วันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เล่ม 26 ตอนที่ 7 : ประวัติศาสตร์ของทั้งสี่เผ่าพันธุ์ แปลโดย Smith Rex


เล่ม 26 ตอนที่ 7 : ประวัติศาสตร์ของทั้งสี่เผ่าพันธุ์ แปลโดย Smith Rex

หมู่บ้านปาโฟร(Pavroa village)ตั้งอยู่บริเวณรอบนอกของป่าแห่งชีวิต หมู่บ้านนี้ต่างมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากมายเนื่องจากผลไม้ที่นี่มีชื่อเสียงมาก
"มันรู้สึกเหมือนว่าพวกเรามาที่นี่เพื่อเดินชมธรรมชาติ .. "
"ที่รัก สถานที่แห่งนี้ทำให้รู้สึกดีกว่าฮันนีมูนในรีสอร์ทของพวกเราเสียอีก"
มีคู่รักจำนวนมาก จับมือ จูงมือกัน ไปทั่วทั้งป่า แสงจากดวงอาทิตย์ลอดผ่านช่องว่างจากบนยอดของต้นไม้ที่สูงตระหง่าน สัตว์ขนาดเล็กกำลังวิ่งไปมาอยู่บนผืนป่า ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดได้สรรสร้างให้สถานที่แห่งนี้เป็นจุดพักผ่อนที่มีเสน่ห์
กระต่าย กวาง และสุนัขจิ้งจอกเดินอยู่โดยรอบ กำลังดื่มน้ำจากลำธารใกล้กับหมู่บ้าน สัตว์เหล่านี้ไม่วิ่งหนีเมื่อมีผู้คนเข้าไปใกล้พวกมัน สัตว์อันตรายเช่น สิงโต หรือหมีแสดงท่าทางเชื่องในการได้รับของกิน เพราะนี่เป็นหมู่บ้านเอลฟ์ การล่าสัตว์คือสิ่งต้องห้าม เมื่อเวลาผ่านไปตามกฎนี้ มนุษย์และสัตว์จึงสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปรองดอง
ทันใดนั้น ณ ทางเข้าหมู่บ้านปาโฟร บรรยากาศบริเวณหนึ่งก็สั่นไหว วีดและยูรินก็ปรากฏตัวขึ้น
"ฮืม ที่นี่มีหลายอย่างที่กินได้"
วีดสรุปได้ง่ายๆหลังจากได้เห็นสัตว์ต่างๆสัญจรไปมา ยูรินพยักหน้าอยู่ข้างๆเขา
"พี่คะ มีหลายอย่างเยอะแยกมากเลยที่พวกเราสามารถกินได้ตอนที่พวกเราหิว"
"พี่กินอิ่มแล้ว แต่พี่ก็เริ่มหิวอีกแล้ว"
ทั้งสองคนเห็นสัตว์เป็นอาหารเท่านั้น ด้วยการสะกดข่มความหิวของพวกเขา วีด และยูรินเดินเข้าไปในหมู่บ้านเอลฟ์.
ในหมู่บ้านใต้ต้นไม้ คุณสามารถมองเห็นเอลฟ์จำนวนมากเดินไปมา มีร้านขายอาวุธเอลฟ์, ภัตตาคารที่เชี่ยวชาญด้านผลไม้ที่มีชื่อเสียงของพวกเขา และแม้กระทั่งเกสต์เฮาส์ที่สร้างบนยอดต้นไม้.
ถ้าเขามาถึงที่หมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อตอนที่เขายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น วีดจะให้ความสนใจอย่างมากในอาวุธ และร้านชุดเกราะ แต่ตอนนี้เขาเดินตรงไปยังแรนเดเลีย ด้วยการใช้ทักษะช่างตีเหล็กของเขา วีดสามารถใช้อาวุธของเอลฟ์ได้ แต่ในความเป็นจริง การพยายามหาอาวุธที่ดีในร้านค้านั้นมันย่อมเป็นไปไม่ได้ แน่นอนว่ามีสินค้าที่หาได้ยากในร้าน แต่ไม่มีสินค้าใดที่เหมาะสำหรับเลเวลของวีด นอกจากนี้ เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้มีจุดมุ่งหมายในการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม สถานที่แห่งนี้จึงเป็นกับดักที่คอยลอล่วงเหล่านักท่องเที่ยว!
"ผู้เยาว์มาที่นี่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประติมากรรมที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ "
ผู้เฒ่าเอลฟ์แรนเดเลียกำลังนั่งอยู่ ณ ใจกลางหมู่บ้านบริเวณบ่อน้ำ ด้วยการที่เธอสืบเชื้อสายมาจากเอลฟ์,เธอมีผมยาวและมีลักษณะที่ขัดต่ออายุจริงของเธอ
"โอ้ ข้ามีแขกเป็นประติมากรมนุษย์ ข้าได้ยินเจ้าแล้ว เจ้าเมืองแห่งโมราต้า จากความเอื้อเฟื้อของเจ้าต่อเหล่าเอลฟ์ซึ่งเป็นที่รักในงานศิลปะ และปกป้องสันติภาพของทวีปผ่านการผจญภัยของเจ้า "
เนื่องจากภารกิจต่าง ๆ ที่วีดประสบความสำเร็จ ผู้เฒ่าเอลฟ์แรนเดเลียจึงค่อนข้างมีอัธยาศัยที่ดีต่อการปรากฏตัวของเขา
"ถูกต้องแล้ว. เส้นทางศิลปะของผู้เยาว์ได้นำผู้เยาว์มายังที่แห่งนี้ เพื่อรับปัญญาจากเผ่าเอลฟ์ "
"ประติมากรรมที่เก่าแก่ที่สุด การสรรสร้างประติมากรรมครั้งแรกสุดนั้นคือเรื่องเล่าที่ส่งผ่านกันมาระหว่างเอลฟ์ มนุษย์นั้นไม่สามารถเก็บบันทึกไว้ได้ด้วยความสามารถที่มีและไม่เคยทิ้งประวัติศาสตร์เอาไว้เป็นเบื้องหลัง เผ่าออร์คมีช่วงอายุที่สั้นจึงไม่สามารถส่งผ่านเรื่องราวได้ ความทรงจำที่หลงลืมของคนแคระผู้ที่มีชีวิตอยู่กับความชอบของพวกเขาเท่านั้นจึงไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ในเรื่องนี้ เจ้ายังคงต้องการที่จะได้ยินอีกหรือไม่? "
"แน่นอนครับ."
"มันเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสี่เผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ด้วยกันในถ้ำ มันมีคำกล่าวที่ว่ามีประติมากรรมมากมายถูกทำขึ้นมา "
อีกครั้งที่วิดีโอเริ่มเล่นตรงหน้าวีด
มันเป็นวันเริ่มแรกของทวีป เมื่อเหล่ามอนสเตอร์กระจายตัวโดยรอบ ปราศจากการถูกล่า ผลผลิตทางการเกษตรของทั้งสี่เผ่าพันธุ์ถูกแย่งชิงในทันที การไร้ซึ่งความช่วยเหลือใดๆ พวกเขาจึงต้องหนีลงลึกเข้าไปในถ้ำ เอาแต่หลบซ่อนและอาศัยอยู่ในนั้นมาโดยตลอด
คนแคระ ด้วยการที่พวกเขามีความสามารถอันน่าอัศจรรย์ในการขุดดิน สร้างอุโมงค์เครือข่ายในถ้ำเพื่อจัดการกับภัยคุกคามจากเหล่ามอนสเตอร์ และเผ่าพันธุ์ยังคงอยู่รอดได้ ต่อมาเนื่องจากออร์ค ผู้ที่เป็นดั่งนักรบที่แข็งแกร่งยืนหยัดอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายและรุนแรง มอนสเตอร์นั้นไม่สามารถสื่อสารกันได้
 ย่าห์ห์.”
มันเป็นช่วงเวลาก่อนที่ภาษาของมนุษย์เริ่มมีการนำมาใช้ แต่เป็นทั้งสี่เผ่าพันธุ์ผนึกกำลังร่วมกัน ทำให้จำนวนของพวกเขาเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และพวกเขาได้เรียนรู้วิธีการต่อสู้กับมอนสเตอร์
เผ่าออร์คทำหน้าที่ทางทหารได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการไม่เคยพ่ายแพ้ต่อมอนสเตอร์ตัวใด พวกเขาเห็นว่ามันเป็นดั่งหน้าที่ของพวกเขาที่ต้องเสียสละตัวเองเพื่อความอยู่รอดของพวกเอลฟ์ คนแคระ และมนุษย์
ในที่สุดพวกเขาก็สามารถออกจากถ้ำของพวกเขา และสร้างเมืองที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำ มันคือเมืองแรกในทวีปเวอร์เซลล์และเรียกมันว่า 'รัทเซเบิร์ก'(Ratzeburg)

คุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับต้นกำเนิดแห่งอารยะธรรมโบราณของทวีปเวอร์เซลล์
ความรู้เพิ่มขึ้น 15

รัทเซเบิร์ก... ..’
นี่เป็นเรื่องราวที่ไม่เคยมีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของทวีปเวอร์เซลล์  เพราะบันทึกต่างๆนั้นถูกเก็บไว้เฉพาะหลังจากที่อาณาจักรก่อตั้งขึ้น
ภาพของรัทเซเบิร์กปรากฏให้เห็นตรงเบื้องหน้าของวีด รอบล้อมไปด้วยเมืองอันมั่นคง แผงกั้นไม้สร้างขึ้นโดยเผ่าคนแคระ ภายในตัวเมืองมีบ้านที่ทำจากโคลนและมีหินอัดอยู่ในนั้น พวกเอลฟ์บางครั้งก็นอนหลับอยู่บนยอดของต้นไม้และการที่มีขนาดที่แตกต่างกันจึงสามารถมองแวบเดียวก็รู้ว่านี่เป็นทางเข้าบ้านของคนแคระ หรือบ้านของออร์ค
สามารถมองเห็นฝูงนกที่บินอยู่เหนือท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยพืชผัก และผลไม้นานาชนิด แม่น้ำเปล่งประกายไหลผ่านเรื่อยไปจนถึงตัวเมือง
ติ๊งงง !

'ปฐมบทแห่งการแกะสลัก' เสร็จสมบูรณ์
เอลฟ์ได้ถ่ายทอดเรื่องราวจากรุ่นสู่รุ่นเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสี่เผ่าพันธุ์และประติมากรรม บางทีตอนนี้คุณสามารถสันนิษฐานได้ว่ามีความจริงบางอย่างเกี่ยวกับทักษะการแกะสลักเป็นครั้งแรก
รางวัลภารกิจ : คุณสามารถรับรางวัลจากผู้เฒ่าเอลฟ์แรนเดเลีย

ขณะที่วีดทำภารกิจของเขาเสร็จสิ้น เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย ภารกิจปรมาจารย์การแกะสลักไม่ง่ายและจบลงที่นี่ แต่ต่อเนื่องในฐานะภารกิจลูกโซ่ ผู้เฒ่าเอลฟ์แรนเดเลียยังคงพูดต่อ
 ถึงแม้ว่าเผ่าพันธุ์ของเราจะมีชีวิตที่ยืนยาว แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการบอกเล่าปากต่อปาก ในตอนนี้ประติมากรรมเหล่านั้นที่เรากำลังพูดถึงอยู่นั้น อยู่ในเมืองที่ทั้งสี่เผ่าพันธุ์เคยอาศัยอยู่ กลับไม่มีผู้ใดรู้จัก "
"ผู้เยาว์ก็คิดเช่นนั้น"
ภายในทวีปนั้นล้วนเต็มไปด้วยยุคเฟื่องฟู และการล่มสลายของอาณาจักรมนุษย์ หลายเผ่าพันธุ์ต่างอพยพโดยขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของเหล่ามอนสเตอร์ และแม้แต่ป่าทึบก็อาจแปรเปลี่ยนเป็นที่ราบได้เมื่อเวลาผ่านไป อายุของทวีปเวอร์เซลล์นั้นอยู่ที่ 10 ล้านปีนับตั้งแต่ครั้งเมื่อตอนที่มันถูกสร้างขึ้นมา!
การเกิดของแต่ละเผ่าพันธุ์ และเหล่ามอนสเตอร์นั้นเป็นไปตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นเอง แม้กระทั่งมันคือส่วนที่มืดมนที่สุดที่ไม่ได้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหมู่บ้านนับหมื่นก็ล้วนหายตายจากเนื่องจากมอนสเตอร์ และแต่ละเผ่าพันธุ์ก็ได้อพยพไปอยู่ในดินแดนที่ปลอดภัยของตนเอง มันเป็นช่วงนับได้เพียงพันปีนับตั้งแต่ปัจจุบันที่ทวีปนี้มีการก่อตั้ง
"ข้าเชื่อว่ามีเพียงประติมากรผู้ที่สามารถสร้างสรรค์จากจินตนาการที่เป็นไปไม่ได้จึงจะสามารถหาตำแหน่งของรัทเซเบิร์กได้ เจ้า ประติมากรมนุษย์เอ๋ย เจ้าผู้ที่เดินบนเส้นทางแห่งศิลปะอันรุ่งโรจน์ มีหรือที่เจ้าจะไม่ไปและออกค้นหาว่า พวกเราเผ่าเอลฟ์ได้พูดความจริงเกี่ยวกับรัทเซเบิร์กกระนั้นรึ? "
ติ้งง !

เมืองรัทเซเบิร์ก
มีการอ้างว่าเป็นเมืองที่ทั้งสี่เผ่าพันธุ์เคยอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว
ในปัจจุบัน เมืองนี้ไม่สามารถหาพบได้ไม่ว่าที่ใด
จงไป และออกค้นหา รัทเซเบิร์ก !
ระดับความยาก : ภารกิจปรมาจารย์การแกะสลัก
ข้อจำกัดของภารกิจ : อย่างน้อยต้องมีทักษะการแกะสลักขั้งสูงเลเวล 8
ต้องใช้ทักษะความทรงจำแห่งประติมากรรม

ภารกิจต่อเนื่องของภารกิจปรมาจารย์การแกะสลัก !
วีดตอบด้วยความมั่นใจ
"แม้ผู้เยาว์จะเชื่อว่ารัทเซเบิร์กมีอยู่จริง ผู้เยาว์ก็จะออกไปค้นหาเมืองดังกล่าวซึ่งเป็นสถานที่ที่ทั้งสี่เผ่าพันธุ์เคยอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว "
คุณยอมรับในภารกิจแล้ว

