วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เล่ม 16 ตอนที่ 3: พลังแห่งผู้กอบกู้ แปลโดย luke

เล่ม 16 ตอนที่ 3: พลังแห่งผู้กอบกู้ แปลโดย luke

เมื่อวีดจบการต่อสู้นองเลือดที่ เนิน ซัลเมียร์ เขาเหลือเลือดเพียง 150 เท่านั้น ในขณะที่ขี่ เจ้าเหลือง อยู่นั้น เขาทะลวงเข้าไปในกองทัพของข้าศึกหลายต่อหลายครั้ง
วีดดำดิ่งลงสู่การต่อสู้เต็มที่ เขากระโจนเข้าสู่สนามรบที่เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย
เมื่อเผชิญหน้ากับวิกฤติเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เขาเกือบเอาตัวเองไม่รอด ต้องขอบคุณ ปิงหลง และ พวกฟีนิกซ์ที่ต่อสู้อย่างสุดความสามารถ
เจ้าเหลือง ก็ง่วนอยู่กับการหลบหนีเช่นกัน มันกระโจนเข้ากองเพลิงเพื่อสลัดพวกทหารที่ไล่ตามมา
พลังแห่ง ประติมากรรม !
มันค่อนข้างน่าเสียดายที่เขาต้องคอยสร้างพวกมัน แล้วให้ชีวิต แต่มันก็คุ้มค่าทีเดียว
แม้กระนั้น วีดก็ไม่ได้สนใจเหล่าประติมากรรมของเขาเลยซักนิด
 พวกไร้ประโยชน์
 “เพราะพวกแกมันอ่อนแอแถมยังโง่ยังไงล่ะ ทำไมแค่นี้ถึงจัดการไม่ได้ซะที?”
การวิจารณ์ลูกน้องที่ไม่มีวันจบสิ้นของวีด!
ด่าทอ หรือไม่ก็ วิจารณ์ เขามักจะพูดสิ่งเหล่านี้เสมอเมื่อพวกมันชนะการต่อสู้
 ยังไงพวกมันก็แข็งข้อกับเราไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าพวกมันกล้าหือแสดงว่ามันต้องกินอะไรผิดมาแน่ๆ
ถ้าพวกเขาชนะ มันเป็นเพราะวีด  แต่ถ้าสถานการณ์ย่ำแย่ มันเป็นเพราะลูกน้องของเขา
ถึงแม้จะมีคำกล่าวที่ว่า ผู้นำที่ดีไม่โทษลูกน้องของตัวเองเมื่อเกิดความผิดพลาด แต่      วีด ปกครองเหล่าประติมากรรมด้วย การพร่ำบ่น และต่อว่า
มอออออออออ!    
เจ้าเหลืองที่แสนดี ถูหัวของมันกับวีดอย่างว่าง่าย แสดงให้เห็นถึงการเป็นโคเนื้อเกาหลี
มันเป็นวัวเกาหลีที่ไม่แค้นเคืองผู้คน แม้กระทั่งตอนที่กำลังจะถูกนำเข้าโรงเชือด ก็เพียงแค่แสดงสายตาเศร้าๆเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทุกๆคืนที่วีดพักผ่อนหรือหลับสั้นๆ เหล่าประติมากรรมจะจัดการประชุมขึ้นอย่างลับๆ
ปิงหลง พวกฟีนิกซ์ และ เจ้าเหลือง หมอบอยู่ที่มุม มุมหนึ่ง
เสมือนกับว่าพวกมันกำลังวางแผนสุมหัวกันคิดทรยศ !
ปิงหลงกระซิบ เสียงเบาอย่างระมัดระวัง เหมือนกับมันกลัวว่าจะมีใครได้ยิน
 อดทนไว้ สุดท้ายแล้วโอกาสจะเป็นของพวกเรา
 “เราจะมีโอกาสจริงๆ เหรอ?”
 “รุ่นพี่ ข้าคิดว่าโอกาสที่ท่านพูดถึงคงไม่มีวันเกิดขึ้นหรอก
ปิงหลงยืดคอ และกางปีกของมันออกกว้างอยู่ชั่วขณะ แล้วอธิบาย
 ดูข้าสิ ใช้เวลาแค่ไม่นาน ข้าก็ได้อิสรภาพแล้ว
อิสรภาพ!”
ภายในดวงตาของเจ้าเหลืองเต็มไปด้วยความปรารถนา
กินหญ้าอย่างอิสระ  ช่างเป็นคำที่สวยงามอะไรเช่นนี้
 “อิสรภาพ เป็นความสุขที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลยล่ะ พวกเจ้าจะได้ท่องไปในทวีปอันกว้างใหญ่ ขณะที่ออกล่ามอนสเตอร์ และใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
พวกนกฟีนิกซ์ ผงกหัวตามเงียบๆ
พวกมันกำลังเห็นด้วยกับคำแนะนำของ รุ่นพี่สุดประเสริฐ เสมือนเป็นความจริงจากพระเจ้า
 พวกเจ้าเคยเห็นวิวทิวทัศน์ในวันฝนตกหรือไม่? เจ้าสามารถท่องเที่ยวไปที่ทะเลสาบ แม้กระทั่งข้ามผ่านหมู่เมฆเมื่อเจ้าเดินทางไปบนหุบเขา ทวีปเวอร์เซลนั้นช่างงดงามจริงๆ
พวกเราอยากไปทวีปเวอร์เซลด้วยเหมือนกัน
เจ้าเหลืองและเหล่าฟีนิกซ์เกิดบริเวณใกล้กับขอบของนรก พวกมันจึงไม่เคยไปที่ทวีปเวอร์เซลมาก่อน  พวกมันเพียงได้ยินเรื่องราวของทวีปผ่านจากปิงหลงเท่านั้น
 มีหญ้านุ่มๆหลากหลายชนิดในทวีปเวอร์เซล์ หญ้าหอมฉุยและสดใหม่ถูกเพาะปลูกเป็นจำนวนมาก แม้น้ำก็ใสและเย็น
โอ้ หญ้า!”
 “ฟีนิกซ์ พวกเจ้ารู้จักมันหวานไหม?”
 “มันหวาน?”
 “กินตอนมันเผาเสร็จแล้วหวานเหมือนลูกอมเลยล่ะ มันจะละลายในปากของเจ้า
 “ลูกอมคืออะไรอ่ะ?”
 “เจ้าไม่รู้จักแม้กระทั่งลูกอม!? ลูกอมเป็นขนมที่มนุษย์กินกัน
ปิงหลงออกล่าเพื่อซื้อและกินขนมหลากหลายชนิดจากเงินที่มันได้มา
ตอนที่วีดออกล่าอยู่ที่เขตเหนือ อัลเวรอนและซอยูนก็อยู่กับเขาด้วย
อัลเวรอนแบ่งอาหารส่วนหนึ่งของตัวเองและแบ่งให้มันกิน
และนั่นทำให้ปิงหลงได้ลิ้มรส มันหวานเป็นครั้งแรก
ส่วนลูกอมนั้น ซอยูน โยนให้มัน!
 “ลูกอมเป็นขนมที่ควรค่าแก่การพลีชีพของเจ้า
 “มันมีค่าขนาดนั้นเชียวหรือ?”
 “ความยอดเยี่ยมของลูกอม.......พวกเจ้าตัวจ้อยยังคงไม่รับรู้ เมื่อตอนที่เจ้าม้วนลิ้นของเจ้า แล้วค่อยๆละลายมันในปาก.....ปิงหลงเลียปากตัวเอง (T/N:นึกภาพมังกรเลียปากแล้ว ทำไมกลายเป็นตัว เหี้* ยักษ์วะครับ5555)
 มีหญิงสาวรูปงามดั่งเทพเจ้า ที่คอยท่องเที่ยวไปกับเจ้านาย  ถ้าพวกเจาเจอนาง ทำตัวน่ารักๆ นางแพ้ความน่ารักน่ะ ถ้าเจ้าทำได้ดี เจ้าอาจจะได้ลูกอมก็ได้
 “เธอเป็นเพื่อนของเจ้านายหรือ ? หรือว่าเป็นคนรัก ?” เจ้าเหลืองร้องเสียงดังด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อ
 “ข้าไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าคนอย่างเจ้านายจะมีเพื่อน
ด้วยธรรมชาติที่ดูเหมือนว่าเขาคงไม่สามารถเป็นเพื่อนกับใครได้!
ปิงหลงส่ายหัว
 ข้าก็ไม่รู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเช่นกัน ความสัมพันธ์ของมนุษย์นั้นซับซ้อนมาก อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องที่ข้าเล่าจะดูนอกเรื่องไปสักนิด แต่โอกาสจะมาหาพวกเจ้าแน่นอน เจ้าไม่สามารถได้รับอิสรภาพโดยปราศจากการเสียสละ อดทนไว้ แล้ววันหนึ่ง....
 “ซักวันหนึ่ง.....
เจ้าเหลืองพูดออกมาอย่างห่อเหี่ยว ข้าอยากลองกินลูกอมบ้างจัง
* * *
หลังจากจัดการกับพวกที่ไล่ตามจนหมด วีดก็มาถึง หมู่บ้าน ซัลเมียร์ หมู่บ้านของเผ่าซัลเมียร์นั้นใหญ่ที่สุดในทั้ง 3 เผ่า แล้วยังมีเขตแดนกว้างขวางอีกด้วย

