วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 15 ตอนที่ 6 งานประมูลทาส แปลโดย แอดมิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

เล่มที่ 15 ตอนที่ 6 งานประมูลทาส แปลโดย แอดมิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

ทันทีที่ ลี ฮุน เอาผ้าคลุมหน้าออก ลูกค้าก็รีบเข้ามาข้างในเต้นของคณะ (Admin: จะเปลี่ยนจากบาร์เป็นร้านแทนนะครับ ดูเข้าใจง่ายกว่า)
 “ได้เวลาเริ่มงานแล้วใช่มั้ย?”
 “ร้านเปิดแล้วใช่มั้ย?”
พวกลูกค้าที่ต่อคิว รออยู่ข้างนอกประมาณ 10 นาที ถามว่าร้านเปิดรึยัง หลังจากที่รออีกประมาณ 15 นาที เมื่อไม่มีข่าวคราวอะไรเกิดขึ้น พวกลูกค้าก็เข้ามาในร้านทันที
 “โว้ว!”
 “นั่น ซอยูน นี่
ซอยูน เป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ไม่มีใครในมหาวิทยาลัยเกาหลีไม่รู้จักเธอ
 “คุณลูกค้าจะรับอะไรดีคะ?”
นักศึกษาหญิงในชุดเดรสที่รับหน้าที่งานบริการ ต่างพากันยุ่งอยู่กับการรอลูกค้าสั่งอาหาร
 “คุณลุกค้าคะ! จะสั่งอะไรดีคะ?!”
 “นี่ คุณจะไม่สั่งอะไรเลยเหรอ?!”
ถึงแม้ว่ากำลังถูกบีบบังคับให้สั่งอาหาร พวกลูกค้าเหมือนถูกมนต์สะกด ได้แต่มอง ซอยูนอยู่อย่างนั้น
อาการช้อคจากความงดงามที่ทำให้ตกตะลึง!
เมื่อนักศึกษาหญิงเอาเมนูอาหารให้พวกเขาและกระตุ้นให้พวกเขาสั่งอาหาร พวกเขาต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อได้เห็นรายการเมนูอาหาร
 “ปลาไหลทะเลสด, ปลากะพงขาวจากธรรมชาติ, ปูนึ่ง, ปลาไหลย่าง, บะหมี่ซีฟู้ดเส้นถั่วดำนี่มันเมนูอะไรเนี่ย?! มันมีอยู่ในเมนูจริงๆเหรอ! มันเขียนไว้ว่าตุ๋นหม้อไฟจะใส่ปลากะพงขาวลงไปด้วยทันทีที่สั่ง…”  
 “ใช่ค่ะ เมนูอาหารวันนี้คือซีฟู้ด(อาหารทะเล) เมนูหลักจะเปลี่ยนทุกวันจนกว่าจะหมดงานเทศกาล นอกเหนือจากนั้นแล้ว พวกผลไม้ ของว่าง ไข่เจียวม้วนสไตล์เกาหลี และแพนเค้กผักสามารถสั่งได้ตลอดเวลาค่ะ
 [ไข่เจียวม้วนสไตล์เกาหลี คล้ายๆกับ ทามาโกะยากิ ไข่เจียวม้วนสไตล์ญี่ปุ่น ผมชอบเรียกว่าไข่หวาน เพราะมันไม่เหมือนไข่เจียวทั่วไป ไม่อมน้ำมัน ได้ความหวานของไข่]
 “ตอนนี้ ขอปลาไหลทะเลสด 3 ที่
 “ปลาไหลทะเลสด 3 ที่ค่ะ!”
เตาย่างถูกติดตั้งลงบนโต๊ะของลูกค้าอย่างรวดเร็ว จากนั้น ปลาไหลทะเลสดก็ถูกปรุงให้สุก พร้อมกับปรุงรส ทุกครั้งที่ปลาไหลดิ้น พวกเขาจะใส่เครื่องปรุงรสลงไป (เกลือ พริก ซอส แล้วแต่จะใส่)
เมื่อพวกมันสุกดีแล้ว มันก็จะกลายเป็นปลาไหลทะเลที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย
ถ้าพวกเขาจะเปิดร้านอาหาร ลี ฮุน ต้องการดึงเอารสชาติและคุณภาพของอาหารออกมาให้ได้มากที่สุด
 “ถึงแม้ว่านี่จะเป็นแค่ร้านเล็กๆในงานเทศกาล มันจะทำแค่ครึ่งๆกลางๆไม่ได้เด็ดขาด!”
มันคืออาหารที่ลูกค้าจ่ายเพื่อกินมัน
จะทำลวกๆไม่ได้ มันคืองานที่เขาต้องรับผิดชอบเพียงคนเดียว เพื่อให้มั่นใจในรสชาติและสารอาหาร
ไม่มีใครนอกจาก ลี ฮุน ที่สามารถทำซูชิจากปลากะพงขาว เขาคือคนที่ยุ่งที่สุด
เขาหั่นสไลซ์เนื้อปลาบนเขียงอย่างมีศิลปะ!
ปลากะพงขาวที่เนื้อของมันถูกหั่นออกไปจนหมด ยังคงสามารถกรอกตาไปมาได้ มันยังมีชีวิตอยู่ มันคือความชำนาญในการตัด ที่หลีกเลี่ยงการทำลายเส้นประสาท
วันนี้ ปลากะพงจากธรรมชาติ, ปูหิมะ, และปลาไหลทะเล ทั้งหมดถูกส่งมาจากพ่อค้าในตลาดที่ ลี ฮุน รู้จักและอุดหนุนอยู่บ่อยๆ สามารถรับประกันความสดใหม่ของวัตถุดิบได้ และเขายังได้รับความไว้วางใจ จึงทำให้เขาได้ราคาพิเศษ
 “นายเป็นเด็กมหาลัยจริงๆเหรอเนี่ย?”
 “ยังไงก็ตาม โฆษณาพวกเราให้เด็กนักศึกษาด้วยล่ะ ฉันหมาความว่า บอกพวกเขาให้มาซื้อของที่ตลาด
ต้องขอบคุณในความมีน้ำใจของพวกเขา เขาจึงสามารถใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพเหล่านี้ได้ แต่ในเมื่อมันเป็นแค่ร้านเล็กๆในงานเทศกาล ราคาต้องไม่แพงจนเกินไป
ในรอยัล โร้ด ทุกคนสามารถหาเงินได้จากการออกล่า มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าหากคุณขูดรีดจากคนอื่น อย่างไรก็ตาม การจะให้นักศึกษาจ่ายในราคาแพงๆ คงไม่ดีแน่
ในที่สุด เขาต้องลดปริมาณที่จะเสิร์ฟให้พอเหมาะและปรับราคา เพื่อไม่ให้ราคาสูงเกินไป
แม้กระนั้น พวกลูกค้ายังคงพึงพอใจอยู่ดี
 “ได้แล้วค่ะ
 “ไปรับรายการอาหารจากลูกค้าที่โต๊ะ 9 ด้วยนะ
ซอยูนในชุดเดรสของเธอ กำลังเดินรับรายการอาหารไปทั่วร้าน
พลังแห่งเทพธิดาเปล่งประกายเจิดจรัส แม้ว่านั่นจะเป็นแค่เพียงการก้าวเดินธรรมดาๆเท่านั้น!
มีอยู่หลายครั้งที่พวกลูกค้าตกตะลึงจนถึงกับสำลักอาหาร มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยสำหรับพวกเขา เมื่อจ้องมองซอยูนเป็นเวลานานในขณะที่กำลังดื่มเครื่องดื่ม
ทุกครั้งที่ซอยูนเดินผ่าน จะได้กลิ่นเลมอน(มะนาว)อันหอมหวาน
เธอแต่งหน้า ลงเครื่องสำอางเบาๆ แม้กระนั้น เธอก็ยังดูสวยงดงามด้วยใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้ม แต่วันนี้ เธอฉีดน้ำหอมมาโดยเฉพาะ
ซอยูนยื่นเมนูอาหารให้ลูกค้า
“...”
เธอยืนอยู่อย่างนั้นและรอให้ลูกค้าสั่งอาหาร
เธอรู้สึกอึดอัดใจเมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาของลูกค้าที่อยู่รอบตัวเธอ แต่เธอต้องอดทน
 “งั้นขอสั่งของว่างผลไม้
“...”
ซอยูนพยักหน้าเบาๆและหันกลับไป
แม้ว่าพวกลูกค้าจะสั่งของว่างจนเต็มโต๊ะ พวกเขาก็ยังคงพยายามตะเกียกตะกายสั่งอาหารอีกครั้ง เพียงเพื่อที่จะสนองความโลภของพวกเขา เพื่อให้ได้พูดคุยกับซอยูน แม้จะแค่ครั้งเดียวก็ตาม
