วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เล่มที่ 29 ตอนที่ 3: การตัดสินใจของเหล่าออร์ค แปลโดย Cole’s Myth


เล่มที่ 29 ตอนที่ 3: การตัดสินใจของเหล่าออร์ค แปลโดย Cole’s Myth

 สงคราม!
กองทัพของแบล็ค แอนนาส กำลังมาแล้ว
ฉันต้องรีบออกไปจากปราสาทให้เร็วที่สุด
ขณะที่วีดกำลังนั่งแกะสลักประติมากรรมของเขาอย่างสบายใจ ทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลล์กำลังลุกโหมไปด้วยไฟแห่งสงคราม เมื่อการเข้าโจมตีเกิดขึ้นภายในตัวเมือง เหล่าพ่อค้าและผู้เล่นใหม่ทั้งหมดก็หลบหนีออกไปนอกปราสาท นั่นก็เป็นเพราะว่าปราสาทหลังนั้นได้กลายเป็นพื้นที่สังหารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อการโจมตีเริ่มขึ้นการนองเลือดและความโกลาหลจากเปลวเพลิงก็ลุกโหมกระหน่ำ
 สรรเสริญแด่เทพเอ็มบินยู
จงยืนหยัดต่อสู้กับพวกนอกรีตนั่นซะ
เกิดการปะทะกันระหว่างกองทัพเอ็มบินยูและเหล่าพาลาดินของแต่ละศาสนจักร ทุกๆวิหารต่างหัวหมุนกันจนหมดนับตั้งแต่พวกวิหารเอ็มบินยูปรากฏตัวขึ้นมา เหล่าพาลาดินและพระจากมหาวิหารและอารามต่างๆก็พากันออกไปต่อสู้อย่างดุเดือด
บรรดาผู้เล่นมากมายต่างก็ได้รับภารกิจใหม่ๆด้วยเช่นกัน ซึ่งนี่ถือเป็นโอกาสสำหรับพวกเขาที่จะได้สร้างความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่
นี่คือการต่อสู้ที่เป็นสงครามกับเหล่าสาวกจากวิหารเอ็ทบินยู!
บรรดาผู้เล่นยังพากันรู้สึกสับสนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น คงไม่กล่าวเกินจริงไปหากจะเอ่ยว่าช่วงเวลาแห่งการออกล่าอันแสนปลอดภัยใกล้ๆตัวเมืองหรือแถวหมู่บ้านได้จบสิ้นลงแล้ว หมู่บ้านอันแสนสงบสุขถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง กลายเป็นดินแดนแห่งความโกลาหลไปแล้ว แถมพวกมอนสเตอร์ก็ยิ่งเหิมเกริมและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
แม้แต่ผู้คน บางคนก็พากันแปรพักตร์ เปลี่ยนเป็นสาวกพวกวิหารเอ็มบินยู และกลายเป็นวายร้ายออกไล่ล่าผู้เล่นคนอื่นๆ

★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

จางยุนซู หัวหน้าทีมแผนกการตลาดได้จัดการประชุมในแผนกขึ้นมาเพื่อปรึกษาหารือกัน
อย่างที่พวกคุณรู้ ว่าทางฝ่ายการตลาดได้ตัดต่อวิดีโอโฆษณาแล้ว จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทวีปเวอร์เซล ณ ตอนนี้
คุณจะเปิดให้เราดูมากแค่ไหนหรอครับ?”
ก็เกือบๆ 90% อยู่นะ ก่อนอื่นผมจะบอกเรื่องที่เหลือกับพวกคุณก่อน
แสงไฟภายในห้องประชุมได้ดับลงและวิดีโอก็เริ่มฉายขึ้นบนจอภาพ
กองกำลังทหารอันชั่วร้ายแห่งกองทัพเอ็มบินยูได้มารวมตัวกันอยู่บนพื้นที่ราบ
พวกมันกำลังนั่งล้อมรอบกองไฟ ณ เวลาที่จมดิ่งลงสู่ความมืดมิด
หน้าจอที่ฉายอยู่ถูกซูมเข้าซูมออกตรงบริเวณเต้นท์ของพวกนักบวชชั้นสูงแห่งวิหารเอ็มบินยู
ตรงนั้น……”
เครื่องเซ่นสังเวยอย่างแรกก็คือ…….
พวกมนุษย์.
หึๆๆๆๆๆ……”
นักบวชชั้นสูงคนนั้นเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันแสนมืดมน พวกอัศวินทมิฬของวิหารเอ็มบินยูเองก็พากันเดินลาดตระเวนอย่างขยันขันแข็งขณะที่พวกมอนสเตอร์ก็พากันยืนอยู่รอบๆแค้มป์ ผู้เล่นคนไหนก็ตามที่เข้ามาเล่นรอยัลโร้ดต่างก็รู้ดีว่าสถานการณ์นี้อันตรายมากแค่ไหน และยิ่งไปกว่านั้น มันยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นเมื่อพวกวิหารเอ็มบินยูกลายมาเป็นศัตรู และในที่สุดที่พวกมันก็เริ่มพากันเคลื่อนไหว ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนหวั่นเกรงในพลังอำนาจของพวกมัน
จากนั้นครู่ต่อมา จอภาพก็ฉายไปที่ภาพของเหล่าผู้เล่นที่กำลังบุกโจมตีราชอาณาจักรเกรเดียน
ไปกันเลย เหล่านักรบ!
เราต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อปกป้องความสงบสุขของพวกเราเอาไว้!

