วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เล่มที่ 14 ตอนที่ 8: การสร้างจิตวิญญาณแห่งธาตุ

เล่มที่ 14 ตอนที่ 8: การสร้างจิตวิญญาณแห่งธาตุ

เดย์มอนด์และกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีแยกประเภทของวิญญาณปีศาจ
พวกมันคือวิญญาณปีศาจขนาดยักษ์ 50 ตัว! ขุมกำลังนี้ยังมีวิญญาณปีศาจขนาดกลางอีก 1,000 ตัว และวิญญาณปีศาจขนาดเล็กอีกเป็นหมื่นๆตัว
 “เอาล่ะ เรามาลองกันเถอะ

เดย์มอนด์ชอบความคิดของนาโด

 “พวกเราต้องรู้ให้ได้ว่ามีพลังมากแค่ไหน

ครั้งแรกที่ได้สบตากับพวกวิญญาณปีศาจ มันน่าทึ่งมาก แต่พวกเขาต้องการ

ที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ในการต่อสู้จริงๆ


พวกเขานำทัพวิญญาณปีศาจออกจากวิหารแห่งการคืนชีพ และเริ่มทำการ

ทดลองในทุ่งร้าง


ฝูงมันติคอร์ผู้โชคร้ายที่กำลังเดินผ่านได้กลายมาเป็นหนูทดลองของพวกเค้า (Admin: สัตว์ในเทพนิยายคล้ายสิงโต)

มันติคอร์มีรูปร่างคล้ายสิงโตขนาดใหญ่ มีพละกำลังและความเร็วที่สูงมาก

 แม้กระทั่งกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีเคยต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายมาแล้ว 


ในครั้งก่อนๆ พวกเขาสามารถเอาชนะมาได้ในขณะที่ต้องได้รับความเสียหาย


 แต่พวกเขาอ่อนแอมากเนื่องมาจากการทำเควสและไม่สามารถใช้พลังได้


อย่างเต็มที่
 “จัดการพวกเวรนั่นซะ

เมื่อสิ้นคำสั่งของเดย์มอนด์ เหล่าวิญญาณปีศาจขนาดยักษ์เคลื่อนพล

ข้ามทุ่งร้างพร้อมเสียงฝีเท้าอันดังกระหึ่มราวกับฟ้าร้อง
ทุกครั้งที่พวกเขาเคลื่อนไปข้างหน้า จะเกิดหลุมมากมายในพื้นดิน 

พวกวิญญาณปีศาจใช้น้ำหนักอันมหาศาลของพวกมันพุ่งเข้าไปโจมตีฝูง


มันติคอร์ ทั้งบดขยี้และเหยียบย่ำพวกมัน

มันติคอร์เป็นสิบๆตัวถูกเตะกระเด็นด้วยของขาหน้าของวิญญาณปีศาจจน


ลอยขึ้นไปในอากาศและพวกวิญญาณปีศาจตัวอื่นๆใช้เขาของพวกมันทิ่ม


แทงมันติคอร์ที่กำลังตกลงมา
มันเป็นภาพที่น่าดู: การกัดและการข่วนของมันติคอร์แทบจะไม่สามารถทำความเสียหายให้แก่พวกวิญญาณปีศาจได้เลย
ทุกๆครั้งที่มันติคอร์ตาย เดย์มอนด์และกิลด์สามารถรับรู้ได้ว่าพลังแห่งการ

คืนชีพกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
- ด้วยการครอบครองพลังชีวิตของผู้อื่น คุณได้รับพลังแห่งการคืนชีพ 35 หน่วย
- ความจงรักภักดีของคุณที่มีต่อวิหารเอ็มบินยูเพิ่มขึ้น

ค่าอุทิศของคุณที่มีต่อวิหารเอ็มบินยูเพิ่มขึ้น

คุณได้รับสถานะผู้ติดตามชั้นผู้น้อย

พวกเขาได้รับพลังแห่งการคืนชีพทุกครั้งที่วิญญาณปีศาจประสบความสำเร็จ

ในการล่า ความจงรักภักดีของพวกเขาที่มีต่อวิหารเอ็มบินยูเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
กองทัพของเดย์มอนด์ใหญ่โตขึ้นทุกครั้งเมื่อเขาใช้พลังแห่งการคืนชีพ!
นาโดถึงกับเอ่ยปากชม

ถ้ามันมีพลังขนาดนี้นะ พวกเราควรที่จะทำลายกำแพงปราสาทได้แล้วนะ

ไม่มีอะไรที่สามารถเปรียบเทียบได้กับอาวุธทลายป้อม

อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาปล่อยให้เหล่าวิญญาณปีศาจออกไปโจมตีเป็น


พวกแรกด้วยพละกำลังอันมหาศาล ไม่มีอะไรที่จะสามารถทำอะไรพวกเขาได้


เมื่อพวกเขาไปประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของกองทัพคืนชีพ เดย์มอนด์และ

กิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีถึงกับขนลุก ตัวสั่นสะท้าน

ความสามารถของพวกวิญญาณปีศาจขนาดกลางและขนาดเล็กก็โดดเด่นไม่


แพ้กัน

โดยการใช้พลังชุบชีวิต เหล่าทหารและอัศวินที่ตายไปแล้วสามารถฟื้นคืนกลับ


มามีชีวิตได้อีกครั้ง พวกที่กลับมามีชีวิตจะสูญเสียสติปัญญาและความคิด 


แล้วจะกลายมาเป็นลูกสมุนที่รู้จักแต่การต่อสู้ คอยจัดการศัตรูของพวกมัน


อย่างโหดร้ายและทารุณ
* * *
 “มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องติดสินใจว่าจะมุ่งหน้าไปที่ไหนต่อ
เดย์มอนด์พูดในขณะที่กำลังใส่ไม้เท้ากระดูกและหมวกเหล็ก
ไอเทมที่พวกเขาได้มาเป็นรางวัลในขณะที่พวกเขาออกล่าในทุ่งร้างกับกองทัพคืนชีพ!
 “ออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ
ซูบันเสนอความคิดนี้
 “ข้าว่าตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะยึดครองและช่วงชิงอาณาจักรของพวกมนุษย์และพวกเอลฟ์
กองทัพคืนชีพกำลังเติบโตมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมันยากที่จะหา

สถานที่ล่าดีๆที่เหมาะสมในทุ่งร้างแห่งนี้


แม้ว่าพวกเขาจะใช้แค่เพียงพวกวิญญาณปีศาจขนาดกลาง 

สถานการณ์ก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่ 


ดังนั้นแล้วการที่จะหาฝูงมอนสเตอร์จึงยิ่งยากขึ้นไปอีก


เดิมทีกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีเป็นพวกที่ชื่นชอบการต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง 

ณ ทุ่งร้างแห่งนี้ มีผู้คนเพียงหยิบมือ พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะต้องระเบิดความ


อัดอั้นที่มีอยู่ออกมา
 “พวกเราต้องเริ่มเคลื่อนไหวได้แล้ว

มาร์วิ่นเห็นด้วยกับความคิดนี้

เขาคิดว่ามันคงจะเป็นความผิดมหันต์หากไม่ใช้พลังที่พวกเขาครอบครองอยู่

พวกเขาครอบครองพลังอันมหาศาลที่เหนือกว่าทุกๆอาณาจักรในทวีปเวอร์


เซลล์

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่รู้ในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นสามารถนำความ


หายนะมาสู่โลกใบนี้ ทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่างก็ไม่ได้กังวลหรือสนใจที่จะ


ต้องรอเพราะเหตุผลนี้


นาโดถาม
 “หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน?”
 “แม้กระทั่งในทุ่งร้างแห่งนี้ ยังมีหมู่บ้านเล็กๆมากมายตรงแถบชายแดน