 “ลูกค้ารอมา 30 นาทีแล้วนะ
 “เชฟ เมื่อไหร่ปูนึ่งจะพร้อมเสิร์ฟ?”
 “มันจะสุกแล้ว!”
มีแต่ลี ฮุนคนเดียวที่ทำงานแทบตาย เพราะนักศึกษาคนอื่นๆทำอาหารได้ช้ามาก เขาต้องทำงาน 2 เท่า ไม่สิ 3 เท่า
ในวันแรกของงานเทศกาล เขาไม่สามารถออกไปดูดอกไม้ไฟ(พลุ)หรือการแสดงร้องเพลงของนักศึกษา แม้กระทั่งจะออกจากร้านก็ยังทำไม่ได้เลย
วันต่อมา พวกลูกค้ายังคงเพิ่มขึ้น และพวกเขายังมาก่อนเวลาอีกด้วย
 “ขอสั่งอาหารด้วย!”
 “พวกเราพร้อมสั่งอาหารแล้ว!”
ถึงแม้ว่าในครัว ทุกคนดูจะยุ่งกันไปหมด พวกเขาก็มีเวลาเหลือในการเตรียมตัวเมื่อเทียบกับวันแรกแล้ว วันนี้พวกเขาเตรียมตัวมาดีพอสมควร
พวกอาหารถูกปรุงจนสุกเรียบร้อยหมดแล้ว และ จานชามต่างๆก็ถูกเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆถูกจัดเรียงไว้ในกล่องอย่างดี และเต็นท์ขายอาหารได้ขยายออกไปเพื่อให้มีพื้นที่มากขึ้น
ทางคณะได้ส่งคนมาช่วยปีกประมาณราวๆ 10 คน เพื่อทำหน้าที่ล้างจานและเก็บกวาด ทำความสะอาดโต๊ะ ภาระงานจึงลดลง
ลี ฮุน รู้สึกถึงความคุ้มค่าในการทำงานและความสนุกในการหาเงิน
 ‘วันแรกได้กำไรมาประมาณ 700,000 วอน (ประมาณ 24,000 บาท) แม้ว่าจะหักค่าเช่าอุปกรณ์และค่าต่างๆสำหรับ 5 วันแล้วนั้น มันก็ยังเหลืออยู่อีกตั้งเยอะเลยแน่ะ
ธุรกิจในครั้งนี้ไปได้สวยเลยทีเดียว!
เขารู้วิธีในการดูแลลูกค้าและการทำอาหารมามากมายจากการทำงานพาร์ทไทม์(งานเสริม งานนอกเวลา แล้วแต่จะเรียกละกัน ฮ่าๆ) แต่การทำงานเป็นลูกจ้างตัวเอง ยังเป็นอะไรที่ต้องเก็บเอามาคิดอยู่ดี
 ‘ถ้าฉันไม่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในโอกาสแบบนี้นะ ต่อไปในอนาคตฉันคงทำธุรกิจอะไรไม่ได้แน่เลย!’
ในยามที่ทุกคนกำลังสนุกไปกับงานเทศกาล เขาต้องรับผิดชอบดูแลร้านและคำนวณพวกค่าๆ
ในวันที่สอง พวกเขาก็ยังคงทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้น และตั้งแต่วันที่สามเป็นต้นไป ไม่มีเวลาไหนที่โต๊ะจะว่างเลยสักครั้ง ในวันที่สี่ของงานเทศกาล ลี ฮุนก็ยังคงไม่มีโอกาสออกไปสนุกหรือเดินไปรอบๆเพื่อดูงานเทศกาล
สภาพของลี ฮุนในตอนนี้ช่างดูน่าสงสาร น่าเวทนา และอนาถใจ เพราะพวกรุ่นพี่คว้ามีดทำครัวแทนเขา
 “ลี ฮุน พวกเราจะดูแลที่นี่เอง นายควรจะออกไปเล่นสนุกบ้างนะ
 “แต่ผมได้รับความไว้วางใจให้ดูแลที่นี่นะ
 “นี่มันยุคชิลลาหรืออะไรเนี่ย นายมีความคิดแบบนี้เหรอ ไม่มีการถอยหนี’? งานเทศกาลมันไม่ใช่สนามรบนะเว้ย ออกไปสนุกซะ เด็กคนอื่นๆก็ออกไปเล่นสนุกแบบนั้นเหมือนกัน นายควรจะออกไปสนุกกัยงานเทศกาลได้แล้ว
ลี ฮุน ถอดผ้ากันเปื้อนออกและยืดหลังให้ตรง
 ‘งานเทศกาลต้องออกไปดูซะหน่อยแล้ว   ว่าคณะอื่นๆ เค้าทำอะไรกันบ้าง แม้กระทั่งร้านอาหารเองยังต้องเรียนรู้เลย ยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไหร่ เรายิ่งรู้มากเท่านั้น
 “งั้นผมไปก่อนนะ แล้วจะกลับมาให้เร็วที่สุด
 “ไปพักผ่อนซะวันนี้ ตอนนี้มันก็ 6 โมงเย็นแล้ว ในเมื่อร้านเปิดถึง 4 ทุ่ม พวกเราจะจัดการที่เหลือเอง
เพื่อหลีกเลี่ยงกายใช้พลังงานไปกับงานเทศกาลมากเกินไป ร้านของพวกเขาจึงปิด 4 ทุ่ม
 “ครับ
ลี ฮุน มองไปรอบๆ เต็นท์ของร้าน
ทุกโต๊ะเต็มไปด้วยลูกค้ามากมายที่มานั่งกินอาหาร บรรดานักศึกษาต่างรับรายอาหารกันอย่างขะมักเขม้น
หลังจากผ่านไป 3 วัน ความป้อปปูล่าร์ของซอยูนพุ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุด
พวกลูกค้าทุกคนล้วนแล้วแต่อยากสั่งอาหารกับเธอ เนื่องด้วยเหตุนี้เอง จากการทำงานหนักของเธอ ซอยูนจึงได้รับอนุญาตให้พักได้ในวันนี้ เธอจึงไม่ได้มาที่ร้าน
 “ถึงแม้ว่าเราไม่ได้อยู่ที่ร้าน เราก็มั่นใจว่ามันคงดำเนินต่อไปได้
ทันทีที่ลี ฮุนเดินออกมาจากร้าน เขาก็เดินเข้าไปอยู่ท่ามกลางผู้คนที่มาร่วมงานเทศกาลผู้คนที่มากับครอบครัว,นักเรียนนักศึกษาจากที่อื่น,และนักศึกษามหาวิทยาลัยเกาหลีที่แต่งกายเดินไปเดินมา
มหาลัยที่แต่ก่อนเคยเงียบสงบ บัดนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย มันคือสถานที่ ที่ความตื่นเต้นของเหล่าหนุ่มสาว ที่สามารถรู้สึกได้!
เหมือนกับว่าได้สูดลมหายใจแห่งความตื่นเต้นเข้าไป ลี ฮุนสูดอากาศหายใจเข้าไปลึกๆจนเต็มปอด
 “อ้า ช่างวิเศษอะไรเช่นนี้ กลิ่นที่หอมตลบอบอวลไปด้วยเงินตรา!”
เวทีถูกติดตั้งบนลานกว้างที่เขาเคยไปนั่งทานอาหารกลางวัน ตอนนี้ ที่ตรงนั้น มีวงดนตรีกำลังขึ้นแสดงอยู่
บรรดาทีมต่างๆจากคณะเทคโนโลยีเสมือนจริง(VR) ที่เป็นตัวแทนเข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกมกีฬา, ประกวดร้องเพลง, และแสดงละคร
ผลที่ออกมาน่ะเหรอมันคือหายนะชัดๆ!
พวกเขาตกรอบคัดเลือกในเกมกีฬาที่จัดขึ้น, มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกเขาที่ต้องร้องตัวโน้ตสูงๆในการประกวดร้องเพลง, และพวกเขายังบอกอีกว่า ผู้ชมที่มาดูการแสดงละคร มีแต่เด็กประถมทั้งนั้น
 “ดูเหมือนว่าหนูๆพวกนั้นไม่เคยฝึกซ้อมเลยสิท่า(Admin: คิดไม่ออก ใช้หนูๆแทนละกัน 555)
 [Noona คำที่เรียกใช้ถึงความสนิทสนมสำหรับพวก พี่สาว เหมือนกับ hyung และ oppa รุ่นพี่ คุณพี่ คำพวกนี้สามารถใช้ได้กับพวกคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกในครอบครัวได้เหมือนกัน]
เด็กประถมที่ใส่แว่น มาพร้อมกับสายตาอันเฉียบแหลม ถึงกับพูดอะไรแบบนี้ออก