กลุ่มทหารรับจ้างดาบทมิฬเคลื่อนตัวไปข้างหน้าฝ่าดงลูกธนูที่กำลังยิงลงมาจากด้านบนของกำแพงเมือง! อาวุธโจมตีในครั้งนี้ได้ถูกสั่งสมมานานเพื่อสงครามยักษ์ใหญ่ในครั้งนี้โดยเฉพาะ
ราชอาณาจักรเกรเดียนเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปซึ่งไร้ผู้คนอยู่อาศัย เนื่องจากพื้นที่อันสูงชัน กลุ่มทหารรับจ้างทมิฬต่างจับจ้องไปที่ราชอาณาจักรเกรเดียนและตั้งเป้าหมายที่จะยึดครองมันมาให้จงได้ พวกเขาอดทนต่อสู้มานานถึงสามวัน ทั่วทั้งราชอาณาจักรถูกดูดกลืนเข้าสู่สงครามกลางเมือง
จากนั้น จอภาพก็ถูกตัดไปที่ราชอาณาจักรฮาเว่น ภาพหยุดอยู่ที่พระราชวังอันแสนโอ่อ่าที่กำลังถูกสร้างขึ้น! กิลด์เฮอร์มีสทุ่มเงินกองเท่าภูเขาให้กับการสร้างพระราชวังและลงทุนไปกับเหล่าอัศวินและกองกำลังทางทหารเพื่อเพิ่มความจงรักภักดีให้กับกิลด์
บรรดาอัศวินและเหล่าทหารถูกบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาส เมืองหลวงเอเรน ณ ตอนนี้เหมือนดั่งเมืองที่มีทั้งแสงสว่างและความมืดมน ฝั่งหนึ่งคือเขตสลัมอันแสนยากจน ส่วนอีกฝั่งกลับเต็มไปด้วยอาคารพาณิชย์ใหญ่โตส่องแสงสว่างเรืองรอง
ภาพถูกฉายสลับไปที่ราชอาณาจักรอื่นๆอีกหลายแห่งอย่างรวดเร็ว
และจากนั้นภาพก็ไปหยุดอยู่ตรงที่เหล่าออร์ค
หมู่มวลไม้และพุ่มหญ้าถูกฉายทอดลงบนจอ
ชวิท!
เหล่าออร์คนั้นไม่ได้ปรากฏให้เห็นบนจอภาพ ทว่ากลับมีแค่เสียงลมหายใจพ่นดังออกมาอย่างรุนแรงและแสงสะท้อนของดาบเปล่งออกมาจากพุ่มไม้

 ไปกันเถอะ ชวิชวิชวิท!

ออร์คเหล่านั้นอยู่ในอาณาเขตของดินแดนออร์คที่ทอดผ่านเทือกเขาเอลแนทผ่านไปทางที่ราบ
จอภาพสว่างวาบขณะที่ภาพนิ่งไปครู่นึง
จากนั้นเหล่าอสูรก็วิ่งกรูออกมา ฝูงนกบินแตกตื่นขึ้นสู่ท้องฟ้า เหล่าออร์คที่เคลื่อนขบวนรบออกไป แถวยาวสุดลูกหูลูกตาบนแถบพื้นราบนั้น พวกมันเคลื่อนขบวนไปทางทิศตะวันออกด้วยกำลังรบอันแสนน่าทึ่งที่ได้บังเกิดขึ้นมาให้ประจักษ์แก่สายตาผู้รับชม
เหล่าเอลฟ์คอยพัฒนาเวทย์วิญญาณ ขณะที่เหล่าคนแคระก็คอยผลิตอาวุธของตนเองเพื่อปกป้องราชอาณาจักรธอร์ของพวกเขาเอาไว้
และในท้ายที่สุด จอภาพก็ถูกฉายไปที่คนบางกลุ่ม
ผู้เล่นที่โด่งดังมากที่สุดบนทวีป บาร์ดเรย์ที่กำลังยืนอยู่บนยอดปราสาทเอเรนขณะที่จ้องมองลงไปยังกองกำลังทหารของเขาที่อยู่เบื้องล่าง ส่วนทางนักผจญภัย เชส ที่ตะลอนไปทั่วภายในดันเจี้ยนซักแห่งขณะที่กำลังโดนพวกมอนสเตอร์ไล่ตามเขาอยู่ ทางฝั่งช่างตีเหล็ก ฟาบิโอ ก็กำลังนั่งตีเหล็กภายในสถานที่อันแสนลึกลับที่มีเปลวเพลิงสีแดงฉานกำลังพวยพุ่ง
บรรดาผู้เล่นต่างสายอาชีพทั้ง 17 คนถูกฉายขึ้นบนจอภาพ
และเมื่อวิดีโอจบลง จางยุนซูก็พูดขึ้นมาว่า

ตอนนี้ทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลกำลังเข้าสู่ช่วงอลหม่าน เรามาลองพิจารณาประเด็นนี้กัน เพื่อที่เราจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในการตัดต่อวิดีโอถ่ายทอด

วิดีโอนั้นจะถูกอัพโหลดลงบนอินเตอร์เน็ตและออกอากาศเพื่อที่จะได้รายงานถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังเกิดขึ้นในรอยัลโร้ด ทวีปเวอร์เซลเปลี่ยนแปลงไป นั่นก็เพราะว่าได้รับผลต่างๆนานาจากเหตุการณ์ทั้งหลายที่ได้เกิดขึ้นทั่วทุกสารทิศ
ช่วงเวลาแห่งความโกลาหลได้บังเกิดขึ้นแล้ว!
ในช่วงแรกเริ่มของรอยัลโร้ด แม้มีความขัดแย้งมากมายเกิดขึ้นในแต่ละอาณาจักรและการโจมตีจากพวกมอนสเตอร์ ทว่าก็ยังหลงเหลือความสงบสุขและความมั่นคงให้เห็นอยู่ นั่นก็เป็นเพราะว่าแต่ละอาณาจักรก็คอยให้การสนับสนุนค้ำจุนความสงบสุขนั้นเสมอมา
ปัญหาที่มีนั้นก็คือสมดุลที่บิดเบี้ยวนับตั้งแต่จำนวนผู้เล่นเพิ่มมากขึ้น
เหล่าผู้เล่นที่กลายเป็นอัศวินก็เลือกที่จะกอบโกยกำไรใส่ตัวเสียมากกว่าศักดิ์ศรีและเกียรติยศ และไม่ยอมทำตามหน้าที่ของพวกเขาเลย พวกเจ้าเมืองก็ไม่สนใจใยดีชาวเมือง มีแต่บังคับให้พวกเขาจ่ายภาษีเกินจริงซะมากกว่า พวกเขาไม่ได้จัดการพวกมอนสเตอร์ที่แสนดุร้ายที่มาก่อกวนผู้คน เพราะพวกเขามัวแต่สนใจในการทำสงครามเพียงอย่างเดียว จนไม่ก่อให้เกิดความจงรักภักดีต่อราชอาณาจักรที่น่าจะอยู่ในใจของชาวเมืองเลย
นี่ก็เพราะเกมส์รอยัลโร้ดนั้นไม่มีแกนเรื่องที่แน่ชัดนั่นเอง
หากพวกลอร์ดและกิลด์อันโด่งดังทั้งหลายทางตอนกลางปกครองอาณาจักรได้อย่างดี กองกำลังปีศาจอันแสนชั่วร้ายก็คงไม่ปรากฏออกมา แถมความภักดีของชาวเมืองที่มีก็ลดลง ก็จะทำให้พวกเขาโน้มเอียงได้ง่าย และเปลี่ยนข้างไปอยากับพวกวิหารเอ็มบินยู มีแต่จะเพิ่มกำลังรบให้กับพวกมัน และผลลัพธ์สุดท้ายก็คือแต่ละอาณาจักรทางตอนกลางก็ต้องชดใช้ด้วยบทเรียนราคาแพง
ถ้าหากพวกเขารู้จักมองดูประวัติศาสตร์ของรอยัลโร้ด ยุคแห่งความโกลาหลนั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้นเมื่ออดีตกาล เมื่อครั้งนั้นพวกวอร์ล็อคเคยทำสัญญากับพวกปีศาจ และราชอาณาจักรก็เข้าสู่สงครามในที่สุด สุดท้ายพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาก็ถูกช่วงชิงและพ่ายแพ้ให้กับพลังอำนาจมืดในที่สุด