พวกเขาเดินเร่ร่อนไปมาพร้อมกับกองทัพคืนชีพ 

พวกเขาผ่านพวกนักล่าที่มีขนาดเล็กกว่าจำนวนมากและหมู่บ้านเล็กๆที่


ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการทำเกษตรกรรม


 “แต่ว่าพวกเขาเล็กมากเลยนะ พวกเราไม่จำเป็นต้องมองหาพวกเขาหรอก พวกเราสามารถจัดการพวกนั้นได้เพียงแค่เดินผ่าน เพื่อการเริ่มต้นที่ดี ทำไมพวกเราไม่มุ่งหน้าไปยังโมราต้าล่ะ? ที่นั่นมีผู้คนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก
มาร์วิ่นแนะนำโมราต้า
มันอยู่ใกล้ที่สุดและมีจำนวนประชากรหนาแน่น! แต่ซูบันมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป
 “โมราต้ามีวิหารเฟรย่าห์คอยปกป้องอยู่ แล้วยังมีพวกนักผจญภัยที่มีเลเวลสูงอีกด้วย และถ้าพวกเราเกิดไปโจมตีที่นั่นตั้งแต่เริ่มเลยละก็ ความเสียหายที่พวกเราจะได้รับนั้นคงมากน่าดู
 “พวกเราต้องคำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นด้วย ถึงแม้ว่าพวกวิญญาณปีศาจจะตาย พวกเราสามารถชุบชีวิตพวกมันได้ตลอด
 “มันก็ถูกนะ แต่มันก็มีอาณาจักรอื่นๆหรือหมู่บ้านที่อยู่รอบๆโมราต้าไม่ใช่เหรอ?”
 “มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่…”
 “หลังจากที่พวกเราจัดการโมราต้าและยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดเมืองเล็กๆในทางตอนเหนือ อาณาจักรที่อยู่ในทางตอนกลางสามารถเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีของพวกเราได้ พวกเราต้องเปิดฉากโจมตีทางตอนกลางก่อน ที่นั่นผู้คนจะได้ประจักษ์ซึ่งถึงความแข็งแกร่งของพวกเรา อีกทั้งพวกเรายังสามารถขยายกองทัพของเราเพิ่มได้มากขึ้นอีกด้วย
นาโดเห็นด้วยกับซูบัน
 “การต่อสู้เล็กๆ พวกเราสามารถชนะได้อย่างแน่นอนแต่ว่ามันจะเสียเวลาน่ะสิ พวกเราอาจจะเสียเปรียบได้ในภายหลัง มันจะดีกว่ามั้ยถ้าพวกเราไปยังทางตอนกลางที่ๆมีโอกาสเกิดการต่อสู้เกิดขึ้นมากมาย?”

มันมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเกิดขึ้น พวกหนึ่งต้องการที่จะโจมตีไปรอบๆ

หมู่บ้านต่างๆ ส่วนอีกพวกหนึ่งต้องการที่จะโจมตีโมราต้าทันที
 “พวกเราจะไปที่ทางตอนกลางกัน แก้แค้นพวกเวรนั่นก่อนเป็นอันดับแรก พวกที่คิดมาแย่งดินแดนและฆ่าพี่น้องของพวกเรา พวกเราแข็งแกร่งพอแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลที่พวกเราต้องรออีกต่อไป พวกเราจะละทิ้งชื่อของกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีไว้ที่นี่ พวกเราจะนำกองทัพในนามของวิหารแห่งการคืนชีพ
เหล่าพรีสต์ของวิหารแห่งการคืนชีพเลือกที่จะทำตามการตัดสินใจของ

เดย์มอนด์


เพราะพวกเขาคือกิลด์แห่งการต่อสู้ ถ้ามีการตัดสินใจเกิดขึ้นแล้ว 

มันจะไม่มีเสียงซุบซิบให้ได้ยินอีกเลย


วิหารแห่งการคืนชีพและวิญญาณปีศาจเคลื่อนพลมุ่งหน้าสู่ทางใต้
* * *
 “พวกวิญญาณปีศาจกำลังจะมาโจมตีเรา!”
 “มีพวกมอนสเตอร์หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวกำลังมุ่งมาทางนี้
พวกผู้เล่นที่กำลังออกล่าอยู่, หยุดการกระทำทุกอย่างและรีบมุ่งหน้าเข้าไปยังประตูทางเหนือของอาณาจักรอิโซรุ
 “มันเกิดอะไรขึ้น?”
 “นายพูดว่าพวกมอนสเตอร์กำลังโจมตีใช่มั้ย?”

เพื่อที่จะหาว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกผู้เล่นจึงไปรวมตัวกันใกล้ๆ

กับกำแพงปราสาท

มอนสเตอร์ส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะเจาะทะลุกำแพงปราสาทหนาๆได้และ


กลายมันเป็นเหยื่อของลูกธนูและเวทย์มนต์
 “ไม่ใช่ว่ามันเหมือนกับการออกล่าเป็นปาร์ตี้หรอกเหรอ ที่ต้องทำก็แค่ออกไปจัดการฝูงมอนสเตอร์นั่นซะและกลับเข้ามายังปราสาทเหมือนเดิม?”
 “มอนสเตอร์อะไรกันถึงขนาดทำให้พวกเขากลัวจนต้องวิ่งหนี?”

ในขณะที่ผู้คนกำลังคุยกันและมองดูอย่างสบายใจ เหล่าผู้เล่นที่เข้ามาทาง

ประตูเหนือต่างตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
 “ทุกคน เตรียมตัวอพยพ!”
 “พวกเจ้าจะมีชีวิตรอดอยู่ได้หากหนีออกไปจากอาณาจักรอิโซรุ เร็วเข้า!”
 “กองทัพมอนสเตอร์กำลังเดินหน้าบุกเข้ามา!”

หลังจากที่รับรู้ได้ถึงเหตุฉุกเฉินจากเสียงกรีดร้องตะโกนของพวกเขา 

เหล่านักรบที่กำลังคุยกันกับพวกพ่อค้าที่กำลังทำธุรกิจอยู่และผู้คนที่กำลังคุย


กันในตลาดนัด ต่างพากันลุกขึ้นยืน


นอกจากจะยังไม่วิ่งหนีแล้ว ยังออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น 

พวกเขาย้ายไปที่กำแพงเมือง
 “มันไม่ใช่ธุระอะไรของข้าถ้าหากพวกเจ้าต้องมาเสียใจในภายหลัง!”
 “พวกเราเตือนแล้วนะว่าให้รีบอพยพน่ะ

พวกผู้เล่นที่เข้ามาจากประตูทางเหนือ รีบหนีออกไปทางประตูทิศใต้ทันที

เพื่อนๆของพวกเขา เช่นเดียวกับพวกผู้เล่นคนอื่นๆที่ยังสงสัย 

ต่างพากันหนีออกไปตามพวกเขา


อัศวินและทหารของอาณาจักรอิโซรุรวมพลจัดตั้งแนวทัพอยู่บน

กำแพงปราสาทของประตูทางเหนือ 


แม้กระทั่งจอมเวทย์ที่ไม่ชอบเสี่ยงออกไป ยังมาพร้อมกับไม้กายสิทธิ์และ


เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

มีเพียงแค่ผู้เล่นเท่านั้นที่รู้ว่าเหตุการณ์นี้มันเลวร้ายแค่ไหน


ในขณะที่พวกเขากำลังโอดครวญอยู่ว่าจะหนีไปหรือไม่ 

ฝูงวิญญาณปีศาจจากทางเหนือเข้ามาประชิดใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

พวกมันคือวิญญาณปีศาจขนาดยักษ์ซึ่งมีขนาดตัวเทียบเท่ากับป้อมปราการ

วิหารแห่งการคืนชีพปรากฏตัวพร้อมกับกองทัพวิญญาณปีศาจนับหมื่นตัว
หลังจากที่พวกเขารวมพลวิญญาณปีศาจเข้าสู่แนวทัพแล้ว ทางด้านประตู, เดย์มอนด์กำลังขี่ม้าเข้าไปใกล้

 “ข้าชื่อเดย์มอนด์!”

