ามทวีปมาเหมือนกัน
เขาปรับเปลี่ยนกำลังพลซึ่งพิจารณาจากสภาพภูมิประเทศรอบด้าน
กองกำลังพันธมิตรมีโอกาสเข้ายึดป้อมปราการบางแห่งที่มีความสำคัญอย่างน่าอัศจรรย์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำมัน
บาร์ดเรย์คือเป้าหมายของคนพวกนั้น
 พวกมันคงจะเตรียมการมาเป็นสัปดาห์
 นี่คงจะเป็นสมรภูมิชี้ชะตา
ลาฟาเย่ได้ออกคำสั่งในฐานะหัวหน้ากิลด์
 จัดการส่งหน่วยเรนเจอร์และหน่วยจอมเวทย์ไปที่เทือกเขารูบิด้อมอย่างลับๆ
 และสั่งให้อัศวินทั้งหมดในพื้นที่เตรียมตัวเคลื่อนพล
 รับทราบครับ
 กองทัพของท่านบาร์ดเรย์จำเป็นจะต้องไปที่เทือกเขารูบิด้อม หลังจาก 6 วันแล้วค่อยส่งคำขอให้เตรียมการเข้าตีอาณาจักรนอร์ตั้น
 เทือกเขารูบิดอม?
 ที่นั่นมีต้นไม้มากมาย สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อการเคลื่อนทัพฝ่าไป หากเป็นอย่างนั้น จะต้องใช้เวลามากในการฝ่าออกไป
 นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงชื่นชอบการต่อสู้ในเทือกเขารูบิด้อม
 และนั่นทำให้เราสามารถยึดครองตอนกลางของทวีปได้อย่างรวดเร็ว
 เกิดอะไรขึ้นหรือ?
 ฉันได้รับข้อความจากพัลม่า งานคืบหน้าเร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
พัลม่า!
เขาคืออาวุธลับของกิลด์เฮอร์มีส
กิลด์เฮอร์มีสนั้นเป็นองค์กรดั้งเดิมที่ถูกจัดตั้งขึ้นในทวีปเวอร์เซลล์
พวกเขานั้นเป็นกลุ่มผู้เล่นระดับยอดฝีมือที่อยู่ภายใต้ผืนธงเดียวกัน
จากแรกเริ่มนั้น พวกเขามีความคิดที่จะพิชิตรอยัลโรดให้ได้
 ผู้คนนับหมื่น นับแสนมีความสุขในการเล่นเกมนี้
 ผู้คนอีกนับล้านก็ยังเล่นเกมนี้
มันเป็นเกมเสมือนจริงเกมแรก ดังนั้นมันจึงเต็มไปด้วยการผจญภัยมากมาย
แต่โรยัลโรดได้รับกระแสความนิยมอย่างล้นหลามเกินที่ทุกคนจะสามารถคิดได้
กิลด์เฮอร์มีสก็มีความตั้งใจที่จะพิชิตทวีปแห่งนี้
ราชอาณาจักรฮาเว่นปกครองโดยกิลด์พวกเขาและใช้มันกำจัดคู่แข่งคนอื่นๆ
พวกเขาเข้าควบคุมอาณาจักรฮาเว่นเพื่ออำพรางการทำงานต่างๆของกิลด์
พัลม่าและกองทัพเงาได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจที่เป็นส่วนหนึ่งในตัวแปรของทวีปนี้เช่นกัน
-กิลด์มากมายจะเติบโตขึ้นบนทวีปแห่งนี้ และจะพัฒนาอาณาจักรของพวกเขา งานคือไปขัดขวางพวกเขาซะ
ในหน้าประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้นั้น มันมีปัจจัยเสี่ยงมากมายบนทวีปแห่งนี้
ในระยะแรกที่รอยัลโรดเพิ่งเปิดตัว!
นักเวทย์ผู้ชั่วร้ายและสัตว์ประหลาดได้โจมตีและทำลายเมืองและปราสาทต่างๆ
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกองทัพเงานั้นเป็นผลมากจากการตื่นขึ้นเร็วเกินคาดของวิหารเอ็มบินยู
 วิหารเอ็มบินยู เมื่อมองไปที่ประวัติศาสตร์ของทวีปแห่งนี้ มันเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อความสงบสุข
 แล้วไง? งั้นต้องหาวิธีใช้พวกมัน
พัลม่าและผู้เล่นคนอื่นๆได้ตกลงเข้าร่วมกับวิหารเอ็มบินยู
พวกเขาทำภารกิจที่มีความเกี่ยวเนื่อง ค้นหาไอเท็มที่จำเป็นและเพิ่มจำนวนเหล่าสาวกวิหารเอ็มบินยู
 วิหารเอ็มบินยูนั้นร้ายกาจเกินกว่าที่ฉันจินตนาการไว้
 อย่างนั้นรึ? ให้พวกมันไปรุกรานอาณาจักรอื่น อย่าให้มันมาอาณาจักรฮาเว่นก็พอ
กองกำลังวิหารเอ็มบินยูแผ่ขยาย!