แล้ววีดก็เหลือบมองไปที่แรนเดเลียอย่างคาดหวัง เขาสงสัยว่ารางวัลประเภทไหนที่จะได้รับสำหรับภารกิจ
 มันคงจะยอดเยี่ยมถ้าเป็นธนูเอลฟ์ ไม่จำเป็นต้องเป็นคันธนู แม้แต่ไอเทมของเอลฟ์ก็เพิ่มพลังธาตุได้ดี หรือแม้กระทั่งเครื่องประดับบางอย่างที่มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติก็ไม่เลว "
ไอเทมต่างๆของเอลฟ์เป็นอะไรที่มีมูลค่ามาก ผู้เล่นที่เลือกเล่นเป็นเผ่าเอลฟ์แทนที่จะเป็นเผ่ามนุษย์นั้นจะได้รับข้อเสียเปรียบอย่างมากจากการทำเช่นนี้ มีเพียงช่างตีเหล็กเอลฟ์จำนวนไม่มากในหมู่บ้านเอลฟ์แต่ละหมู่บ้านและในขณะที่กำลังออกล่า อุปกรณ์ของเอลฟ์ดรอปเป็นจำนวนน้อยมาก และถึงมันจะดรอป มันก็เป็นเพียงแค่อุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้โดยผู้เล่นเริ่มต้นของเผ่าเอลฟ์ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการค้นหาอุปกรณ์สวมใส่ของเอลฟ์ ด้วยการที่เผ่าเอลฟ์มีความสามารถทางกายภาพขั้นพื้นฐานที่ดี และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ พลังแห่งธาตุ และการยิงธนูแสง จึงจำเป็นต้องใช้เกราะหนังบางเบาเพื่อความคล่องตัว
ในที่สุดเอลฟ์แรนเดเลียก็เปิดปากพูดออกมาอีกครั้ง และรางวัลสำหรับภารกิจในครั้งแรกนั้น คือ... ....... !
"ถ้าเจ้าไปยังบ้านที่ข้าอาศัยอยู่ มีต้นไม้ออกผลจำนวนมากในสนามหลังบ้านของข้า มันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับข้าที่จะกินพวกมันทั้งหมด ดังนั้นโปรดรับไปเท่าที่เจ้าต้องการ "

คุณสามารถเก็บเกี่ยวผลไม้จากต้นไม้ในสนามหลังบ้านของแรนเดเลียได้แล้วตอนนี้

"อุ๊กก!"
การแสดงออกของวีดดูแล้วน่าเกลียดในทันที มันเหมือนกับการไปบ้านของเพื่อนที่ร่ำรวย และได้รับเพียง มาม่า เท่านั้น ! ไม่มีแม้แต่จะใส่ไข่ให้เลยสักฟอง !
"ขอบคุณ. ช่างเป็นโชคดีอะไรเช่นนี้ ข้ากำลังอยากทานผลไม้พอดี. "
"ดีแล้ว ข้าขออธิษฐานให้เจ้ากลายเป็นประติมากรที่ยิ่งใหญ่ ในยามนี้พวกเราเผ่าเอลฟ์ไม่มีข้อมูลใดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรัทเซเบิร์กอีกแล้ว  โปรดอย่ากังวล เจ้าสามารถปล่อยวางภาระอันไร้เหตุสมผลนี้ได้ตลอดเวลาตามที่เจ้าต้องการ "

คุณสามารถละทิ้งภารกิจนี้ได้

ถ้าคุณยอมแพ้ในภารกิจนี้ มิตรภาพของคุณกับเอลฟ์แรนเดเลียจะลดลงและคุณจะต้องกลับไปเริ่มต้นภารกิจปรมาจารย์การแกะสลักตั้งแต่จุดเริ่มต้น

แทนที่จะเสียเวลากับการไม่สามารถหาทางออกในภารกิจ เกมให้ตัวเลือกที่สามารถยอมแพ้ได้ ณ จุดๆนี้.
*****
วีดไปที่สนามหลังบ้านของแรนเดเลีย กับยูริน
มีแอปเปิ้ล ลูกแพร์ ส้ม มะเดื่อ ทับทิม เกาลัด แอปริคอต พุทรา และผลไม้เอลฟ์
บนความหลากหลายของต้นไม้อันมากมาย ผลไม้ต่างๆสามารถเห็นได้ตามกิ่งไม้ของพวกมัน
"ช่างดูดี"
"พี่คะ ทุกวันนี้ ผลไม้พวกนี้ราคาแพงมากเลยนะ"
"นั่นคือเหตุผลที่เราจำเป็นต้องเก็บทุกอย่าง โดยไม่ปล่อยให้ผลไม้ชนิดใดหลงเหลือ"
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้เล่นคนอื่นๆ พวกเขาจะหยิบออกมาสักเล็กน้อย เพื่อลิ้มรสก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังภารกิจต่อไป แต่พวกเขาทั้งสองกลับแตกต่างออกไป
"เขย่าแรงๆเท่าที่จะทำได้!"
พวกเขาหยิบผลไม้ทุกลูกที่ตกลงมา ในขณะที่พวกเขาวางผ้าลงใต้ต้นไม้ พวกเขากวาดเอาผลไม้เหล่านั้นลงในเป้สะพายหลังโดยไม่กังวลว่าผลไม้นั้นจะช้ำ หลังจากที่ทั้งสองคนหยิบใส่กระเป๋าเป้สะพายหลัง พวกเขาก็ย้ายไปรอบๆ และในไม่ช้า ต้นไม้ที่แรนเดเลียทำการปลูกไว้ไม่เหลือผลไม้ให้เห็นเลยแม้แต่ผลเดียว
วีดพูดในขณะที่เขากัดแอปเปิ้ลที่กำลังสุกเข้าไปในปาก
"มุ่งหน้าออกไปหารัทเซเบิร์ก์กันเถอะ ไปกันตอนนี้เลย"
เนื่องจากไม่มีเบาะแสใดๆ สถานการณ์เช่นนี้สามารถอธิบายได้เลยว่าสิ้นหวัง มีโอกาสสูงที่แม้แต่การสอบถามเอลฟ์ หรือคนแคระก็จะได้ผลลัพธ์ไม่แตกต่าง แต่วีดได้ดูวิดีโอฉายภาพของรัทเซเบิร์ก เขาสามารถใช้เป็นเบาะแสเพื่อหาสถานที่ดังกล่าว
"สิ่งสุดท้ายที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาก็คือแม่น้ำ และหินประเภทต่างๆ"
เขาได้เห็นชนิดของหินที่ใช้เป็นวัสดุสำหรับบ้านอย่างชัดเจน ด้วยทักษะการแกะสลักของเขา วีดมีประสบการณ์ในการแกะสลักหินทุกประเภททั่วทั้งทวีป
"ดีล่ะ อย่างน้อย ฉันก็ยังสามารถประมาณขอบเขตของสถานที่ได้ล่ะนะ "
ก้อนหินและแม่น้ำ นกและที่ราบอันกว้างใหญ่ เขาเริ่มทำการจัดวางตัวแปรเหล่านี้ลงในการคำนวณของเขา วีดจึงสามารถประมาณตำแหน่งได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
"ฉันจำเป็นต้องใช้เวลาในการคำนวณอีกสักหน่อยสำหรับการค้นหาตำแหน่งที่แน่ชัด .... "
เขาจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการทุกอย่าง ขณะที่วีดลังเล เขาจะไม่สามารถระบุจุดหมายปลายทางต่อไปได้เลย แล้วยูรินก็พูดว่า
"งั้นพวกเราควรกลับไปที่โมราต้าดีไหม?"
"ไม่จำเป็นหรอก พวกเรามาจากโมราต้าดังนั้น ... ลองไปที่ป้อมปราการวาร์โก เพล อาจารย์ และศิษย์พี่กำลังกินข้าวด้วยกัน ดังนั้นแวะไปเยี่ยมพวกเขากันเถอะ. "
"โอเค งั้นหนูจะเริ่มวาดรูปเลยนะ"
ซึบซัก
ป้อมปราการวาร์โกถูกวาดด้วยความแม่นยำและงดงาม จากการที่ป้อมปราการมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างรวดเร็วจึงไม่จำเป็นต้องวาดมันให้พอดีกับรูปร่างในปัจจุบัน มันเหมือนกับว่ายูรินกำลังโอ้อวดทักษะของเธอที่สร้างขึ้นจากประสบการณ์การวาดภาพจำนวนนับไม่ถ้วน ในขณะที่เธอกำลังร่างภาพแรก
"แต่ไม่ใช่ว่าน้องบอกว่าน้องกำลังเรียนหนังสืออยู่ที่ห้องสมุดเมื่อไม่กี่วันก่อนใช่ไหม ? พี่พยายามเอากล่องอาหารกลางวันไปให้หนู แต่พี่ไม่เห็นหนูอยู่ที่นั่นเลย "
ซึบซึบแซกซั๊กซึบฟืด
ความเร็วในการร่างภาพของยูรินเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
*****
เปตรอฟกลายเป็นคนดังในป้อมปราการวาร์โก ซึ่งเกือบทุกคนในบริเวณนี้ล้วนต่างยอมรับเขา
เขาเป็นที่รู้จักในฐานะจิตรกรผู้ซึ่งวาดภาพเพียงสองวินาทีให้กลายเป็นของจริงและสร้างความสับสนให้กับมอนสเตอร์ ในขณะที่เขายังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาจนกว่าเขาจะเป็นที่รู้จักในฐานะจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีป ชื่อเสียงของเขาจัดอยู่ในขอบเขตที่ทางทีวีต้องคอยสืบข่าวการวาดภาพของเขา ภาพสีน้ำมันชิ้นเอกที่อยู่บนผนัง และอาคารต่างๆ
"อาคารหลังใหม่นี้ที่พวกเรากำลังพยายามสร้าง ... พวกเราอยากให้วาดภาพไว้ที่ด้านข้าง คุณพอมีเวลาไหม?"
"อืม ด้วยตำแหน่งปัจจุบัน ผมไม่เชื่อว่าภาพวาดของผมจะทำให้ดูดีขึ้นกว่านี้ .. "
"โปรดบอกความคิดเห็นของท่านมาเถอะ พวกเราจะปรับแผนของพวกเราทันที "
นักวางแผนที่ทำงานเกี่ยวกับการฟื้นฟูป้อมปราการวาร์โกพยายามขอให้เปตรอฟวาดภาพอย่างกระตือรือร้น
เปตรอฟเป็นจิตรกรที่กำลังโด่งดังเหมือนดาวรุ่งพุ่งแรง