หัวหน้าของเผ่าซัลเมียเป็นผู้สูงอายุหลังค่อม เขายกไม้เท้าของตัวเองขึ้นช้าๆ
 “พันธมิตรแห่งวิหารมาทัลลอส ? นักล่าของเราไม่เกรงกลัวความตาย พวกเราจะรักษาสัญญาเกี่ยวกับการเป็นพันธมิตร
ตรงกันข้ามกับสิ่งที่วีดคาด  เผ่าซัลเมียร์ได้ตกลงพร้อมที่จะยืนอยู่ฝั่งพันธมิตรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
 เกียรติยศจะคงอยู่แก่ท่านหัวหน้าเผ่า และเผ่าซัลเมียร์
วีดทำท่าตามนักล่าของเผ่า  เขาเลียนแบบท่ายืนแปลกๆ ที่ต้องเปิดปาก และมองตรงไปข้างหน้า
นักล่าพวกนี้มักจะมีนกอินทรีย์เกาะอยู่บนหัวไหล่
คุณสามารถเห็นผู้คนจับเหยื่อไว้ในมือ หรือลากเหยื่อไปตามทางในหมู่บ้าน ได้เรื่อยๆ
พวกเขามีอาหารมากหากเปรียบเทียบกับเผ่าอื่นๆ ความจริงที่ว่าพวกเขามีเหยื่อมากมายแสดงให้เห็นว่า เผ่าซัลเมียร์ แข็งแกร่ง
เหล่านักล่ามีอาวุธหลายชนิดห้อยอยู่ที่หลัง หรือ ไหล่ ของพวกเขา เช่น ธนู หอก ขวาน ค้อน และอาวุธอีกหลายชนิด
 อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางชาวบ้านของพวกเรา ยังคงมีอีกหลายคนที่ไม่ได้จารึกชื่อของตัวเองเอาไว้
 “การจารึกชื่อไว้เป็นสิ่งสำคัญ ในเผ่าของเรา เมื่อเราออกล่าครั้งใหญ่  เราจะสร้างรูปปั้นของพวกเขาไว้ แล้ววางไว้ในหมู่บ้าน พวกเราสร้างประติมากรรมของนักล่า เพื่อให้เด็กที่เติบโตได้รับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของพ่อแม่ตัวเอง
 “ดังนั้นแล้ว......
 “จำนวนนักล่าที่จะเข้าร่วมพันธมิตรเพื่อต่อสู้กับวิหารมาทัลลอสจะขึ้นอยู่กับจำนวนรูปแกะสลัก
ประติมากรรมคือความทรงจำสุดท้ายของนักล่า  วีดต้องสร้างงานประติมากรรม เพื่อให้เผ่าซัลเมียร์เข้าร่วมการต่อสู้
* * *
วีดตรวจสอบรูปร่างของนักล่าในหมู่บ้าน
พวกป่าเถื่อนที่ยังใส่ขนนกและหนังสัตว์เป็นเสื้อผ้า! ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะแกะสลักพวกเขาเพราะพวกเขาพกอาวุธไว้หลายชนิด และมีรูปลักษณ์ที่มีลักษณะเฉพาะตัว
ในเมื่อประติมากรรมเหล่านี้ต้องได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นเวลานาน เขาจำเป็นต้องใช้หินแทน ดินหรือไม้ อย่างไรก็ตาม มีดแกะสลักของซาฮับก็ตัดหินเหมือนเป็นเนยได้อยู่แล้ว
 สมชายชาตรี  และเต็มไปด้วยความห่วงใย
วีดสร้างรูปแกะสลักของนักล่าในพื้นที่เปิดภายในหมู่บ้าน  หลังจากสร้างรูปร่างพื้นฐานของคนเถื่อนแล้ว เขาสร้างความแตกต่างด้วยกายใส่รายละเอียดการแสดงออกทางสีหน้าที่แตกต่างกัน  ระบบการทำงานครั้งละมากๆ ของเขารวดเร็วขึ้นมาก
การแกะสลักขั้นสูงระดับ 6 และทักษะงานฝีมือขั้นสูง ระดับ 6!
ถ้าดูจากทักษะความชำนาญแล้ว คงต้องใช่เวลาสักพักใหญ่(T/N:มากกกกกก)กว่าที่เขาจะไปถึงขั้นปรมาจารย์ได้  แต่เลเวลของทักษะที่เขาจะได้รับจากการเก็บเลเวลก็ช่วยเพิ่ม คุณค่า และ ค่าศิลปะ ของงานประติมากรรมของเขาได้เช่นกัน
 ไม่ว่ายังไง รูปลักษณ์ภายนอกก็สำคัญสำหรับรูปแกะสลักอยู่ดี
คุณภาพของหินที่ใช้สร้างรูปแกะสลักนั้นสำคัญเช่นเดียวกันกับ วัตถุดิบสุดท้ายที่ใช้สำหรับการก่อสร้างอพาร์ทเม้นท์
หลังจากรวบรวมประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เขาสามารถมองหินเปล่าๆแล้วแยกเป็นส่วนที่ดี และไม่ดีได้
เขาสามารถแกะสลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็สามารถรักษาพื้นผิว และดีไซน์ของหินเอาไว้ได้!
ถึงแม้ว่าจะเป็นหินจากที่เดียวกัน แต่ก็มีบางชนิดที่มีคุณค่า สามารถนำไปทำรูปสลักอย่างดีได้
 ตรรกะเดียวกับที่ราคาของเนื้อน่องและ เนื้อ rib eye ราคาต่างกัน
(T/N:ใครสงสัยว่าเนื้อตรงส่วน rib eye เป็นยังไงไปเสิร์ชดูใน google นะจ๊ะ)
วีดใช้หินคุณภาพสูงเพื่อเร่งความเร็วในการสร้างรูปแกะสลัก!
การสร้างงานครั้งละมากๆไม่ใช่สิ่งที่น่ายินดีสำหรับศิลปิน แม้กระนั้นแล้ว หากประติมากรรมเหล่านั้นสามารถสร้างความสุข และเป็นที่ต้องการ  วีดก็ไม่รู้สึกแย่ในการสร้างพวกมัน
ประติมากรรมแห่งเผ่าซันเมียร์รูปแกะสลักกว่า 3000 รูป ถูกสร้างขึ้นภายในระยะเวลาเพียง 20 วัน มันคงไม่สามารถเป็นไปได้หากวีดสร้างพวกมันด้วยขนาดของตัวคนจริงๆ แต่ที่เขาทำได้สำเร็จ เพราะมันเป็นรูปสลักขนาดย่อ (miniatures)  ประสบการณ์การย่นระยะเวลาการแกะสลักที่เขาได้รับตอนสร้างรูปแกะสลักที่ แม่น้ำแห่งความโศกเศร้าก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เขาทำงานเสร็จอย่างรวดเร็วเช่นกัน