เดย์มอนด์ตะโกนเสียงดังไปที่กำแพงปราสาท

เขาอยู่ห่างออกไปหลายเมตร แต่พวกผู้เล่นก็สามารถได้ยินเสียงของเขาอย่าง


ชัดเจน
 “ถ้านั่นคือเดย์มอนด์ แสดงว่าเขาเป็นผู้เล่นอย่างนั้นสินะ?”
 “ฉันคิดว่าเขาเป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการล่ามอนสเตอร์ระดับบอสในทางเหนือนะ…”
 “การที่เขาสามารถนำกองทัพมอนสเตอร์มาปรากฏตัวที่นี่ได้นั้น มันต้องเกี่ยวข้องอะไรกับเควสที่เขาทำอยู่แน่เลย?”
ผู้คนที่สงสัยต่างรอคอยคำพูดถัดไปของเดย์มอนด์
พวกเขาคิดว่าเดย์มอนด์ต้องการเรียกร้องทรัพย์สมบัติมากมายจากอาณาจักรอิโซรุ และแนะนำให้พวกเขายอมแพ้; โดยเฉพาะเมื่อเขานำกองทัพมอนสเตอร์มาพร้อมกับเขา
แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้นอกจากตกใจกับคำพูดที่เดย์มอนด์

กำลังจะพูดออกมา
 “ข้าขอประกาศสงครามกับอาณาจักรอิโซรุ พวกคนที่ไม่ต้องการต่อสู้ ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 10 นาที ออกมาจากกำแพงปราสาทซะและหนีลงใต้ไป ส่วนพวกที่ไม่ฟังคำเตือนของพวกเราเตรียมตัวตายได้เลย
มันเป็นการยื่นคำขาดแบบรุนแรงจนหาที่เปรียบไม่ได้!

เมื่อพวกเขามองเห็ยกองทัพมอนสเตอร์ที่เดย์มอนด์เป็นคนสั่งการอยู่ 

พวกผู้เล่นต่างพากันหนีออกไปจากอาณาจักรอิโซรุอย่างเงียบๆ 


อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้หนีออกไปจากพื้นที่แถวนั้นแต่กลับขึ้นไปบนเนิน


เขาใกล้และรอดูการต่อสู้ของอาณาจักรอิโซรุกับกองทัพมอนสเตอร์ เดย์มอนด์


และวิหารแห่งการคืนชีพตัดสินใจปล่อยให้พวกที่มุงดูเหตุการณ์หรือพวกที่ไม่รู้

อีโหน่อีเหน่หนีไป
 “เอาล่ะหมดเวลา 10 นาทีแล้ว ทุกคนที่เหลืออยู่ในปราสาทคือศัตรูของพวกเรา

เดย์มอนด์และพรีสต์แห่งการคืนชีพพร้อมกับวิญญาณปีศาจ


เริ่มร่ายเวทย์มนต์ของพวกเขา และในไม่ช้าควันสีเทาก็ปกคลุมปราสาททั้ง


หลัง

เมื่อโรคระบาดแพร่กระจายออกไป ใบหน้าของพวกทหารและอัศวินถูกย้อมเป็นสีเขียว
พวกเขาอ่อนแอหมดแรงจนไม่สามารถที่จะแบกรับน้ำหนักของชุดเกราะที่

พวกเขาใส่และขาดใจตายบนกำแพง
 “มังกรดิน บุก!”

พวกวิญญาณปีศาจขนาดใหญ่ยักษ์มหึมาที่นาโดเรียกมานั้น พุ่งเข้าไปหากอง

ทัพของศัตรูด้วยย่างก้าวอันหนักหน่วง

ทุกครั้งที่พวกวิญญาณปีศาจก้าวเดินแต่ละที มันจะเดินเซไปเซมาให้


ความรู้สึกแปลกประหลาดมาก พวกมันเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นแล้วพุ่งเข้าชนใส่


กำแพงปราสาทด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัว
บู้มมมม!
ส่วนหนึ่งของกำแพงปราสาทแตกละเอียดกลายเป็นฝุ่นผง
พวกวิญญาณปีศาจขนาดยักษ์ทุบตีและทำลายกำแพงปราสาท ในขณะที่พวกวิญญาณปีศาจขนาดกลางโจมตีปราสาท;พวกมันทั้งกระโดดและปีนขึ้นไปบนกำแพงปราสาท หรือพวกมันหาทางเข้าได้โดยใช้พวกวิญญาณปีศาจขนาดยักษ์
ทหารของอาณาจักรอิโซรุระดมยิงลูกธนูและเวทย์มนต์ แต่ไม่ว่าจะยังไงพวกวิญญาณปีศาจโดนยิงจนล้มลงไปแล้วกลับลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
พรีสต์แห่งการคืนชีพร่ายเวทย์มนต์ชุบชีวิตพวกมันขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ต้องขอบคุณวิญญาณปีศาจขนาดยักษ์ที่มีร่างกายมหึมา กำแพงปราสาทได้พังทลายลงมา; แม้กระทั่งโครงสร้างภายในของปราสาทยังได้รับความเสียหายจนพังยับเยิน

มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองยากที่จะลืมได้ในสายตาของผู้เล่นที่ได้พบเห็น

เหตุการณ์นี้ ทั้งปราสาทเกิดรอยร้าวและพังทลายลงมา

เดย์มอนด์และวิหารแห่งการคืนชีพเดินหน้ากวาดล้างด้วยพลังทั้งหมดที่พวก


เขามี ไม่มีการไว้ชีวิตหรือแม้แต่ดวงวิญญาณที่อยู่ภายในปราสาททั้งหมด

อาณาจักรอิโซรุถูกบดขยี้อย่างรวดเร็ว และกองทัพคืนชีพกลับมีพลังเพิ่มมาก


ยิ่งขึ้นไปอีก

พวกวิญญาณปีศาจเติบโตขึ้นผ่านประการณ์การต่อสู้

เมื่อชีวิตดับสิ้น พวกทหารธรรมดาและอัศวินทั้งหมดถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง

นี่คือวิธีการที่เดย์มอนด์และกองทัพคืนชีพจัดการกับอาณาจักรอิโซรุ

การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์บนทวีปเวอร์เซลล์กำลังจะ


เกิดขึ้น
* * *
พวกคนแคระแห่งคุรุโซอยู่ในสภาวะชุลมุนวุ่นวายอันเนื่องมาจากสวนน้ำนั่นเอง
 “เค้ เฮะ เฮะ เฮ!”
 “ดื่มเบียร์ตอนที่กำลังเล่นน้ำอยู่นี่ มันสุดยอดจริงๆ