อิทธิพลในป้อมปราการวาร์โก
เจ้าเมืองวีด : 43,198
จิตรกรแสงวารีเปตรอฟ : 3,239

เป้าหมายของเปตรอฟที่จะก้าวข้ามผ่านอิทธิพลของวีดในป้อมปราการวาร์โกยังคงอีกไกลมาก วีดเข้าร่วมสงครามที่รุนแรงกับกองทัพอมตะ เพื่อปกป้องดินแดน และสามารถสั่งการชาวบ้านและทหารด้วยความภักดี เพื่อเอาชนะและครอบครองดินแดนในระยะเวลาสั้น ๆ จากเจ้าเมืองคนปัจจุบันไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องง่าย มันไม่ได้ช่วยกับการที่มีชาวบ้านเพียงไม่กี่คนในป้อมปราการวาร์โกที่ชื่นชอบศิลปะและวัฒนธรรม อิทธิพลของเขากำลังที่เพิ่มขึ้นนั้น ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
"ถ้ามันเป็นเรื่องง่ายก็คงจะไม่สนุก แต่ในท้ายที่สุด ความพยายามของข้าก็จะสำเร็จ "
แต่สักวันที่ภาพวาดของเปตรอฟจะครอบคลุมส่วนสำคัญของป้อมปราการวาร์โก วันนั้นจะต้องมาถึง แม้แต่ตอนนี้มันก็ทำให้รู้สึกสั่นสะท้านไปด้วยความสุขที่ว่า จิตรกรเปตรอฟไม่ใช่ประติมากรวีดที่จะเป็นชื่อเรียกขานอันดับหนึ่งในบรรดาผู้เล่นแห่งป้อมปราการวาร์โกยามเมื่อเอ่ยถึงศิลปะ
"กินเท่าที่พวกนายต้องการเลยนะ"
 โฮ่ง  โฮ่ง !”
เขาให้อาหาร เสื้อผ้า และแม้กระทั่งซื้อบ้านสำหรับเหล่าประติมากรรมสลักชีพ สุนัขเฝ้าประตูนรกของฮาเดส เซอร์เบรัสผู้ยิ่งใหญ่ กำลังส่ายหางของมันเหมือนลูกสุนัขน่ารัก เมื่อใดก็ตามที่มันยืนอยู่ตรงหน้าเปตรอฟ แม้กระทั่งบรรดาภูติที่มาเล่นรอบๆป้อมปราการวาร์โกก็มาสรรเสริญในความสามารถของเขา
- ท่านวาดได้ดีจริงๆ!
- ท่านมองเห็นข้าไหม? อั๊ยย่ะ
- วาดข้า ! วาดข้า ! เร็วเร็ว!
เหล่าภูติจะนั่งบนไหล่ของเขาหรือแกล้งดึงหมวกของเขาอย่างซุกซน
"ความจริงแล้วทักษะของผมใช้ได้กับทุกที่ ใช่แล้ว มันต้องเป็นเช่นนั้น ดังนั้นจะมีอะไรที่ดีไปกว่าการมีความสุขไปกับมัน."
ไม่มีอะไรสามารถขัดขวางความคืบหน้าของเปตรอฟในป้อมปราการวาร์โก
บรรดาภูติตอบสนองในเชิงบวกต่อภาพวาดของเขา ด้วยการที่พวกนางมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายไปมาในห้วงมิติ บรรดาภูติอยากทำให้เขาประหลาดใจโดยการเข้าไปในภาพวาดของเขา และเล่นซ่อนหา ผู้เล่นระดับสูงยังต้องจัดคิวเพื่อเสนองานการวาดภาพให้กับเขา เมื่อเขาเปิดเผยตำแหน่งที่ต่อไปที่เขาจะวาดภาพ คนหลายพันคนมามุงดู เขาเป็นดั่งจิตรกรผู้เลื่องชื่อ คอยควบคุมกระแสของฝูงชน
ในขณะที่เปตรอฟเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับความสำเร็จของเขา คนบางคนเข้ามาหาเขาแล้วขอให้วาดรูปให้ พวกนั้นเป็นผู้ชายล่ำบึกสามคน
"ฉันได้ยินมาว่านายวาดรูปได้ดี ฉันจะให้นาย 20 เหรียญทอง ดังนั้นนายจะไม่วาดพวกเราทั้งสามสักหน่อยหรอ ?"
เปตรอฟกำลังจะเยาะเย้ยพวกเขา
'จะมีใครเข้ามาหาฉันโต้งๆ และขอร้องให้ฉันวาดภาพเหมือนของพวกเขาแบบนี้กันนะ?'
และพวกเขาเสนอเหรียญทอง 20 เหรียญ ! ทั้งสามคนนี้ต้องเคยได้ยินข่าวลือผิดพลาด สำหรับจิตรกรฝึกหัด นี่อาจจะเป็นค่าตอบแทนที่ยอดเยี่ยม  แต่สำหรับเปตรอฟถึงมันจะเป็นหลายร้อยเหรียญทองก็ถือว่าน้อยเกินไปสำหรับเขาที่จะยอมรับมัน
มันเป็นเพียงแค่ครู่หนึ่งก่อนที่เปตรอฟจะตำหนิพวกเขาสำหรับการพูดจาเหลวไหลไร้สาระ และไล่พวกเขาออกไป ...
"นักดาบ 3  ศิษย์พี่ครับ, ศิษย์พี่เคยได้ยินไหมว่าหนึ่งในเด็กๆของพวกเราจับผู้ชายไว้คนยึง?"
"แน่นอน. ไม่ใช่ไอ้นั่นกระดูกซี่โครงหัก 3 ซี่ และฟันอีก 2 ซี่ถูกเลาะออกมาในการต่อสู้ครั้งนั้นหรือ? "
เปตรอฟหยุดทันทีที่จะพูดถึงสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกมา และทบทวนสถานการณ์อย่างทันทีทันใด
เกิดความคิดขัดแย้งในใจของเขาว่านี่อาจเป็นเพียงบทสนทนาทั่วไปในกลุ่มพวกอันธพาล
"เจ้าหนูนั่นไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของมันได้"
"ตามที่ข้าเคยได้ยินมา ยามเมื่อลูกผู้ชายคนหนึ่งเริ่มยกมือของเขาขึ้น เขาก็ไม่อาจปล่อยให้มันจบลงกลางคันได้! เจ้าควรทำให้แน่ใจว่าจะจัดการเขาอย่างเหมาะสม "
"ข้าเข้าใจในสิ่งที่ศิษย์พี่กำลังพูดถึง ผมขอโทษอย่างจริงใจสำหรับการหย่อนยานในครั้งนี้กับการสอนสั่งเด็กน้อย พวกเราควรจะหักแขน และขาของเขาทั้งสองข้าง และปล่อยให้มันคลานกลับไป. "
เหล่านักดาบกำลังพูดถึงลูกศิษย์คนใหม่ในสำนักของพวกเขา ลูกศิษย์คนใหม่ได้พบเจอเหตุการณ์การข่มขืน และก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ได้เข้าไปต่อสู้กับผู้ร้ายข่มขืนและป้องกันเหตุการณ์ไว้ได้.
"อย่างน้อยเขาควรจะหักแขนไอ้บัดซบทั้งสองข้าง มันจะไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นอีก!"
"ใช่ เขาควรจะเอาให้คางเหลืองจนไอ้บัดซบนั่นไม่สามารถกินน้ำซุปได้"
"สอนเจ้าเด็กน้อยให้ถูกต้อง ถ้าคิดจะทำลวกๆก็อย่าทำ "
"ข้าเข้าใจแล้ว."
"เมื่อเจ้าต้องก้าวเข้าสู่สถานการณ์เช่นนี้ เจ้าต้องไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามของเจ้าเป็นมนุษย์ เพียงแค่คิดว่ามันเป็นสัตว์ที่พูด ได้ ไม่ต้องสนใจเสียงไร้สาระ เจ้าต้องคว่ำมันให้ได้จนกว่ามันจะคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องเจ้าให้จบเรื่อง "
"ข้าจะทำให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาดเช่นนี้อีก"
เนื่องจากเรื่องนี้ไม่ใช่การสนทนาทางสังคมที่สุภาพ นักดาบ 3, นักดาบ 4 และนักดาบ5 จึงพูดกันเบา ๆ ท่ามกลางพวกเขากันเอง แต่เปตรอฟผู้ที่สงสัยเกี่ยวกับการพึมพำของพวกเขากลับแอบฟังบทสนทนาทั้งหมด
 อา! ท่านจิตรกร! บางที ตอนนี้ท่านอาจจะกำลังยุ่งอยู่ใช่ไหม ? "
"ไม่เลย. ตอนนี้ ผมว่างมาก. "
"ถ้า 20 เหรียญทองมันน้อยเกินไป พวกเราสามารถให้คุณเพิ่มได้อีกนะ"