3,000  เป็นจำนวนสูงสุดสำหรับคนที่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนาไหนได้ในเผ่าซัลเมียร์!
มันเป็นตัวเลขที่รวมแทบทุกคน ยกเว้น นักล่าจำนวนหนึ่งที่ต้องอยู่ปกป้องหมู่บ้าน เด็ก และผู้หญิง
หัวหน้าเผ่าและนักล่าของเผ่าซัลเมียร์ปรากฏตัวขึ้นเมื่องานประติมากรรมทั้งหมดเสร็จสิ้น
 พวกเรายอมรับท่าน ผู้ถือครองหลักฐานแห่งพันธมิตรของวิหารมาทัลลอส  เพื่อเป็นการตอบแทน  พวกเราจะสู้ในสงครามครั้งนี้
ฮว่าหหหหหหห์! ”
ติ๊ง!
 [พันธมิตรแห่งสัญญาของวิหารมาทัลลอสได้ถูกสร้างขึ้น
เผ่า เวเจจ เลเกียร์ และ ซัลเมียร์ จะรวบรวมนักรบและนักล่าสำหรับทำสงครามกับวิหารเอ็มบินยู
สงครามเพื่อลงโทษภาคีนอกรีตแห่งทวีปเวอร์เซลเริ่มขึ้นแล้ว]
 [ได้รับ ฉายาแห่งเกียรติยศ ตัวแทนของเทพแห่งวิหารเมทัลลอส’’
คุณสามารถใช้ มรดกตกทอดของวิหารมาทัลลอสได้
*ตราสัญลักษณ์ของพันธมิตร
; สามารถใช้อำนาจแห่งผู้กอบกู้ซึ่งอยู่ในไม้เท้าได้
*คุณสมบัติของไม้เท้าได้รับการเปลี่ยนแปลง
ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 450
เลเวลเพิ่มขึ้น
เลเวลเพิ่มขึ้น
]
การก่อตั้งฝ่ายพันธมิตรทำให้ชื่อเสียงของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ที่จริง ค่าชื่อเสียงของวีดก็ถือว่าสูงมากจนจัดอยู่ในอันดับต้นๆอยู่แล้ว
ชื่อเสียงมหาศาลที่เขาได้รับจากการเป็นศิลปินที่สร้างงานประติมากรรม!
เขายังได้รับค่าชื่อเสียงขณะที่ทำภารกิจหลายๆภารกิจด้วย
ในกลุ่มดาร์กเกมเมอร์ และรายการที่ออกอากาศเกี่ยวกับ เรื่องราวของทวีปเวอร์เซลคนที่มีค่าชื่อเสียงมากกว่าเขาเกือบที่จะนับได้ด้วยมือเดียว!
มีเพียงพ่อค้าที่บริจาคเงินจำนวนมหาศาลให้กับโบสถ์ วิหาร และผู้คนเท่านั้น ที่ถูกจัดอันดับอยู่ใน top 10 ของ รอยัล โร้ด
แต่เพราะเขาได้รับค่าชื่อเสียงอย่างมากจากการทำเควส เควสนี้  มากจนขนาดทำให้เขาสงสัยว่าจะเกิดผลกระทบอะไรตอนที่เขากลับไปทวีปเวอร์เซล
วีดหยิบเอาไม้เท้าออกมาท่ามกลางนักล่าของชนเผ่า
ไม้เท้าที่ส่องแสงสีขาวบริสุทธิ์ออกมา!
ไม้เท้ากร่อยๆ ที่ดูเหมาะสำหรับการใช้งานของผู้สูงอายุ ถูกเปลี่ยนให้มีสง่าราศีเหมือนเป็นไม้เท้าของ นักบวชชั้นสูง(High priest)
ตรวจสอบ!”
[ Token of the Revived Alliance, Wand
ไม้เท้า, ตราสัญลักษณ์แห่งพันธมิตรที่ได้รับการฟื้นฟู
ความคงทน 2000/2000
พลังโจมตี 98
ไม้เท้าด้ามนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตราสัญลักษณ์ของพันธมิตรที่วิหารมาทัลลอสได้กระทำกับชนเผ่าพื้นเมือง  มันเป็นไอเทมที่ได้รับการอวยพรจากพระเจ้า ทุกๆสรรพสิ่งมีหน้าที่ที่จะต้องตอบรับพลังแห่งผู้กอบกู้
ข้อจำกัด: เฉพาะผู้ที่ได้รับการยอมรับจากวิหารมาทัลลอสและมีค่าความศรัทธา 2000 ขึ้นไป
คุณสมบัติ: พลังโจมตีเวทย์ +35พลังศักดิ์สิทธิ์ +100%
ค่าชื่อเสียง +1200   เพิ่มความสามารถในการเจรจาทางการทูต
สามารถใช้พลังแห่งผู้กอบกู้ได้ –พลังแห่งผู้กอบกู้: บังคับอัญเชิญสรรพสิ่งในทวีปเวอร์เซล โดยไม่แบ่งแยกระหว่าง เผ่าพันธุ์ มอนสเตอร์ หรือแม้กระทั่งสิ่งของ
พลังที่ได้รับจากการอำนวยพรของเทพมาทัลลอส
ด้วยสถานะที่ตกต่ำของวิหารในปัจจุบัน มีเพียงเฉพาะผู้ที่ได้รับเลือกเท่านั้นจึงจะสามารถใช้พลังนี้ได้ 
สามารถใช้ได้ทั้งหมด 3 ครั้ง
สำหรับการอัญเชิญสิ่งมีชีวิต  จะคงอยู่เป็นเวลา 15 ชั่วโมงหลังจากการใช้งาน
หากคุณใช้พลังแห่งผู้กอบกู้ในเควสนี้  ส่วนแบ่งและของรางวัลจะถูกลดลงในจำนวนที่แน่นอนจำนวนหนึ่ง
*คำเตือน:มีโอกาสสูงที่มอนสเตอร์ซึ่งถูกอัญเชิญจะไม่ให้ความร่วมมือ มอนสเตอร์ที่ไม่ได้รับการฝึกให้เชื่องจะตัดสินใจ และกระทำการต่างๆด้วยตัวเอง ]
พลังที่สามารถอัญเชิญสิ่งมีชีวิตชนิดใดก็ได้ แม้กระทั่งมอนสเตอร์ระดับ บอส! (T/N:และสิ่งของ)  ด้วยประการฉะนี้เอง วีดจึงมีพลังที่จะอัญเชิญบอสตัวใดในทวีปเวอร์เซลก็ได้
เผ่าเวเจจ! มีนักรบหัวเกรียนร่วม 2000 คน มองดูแล้วเหมือนกับกลุ่มมอนสเตอร์ที่มารวมกันทำอะไรซักอย่าง  
เผาเลเกีย! มีนักรบและชาแมนที่ดูโหดเหี้ยมกว่า 1500 คน เข้าร่วมการต่อสู้กับวิหารเอ็มบินยู
และท้ายที่สุด เผ่าซัลเมียร์! นักล่า 3000คน ซึ่งมีสายตาลึกล้ำ และความคุ้นชิ้นกับการอดทนและชัยชนะ ได้เข้าร่วมทัพ
วีดเคลื่อนไหวพร้อมกับพวกนักรบชนเผ่าไปที่ป้อมปราการเอ็มบินยู โดยใช้เวลานานถึง 10 วัน
 เหล่านักรบเอ๋ย จงสู้!!”
กองทัพประสานงานกันได้ดีขึ้นจากการต่อสู้ยิบย่อยกับมอนสเตอร์ ระหว่างการเดินทางของพวกเขา