พวกเขาใช้วิหารเอ็มบินยูในการกำจัดคู่แข่งที่อ่อนแอ และผู้ที่ยังคงสับสนก็ได้มาเข้าร่วมกับกิลด์เฮอร์มีสทำให้เติบโตได้อย่างมั่นคง
วิหารเอ็มบินยูมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลืออาณาจักรฮาเว่นโดยที่ไม่ไปขัดขวางและทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
แต่ตอนนี้นั้นการเติบโตของวิหารเอ็มบินยูน่ากลัวเกินไป
เมื่อใดที่ตอนกลางของทวีปเต็มไปด้วยความโกลาหลอันเป็นผลมาจากสงคราม วิหารเอ็มบินยูก็ได้เพิ่มความแข็งแกร่งในทุกด้าน พัลม่าไม่สามารถหยุดการขยายอิทธิพลของเหล่านักบวชปีศาจในการเข้าถึงจักรวรรดิฮาเว่นได้
 เอ็มบินยู วิหารเอ็มบินยูนั้นอันตรายเกินไปแล้ว!’
พัลม่าแสดงความหวาดกลัวออกมาขณะที่ได้ดูกิจกรรมต่างๆของวิหารเอ็มบินยู
วิหารเอ็มบินยูได้กระจายออร่าอันชั่วร้ายสู้ผืนดิน นั่นทำให้ปลุกกองทัพซากศพขึ้นมา
ดินเกิดการปนเปื้อน และเหล่าอสูรกายถือกำเนิดขึ้นมาจากกองซากศพ
เหล่าชาวบ้านก็กลายเป็นสาวกและจิตวิญญาณของพวกเขาถูกครอบงำจนกลายเป็นอัศวินแห่งความมืด
เหล่าอสูรกายนั้นถูกล้างสมองโดยวิหารเอ็มบินยูและปรากฏตัวออกมาจากที่อยู่ของพวกมันและดันเจี้ยน
ความน่ากลัวของวิหารเอ็มบินยูแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วอันเป็นผลมากจากออร่าแห่งความชั่วร้ายของพวกมันและพื้นที่โดยรอบก็ถูกทำลาย
แม่น้ำไหลผ่าน มลพิษทางอากาศกำลังแพร่กระจาย ต้นไม้ในป่าถูกห่อหุ้มไปด้วยออร่าแห่งความชั่วร้าย
กิ่งก้านและรากของต้นไม้ในป่าที่หนาทึบเริ่มจู่โจมผู้คน
แมกไม้นานาพันธุ์เต็มไปด้วยพลังแห่งความชั่วร้ายขับเคลื่อนกลืนกินผืนป่าและถูกใช้ในการทำสงครามปิดล้อม
 วิหารเอ็มบินยูเติบโตเร็วมากในเวลาอันสั้น
พัลม่าร่อนเร่ผ่านพื้นที่ต่าง ๆ ที่ถูกยึดครองโดยวิหารเอ็มบินยู
มันไม่มีจุดจบในการเคลื่อนพลของกองทัพวิหารเอ็มบินยู
การต่อสู้ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่พวกคลั่งลัทธิเหล่านั้นยิ่งบ้าคลั่งหนักเข้าไปอีก
และตอนนี้พวกเขาก็ได้รุกคืบเข้าสู่จักรวรรดิฮาเว่นแล้ว
 มันยากเกินไปสำหรับฉันที่จะรับมือ ฉันต้องบอกความจริงเหล่านี้ให้ทางกิลด์ทราบ
แผนดั้งเดิมในการพิชิตทวีปของกิลด์เฮอร์มีส วิหารเอ็มบินยูจำเป็นต้องอยู่รอดจนวาระสุดท้าย
พวกเขาจะรวมทวีปและคืนสันติโดยการกำจัดวิหารเอ็มบินยูซึ่งเป็นแผนการของพวกเขา
ไม่มีใครที่จะสามารถยืนหยัดต่อต้านพลังของพวกเขาได้ และยุคใหม่ก็จะถูกปกครองโดยจักรวรรดิฮาเว่นแต่เพียงผู้เดียว
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
ซอยูนตื่นขึ้นมาขณะที่วีดรอเหล่าผู้ใต้อาณัติของเขา
 พวกนั้นไม่ได้มาด้วย
เหล็ก-1 และเหล็ก-5 เหล่าทหารประติมากรรมสลักชีพไม่ได้ปรากฏตัว
 แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่มีโอกาสผ่านไปได้?
