วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เล่มที่ 13 ตอนที่ 10 มังกรปีศาจ เคย์เบิร์น

เล่มที่ 13 ตอนที่ 10 มังกรปีศาจ เคย์เบิร์น



หมู่บ้านคนแคระ หัตถ์เหล็กกล้า
อาณาจักรธอร์เป็นที่โด่งดังรู้จักกันไปทั่วในเรื่องของคนแคระที่มีความสามารถระดับปรมาจารย์หลายคนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านของพวกเขา, ผู้ที่สามารถผลิตสินค้าคุณภาพสูงได้ในปริมาณมหาศาลจากแร่ต่างๆที่อยู่ในเหมืองใกล้ๆนี้
เขตพื้นที่อยู่อาศัยนั้นมีบ้านที่ค่อนข้างเล็ก ร้านช่างตีเหล็กมีค่อนข้างน้อยที่อยู่ในบริเวณหมู่บ้าน, ซึ่งนั่นทำให้มันดูโดดเด่นเมื่อมีช่างฝีมือเดินทางมาที่หมู่บ้าน
ผู้คนส่วนใหญ่มักปรากฏตัวอยู่ในเขตพื้นที่ตัวเมืองคือเหล่าคนแคระ
ผู้คนจากหมู่บ้านอื่นพากันมาแวะเวียนศูนย์กลางจัตุรัสแห่งนี้ค่อนข้างบ่อย, และเป็นสถานที่การค้า, ตลาด, มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นพวกพ่อค้าที่ตั้งแคมป์อยู่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านหัตถ์เหล็กกล้าแห่งนี้
เผ่ามนุษย์, และเผ่าเอลฟ์ ลากเกวียนของพวกเขาผ่านด่านตรวจและมุ่งหน้าเดินทางต่อไปที่เมืองเพื่อที่จะเจรจากับพวกพ่อค้าที่เป็นคนแคระ
 “ผมคือหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มการค้าชื่อดังโรน’, มิธราส  ถ้าคุณมีพวกอาวุธหรือชุดเกราะที่คุณสร้าง, คุณจะเต็มใจที่จะขายมันให้กับผมมั้ย?”
 “นี่คือสินค้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว และมันถูกนำเข้ามาในปริมาณมหาศาล ได้โปรดกรุณาช่วยจัดการมันให้ที…”
 “ผมจะจัดการเติมพวกไอเท็มที่คุณต้องการเป็นจำนวนมากให้ ในอาณาจักรธอร์, เหล็กและทองแดงมีราคาแพง, แต่ถ้าเกิดว่าเป็นอาณาจักรนอยด์ล่ะ ราคาเหล็กระดับ 3 สามารถที่จะหาซื้อได้?”
 “ราคาของมันจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก แล้วคุณมีวิธีการที่จะรับมือมันยังไง?”
การเจรจาของพวกพ่อค้าจอมตื๊อ!
กลางวันเปลี่ยนเป็นกลางคืน, พวกพ่อค้าเหล่านี้ยังคงมุ่งมั่น พยายามต่อไปอย่างไม่ลดละ
สินค้าจำพวกอาวุธและชุดเกราะที่ได้รับมาจากหมู่บ้านหัตถ์เหล็กกล้านั้นสามารถนำไปขายยังสถานที่ต่างๆบนทวีปเวอร์แซลล์ได้ในราคาที่สูงมากๆ
พวกพ่อค้าตั้งใจมายังที่หมู่บ้าน, พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ได้อะไรสักอย่างที่ทำขึ้นจากพวกคนแคระเหล่านี้
 “ได้โปรดขายมันให้กับฉันเถอะนะ

ข้าคือนักรบคนแคระ…”
พวกคนแคระที่ดูแลหนวดเคราของพวกเขาเป็นอย่างดี, ต่างก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วยกันทั้งสิ้น
อันที่จริงแล้ว, ถ้าคุณต้องการมองหาช่างฝีมือที่เป็นคนแคระอยู่ละก็, คุณไม่ควรที่จะมายังหมู่บ้านหัตถ์เหล็กกล้า ช่างฝีมือที่อาศัยอยู่ที่นี้นั้นมีทักษะช่างตีเหล็กแค่หยาบๆ ไม่ได้ดีเลิศเลออะไรมากมาย, และมักจะมองหาพวกพ่อค้าที่ไม่รู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของไอเท็มเหล่านี้, และ หลอกพวกเขา
แล้ววีดก็เดินเข้าไปยังหมู่บ้านหัตถ์เหล็กกล้า
พวกพ่อค้าที่รวมตัวกันอยู่แถวนั้นได้แต่มองและพยักหน้าไปที่วีดซึ่งอยู่ไกลๆ เพราะเมื่อเทียบกับตัวของเขาแล้ว, เขามีหนวดเคราที่ใหญ่มาก
 ‘พวกเขาเป็นพ่อค้า, และดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ที่ถูกต้อง, หมู่บ้านคนแคระ
พ่อค้าบางคนเร่ขายสิ้นค้ามาเป็นระยะทางอันยาวไกลจากโมราต้า, มองหาไอเท็มเพื่อซื้อและขายเพื่อให้ได้เงิน พวกเขาซื้อทีละเยอะๆ, และก็ขายทีละเยอะๆเช่นกัน
เพราะค่านายหน้าที่ได้จากการแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายสิ้นค้านั้น ถูกเก็บโดยอาณาจักรเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาหมู่บ้านต่างๆซึ่งนั่นไม่ได้ช่วยให้เกิดการพัฒนาในอุตสาหกรรมการแลกเปลี่ยนสินค้าเลย, พวกพ่อค้าต่างพากันไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เช่นเดียวกันกับค่าธรรมเนียมในการเจรจาซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินค้า ก็ถูกคำนวณเพิ่มเข้าไปโดยพลการเพื่อให้ความบันเทิงแก่แขกหรือลูกค้าที่เข้ามาติดต่อธุรกิจ, ดังนั้น คุณภาพของสินค้าที่ขายกันนั้นจึงเป็นสินค้าที่ด้อยคุณภาพ ไม่มีมูลค่าอะไรสักเท่าไหร่ (ผู้แปล: ค่าธรรมเนียมที่บวกเพิ่มเข้าไปนั้นมักเป็นพวกการบริการ การพาไปกินเลี้ยงนอกสถานที่ หรือซื้ออาหารเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ)
พวกพ่อค้าที่เดินทางมาจากที่ไกลๆ, มองเห็นคนแคระวีด
 ‘เขาเป็นเหยื่อของฉัน

เจ้าแคระนั่นเป็นของข้า
กลุ่มพ่อค้าที่หิวโหยพากันวิ่งเข้าไปหาวีด
 “รับซื้อหรือขายสินค้า