 “เห่ยชะมัด” “เหลวไหลสิ้นดี
การแสดงละครที่แม้กระทั่งเด็กประถม ถึงกับวิจารณ์อะไรออกมาแบบนี้!
นั่นคือข้อสรุปทั้งหมดทั้งมวลที่ว่า ทำไมทุกคนในคณะเทคโนโลยีเสมือนจริง ถึงมาช่วยดูแลงานที่ร้านด้วยกัน
* * *
เป็นที่ประจักษ์ให้เห็นกันแล้วว่า คณะอื่นๆก็การเตรียมการล่วงหน้ามาก่อนแล้ว ในเมื่อพวกเขาเป็นผู้จัดงานและกิจกรรมต่างๆ
คณะสัตวแพทศาสตร์ ได้นำเอาเอกลักษณ์ของคณะตัวเองมานำเสนอและยังขายเนื้ออีกด้วย(เนื้อวัว เนื้อควาย ใช้ เนื้อ เฉยๆนะครับ)
คณะสังคมศาสตร์ เหล่านักศึกษาช่วยกันเข็นรถวีลแชร์ให้ผู้พิการและคนแก่ พร้อมกับแนะนำสถานที่ต่างๆไปด้วย มีการพูดคุยกันว่า ทางคณะยังช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น พาไปโรงแรมที่พักอยู่ใกล้ๆ หรือ บ้านของพวกเขา เพื่อที่จะอาบน้ำให้พวกเขาและทำสิ่งๆดีด้วยการเป็นผู้ให้
คณะการออกแบบเสื้อผ้า พวกเขาขายเสื้อผ้าที่ทำขึ้นมาเอง ในราคาถูกๆ
เหล่านักศึกษาที่เรียนเอกด้านดนตรีได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เมื่อถึงการแสดงของบรรดานักศึกษาสาวผู้น่ารัก ฝูงคนดูผู้ชายก็จะมาห้อมล้อมอยู่เต็มไปหมด
เวทีถูกติดตั้งตรงนี้ที ตรงนั้นที แม้แต่กิจกรรมเล็กๆก็ยังไม่เว้น
แม้กระทั่งตลาดขายสินค้ามือสองหรือพวกของที่ไม่ใช้แล้ว ก็ยังดูอุ่นหนาฝาคั่ง มีผู้คนเดินเลลือกซื้อของอยู่เต็มไปหมด
ตอนนี้เองที่ลี ฮุนเดินตรงไปที่ตลาดขายของมือสอง ด้านหลังเวที มีบางคนที่ยือยู่แถวนั้นจับแขนของเค้าและลากตัวเค้าไป
 “ดูนี่สิ ดูเหมือนว่าจะมีอาสาสมัครมาปรากฏตัวเพิ่มอีก 1 คนแล้ว
พิธีกรที่อยู่บนเวที กำลังแนะนำและอธิบายการประมูลทาส
ผู้ที่สมัครเข้าร่วมงานประมูลทาสในครั้งมาจากผู้ชม แต่ลี ฮุนที่บังเอิญถูกกลุ่มคนในนั้นผลักเข้าไป ก็เลยตามเลยได้เข้าร่วมเป็นผู้สมัครไปซะอย่างนั้น
เหล่านักศึกษาชายจำนวนทั้งหมด 30 คน เข้าร่วมงานประมูลทาส!
พิธีกรจับไมค์เข้าใกล้และตะโกน
 “ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะได้แสดงความสามารถต่างๆเพื่อดึงดูดใจ เจ้านายของพวกคุณสามารถเปลี่ยนได้เรื่อยๆขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณที่จะแสดงออกมาให้พวกเราได้เห็น เหล่าข้าทาสทั้งหลายเอ๋ย จงทำให้ดีที่สุด! งั้นเรามาเริ่มกันที่ผู้สมัครหมายเลข 1 กันเลยดีกว่า
ลี ฮุน ได้หมายเลข 23
เขาพยายามต่อต้านและไม่ขึ้นไปบนเวที แต่เพราะเหล่าคนดูกำลังหัวเราะเยาะเย้ยเขา ลี ฮุนจึงจำใจต้องขึ้นไป
 ‘นี่มันวันโชว์ห่าอะไรวะเนี่ย โคตรโชคร้ายชะมัด
แล้วเขามีดีตรงไหนว่ะเนี่ย!
มีอย่างเดียวที่เขารู้คือ ศิลปะการต่อสู้
ทุกครั้งที่เหล่าผู้สมัครคนอื่นๆ เริ่มแสดงความสามารถต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การ้องเพลง การเต้น การเล่นเครื่องดนตรี มายากล หรือ แสดงตลก ใบหน้าของลี ฮุนจะแข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆ
เขากลัวจนตัวสั่นเมื่อต้องมองไปที่ดวงตาของบรรดาผู้ชม!
เขาไม่ใช่คนที่มีความสามารถโดดเด่นอะไร และเขาไม่มีความสามารถเฉพาะตัวอะไรแบบนั้น เขายิ่งกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เวทีที่น่ากลัว ในเมื่อมีเด็กนักศึกษาจากมหาลัยเดียวกันกำลังดูอยู่ มันเป็นอะไรที่ดูน่าสะอิดสะเอียนสุดๆ (มึงรังเกียจก็บอกมาเหอะ)
 ‘เต้นดีมั้ยนะ หรือเราแสดงยิมนาสติคดี?’
ผู้เข้าสมัครหมายเลข 6 แสดงยิมนาสติคก่อน
 “หูววววว โหวววว!”
 “น่าเบื่อ! เอามันออกไป!”
ลี ฮุน โล่งใจ
 ‘โชคดีชะมัด ที่เราไม่ได้ออกไปเต้นยิมนาสติค เราควรจะร้องเพลงดีมั้ยนะ? เพลงคลาสสิค <ฉันจะรักเธอจนวันตาย> น่าจะดีนะ
ผู้เข้าสมัครหมายเลข 14 ร้องเพลงก่อนใครเพื่อน
I could not even laugh~ ฉันไม่อาจจะหัวเราะได้
I remembered your laugh each time, so I couldn’t even cry~ ทุกครั้งที่ฉันได้ยินเสียงหัวเราะของเธอ มันทำให้ฉันนั้นมีน้ำตา จนต้องร้องไห้ออกมา
Since if I’m sad, you might be pained~ ทุกครั้งที่ฉันเศร้าเสียใจ เธอคงได้แต่ยอมรับความเจ็บปวด
ถึงแม้ว่าลี ฮุนจะคิดว่าผู้เข้าสมัครคนนั้น มีความสามารถด้านการร้องเพลงที่โดดเด่น แต่เขาคงไม่ได้คะแนนสูงสักเท่าไหร่นัก
ตอนนี้เรื่องได้คะแนนดีๆไม่ใช่ปัญหา เขาแค่ต้องทำยังไงก็ได้ เพื่อให้ผ่านรอดพ้นจากสถานการณ์นี้ไปให้ได้
 “ตอนนี้ ได้เวลาที่เราจะได้ดูความสามารถของผู้สมัครหมายเลข 23 แล้ว
ทันทีที่ถึงรอบของลี ฮุน ในเมื่อมันเป็นการแสดงเพียงสั้นๆ มันจึงไม่มีเวลาให้เขาคิดอะไรได้มากนัก
 “เอามีดมาให้ที…”
 “อะไรนะ?”
 “ผมจะแสดงการปอกเปลือกแอปเปิ้ลให้ดู
 “แอปเปิ้ล แถวนี้มีแอปเปิ้ลมั้ย? อ้า นั่นไง! พวกเขาบอกว่าจะหาแอปเปิ้ลมาให้พร้อมกับมีด ผู้สมัครหมายเลข 23 จะโชว์การปอกแอปเปิ้ลให้พวกเราได้ดูกัน
แอปเปิ้ลสุกกำลังดี มาพร้อมกับมีด ถูกส่งมาให้ลี ฮุน!
ลี ฮุน จับลูกแอปเปิ้ลเอาไว้ในมือ แล้วหมุนมันไปมา วินาทีนั้นเองชิ้งงงงงงง
เพียงแค่เสี้ยววินาที มีดตัดลูกแอปเปิ้ลและปอกเปลือกออกเรียบร้อย
เมื่อใบมีดตัดผ่าน เปลือกของแอปเปิ้ลก็หล่นลงมา ไม่มีร่องรอยแตกสลายหรือเสียหายให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
 “คุณปอกเปลือกมันแล้วเหรอเนี่ย?”
 “ครับ
 “คุณปอกเปลือกได้เร็วมาก ไม่ว่ายังไง พวกเราก็ได้เห็นสุดยอดเทคนิคพิเศษ!”