ซาฮับที่มาถึงก่อนหน้าพวกเขานั้นก็ยังคงไม่เห็นตัว
 อาจจะเป็นเพราะว่าพวกนั้นถูกส่งไปสถานที่อื่น
 ฉันก็คิดเช่นนั้น ตามที่คาดไว้ ประตูเคลื่อนย้ายทำงานผิดปกติ
ขณะที่กำลังจะสำเร็จภารกิจเทคนิคแกะสลักลับขั้นสุดท้าย เขาได้เรียนรู้ว่าลางสังหรณ์ของเขานั้นถูกต้องเสมอ
กลายเป็นว่าเขาเข้ามาพัวพันกับโชคชะตาอันยุ่งเหยิงของโนดูล!
ตริ๊ง!
-จงเดินทางข้ามทะเลทรายแห่งความเงียบงัน
สถานที่นี้เต็มไปด้วยผืนทรายและแสงของดวงตะวัน
สถานที่ที่น้ำนั้นเป็นดั่งชีวิต การอยู่รอดคือเป้าหมายเดียว
ข้ามทะเลทรายทั้งที่ทรัพยากรขาดแคลน เพื่อไปให้ถึงโอเอซิสของชนเผ่าบรูกัน
ระกับความยาก : ภารกิจเทคนิคแกะสลักลับสุดท้าย
ข้อจำกัดภารกิจ : ถ้าสหายของคุณได้รับบาดเจ็บสาหัสในทะเลทราย มันจะกระตุ้นพลังมารในกายเธอ
ความร้อนของทะเลทรายแห่งความเงียบงันได้เผาไหม้มานาและทักษะต่างๆ ไม่สามารถใช้งานได้

ภารกิจได้ถูกมอบให้แล้ว
คุณไม่สามรถปฏิเสธได้
 ฮืมมมม
มันรู้สึกเหมือนกับการเดินผ่านภูเขาลูกหนึ่งไปแล้วและยังเห็นภูเขาอีกลูกอยู่ตรงหน้า วีดรู้สึกนับถือนักปีนเขาจริง ๆ
 มันเหมือนการข้ามเทือกเขาซอรักเพื่อจะได้เจอเทือกเขาเอเวอร์เรส ขั้วโลกเหนือหรือทวีปน้ำแข็งก็โผล่ขึ้นมาหลังจากฉันผ่านไปแล้ว
นี่มันไม่เหมือนกับลาสฟาลั้งซ์
ทะเลทรายแห่งความเงียบงันคือทะเลทรายที่เงียบสงบอย่างแท้จริง
มันคือสถานที่ที่สิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์นั้นไม่สามารถอาศัยอยู่ได้
มันเป็นสถานที่ที่มีแต่ทรายไร้ขอบเขตทางตอนใต้ของทวีป
ในตอนเริ่มแรกของโรยัลโร้ด ผู้คนมากมายได้มุ่งหน้ามาทางตอนใต้ของทวีปเวอร์เซลล์เพื่อออกผจญภัย
ผู้คนเหล่านั้นได้มุ่งหน้าลงมาจากทางตอนกลางของทวีปก็พบแต่ทะเลทรายอันกว้างใหญ่เท่านั้น มันไม่มีแม้แต่พื้นดินให้เหยียบเลยแม้แต่น้อย
ชนเผ่าทะเลทรายได้อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงโอเอซิส แต่ที่อื่นๆยังคงเต็มไปด้วยเนินทราย
ทะเลทรายแห่งความเงียบงัน!
การเดินนั้นจะทำให้เกิดความเหนื่อยล้าและตายลงหลังจากที่ไม่สามารถดับกระหายได้
มันยากที่จะพบเห็นผู้คนออกมาจากทะเลทรายแห่งความเงียบงัน
วีดและซอยูนยังคงติดอยู่ในห้วงเวลาแห่งอดีตของทวีป จึงไม่มีโอกาสพบนักเดินทางคนอื่นๆได้เลย
 ทักษะต่างๆไม่สามารถใช้งานได้ในทะเลทรายแห่งความเงียบงัน
 คุณได้รับภารกิจเหรอ?
 ใช่แล้ว มันเป็นภารกิจที่จำเป็นต้องอยู่รอดให้ได้
ซอยูนติดตามเขามาและได้รับภารกิจทำนองเดียวกัน
 เราไม่มีอาหารมากนัก
วีดถอนหายใจออกมาขณะที่เขามองลึกเข้าไปในกระเป๋าสะพาย
เขาได้รับการร้องขอให้ช่วยเหลือซอยูน ดังนั้นเขาต้องแบกสัมภาระไปให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ตอนนี้ในกระเป๋าของเขามีแต่อาหารและน้ำพอสำหรับหนึ่งวันและที่เหลือมีแต่ของที่เขาเก็บมาได้
 นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้คนไม่ควรโลภ ยังไงซะ ลองพยายามหาโอเอซิสของชนเผ่าบรูกันก่อนก็แล้วกัน
 อื้อ แล้วไปทางไหนเหรอ?”