ข้าจะซื้อทุกอย่าง
 “ได้โปรดขายไอเท็มที่ถูกที่สุดที่คุณมีให้กับผมด้วย ผมเดินทางมาไกลมาก ได้โปรด!”
 “ข้าจะเสนอราคาสูงกว่าคนอื่นโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น ถ้าท่านมีของที่ต้องการขายละก็, ได้โปรดขายมันให้กับข้าด้วยเถิด
เหล่าคนแคระที่ประสบความสำเร็จไม่มีทางที่จะหนีรอดไปจากกลุ่มพ่อค้าที่เข้ามารุมเร้าและเริ่มอ้อนวอนขอร้องพวกเขา
พวกช่างฝีมือที่เป็นคนแคระและเดินทางมายังหมู่บ้านหัตถ์เหล็กกล้านั้นมีระดับเลเวลที่ค่อนข้างต่ำและพวกเขามักเป็นจุดสนใจและเป็นเป้าที่ง่ายในการเข้าไปหาของฝูงชน จากนั้นคนแคระผู้โชคร้ายก็ถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าพ่อค้าผู้หิวกระหาย 
วีดวิ่งหนี แล้วหายไปราวกับสายลม
ใช้ข้อได้เปรียบจากการที่เขาตัวเล็ก, เขาวิ่งลอดใต้หว่างขาของพวกพ่อค้าด้วยการใช้ประสาทสัมผัสการรับรู้อันสุดยอดในการเปลี่ยนทิศทางและหลบหลีกมือของพวกค้าที่พุ่งมาหาเขา
 “อ้า!”

เขาหนีไปแล้ว
พวกพ่อค้าทำงานพลาดไปอย่างสูญเปล่า ต่างพากันยืนช็อคด้วยความรู้สึกเสียดายและเสียใจเป็นอย่างมาก
การที่สามารถฝ่าฝูงชนออกมาได้อย่างง่ายดาย
ชื่อเสียงของกลุ่มพ่อค้าผู้ชั่วร้ายต้องมาด่างพร้อยซะงั้น
***

พวกพ่อค้าตัวจริงนั้นไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายหรือขยับไปไหน พวกเขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมตรงประตูทางเข้าของเมือง
และ วีดเดินผ่านประตูทางเข้าของหมู่บ้านแล้วได้ยินเสียงหรือคำพูดลอยมาแบบผ่านๆ
 “ท่านไม่มีทางที่จะหาคนที่รับซื้อในราคาที่สูงไปกว่าข้าได้อีกแล้ว
 “ไม่มีเงินเหลือแล้ว…”
กลยุทธ์ทางธุรกิจของพวกเขา, เพื่อที่จะให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ, พวกเขาต้องคิดให้แตกต่างจากพวกพ่อค้าคนอื่นๆ
วีดเสี่ยงเดินต่อ เข้าไปไกลถึงในเมือง, เข้าไปที่หมู่บ้านหัตถ์เหล็กกล้า
***

พวกช่างตีเหล็กคนแคระมีความเชี่ยวชาญ ชำนาญในการสร้างอาวุธและชุดเกราะเนื่องจากพวกเขามีค่าความแม่นยำสูงโดยเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
มีการกล่าวอ้างว่าแม้กระทั่งพวกนักรบคนแคระก็สามารถที่จะสร้างอะไรก็ได้ง่ายๆ เช่น คบไฟ หรือ ลูกธนูได้อย่างมายากเย็นนัก
นักรบคนแคระมีชื่อเสียงในเรื่องการต่อสู้จนถึงที่สุด แต่มันก็ไม่ใช่การพูดเกินความจริงที่ว่าคนแคระส่วนใหญ่เลือกเส้นทางที่จะเป็นช่างฝีมือ
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าลักษณะของคนแคระนั้นเกิดมาด้วยพรสวรรค์ในเรื่องของศิลปะและความแม่นยำที่เป็นที่ต้องการของทักษะการผลิต
พวกที่เลือกเส้นทางชีวิตของช่างฝีมือควรจะคิดถึงเรื่องผลประโยชน์พวกนี้ไว้เมื่อพวกเขาเลือกที่จะเล่นเผ่าพันธุ์นี้ในตอนที่เริ่มต้น เผ่าพันธุ์ที่มีทักษะความเชี่ยวชาญมากที่สุดในการจัดการกับเหล็ก
การที่สามารถสร้างสินค้าคงทนได้ตั้งแต่เริ่มต้นด้วยทักษะการผลิตระดับสูง, พวกเขาจะได้รับการยกย่องและเป็นที่น่าเคารพ (ผู้แปล: สินค้าคงทน คือ พวกของที่สามารถใช้ได้เป็นระยะเวลานาน)
ช่างตีเหล็กที่เป็นมนุษย์สามารถที่สร้างอาวุธได้เกือบทุกชนิดแต่ความชำนาญจะถูกลดลงอย่างมาก
ช่างตีเหล็กที่เป็นเอลฟ์สามารถสร้างธนูที่ดีที่สุดและแข็งแกร่งที่สุด
แต่เอลฟ์เชี่ยวชาญในเรื่องของเวทย์มนต์, และเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความชำนาญในด้านของการใช้ธนู
มีช่างตีเหล็กที่เป็นเอลฟ์อยู่ไม่มาก พวกเขาสร้างธนูจากวัตถุดิบที่เป็นไม้ชนิดพิเศษแต่มันไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นบ่อยสักเท่าไหร่นัก
ชีวิตช่างตีเหล็กของพวกคนแคระนั้นเป็นที่น่าอิจฉามากที่สุด แต่ชีวิตของพวกเขาไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าร่ำรวยเลยสักนิดเดียว
 “ว้าว, เดือนนี้ราคาของแร่เหล็กขึ้นอีกแล้ว

นายก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันเหรอ? เมื่อกี้นี้ ฉันก็เพิ่งคิดว่าราคาที่เพิ่มขึ้นของมันนั้น จะต้องฆ่าฉันแน่ๆ
 “ทักษะช่างตีเหล็กอาจจะเพิ่มขึ้น, แต่ถ้าไม่มีพวกพ่อค้าคนกลางมาปั่นราคามันนะนี่มันแย่สุดๆ
พวกคนแคระที่อยู่ในร้านเหล้าต่างพากันบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้
วีดนั่งลงที่โต๊ะตัวเตี้ย, และนั่งฟังเรื่องราวของพวกเขาในขณะที่ดื่มนมไปด้วย 
 ‘ทุกคนในโลกนี้ต่างพากันพูดว่า โลกเดี๋ยวนี้มันอยู่ยากขึ้นทุกวัน
เขายังคงบ่นเกี่ยวกับชีวิตที่แสนยากลำบากของคนแคระแล้วเปรียบเทียบกับศิลปิน, พวกคนแคระถูกกดดันจากความยากลำบากของเศรษฐกิจ, แต่มันก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรอีกมากมายนัก
 “เจ้ามังกรปีศาจเคย์เบิร์นนั่นเพิ่มภาษีขึ้นอีกแล้ว

แต่ไม่ใช่ว่ามันเพิ่งขึ้นไปเมื่อสามเดือนที่แล้วหรอกเหรอ?”