พิธีกรกล่าวชื่นชมเขาเพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจ มันเป็นเพราะความคิดที่ว่าได้เห็นอะไรใหม่ๆบ้างหลังจากที่ดูแต่การแสดงธรรมดาๆ เช่น พวกร้องเพลง หรือ เต้น อะไรแบบนี้
เหล่าคนดูต่างพากันปรบมือชื่นชม
 ‘ฟิ้ว รอดแล้วเรา
หลังจากการแสดงของลี ฮุนจบลง ต่อไปก็เป็นการแสดงของผู้เข้าสมัครที่เหลืออยู่อีก 7 คน และแล้วตอนนี้ช่วงเวลาที่สำคัญก็มาถึง คือช่วงเวลากำหนดราคาเริ่มต้นประมูลทาส
พิธีกรกำลังจัดแถวบรรดาทาสทั้งหลาย
 “สำหรับคนที่คิดว่าตัวเองหน้าตาดี ให้ไปยืนอยู่ข้างหลัง! ส่วนพวกที่คิดว่าตัวเองดูธรรมดาๆ ให้ก้าวออกมายืนข้างหน้า!”
เมื่อสิ้นเสียงพิธีกร ลี ฮุน ขยับมาข้างหน้าในทันที
 ‘มันดีกว่า ถ้าจะถูกขายออกเป็นคนแรก
แต่แล้วทาสคนอื่นๆ กลับก้าวออกมายืนอยู่ข้างหน้าเต็มไปหมด
ทาสสามารถถูกซื้อได้เพียงคนเดียวจากบรรดาผู้ชมทั้งหมด!
บรรดาเพื่อนๆของผู้สมัครที่เข้าร่วมงานประมูลทาส ได้มีการเตรียมการล่วงหน้าไว้แล้ว ว่าจะซื้อและจัดลำดับกันยังไง ดังนั้นพวกเขาจึงออกไปยืนข้างหน้า
ส่วนคนที่มาด้วยตัวเองก็มีแค่ลี ฮุนและคนอื่นๆอีกนิดหน่อย
 “ขายที่ 3 หมื่นวอน(ประมาณ 1พันบาท)
 “ขายที่ 15,000 วอน
 “ทาสในครั้งนี้มีราคาที่ค่อนข้างมีค่าสูงสักหน่อย 48,000 วอน! สำหรับคนที่ประมูลได้ มีเพียงวันนี้เท่านั้น ที่คุณสามารถสั่งให้พวกเขาทำอะไรก็ได้ เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินของคุณ!”
ลี ฮุน หมุนตัวไปมา
พิธีกรมองไปที่ลี ฮุน แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับว่ากำลังรู้สึกกดดันหรืออะไรอยู่ก็ไม่อาจทราบได้ แล้วจากนั้นเขาก็พูดใส่ไมโครโฟน
 ถ้าผมบอกพวกคุณว่าทาสในครั้งนี้ดูเหมือนว่าเขาแข็งแกร่งมาก ผมจะไม่กำหนดราคาขั้นต่ำในการประมูลรอบนี้ ดังนั้นเราจะเริ่มกันที่ 10 วอน(30 สตางค์ โถๆ ค่าตัวเมิงเหรอเนี่ย ลี ฮุน)
ราคาทาสที่ 10 วอน!
ถึงแม้ว่าทาสบางคนมีราคาเริ่มต้นที่หลักร้อย บางคนก็หลักพัน แต่อย่างน้อย….
แม้ว่ามันเป็นเรื่องที่หยอกล้อกันเล่น แต่ลี ฮุนถึงกับอนาถใจ
แต่ถึงแม้มันจะเป็นแค่ 10 วอน ก็ยังไม่มีใครยกมือขึ้นมาเลย
 “ตรงนี้ 20 วอน!”
ในกลุ่มผู้ชม มีสาววัยกลางคนมาพร้อมกับลูกที่อยู่บนหลังของเธอ เธอรู้สึกสงสารเขา เธอจึงยกมือขึ้นมา
แล้วจากนั้น อีกฟาก ก็มีมือยกขึ้นมาทันที
 “ฉันมีอยู่ 20 วอน และ เพิ่มอีก 10 วอน!”
เมื่อเขามองไปที่เสียงที่ตะโกนออกมา นั่นคือเสียงของน้องสาวผู้น่ารักของเขา ลี ฮา ยอน(ขอเปลี่ยนอ่านตามเกาหลีเลยนะครับ ถ้ายังไงก็แนะนำมาอีกทีละกัน)
ตะโกนออกมาที่ราคา 30 วอน ด้วยอารมณ์แบบนั้น ทั้งหมดเพื่อครอบครัว!
พิธีกรตะโกนออกมา ตอนนี้ 30 วอน มีใครให้มากกว่านี้มั้ย?”
 “40 วอน!”
 “55 วอน!”
 “80 วอน!”
ในเมื่อราคามันถูก ทุกคนๆเริ่มเรียกราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ (นี่สูงแล้วเหรอ)
 “175 วอน!”
 “199 วอน!”
 “390 วอน!”
 “390 วอน! ถ้าไม่มีใครให้มากกว่า 390 วอน คนๆนั้นจะชนะและได้รางวัลไปนะครับ ผมจะเริ่มนับถอยหลังแล้วนะครับ 9..8..7”
ราคาที่น่าสังเวช 390 วอน!
ขณะที่ไม่มีใครเรียกราคาที่สูงกว่านี้ปรากฏตัวออกมา พิธีกรกำลังจะประกาศให้แก่ผู้ที่ชนะราคาประมูลในรอบนี้
ตอนนั้นเอง เมื่อกำลังจะสิ้นเสียงนับถอยหลัง ที่ 2 วินาทีสุดท้าย
เด็กสาวสวมเสื้อแจ็คเก็ตของทีมเบสบอล กางเกงยีนส์ และหมวกอยู่ข้างบนหัวของเธอ เธอยกมือขึ้นมา
 “2 ล้านวอน!” (เกือบๆ 7 หมื่นบาท)
 “2 ล้านวอน! ฉันได้ยินว่า 2 ล้านวอน ฉันไม่ได้ยินผิดไปใช่มั้ย? 2 ล้านวอน?” พิธีกรตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
สายตาของเหล่าผู้คน ต่างจับจ้องไปที่เด็กสาวคนนั้น พวกเขาคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องล้อเล่นแน่ๆ
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเด็กสาวคนนั้นถอดเสื้อแจ๊คเก็ตทีมเบสบอลและแว่นตากันแดดออก เสียงแห่งความสงสัยก็เกิดขึ้น
 “นั่น จอง เฮียว ริน!”
 “จอง เฮียว รีน มาที่งานเทศกาลของพวกเราด้วย
เธอ ผู้ที่ร้องเพลงจนโด่งดังไปทั่วโลก เธอผู้ที่ถูกเรียกว่านางฟ้า จอง เฮียว ริน เธอเรียกราคาที่ 2 ล้านวอนและชนะการประมูลทาสในรอบนี้ ลี ฮุนถูกขายให้จอง เฮียว ริน ทั้งๆอย่างนั้น
* * *
 “เจ้าทาส แขนของนาย!”
 “ขอรับ
ลี ฮุน รีบควงแขนกับจอง เฮียว รินทันที
พวกเขาใกล้กันมาก จนลี ฮุนได้กลิ่นน้ำหอมอันเย้ายวน พวกเขาเดินควงแขนกันท่ามกลางฝูงชนในขณะที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังที่ต่างๆ
มีหลายคนที่พยายามส่งสายตาหรือทำท่าทางต่างๆไปที่ จอง เฮียว ริน เพื่อดึงดูดความสนใจของเธอให้มองมาที่พวกเขา
จอง เฮียว ริน ไม่สามารถหยุดยิ้มได้
 “เฮ้ นายจะพาฉันเดินเที่ยวในงานเทศกาลใช่มั้ย?”
 “แต่ผมไม่ค่อยรู้ทางมากหรอกนะ…”
 “ไม่เป็นไรหรอก ส่วนที่สนุกที่สุดก็คือการได้เดินไปไหนมาไหนด้วยกัน ถึงแม้ว่าฉันก็เป็นเด็กมหาลัยเหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่ค่อยได้มาเรียนบ่อยสักเท่าไหร่ นายรู้มั้ย นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้มางานเทศกาลแบบนี้ ถึงแม้ว่าฉันจะเคยร้องเพลงในงานเทศกาลมาแล้วหลายครั้งก็เถอะนะ
 “ทำไมเธอไม่ไปกับคนอื่นละ ในเมื่อผมยิ่งไม่ค่อยว่างอยู่…”
 “เจ้าทาส ฉันควรจะส่งนายกลับคืนที่เดิมดีมั้ยเนี่ย?”
“...”
ภัยคุกคามที่เห็นได้ชัดคือการส่งเขากลับคืนที่เดิม!