วีดมองไปยังทะเลทรายสุดลูกหูลูกตารอบตัวเขา
มันไม่สำคัญว่าเขาจะมองไปทางไหน ผืนทรายคือสิ่งเดียวที่เขามองเห็น สภาพอากาศที่เต็มไปด้วยความร้อนและความแห้งแล้ง
 ทางนี้แหละ
 จริงเหรอ?
 เอาน่า เราไม่อาจแน่ใจได้จนกว่าจะถึงกลางคืน ทะเลทรายในตอนกลางคืนนั้นเต็มไปด้วยดวงดาว เราสามารถใช้มันเพื่อนำทาง ต่อให้เราไปผิดทางก็ตาม
วีดนึกถึงตอนที่เขามีประสบการณ์ตอนเดินทางผ่านทะเลทรายในแอฟริกา
เมื่อเขาเดินทางไปต่างประเทศ เขาอยู่ในห้องรับรอง อย่างไรก็ตามมันก็ยังอยู่กลางทะเลทราย
เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่านั่นจะทำให้เขามีประสบการณ์ที่มีประโยชน์และนำมาใช้ในตอนนี้ได้
 ฉันควรเลิกนิสัยฝึกฝนตัวเองในการเอาขวดน้ำเปล่าๆและเก็บแต่เศษเหล็กซะดีกว่า
 ห้ะ?
 ไม่มีอะไร
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
วีดและซอยูนเดินอย่างไร้จุดหมาย มันเป็นอุปสรรคเนื่องจากทรายถูกลมพัด
พวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งระยะทางกว่าจะถึงจุดหมาย
โชคยังดีที่พวกเขาทั้งสองนั้นมีเสื้อผ้าสำหรับการเดินทางในครั้งนี้
วีดใส่เสื้อผ้าที่เป็นของผู้เล่นเริ่มต้นที่ได้รับมากจากป้อมปราการเซราบ็อก หมู่บ้านบารานและเกาะลอยฟ้าลาเวียส
เสื้อคลุมเก่าฉีกขาดง่ายแต่เขาก็สามารถใช้มันเพื่อปิดหน้าของเขาจากเม็ดทราย
 ไม่ได้ของเหล่านี้ไป เพราะมันยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีก อย่างเช่นตอนนี้
 รู้เหมือนได้กลิ่นบางอย่าง
 มันเป็นปกติ เพราะว่าฉันไม่เคยซักมันเลย
“…….”
แล้วความเงียบก็ครอบงำ! พวกเขาไม่เคยเจอมอนสเตอร์เลย ดังนั้นพวกเขาได้แต่เดินต่อไป
 ตอนนี้มีกระติกน้ำอยู่ 2 กระติกเต็ม แม้ว่าเราจะดื่มอย่างประหยัดแค่ไหน มันก็จะอยู่ได้แค่ 1 วัน หลังจากนั้นมันยากที่จะหาน้ำดื่ม
ไม่นานสถานการณ์แห่งความสิ้นหวังก็อุบัติ
ทะเลทรายเข้าสู่ช่วงกลางคืน
โชคดีว่าเขานั้นสามารถมองเห็นดวงดาว แต่มันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ต้องเดินทางท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บในตอนกลางคืนนี่มันยิ่งกว่าอากาศร้อนในตอนกลางวัน
 หนาว
 ทะเลทรายในตอนกลางคืนมันหนาวปกติอยู่แล้ว
วีดและซอยูนนั่งชิดกันใต้เนินทราย
มันคือหนทางเดียวในการก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้ ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องมีประสบการณ์แห่งค่ำคืนอันหนาวเหน็บ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ใช้ช่วงเวลานี้ในการฟื้นฟูพลังชีวิตก่อนที่จะออกเดินทางต่อ
 ฉันจำได้ถึงวันที่สนุกๆในช่วงก่อนหน้านี้ เมื่อฉันได้เดินทางผ่านน้ำแข็งในแดนเหนือ เวลานั้นเราอยู่กับอัลเวรอน และปิงหลงด้วยกัน
 นั่นมันก็หนาวมากจริงๆ คุณเหมือนกับว่าจะหนาวตายไปแล้วด้วย
 ก่อนหน้านั้นคุณถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งสีขาวโพลนขณะที่อยู่บนหลังของปิงหลง ฉันต้องกลั้นหัวเราะแทบตายเมื่อเห็นคุณในสภาพนั้น
มันเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ทำให้ซอยูนนั้นเปิดใจ
เธอได้รู้สึกถึงความอบอุ่นผ่านการผจญภัย ปะทะมังกรกระดูกในแดนเหนือ
เหมือนเรื่องราวจงใจ การผจญภัยในครั้งนี้ทำให้หัวใจของซอยูนอบอุ่นขึ้นมา
 สิ่งนี้จะกลายเป็นความทรงจำหลังจากนี้ไหมนะ?