ชาแมนจากเผ่าเลเกียอัญเชิญภูตผีออกมาเพื่อสร้างความสับสน ในขณะที่นักรบของเผ่าเวเจจใช้ชีวิตเป็นเดิมพันด้วยการเข้าไปขัดขวางหมูป่าสีดำหลายตัว ส่วนนักล่าของเผ่าซัลเมียร์ก็ใช้โอกาสนี้ในการยิงลูกธนูและปาหอก
ที่จริงแล้ว ความชำนาญพิเศษของเผ่าซัลเมียร์ซึ่งเป็นนักล่าคือการวางกับดักและซุ่มโจมตี ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีโอกาสในการใช้งานคนของชนเผ่านี้ในการล่ามอนสเตอร์อย่างจริงๆจังๆซักเท่าไหร่
การรวมตัวระหว่าง ชาแมน นักล่า และนักรบ!
อย่างไรก็ตาม  อาวุธของชนเผ่าพันธมิตรทั้งสามนั้นค่อนข้างน่าสมเพช หลายคนใช้ดาบที่บิ่นและขึ้นสนิม มันน่าสมเพชจนถึงระดับที่พวกเขาใช้หนังสัตว์แทนเสื้อเกราะ
 เป็นคนเถื่อนได้สมกับคนเถื่อนจริงๆ
ด้วยเหตุที่มีการป้องกันอันน้อยนิดจากหนังสัตว์ พวกเขาจึงตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายถึงชีวิตหลายต่อหลายครั้ง
เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขามีเวลาว่าง  วีดจะซ่อมอาวุธและช่วยพวกเขาปรับปรุงยุทโธปกรณ์การรบอยู่เรื่อยๆ เขายังจัดการเตรียมเกราะให้ด้วย ถึงกระนั้นแล้ว  พวกเขาก็ห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบ เพราะวีดมีเวลาไม่มากนัก
เขาหลอมเหล็กคุณภาพต่ำ และแจกจ่ายดาบง่ายๆที่หลอมออกมา  เสื้อเกราะก็เป็นเสื้อเกราะที่เป็นเหล็กผสมหนังสัตว์
 “ดาบที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้.....มันส่องประกายแสงด้วย ช่างน่าอัศจรรย์นัก
แต่ดูเหมือนว่า ฝ่ายพันธมิตรจะดูพอใจกับผลลัพธ์เป็นอย่างมาก
พวกเขายิงลูกศรอาบยาพิษได้แม่นยำ และยังคล่องแคล่วว่องไว ดังนั้นพวกเขาจึงทำการล่ามอนสเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่สิ่งที่น่าปวดหัวก็คือ พวกเขาไม่ยอมฟังคำสั่งหรือการควบคุม พวกเขาพยามจะต่อสู้กับมอนสเตอร์ตามอำเภอใจของตัวเอง  ไม่ว่าวีดจะสร้างความสนิทสนมมากมายเพียงใด  จิตวิญญาณแห่งการแข่งขันของชนเผ่าพันธมิตรก็ท่วมท้นเกินกว่านั้นอยู่ดี แล้วสุดท้ายพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บกลับมา
ในช่วงเวลา 10 วันนี้ มีชาวชนเผ่าพันธมิตรตายไปทั้งสิ้น 42 คน วีดอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการสูญเสียน้อยขึ้น เพราะเขาทำให้ชาวเผ่าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆระหว่างการล่า  แต่คนที่ตายไปส่วนใหญ่เป็นเพราะพวกเขาไม่สนใจพลังป้องกันที่ต่ำของตัวเอง และสู้กับมอนสเตอร์จนถึงเลือดหยดสุดท้ายโดยไม่ยอมถอยหนี
ด้วยเหตุนี้เอง เขากลับมาที่ป้อมปราการของวิหารเอ็มบินยูพร้อมกับ ชนเผ่าพันธมิตรที่ไร้ซึ่งระเบียบโดยสิ้นเชิง
 ตามคาด  นี่ไม่ง่ายเลย
กลับมาอีกครั้งหนึ่งที่ โบสถ์ของวิหารเอ็มบินยู!
มันได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาจากวิญญาณปีศาจ ความสูงของกำแพงก็เลย 10 เมตรไปแล้ว
มีรูปปั้นทองแดงขนาดใหญ่โตโออ่าของเทพเอ็มบินยู ตั้งอยู่ที่ใจกลางของป้อมปราการเหมือนเป็นเทพีเสรีภาพอย่างไรอย่างนั้น
รูปปั้นทองแดงกำลังปล่อยเมฆสีดำที่ดูน่าหวั่นใจห่อหุ้มป้อมปราการอยู่
มันเป็นสิ่งที่วีดรับรู้ได้โดยสัญชาติญาณของประติมากร แต่อาจจะเป็นเพราะรูปปั้นนั้นเอง ที่ทำให้ทหารและนักบวชของเอ็มบินยูแข็งแกร่งขึ้น
เขามีความรู้สึกว่ามันเป็นผลงานระดับ มาสเตอร์พีช หรือ แม็กนั่ม(ชิ้นโบแดง:Magnum opus) เป็นอย่างต่ำ แต่ด้วยขนาดของมัน ดูเหมือนจะเป็นระดับแม็กนั่มมากกว่า (T/N:ขอใช้คำว่าแม็กนั่มนะครับ เท่ดี อิอิ)
มันคงจะดีไม่น้อยที่จะได้เป็นพันธมิตรของประติมากรที่เป็นเจ้าของผลงานระดับแม็กนั่ม แต่ถ้ามันเป็นของศัตรู ประติมากรรมแบบนั้นจะทำให้เกิดความกังวลทางจิตใจเป็นอย่างมาก
 เราสามารถทำให้พวกวิญญาณปีศาจเปลี่ยนมาอยู่ฝั่งเดียวกันได้ ถ้าเราใช้ แผ่นทองแดงแห่งการหลับไหล(copper plate of rest) แต่ว่า.... วีดส่ายหัว
เขาเคยสู้กับพวกมันตอนสร้างประติมากรรมอยู่ที่แม่น้ำแห่งความโศกเศร้า(River of lamentation), แต่ส่วนใหญ่พวกวิญญาณปีศาจก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากมายเท่าไหร่นัก 
เขาไม่สามารถรับประกันชัยชนะเพียงเพราะเขาสามารถทำให้พวกมันย้ายมาอยู่ฝั่งเขาได้ เพราะเขายังไม่รู้ว่า วิหารเอ็มบินยูแข็งแกร่งขนาดไหน
ยิ่งไปกว่านั้น  แม้จะเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์  แต่แผ่นทองแดงก็อยู่ในสภาพย่ำแย่เต็มที มันเหลือค่าความคงทนเพียงแค่ 12 เท่านั้น  ความเสียหายคงไม่มาก ถ้าค่าความคงทนของมันมากกว่า 100 แต่ในเมื่อมันอยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่มันจะสามารถแตกออกได้ทุกชั่วขณะ
 สินค้ามือสองมันเป็นอย่างนี้หมดล่ะนะ
ดังนั้นแล้ว แผ่นทองแดงนี้เป็นไอเทมที่เขาต้องใช้อย่างระมัดระวังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าเขาใช้ตามใจตัวเองเมื่อไหร่ เขาคงจะไม่สามารถใช้มันได้อีกในช่วงเวลาที่สำคัญจริงๆ
 มันต้องยากมากแน่ๆที่จะทะลวงกำแพงด้วยพวกคนเถื่อนนี่  เราควรใช้วิธีอะไรดีนะ?’
ไม่เพียงแต่ชนเผ่าพันธมิตรไร้ทักษะในการต่อสู้เป็นทีมเท่านั้น พวกเขายังไม่ค่อยฟังคำสั่งอีกด้วย  ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ไม่มีอาวุธปิดล้อมซักชิ้น(T/N:Siege weapons อาวุธหนักสำหรับทำสงครามล้อมเมือง eg ปืนใหญ่ ถ้าสมัยเก่าๆหน่อยก็เครื่องโยนหินบาลิสต้า)
 เราต้องทำอาวุธปิดล้อมก่อน
วีดเริ่มสร้างอาวุธปิดล้อมโดยใช้ กระดูก เส้นเอ็น และไม้ ที่เขาได้จากการล่ามอนสเตอร์ และการตัดต้นไม้
เขาจัดให้ไม้แผ่นใหญ่สองแผ่นต่อกันเป็นเส้น แล้วใช้เส้นเอ็นที่ยืดหยุ่นเป็นอย่างดีของหมูป่าสีดำเพื่อสร้าง เครื่องยิงหินในสมัยโบราณ(trebuchet)
อาวุธปิดล้อมที่สร้างโดยทักษะ ช่างตีเหล็กขั้นกลาง!
ติ๊ง!
[Weed’s Trebuchet
เครื่องยิงหินของวีด
ค่าความคงทน 130/130
พลังทำลายล้างที่สูงที่สุด 26  ระยะการโจมตี  37  ความถี่ในการยิง 3 
ความแม่นยำ 3
เครื่องยิงหินพื้นฐานสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือในทวีปเวอร์เซล
มันถูกสร้างขึ้นด้วยทักษะอันลึกล้ำ หากนับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผู้สร้างได้สร้างมันขึ้นมา  แต่ไม้ที่มีบทบาทสำคัญ และจำเป็นสำหรับการรักษาสมดุลมีคุณภาพต่ำ
เพราะว่ามีความแม่นยำต่ำ  จึงเป็นที่น่าสงสัยว่า มันจะสามารถยิงไปในจุดเดียวกันบนกำแพงได้หรือไม่ ดูเหมือนว่าต้องใช้แรงมหาศาลในการใช้งาน
ข้อจำกัด:จำเป็นต้องใช้แรงงานอย่างมากในการใช้งาน
คุณสมบัติ: ความแม่นยำต่ำ ความปลอดภัยระหว่างใช้สูง
-ทักษะความชำนาญช่างตีเหล็กเพิ่มขึ้น