สำหรับทาส(ที่ถูกประมูล)แล้ว พวกเขาไม่มีอิสระในการตัดสินใจอะไรใดๆทั้งนั้น ในเมื่อเขาไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนบนเวทีได้อีกครั้ง หรือแม้กระทั่งหาเงิน 2 ล้านวอนมาคืน เขาทำได้เพียงต้องยอมรับในโชคชะตากรรมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
 “ฉันจะพาเธอดูรอบๆงานเทศกาลเอง
 “นายควรจะพูดให้เร็วกว่านี้หน่อยนะ
จอง เฮียว ริน เข้าใจ ลี ฮุน เป็นอย่างดี และรู้วิธีที่จะจัดการและรับมือกับเขา
 ‘การคุกคามคือวิธีที่ได้ผลที่ดีที่สุด!’
จอง เฮียว ริน เกาะแขนลี ฮุนแบบแนบแน่นที่สุด ทำให้ลี ฮุนรู้สึกได้ถึงตัวเธอ ทุกครั้งเวลาที่เขาเดิน ร่างกายของเธอปราศจากไขมันส่วนเกิน และหน้าอกของเธอราวกับนวม(ชกมวย) กระแทกใส่แขนลี ฮุนตลอด (Admin: คิดแค่นี้พอ คิดไกลเกิน เดี๋ยวติดเรท 555)
 “เฮ้ เจ้านาย คุณทำอย่างนี้ดีแล้วเหรอ, คุณเป็นถึงเซเล็ปเลยนะ?”
 “ทำอะไร?”
 “ถ้าพวกเราเดินควงแขนกันแบบนี้ เดี๋ยวคนอื่นเค้าก็เข้าใจผิดกันหรอก
 “อะไร ใครเค้าจะเข้าใจผิดงั้นเหรอ?”
 “ปกติแล้ว ถ้าคนอื่นเค้าเห็นผู้ชายกับผู้หญิงตัวติดกันแบบนี้…”
เขาได้ยินเสียงผู้คนที่อยู่รอบๆ
 “จอง เฮียว ริน เธอดูดีมากเลยนะ
 “พวกเขาพูดกันว่าเธอบริจาคเงิน 2 ล้านวอน ให้กับการกุศลและชนะงานประมูลทาส
ทุกๆอย่างที่ได้จากงานประมูลทาส จะถูกบริจาคและใช้เป็นเงินการกุศล
 “ดูพวกเขาควงแขนกันสิ
 “ชู่ววว! นั่นเค้าเรียกว่าแฟนเซอร์วิสรู้มั้ย แฟนเซอร์วิส(การเอาแฟนเพลงหรือผู้ที่ติดตามผลงาน)
 “ในเมื่อเธอคือจอง เฮียว รินนี่นา แต่เธอดูแลเขาเหมือนกับว่าเป็นแฟนของเธอเลย ทั้งๆที่ผู้ชายคนนั้น…”
 “ชิส์! เจ้าเด็กทาสฝึกหัดนั่นไม่ควรถูกขายออกไปด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนั่นจะคว้าโอกาสทองไปซะได้
ถึงแม้ว่าในงานมีพวกนักข่าวอยู่เต็มไปหมด แต่ทั้งสองก็เดินผ่านไปได้อย่างง่ายดาย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 “พวกเราคิดว่าเธอไม่มีอะไรทำในงานเทศกาลซะอีก ตั้งแต่ที่เธอมีงานร้องเพลงเปิดตัวและโด่งดังเป็นพลุแตกจากอัลบั้มแรกของเธอ แต่การที่ จอง เฮียว ริน มาอยู่ในที่แบบนี้มันเป็นเรื่องที่เซอร์ไพร้ส์แบบสุดๆ
 “นางฟ้า ผู้ที่รู้จักโลกใบนี้เป็นอย่างดี
เสน่ห์ของเธอเปล่งประกายเจิดจรัสไปทั่วทั้งงาน
ลี ฮุน ชายที่เพิ่งออกมาได้ไม่นานหลังจากที่ทำงานที่ร้าน ไม่ใช้เพียงแค่ไม่เหมาะสมกับเธอเท่านั้น แต่เขาไม่เหมาะสมกับเธอเลยจริงๆ
มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย ถึงแม้จะมองในมุมไหนก็ตาม มากไปกว่านั้น เธอยังเคยได้พบปะกับดารานักแสดงชายระดับฮอลลีวูดมาแล้วมากมาย เธอ คือ จอง เฮียว ริน เธอผู้ที่ดูเหมือนว่าจะห่างไกลจากเรื่องพวกนี้ เธอผู้ที่ใสสะอาดเกินกว่าทำอะไรแบบนี้กับพวกผู้ชาย
เธอคือคนที่รักการร้องเพลงมากที่สุด(เหนือสิ่งอื่นใด)
 “หลังจากที่ได้ควงแขนกับผู้ชายแล้ว มันรู้ตื่นเต้นนิดหน่อยแหะ ฉันสงสัยจริงๆว่าทุกคนที่ได้ควงแขนกันแบบนี้ จะรู้สึกแบบนี้เหมือนกันรึเปล่านะ…”
 “อะไรนะ?”
 “เปล่า ฉันแค่พูดกับตัวเองเฉยๆ
ลี ฮุนได้ยินคำพูดทุกคำที่เธอพูดออกมาทั้งหมด
 ‘ถึงแม้ว่ามันจะเป็นครั้งของเราเหมือนกัน ที่ได้ควงแขนกับผู้หญิง…’
หลังจากที่อายุของเขาเลยผ่าน 22 ปีไปแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้หญิงที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุด มีแต่น้องสาวของเขา เพียงคนเดียวเท่านั้น
ชีวิตที่ได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงเกิดขึ้นในวัยเด็ก เมื่อตอนที่เขาพาเธอไปรอบๆโดยแบกเธอไว้บนหลังของเขา เมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก ทั้งเปลี่ยนผ้าอ้อม และแม้กระทั่งอาบน้ำให้เธอ!
 “เรามาเล่นเกมตีตัวตุ่นกันมั้ย?” (whack-a-mole)
 “ผมไม่อยาก…”
 “มันแค่ 2,000 วอนเอง(60 บาท)
“...”
ลี ฮุน ต้องจำใจควักแบงค์ออกมาจากกระเป๋า
 ‘สรุปแล้วการออกเดทกับผู้หญิง ก็มีแต่เรื่องใช้ตังทั้งนั้น
สำหรับเขาแล้ว การใช้เงิน 2,000 วอน ดูเหมือนว่านี่จะกลายเป็นวันที่ทำให้เขาไม่อาจจะลืมมันไปได้เลย ตลอดชีวิต
มันจะตราหน้าอยู่บนหัวของเขา ตราบทุกช่วงลมหายใจ แม้กระทั่งช่วงที่กำลังจะตาย
จอง เฮียว ริน หยิบค้อนพลาสติกขึ้นมา โดยที่ไม่ปล่อยแขนออกจากลี ฮุนเลย
 “ย้า! ย๊า!”
ลี ฮุน พยายามยืนดูอยู่เฉยๆ แต่ทุกครั้งที่เขาเห็นเธอตีพลาด เขาก็ไม่อาจที่จะละสายตาไปจากมันได้
 “ทางซ้ายยังมีเหลืออยู่อีกนิดหน่อย
 “โอเค
 “ตอนนี้ พวกมันกำลังจะมาจากทางขวา!”
 “ฉันเห็นแล้ว!”
 “ตัวที่สองจากทางซ้าย! มันยังไม่กลับเข้าไป รีบจับมันสิ!”
 “ฉันบอกว่าฉันจะจัดการเอง!”
จิตวิญญาณแห่งการแข่งขันของทั้งคู่กำลังพลุ่งพล่านทะลุจุดเดือด
 “บ้าจริง ฉันพลาดไปตั้ง 12 ตัวเลยแน่ะ
 “เธอควรจะตีให้เร็วกว่านี้
 “ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันจะจัดการเอง แต่นายกลับพูดอยู่ข้างหูฉันตลอด ทำให้ฉันไม่มีสมาธิ ถ้านายไม่พูดมากนะ ฉันคงไม่พลาดเยอะขนาดนี้หรอก
 “ลองอีกทีสิ
 “รอบนี้นะ ฉันจะจับพวกมันให้หมดเลย
แม้กระนั้น จอง เฮียว รินก็ยังคงเหวี่ยงค้อนพลาสติกไปมา แต่เธอก็ยังไม่ปล่อยแขนออกจากลี ฮุนเลย
ขณะที่ลี ฮุนพยายามจะเอาแขนออกจากเธอ เพราะเขาคิดว่ามันจะไม่สะดวก ตอนนั้นเองที่ลี ฮุน บิดแขนออกเล็กน้อย จอง เฮียว ริน กลับหนีบแขนของลี ฮุนไว้แน่นเลย