"ไม่ไม่. มันเพียงพอแล้ว. ผมจะเริ่มวาดภาพเหมือนให้เดี๋ยวนี้แหละ "
เปตรอฟหยุดการทำงานของเขาในการวาดภาพจิตรกรรมฝาผนัง และเริ่มต้นทำตามคำร้องขอของนักดาบเหล่านั้น
วีด และยูรินปรากฏตัวขึ้นที่ด้านบนสุดของหอคอยตรงกลาง ทัศนียภาพเหนือป้อมปราการวาร์โกสามารถมองเห็นได้จากด้านบน ภายใต้ด้านล่างมีการซ่อมแซมอาคารที่ถูกทำลายซึ่งเกิดจากการสู้รบอันหนักหน่วง กำแพงถูกทำให้หนาขึ้นและสูงขึ้น มันไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริงเลยที่จะกล่าวว่าป้อมปราการทั้งหลังนี้เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์
"เงินอันมีค่าของฉัน ... "
ขณะที่วีดเห็นว่าป้อมปราการวาร์โกกำลังเริ่มถูกต่อเติมเสริมสร้างทั้งหมดราวกับเนรมิตมันขึ้นมาใหม่พร้อมกันกับที่ราบชันของเนินเขาที่อยู่ใกล้กัน เขาถูกกลืนกินด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้อย่างฉับพลันในการสูญเสียภาษีอันมีค่าของเขา มีเรื่องโศกเศร้ามากมายในภาพยนตร์ นวนิยาย บทกวี และละคร แต่เรื่องโศกเศร้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทุกคนคือการเทเงินลงท่อระบายน้ำ
เพียงแค่คิดเกี่ยวกับเงินลงทุนในการซ่อมแซมป้อมปราการวาร์โกก็สามารถาทำให้เขาร้องไห้ได้อย่างกับเด็กทารก ! แต่ยังไงก็ตาม การมองไปที่ป้อมปราการวาร์โก ติดตามการเติบโตพัฒนาเฉกเช่นเดียวกับโมราต้าก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก
ปัจจุบันมันถูกเปลี่ยนแปลงรูปร่างให้กลายเป็นป้อมปราการที่ดูโรแมนติก และบรรดาผู้เล่นแห่เข้ามาในเขตแดนนี้โดยหวังว่าสถานที่แห่งนี้จะแล้วเสร็จในเร็ววัน ณ บริเวณประตูจะได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังย่ำอยู่ไปทั่วทุกหนแห่งจากบรรดาผู้เล่นที่กำลังรวบรวมสมาชิกปาร์ตี้ และออกเดินทางสำหรับการตั้งถิ่นฐานบนพื้นที่ที่ไม่มีใครรู้จัก
- ท่านเจ้าเมืองกลับมาแล้ว 'เกียรุ'
- เขากำลังทำอะไรอยู่?
- โทรล, โทรล! ฉันอยู่กับเขาที่อาณาจักรโรเซนไฮม์
บรรดาเหล่าภูติที่ซ่อนอยู่ในปกเสื้อของวีดออกมาเป็นครั้งคราว บรรดาเหล่าภูติล้อมรอบเขาและพัวพันด้วยการพูดคุยกันไม่มีทีท่าว่าจะหยุด และน่ารำคาญ เมื่อยูรินยกนิ้วขึ้น ภูติหลายตนก็มานั่งหรือเกาะกับมันและบินวนเล่นรอบๆ
"อันดับแรก เราไปหาศิษย์พี่กันก่อนเถอะ"
วีด และยูรินไปยังสถานที่ที่เหล่านักดาบกำลังรับประทานอาหารอยู่ เหล่านักดาบอยู่ภายใต้ร่มเงาของอาคารที่ยังไม่ได้ซ่อมแซมและกำลังเตรียมอาหารของพวกเขา
"ฉันจะออกไปหาอาหารที่เหมาะสมจนต้องขอบคุณที่เกิดมาเป็นมนุษย์เลยทีเดียวเชียว"
"ขอบคุณสำหรับอาหาร. แต่มันจะดีกว่าถ้ามีเบียร์มาซดด้วยเอาไว้ล้างคอ ดันมันทั้งหมดลงไป. "
มีพวกคนแคระ และคนเถื่อนอยู่กับเหล่านักดาบ พวกคนแคระและคนเถื่อนแห่งป้อมปราการวาร์โกพบจิตวิญญาณในตัวเหล่านักดาบจนเกิดเป็นสายสัมพันธ์
เหล่านักดาบ และพวกคนเถื่อน รู้สึกได้ถึงด้านพละกำลังและกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เมื่อออกล่าด้วยกัน ทำให้พวกเขาเป็นเพื่อนกันได้อย่างรวดเร็ว
"มีมอนสเตอร์ที่ฆ่าได้ยากจริงรึ ... "
"กระโจนเข้าใส่มัน และตัดมันเป็นชิ้น ๆ "
"นักรบผู้ที่สามารถเคลียร์ดันเจี้ยนจะได้รับการยอมรับและเคารพในหมู่บ้านของพวกเรา! สิ่งนี้จะกลายเป็นจุดที่ทำให้มีชื่อเสียงมากมายสำหรับมนุษย์. "
"ดันเจี้ยนเหรอ ไม่ครณามือพวกเราหรอก ไปกันเถอะ!"
เหล่านักดาบ และพวกคนเถื่อนชนแก้วกันอย่างสะใจ
การดื่มเหล้ากับคนแคระทำให้เหล่านักดาบกลายเป็นมิตรกับพวกเขา เหล่านักดาบจึงได้รับอาวุธและชุดเกราะจากการเพิ่มมิตรภาพกับพวกเขาจนถึงจุดที่กลายเป็นเพื่อนดื่มเพื่อนกิน
ตั้งแต่เริ่มมีคนแคระ และคนเถื่อนเข้ามาในป้อมปราการวาร์โก จำนวนของพวกเขาก็เพิ่มมากขึ้นเลยทีเดียว ดังนั้นอาหารจึงถูกจัดทำขึ้นในบรรยากาศที่หดหู่ เนื่องจากหากไม่นับรวมเซอร์กะ ไอรีน โรมุเนะ เมลอน และ ฮวายอง ก็มีผู้ชายอยู่เกือบ 800 คน ตอนนี้นี่เองที่วีด และยูรินโผล่มา
"นั่นอะไรน่ะ! ศิษย์พี่ ! คุณกินเข้าไปได้ยังไง คุณกินมันเหมือนอยู่ในงานศพเลยเหรอ? "
"วีดดด!"
"ผมจะเตรียมงานฉลองอันวิจิตรไว้ให้พวกพี่เอง "
อาจารย์ของวีดอยู่ที่นี่ และเพื่อตอบแทนความยากลำบากที่พวกเขาต้องต่อสู้อย่างเจ็บปวดกับกองทัพอมตะ เขาจึงตัดสินใจที่จะเตรียมอาหารทั้งหมด
"ฉันจะไม่ประหยัดกับอาหารสำหรับพวกศิษย์พี่."
วัตถุดิบในการทำอาหารในป้อมปราการวาร์โกมีไม่มากนัก เนื่องจากพวกมันทั้งหมดต้องนำเข้ามาจากโมราต้า แต่ในปัจจุบัน มีกลุ่มของพวกคนเถื่อน ซึ่งเป็นกลุ่มที่หาเนื้อสัตว์มาจากการล่าของพวกเขาโดยนำกลับมามากกว่า 4000 กิโลกรัมตามแต่ประเภทของเนื้อชนิดต่างๆ
"อย่างมาก ด้วยจำนวนเงินนี้ ทุกคนจะสามารถกินเนื้อสัตว์ได้เพียง 5 กิโลกรัมเท่านั้น การวิ่งออกไปหาเนื้อไปมาระหว่างงานเลี้ยงคงจะเป็นอะไรที่ไม่ควรทำ. "
ในขณะที่คนธรรมดาจะพอใจหลังจากรับประทานอาหาร 1 กิโลกรัม เหล่านักดาบนั้นเป็นพวกตะกละ ผู้ที่จะกินจนกว่าพวกเขาเกือบจะถึงประตูนรก ไม่มีเหตุผลกับอาหารของพวกเขา และยังไม่สนใจกับการต่อสู้ของพวกเขา นั่นคือพวกศิษย์พี่ และความสุดยอดของสิ่งนี้คือ การกินเนื้อพร้อมกับสายลมโชยเย็นสบายอย่างอ่อนโยน อีกทั้งการการนั่งกลางแจ้งทำให้พวกเขาหิวมากกว่าปกติ
"ฉันจะต้องใช้อำนาจของฉันที่เป็นเจ้าเมือง"
ภายในป้อมปราการวาร์โก ผู้อยู่อาศัยจำนวนมากเป็นส่วนหนึ่งของงานซ่อมแซม หรืออีกนัยหนึ่งคือเขาต้องการให้อาหารแก่คนงานเหล่านั้น เขาจึงตัดสินใจอย่างยินดีให้ทุกคนเข้ามา
"เปิดหน้าต่างข้อมูลเขตแดน !"