 อืมมม คุณจะใช้กลยุทธการตลาดแบบไหนดีละครับ

หลายสายตาจับจ้องไปที่ผู้อำนวยการซองอิลกัง ผู้ที่เข้าใจสถานการณ์ภายในทวีปเวอร์เซลดีกว่าทุกคนในบริษัทยูนิคอร์นแห่งนี้

เขายืนขึ้นจากเก้าอี้และเอ่ยขึ้นมาว่า

 กองกำลังของวิหารเอ็มบินยูได้ขยายขนาดพอๆกับกิลด์ใหญ่ๆแล้ว แถมยังมีการปรากฏตัวของพวกมอนสเตอร์และการผงาดขึ้นมาของพวกวอร์ล็อค เมื่อเทียบกับครั้งอดีตกาลในยุคแห่งความโกลาหล ตอนนี้ทวีปเวอร์เซลดูเหมือนคงจะเข้าสู่วิกฤตครั้งใหญ่แล้วหล่ะ

ผู้อำนวยการและคนอื่นๆที่รับผิดชอบในหลายๆแผนกต่างก็กุมขมับกัน มีเผ่าพันธุ์และราชอาณาจักรมากมายในทวีปเวอร์เซลที่ปรากฏตัวออกมาและหายไป ดังนั้นมันจึงถือเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะติดตามพวกมันให้ทันหมดทุกกลุ่มทุกที่
ทั่วทั้งทวีปเต็มไปด้วยเรื่องราวเกิดขึ้นตลอดเวลา ผู้เล่นมากมายตระเวนออกไล่ล่ามอนสเตอร์ และคอยไขปริศนาด้วยตัวของพวกเขาเอง

นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่รึเปล่านะ?”

มีความจริงที่ว่าความสงบสุขของทั้วทวีปเวอร์เซลในระยะนี้นั้นกำลังสั่นคลอน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณของจำนวนผู้เล่น ซึ่งนั่นไม่ใช่ข่าวดีนักสำหรับเหล่าผู้บริหารของบริษัทยูนิคอร์น

แต่ถึงยังไง สีหน้าของผู้อำนวยการซอนอิลกังก็ยังดูไร้ความกังวล

วีรบุรุษจะกำเนิดก็ต่อเมื่ออยู่ท่ามกลางวิกฤตินี่แหละ เมื่อเรามองอย่างนั้น การมาถึงของยุคแห่งความโกลาหลครั้งนี้ยิ่งจะต้องใช้ความร่วมมือร่วมใจกันของเหล่าผู้เล่น และพวกผู้เล่นที่เก่งๆประสบความสำเร็จมากมายก็จะปรากฏตัวออกมาเอง

ทวีปเวอร์เซลคือโลกเสมือนจริง! ซอนอิลกังจึงมั่นใจว่าจะต้องผ่านพ้นอุปสรรคนี้ไปได้แน่ๆ

บรรดาพนักงานของบริษัทยูนิคอร์นเองก็ต่างเห็นพ้องต้องกันในข้อสรุปนี้ ตั้งแต่ที่รอยัลโร้ดเปิดตัว การเติบโตของจำนวนผู้เล่นยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทุกวันจนน่าประหลาดใจ พวกเขาล้วนตัดสินชะตากรรมด้วยมือของตนเอง

เมื่อย้อนกลับไปมองดูประวัติศาสตร์ ผู้คนก็ล้วนแต่ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้ด้วยพลังของตนเองนั้นแล

★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

 ฮี่ ฮี่ ฮี่
คริ คริ คริ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เหล่าประติมากรรมสลักชีพกำลังใช้ชิวิตอันแสนสุขของพวกมันในป้อมปราการเวอร์โก้

โลกนี้ช่างสวยงาม
อากาศปลอดโปร่ง ต้นหญ้าเขียวสดช่างวิเศษจริงๆ!

วีดได้มอบชีวิตให้กับพวกประติมากรรมสลักชีพไปถึง 47 ตัวตอนอยู่ที่เขตลาส ฟาลังคซ์ พวกมันคือประติมากรรมที่สร้างขึ้นมานานมากแล้วจากน้ำมือของเหล่าประติมากรผู้ยิ่งใหญ่ ความปรารถนาที่จะมีชิวตของพวกมันนั้นแรงกล้ามาก พวกมันจึงยินดีที่จะได้เล่นอยู่ภายในเขตป้อมปราการเวอร์โก้
พวกมันได้ยินเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดที่พวกไวเวิร์น ปิงหลง และฟีนิกซ์ได้เผชิญมาเมื่ออยู่กับวีด และคิดว่าช่างโชคดีจริงๆที่พวกมันนั้นมีความเป็นอยู่สุขสบายมาก

งั่ม งั่ม งั่ม งั่ม!