นั่นแหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงต้องการตกแต่งมันด้วยทองคำที่หายาก
อึก! เควสออกล่าอีกแล้วเหรอ? ความต้องการของเขานี่มันไม่มีที่สิ้นสุดเลยซะจริงๆ แล้วครั้งนี้ต้องล่ามอนสเตอร์ชนิดไหนล่ะ?”
 “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วยล่ะ มันจะไปพออะไรกะอีแค่กองทัพ กอง สองกอง ที่อยู่ใต้คำสั่งของเขา จะทำให้เขากลายเป็นมอนสเตอร์ที่น่ากลัวได้อย่างงั้นหรอ?”
มันไม่ใช่ว่าเขาได้อะไรหรือรับอะไรมา, แต่

นี่ ฟังนะ, พวกยามมิโนทอร์นั่นน่ะ มันไร้ประโยชน์แล้ว
***

มังกรปีศาจ เคย์เบิร์น
ภูเขาธอร์, เหมือนกับบริเวณภูเขาลูกอื่นๆที่อยู่ใกล้กัน, ถูกปกครองโดยมังกร
ความปรารถนาของมังกรที่โหยหาทรัพย์สมบัตินั้นไม่เคยพอหรือลดลงหมดไปเลยแม้แต่น้อย; พวกคนแคระต้องส่งส่วยให้มันอยู่เป็นประจำ แต่หากไม่ทำเช่นนั้น ก็จะเจอกับความพิโรธของมัน
หมู่บ้านของพวกมนุษย์มักจะถูกรุกรานจากเหล่ามอนสเตอร์, แต่ถึงมันจะเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวสักเท่าไหร่, พวกมันกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณอาณาจักรอื่นๆ
แม้กระทั่งโมราต้าเองก็ไม่ได้ปลอดภัยจากการรุกรานของพวกมอนสเตอร์เลย
ขณะที่พวกมังกรปกครองหมู่บ้านคนแคระ, พวกเขาจะปลอดภัยจากการโจมตีของพวกมอนสเตอร์ แต่ในทางกลับกัน มันเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการส่งส่วย
มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย, แต่มันก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย บางครั้งพวกมังกรจัดการพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ใต้การปกครองของพวกมัน และมีการพิจารณาเรื่องการปรับปรุงพัฒนาแหล่งเหมืองใหม่ๆอยู่เสมอ แร่มิธริลและแร่เหล็กที่ได้จากเหมืองเหล่านี้ ครึ่งหนึ่งหรืออาจจะมากกว่านั้น ต้องจ่ายให้กับพวกมังกร
นอกจากนี้, พวกนักรบคนแคระยังได้รับการอนุญาตให้สามารถออกล่าในภูเขาได้, และในกรณีแบบนี้, พวกมังกรก็ไม่ได้ลงโทษพวกเขา
พวกมังกรมองพวกคนแคระเป็นเพียงแค่พวกน่ารำคาญและเอาไปใช้ได้แค่ทำงานให้เท่านั้น, ไม่ว่ามันมีแค่หนึ่ง สองหรือสาม, มันก็ถูกมองเป็นเพียงแค่คนงานคนเดียว พวกมอนสเตอร์ที่เหลือก็เป็นได้แค่พวกหนอนแมลงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของพวกมัน
มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องเข้าไปยุ่งหรือแทรกแซงการต่อสู้
มีมังกรอยู่ห้าตัวที่เป็นที่รู้จักและอาศัยอยู่ในอาณาจักรธอร์ แต่มันมีการพูดคุยกันถึงเรื่องที่ว่ามังกรขาวหรือมังกรปีศาจ เคย์เบิร์น มีทรัพย์สมบัติมากที่สุด
อาณาจักรธอร์มีช่วงระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านในขณะที่มันมีการพัฒนาเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง, แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มันเป็นหนึ่งในอาณาจักรระดับท้อปก็เพราะพวกมังกรนี่แหละ
อาณาจักรธอร์ได้มีการรวบรวมเหล่านักรบรับจ้างและตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา พวกเขาได้เข้าต่อสู้กับพวกมังกรและในท้ายที่สุดก็จบลงด้วยการที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ปัจจุบัน, แค่การได้เห็นนักรบรับจ้างเพียงสักคนเข้าร่วมในการปฏิบัติหน้าที่ยังเป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก
วีดออกจากผับไป หลังจากที่เขากินอาหารที่เรียบง่าย มีเพียงแค่นมกับขนมปังเท่านั้น
 ‘ถึงกระนั้น, มันก็เป็นชีวิตของพวกคนแคระ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณได้ยินจากพวกคนแคระนั้น ล้วนเป็นเรื่องที่กล่าวอ้างเกินจริงทั้งสิ้น
เมื่อความยากลำบากเข้ามาเยือน, มันเป็นนิสัยที่ต้องใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นไปกับการดื่มด่ำกับเบียร์และเนื้อ!
ในหมู่บ้านคนแคระ มันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องก้าวผ่านภาษีที่สูงเกินไปเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อให้ได้
การใช้แร่คุณภาพสูงในทวีปนี้เป็นพื้นฐานของการสร้างอาวุธ, มันมีโอกาสที่ทักษะจะเติบโตพัฒนาต่อไปและช่างฝีมือคนแคระที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็จะมีออร์เดอร์สั่งทำของเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
คนแคระที่ออกจากอาณาจักรธอร์ไปเพื่อสร้างโชคชะตาในการค้าอาวุธและชุดเกราะ, แม้กระทั่งพวกเขาสามารถเป็นเจ้าเมืองของอาณาจักรได้ด้วยเงิน
กิลด์บริหารจัดการของต่างๆเพื่อที่จะสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งของผู้เล่นระดับสูง เพื่อการขยายเพิ่มกำลังของพวกเขา
มีช่างตีเหล็กจำนวนมากที่มีความทะเยอะทะยานอยู่บนทวีปเวอร์แซลล์
วีดเข้าไปที่กิลด์ช่างแกะสลัก
กิลด์ช่างแกะสลัก ส่วนใหญ่แล้วถูกใช้โดยพวกคนแคระของอาณาจักรธอร์
การเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของความแม่นยำ, พวกเขาเรียนรู้การแกะสลักซึ่งเป็นวิธีที่รวดเร็วอีกวิธีหนึ่งในการเพิ่มค่าสถานะให้กับพวกเขา
มีคนแคระจำนวนมากอยู่ในกิลด์แต่พวกเขาไม่ได้สนใจวีดเลย ซึ่งนั่นต้องขอบคุณประติมากรรมจำแลงอันสมบูรณ์แบบ
 “ซึก ซึก, นายยังไม่เข้าใกล้ถึงความสมบูรณ์แบบเลยนะ, นายต้องเรียนรู้มากกว่านี้
ผู้ฝึกสอนคนแคระกำลังจัดการพวกคนแคระด้วยความคิดที่ราวกับหนามทิ่มแทงพวกเขาเหล่านั้น
 นายสร้างอาวุธด้วยความระมัดระวังในงานศิลปะเนี่ยนะ, นายไม่รู้เหรอว่าทำอย่างนี้แล้วมันจะมีปัญหาตามมาน่ะ? ขาดความเข้าใจในเรื่องศิลปะ นายสามารถสร้างอาวุธที่แข็งแกร่งได้ แต่ พวกมันยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบมากนัก
 “เรียนรู้การให้ชีวิตแก่อาวุธโดยที่มาเรียนกับกิลด์ช่างแกะสลักเนี่ยนะ? สงสัยกิลด์ช่างตีเหล็กคงสอนมาดีนะเนี่ย แต่มันยังเร็วเกินไป อย่างน้อยพวกอาวุธที่จะถูกสร้างอย่างเหมาะสมหลังจากที่มาที่นี่ ของพวกนั้นจะเต็มไปด้วยตำหนิ, แล้วพวกเขาจะให้ชีวิตกับมันยังไงในเมื่อยังไม่รู้ถึงวิธีการที่บรรยายถึงสรรพคุณของมันอย่างลึกซึ้ง
 “คนแคระพวกนี้ไร้ความสามารถซะจริง
คำพูดของผู้ฝึกสอนไม่สามารถทำให้พวกคนแคระขยับเขยื้อน เคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย
 ‘จะต้องเจอกับเรื่องพวกนี้ไปอีกนานแค่ไหน