พวกคนแคระต่างพากันสนุกสนานไปกับสวนน้ำโดยไม่สนใจว่าพวกเขานั้นจะ


มีอายุเท่าไหร่หรือเพศอะไร เมื่อไม่นานมานี้ มีเทรนด์ใหม่ล่าสุดคือดื่มเบียร์ใน


ขณะที่กำลังลงมาจากสไลเดอร์น้ำ

เฮอร์แมนและพินกล่าวกับวีด
 “ประติมากรรมของเค็นเดลฟ์! ไม่ใช่ว่านี่คือเควสเฉพาะเผ่าพันธุ์ที่ผู้ฝึกสอนในกิลด์ประติมากรคนแคระเป็นคนให้มาอย่างนั้นสินะ? พอลองมาคิดดูแล้วคนที่ค้นพบมันนี่ ดันเป็นคนที่เรารู้จักซะด้วยมันช่างเป็นข่าวที่น่าตกใจมาก
 “ยินดีด้วย นายสามารถจัดการคำขอร้องที่ไม่เคยมีใครสามารถไขปริศนานี้ได้มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน
สำหรับพวกคนแคระ, การค้นพบร่องรอยที่ลึกลับ ซับซ้อนของเค็นเดลฟ์ผู้เป็นตำนานนั้น เป็นภารกิจที่น่าทึ่ง
ที่หน้าต่างเควสของวีดมีบางอย่างเปลี่ยนไป-ถ้าเขาไปหาผู้ฝึกสอนจอร์บิดที่กิลด์ประติมากร เขาสามารถได้รับรางวัลในทันที

ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พวกคนแคระรวมทั้งเฮอร์แมนจะรู้สึกอิจฉา

วีดพูดตามความคิดของเขาด้วยท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน

โอ้ ได้โปรด ผมก็แค่หามันเจอโดยบังเอิญเท่านั้น
“...”
 “ก็ตั้งแต่ที่ผมมองหามันทั่วทั้งคุรุโซแล้ว มันก็เหลืออยู่เพียงที่เดียวที่มันน่าจะอยู่ที่นั่น?”
“...”
 “มันไม่มีอะไรที่พิเศษเลยกับสิ่งที่ผมทำ มันก็แค่ความพยายามของพวกคนแคระคนอื่นๆหมดลงก็เท่านั้นเอง
การพูดของเค้านั้นยิ่งทำให้พวกเขาชอบวีดน้อยลงไปอีก!

มันแปลกสำหรับวีดที่จะต้องชมหรือสรรเสริญคนอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงทำสิ่งที่ดีที่สุดด้วยการพูดล้อเล่นเหมือนมันเป็นเรื่องตลก
 ‘มันแน่นอนล่ะว่าการได้รับคำชมไม่ใช่เรื่องที่ดี!’

เมื่อครั้งที่เค้าเคยทำงานเป็นลูกจ้าง ตอนที่เค้าทำงานได้ไม่ดีมักจะโดนสบถใส่


อยู่ตลอดเวลา มันเป็นวันที่เค้าได้รับคำก่นด่าสาปแช่งมากกว่าอาหารที่ได้มา


เสียอีก

แต่ด้วยความพยายามมุมานะ เขาจึงสามารถก้าวข้ามผ่านความยากลำบาก


ไปได้ ขนาดถึงขั้นที่ว่าเขาเชี่ยวชาญเทคนิคต่างๆมากมายจนสามารถทำงาน


ได้มากกว่าคนอื่น
เขาทั้งยกและถือกองอิฐเป็นกองๆ, ติดตาให้ตุ๊กตาเป็นร้อยๆ, และยังส่งหนังสือพิมพ์ได้ดีอีกด้วย
 “นายมีความสามารถทางด้านนี้นะ
 “นายเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น เป็นคนที่พวกเราต้องการมาก
เมื่อได้รับคำชื่นชมจากท่านประธานมากเท่าไหร่, จำนวนงานที่เขาได้รับนั้นยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
มันยิ่งแย่มากขึ้นอีกเมื่อเขาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านเหล้า

 “นายสุดยอดมาก! สมบูรณ์แบบที่สุด! จากนี้ไป ฉันจะให้ลี ฮุนทำงานนี้

ทุกครั้งที่ได้รัยคำชม เขามีความสุขที่ได้ยินมัน แต่วีดรู้ดีว่าอีกไม่นาน ร่างกายของเขาจะเหนื่อยล้าไปทั้งตัว

แม้กระทั่งในกรณีแบบนี้ ที่ไม่ใช่ความตั้งใจของเฮอร์แมน วีดสามารถโต้ตอบ


ได้โดยสัญชาตญาณ

และเขาไม่ได้แกล้งทำหรือหลอกคนอื่นในเรื่องนี้

ตามกฎแล้ว การค้นพบที่เกิดขึ้นทั้งหมดภายหลังจากความพยายามอุตสาหะมาอย่างยาวนาน ในที่สุดมันมาชัดเจนในตอนท้าย
 “ในฐานะที่เป็นประติมากร มันใช่เพียงแค่การมองหาผลงานที่สำเร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นงานประติมากรรมแบบไหน ถ้าคุณเข้าใจถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างมัน, สถานที่, และลักษณะของมัน, ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ผมทำขึ้นมานั้น มันเป็นไปได้เสมอ
 “เข้าใจวัตถุดิบและคุณลักษณะมันไม่ใช่แค่การตีดาบให้เสร็จ, แต่ต้องใส่ใจและความเป็นตัวของตัวเองลงไปในขั้นตอนที่ทำนั้นด้วย?”
พวกมันคือดาบธรรมดาๆ, แต่เฮอร์แมนคิดถึงพวกมันเป็นเวลานาน, อย่างกับว่าเขาได้รับเบาะแสอะไรบางอย่างจากพวกมัน
พินลังเลอยู่นานก่อนที่จะถามอย่างระมัดระวัง
 “ตอนนี้คุณทำเควสสำเร็จแล้ว คุณจะออกจากคุรุโซเลยมั้ย?”
เธอก็ด้วย เธอรู้ว่าเขาทำเควสของประติมากรสำเร็จที่มีอยู่เกือบทั้งหมด, และเขายังค้นพบร่องรอยของเค็นเดลฟ์อีกด้วย อันที่จริงแล้ว วีดทำภารกิจเสร็จไปแล้วมากมายหลากหลายชนิด
คำขอร้องที่ต้องทำคู่ไปกับการผจญภัยหรือต่อสู้, คำขอร้องการผลิต เช่น งานเย็บปักและการตีเหล็ก, คำข้อร้องที่ต้องสร้างงานประติมากรรมให้ประทับใจเขาทำมันเสร็จทั้งหมด!
ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เก่งสักอย่าง, คำขอร้องที่เขาได้รับมาจึงเพิ่มขึ้น
ปกติแล้ว เมื่อพวกคนแคระเห็นวีด พวกเขาจะรีบมาขอร้องให้เขาทำนู่นทำนี่