หากพิจารณาว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาสร้างอาวุธประเภทนี้ มันก็ไม่ถือกับเป็นอาวุธปิดล้อมที่แย่เสียทีเดียว

สำหรับตอนนี้ก็คง......จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนก่อนสินะ
วีดจึงสร้างเครื่องยิงหินเพิ่มอีก 10 ตัว
ด้วยความที่เขาสร้างพวกมันทั้งหมดเป็นครั้งแรก จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดเดาความสามารถในการใช้งานจริงของพวกมัน โดยปกติแล้วเขาจะทดลองใช้งาน และปรับปรุงส่วนที่ผิดปกติเพื่อพัฒนางานต่อไปเรื่อยๆ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสร้างจึงยังไม่ได้ทำการทดลองใช้งานใดๆทั้งสิ้น
ชนเผ่าพันธมิตรเข้ามาใกล้
 มันเป็นอาวุธที่มีขนาดใหญ่โตนัก  ท่านจะใช้พวกเขาใช้งานมันหรือ?”

วีดยกนิ้วโป้งให้แล้วพูดว่า
 ใช่  ข้าสร้างมันเพื่อพวกท่าน  พวกท่านสามารถทำลายป้อมปราการโดยใช้สิ่งนี้ได้
 “เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก!”
 “ตราบใดก็ตามที่พวกท่านมีสิ่งนี้ พวกท่านจะไร้ผู้เทียมทาน  พวกท่านต้องชนะอย่างแน่นอน
ขอบคุณมาก สหาย!”
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการก็คือ หิน สำหรับเป็นกระสุน  บันไดยาว  และเชือกซึ่งสามารถแขวนบนกำแพงโดยการโยนตะขอขึ้นไปเกี่ยวได้!
คุณภาพของเครื่องยิงหินยังไม่ได้รับการยืนยัน  และพวกเขาก็ยังไม่ได้ทำการทดลองยิงเลย
วีดโยนเอาสิ่งที่เขาไม่กล้าใช้ให้พวกชนเผ่าพันธมิตร ซึ่งได้รับการอัพเกรดอาวุธและเครื่องป้องกันเรื่อยๆก่อนจะมาถึงป้อมปราการ
วีดเรียกเจ้าเหลือง มานี่ซิ
“……”
เจ้าเหลืองก้าวถอยหลัง หนึ่งก้าว
 เร็วๆสิ มาตรงนี้
 “บอกข้าสิว่าท่านเรียกข้าทำไม เจ้านาย
 “ชั้นแค่อยากลูบตัวแกก็ไม่ได้หรอ?”
 “งั้นทำไมเจ้านายต้องถือเชือกด้วย?” ดวงตาของเจ้าเหลืองเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ
 ทำไมน่ะหรอ ? ชั้นก็แค่ถือเฉยๆไว้เฉยๆเอง มานี่เถอะน่า แค่เดินมาเฉยๆ
 “นี่ทำให้ข้ารู้สึกไม่ดี  ข้าขอปฏิเสธ
 “ไม่มีอะไรหรอก ชั้นเข้าใจแกดี แค่มาใกล้ๆก็พอ
เจ้าเหลืองเข้าหาวีดอย่างระมัดระวัง  วีดลูบคอของมันเบาๆอย่างอ่อนโยนหลายๆครั้ง แล้วก็พันเชือกที่คอและตัวของมันด้วยความรวดเร็วดั่งสายฟ้า!
มออออออออออออ!
เจ้าเหลืองกำลังคร่ำครวญอย่างโศกเศร้า!
 “เจ้านาย  ทำไมท่านทำกับข้าเช่นนี้? ข้าทำผิดอะไร.....
 “ไม่ต้องกังวล  ชั้นไม่ได้จะกินแก  มีสินค้าหลายชิ้น แกควรจะไปลากมัน? ”
ชะตากรรมของเจ้าเหลืองถูกตัดสินตั้งแต่ที่เครื่องยิงหินถูกสร้างขึ้นแล้ว
ปิงหลงและพวกฟีนิกซ์ แสดงความสงสารออกมาทางสายตาเล็กน้อย
 ดีจังที่ไม่ใช่ข้า
 ‘ทุกอย่างโอเค ตราบใดที่มันไม่ใช่ข้า
หลังจากทุกคนกินอาหารรสยอดเยี่ยมซึ่งวีดทำจากเหยื่อที่พวกเขาล่ามา พวกเขาก็เดินทัพไปที่ป้อมปราการเอ็มบินยู
* * *
บูม! บูม! บูม!
ภายในป้อมปราการของวิหารเอ็มบินยู  เสียงกลองดังขึ้นเพื่อประกาศ สภาวะฉุกเฉิน  อัศวินดำ  นักบวช  และนักธนู ถูกเรียกขึ้นไปบนกำแพง ขณะที่พวกเขาเตรียมตัวรับการต่อสู้อย่างคล่องแคล่ว
ในช่วงเวลาที่  วีด เจ้าเหลือง และกองทัพพันธมิตร เดินทางเข้าใกล้ ขณะเดียวกับที่ลากเครื่องยิงหินไปด้วย  กองทัพของวิหารเอ็มบินยูก็อยู่บนป้อมปราการเต็มกำลังพร้อมรบแล้ว
เครื่องยิงหินแต่ละตัวหนักมาก ทำให้การเคลื่อนทัพของพวกเขาเป็นไปได้อย่างเชื่องช้า แม้จะติดล้อให้มันแล้วก็ตาม
และที่แย่ยิ่งกว่านั้น คือมีควันสีดำลอยขึ้นมาจากยอดแหลมของป้อมปราการ
ชนเผ่าพันธมิตรชี้ไปที่ควันสีดำ
 ดูเหมือนพวกมันกำลังย่างเนื้ออะไรซักอย่างอยู่
พวกมันต้องกำลังจะกินอะไรอร่อยๆแน่เลย
เสียงตอบรับที่โง่เง่า!
หน้าของวีดแข็งกระด้าง
 พวกมันกำลังใช้ควันเพื่อบอกรอบๆว่ามันกำลังถูกโจมตี  มันเป็นการสื่อสารในสภาวะฉุกเฉินเพื่อเรียกกำลังเสริม
มันเป็นสัญญาณไฟที่บอกให้รู้ว่า สงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว!
พวกป่าเถื่อนที่อาศัยอยู่ที่แอ่งของแม่น้ำโหยหวน ใครก็ตามที่เห็นสัญญาณจะต้องส่งนักรบมาเพื่อสู้กับวีดและชาวเผ่าทั้ง 3 แน่
พวกเขาต้องสู้กับกองกำลังสนับสนุนจากพวกคนเถื่อนที่ป้อมปราการของวิหารเอ็มบินยู
วีดกลืนน้ำลายอึกใหญ่
มันไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขา แต่ว่ามันก็ทำให้เรื่องราวยากขึ้นอยู่ดี
 พวกเราต้องโจมตีก่อนที่กำลังเสริมจะมาถึง
วีดตะโกนบอกชนเผ่าพันธมิตรที่พึ่งเคลื่อนย้ายเครื่องโยนหินเสร็จ และกำลังพักผ่อนสั้นๆอยู่
 ใส่กระสุน!!”
นักรบเผ่าเวเจจ 100 คน ดึงเครื่องยิงหินและกดถุงใส่หินลงมา  หลังจากใส่ก้อนหินลงไปในถุงแล้ว พวกเขาก็ยิง
ซูมมมม!
หินถูกปล่อยออกอย่างรุนแรง มันลอยเป็นวิถีโค้งตรงเข้าหากำแพงป้อม  มันเป็นการโจมตีด้วยหินที่มีน้ำหนักอันน่าหวาดกลัว
อย่างไรก็ตาม  เครื่องโยนหินนั้นอยู่ไกลเกินไป  ก้อนหินสูญเสียพลังงานแทบจะทั้งหมดไปแล้วเมื่อมันเคลื่อนที่ไปถึงกำแพง มันจึงกระทบเข้ากับส่วนฐานของป้อมปราการ แทนที่จะเป็นส่วนกลางและส่วนบน
สุดท้ายแล้วมันก็เป็นกระสุนด้านที่แทบจะจะไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กำแพงป้อมปราการได้!!