เจ้าเซอเบรัสกำลงแทะกระดูกแพะและกลิ้งเล่นไปมาบนพื้นหญ้า ส่วนเจ้างูพิษที่มีสีสันหลากตาที่ชื่อว่า เจ้างูบ้านนอก เลื้อยไปมาบนกิ่งไม้ที่อยู่ตามภูเขาและป่ารกทึบ ส่วนทางเจ้าหนอนแห่งความตายก็นอนผ่อนคลายเล่นอยู่ในปลักโคลน

พวกประติมากรรมสลักชีพใช้เวลายามบ่ายอันแสนผ่อนคลายอย่างเงียบสงบ เว้นก็แต่อัศวินเซวิล แบล็คซันที่มัวยุ่งอยู่กับการทำภารกิจของเขา
เขาทำงานร่วมกับพวกทหารและนักล่าอย่างขันแข็งเพื่อขับไล่พวกมอนสเตอร์ให้ล่าถอยกลับไป เมื่อเวลาผ่านพ้นไปพวกคนเถื่อนต่างก็ชื่นชมเซวิล และในที่สุดกองทัพของเขาก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 980 คน
เหล่าทหารหาญต่างได้รับการชี้ทางอันแสนวิเศษจากอัศวินผู้นี้เพื่อออกไปต่อสู้ เขาเลือกอัศวินที่มีแววขึ้นมาใหม่ 14 คนและแต่งตั้งพวกเขาให้เป็นผู้ช่วย  ถ้าหากพวกเขาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากหรือว่าสุขสบาย พวกเขาก็จะยังเลือกที่จะตั้งรกรากอยู่ใกล้ป้อมปราการภายใต้การนำของวีด

เจ้าโกลมินิและเจ้าเหลืองแอบย่องออกมากลางดึกเพื่อจัดการประชุมลับกัน

เจ้าเด็กพวกนี้นี่สบายกันจริงๆเลยเนาะช่วงนี้
ใช่ๆ สบายกันเกินไปแล้วจริงๆ โกล โกล
เราต้องหาเรื่องให้พวกมันหน่อยแล้ว
พวกนั้นต้องทำงานอย่างน้อยสามครั้งต่อวัน โกลโกล!

เจ้าโกลมินิต้อนพวกมอนสเตอร์ออกไปด้านหน้าตรงที่มีเจ้าปิงหลงกำลังดักรออยู่
เจ้าฟีนิกซ์และพวกไวเวิร์นเองก็จัดการกับพวกมอนสเตอร์อยู่เช่นเดียวกัน

จนถึงตอนนี้เจ้าพวกนี้มันเล่นมามากเกินไป
เราต้องทำให้พวกมันเหงื่อตกกันบ้าง!

เหล่าประติมากรรมสลักชีพค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เพื่อที่จะได้เป็นกำลังให้วีดในการทำภารกิจปรมาจารย์ประติมากรของเขา

★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

เหล่าออร์คนั้นได้ตั้งรกรากใกล้กับป้อมปราการเวอร์โก้จากความเอาแต่ใจของพวกมัน

ชวิ ชวิ ชวิท!
เวลาเช้ามืดแล้ว ไปออกล่ากันเถอะ ชวิค!

และในท้ายที่สุด เหล่าออร์คก็มีหมู่บ้านเป็นของตนเอง ป้อมปราการเวอร์โก้กำราบพวกมอนสเตอร์ลงได้ด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าออร์ค
พวกมอนสเตอร์และเหล่าออร์คต่อสู้กันไม่เว้นแต่ละวัน จำนวนประชากรออร์คก็ลดลงเหลือแค่ 60,000 ตน ทว่านั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรต่อพวกมันเลย

ชวิ ชวิ ชวิท พี่ใหญ่ตายแล้ว พี่รองก็ตายแล้ว พี่เจ็ดก็ตายแล้ว แม่ครับ ท่านควรทำพี่น้องให้เราอีกสัก 5 คนนะครับ ชวิค
แกเป็นใคร? ชวิ ชวิ ชวิท
ผมลูกชายคนที่ 32 ของท่านไง ชวิท!
แกเป็นคนสุดท้องนิ ชวิ ชวิท ชวิ
ไม่ใช่นะครับ ชวิ ชวิท ท่านแม่คลอดลูกออกมาตั้ง 44 ครั้งแน่ะครับ

เหล่าออร์คใช้พลังแห่งการขยายพันธุ์ของพวกเขาจัดการกับพวกมอนสเตอร์ ขณะที่พวกนักรบคอยออกไปต่อสู้ พวกออร์คหญิงก็จะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัย
ผู้เล่นหลายคนที่เลือกเผ่าพันธุ์ออร์คเองก็บรรลุเป้าหมายต่างๆได้อย่างยอดเยี่ยม

ออร์คต้องสู้จนตัวตาย ชวิชวิท
ไปกันเถอะ ชวิชวิท

พวกเขาได้นำนักรบจำนวนมากออกไปบุกโจมตีรังของพวกมอนสเตอร์ แน่นอนว่าแผนการนั้นหมายถึงออร์คบางตนจะไม่ได้กลับมา ทว่าพวกมันก็ได้สร้างความเสียหายให้กับมอนสเตอร์ก่อนที่จะตายไป ถ้าตายไป 10 ตนก็ต้องกำจัดมอนสเตอร์ให้ได้ 5 ตัว และในวันถัดไปพวกเขาก็จะเพิ่มออร์คเป็น 13 ตนเพื่อออกไปสู้ นั่นแหละคือกลยุทธ์ของพวกออร์ค
-          ออร์คคาริชวินั้นไม่เคยยอมจำนนต่อการต่อสู้ที่เสียเปรียบเลยซักครั้ง
-          เขาช่างเป็นออร์คที่แข็งแกร่งและหล่อเหลา
-          ฉันต้องกล้าหาญเพื่อที่จะได้เนื้อหอมกับพวกสาวๆออร์คบ้าง

ออร์คคาริชวิคือตำนานท่ามกลางเหล่าผู้เล่น การผจญภัยของวีดนั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อผู้เล่นออร์ค เพราะงั้นพวกเขาหลายคนจึงกลายเป็นพวกที่กล้าหาญแบบบ้าบิ่นสุดๆ

นี่คือการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ ชวิ ชวิท!