ให้ทันที
 “เหมืองทางหินทางทิศตะวันออกเต็มไปด้วยพวกหนอนตะกั่ว เจ้าพอจะจัดการมันได้มั้ย?”
หนอนตะกั่วเป็นมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่า 300
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่วีดจะล่าพวกมันได้ด้วยระดับเลเวลของเขา, แต่เพราะพวกมันสามารถขุดและฝังตัวลงไปในดินได้, พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่จับได้ค่อนข้างลำบากหากปราศจากซึ่งเวทย์มนต์ อีกอย่างพวกมันยังรับรู้ได้ถึงอันตรายใกล้ตัว แล้วพวกมันจะพ่นพิษที่สามารถแก้ได้ยากมาก
 “ดาบที่สามารถทำให้เหล็กแหลกสลายกลายเป็นผุยผง, และชุดเกราะไม่สามารถที่จะป้องกันได้เลย, มันมีเรื่องเล่าที่คนเขาลือกันว่าดาบในตำนานถูกซ่อนอยู่ในอาณาจักรของพวกเรา, เจ้าเชื่อเรื่องพวกนี้มั้ย? ข้าจะดีใจมากหากเจ้าสามารถหามันพบ
เควสดาบในตำนาน
ด้วยความยากระดับ A, มันเป็นเควสที่พิเศษมากขนาดที่ว่าไม่มีใครในคุรุโซสามารถทำเควสนี้ได้
มันมีเบาะแสไม่มากนัก, แต่มันมีโอกาสสูงมากที่เขาสามารถเพิ่มความสนิทสนมกับพวกคนแคระที่อาศัยอยู่จนถึงระดับสูงสุดได้
วีด,ผู้ที่สามารถยกยอได้ตลอดทั้งวัน, คิดว่ามันเป็นการท้าทายที่คุ้มค่ามากสำหรับเควสพวกนี้ แต่ว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยกเลิกไป เพราะเขายังขาดทักษะการตีเหล็กขั้นสูงที่ต้องการในระหว่างการทำเควส
 “พวกเขาพูดกันว่ามันมีผลไม้ที่สามารถยืดอายุขัยของพวกคนแคระซึ่งสามารถหามันพบได้ในบึงทางทิศตะวันตกของคุรุโซ,แต่ว่าไม่มีใครทำมันได้สำเร็จเลยสักคน เจ้าอยากจะลองสักครั้งมั้ย?”
มันเป็นเควสระดับ B
ถ้าคุณเข้าร่วมทีมกับพวกพระหรือนักบวช, คุณสามารถดิ้นรนหาผลไม้ในดันเจี้ยนที่อยู่ในบึงได้
เควสระดับ A และระดับ B ต่างไหลมาเทมาอย่างไม่ขาดสาย
เควสท่วมท้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
วีดตอบคำถามของพินอย่างเรียบง่าย
 “ผมคิดว่าคงถึงเวลาต้องไปแล้วล่ะ
 “ฉันก็คิดอย่างนั้นนะ…”
 “แต่ว่ามันยังไม่ถึงเวลา เหตุผลที่ผมมาที่นี่-ผมคิดว่าผมสามารถทำมันสำเร็จได้นะ
* * *
เขายังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก, แต่มันไม่เหมือนว่าเค็นเดลฟ์เป็นถึงระดับปรมาจารย์การแกะสลัก
 ‘ตั้งแต่ที่เราหาร่องรอยของเขาพบ, ถ้าเขาเป็นถึงประติมากรระดับปรมาจารย์ล่ะก็ เขาต้องทิ้งความลับอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับประติมากรรม

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ก็ต้องขอบคุณเขา วีดจึงสามารถหาทางออกเจอว่าเขา


ต้องแกะสลักอะไร

เขาเดาว่าเค็นเดลฟ์เป็นประติมากรที่มีความปราบปลื้มและประทับใจกับผลงานประติมากรรม การที่จะสามารถสร้างประติมากรรมขึ้นมาจากน้ำได้นั้นหมายความว่าเขาต้องมีความรู้ความเข้าใจถึงลักษณะของน้ำเป็นอย่างดี จึงสามารถควบคุมมันได้ราวกับว่ามันเป็นร่างกายของเขาเอง
ความลับของประติมากร!

ถ้าหากคุณเพิ่มระดับความสัมพันธ์กับสิ่งที่ไม่มีชีวิตจนถึงระดับสูงสุดแล้วล่ะก็ คุณจะสามารถแกะสลักอะไรก็ได้

วีดผู้เป็นถึงประติมากรแสงจันทร์ได้เรียนรู้วิธีการควบคุมแสง มันยังมีประติมา


กรที่มีความสามารถพิเศษอีกมากอยู่ทุกหนทุกแห่ง และยังมีพวกที่แกะสลัก


ในสิ่งที่พวกเขาต้องการอีกด้วย ความรักที่มีต่อการแกะสลักกลายมาเป็นแรง


พลักดันและแรงบันดาลใจที่คอยขับเคลื่อนพวกเขา

ตอนนี้ เขามีความมั่นใจมากขึ้นที่จะแกะสลักพวกสิ่งลี้ลับที่ขอร้องเขาให้แกะ


สลักพวกมัน
- เจ้าประติมากรไร้ความสามารถ ใช้หัวทึบๆของเจ้าและมือนั่นแกะสลักข้าซะ
- อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เจ้าไม่แกะสลักข้า ข้าจะเชื่อฟังคำสั่งเจ้าทุกอย่าง แกะสลักข้าได้แล้ว!
 ‘เราต้องเข้าใจพวกมัน เราต้องทำพวกมันขึ้นมาจากความรู้สึกของพวกมัน
เหตุผลที่ว่าทำไมหยดน้ำถึงส่องแสงแวววาวระยิบระยับงดงามมากก็เพราะว่ามันนำเอาลักษณะทั้งหมดที่ดีที่สุดในชีวิตออกมา สายลมบรรยายถึงอิสระเสรี   และสายรุ้งบ่งบอกถึงความสุดยอดมหัศจรรย์
ลักษณะอันแสนวิเศษของสายรุ้งที่คุณเห็นได้เฉพาะแต่ในฝัน มันกลายเป็นจริงแล้วในผลงานประติมากรรมของเค็นเดลฟ์ อารมณ์ที่มากพอถึงขั้นทำให้พวกผู้ใหญ่กลับมาทำตัวเป็นเด็กอีกครั้ง!
วีดถือมีดแกะสลักไว้ในมือทั้งสองข้าง
 ‘เราจะกลายมาเป็นพวกมัน เราจะดูซับความรู้สึกที่พวกมันมีให้แก่เรา เราจะแกะสลักพวกมันไปตามที่หัวใจของเราพาไป
- ประติมากร เจ้าจะสร้างข้างั้นรึ?
เสียงที่จริงใจและสง่าผ่าเผย, ที่คอยให้กำลังใจด้วยความอบอุ่นแต่ไม่ถึงกับเป็นเสียงที่ไม่สุภาพ-วีดตัดสินใจที่จะเก็บความรู้สึกไว้ภายในตัวเขา

มนุษย์ มอนสเตอร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ การที่จะตั้งชื่อให้มันนั้นค่อนข้างยาก 


เพื่อที่จะแยกแยะประเภทของมัน เขาต้องรวมสมาธิไปเพื่อให้ได้ยินเสียงที่


เปล่งออกมา

เสียงที่ได้ยินเต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย
อารมณ์ของมันในขณะนี้และลักษณะนิสัย, รูปร่างที่เหมาะสม, และความชอบที่ยังเหลืออยู่อย่างครบถ้วน ทั้งหมดนี้สามารถรู้สึกได้
 ‘ดวงตาที่แสดงถึงความอบอุ่น, มือที่เล็กกว่าขนาดปกติ, ไหล่กว้างและร่างกายที่แข็งแรง เราไม่สามารถละเลยความรู้สึกที่กล้าหาญและอบอุ่นนี้ได้
แทนที่จะมานึกทรมานว่าจะทำอะไรขึ้นมาก่อน, เขาสร้างประติมากรรมให้ไหลไปตามอารมณ์
แขนขายาว ทุกสิ่งทุกอย่างยาวมากกว่าของมนุษย์นิดหน่อย แต่มันไม่น่าเกลียดเหมือนมอนสเตอร์, และประติมากรรมชิ้นนี้ยังให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล ละมุนละไม สุภาพ อ่อนหวาน ราวกับเทพบุตรลงมาจุติ
 “นี่คือประติมากรรมที่ข้าสร้างขึ้นมาให้กับเจ้า
ติ๊ง!
- คุณได้เรียนรู้ศิลปะการสร้างประติมากรรมจิตวิญญาณแห่งธาตุ
- การสร้างประติมากรรมจิตวิตวิญญาณแห่งธาตุ: ประติมากรรมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นร่างกายของจิตวิญญาณแห่งธาตุ

วิญญาณจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่มีตัวตนอยู่บนทวีปเวอร์เซลล์ อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากพวกนั้นแล้ว มีจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่ร่างกายเป็นรูปธรรมหรือถูกตั้งชื่อให้
ถ้าคุณสร้างร่างกายให้กับพวกจิตวิญญาณ, จิตวิญญาณพวกนี้จะสามารถเดินทางไปไหนมาได้ทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลล์ด้วยร่างกายนั้น
ถ้าหากว่าคุณตั้งชื่อให้กับมัน, คุณก็จะกลายเป็นบิดาผู้สร้างแห่งจิตวิญญาณและสามารถออกคำสั่งควบคุมพวกมันในการต่อสู้

ถ้าจำนวนมานาที่ใช้เรียกจิตวิญญาณนั้นมีปริมาณน้อย คุณสามารถเรียกจิต


วิญญาณขั้นกลางได้ตั้งแต่แรกเลย

ร่างกายที่เสร็จสมบูรณ์ของจิตวิญญาณจะต้องได้รับความพึงพอใจเพื่อที่จะเรียกจิตวิญญาณที่เป็นรางวัลหรือราชันวิญญาณ
คุณภาพของจิตวิญญาณที่คุณสามารถเรียกออกมาได้ในอนาคตขึ้นอยู่กับ

ระดับของทักษะการแกะสลักและค่าความสนิทสนม

ถ้าคุณสามารถทำให้ทักษะการแกะสลักของคุณไปถึงระดับปรมาจารย์ได้ คุณสามารถเรียนรู้ทักษะการสร้างเผ่าพันธุ์
ข้อจำกัด: สามารถใช้ได้เมื่อมีทักษะการแกะสลักถึงขั้นสูงแล้วเท่านั้น
ความต้องการของทักษะ: ค่าสถานะทางศิลปะ 200 (ถูกใช้ไปถาวร)
ข้อควรระวัง: จิตวิญญาณจะเรียนรู้ได้มากที่สุดในวันแรกที่พวกมันเกิดมา ลักษณะนิสัยของจิตวิญญาณขึ้นอยู่กับประติมากรผู้สร้างพวกมัน

ถ้าจิตวิญญาณแห่งธาตุที่เรียกออกมาในเวลาเดียวกัน มีธาตุที่ตรงข้ามกัน 


พวกมันจะต่อสู้กันเองในทันที

ถ้าสร้างวิญญาณปีศาจจำนวนมากเกินไป ชื่อเสียงที่ไม่ดีจะเพิ่มขึ้น
ถ้าจิตวิญญาณที่มีร่างกายสมบูรณ์สูญเสียราชันวิญญาณ, จิตวิญญาณทั้งหมดจะอ่อนแอลงจนกว่าราชันวิญญาณจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่
ถ้าสามารถบรรลุทักษะจนถึงขั้นที่เชี่ยวชาญแล้ว สามารถสร้างมอนสเตอร์กึ่งมนุษย์ได้,แต่ค่าสถานะทั้งหมดจะลดลง 20 แต้ม
- คุณได้สร้างจิตวิญญาณตัวใหม่
ค่าสถานะทางศิลปะ 160 หน่วยถูกใช้ไป
- ทักษะการแกะสลักขั้นสูงเพิ่มขึ้นถึงระดับ 6 ประติมากรรมจะมีความพิเศษมากขึ้นและมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น
- ทักษะงานฝีมือของคุณเพิ่มขึ้น
- ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 260
- เสน่ห์เพิ่มขึ้น 60
เคล็ดมีดแกะสลัก, ประติมากรรมประทานชีพ, ประติมากรรมจำแลงและตอนนี้เขาได้รับเคล็ดลับการแกะสลักอันใหม่
ทักษะการสร้างจิตวิญญาณ
มันคือเคล็ดลับของประติมากรที่สามารถทำให้พวกวิญญาณที่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้มีร่างและรูปร่างได้จริงๆ!
งานประติมากรรมที่วีดแกะสลักด้วยไม้วางอยู่ข้างๆเขา,และทั้งๆดิน ฝุ่น โคลนรวมตัวกันกลายเป็นรูปเป็นร่าง
กองดินโคลนพูดออกมาอย่างนอบน้อม
 “ประติมากร, เจ้าสร้างร่างกายขึ้นมาให้ข้า, ได้โปรดเลือกชื่อให้ข้าด้วย
วีดตอบกลับไปหลังจากที่พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
 “เอาเป็น มนุษย์โคลนละกัน
 “ก็ได้
ไม่ว่าคุณจะมองมันยังไงก็ตาม, จิตวิญญาณตัวนี้ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับดิน ดังนั้นชื่อที่โผล่ขึ้นมาในความคิดควรจะเป็น มนุษย์ดิน ถึงอย่างนั้นถ้าเขาเลือกชื่อนั้นล่ะก็ มันดูออกง่ายเกินไปถึงความตั้งใจของมัน เขาเลยใช้หัวของเขาเลือกชื่อมนุษย์โคลนขึ้นมา
 ‘อย่างที่คิดไว้ ไม่มีใครมีเซ้นส์ในการตั้งชื่อดีไปกว่าเราอีกแล้ว
วีดถาม
 “เจ้าชอบร่างกายนี้มั้ย?”
 “ข้าคิดว่ามันไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่เวลาที่ขยับไปไหนมาไหน, แต่ข้าก็ชอบมันนะ
มันอาจจะเป็นประติมากรรมรูปแบบใหม่, เพื่อให้แน่ใจ, วีดพยายามที่จะตรวจสอบมัน
 “ตรวจสอบ
- มนุษย์โคลน
จิตวิญญาณธาตุดิน
มันถือกำเนิดจากความสามารถของประติมากร
มันสุภาพและมีนิสัยที่เชื่อถือได้ แต่ว่าเพราะร่างกายของมันไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก มันจึงแสดงความสามารถได้เพียง 35% เท่านั้น ของพลังที่มันมีอยู่

สามารถพัฒนาไปถึงจิตวิญญาณขั้นกลางได้

ผ่านทักษะการเรียกจิตวิญญาณ จิตวิญญาณสามารถแสดงทักษะต่างๆอัน


สุดยอดของพวกมันออกมาได้
ความสามารถพิเศษ: พสุธากัมปนาท, ขุด, ฝัง, ค้นหาแหล่งน้ำ, เร่งการเจริญเติบโตของพืชผลทางการเกษตร
เพราะว่านี่คือครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จ, ลักษณะหน้าตาของจิตวิญญาณจึงไม่สามารถแสดงออกได้ถึงความมีชีวิตและถูกสร้างขึ้นมาด้วยทักษะที่พอประมาณ
- เจ้าประติมากรซกมก! เจ้ากล้าดียังไงถึงสร้างไอ้เวรนั่นก่อนข้า! ข้าโมโหแล้วนะ ข้าจะเผามันให้หมด

วีดเห็นความล้มเหลวของเขาสะท้อนออกมาจากเสียงที่โกรธเกรี้ยวและวีดยก


มีดแกะสลักของเขาขึ้น
 ‘มันคือจิตวิญญาณ มันไม่จำเป็นต้องเหมือนกับมนุษย์
เขาสร้างเปลวไฟอันร้อนแรง เขาทำมันออกมาให้มีแขนและขายาว
- คุณได้สร้างจิตวิญญาณขึ้นมาใหม่
ค่าสถานะทางศิลปะ 160 หน่วย ถูกใช้ไป
- ทักษะการตรวจสอบประติมากรรมเพิ่มขึ้น
- ทักษะงานฝีมือเพิ่มขึ้น
- ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 260
- เสน่ห์เพิ่มขึ้น 60 หน่วย