[ความคงทนของกำแพงลดลง 49
ค่าความคงทนทั้งหมด 9
,999,951/10,000,000]
 “มันไม่ได้ผล แม้เราจะยิงมันทั้งวันก็ตาม ไม่สิ กระสุนของพวกเราจะหมดก่อน ทัพเครื่องยิงหิน เคลื่อนที่ไปข้างหน้า!”
วีดดันเครื่องยิงหินไปพร้อมๆกับเผ่าเวเจจ  เพื่อที่พวกเขาจะสามารถยิงในตำแหน่งที่ใกล้ขึ้นได้!
เพราะเขาต้องทำลายกำแพงที่หนากว่าป้อมปราการโอดินมาก  เขาจึงตัดสินใจที่จะเสี่ยง
เจ้าเหลืองลากเครื่องยิงหินไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง แสดงให้เห็นถึงพละกำลังของวัวเกาหลี
ป้อมปราการเอ็มบินยูก็ตอบโต้กลับด้วยเช่นกัน
 ยิงงง!”
พวกมันโจมตีกลับด้วยห่าธนูที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้า
 จับโล่ไว้ให้มั่น ป้องกันไว้!”
แม้จะปราศจากคำสั่งของวีด เผ่าเวเจจก็ยกโล่ขึ้นป้องกันเพื่อความปลอดภัยของชีวิตตัวเอง
หัวของเจ้าเหลืองมีโล่ผูกไว้ป้องกันเรียบร้อยแล้ว ส่วนบริเวณลำตัว วีดก็พันรอบตัวมันไว้ด้วย ผ้าไหม  วีดสานผ้าไม้ที่ไม่ได้ใช้ไว้เพื่อป้องกันลูกธนู
ฝนธนูสาดลงใส่เผ่าเวเจจและพื้นที่บริเวณรอบๆเครื่องยิงหิน
ปัก ปัก ปัก ปัก ปึก ปุก ฉึกกก!
 “อ๊ากกกก
 “เท้าข้า ลูกธนูปักเท้าข้า!”
พลังของลูกธนูถูกส่งผ่านทะลุโล่ไปโดยตรง  ถึงแม้พวกเขาจะถือโล่เพื่อป้องกันไว้อยู่  นักรบของชนเผ่าเวเจจก็ถูกดันให้ถอยหลังด้วยแรงปะทะและล้มลงในท่าคุกเข่า  ลูกธนูบางลูกก็สามารถทะลุผ่านโล่ผุๆของพวกเขาได้ และปักเข้าใส่พวกเขาเต็มๆ
นักล่าของชนเผ่าซัลเมียร์ก็ยิงลูกธนูออกไปเช่นกัน แต่มันก็ไม่สามารถข้ามกำแพงไปได้
 ยิงเครื่องยิงหินคืนมันไป!”
วีดเข้าใกล้กว่าเดิมได้ประมาณ ร้อยก้าว ก่อนจะสั่งให้เริ่มโจมตีด้วยเครื่องยิงหินอีกครั้ง
 มีลูกธนูยิงมาเยอะเกินไป
 “จังบัล......จังบัลตายแล้ว
 “หาที่กำบังซะ ซ่อนตัวเองอยู่หลังเครื่องยิงหิน  นักรบเผ่าเวเจจ รีบใส่กระสุนเร็วๆเข้า!”
มันเป็นการโจมตีด้วยลูกธนูอยู่เพียงฝ่ายเดียวบนที่ราบโล่งโจ้งไร้ซึ่งที่กำบัง!
นักรบเผ่าเวเจจกว่า 30 คน ตายจากลูกธนูขณะเคลื่อนย้ายหิน 10 ก้อน
แต่เมื่อพวกเขาเสี่ยงชีวิตตัวเองด้วยการยิงเครื่องยิงหิน ก้อนหินพุ่งไปที่กำแพงป้อมปราการ
ทุกก้อนเข้าเป้าเต็มๆ มีเพียงก้อนเดียวเท่านั้นที่พลาด!
ค่าความคงทนของกำแพงลดลง 1226
ค่าความคงทนของกำแพงลดลง 751
ค่าความคงทนของกำแพงลดลง 956
ค่าความคงทนของกำแพงลดลง 2160
ค่าความคงทนของกำแพงลดลง 173
ค่าความคงทนของกำแพงลดลง 486
ค่าความคงทนของกำแพงลดลง 1198
ค่าความคงทนของกำแพงลดลง 3110
ค่าความคงทนของกำแพงลดลง 956
ค่าความคงทนทั้งหมดของกำแพง  9,988,995/10,000,000
นักธนูเสียชีวิต 11 คน ทหารบาดเจ็บ 5 นาย
วิญญาณปีศาจ 8 ตน บาดเจ็บสาหัส
อัศวินแห่งความมืด 3 นาย บาดเจ็บเล็กน้อย
นักบวชเสียชีวิต 1 คน
พลังการยิงที่รุนแรงของเครื่องยิงหิน!
ถึงแม้หินเหล่านั้นจะยิงถูกแค่ส่วนฐานของกำแพงหรือเล็งไปที่ยอดแหลม มันก็เป็นผลลัพธ์ที่มากพอสมควร  นี่คือเหตุผลซึ่งพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของอาวุธปิดล้อมในการทำสงครามโดยใช้กลยุทธ์ปิดล้อมข้าศึก
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้พวกเขาจะยิงไปแล้ว แต่กองทัพของวิหารเอ็มบินยูก็รวมตัวกันที่กำแพงของป้อมปราการอีกครั้ง
มีเพียงแค่เผ่าเวเจจเท่านั้นที่ได้รับความเสียหายจากห่าฝนธนู
 อ๊ากกกกก!”
ลูกธนูบางดอกถูกปกคลุมไว้ด้วยออร่าสีแดง  มันเป็นลูกธนูที่ได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์จากนักบวชแห่งวิหารเอ็มบินยู! มันเป็นลูกธนูไฟ ที่คอยเผาผลาญร่างกายของผู้ถูกโจมตีจนมอดไหม้ แม้จะป้องกันไว้ด้วยโล่แล้วก็ตาม
นักรบของเผ่าเวเจจนั้นแข็งแกร่งล่ำสัน พวกเขาไม่ตายง่ายๆ  แต่เมื่อถูกธนูจำนวนมากปัก รวมถึงลูกธนูที่อาบไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็หมดโอกาสรอด
พื้นที่รอบๆทั้งหมดที่วีดและชนเผ่าเวเจจอยู่เต็มไปด้วยลูกธนูมากมาย
มันเป็นสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดหากมองจากภายนอก  แต่สำหรับผู้ที่ถูกโจมตีจริงๆภายในสนามรบ ความตึงเครียดนั้นมากพอที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นบ้าได้!
หลังจากที่เจ้าเหลืองเคลื่อนย้ายเครื่องยิงหินเสร็จแล้ว  เชือกที่ผูกมันไว้ก็ขาดลง มันจึงหนีไปอยู่ในบริเวณเขตปลอดภัยด้านหลัง
นักบวชชั้นสูงก็อยู่บนกำแพงด้วยเช่นกัน