เหนื่อย, เบื่อ และ เหนื่อยกับเรื่องพวกนี้ วิธีการสร้างของเจ้าคนนี้นี่มันช่างนานซะจริง
โค้งคำนับแสดงความเคารพในขณะที่ยังคงรู้สึกโศกเศร้า คร่ำครวญ เสียใจ, แล้วเขาก็ถอนตัวออกไป
ยิ่งทักษะช่างตีเหล็กสูงเท่าไหร่, ยิ่งสามารถสร้างของได้ดีขึ้นเท่านั้น, และ (พวกเขา) ก็จะเป็นที่ยอมรับจากทั่วทั้งแผ่นดิน
ถึงแม้พวกเขาจะได้รับคำบ่นมากมาย, พวกคนแคระก็ยังอดทนมันได้อยู่ดี
เพื่อที่จะมีทักษะช่างตีเหล็กที่สามารถสร้างอาวุธได้ทุกชนิด, การพัฒนาที่รวดเร็วของระดับความแม่นยำคือหัวใจหลักที่สำคัญที่สุด
สำหรับค่าความแม่นยำแล้ว, มันเป็นการดีที่สุดที่คุณควรจะทำความคุ้นเคยกับการแกะสลัก  การแกะสลักช่วยได้เล็กน้อยในเรื่องของการสร้างและพัฒนาพวกไอเท็มอื่นๆ, แต่มันก็เป็นการยากที่จะต้องมาอดทนไปกับการแกะสลัก
ผู้ฝึกสอนคนแคระคนนั้นบอกวีดให้รอคอยจนกว่าจะถึงคิวของเขา
 “หัตถ์แห่งศิลป์มาที่นี่เพื่อที่จะสรรสร้างผลงาน ต้องการถามเพื่อที่จะเรียนรู้เทคนิคใหม่ของเส้นทางแห่งศิลปะนี้
 “อะไรนะ?”
ผู้ฝึกสอนคนแคระฟังด้วยสายตาที่ไม่อาจจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้เห็น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยหดแคบลงในทันใด เขาลูบหนวดเคราของเขาและลืมเรื่องที่เขากำลังบ่นอยู่เมื่อกี้
 “อะไรนะ เมื่อกี้นี้นายพูดว่าอะไรนะ

ข้าพูดว่าข้ามาที่นี่เพื่อที่จะเรียนเทคนิคใหม่
อังเซียง-อังเซียง (ผู้แปล: Ungseong-ungseong ใครหาที่มาได้บอกด้วยนะครับ อันนี้ไม่รู้จริงๆ ถ้าให้เดาคือ ไม่เงียบกริบก็มีเสียงดังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้)
 “เมื่อกี้เจ้าแคระนั่นพูดว่าอะไรนะ

เทคนิคใหม่, มันคืออะไรวะ?”

เขามีทักษะการแกะสลักถึงระดับไหนแล้วล่ะนั่นน่ะ?”
พวกคนแคระไม่สามารถที่จะยอมรับหรือเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้เห็นอยู่ตรงหน้า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าพวกเขายังไม่เคยเห็นผู้เล่นคนไหนพูดแบบนั้นมาก่อนเลย..
ความเชี่ยวชาญการแกะสลักที่เพิ่มขึ้น, ทักษะที่ดีขึ้นสามารถเรียนได้!
จนถึงตอนนี้พวกเขาไม่ได้สนใจที่จะเรียนรู้มันเลย, แต่ที่กิลด์ช่างแกะสลักในหมู่บ้านคนแคระนั้น พวกเขาตัดสินใจผิดที่มาเรียน เมื่อเปรียบเทียบกับประโยชน์ที่จะได้จากการเรียนทักษะที่กิลด์อื่นๆของคนแคระนั้น มันยังได้ไม่ถึงหนึ่งในสามของค่าใช้จ่ายเลย
ผู้ฝึกสอนคนแคระพาวีดไปที่ไม้เอลฟ์ที่จัดแสดงไว้ (ผู้แปล: มันใช้ Elf’s Neck sculpture พออ่านต่อไปมันเป็นไม้ชนิดหนึ่ง ก็เลยแปลแบบนี้แหละ)
 “ข้าจะให้โอกาสเจ้าพิสูจน์ว่าเจ้ามีคุณสัมบัติของช่างแกะสลักเพียงพอหรือไม่ ถ้าอย่างนั้นขอข้าดูความสามารถของเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นช่างฝีมือหน่อย
 “หัวข้อล่ะ?”

อะไรก็ได้ทั้งนั้น, ถ้าจิตใจของเจ้าพลิ้วไหวไปกับการแกะสลักของเจ้า ผลงานมันก็จะออกมาดีเองแหละ
วีดคุ้นเคยกับไม้เอลฟ์เป็นอย่างดี
 ‘ชิ้นงานแกะสลักที่ขายในร้านนี้ล้วนทำขึ้นมาจากวัตถุดิบที่มีราคาแพงกว่าพวกไม้เนื้อดีพวกนั้นซะอีก
การแกะสลักไม้เป็นอะไรที่น่าเบื่อสุดๆ
การที่จะลงมือแกะสลักผลงานให้ได้สักชิ้นนั้น ไม่ควรที่จะเร่งรีบทำให้มันเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากจะทำให้ผลงานที่ออกมานั้นไม่ดีเท่าที่ควร
เมื่อต้นไม้มีอายุมากขึ้น, เนื้อไม้ก็จะเกิดรูปร่างและลวดลายต่างๆตามมา, เมื่อคุณสร้างงานแกะสลักไปตามทิศทางของลวดลายที่เกิดขึ้น, มันจะออกมาดูสวยงามมาก
รูปแกะสลักผลงานชิ้นเอกจากวัตถุดิบที่เป็นไม้ชนิดนี้นั้นมีราคาแพงมากและสามารถมีค่าเกินกว่าเหรียญทองเป็นสิบๆเหรียญ
ผู้ฝึกสอนคนแคระได้นำเนื้อไม้อันสุดยอดนั่นคือไม้เอลฟ์ออกมาใช้สำหรับการทดสอบในครั้งนี้
 “ไม้เอลฟ์นั่นน่ะไม่ได้แกะออกมาได้ง่ายๆหรอกนะ การสร้างรูปแกะสลักไม้อย่างกะทันหันแบบนี้ การทดสอบนี้มันยากกว่าที่เจ้าคิดนะ…”
 “แล้วถ้าเกิดข้าทำพลาดล่ะ?”
เหล่าคนแคระในกิลด์ช่างแกะสลักต่างพากันหยุดการกระทำของพวกเขาและมาดูวีด
วีดวางไม้เอลฟ์อย่างเงียบๆลงบนเก้าอี้ เนื่องจากกลายมาเป็นคนแคระ, เขาจึงตัวเล็กลง ดังนั้น, เก้าอี้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้การแกะสลักเป็นไปอย่างราบรื่น
วีดหยิบมีดแกะสลักซาฮับออกมาโดยไม่ลังเลและปักมันลงไปที่ไม้เอลฟ์
*ปึ้ก!*
เนื่องจากการทดสอบนี้ต้องการรูปแกะสลัก, เหล่าคนแคระที่คอยสังเกตการณ์ยืนดูอยู่ใกล้ๆนั้น พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ตกใจ!
มีดแกะสลักตัดเป็นรอยลึกลงไปในไม้เอลฟ์
เมื่ออยู่ในสภาพแบบนี้, วีดตัดในแนวเฉียงด้วยมีดแกะสลักซาฮับและจัดการตรงส่วนต่างของไม้เอลฟ์
เมื่อไหร่ก็ตามที่วีดขยับมีดแกะสลัก, เขาทำการตัดมันออกมาให้เกิดเป็นเค้าโครงได้อย่างไม่ต้องสงสัย
 “นี่มันเกี่ยวอะไรกับการแกะสลักวะ?”