ขณะที่พวกออร์คออกไปต่อสู้ เด็กๆก็ค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ออร์คนั้นต่อสู้กันร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าคนอื่นๆล้วนเป็นพี่น้องของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้ พวกผู้เล่นออร์คก็จะคอยเล่นไปตามแผนแบบด้นสดเสมอ

 โชคไม่เข้าข้างเลย ชวิ ชวิ
คราวหน้าต้องดีกว่านี้แน่ ชวิค!
เราต้องทุ่มเทมากกว่านี้ เราจะทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะชนะ ชวิ ชวิ ชวิ ชวิท!

เหล่าผู้เล่นออร์คออกคำสั่งพวกพี่น้องออร์คตัวอื่นๆและพวกเด็กๆให้ออกไปต่อสู้ นี่แหละคือจุดแข็งที่พวกเขาได้เลือกเผ่าพันธุ์ออร์คก่อนเข้ามาเล่นเกมส์

วีดเคยต่อสู้กับพวกดาร์กเอลฟ์ และต่อมาก็ร่วมมือกับพวกเขาไปสู้กับกองทัพอันเดด เหล่าผู้เล่นผู้ที่ใฝ่ฝันอยากจะได้เจอกับการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ ต่างเลือกเล่นเผ่าพันธุ์ออร์คกันหมด
พวกเขาต้องการไอเท็มลูทและได้ปล้นสะดมบ้านที่เป็นที่รักของเหล่ามอนสเตอร์จนราบคาบ หากพวกเขาได้ของแพงๆพวกเขาก็จะเอามันไปที่ป้อมปราการเวอร์โก้เพื่อเอาไปใช้ซื้ออาหารและอาวุธ!

กินให้เยอะ สู้ด้วยอาวุธที่มี ชวิท!

ออร์คนั้นมีขนาดตัวที่ใหญ่ มันจึงจำเป็นต้องใช้เงินมากเพื่อที่จะสร้างชุดเกราะให้ตนเอง ค่าพลังชีวิตและพลังกายของพวกเขาก็มีมากอยู่แล้ว พวกเขาจึงทุ่มเทไปกับการหาอาวุธเสียมากกว่า ทว่าสำหรับพวกผู้เล่นในป้อมปราการเวอร์โก้ พวกออร์คนั้นช่างดูน่าสมเพชยิ่งนัก

 พวกมันจะไปสู้อีกแล้วหรอ?”
ช่าย พวกเขาพึ่งซื้อข้าวไปเมื่อกี้นี้เอง.
ว่าก็ว่าเถอะ พวกออร์คนี่เยี่ยมจริงๆ
แหวะ ฉันไม่อยากไปแตะตัวพวกมันเลยจริงๆนะ

การซ่อมแซมป้อมปราการเวอร์โก้เสร็จสมบูรณ์แล้ว พวกเขาจึงมีกำแพงเมืองที่แข็งแรงมั่นคงและป้องกันภัยได้ ทว่าช่างโชคร้ายที่ช่วงนี้ไม่มีมอนสเตอร์เข้ามาใกล้ป้อมเลย ความปรารถนาของเหล่าออร์คก็คือการได้ต่อสู้อย่างดุเดือดและบ้าบิ่น ไม่งั้นพวกเขาก็คงได้สู้กันเองแทน

 ถ้าฉันชนะการต่อสู้นี้ละก็ ฉันจะควงสาวๆซักห้าคนไปเลย ชวิค

เหล่านั้นคือออร์คสาวที่วีดพยายามหลบหน้านั่นเอง! บรรดาเหล่าผู้เล่นออร์คพยายามแสดงความอาจหาญของพวกเขาออกมาอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อจะได้ดึงดูดความเสน่หาของพวกเธอมาให้ได้
เหตุผลนั่นก็เพราะว่าออร์คเพศหญิงนั้นสามารถให้กำเนิดลูกออร์คออกมาได้มากมายซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังรบให้กับผู้เล่น
พวกเขารู้สึกปลาบปลื้มมากเมื่อใดก็ตามที่ออร์คสาวมาสารภาพรักต่อพวกเขา

 กัสชวิ ข้าจะขออุ้มทายาทของท่านเอาไว้เองค่ะ ชวิชวิท!”
ขอบใจเจ้ามาก ดีสชวิ หัวใจข้ายินดีนักที่ได้ยินเช่นนั้น ชวิค
คงจะดีไม่น้อยถ้าหากว่ามีคนที่มีรูปลักษณ์เหมือนดังท่านคาริชวิช ชวิทชวิ

เหล่านักดาบและพวกประติมากรรมสลักชีพเองก็มีบทบาทสำคัญในการออกล่ามอนสเตอร์รอบๆป้อมปราการเวอร์โก้ ส่วนพวกผู้เล่นเองก็พากันตั้งปาร์ตี้ขึ้นมาเพื่อออกล่า เพราะงั้นจำนวนพวกมอนสเตอร์รอบๆป้อมปราการเวอร์โก้จึงลดลงอย่างฮวบฮาบ

 มาเถอะ
เดี๋ยวอย่าพึ่งยิง รอก่อน
ตอนนี้แหละ ยิง!”

เหล่าแรนเจอร์และนักธนูค่อยๆยิงลูกธนูพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ ในสายอาชีพนักธนูนั้นมีข้อได้เปรียบอย่างมากในการต่อสู้แบบนี้ ทั้งระยะการโจมตีและยังอยู่ในทำเลที่ดี! ป้อมปราการเวอร์โก้เองก็เปลี่ยนกลยุทธ์จากเดิมที่เคยตั้งรับมาเป็นบุกโจมตี
ถึงเวลาแล้วที่กองกำลังรบแห่งราชอาณาจักรอาเพ่นจะได้ย่างก้าวออกมาจากประตูเมืองเพื่อยืนหยัดต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ และภาระทั้งหลายทั้งปวงก็มีเหล่าออร์คที่ปรากฏตัวออกมาช่วยแบ่งเบา

ไล่ตามมอนสเตอร์พวกนั้นไป ทุกคนโจมตี ฆ่าพวกมันให้หมด ชวิชวิท!”