 ก็อาจจะ
 ฉันหวังว่าจะมีความทรงจำที่ดีกว่านี้นะ
 ถ้าหากว่าสิ่งเหลานั้นเป็นความทรงจำที่ล้ำค่าของเธอแล้วมันอาจจะดีกว่าหากสูญเสียมันไป
วีดและซอยูนได้กระชับเสื้อคลุมบริเวณบ่าของพวกเขาและพยายามรักษาระดับอุณหภูมิในร่างกายเอาไว้
และพวกเขาก็ได้เริ่มออกเดินทานข้ามทะเลทรายแห่งนี้อีกครั้งตอนรุ่งสาง!
คุณรู้สึกกระหายน้ำ
เนื่องมากจากความร้อนอย่างรุนแรง ค่าพลังกายของคุณอ่อนแอและทำให้คุณรู้สึกกระหาย
หน้าต่างข้อความเด้งเตือนทุกครั้งที่เขาขาดน้ำเพราะความชุ่มชื่นในร่างกายลดลง
เขาหิวน้ำแต่เขาจำเป็นต้องประหยัดน้ำเท่าที่ทำได้
วีดรู้สึกราวกับว่าปากและคอกลายเป็นผง
 ใบหญ้านั้นดูเหมือนมันมาจากพื้นที่เขตร้อน
 มันจะไปมีพื้นที่เขตร้อนในทะทรายได้อย่างไร?”
 ใช่ นี่เป็นสถานที่ที่ฝนไม่ตกลงมา กว่า 1 ปีแล้ว
 หวังว่าเราจะโชคดีบ้างนะ
ระยะทางอีกยาวไกล พวกเขาจำเป็นต้องถนอมพลังกายเอาไว้
เขาไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากว่าพวกเขาหมดสติจากการอาการเหนื่อยล้าเกินไป
 ไปดีเถอะนะเด็กๆ เราจะได้พบกันอีกในที่ๆดีกว่านี้
มันเป็นการปลดปล่อยภาระอันแสนหนักอึ้งที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด วีดสละทิ้งไอเท็มที่ได้จากวังหลวงปอร์ทู มันไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะตัดสินใจได้
ความเจ็บปวดนี้ มันกรีดลึกถึงทรวงใน!
 กินเหลือนี่ซะ
 คุณกินก่อนเลย
 โชคยังดีที่มีเกลืออยู่เยอะ นั่นคือข่าวดีของเรา
 งั้นฉันจะกินมันละกัน
เกลือนั้นมีความสำคัญอย่างมากในทะเลทราย
ระดับความเข้มข้นของเกลือในร่างกายของเขายังคงตกลงอย่างต่อเนื่อง ถ้าหากว่าเขาไม่กินมันเข้าไป เขาจะเป็นลมได้
ทักษะการทำอาหารขั้นสูงของเขาทำให้เขามีเนื้อวัวตากแห้งหมักเกลือ
 ไปกันต่อเถอะ เราควรจะไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนเสบียงของเราจะหมด
วีดยกเท้าอันหนักอึ้งเพื่อก้าวเดินอย่างช้าๆ
การเดินแต่ละก้าวนั้นช่างเจ็บปวด แต่เขาก็กลัวจะล้มลงบนทะเลทรายแห่งนี้
ถึงมันจะยากเย็นแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถแสดงสิ่งเหล่านี้ออกมาต่อหน้าซอยูนได้
และเวลานั้นก็ได้ผ่านไปว่าไม่รู้นานแค่ไหน
เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขานั้นเดินอยู่ภายใต้แสงแดดที่มันกำลังเผาไหม้เขาเป็นเวลานานมากๆ
วีดแบ่งน้ำจากกระติกให้ซอยูน
เธอเป็นเหมือนกับเชลยสงครามดังนั้นเธอจึงไม่มีแม้แต่น้ำซักหยด
 หิวน้ำไหม เธอดื่มเลย
 อื้อ
ซอยูนคืนกระติกหลังจากดื่มน้ำเสร็จเรียบร้อย
หลังจากได้รับกระติกคืนมาแล้ว เขาเขย่ามันเบาๆ
ซึ่ม ซึบ ๆ
ปริมาณน้ำในกระติกนั้นไม่ได้ลดลงเลย
พวกเขาเป็นห่วงซึ่งกันและกัน พวกเขาจึงดื่มมันไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฉะนั้นน้ำที่มีไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
หัวใจของเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเมื่อเขาคิดเกี่ยวกับมัน
 โนดูลและฮิลเดรันก็ข้ามผ่านความเจ็บปวดเหล่านี้ไปได้ เอาล่ะ ฉันดีใจจริงๆที่ไม่ได้เกิดที่ทะเลทรายแห่งนี้
และพวกเขาก็เดินทางผ่านใจกลางทะเลทรายจนตกกลางคืน
หลังจากพักผ่อนเล็กน้อย พวกเขาเดินทางต่อในวันถัดไป
พวกเขาต้องไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนที่น้ำจะหมด
พวกเขาไม่สามารถดื่มน้ำได้เกิน 1 จิบ
และน้ำของพวกเขาก็ได้เริ่มหมดลงทีละน้อยๆ
 ร้อน ร้อนมาก…’
วีดและซอยูนไม่ได้สนทนากันแม้แต่น้อย พลังงานทั้งหมดถูกใช้ไปกับการเดิน
แสงอันร้อนแรงจากดวงอาทิตย์ที่กำลังแผดเผา ทรายร้อนระอุแทบจะลุกเป็นไฟ!