การใช้มีดแกะสลักด้วยความชำนาญเหมือนกับใช้ดาบ, มันเป็นไปได้ยังไง…”

ปกติแล้วฉันไม่เคยใช้มันเป็นมีดแกะสลักเลย
เครื่องมือนั้นช่างน่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง, แต่ความแน่วแน่ในงานช่างฝีมือนั้นน่าแปลกใจยิ่งกว่าเสียอีก
มีดแกะสลักชนิดไหนกันที่สามารถแทง,ฟัน,และเฉือนเนื้อไม้ได้อย่างเป็นจังหวะและบ้าคลั่งโดยที่ไม่ทำให้เนื้อไม้นั้นได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย
ไม่ทันไร, เนื้อไม้ที่แกะออกมา เริ่มเป็นรูปเป็นร่างอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
มันดูเหมือนว่าถูกตัดมั่วซั่วไปหมด, แต่มันมีอะไรข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ทำทุกอย่างมาแล้วมากมายด้วยมือคู่นี้, ครั้งนี้การใช้ทักษะแกะสลักเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีความลังเลเกิดขึ้นเลย จนในที่สุดก็สัมฤทธิ์ผล
การใช้มีดแกะสลัก, หากยังไม่อยู่ในขั้นระดับปรมาจารย์ล่ะก็ คุณภาพของผลงานที่ได้ก็จะออกมาไม่ดี
ความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของใบมีดนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเมื่อต้องทำการแกะสลักชิ้นงานที่มีความยากแบบนี้
พวกคนแคระไม่ได้รู้สึกอับอายเมื่อพวกเขามองไปที่วีดด้วยความประหลาดใจในขณะที่เขากำลังแสดงความสามารถในการทดสอบนี้ ซึ่งขณะที่วีดกำลังทำงานในการทดสอบอยู่นี้ ภายในหัวของเขาก็เกิดความคิดขึ้น เขาคิดเพียงอยู่อย่างเดียว
 ‘มันไม่มีเงินตอบแทนซะหน่อย, ถ้างั้นก็ เอาแบบหยาบๆก็ได้!’
มีคนไม่มากนักที่ได้รับการอนุญาตให้เข้าทำการทดสอบได้, และมันก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเกณฑ์ในการสอบผ่านนั้นคืออะไร
 ‘เราต้องเร่งซะแล้วก่อนที่คำสาปมันจะย้อนกลับมาเล่นงานเราอีก
พวกวิญญาณที่ไม่มีตัวตนยังคงกระซิบอยู่ในหูของเขา ตอนนี้ไม่ว่าเวลาไหน, คำสาปสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เวลาจึงเป็นปัจจัยสำคัญ
 ‘ถ้ามันเกิดสำเร็จขึ้นมา, เราสามารถทำเงินจากมันได้หลายทองเลยล่ะ ถึงแม้เราจะต้องลดราคามันลงมาก็ตาม, เงินแม้เพียงน้อยนิดก็ต้องนับ…’
เมื่อตอนยังเป็นแค่เพียงผู้เล่นใหม่ มันช่างหดหู่ยิ่งนักในยามที่ได้แกะสลักผลงานทุกครา
ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว, ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นช่วยยกระดับผลงานที่ทำออกมาให้ดียิ่งๆขึ้นไป
พวกคนแคระรอบๆเมืองเริ่มพากันมายืนมุงดูรอบๆเพื่อที่จะดูการทดสอบและดูวีดแกะสลัก, เขาเปรียบเสมือนผู้ที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมา
 ‘คุณต้องมองเห็นรูปร่างของจิตวิญญาณและชีวิตในหัวของคุณซะก่อน
วีดยังคงกังวลอยู่ว่าเขาจะแกะสลักอะไรดี
ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกังวลเลย
ที่นี่คือหมู่บ้านของคนแคระ
มันเป็นการตัดสินใจมาตั้งแต่ต้นแล้วว่ารูปแกะสลักที่สามารถทำให้หัวใจของพวกคนแคระสั่นคลอนได้
 “มันคือมังกร
 “ดูปีกที่กว้างพวกนั้นสิมันดูลู่ลมดีนะ, สะโพกที่ขึ้นรูปได้ดี และขาที่หนาแข็งแรงมากนั่นมันมังกรปีศาจเคย์เบิร์น!”
เนื่องจากขนาดที่จำกัดของเนื้อไม้, รูปแกะสลักที่ได้จึงมีขนาดเล็กกว่าตัวจริงของสิ่งมีชีวิตตนนั้น
แต่องค์ประกอบโดยรวมของรูปแกะสลักนั้นถูกแกะสลักออกมาอย่างรวดเร็วและไร้ที่ติตั้งแต่ที่วีดคิดไว้แล้วว่าจะให้มันออกมาเป็นยังไง
ปากที่หิวกระหายเปิดอ้า กว้างมาก
เส้นเสียงที่เปล่งออกมาของมนุษย์, ถ้ารูปแกะสลักของริมฝีปากด้านบนและด้านล่างเป็นวงกลม, มันมีเพียงคำเดียวที่สามารถพูดออกมาได้
เงิน!
ในมือสั้นๆเต็มไปด้วยอัญมณีมากมาย, ขนคิ้วและหนวดเครายาวออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
วิ่งไปบนผืนแผ่นดินด้วยความประมาท พยายามที่จะทะยานขึ้นไปบนปีกของมังกรปีศาจเคย์เบิร์น (ผู้แปล: กว่าจะนึกออกว่าคือคนแคระที่ไปขโมยสมบัติและพยายามหนีจากมันกร อะไรประมาณนี้แหละ)
 “นั่นมันดีกว่ามังกรทุกตัวที่ข้าเคยทำมาซะอีก
 “สำหรับเขาแล้ว, ถ้ามันไม่ใช่มังกรล่ะ, การกินปลาแซลมอนคงจะมีความหมายมากกว่า(ผู้แปล: ประโยคนนี้ งงๆ แหะ อยากรู้ไปหาดูเองล่ะกัน ฮ่าๆ)
พวกคนแคระที่มองดูรูปของมังกรปีศาจเคย์เบิร์นก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
รูปแกะสลักนั้นแสดงออกมาถึงศิลปะในรูปแบบสามมิติ
แค่เพียงได้ยินชื่อก็ทำให้ความโกรธแทบจะปะทุออกมา, เมื่อได้เห็นและรู้สึกถึงมันความโกรธยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ผู้ฝึกสอนคนแคระพูด
 “เจ้าผ่านการทดสอบแล้ว การที่สามารถสร้างรูปแกะสลักแบบนั้นได้ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆถือว่าเป็นเรื่องที่น่าประทับใจไม่น้อย เพราะเจ้าไม่ได้มั่นใจจนเกินไปในทักษะที่เจ้ามี
การที่ผู้ฝึกสอนคนแคระพูดออกมาแบบนี้นั้นถือว่าเป็นการชมอย่างที่สุดแล้ว
การที่เห็นช่างแกะสลักเต็มไปด้วยอีโก้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี
วีดแก้ตัวอย่างถ่อมตน
 “มันคือความตั้งใจที่ซื่อตรงของข้าเอง ที่ข้าไม่ต้องการที่จะให้รูปแกะสลักนั้นออกมาเกี่ยวข้องกับหัวข้อที่กำหนด
 “ข้าเข้าใจแล้ว ในเมื่อข้าเห็นมันเป็นรูปแกะสลักที่สุดยอดที่มาพร้อมกับความชำนาญที่ละเอียด  ถูกต้องและแม่นยำ, ฝีมือของเจ้ามีคุณภาพที่ดีมาก เจ้าคงไม่รู้สินะว่าสังคมของคนแคระอย่างพวกเรา, รูปแกะสลักของมังกรปีศาจเคย์เบิร์นถือเป็นสิ่งต้องห้าม
 “ข้าเคยแกะสลักมังกรเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ผู้ฝึกสอนคนแคระหัวเราะออกมาอย่างพอใจ
 “ในหัวใจของข้านั้น เขาคือผู้ชายที่สุดยอดมาก
ใบหน้าของพวกคนแคระที่ยืนดูอยู่นั้นได้เปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่ดูเหี้ยมโหด
มีหลายคนที่ก่นด่าและสาปแช่งเขา, ที่สามารถสนิทสนมกับผู้ฝึกสอนได้เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ!
 “ผู้เล่นที่สามารถเป็นเพื่อนกับผู้ฝึกสอนแกะสลัก ได้ปรากฏขึ้นแล้ว!”