เหล่าออร์คอยู่รวมกันเป็นกลุ่มและออกไปโจมตีใส่พวกมอนสเตอร์อย่างเลือดเย็น

นักรบออร์คฝีมือฉกาจได้ถือกำเนิดแล้ว
เหล่านักรบออร์ค 3 ตนได้กลายเป็นนักสู้ออร์คแล้ว

กองกำลังออร์คแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว อำนาจของเหล่าออร์คได้แผ่ขยายออกไปปานสายฟ้าแลบ นี่ถือเป็นปรากฏการณ์อันน่ากลัวที่สุดก็ว่าได้! ออร์คเด็กๆมากมายได้ถือกำเนิดขึ้นมา แม้ว่าที่พักอาศัยของพวกมันจะโดนเผาทำลายจนราบคาบโดยพวกมอนสเตอร์ และตอนนี้จำนวนของพวกเขาก็พุ่งสูงขึ้นจนมีจำนวน 390,000 ตน
ตริ้ง!

-เผ่าพันธุ์ออร์คได้เปิดเผยการมีอยู่ในดินแดนเหนือแล้ว
เหล่าออร์คได้ขยายอาณาเขตของพวกมันออกไปสู่แดนเหนือผ่านทางความรุนแรงและความเห็นแก่ตัว พวกเขาจะต่อสู้ด้วยเฉพาะกับมอนสเตอร์ที่อันตรายและแข็งแกร่งมากกว่าเท่านั้นเพื่อที่จะทดสอบขีดจำกัดและการเติบโตของพวกเขา
พวกเขาอ่อนแอต่อมอนสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่และใช้เวทย์มนต์ได้
เผ่าพันธุ์ออร์คคือสิ่งมีชีวิตที่ไว้ใจได้
ถ้าหากว่าคุณย่างเท้าเข้าสู่โลกในฐานะออร์ค จะทำให้ท่านมีพี่น้องมากมาย หากท่านร่วมทางไปกับพี่น้องของท่าน ท่านก็จะไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด
-เหล่าออร์คได้เติมเต็มจำนวนประชากรที่พวกเขาต้องการ
บัดนี้ เหล่าออร์คสามารถเริ่มใช้ชีวิต ณ ป้อมปราการเวอร์โก้ได้แล้ว

ในฐานะมนุษย์ จำเป็นต้องมีเงื่อนไขมากมายต่างๆนานาถึงจะมีสังคมและการปฏิสัมพันธ์ขึ้นมาได้ อย่างพวกการเมือง ความปลอดภัย เทคโนโลยี หรือแม้แต่การพัฒนาภายในเมือง ทว่าสำหรับเหล่าออร์คมีเพียงไม่กี่เงื่อนไขที่จะกลายเป็นอำนาจและความแข็งแกร่งของพวกเขา ง่ายๆแค่นั้น เพื่อนสนิทมิตรสหายญาติพี่น้องและอาหารคือเงื่อนไขเพียงแค่นี้ สิ่งที่พวกเขาต้องการ
แต่ถึงกระนั้นจำนวนของผู้เล่นใหม่ที่เลือกเล่นเผ่าพันธุ์ออร์คก็ยังถือว่ามีน้อยมาก
แถมนอกจากนั้นยังไม่สามารถเลือกคลาสอย่างนักเวทย์ หรือแม้แต่ความเชี่ยวชาญการต่อสู้อย่างพวกอัศวินได้เลยด้วยซ้ำ
ออร์คจะใช้กำลังของตนเพื่อเติบโตขึ้นเป็นนักสู้หรือว่าร่างทรงได้ แต่ถึงยังไงพวกออร์คเองก็สามารถที่จะออกไปผจญภัยอย่างอิสระและสัมผัสเสน่ห์ของการต่อสู้ เพราะงั้นบรรดาผู้เล่นที่เลือกเผ่าพันธุ์นี้จึงไม่รู้สึกเสียใจเลย
ครั้งนึงเมื่อวิดีโอของเหล่าออร์คได้ปรากฏบนกระดานข่าว พวกเขาต่างก็กลายเป็นที่อิจฉาของบรรดาผู้เล่นมากมาย ด้วยเผ่าพันธุ์ที่พิเศษและสายอาชีพที่ไม่เหมือนใคร

★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

เหล่าออร์คที่ป้อมปราการเวอร์โก้นั้นจะมีสติปัญญาที่สูงกว่าที่อื่น พวกเขาได้รับอิทธิพลมาจากพวกประติมากรรมและผลงานศิลป์อื่นๆ แต่ถึงกระนั้นพวกออร์คก็ยังไม่สามารถเสวนาอะไรอย่างอื่นได้นอกเสียจากเรื่องอาหารและการต่อสู้
แต่ถึงอย่างนั้นพวกออร์คที่ป้อมปราการเวอร์โก้ก็ยังเกาะกลุ่มพุดคุยในประเด็นที่เคร่งเครียดอยู่บ้าง

มีอะไรหรือ ชวิท!”
นะ นั่นมัน คาริชวิชวิ ชวิ ชวิท!”

มีข่าวลือกังขาเกี่ยวกับตัวตนของคาริชวิกระจายไปทั่วหลายชุมชน
เหล่าผู้เล่นออร์คที่ได้ยินข่าวลือนั้นก็พากันหัวเราะเพราะว่าพวกเขาต่างก็รู้ความจริงกันอยู่แล้ว ทว่าปัญหานี้นั้นไม่ใช่เรื่องที่เหล่าออร์คจะยอมปล่อยไปได้

ยกโทษให้ไม่ได้ ชวิค!”
เขาคือพี่น้องของพวกเรา ชวิ ชวิค! ถึงแม้ว่าเขาจะกินอาหารเยอะกว่าข้า เขาก็ไม่ใช่พี่น้องที่น่ารังเกียจ
และในไม่ช้าหัวหน้าหมู่บ้านออร์คทั้งห้า ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังโมราต้า