ไม่นานเมืองสีขาวๆก็ได้ปรากฏแก่เบื้องหน้าของพวกเขา
 เห็นเมืองแล้วล่ะ
 จริงหรือ ฮึดอีกหน่อยละกัน ที่นั่นอาจจะมีน้ำ
วีดและซอยูนเต็มไปด้วยความสุข ขณะที่พวกเขาดื่มน้ำจากกระติกและเร่งความเร็วในการเดิน
 มันแค่ส่วนหนึ่งของเมืองเท่านั้นที่มองเห็นได้ แต่มันดูแปลกๆ ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นภาพลวงตา
 เป็นไปไม่ได้นา
วีดมุ่งหน้าไปยังเมืองนั้นแต่ก็ไม่สามารถเข้าใกล้มันได้เลย
มันได้หายไปในเวลาต่อมาเมื่อเขาพยายามเข้าไปใกล้
ตริ๊ง!
คุณเห็นภาพลวงตาในทะเลทราย
ความอดทนเพิ่มขึ้น 1

 บ้าเอ้ย! มันเล่นตลกกับเรา…”
วีดส่ายหน้าและบากบั่นเดินต่อไป
ครู่ต่อมา ซอยูนส่งเสียงร้อง!
 ครั้งนี้เป็นทะเลสาบ
 อืม ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ
เขาอาจจะถูกหลอกไปแล้วครั้งนึง แต่เขาจะไม่ถูกหลอกอีกเป็นครั้งที่สอง
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีทะเลสาบกลางทะเลทราย
ไม่มีความประหลาดใจ ทะเลสาบหายไปอย่างช้าๆ
ตริ๊ง!
คุณเห็นภาพลวงตาในทะเลทราย
ความสัมพันธ์กับธรรมชาติเพิ่มขึ้น 2

 ฟิ้วว...
คอของเขาแห้งผากและเขาเหนื่อยมาก ดังนั้นเขารู้สึกเหมือนกำลังจะตายหลังจากที่เห็นภาพลวงตาเหล่านั้น
พวกเขายังคงเดินต่อไป แต่เหมือนกับว่าทะเลทรายแห่งนี้มันไม่มีจุดสิ้นสุด
วีดและซอยูนก้าวเดินไปอย่างเชื่องช้าและพวกเขาก็เริ่มเหนื่อยล้า
 เราควรไปกันต่อไหม?
 มันหนักหน่อยนะ
 มันดูเหมือนว่าเราจะต้องเดินทางกันต่อในวันพรุ่งนี้
 น้ำเหลืออยู่เท่าไหร่?”
 ถ้าหากว่าเรายังคงกินกันอย่างประหยัดแบบนี้ มันจะหมดในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
วันต่อมา
วีดและซอยูนก็ได้เริ่มเดินทางกันต่อยามรุ่งอรุณ
พวกเขายังคงจิบน้ำจากกระติกที่ละน้อย เพราะพวกเขาดื้อรั้นที่จะไม่ดื่มมันเพื่อไปให้ไกลที่สุด
และพวกเขาก็เริ่มแบ่งน้ำกัน เพราะพวกเขาไม่สามารถทนมันได้อีกต่อไป
สุดท้ายก็ไม่มีน้ำไหลออกมาจากระติกแล้ว วีดเก็บกระติกใส่ในกระเป๋า
 ตอนนี้ไม่เหลือน้ำอีกแล้ว
 เราจะไปกันต่อ
ซอยูนซูบผอมมากจากอาการเหนื่อยล้า
ความเศร้าอันงดงามของเธอนั้นมันทำให้เขาอยากที่จะกอดเธอไว้
 เธอต้องเผชิญกับปัญหาหลังจากที่เจอผู้ชายผิดคน มันคงจะดีถ้าหากฉันจำรายละเอียดเหล่านี้เพื่อสร้างประติมากรรมขึ้นมา
ความหวังโง่ๆของเขาในการมุ่งหน้าขึ้นเหนือจางหายไป
เขาถูกรายล้อมไปด้วยทะเลทราย เขาจึงไม่สามารถคิดอะไรที่มันโลกสวยได้เลย
วีดและซอยูนเดินทางบนผืนทรายเม็ดละเอียด
สายลมพัดเศษทรายปลิวมาทางพวกเขา
มันไม่มีความหวังเลยที่จะพบพื้นที่ที่มันมีความชุ่มชื้นกลางทะเลทรายแห่งนี้
ริมฝีปากวีดแห้งและแตก
 ผมขอโทษ
 ทำไมล่ะ?”