มันเป็นอะไรที่ดูเป็นธรรมชาติและใกล้ชิดกันอย่างสนิทสนม
 “เชอะ! ฉันพลาดไป 3 ตัว
 “เธอทำได้ดีเลยนะ
 “ต่อไปจะเล่นอะไรดีล่ะ?”
คู่หนุ่มสาวดูสนิทสนมกันมากขึ้นหลังจากที่ไล่จับตัวตุ่น!
อาจจะเป็นเพราะว่าลี ฮุนรู้สึกสบายใจ เขาเลยแนะนำไปว่า อยากได้ตุ๊กตามั้ย งั้นเราไปยิงปืนกัน(BB-pistols)?”  (plushies จริงมันมาจากพวกเครื่องทอผ้า แต่เอาเป็นตุ๊กตาดีกว่า คิดซะว่าเป็นงานวัดละกัน 555 เออ ตุ๊กตาก็เป็นสิ่งทอนี่หว่า 555)
 “ฟังดูเข้าท่าดีนะ
300 วอน ต่อ หนึ่ง นัด! (ประมาณ 9 บาท)
ลี ฮุน เช็คราคาและเลือกเกมที่ถูกที่สุด
 “คุณคะ ได้โปรดบรรจุกระสุนให้พวกเรา 10 นัดด้วยค่ะ
ครั้งนี้ จอง เฮียว รินหยิบกระเป๋าตังของเธอออกมาและจ่ายเงินค่าเล่นเกม มันเป็นการกระทำที่ทำให้ลี ฮุนรู้สึกซาบซึ้ง
 ‘เธอเป็นผู้หญิงที่ดีแหะ…’
จอง เฮียว ริน หยิบปืนขึ้นมาด้วยมืออีกข้าง
 “ฉันจะยิงก่อน
 “โอเค
กระสุนที่จอง เฮียว ริน ยิงออกไป พลาด ไม่โดนตุ๊กตา แม้ว่าบางครั้งพวกเขายิงโดนมันแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังไม่ตกลงมา
เกมนี้ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว
มันคือสงครามระหว่างเจ้าของร้านและลูกค้าที่โลภอยากได้ตุ๊กตา!
หลังจากที่จอง เฮียว รินพลาด ก็ถึงตาของลี ฮุน คราวนี้ ลี ฮุน ไม่ได้เล็งไปที่ตุ๊กตาตัวใหญ่
 ‘ตุ๊กตาขนาดกลางมีน้ำหนักประมาณ 780 กรัม มันคือน้ำหนักที่เราเคยรู้สึกและสัมผัสมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ในตอนที่เราเย็บตาใส่ตุ๊กตา มันไม่ง่ายเลยที่จะยิงมันให้ตกลงมาด้วยกระสุนลพลาสติก(BB-pellet)
ถึงแม้ว่าจะยิงโดนตุ๊กตาแล้วก็ตาม แต่แรงที่โดนนั้น มันยังไม่พอที่จะทำให้ตุ๊กตามันตกลงมา
มันจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อยิงด้วยปืนใหญ่
ในเมื่อลี ฮุนกำลังโยนเงินทิ้ง 300 วอน ในแต่ละนัด, ลี ฮุน จึงพยายามตั้งใจเล็งไปที่ตุ๊กตานกกระจอกตัวเล็กๆ และ ยิงมันตกลงมา
 ‘สำเร็จ
ลี ฮุน วางแผนไว้ว่าจะเอาตุ๊กตานกกระจอกตัวนี้ไปให้น้องสาวของเขา
 ‘ดูเหมือนว่าเราไม่ต้องลำบากไปหาของขวัญปีนี้มาให้แล้วแหะ
แต่จอง เฮียว ริน กลับฉวยโอกาส หยิบตุ๊กตาไป (snatched)
 “นายจะให้ฉันใช่มั้ย?”
“...”
เขาไม่สามารถปฏิเสธสายตาที่เปล่งประกายสวยงามของเธอได้ สายตาที่กำลังอ้อนวอนให้เขาเอาตุ๊กตาตัวนี้ให้เธอ
 “ธะ-เธอเอาไปได้เลย
 “ขอบคุณนะ
จอง เฮียว ริน กอดตุ๊กตาตัวนี้อย่างทะนุถนอม
ทั้งสองคนยังนั่งม้าหมุนด้วยกัน(merry-go-round มโนเอานะ 555) และ ดูการแสดงของเด็กมหาลัยด้วยกัน
บนหลังคาของอาคารหลักในมหาวิทยาลัยเกาหลี พวกเขาได้มีโอกาสเห็นวิวท้องฟ้ายามค่ำคืน ทั้งในเมืองและงานเทศกาล
แม้กระทั่งดอกไม้ไฟที่ตกแต่งประดับประดาท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน จอง เฮียว ริน ก็ยังไม่ปล่อยมือของลี ฮุน เธอยังไม่ได้เปิดเผยความรู้สึกของเธอ ที่เธอมีต่อเขา; แต่นี่เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกที่เธอมี
ลี ฮุน คิดเธอชอบจับมือจริงๆแหะ
* * *
จอง เฮียว ริน เดินขึ้นไปบนเวทีเล็กๆข้างๆแม่น้ำ
มันเป็นเวทีที่มีคนดูไม่มากนัก บนเวทีมีเปยโนหลังใหญ่ตั้งอยู่
 เรามาร้องเพลงกันมั้ย?” จอง เฮียว ริน ถาม หลังจากที่เธอนั่งลงบนม้านั่งเปียโน
ในเมื่อพวกเขายังจับมือกันอยู่ ลี ฮุน ก็เลยนั่งข้างๆเธอ
 เพลงอะไรดีล่ะ?”
 “เพลงอะไรก็ได้บอกฉันมาเพลงที่นายอยากฟัง เพลงอะไรก็ได้ทั้งนั้น ฉันร้องได้หมดแหละ แต่ถ้าจะให้ดี เลือกเพลงที่แฮปปี้ๆหน่อยจะดีมาก เพราะว่าตอนนี้ฉันมีความสุข และอารมณ์ดีมากๆเลยด้วย
จอง เฮียว ริน ออกแสดงทัวร์คอนเสิร์ตมาแล้วรอบโลก ด้วยเสียงของเธอที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ เธอทำให้คนดูกว่า 6 หมื่นคน คลั่งมาแล้วในคอนเสิร์ตของเธอ และประเทศที่เป็นสังคมนิยม เหล่าฝูงชนนับร้อย นับพัน ต่างมารวมตัวกันที่ห้างสรรพสินค้า และสนุกไปกับอิสระแห่งเสียงเพลง
ถึงแม้ว่าเธอจะมีเสน่ห์และเฉิดฉายมากแค่ไหนก็ตาม ในยามที่เธอร้องเพลงอยู่บนเวที แต่ทุกครั้งเมื่อการแสดงจบลง เธอเดินลงจากเวที เธอต้องกลับไปนอนอย่างโดดเดี่ยว เดียวดายในห้องนอนที่โรงแรม เป็นอย่างนี้อยู่ร่ำไป
มีเพียงเสียงดนตรีเท่านั้น ที่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอ ในยามที่เธอเหงา เปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย เธอมักจะร้องเพลงเพื่อให้เธอมีความสุข แต่กระนั้นเธอก็ยังรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ดีหลังจากที่เธอร้องเพลง
เธอมีความรู้สึกที่ว่าเธอจะร้องเพลงได้อย่างมีความสุขเมื่อเธอได้อยู่ข้างกายลี ฮุน
 เธอร้องเพลง บทสนทนาในสายตา ‹ Dialogue of Eyes › ให้ฟังได้มั้ย?”
เพลงเปิดตัวของจอง เฮียว ริน บทสนทนาในสายตา ‹ Dialogue of Eyes ›
มันเป็นเพลงที่น้องสาวของลี ฮุนชอบฟังมากที่สุด
เพลงนี้ปล่อยออกมาเมื่อตอนที่จอง เฮียว ริน ยังเป็นนักเรียนและเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยม ตอนนั้นเธออายุได้เพียง 16 ปีเท่านั้น แต่เพลงนี้กลับทำให้เธอโด่งดังไปทั่วโลกและทำให้เธอกลายมาเป็นดาวดวงใหม่ในวงการเพลง
ถึงแม้ว่าเธอจะมีผลงานเพลงมากมายที่ออกสู่สายตาประชาชน แต่กระนั้นผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ลืม บทสนทนาในสายตา ‹ Dialogue of Eyes › ของเด็กสาวที่ร้องเพลงในวันนั้น