นายไปเรียนการยกยอ ปอปั้น ประจบสอพลอมาจากที่ไหนเนี่ย?”
การที่ได้เห็นเทคนิคความสามารถของวีดเป็นครั้งแรกนั้น ทำให้พวกคนแคระต้องการที่จะเข้าใกล้เขามากขึ้นและ มันคือความจริงที่ว่า มันมีค่ายิ่งกว่าการถล่มพังทลายลงมาของท้องฟ้าซะอีก
 ‘พวกเราอยู่ในโลกที่ยากลำบากมาแสนนาน

หนี้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ถูกชำระล้างแล้วด้วยคำพูด, ลิ้นที่มีความเจ้าเล่ห์สามารถกินทุกอย่างได้ในชีวิต
อย่างไรก็ตาม, เนื่องจากผลที่เกิดขึ้นของความสนิทสนมกับผู้ฝึกสอน, ราคาของค่าเล่าเรียนในการแกะสลักนั้นได้รับส่วนลดถึง 20%
 “การแกะสลักสามารถทำให้จิตใจของคนเราหวั่นไหวได้, ถ้าเจ้าไม่ปิดกั้นจิตใจของเจ้า เจ้าสามารถที่จะเข้าใจถึงการแกะสลักนั้นได้
ตริ๊ง!
- คุณได้รับประติมากรรมแปลงสาร(Sculpture Communication)

รูปแกะสลักนั้นไม่ได้เป็นอมตะ หลายปีผ่านไป, พวกมันก็ได้รับความเสียหาย ถ้าความเสียหายที่เกิดขึ้น ได้รับการฟื้นฟู พวกมันคงความสุขมากขึ้น ถ้าเจ้าต้องการที่จะเรียนรู้ศิลปะของการย้อนเวลาให้กับรูปแกะสลักล่ะก็, เจ้าสามารถที่จะเรียนรู้จากพวกมันผ่านเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา แต่มันช่างน่าเสียดาย ที่เทคนิคนี้มันสาปสูญหายไปเมื่อครั้งในอดีตกาลที่ผ่านมา
- คุณได้รับการประติมากรรมฟื้นคืนสภาพ(Sculpture Restoration)

วีดรีบตัดสินใจในทันทีเพื่อหาข้อมูลของทักษะที่เค้าได้มาใหม่นี้
 หน้าต่างข้อมูลทักษะ ประติมากรรมแปลงสาร, ประติมากรรมฟื้นคืนสภาพ!” (ผู้แปล: ถ้าคิดชื่อท่าที่มันดีกว่านี้ได้ก็เสนอมานะครับ หลังจากที่อ่านจบตอนนี้แล้วนะ)
- ประติมากรรมแปลงสาร 1 (0%) :
ไม่ว่าจะเป็นบทสนทนาหรือการสื่อสารกับมอนสเตอร์หรือมนุษย์ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้เนื่องจากกำแพงภาษา,  รูปแกะสลักของทั้งสองสิ่งนี้สามารถพูดคุย ติดต่อ หรือเข้าถึงบทสนทนาเหล่านั้นได้ ถ้าพวกมันเป็นผลงานชั้นดี, การต่อต้านของพวกมันจะลดน้อยลง และพวกมันจะบอกสิ่งที่พวกมันต้องการ เมื่อชื่อเสียงหรือระดับทักษะเพิ่มขึ้น, เผ่าพันธุ์ที่สามารถแปลงบทสนทนาได้ก็จะเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าที่กำหนดไว้
เมื่อถึงระดับขั้นกลางของประติมากรรมแปลงสาร, นักผจญภัยจะได้รับทักษะการแสดงอารมณ์แบบพิเศษ
ประติมากรรมฟื้นคืนสภาพ 1 (0%) :
ขึ้นอยู่กับระดับของทักษะ, รูปแกะสลักที่ได้รับความเสียหายสามารถฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพดั้งเดิมของพวกมันได้