ประติมากรรมของวีดติดไฟในทันที ทุกสิ่งที่เหลืออยู่ในเนื้อไม้ มีเพียงแค่เศษ


ซาก และในไม่ช้าทุกอย่างก็ถูกเผาไปจนหมดสิ้น ณ ที่ตรงนั้น ปรากฏเห็นเป็น


รูปร่างที่มีไฟลุกโชน
 “ข้าชอบมัน,ร่างกายนี้ ข้าพอใจกับมันมาก ประติมากร,พูดชื่อข้า!”
จิตวิญญาณแห่งไฟกำลังสนุกสนานไปกับตัวของมัน
 “กรวดเพลิงเป็นไง
 “กรวดเพลิง! ข้าชอบชื่อนี้นะ
ตรวจสอบ!”
- กรวดเพลิง
จิตวิญญาณแห่งเปลวเพลิงอันร้อนแรง

ถูกสร้างขึ้นมาโดยประติมากรบนมาตรฐานใหม่ของทักษะการแกะสลักที่


พัฒนาขึ้น

มีความอดทนน้อยและลักษณะนิสัยที่เกรี้ยวกราด อารมณ์รุนแรง

ถึงแม้ว่ามันจะขาดเสน่ห์ เพราะมันมีร่างกายที่เหมาะสม มันจึงชอบที่จะแสดงความสามารถของมัน มันสามารถใช้พลังได้ถึง 62% จากที่มีอยู่

สามารถพัฒนาไปเป็นจิตวิญญาณขั้นสูงได้

ผ่านทักษะการเรียกจิตวิญญาณ จิตวิญญาณสามารถแสดงทักษะต่างๆอัน


สุดยอดของพวกมันออกมาได้
ความสามารถพิเศษ: หอกเพลิง, กันไฟได้, มอดไหม้
 “มนุษย์โคลน จงออกมา กรวดเพลิง จงออกมา!”

แววตาของวีดเป็นประกาย มานาของเขาไหลออกมาเป็นคลื่น 


พื้นดินสั่นสะเทือนและก่อตัวขึ้น เปลวไฟที่ร้อนระอุก่อตัวขึ้นเช่นกัน และ


มนุษย์โคลน


และกรวดเพลิงถูกเรียกออกมาเป็นร้อยๆตัว
จิตวิญญาณแห่งธาตุขั้นกลาง, จิตวิญญาณแห่งธาตุขั้นสูง นี่คือพลังที่แสดงออกมาของทักษะการแกะสลักขั้นสูง!

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียกพวกจิตวิญญาณแห่งธาตุระดับปกติออกมาทั้งหมด 


ทั้งๆที่เขาสามารถทำได้ เขาไม่รู้สึกเสียใจที่มันจะออกมาเกินห้าหรือหกตัว ถ้า


จำนวนของจิตวิญญาณแห่งธาตุเพิ่มมากขึ้น มันจะยากในตอนที่ต้องควบคุม

พวกมัน
 “อ้า, ในที่สุดก็ได้ออกมาเจอโลกภายนอกซะที! เจ้าไม่คิดเหรอว่าความฝันนี้มันจะเป็นจริงขึ้นมา?”
 “ดูนี่สิ ร่างกายของพวกเรา มันมีตัวตน, และพวกเราสามารถเคลื่อนย้ายพวกมันไปไหนนมาไหนได้ตามที่พวกเราต้องการ

สำหรับพวกจิตวิญญาณแห่งธาตุที่ถูกสร้างขึ้นมาได้ไม่นาน ราวกับว่าร่างกาย


ของพวกมันเหมือนปาฏิหาริย์

เมื่อพวกมันเห็นร่างกายของตัวเอง พวกมันอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ


และเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น

ทุกครั้งที่พวกมนุษย์โคลนทำอะไรก็ตาม พื้นมักจะสั่นเล็กน้อยอยู่เสมอ และใน


กรณีของพวกกรวดเพลิง เปลวเพลิงยิ่งร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

แม้ว่าพวกมันจะมีความสุขที่หมกมุ่นอยู่กับปาฏิหาริย์ที่ถูกสร้างขึ้นมา ไม่ช้า


พวกมันก็รับรู้ได้ถึงวีด

พวกมันรู้โดยสัญชาตญาณว่าใครคือเจ้านายที่เป็นคนสร้างพวกมันขึ้นมาและมีความสนิทสนลึกซึ้งกับเขา
ความสามารถพิเศษและความเป็นผู้นำของวีดกำลังจะปลดปล่อยขึ้นมาอีกครั้ง และ ราชสีห์คำราม!
 “อะแฮ่ม! ข้าคือเจ้านายที่สร้างพวกเจ้าขึ้นมาทั้งหมด ตั้งแต่ที่ข้าได้เห็นชีวิตแก่พวกเจ้า จงทำตามที่ข้าต้องการซะ

มนุษย์และกรวดเพลิงที่เป็นต้นแบบและถูกสร้างขึ้นมาเป็นพวกแรกนั้น มี


ความพิเศษตรงที่อีโก้ของพวกมัน

พวกมันคือตัวแทนของพวกพ้องจิตวิญญาณในหมู่พวกมัน
อย่างไรก็ตาม, พวกจิตวิญญาณธรรมดาตัวอื่นๆ ก้มหัวและสาธยายความต่างๆ
 “พวกเราจะทำตามคำสั่งของเจ้านายทุกอย่างด้วยพลังแห่งดิน
 “พวกข้าจะเผาทำลายทุกอย่างให้ราบคาบหากพวกมันเป็นภัยคุกคามต่อท่าน
คำปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีจากกองทัพจิตวิญญาณ!
อย่างกับว่าเขาเป็นผู้นำเจ้าลัทธิ วีดชูแขนทั้งสองข้างขึ้นมา
 “จงเชื่อในตัวข้าและทำตามคำสั่งของข้า!”
 “ขอรับ เจ้านาย!”
 “จงเชื่อ! จงเชื่อในตัวข้า, และพรุ่งนี้ที่สดใสรอเราอยู่(Admin: ตามเทรนด์โปเกม่อนหน่อย 555)
 “ข้าคือใคร!”
 “บร้ะเจ้าผู้ยิ่งใหญ่, เจ้านายผู้สร้างพวกเรา
 “เจ้านายคือประติมากรที่รังสรรค์ผลงานจนเสร็จสิ้น, วีรุบุรุษประติมากรผู้ที่ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้
อย่างกับว่าพวกมันกำลังแข่งขันกันอยู่ พวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงกำลังยกยอเขา บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าวีดเป็นคนสร้างพวกมัน พวกมันเลยเรียนรู้อะไรที่ไม่ดีได้ก่อนเป็นอันดับแรก (Admin: แปลมาถึงตรงนี้ ลั่นเลยทีเดียว 555 )
 “แล้วความเฉลียวฉลาดของข้าล่ะ?”
 “ฉลาดที่สุดในทวีปนี้
 “เจ้านายคืออัจฉริยะ
 “เมื่อตอนที่ข้าอายุได้ 1 ขวบ, ข้าคลานได้ 100 เมตร ภายใน 0.1 วินาที ตอนอายุ 2 ขวบ, ข้าใช้ปีกของข้าบินไปยังท้องฟ้า
 “โอ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้!”
ด้านหลังผ้าคลุมของวีด, ปีกแห่งแสงสยายกว้าง
สว่างมาก สว่างสุดๆ! ระยิบระยับตระการตาเหนือคำบรรยายใดๆทั้งปวง ใช้เพื่อการโกหกโดยเฉพาะ ช่างเป็นชีวิตของประติมากรรมแสงจันทร์ที่ได้รับชีวิตมาเสียจริง!