ป้อมปราการวาร์โก
เขตแดนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักนิฟล์เฮม
ก่อนหน้านี้ราชาแห่งอันเดธ บัลข่าน เดมอฟ และกองทัพอมตะได้ประจำการอยู่ ณ ป้อมปราการแห่งนี้ ด้วยการผ่านการโจมตีจากเหล่ามอนสเตอร์อยู่เป็นเนืองนิตย์จึงมีโอกาสสูงที่ป้อมปราการแห่งนี้จะถูกทำลาย ภายใต้การชี้นำราวกับปาฏิหาริย์ของเจ้าเมืองวีดในการฟื้นฟูป้อมปราการที่กำลังอยู่ในสภาพการณ์อันซึ่งไร้ความหวังนี้
กองกำลังทางทหาร: 432     พลังอำนาจทางเศรษฐกิจ: 268        วัฒนธรรม: 192
เทคโนโลยี: 71   อิทธิพลทางศาสนา: 67        การเมืองระดับภูมิภาค: 7
อิทธิพลต่อพื้นที่ใกล้เคียง: 11%    อิทธิพลจากอาณาจักรนิฟล์เฮมในอดีต : 2.9%
 (อิทธิพลสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับการทหาร เศรษฐกิจ วัฒนธรรม เทคโนโลยี ศาสนา ประชากร และภารกิจ)
อัตราการพัฒนาเมือง: 33     สุขอนามัย: 24    ความสงบเรียบร้อยของประชาชน: 41%
ผู้อยู่อาศัยจำนวนมากจากโมราต้า และส่วนอื่น ๆ ของทวีปทางตอนเหนือที่อพยพมายังที่แห่งนี้เพราะเชื่อในความสามารถของเจ้าเมือง
ด้วยการผ่านความทุ่มเท และยืนหยัดของคงงานก่อสร้าง ปราสาท ที่อยู่อาศัย ถนน และกำแพงเริ่มถูกสร้าง และซ่อมแซม  การซ่อมแซมขนาดใหญ่นั้นยังอยู่ระหว่างการดำเนินงาน ส่วนที่พังทลายของป้อมปราการที่มีขนาดใหญ่เริ่มถูกซ่อมแซม
เขตแดนนี้ยังคงมีอันตรายอยู่หลายแห่งจากการถูกทำร้าย จากการบุกรุกของพวกมอนสเตอร์ ประสบการณ์จริงในการต่อสู้ของเหล่าทหารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขามีความชำนาญเป็นพิเศษในด้านการยิงธนู
สถานการณ์ด้านความปลอดภัยภายนอกป้อมปราการหนักหนาเอาการ ชาวเมืองไม่สามารถเริ่มต้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เลย พวกเขาต้องการเริ่มที่จะทำฟาร์ม ทำเหมืองแร่ และเพาะพันธุ์ปศุสัตว์ แต่พวกเขาก็ยังพอใจมากในการปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกภายในป้อมปราการถูกฟื้นคืน ในขณะที่ชาวเมืองต่างไม่สบายใจเกี่ยวกับพวกมอนสเตอร์ที่เดินเพ่นพ่านอยู่ข้างนอก พวกเขารู้สึกปลอดภัยเล็กน้อยภายในป้อมปราการที่แข็งแกร่ง
มีเหล่าภูติมากมาย และการค้าที่คึกคักกับเผ่าเอลฟ์, คนแคระ และพวกคนเถื่อน ส่วนใหญ่ภาษีของป้อมปราการวาร์โกจะถูกรวบรวมมาจากการค้า อาคารสิ่งปลูกสร้าง วัฒนธรรม และงานศิลปะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายได้บ้างบนดินอันแห้งแล้งแห่งนี้
ศาสนาหลักของเขตแดนแห่งนี้คือ วิหารเฟรย์ย่า  ความศรัทธาของชาวเมืองเป็นที่แน่วแน่ พวกเขาต้องการสร้างโบสถ์วิหารสำหรับทำกิจกรรมทางศาสนาของพวกเขา
ผลิตภัณฑ์พิเศษ : ไม่มี
จำนวนประชากรทั้งหมดของป้อมปราการ: 6,892
รายได้ภาษีต่อเดือน: 24,978 ทอง
ค่าใช้จ่ายในการบริหารป้อมปราการ : ทางการทหาร 47% งานซ่อมแซม 34%, ภารกิจและการปราบปรามมอนสเตอร์ 19%