แสดงพลังที่แท้จริงของพวกเจ้าให้พวกบาปหนาได้สำนึกซะ! ระเบิดศักดิ์สิทธิ์!(Holy Buster)”
พลังจากเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงสว่างวาบบนกำแพงก่อนที่จะพุ่งตรงมาที่พวกเขาซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงในเวลาต่อมา  เหมือนกับพวกเขาถูกโจมตีด้วยอะไรบางอย่าง เผ่าเวเจจที่หลบอยู่รอบๆเครื่องยิงหิน ถูกผลักกระเด็นกระดอนปลิวลอยไปคนละทิศละทาง
 พวกบาปหนาที่ไม่เชื่อในเทพเอ็มบินยู  พวกเจ้าจักพบการลงทัณฑ์อันสาสมซะ
เวทย์คำสาปกระจายเป็นวงกว้างชนเผ่าพันธมิตรที่ถูกโจมตีจากพลังศักดิ์สิทธิ์หมดสภาพในการต่อสู้ พวกเขาครางออกมาพร้อมไข้ที่ขึ้นสูง
ใบหน้าของวีดราบเรียบนิ่งสงบ
มันเป็นใบหน้าที่จริงจังเท่ากับตอนที่เขาเผลอขายทับทิมราคา 10 ทอง ไปในราคาเพียงแค่ 9 ทอง!
 ‘เราก็คาดหวังความยากลำบากสำหรับเควสระดับนี้อยู่หรอก
กำลังเสริมจากพวกคนเถื่อน กำแพงที่สูงและหนา
ดูเหมือนว่าแม้กองทัพเอ็มบินยูจะไม่มีทางแพ้พวกเขาแม้พวกมันจะสู้ด้วยวิธีปกติก็ตาม!
ไม่มีเรื่องอะไรสักอย่างที่ง่าย
 ความยากลำบากที่สุดของการรบแบบปิดล้อมก็คือ  การที่ฝ่ายตรงข้ามสามารถกระหน่ำยิงพวกเราได้ในขณะที่พวกเราเข้าใกล้
ถึงแม้เขาจะบอกให้เผ่าที่การป้องกันต่ำอย่าง เวเจจและซัลเมียร์ลองข้ามกำแพงไป  มันก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร  นอกจากหายนะจากการสูญเสียกองทัพของเขา
ในการต่อสู้แบบนี้ มันถูกออกแบบมาให้สมบูรณ์แบบสำหรับฝ่ายที่ทำการตั้งรับ  ในขณะที่อีกฝ่ายต้องบุกทลายเข้าไป ถูกจัดให้อยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โชคไม่ดีที่วีดต้องเป็นฝ่ายบุกทลายกำแพงเข้าไปเพื่อยึดครองป้อมปราการ
 พวกเราไม่มีทางทำสำเร็จได้ด้วยวิธีแบบนี้แน่นอน
วีดตะโกนไปยังชนเผ่าพันธมิตร ถอยทัพพพพพ!”
ทัพหน้าได้รับข้อมูลให้ถอยทัพ
วีดทิ้งเครื่องยิงหินทั้ง 10 ไว้ แล้วพยายามหลบหนีไปพร้อมกับชนเผ่าพันธมิตร  แต่ห่าลูกธนูก็ยังคงสาดใส่พวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง
 ปิงหลง ใช้ลมหายใจ  พี่น้องฟีนิกซ์  ช่วยป้องกันพวกเราที!”
ปิงหลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และปล่อย ลมหายใจน้ำแข็ง(Ice breath) ไปที่ป้อมปราการ  ลมหายใจน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ตัดผ่านท้องฟ้า!
ผลลัพธ์ของลมหายใจของปิงหลงไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง  แต่มันถูกป้องกันไว้ด้วยเวทย์ป้องกันของนักบวชบนป้อมปราการ  แต่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับป้อมปราการ พวกเขาก็ปลอดภัยจากห่าฝนธนูในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
ภายใต้การป้องกันจากพวกฟีนิกซ์  วีดและชนเผ่าพันธมิตรหนีรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด
* * *
เผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้อย่างโหดร้าย
มันเป็นเพียงการปะทะกันสั้นๆเท่านั้น แต่กองทัพชนเผ่าพันธมิตรของเขากลับเสียคนไปกว่า 100 คน
แม้ว่าวีดจะรีบพันแผล และใส่สมุนไพรรักษาให้พวกเขา แต่นั้นก็คือจำนวนคนที่ตายไป !
ชนเผ่าพันธมิตรที่ถูกโจมตีด้วยคำสาปก็ยังไม่ฟื้นคืนสติ
 อืมมมม ฮิฮิฮิฮิฮิ
ที่นี่ ที่ไหนกัน
ปล่อยข้าซะ ข้าจะกลับไปเฉลิมฉลองพิธีกรรมของชนเผ่าที่หุบเขาแห่งความกล้า
เพราะพลังของคำสาป ทำให้คนกว่า 70 คนตกอยู่ในสภาวะสับสน
ขวัญกำลังใจของกองทัพก็ตกต่ำลงอย่างมาก
 ดูเหมือนไม่ใช่ศัตรูที่เราจะชนะได้
 “ศึกนี้มันไร้ความหมายสิ้นดี ข้าอยากกลับหมู่บ้านแล้ว...
 “นักรบซึ่งได้จากบ้านเกิดเมืองนอนมาแล้วต้องสู้จนกระทั่งชีวิตดับสิ้น แม้ศึกนั้นจะเป็นศึกที่ไม่อาจเอาชนะได้ก็ตาม
ชนเผ่าพันธมิตรล้วนสูญเสียจิตวิญญาณในการต่อสู้ และกำลังมองโลกในแง่ร้ายอยู่
วีดฉีกริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มเย็น
 มันต้องยากแบบนี้แหละ ในเมื่อระดับความยากสูงถึงขั้น S...
ยิ่งเควสยากเท่าไหร่ รางวัลที่จะได้รับตอบแทนก็สูงขึ้นเท่านั้น  ซึ่งนั่นกระตุ้นให้เขาอยากทำให้สำเร็จมากยิ่งขึ้น
เขารู้สึกผ่อนคลายที่ต้องพบเจอกับความยากลำบากไม่หยุดหย่อน  กลับกันหากเขาสามารถก้าวหน้าทำเควสไปได้ง่ายๆ เขาคงรู้สึกระแวงมากๆแน่ๆ
 จะเข้ายึดป้อมปราการเอ็มบินยูต้องยุ่งยากมากแน่ๆ ในเมื่อตอนนี้การรบลองเชิงจบไปแล้ว คงถึงเวลาต้องสร้างประติมากรรมแล้วล่ะ
วีดตัดสินใจเตรียมตัวต่อสู้แบบเต็มกำลังรบ
ชนเผ่าพันธมิตรต่างพากันจากบ้านเกิดของตัวเองมา ขวัญกำลังใจของพวกเขาจะลดลงเรื่อยๆยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม  ด้วยผลของการรบลองเชิง  พวกเขาต่างรู้สึกถึงกำลังรบที่แข็งแกร่งของศัตรู
 อย่างแรกเลยก็.....สร้างประติมากรรมเพื่อช่วยบัพละกัน
เขาตระหนี่หินเป็นอย่างมาก  และไม่ได้ตั้งใจทำงานแกะสลักจริงๆจังๆเช่นกัน
 เพื่อให้ผลลัพธ์ของบัพดีที่สุด  นี่ไม่ใช่เวลามาหวงวัสดุแล้วล่ะ
กระดูกของหมูป่าดำและ caltrop. เขาตัดสินใจจะใช้กระดูกที่เขาได้รับเป็นไอเทมทั่วไปเพื่อใช้สำหรับวัสดุสร้างงาน
 แต่กระดูกพวกนี้ทำซุปอร่อยมากเลยนะ...........
ถึงแม้มันจะสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารหรือทำยาได้ แต่สำหรับประติมากรแล้ว วัสดุสำหรับงานประติมากรรมต้องมาก่อนอยู่แล้ว
ราคาของกระดูกก็ไม่ได้สูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงใช้พวกมันอย่างไม่ตระหนี่
 “เราสร้างทีเดียวทั้ง 3 เผ่าเลยละกัน
เขาทำโครงร่างพื้นฐานจากกระดูก
เขาพันกระดูกแตกๆเพื่อสร้างกรอบ และใส่โคลนไว้บนหัวของมัน
 เราต้องแสดงให้เห็นถึงความป่าเถื่อนที่เด่นชัดของคนเถื่อนพวกนี้
รอยสักและแผลเป็นต่างก็เป็นส่วนสำคัญในการแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของชนเผ่าพันธมิตร  เขาย้อมมันด้วยสีธรรมชาติ และสร้างรูปปั้นของทั้ง 3 ชนเผ่า
หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกับชนเผ่าทั้งสามและร่วมรบด้วยกัน  วีดรู้ดีว่าใบหน้าและรูปร่างของพวกเขามีความกล้าหาญและความเคารพ
 แต่ ดูเหมือนยังขาดอะไรไปสักอย่างแหะ....
วีดใช้ประติมากรรมแสง สร้างกองไฟขึ้นมา
ชาแมนแห่งเผ่าเลเกีย  นักรบแห่งเผ่าเวเจจ และนักล่าแห่งเผ่าซัลเมียร์ รวมตัวกันในขณะที่พวกเขากำลังย่างเนื้ออยู่ในกองไฟ !
- โปรดตั้งชื่อให้งานประติมากรรมที่คุณได้สร้างขึ้น
วีดพูดชื่อที่คิดไว้ก่อนหน้านี้แล้วระหว่างกำลังสร้างงาน พี่น้องแห่งความศรัทธา
ชนเผ่าป่าเถื่อน ที่ยังคงจดจำพันธมิตรและสัญญา ที่จะหลั่งเลือดไปด้วยกัน!
-“พี่น้องแห่งความศรัทธาถูกต้องหรือไม่?