 ผมพาคุณมาที่นี่เพื่อทำภารกิจของผม
 ไม่เป็นไรหรอก อย่ายอมแพ้ที่จะเดินต่อไป ถ้าหากว่าเรายังไปกันต่อ มันอาจจะไปถึงจุดหมายก็ได้นะ
 แต่ตอนนี้มันจบแล้วล่ะ
ตริ๊ง!
คุณกำลังทรมานจากไข้สูงเนื่องด้วยการขาดน้ำอย่างรุนแรง
คุณกำลังเห็นภาพหลอนและพลังกายของคุณไม่สามารถฟื้นฟูได้
พลังชีวิตของคุณลดลง
พลังชีวิตจะลดลงอย่างต่อเนื่องจนกว่าอุณหภูมิในร่างกายของคุณจะลดลง

 ฉันไม่เคยคิดเลยว่าต้องมาตายในทะเลทรายเพราะขาดน้ำ
วีดนั้นอ่อนแอมาก ทำให้เขาไม่สามารถก้าวไปได้แม้แต่ก้าวเดียว
ซอยูนนั้นได้ใช้พลังทั้งหมดของเธอเพื่อก้าวเดินต่อไป ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถช่วยเขาได้ เธอดื่มน้ำมากกว่าเล็กน้อย ทำให้เธอยังคงมีแรงอยู่
 จริงๆแล้วภารกิจจะสำเร็จหรือล้มเหลว มันขึ้นอยู่กับน้ำว่าพกมามากเท่าไหร่?
เขาก็สามารถเข้าใจมันได้เมื่อคิดแบบนั้น
เขาไม่กังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำเลยขณะที่ช่วยเหลือซอยูน
วีดไม่สามารถเดินต่อไปได้อีกแล้ว
เขาทรมานจากการเห็นภาพหลอนและขาของเขาไม่สามารถเดินไปตรงๆได้
และพวกเขาก็ปีนขึ้นเนินทราย
ทรายจมลึกถึงข้อเท้า มันทำให้การเดินยากขึ้นกว่าเดิม
 นั่นต้นไม้
 ภาพหลอนอีกแล้ว
 ต้นไม้ของจริง!”
วีดเงยหัวขึ้นขณะที่เขาได้ยินเสียงซอยูนร้องออกมา
มันคือต้นไม้จริงๆ
นี่คือทะเลทรายแต่บางครั้งมันก็มีต้นไม้เติบโตโดยไม่มีใบเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียความชื้น
 นั่นมันต้นไม้จริงๆเหรอ?
 เหมือนมากเลย
ตอนนี้เขาถึงขีดจำกัดแล้ว วีดและซอยูนเต็มไปด้วยความเจ็บปวดขณะที่เดินไปถึงต้นไม้ต้นนั้น
ตริ๊ง!
คุณได้หลบหนีออกจากทะเลทรายแห่งความเงียบงันแล้ว
คุณได้รับสมญานาม นักเดินทางแห่งทะเลทราย
การสูญค่าพลังกายจะลดลงเมื่อเดินทางข้ามทะเลทราย
ความอดทนเพิ่มขึ้น 45

 ในที่สุดเราก็มาถึง!”
วีดนอนลงใกล้ๆกับต้นไม้
จากนั้นเขาก็เอามีดแกะสลักออกมา
เขาลงมือตัดต้นไม้ แบบง่ายๆคือสายรุ้งและสายฝน หลังจากนั้น เขาทำการเปิดใช้ทักษะ
 ประติมากรรมเมฆา!”
ทักษะนั้นเรียกเมฆออกมาบนท้องฟ้า!
เขาได้สร้างประติมากรรมหลังออกมาจากทะเลทรายแห่งความเงียบงัน
 ประติมากรรมเมฆา ประติมากรรมเมฆา ประติมากรรมเมฆา ฝนจงตกลงมาจากเมฆ
เมฆครึ้มรวมตัวเหมือนปาฏิหาริย์เหนือทะเลทราย
เปรี้ยงงง!