 “ฉันจะร้องให้นายฟังเอง ในทางกลับกัน ฉันจะเล่นด้วยมือข้างเดียว(Admin: ตอนร้องเพลง ไม่แปลตรงๆนะครับ มันแปลกๆยังไม่รู้ 555 อ่อ ไม่ลบต้นฉบับด้วย เผื่อสงสัยว่ามันเป็นไง ฮ่ะๆ) (ตอนแปลนึกถึงเพลง สายตา ของวง cell ซะงั้น 555)
[For reasons, I didn’t want to let go of your hand. ฉันมีเหตุผล ที่ไม่อยากจะปล่อยมือของเธอไป
There are no words in this world. ไม่มีคำใดๆในโลกนี้
Just us repeating the meaningless murmurs. มีเพียงแค่เราสองคน ไม่มีคำพูดใดมากไปกว่านี้
Please say what you want to say. ได้โปรด บอกฉันที ว่าเธอนั้น ต้องการ จะพูดอะไร
Since I cannot listen. ] ในเมื่อฉันไม่อาจได้ยิน
เสียงของจอง เฮียว ริน ดังออกมาราวกับมีเวทย์มนต์ เต็มเปี่ยมไปด้วยความงดงาม ซึ่งห่อหุ้มทำนองเพลงที่ออกมาจากเปียโน ที่เธอเล่นด้วยมือเพียงข้างเดียว
[No gestures allowed. ไม่จำเป็นมีท่าทางอะไรมากมาย
Dialogues does not exist. บทสนทนาของสองเรา นั้นมันไม่มีอยู่จริง
Connections made by the glint of the eyes. เพียงแค่มองตากัน
Please show me the light of your eyes. ให้ฉันนั้น ได้เห็นสายตาของเธอ
Earnestness, pain, despair, anger, regret, desire, intimacy, love ความจริงจัง ความเจ็บปวด ความสิ้นหวัง ความโกรธแค้น ความเสียใจ ความต้องการ ความสนิทสนม ความรัก
Please express all these feelings through your eyes.] ได้โปรดอธิบายมันออกมา ผ่าทางสายตาของเธอ
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ถูกดึงดูดด้วยเสียงเพลง ต่างพากันเดินมาที่เวที
พวกเขาหาที่อย่างเงียบเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน แม้จะเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม
จากนั้น พวกเขาเอาโทรศัพท์มือถือออกมาและส่งข้อความให้พวกเพื่อนๆ
 ‘จอง เฮียว ริน กำลังร้องเพลงอยู่ตรงเวทีแถวๆแม่น้ำ มาเร็วๆ!’
[What shall we choose when we eat. เราจะกินอะไรดี ในตอนที่เราสองต้องกิน
Please tell me if you’ve eaten well, and where we must go with your eyes. ได้โปรดบอกฉันที ว่าเธอนั้นชอบมันรึเปล่า และเราจะไปไหนดี ได้โปรดบอกมันผ่านทางสายตาของเธอ
If we look into each other’s eyes, we can read our feelings. ถ้าเรามองตากัน เราจะเห็นความในใจ
A world without misunderstandings and distortions. คำพูดใดที่ทำให้เรานั้นผิดใจกัน
So I can understand you, your feelings while looking into your eyes, we must make an effort. เพื่อที่ฉันจะได้เข้าใจเธอ ความรู้สึกของเธอที่อยู่ภายในดวงตาคู่นั้น หากเราสองจะต้องดิ้นรน เราก็ควรจะพยายามฝ่าฟันมันไปด้วยกัน
Even so, we can never truly understand each other’s thoughts. ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น เราก็ไม่เคยเข้าใจความคิดของสองเราเลย
Even if you see an action you cannot understand, I can accept it. ไม่ว่าเธอจะเห็น สิ่งที่ฉันนั้นทำไปรึไม่ ฉันก็เข้าใจ
Because I may also do the same. เพราะว่าฉันนั้นก็เป็นเหมือนกัน
Looking at the light of your eyes is an uncertain vagueness. เมื่อมองไปที่นัยน์ตาของเธอ มันมีแต่ความครุมเครือ
They aren’t words without feeling, please illuminate my happiness. ไม่มีคำพูดใดที่จะอธิบายความรู้สึกนี้ ได้โปรดเป็นแสงแห่งความสุขให้ฉัน
So that I can see myself in your eyes. เพื่อที่ฉันนั้นจะได้อยู่ในสายตาของเธอ
Even for just a short while, don’t divert your eyes from my face. ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เวลาสั้นๆ อย่าได้ละสายตาไปจากฉันเลย
One heart in one glance. หนึ่งใจ หนึ่งสายตา
Please illuminate my heart. ได้โปรดเป็นแสงสว่างในใจฉัน
The closer your shining eyes are, the better.] ยิ่งมองลึกเข้าไปข้างในดวงตาของเธอ มันยิ่งทำให้ฉันสุขใจ
เหมือนทุกครั้ง เธอร้องเพลงด้วยเสียงร้องที่มีมนต์เสน่ห์
เธอไม่ใช่เด็กสาวมัธยมที่เคยเป็นมาก่อน แต่เป็นหญิงสาวที่กำลังเรียนรู้รักแท้
เสียงที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ไม่ได้สื่ออารมณ์ถึงความเศร้าหรือหดหู่ แต่กลับกำลังสอนให้รู้ถึงเรื่องราวความรัก
[If hard words cannot make the heart quiver. หากคำ คำนั้น ไม่อาจ ทำให้ใจของเธอ หวั่นไหว
Then, I want to speak with the light of my eyes. ฉันคงต้องพูดมันออกไป ด้วยเสียงที่อยู่ข้างใน ผ่านสายตาของฉัน
Hear the sound of your eye’s voice. ฉันได้ยินเสียงของเธอ ผ่านสายตาที่เธอส่งมาให้ฉัน
Because it will furrow far more deeply into your heart. เพราะว่ามันฝังลึกอยู่ในหัวใจของเธอ
I will be able to convey what words cannot. เพื่อที่ฉันนั้นจะได้พูด คำบางคำ ที่ฉันนั้นไม่อาจจะสื่อไปถึงเธอ
Speak with your eyes. พูดมันออกมา ผ่านทางสายตาของเธอ
I want to see the light in your eyes.] ฉันอยากรู้ความรู้สึกที่เธอมี ผ่านทางสายตาของเธอ
สายตาของจอง เฮียว ริน ไม่ได้จับจ้องไปที่เปียโนเลยแม้แต่น้อย
เธอกลับจ้องมองไปที่ลี ฮุนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆเธอ  เธอร้องเพลงด้วยดวงตาสีดำที่เปล่งประกาย
จบตอน
ที่มา: http://japtem.com/lms-volume-15-chapter-6