วีดมีระดับชื่อเสียงที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว, และด้วยการยกยอ และความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์, ทักษะนี้ยังไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่นัก
การเรียนคือสิ่งสำคัญเป็นอันดับแรก
อันที่จริงแล้ว, วีดอยู่ที่นี่เพื่อเรียนรู้
การปรากฏขึ้นของรูปแกะสลักที่ไม่มีตัวตน ซึ่งคอยก่อกวนเค้าอยู่ตลอดเวลา, เขาได้รับคำพยากรณ์ของเทพธิดาเฟรย่าห์ จึงได้เดินทางมายังอาณาจักรของคนแคระ
วิธีที่เขาเฉือนเนื้อไม้ในขณะที่เค้ายังคงมีความรู้สึกสงสัยอยู่
มันไม่ใช่เหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้น
แต่สิ่งที่ผู้ฝึกสอนพูดออกมานั้นเป็นอะไรที่ไม่คาดคิดมาก่อน
 “เจ้าคิดอะไรอยู่เกี่ยวกับการแกะสลัก? นี่ไม่ใช่เหรอที่เป็นความฝันของช่างแกะสลัก?”
วีดตอบคำถามง่ายๆโดยไม่มีข้อโต้แย้งหรืออะไรมาขัดความคิดของเขา
 ‘เงิน, ชื่อเสียง, พลัง, อะไรที่ต้องพูดออกมาอีก?’
จัดการกับข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นตามมา, ไม่ว่าคำตอบที่ออกมานั้นจะสำคัญหรือไม่, และ ผู้ฝึกสอนก็พูดต่อโดยไม่รีรอ
 “ความฝันของช่างแกะสลักคือความปรารถนาอันแรงกล้าของรูปแกะสลัก, สร้างรูปแกะสลักที่ดียิ่งๆขึ้นไปเพื่อแสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของหัวใจ คำพูดของช่างแกะสลัก, มันโรแมนติคใช่มั้ยล่ะ?”
“....”
 “ถ้างั้นเมื่อเวลามาถึง, เจ้าในฐานะช่างแกะสลักก็จะได้เลือกเส้นทางที่เจ้าใฝ่ฝันเพื่อจะทำตามความปรารถนาของเจ้า
 “เส้นทางของข้า?”
 “การแกะสลักนั้นสูงส่งและมีความยากมากกว่าสาขาอื่นๆในด้านศิลปะ
วีดรู้ดีในเรื่องนี้
ช่างแกะสลัก เงินไม่ได้หามาง่ายๆถ้าศิลปะของคุณมันเลวร้ายมาก
 “อุทิศชีวิตเพื่อการสร้างรูปแกะสลักถึงแม้มันจะไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งขึ้นไปถึงระดับความสูงของการแกะสลักมากเท่าไหร่ แต่หากมองเพียงแค่ด้านเดียว มันก็ยังคงขาดแคลนอย่างหาที่สุดไม่ได้
ตั้งแต่ที่ทักษะการแกะสลักเลื่อนขั้นถึงระดับสูง, การพัฒนาความชำนาญของทักษะเป็นไปอย่างช้าๆ ไม่ได้มีแต่แค่ความชำนาญของทักษะที่เพิ่มขึ้นน้อยลงเท่านั้น, ทักษะแกะสลักอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการเรียนวิชาดาบ, ประติมากรรมประทานชีพ, ประติมากรรมจำแลง ก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำเหมือนเดิม
 “มันยากที่จะทุ่มไปกับการแกะสลักของเจ้าทั้งหมด ถ้าเจ้าหยุดมันซะ หัวใจของเจ้าก็จะไม่ต้องเจ็บปวดอีก และหลังจากเรื่องราวปํญหาทั้งหมดที่ได้ผ่านไปนั้น, รางวัลแห่งความสำเร็จรอคอยเจ้าอยู่
 “มันคุ้มค่ามั้ย?”
 “ความเชี่ยวชาญการแกะสลักเป็นที่รู้จักกันดีในด้านของศิลปะ, และพวกคนดัง ชนชั้นสูง ขุนนาง ราชวงศ์ คือหนึ่งในพวกนั้น ถ้าเจ้ามีความสามารถ, เจ้าก็จะมีโอกาสได้เจอพวกขุนนางในอาณาจักรของมนุษย์
วีดนั้นได้เป็นเจ้าเมืองมาตั้งนานแล้ว ฉะนั้นคำแนะนำนี้จึงไม่ค่อยมีค่าสำหรับเขาเท่าไหร่นัก
 “จนถึงตอนนี้, อะไรคือสิ่งที่ต้องการในการแกะสลัก, ข้าสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ในพื้นที่อื่นๆ เจ้าอาจจะเลือกหรืออาจจะไม่เลือกทางที่ง่ายกว่า อันที่จริงแล้วมันทำให้เกิดทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ข้าควรจะได้เห็นจุดจบของการแกะสลัก, ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง, เพื่อพวกเรา, ควรที่จะเลือกทางที่ง่ายกว่า
“....” (ผู้แปล: ไม่ต้องงงนะวีด เราก็งงเหมือนกัน ฮ่าๆ)
 “การแกะสลักนั้นไม่ยากถ้าเจ้าไม่ได้ชื่นชมศิลปะ จงใช้เวลาของเจ้าให้ดีและสนุกไปกับมันซะ, ใครจะกล้าโทษเจ้าได้? ตอนนี้มันอาจจะช่วยลดภาระของเจ้าให้เบาลง
ตริ๊ง!
- จงเลือกซะ ผู้ฝึกสอนช่างแกะสลักคนแคระ กำลังรอคนอย่างคุณอยู่
*ประติมากรรมแห่งคุณลักษณ์: เมื่อมีการสร้างรูปแกะสลัก 5 ชิ้นขึ้นไป ทุกวัน เป็นระยะเวลาสิบวัน,หลังจากนั้น, อัตราความชำนาญของทักษะการแกะสลักจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
*ประติมากรรมแห่งจินตนาการ: การเติบโตของค่าสถานะศิลปะและค่าสถานะความน่าดึงดูดจะเพิ่มขึ้น มันจะช่วยในเรื่องของการสร้างผลงานรูปแกะสลักที่มีขนาดใหญ่และงดงาม
*ศิลปินผู้ช่ำชอง: มันจะเป็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อได้เรียนรู้ทักษะพื้นฐานความแม่นยำ นอกเหนือจากการแกะสลักแล้ว, เรียนรู้ทักษะการผลิต, รวมถึงทักษะที่ใช้มือ, จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 25% อย่างไรก็ตาม, การผลิตอื่นๆ, ทักษะที่เกี่ยวกับศิลปะจะไม่สามารถไปถึงระดับปรมาจารย์ได้
*ประติมากรนิรันดร์กาล: ช่างแกะสลักที่อุทิศชีวิตและจิตวิญญาณของเขาให้กับโลกของการแกะสลัก นอกเหนือจากการแบ่งลำดับชั้นของผลงานต่างๆ เช่น  ผลงานชิ้นเอก, ผลงานอันยิ่งใหญ่, งานระดับปรมาจารย์, ลักษณะอื่นๆของรูปแกะสลักที่สามารถสร้างเวทย์มนต์ได้
ลักษณะของรูปแกะสลักที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ ผลงานประวัติศาสตร์, ผลงานอันไร้ขอบเขต, สมบัติของทวีป, และเวทย์มนต์ที่ถูกสร้างขึ้น
เอฟเฟ็คที่เกี่ยวข้องกับทักษะการแกะสลักเพิ่มขึ้น 20% คุณภาพของศิลปะอันงดงามและทักษะสร้างรูปแกะสลักให้มีระดับที่สูงขึ้น, และเนื่องจากเอฟเฟ็คพิเศษ, จะมีรางวัลตอบแทนให้มากมาย แต่เมื่อสร้างผลงาที่ผิดพลาดขึ้นมา, ผลที่ได้ก็จะลดลงอย่างมหาศาล