★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

ประติมากรรมของวีดก่อให้เกิดความคลั่งไคล้ไปทั่วทั้งโมราต้า

-เทวรูปแห่งเทพกาเลเรียได้จุติแล้ว
นั่นคือเทพผู้พิชิต! เทพองค์นี้ได้หายสาบสูญไปตั้งแต่ที่ทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลย่างเข้าสู่ความสงบสุข กาเลเรียชื่นชอบสงครามและการขยายอาณาเขต และจะช่วยมอบพรเสริมพลังเพื่อใช่ต่อกรกับพวกคนเถื่อนและมอนสเตอร์
เหล่าสาวกของพระองค์ก็ได้ก่อสงคราม เพราะงั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยถูกกันกับสาวกของเทพองค์อื่นๆเลย
เมื่อใดก็ตามที่สวดอ้อนวอนต่อพระองค์ พละกำลังของของมนุษย์และออร์คก็จะเพิ่มขึ้น
และนี่แหละคือเทวรูปขององค์เทพกาเลเรีย!
และพระองค์ก็ได้กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งด้วยมือทั้งสองข้างของประติมากรวีด เทวรูปหินของเทพกาเลเรียนั้นสร้างความหมายทางศาสนาเป็นอย่างมาก
เทวรูปหินกาเลเรียได้ถูกสร้างขึ้นมาสำเร็จแล้วเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
หลังจากที่ได้ชื่นชมเทวรูปกาเลเรีย การฟื้นตัวของค่าพลังชีวิตและมานาเพิ่มขึ้น 16% เป็นเวลาหนึ่งวัน
ประติมากรรมทางศาสนาจะช่วยเพิ่มค่าความศรัทธา 6 แต้มเป็นการถาวร
เผ่าพันธุ์มนุษย์และออร์คสามารถใช้อาวุธหนักได้อย่างสบายมือแล้วตอนนี้
ขวัญกำลังใจในการต่อสู้เพิ่มขึ้น
ค่าสถานะทางศิลป์เพิ่มขึ้น 6 แต้มเป็นการถาวรเนื่องจากการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะโบราณ
-หากกษัตริย์หรือเจ้าเมืองเชื่อในเทพกาเลเรีย จะก่อให้เกิดสงครามเพื่อพิชิต จิตวิญญาณการต่อสู้ของเหล่าทหารจะเพิ่มขึ้น
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของกองทัพและหน่วยเสบียงเพิ่มขึ้น
ชาวเมืองที่อยู่ใต้ภาวะสงครามและเชื่อในเทพกาเลเรียจะเหนื่อยล้าน้อยลง
องค์กษัตริย์ที่ก่อสงครามจะได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามแม้ว่าความภักดีของชาวเมืองจะต่ำ
ท่านจะได้รับค่าประสบการณ์มากขึ้นเมื่อต่อสู้กับมอนสเตอร์และคนเถื่อนเป็นจำนวนมาก
เมื่อใดที่ท่านพ่ายแพ้ในการต่อสู้ อาณาเขตของท่านจะโดนช่วงชิง พวกเขาจะสูญสิ้นศรัทธาในองค์เทพ
ผลประโยชน์ทางศาสนาจากเทพกาเลเรียจะถูกมอบให้อย่างน้อย 3 ครั้งหากท่านถวายเครื่องบูชาแด่องค์เทพ
เทพกาเลเรียนั้นมีอิทธิพลต่อราชอาณาจักรมากกว่าอิทธิพลรายคน

เทพผู้พิชิตงั้นหรอ

วีดกำลังสร้างประติมากรรมเทพเจ้ามากมายที่เขาเคยเห็นในรัทเซเบิร์ก ขณะที่จำนวนของประติมากรรม ลัทธิทางศาสนาใหม่ๆ และนักบวชเพิ่มขึ้นอย่างมากภายในเมืองโมราต้า
เขาไม่ได้แยกว่าเทพองค์ไหนร้ายหรือดี และก็แค่สร้างประติมากรรมทุกอย่างที่เขาเคยเห็นในรัทเซบิร์ก และเมื่อเขาสร้างชิ้นที่ 19 เสร็จสมบูรณ์ ทักษะแกะสลักของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกเลเวลจากทักษะแกะสลักขั้นสูง

-ทักษะแกะสลักเพิ่มขึ้นเป็นขั้นสูงเลเวล 9
ท่านได้เลื่อนสู่จุดสูงสุดของสายอาชีพ
ทักษะการสลักของท่านละเอียดประณีตมากขึ้น
ท่านจะมีทัศนะต่อศิลปะที่กว้างไกลมากขึ้น ค่าความรู้และสติปัญญาเพิ่มขึ้น 39 หน่วย
เสน่ห์เพิ่มขึ้น 41 หน่วย
ค่าความใกล้ชิดกับธรรมชาติเพิ่มขึ้น 98 หน่วย
ทักษะเพลงดาบประกายแสงที่ท่านได้เรียนรู้ ค่าความว่องไวเพิ่มขึ้น 7 หน่วย
-ค่าเสน่ห์ของท่านเพิ่มขึ้นถึง 500 หน่วย
ท่านได้รับสมญานาม ประติมากรผู้ถ่ายทอดความงดงามแห่งทวยเทพ
เรื่องราวอันน่าชื่นชมจะถูกถ่ายทอดออกไปเพราะท่านมีค่าชื่อเสียงที่สูง
มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อท่านได้รับภารกิจประติมากรหรือว่านักผจญภัย

ทักษะประติมากรรมของวีดนั้นมาถึงขั้นสูงเลเวล 9 แล้ว แถมเขายังได้รับฉายาเพิ่มมาอีกด้วย
และในขณะเดียวกัน เขาก็เคยได้รับฉายาอื่นๆ อย่าง ช่างฝีมือผู้สร้างงานอันยอดเยี่ยม’ ‘กัปตันผีสิงแล่นเรือสู่แดนลี้ลับ’ ‘นักสำรวจแห่งแดนเหนือและอื่นๆอีกมากมาย เพราะงั้นเขาจึงมีความสุขมากที่ได้รับฉายาใหม่เพิ่มมาอีก
ค่าชื่อเสียงของเขาตอนนี้ก็มีอยู่ตั้ง 110,000 แล้วเช่นกัน
ฮืมมม นี่ฉันกินข้าวไปแล้วหรือยังนะวันนี้?”
โฮ่ง โฮ่ง!
สุนัขตัวหนึ่งที่อยู่บนถนนใกล้ๆวีดเห่าขึ้นมาและกระดิกหางของมันดุกดิก! วีดกำลังตั้งหน้าตั้งตาแกะสลักต่อไป ทันใดนั้นก็มีออร์คลอร์ด 5 ตนเดินตรงมาที่เขา

ชวิท! ข้ามาหากษัตริย์
วีดจงลงมาเดี๋ยวนี้ ชวิ ชวิ ชวิท

เหล่าออร์คลอร์ดส่งเสียงคำรามขณะที่พวกเขาถ่อสังขารมาจนถึงอุทยานแห่งทวยเทพ
พวกทหารสามารถกำราบพวกเขาลงได้ง่ายๆ ทว่านั่นก็รังแต่จะทำให้เกิดสงครามกับพวกออร์คที่อยู่ในป้อมปราการเวอร์โก้เสียเปล่า พวกเขานั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่เป็นตัวปัญหาจริงๆจนทำให้เขาปวดกะบาลอยู่เสมอ
วีดลงมาจากรูปสลักและถามพวกเขาอย่างสุภาพว่า

มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ
พวกเรารู้เรื่องหมดแล้ว ชวิท!”
ชวิ ชวิท อย่ามาทำเหมือนเราเป็นพวกโง่นะ!”