ไฟล์: https://drive.google.com/drive/u/0/folders/0B7slWHQIQ6wCM1hicDY3dUw2cXM

19 ความคิดเห็น:

  1. งุ้ยยยยย 5555 ควบสองไปเลยลีฮุน 55555

    ตอบลบ
  2. ปักธงไปอีกหนึ่งร้ายห่ะพระเอกเรา

    ตอบลบ
  3. โอ้ววววววว วีด คงคิดว่าแค่ เพราะ แน่เลยยยยย ส่วนคนอื่นอิจฉากันไป

    ตอบลบ
  4. พีคเลยวีดด อยากอ่านต่อจัง ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  5. พีคเลยวีดด อยากอ่านต่อจัง ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  6. จบตอนแล้วค้างมากขอบคุณมากๆ

    ตอบลบ
  7. ฮาเร็มคิริโตะ หราลีฮุน 555+

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณมากครับ บักฮุนนี่มันซื่อบื้อจริงๆ และก็คงไม่รู้ด้วยว่าจองเฮียวริน คือ ฮวารยอง
    ความจริงอยากให้บักฮุนควบทั้งซอยูนและจองเฮียวรินนะแต่ดูเหมือนว่าบทนางเอกจะถูกจองด้วยซอยูนซะแล้ว

    ตอบลบ
  9. คนนี้ก็ชอบ เธอรักลีฮุนดีอะ ซอยุนก็ชอบซึนดี ยังมีดาอินชาแมนสาวอีก ฮ่าๆ น่ารักหมดอะ ปล.พวกเซอร์กะ โรมุเนะ ไอรีน ยอมแพ้หมดแล้วสินะ แต่ละคนรอบตัววีดธรรมดาซะที่ไหน

    ตอบลบ
  10. ตัวหนังสือมันติดกันเป็นพรืดอะคับ ยิ่งเจออังกฤษประโยคไทยประโยคเข้าไป...ตาลายมากเลยคับ

    ไม่มีย่อหน้า ไม่มีการเว้นบรรทัด ใดๆทั้งสิ้น...

    ตอบลบ
  11. ต้องซอยูนเท่าน้านนนน ไม่ยอมหรอกนะลีฮุน ต้องกับซอยูนสิ

    ตอบลบ
  12. อยากให้บักวีด มันเปิดฮาเร็มจริงๆ ก็นะ.. นางเอกนะล็อคไว้แล้ว

    ตอบลบ
  13. ผมมีความสุขที่ได้อ่านขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  14. กลายเป็นสัตว์ป่าเถอะ ฮุนเอ้ย จะได้ไม่มีใครเสียใจ

    ตอบลบ

เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล

  เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล ลาเฟย์หลับตาลง ' เราจบสิ้นแล้ว '...