สถานการณ์ปัจจุบันนี้หาได้ยากมากสำหรับโมราต้า ด้วยอัตราการพัฒนาในปัจจุบันของโมราต้า การเติบโตทางเศรษฐกิจแค่เพียงไม่กี่วันก็คล้ายกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดที่เกิดขึ้นในป้อมปราการวาร์โก. แต่ถ้าเกิดการค้ากับเผ่าพันธุ์อื่นอย่างชุกชุมและถูกนำเข้ามาในระบบบัญชีด้วย พร้อมกับพื้นที่การออกล่าที่ยากลำบากและกระจัดกระจายอยู่ในบริเวณใกล้เคียงป้อมปราการ สภาพคล่องทางเศรษฐกิจของป้อมปราการวาร์โกจึงใหญ่โตมาก เอาตรงๆหากดูแค่ค่าความสงบเรียบร้อยของประชาชนเพียงอย่างเดียว โมราต้าก็ถือว่ามีพลเมืองมากเกินไปซึ่งก็จะทำให้มีผู้อพยพจำนวนมากมายังป้อมปราการวาร์โก และการพัฒนาก็จะเบ่งบาน
วีดคิดว่าการปกครองดินแดนสองแห่งแทนที่จะเป็นดินแดนเดียวย่อมดีกว่ามาก
'เช่นนั้นแล้ว ฉันจะรวบรวมภาษีได้สักเท่าไหร่นะ'
ถ้าป้อมปราการวาร์โกถูกพิจารณาว่าอยู่ในช่วงการเตรียมการ ความเร็วในการซ่อมแซมในปัจจุบันนั้นก้าวหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากการสู้รบกับกองทัพอมตะถึงขั้นแตกหัก มันหาได้ยากมากที่จะมีสิ่งก่อสร้างที่เป็นประโยชน์ กำแพงอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถป้องกันไม่ให้หมาป่าที่หิวโหยเข้ามาได้ แต่ตอนนี้ป้อมปราการเริ่มเข้าใกล้ความแข็งแกร่ง
"คำสั่งของเจ้าเมือง!"

ใช้อำนาจของคุณในฐานะเจ้าเมืองในการบังคับบัญชาผู้อยู่อาศัย
คำสั่งที่บีบบังคับสามารถลดความจงรักภักดีของผู้อยู่อาศัยและอาจทำให้ค่าความสงบเรียบร้อยของประชาชนต่ำลง

"เปิดคลังในปราสาทของเจ้าเมือง แล้วเอาเนื้ออกมา และปล่อยให้พวกเขากินตามเท่าที่พวกเขาต้องการ"
ในป้อมปราการวาร์โก สิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้องคล้ายยุ้งฉางในโมราต้าถูกจัดลำดับความสำคัญสำหรับการก่อสร้าง

ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าต้องการนำเนื้อที่อยู่ในคลังสินค้าออกมาให้กับผู้อยู่อาศัย?

"ไปเถอะ ส่งไปกินได้เลย"