พวกออร์คลอร์ดตะคอกออกมาอย่างดุดัน
สีหน้าของวีดซีดเผือดในทันตา

ไปมีปัญหาตอนไหนอีกวะเนี่ย

เขาเริ่มเรียงลำดับความคิดเขาในทันที

หวังว่าคงไม่ใช่เพราะพวกเขาตายก่อนที่จะถึงแดนเหนือหรอกนะ? ไม่สิๆ ฉันว่าจะไปช่วยอยู่นา ก็ฉันยุ่งอยู่นิ ก่อนที่พวกเขาจะไปทางเรือด้วยซ้ำ….’

แต่ถึงกระนั้น ภารกิจปรามาจารย์แกะสลักของเขาก็ล้วนเกี่ยวโยงกับเผ่าพันธุ์เอลฟ์ คนแคระ และพวกออร์ค เขาคงจะสามารถให้ความช่วยเหลือกับพวกออร์คได้บ้าง วีดเชื่อเป็นอีกอย่างแทนซะงั้น พวกออร์คชอบใช้กำลังดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่เขาอยากทำให้พวกมันโกรธนัก

ชวิชวิท คาริชวิ…..”
เอ๋?”
อย่ามาแกล้งตีหน้าไขซือ ชวิชวิท พวกเรารู้หมดแล้ว

ความรู้สึกต่างๆนานาท่วมท้นออกมาจากเหล่าออร์ค ดวงตาของพวกเขาแดงระเรื่อด้วยรอยน้ำตา

 ข้าได้กลิ่นมันออกมาจากตัวเจ้า ชวิ ชวิ ชวิท
ชวิ ชวิท เจ้ามีกลิ่นเดียวกับคาริชวิ

วีดพยายามดมร่างกายของเขา บางส่วนมีกลิ่นของอาหารนานาชนิด ทว่าก็ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไป

กลิ่นเหมือนคนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นปี! เราเองก็ได้กลิ่นนี้มาจากออร์คตัวอื่นๆ ชวิชวิท!”
“………”

ออร์คสามารถดมกลิ่นพรรคพวกของตนเองได้!
ที่จริงแล้ว วีดก็ไม่ค่อยได้อาบน้ำบ่อยนัก ช่วงไม่กี่วันมานี้เขาเอาแต่แกะสลักเทวรูปและให้น้ำฝนชำระเหงื่อเขาออกไป มันคงดูแปลกๆถ้าเขาใส่เสื้อผ้าหรูๆราคาแพง แต่ว่ามันเป็นปัญหาอะไรนักหนากันที่เขาอยากจะใส่เสื้อผ้าผู้เล่นใหม่แบบนี้?
แม้ว่าเขาจะสวมชุดนี้เพื่อออกล่า ทำอาหาร เก็บสมุนไพร ตีเหล็ก และแกะสลัก แถมยังเคยใส่ชุดนี้ล่องเรือออกไปเขตลาสฟาลังคซ์อีกด้วย

 พวกเราจากบ้านมาและมาที่นี่เพื่อตามหาคาริชวิ ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ควรจะมีกลิ่นแบบนั้น ชวิ ชวิท คาริชวิคือออร์คที่สร้างประติมากรรมได้

สุขนิสัยอันแสนโสโครกของเขากลับเป็นจุดอ่อนให้พวกออร์คเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา

พวกเราคือพี่น้องกัน ชวิ ชวิช วิท ชวิท ไม่ว่าเจ้าจะกลายเป็นมนุษย์ที่แสนปวกเปียกเพราะโดนคำสาปหรือไม่ก็แล้วแต่ ชวิ ชวิ

เหล่าออร์คเชื่อว่าวีดนั้นกลายเป็นมนุษย์เพราะว่าโดนคำสาป

พวกเราได้ตัดสินใจแล้วที่จะติดตามคาริชวิ ชวิชวิค!”

-เหล่าออร์คได้เขาร่วมกับราชอาณาจักรอาเพ่นแล้ว
พวกเขาคือเผ่าพันธุ์ที่มีความสามารถในการเอาตัวรอดสูงจนน่าทึ่ง
ส่วนที่เป็นปัญหาน่าปวดหัวก็คือพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่บริโภคอาหารเป็นจำนวนมาก
กลุ่มออร์คนั้นมีความสุขที่จะได้เดินทางออกสู่โลกกว้างและต่อสู้
ถ้าหากว่าออร์คเข้าร่วมกับราชอาณาจักร ก็จะมีอีเว้นท์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย

เขาจึงไม่รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ดีหรือเปล่า...........

จบตอน-------
ผู้แปล : Cole’s Myth
Editor : แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

10 ความคิดเห็น:

  1. โดนจับได้ว่าเป็นคาริชชวิคแล้วนะท่านกษัตริย์วีค งานจะงอกแล้วนะ

    ตอบลบ
  2. โดนจับได้เพราะว่าไม่อาบน้ำ 55555
    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  3. คลังอาหารหมดตอนนี้แหล่ะ วีดได้ร้องไห้เป้น สายเลือดแน่ๆ

    ตอบลบ
  4. สนุกจัง ขอบคุณคับ

    ตอบลบ
  5. ไม่อาบน้ำแม้แต่ออร์คยังรู้ พวกกันแฮร่ๆ

    ตอบลบ
  6. เหม็นจัดเลย 555 เมื่อไรซอยูนจะออกซักที

    ตอบลบ
  7. 555...
    ขอบใจหลายๆเด้อออ

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...