การได้เห็นความจงรักภักดีแบบเบ็ดเสร็จของพวกจิตวิญญาณ หัวใจของอุ่น


ขึ้นมาในทันที
 “ใบหน้าของข้านั้นหล่อเหลาที่สุดในโลก! ไม่มีมนุษย์คนใดที่จะมีหน้าตาดีไปกว่าข้าผู้นี้อีกแล้ว เมื่อสาวๆได้เห็นรอยยิ้มของข้า พวกเธอไม่สามารถที่จะอดทนได้จนต้องมารุมเร้าข้า
“...”
“...”
พวกมนุษย์โคลนเหมือนกับว่าพวกมันกัดเข้าไปข้างในทาร์ตเกรพฟรุ้ต (Admin: ไม่รู้มันเกี่ยวอะไรกัน แต่น่าจะเป็นเหมือนกับว่าไปโดนอะไรบางอย่างเข้าให้ แล้วไปกระตุ้นมัน)
 “นั่-นั่นมันน้อยไปหน่อย…”
วีดมองไปที่กรวดเพลิง มันกำลังเผาไหม้หญ้าที่ดูสมบูรณ์แข็งแรง อย่างเฉยเมย
 “พวกเราปล่อยให้เค้าอยู่ในโลกของเขาไปคนเดียวเถอะและฟังตามที่เขาพูดอย่างเดียวพอ แต่เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุดน่ะซี้
 “ใช่ พวกเราต้องจูบตูดเค้ามั้ยวะและต้องทนทรมานเพื่อที่จะให้ได้ร่างกายนี้มาเนี่ย?”
 “ข้าไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายถึงขั้นนั้นหรอกนะ…”

กรวดเพลิงกระซิบคุยกันเงียบๆท่ามกลางวงสนทนาของพวกมัน

วีดตะโกนออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด
 “อะแฮ่ม! นี่มันช่างเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้ามาก การที่พวกจิตวิญญาณแห่งธาตุที่ข้าสร้างขึ้นอย่างยากลำบาก กลับไม่พอใจที่จะอยู่บนโลกใบนี้ข้าควรที่จะใช้ทักษะประติมากรรมทำลายล้างเพื่อบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างและทำเหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน?”

พวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่มีต่อชีวิตของพวก


มันและรีบยกแขนขึ้นมา
 “ฮูเร่ ให้เจ้านายวีด!”
 “เจ้านายจงเจริญ!”
ความสุขของพวกมันนั้นช่างสั้นเหมือนกับชีวิต, และในขณะที่พวกมันกำลังยกแขนขึ้นมา ร่างกายของพวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงเริ่มเลือนลางและกำลังจะหายไป มานาของวีดถูกใช้เกลี้ยงไม่มีเหลือและเขาไม่สามารถที่จะทำให้พวกมันอยู่ต่อได้นานกว่านี้
 “ได้โปรดเรียกพวกเราได้ทุกเวลา เจ้านาย!”
 “ได้โปรดอย่าลืมข้านะ
เมื่อพวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงหายไปแล้ว แต่เสียงอื้ออึงที่ดังก้อง

ไปทั่วของพวกมันยังคงได้ยินผ่านอากาศที่เบาบาง

หลังจากที่พวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงทั้งหมดได้ถูกเรียกกลับไป วีด


ครุ่นคิด สรุป ทบทวนและพักฟื้นมานาของเขา

ทักษะประติมากรรมการสร้างจิตวิญญาณแห่งธาตุ

ความทรงจำมากมายที่เขาพยายามและทุ่มเทเพื่อค้นหาเคล็ดลับการแกะ


สลักนี้ ผุดขึ้นมาในหัวของเขาอีกครั้ง
ในอดีตที่ผ่านมาเขาโดนคำสาปทุกครั้งเมื่อต้องทำการแกะสลัก!

เมื่อมานาของเขาเต็มแล้ว วีดลุกขึ้นยืนจากที่ของเขาอีกครั้ง
 “มนุษย์โคลน จงออกมา กรวดเพลิง จงออกมา!”
ดินและไฟโผล่ขึ้นมา, มนุษย์โคลนและกรวดเพลิงถูกเรียกออกมาอีกครั้ง!

วีดชูมือทั้งสองข้างขึ้นไปในอากาศ

ฮูเร่ เจ้านายวีด!”
 “ฮูเร่!”
การล้างสมองยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งวันไม่จบไม่สิ้น
การล้างสมองที่บังคับพวกมันให้เคารพและเชิดชูเขาเพียงผู้เดียว!
 “ข้าคือใคร!”
 “ผู้สร้างแห่งเรา ผู้ยิ่งใหญ่เหนืออื่นใดไม่มีใครเทียม  ผู้ที่สงสารชีวิตอันจิ๊บจ๊อยของพวกเราและสร้างร่างกายให้กับพวกเรา
 “คำพูดของข้าล่ะ?”
 “พวกมันคือคำสั่งเด็ดขาดที่พวกเราต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามแม้พวกเราจะต้องสูญสิ้นไปจากโลกนี้ก็ตาม
 “มันไม่มีเกียติยศอันใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการได้ใช้ร่างกายที่มีอยู่นี้เพื่อเติมเต็มคำสั่งของนายท่าน
วันต่อมา, สถานที่ ที่พวกมนุษย์โคลนเคลื่อนย้ายและมุ่งหน้าไป คือเหมืองทับทิมของวีด
 “ขุดพวกมันระวังๆด้วยล่ะ อย่าให้พวกมันมีแม้แต่รอยขีดข่วนเชียวนะ!”
ถ้าผู้สร้างจิตวิญญาณดูแลจิตวิญญาณเหล่านั้นเปรียบเสมือนเพื่อนของเขาเอง พวกมันจะให้ความเคารพแก่เขา

ปกติแล้ว เมื่อคนเราออกไปผจญภัยในทวีปเวอร์เซลล์ มักจะผูกมิตรเป็นเพื่อน


กับพวกจิตวิญญาณที่น่ารักน่าเอ็นดู

อย่างไรก็ตาม มันมีบางอย่างที่ใช้ไม่ได้ผลกับวีด

วันแห่งแรงงานทาสได้มาเยือนอีกครั้ง พวกจิตวิญญาณถูกเรียกออกมาเพื่อขุดหาแร่ทับทิม
จบตอน


13 ความคิดเห็น:

  1. 5555+ น่าสงสาร เกิดมาก็เป็นทาษเลย

    ตอบลบ
  2. 555+ อ่านตอนนี้แล้วทนไม่ไหว สร้างจิตวิญญาณธาตุมาเพื่อเป็นแรงงานขุดเหมือง '^'

    ตอบลบ
  3. ไปปรึกษารุ่นพี่แวนฮอค โทริ กับพวกไวเวินได้ เรื่องการเป็นทาสของบักวีด 55+

    ตอบลบ
  4. โอ้. ท่านหวีด. ท่านเจ้าลัตธิ. ท่านผู้นำ. 55555
    ขอบคุณครับ@. สนุกมาก. อ่านไปหัวเราะไป น้ำตาจักไหล 5555

    ตอบลบ
  5. 555555+ แม่มวีดโคตรโหด

    ตอบลบ
  6. สงสารจิตวิญญาณจริงๆที่มีพ่อแบบนี้ 5555

    ตอบลบ
  7. เห้อๆๆๆๆเกิดมาปุ๊บถูกล้างสมองทันทีแถมต้องกลายมาเป็นทาสแรงงานอีก.... ไอ่คุณ วีด นายแน่มาก...ใช้ทุกอย่างได้คุ้มค้ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขอบคุณครับที่แปลให้อ่าน

    ตอบลบ
  8. เป็นการเว้นวรรคที่โหดร้ายต่อสายตา อย่างมากครับ

    ตอบลบ
  9. ทาส แท้ๆ ฮ่าๆๆ ลั่น

    ตอบลบ
  10. รันทดชิบหายพวกวัญญาณทาส

    ตอบลบ
  11. Rip ทาสแรงงานชั้นดีชัดๆ

    ตอบลบ

เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล

  เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล ลาเฟย์หลับตาลง ' เราจบสิ้นแล้ว '...