ตามคำสั่งของเจ้าเมือง เนื้อสัตว์จะเริ่มถูกแจกจ่าย

ประตูร้านขายอาหารเปิดออก และชาวเมืองก็ไดรับเนื้อมากเท่าที่พวกเขาต้องการ. เนื่องจากพื้นที่ในเกมมีมากมาย มันจึงมีการเก็บสะสมเนื้อได้ค่อนข้างมาก
วีดสร้างหอเนื้อสัตว์สูงถึง 20 เมตร สำหรับคนธรรมดาด้วยเนื้อจำนวนนี้จะทำให้พวกเขาป่วย และเบื่อหน่ายเนื้อสัตว์ แต่มันกลับมีผลแตกต่างกันในความหิวโหยของพวกนักดาบ
"มาทำบาร์บีคิวกัน และกินมันให้หมด !"
 อุว๊าววววว!”
"ท่านวีดไม่เคยทำให้ผิดหวัง"
"เจ้าเมืองมนุษย์ของป้อมปราการวาร์โกเป็นคนใจกว้างมาก"
แค่เพียงการแสดงออกในความเอื้ออาทรของเขาคงจะทำให้ผู้คนสำนึกในบุญคุณ
ไอรีนเดินเข้ามา และถามเขา
"อืม ขอโทษนะ ... ถ้าเนื้อทั้งหมดนี้เอาออกมาจากคลังสินค้าจนเกลี้ยงแล้ว พวกเขาจะกินอะไรในวันพรุ่งนี้?"
"เอ่อ คุณรู้ว่าไหมว่าพวกเขาจะพูดอะไร 'อย่าเอาวันพรุ่งนี้มาใส่ใจกับสิ่งที่คุณต้องทำในวันนี้.'"
"อะไรนะ?"
"หากจะพูดแบบให้กำลังใจก็คือ  พวกเราควรจะคิดถึงการทำงานในวันพรุ่งนี้ และวันต่อๆไป"
 “.......”
วีดแปลความหมายในคำพูดว่าเขาต้องทำอะไร โดยไม่คำนึงถึงงานเลี้ยงเนื้อสัตว์ที่ปะทุขึ้นในป้อมปราการวาร์โก. พ่อค้าที่กำลังทำธุรกิจ หยุดการทำทุกอย่าง วางมือและหันมาย่างเนื้อ บรรดาผู้เล่นที่กำลังกลับมาจากการออกไปผจญภัย มีสองกลุ่ม และสามกลุ่มเริ่มก่อไฟ ไม่มีที่ไหนที่จะเป็นดั่งป้อมปราการวาร์โกในตอนนี้ที่จะเห็นผู้เล่นเป็นหมื่นล้วนย่างเนื้อ และกินเนื้ออย่างที่เห็นอยู่นี้.
วีดทำอาหารอย่างรวดเร็วด้วยการต้มสตูว์ และอาหารอื่น ๆ ที่ครบเครื่องเต็มไปด้วยเนื้อ การปรุงอาหารเติมเต็มโต๊ะกว้างยาวทั้ง 10 โต๊ะ! ด้วยอาหารหลากหลายชนิดกระจายจนเต็มโต๊ะ พวกผู้เล่นทั้งหมดต่างเริ่มคิดไปตามๆกัน
'ด้วยทักษะการทำอาหารที่สูงของเขา ลำพังเพียงแค่กลิ่นหอม ยังทำให้ฉันน้ำลายไหล '
 ฉันต้องแต่งงานกับคนที่เก่งด้านการทำอาหาร ใครบางคนที่เหมือนวีดที่จะคอยเตรียมอาหารเช้าให้อยู่เสมอ จะเป็นอะไรที่เลิศมาก '
"เขาสามารถปรุงอาหารได้มากมายอย่างรวดเร็ว"
ฉะนั้นอาหารหลักก็คือเนื้อที่ยังคงปรุงอยู่ ยังไม่มีใครได้ทดลองชิมอาหารจานอื่น ๆ
ในขณะที่ท่านอาจารย์และเหล่าลูกศิษย์ต่างกระสับกระส่ายเล็กน้อย พวกนักดาบยังไม่สัมผัสอาหารของพวกเขาเลย และนั่งบนเก้าอี้ราวกับเป็นผู้เอาวุโส และรออย่างสงบเพื่อให้ทำมันจนเสร็จ
วีดทำการปรุงอาหารจำนวนมากในครั้งเดียว เพื่อที่มันจะสามารถวางและแบ่งไปในแต่ละโต๊ะ ด้วยเหตุนี้การเตรียมของของเขาจึงรวดเร็วมาก ผลไม้และจั๊บแซ * แม้แต่ปลาที่เซเฟอร์นำมาก็ถูกเตรียมและวางไว้บนโต๊ะ
การมองเห็นอาหารมากมายกองอยู่บนโต๊ะ คนๆหนึ่งจะมีความรู้สึกที่ว่าพวกเขาสามารถกินได้จนกว่ากระเพาะอาหารของพวกเขาจะระเบิด ผู้เล่นที่มาเพื่อดูวีดเริ่มน้ำลายไหลกับภาพที่เห็น ด้วยโต๊ะเต็มที่ไปด้วยอาหารเนื้อถูกปรุงแต่ง และถูกเสิร์ฟมาตามโต๊ะเรื่อยๆ
แคร็กกก!
โต๊ะไม่สามารถทนต่อน้ำหนัก และเกิดเสียงดังลั่น ขาโต๊ะทั้งสี่หัก และทรุดลง มันเป็นเพราะวีดทำให้โต๊ะมันอ่อนแอก่อนโดยการใช้มือฟันมันเล็กน้อย ไม่มีอะไรที่จะกระตุ้นความรู้สึกหิวกระหายของใครคนหนึ่งได้ดีเหมือนโต๊ะที่พังทลายก่อนมื้ออาหาร!
เหล่านักดาบยกส้อมขึ้น
"กินได้!"
"โซ๊ยให้เหี้ยน!"
งานเลี้ยงเนื้อสัตว์เริ่มขึ้นที่ป้อมปราการวาร์โกด้วยประการฉะนี้แล
จบตอน
ผู้แปล: Snith REX
Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล
Note :
* Japchae -잡채-จั๊บแซ
        Japchae เป็นอาหารเกาหลีที่ทำจากวุ้นเส้นมันเทศ (เรียกว่า dangmyeon 당면), ผัดในน้ำมันงากับผักต่าง ๆ (แครอทหั่นบาง ๆ มัก, หัวหอม, ผักโขมและเห็ด) เนื้อและ ปรุงรสด้วยซีอิ้ว มีรสหวานจากน้ำตาล โรยหน้าด้วยงาและพริก ทานได้ทั้งร้อนหรือเย็น Japchae มักจะเสิร์ฟในงานเลี้ยงต่างๆของชาวเกาหลีและในโอกาสพิเศษที่มีผักตามฤดูกาลเพิ่มเติม ชื่อ japchae ประกอบด้วยคำอังจาสองคำ คือ Jap:잡 ที่แปรว่า "กวนผสม" และ Chae:채 ที่แปลว่า " ผัก " ดังนั้น japchae แท้จริงหมายถึง "ส่วนผสมของผัก"
สรุป มันคือผัดวุ้นเส้นนี่เอง


10 ความคิดเห็น:

  1. ขมขื่น** ครับ ไม่ใช่ ข่มขืน 55555

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ข่มขืนถูกแล้วครับอ่านดีๆ55

      ลบ
    2. ข่มขืนครับ ท่อนนี้ตอนแปลทีแรกก็งง ต้องอ่านหลายย่อหน้าทีเดียว แล้วแปลย้อน กำลังนั่งคิดอยู่เราแปลไม่ดีรึเปล่าหว่า 555 แต่บทหลังๆ จะอ่านยากหน่อยครับเพราะผมเจอ machine Translator จากเกาหลีมาอิ้ง นรกมาก

      ลบ
  2. ไม่น่าอานตอนไกล้เทียวเลย. หิววว

    ตอบลบ
  3. ภารกิจต่อเนื่องที่ไม่รู้จะยุ่งยากวุ่นวายรึเปล่า?
    แต่สำหรับตอนนี้ถือว่าเป็นการผ่อนคลายรีแล็กซ์ไปก่อน

    ตอบลบ

ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon

  ประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เล่ม 53 บทที่ 1 : มังกรดำ แปลโดย Ashy dRagoon สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรอาร์เพน และจักรวรรดิเฮเว่น บนท...