ถึงแม้พวกเขาจะไม่สามารถสู้กับวิหารเอ็มบินยูได้ แต่พวกเขาก็เป็นกลุ่มนักรบที่ตั้งใจที่จะรวมกันสร้างกองทัพพันธมิตรขึ้นมา
เทคนิคในการเชิดชูเกียรตินั้นสำคัญสำหรับประติมากร แต่ความคิดริเริ่มนั้นต้องเกิดขึ้นด้วยความจริงใจ


วีดพยักหน้าอย่างมั่นใจ ถูกต้อง
ติ๊ง!
มาสเตอร์พีช ! พี่น้องแห่งความศรัทธาเสร็จสมบูรณ์
รูปปั้นที่สร้างขึ้นโดยใช้กระดูกของมอนสเตอร์เป็นโครงร่าง!
ภาพของชนเผ่าทั้ง 3 ที่มารวมกันก่อตั้งพันธมิตร แบ่งปันและกินอาหารถูกแกะสลักออกมา  มันเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี  มันเป็นผลงานซึ่งชนเผ่าทั้ง 3 ต้องเฉลิมฉลองเมื่อได้เห็น  การแสดงรายระเอียดและอารมณ์ที่ลึกซึ้งได้ถูกแสดงผ่านผลงาน
คุณค่าทางศิลปะ 712
ประติมากรรมที่ถูกสร้างขึ้นอย่างลวกๆโดยประติมากรยอดฝีมือ วีด
คุณสมบัติพิเศษ
ชนเผ่าทั้ง 3 ซึ่งได้เห็นผลงาน พี่น้องแห่งความศรัทธา จะได้รับ ความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิต และมานา เพิ่มขึ้น 17% เป็นเวลา 1 วัน
พลังชีวิตสูงสุดของทั้ง 3 ชนเผ่า เพิ่มขึ้น 12%
ความอึดเพิ่มขึ้น 60
จิตวิญญาณในการต่อสู้เพิ่มขึ้น 30
ความสนิทกับทั้ง 3 ชนเผ่าเพิ่มขึ้น 30 %
ชนเผ่าที่เกี่ยวข้องจะรู้สึกถึงเกียรติและความภูมิใจที่จะถูกฝังลึกไปในหัวใจของพวกเขา
จำนวนผลงานระดับมาสเตอร์พีช :12
ทักษะความชำนาญการแกะสลักเพิ่มขึ้น
ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 125
ความเป็นผู้นำเพิ่มขึ้น 2
เสน่ห์เพิ่มขึ้น 7
ผลจากการสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีช  ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 1
ตอนนี้ แม้แต่ประติมากรรมก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว!
การเตรียมการเบื้องต้นสำหรับการต่อสู้จริงๆก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ด้วยประการฉะนี้เอง...
ผู้แปล: luke
Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล
ที่มา: http://japtem.com/lms-volume-16-chapter-3

ไฟล์: https://drive.google.com/drive/u/0/folders/0B7slWHQIQ6wCM1hicDY3dUw2cXM

10 ความคิดเห็น:

  1. ขอบบคุณเจ้ามะฮ่ะ

    ตอบลบ
  2. สงสัยอย่างนึง ปิงหลง คิดว่า นก5ตัวนั้นจะรู้ไหมว่าใครคือสาวงาม ที่เอ็งพูดถึง

    ตอบลบ
  3. แปลมาอีกนะครับ สนุกสุดๆ

    ตอบลบ
  4. ค้างครับค้างขออีกตอนนะ

    ตอบลบ
  5. รออย่างมีความหวัง #ขอบคุณครับ

    ตอบลบ

เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล

  เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล ลาเฟย์หลับตาลง ' เราจบสิ้นแล้ว '...