และแล้วสายฝนโปรยลงสู่ทะเลทราย!
วีดและซอยูนมองดูท้องฟ้าและนอนลงขณะที่ปากของพวกเขาเปิดอ้าและดื่มน้ำฝนที่กำลังตกลงมา
ความกระหายได้รับการบรรเทา
ตอนนี้หัวเขาโล่งมากเพราะน้ำฝน
ตริ๊ง!
ประติมากรรมธรรมชาติได้เปลี่ยนแปลงทวีปแห่งนี้
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
ยูบยองจินรู้สึกชื่นชมหลังจากได้เห็นฝนตกในทะเลทราย
 ความอดทนสุดยอดจริงๆ
พวกเขาเดินทางข้ามทะเลทรายอย่างไม่ลดละซึ่งความเหน็ดเหนื่อยและไม่สูญสิ้นความหวัง นี่มันไม่ใช่ว่าทุกคนสามารถจะทำสำเร็จได้
ผู้คนไม่สามารถดูถูกความสิ้นหวังและความคิดในแง่ร้ายได้เมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับตอนนี้
ไหล่ของวีดและซอยูนเต็มไปด้วยน้ำขณะที่เดินข้ามทะเลทรายแห่งความเงียบงันอย่างต่อเนื่อง
จุดเริ่มต้นของภารกิจนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนน้ำที่มี และตอนนี้พวกเขาก็มีมันอย่างเหลือเฟือ
วีดและซอยูนไม่เสียเวลาไปกับการทะเลาะหรือว่าโทษกันเรื่องน้ำ
พวกเขาเดินจนถึงจุดหมาย
ความอดทนของพวกเขานั้นมันหมายถึงพวกเขาได้ประสบความสำเร็จโดยไม่คำนึงถึงค่าพลังกายที่ลดต่ำ
 และทะเลทรายแห่งนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว นั่นคือภารกิจสำเร็จ
ยูบยองจินมองไปยังหน้าจออื่นๆ
หน้าจอนั้นได้แสดงทวีปเวอร์เซลล์ ณ ช่วงเวลาปัจจุบัน
ฝนนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ตกหนักมากนัก ขณะที่มันได้ทำให้ผืนดินเต็มไปด้วยความชุ่มชื้น
แต่ทางตอนใต้ของทะเลทรายแห่งความเงียบงันนั้นกว้างใหญ่และเมฆฝนดำทะมึนก็ได้กระจายตัวผ่านไปทั่วพื้นที่ และฝนก็ได้กระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก!
ฝนได้ซึมเข้าสู่ดินในทะเลทรายเป็นผลให้ต้นไม้ ใบหญ้าและแหล่งน้ำกลางทะเลทรายนั้นเจริญขึ้นมา
ตอนนี้แม่น้ำได้ถูกสร้างขึ้นและไหลผ่านไปทั่วพื้นที่ ทำให้เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์
ฝนของวีดนั้นได้นำพาการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่สู่ทวีปเวอร์เซลล์ในตอนนี้
การไหลของแม่น้ำได้กัดเซาะทะเลทรายที่อ่อนๆไปและมันทำให้เกิดรูปแบบของหุบเขาขึ้นมา!
การกัดเซาะนั้นทำให้หุบเขาเกิดเป็นสีสันโดยที่แม่น้ำมากมายได้ไหลผ่านไปตามระยะทางหลายพันเมตร
มันนานมากแล้วที่ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา
วีดสร้างประติมากรรมอันน่าอัศจรรย์ขึ้นมาแล้วในตอนนี้
มีผู้เล่นจำนวนน้อยมากที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย
สภาพแวดล้อมนั้นเต็มไปด้วยความร้อนและเจ็บแสบ มีมอนสเตอร์จำนวนไม่มาก ดังนั้นมีเพียงคนที่มาทำภารกิจเท่านั้นที่จะมาที่นี่
แต่ตอนนี้วีดได้สร้างแม่น้ำและนั่นทำให้เกิดสิ่งที่แปลกประหลาดขึ้นมา ทำให้ผู้เล่นจำนวนมากมายังที่แห่งนี้
มันเหมือนกับทางเหนือ วีดได้เปลี่ยนแปลงทะเลทรายตอนใต้ไปแล้ว
ยูบยองจินมองไปที่หน้าจอที่วีดและซอยูนนั้นกำลังพักผ่อนอยู่ท่ามกลางสายฝน
แสงอาทิตย์ที่เผาไหม้นั้นลอดผ่านเมฆฝน
และสายรุ้งกลางทะเลทรายก็เกิดขึ้นรอบตัวระหว่างคนทั้งสอง
จบตอน
ผู้แปล : Hill
Editor : แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

3 ความคิดเห็น:

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...