เป็นระยะเวลานานที่วีดไม่เคยต้องเจออะไรแบบนี้มาก่อน เขาไม่เคยรู้สึกต้องขัดแย้งกับตัวเอง
 ‘มันเป็นอย่างนี้ทุกทีสิน่า
ช่างแกะสลักนั้นเคยถูกเลือกและมีอยู่หลายครั้ง, ที่มีโอกาสในการเปลี่ยนอาชีพ เมื่อไหร่ก็ตามที่มันต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง, วีดก็ยังคงลูกเส้นทางของช่างแกะสลัก
อันที่จริงแล้วเขาใช้เวลาวอร์มอัพด้วยการแกะสลักเป็นจำนวนมากก่อนที่จะลงมือแกะสลักจริง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
ถ้าคนๆหนึ่งมีทักษะการทำงานที่สุดยอด, เมื่อนั้นเขาก็จะสร้างแต่รูปแกะสลักอันสุดยอดออกมา อย่างไรก็ตามรายละเอียดแต่ละส่วนของรูปแกะสลักนั้นไม่ได้มีการกล่าวถึง
ทักษะไม่เคยเพียงพอ
รูปแกะสลักที่เป็นจุดศูนย์รวมของทุกคนถูกสร้างขึ้นโดยเด็กๆ ฝีมือในการทำงานออกมานั้นค่อนข้างดูเงอะงะ ซุ่มซ่าม, ทุกอย่างดูแปลกไปกว่าที่มันควรจะเป็น
รู้สึกตื่นเต้น, ที่คนอื่นมีความสุขกับรูปแกะสลักที่ถูกทำขึ้นมา, ขณะที่ได้เห็นความสนุกที่ออกมานั้นและรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของพวกเขา
ความรื่นรมย์ยินดี, นั่นคือรางวัลตอบแทนของรูปแกะสลักที่ถูกสร้างขึ้น เต็มไปด้วยความรักของรูปแกะสลักและความเชื่อมั่นในตัวคุณ ทุกครั้งที่คุณลงมือแกะสลักมันออกมา
 ‘รอยยิ้มของน้องสาวของเรา, สายตาที่ส่งความรักของคุณย่าเราคิดว่านั่นคือช่วงเวลาที่เรามีความสุขมากที่สุด
วีดได้เงินมาในขณะที่เขาสนุกกับภารกิจของเขา มันคือความสุขอันแสนบริสุทธิ์!
แกะสลักรอยยิ้มของซอยูน
ฆาตกร, เวลาที่เธอกลัว, เวลาที่เธอมีความสุข, สิ่งเหล่านี้มีส่วนร่วมในการเริ่มต้นของการแกะสลักที่แท้จริง
การเสี่ยงตายในสภาวะเยือกแข็งท่ามกลางพายุหิมะที่ทั้งหนาวและเย็นสุดๆ, ก้าวข้ามผ่านมันมาได้ด้วยการสร้างผลงานอย่างปิงหลง
รูปแกะสลักเป็นสหายเพียงคนเดียวที่คอยร่วมเดินทางอยู่เคียงข้างวีดมาโดยตลอดในทุกๆการผจญภัยของเขา
ความฝันอันแสนเจ็บปวด
ความฝันที่ไม่เคยได้รับการเติมเต็มกลายเป็นจริงขึ้นมาผ่านการแกะสลัก
ชีวิตที่ไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาก่อน ผ่านการลงทุนในการแกะสลักและการเรียนวิชาดาบ, นี่คือการพลิกโฉมประวัติศาสตร์ครั้งใหม่
มันสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการแกะสลักนั้นว่ามันไม่ใช่เรื่องยาก
ช่างแกะสลักต้องใกล้ชิดและเข้าใจความรู้สึกของผู้คนอย่างชัดเจน, แต่ แม้กระนั้นการแกะสลักก็ยังมีหลากหลายรูปแบบ
ความกลัวที่จะทำผิดพลาด ล้มเหลว คือเวลาที่หายไปของช่างแกะสลัก, มันคือปัญหาใหญ่เลยล่ะ, แต่ช่างแกะสลักที่ดีคือผู้ที่สามารถปฏิเสธเรื่องเหล่านี้ได้
รูปแกะสลักสร้างขึ้นด้วยจิตวิญญาณและหัวใจ
วีดพยายามที่จะลืมเรื่องราวความสุนทรีย์ของความทรงจำเหล่านั้น แต่ความฝันในอนาคตของช่างแกะสลักนั้นยังไม่เปิดเผยให้เขาได้รับรู้เลย
 ‘ก็นะ, มันแย่สุดๆเลยล่ะ, คุณค่าของมันยังคงห่างไกลนักแล้วถ้าเกิดทำมันออกมาได้ดีกว่านี้ล่ะ, แต่ มันน่าเบื่ออ่ะ งั้นก็เลือกอย่างที่เป็นอยู่นี่แหละ
วีดพูดออกมา
 “ข้าเลือกหนทางของประติมากรนิรันคร์กาล
***

-
รุ่นพี่, สบายดีมั้ยคะ?

-
นั่นน่ะ
เซเฟอร์เป็นคนเดียวที่ยังอยู่ในโทเดียมและตอนนี้เขากำลังตอบคำถามของยูรินผ่านช่องทางการกระซิบ
เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะตอบเขายังไงดี, ถึงแม้เพิ่งจะเชื่อมต่อเข้ามาในทันที, นอกจากกระซิบ, การทักทายก็ปรากฏให้เห็นด้วยเช่นกัน
 ‘ฉันรู้, อย่างน้อยก็วันที่ ที่พวกนักดาบจะฆ่าฉัน
มันช่างโชคร้ายเสียจริงที่ เมื่อพวกนักดาบพูดถึงมันขึ้นมา, อารมณ์และหัวใจที่รับรู้ได้ถึงความกดดันอันหนักอึ้ง จนถึงกับทำให้ต้องนั่งลงไปกองกับพื้นเลยทีเดียว!
อย่างไรก็ตาม, ไม่มีการปฏิเสธใดๆทั้งสิ้น, ตอบด้วยความยินดี
ขณะที่อยู่ในรถ, ยูรินถามเขาในทันใด
- บ้านของรุ่นพี่อยู่ที่ไหนหรอคะ?

-
คังบุก พย็องชัง

-
พย็องชังอยู่ที่ไหนเหรอ?

-
มันอธิบายยากน่ะทางเหนือของบุคฮันซาน
- โอ้, ท่าทางชีวิตของพี่ดูลำบากนะ ที่นั่นมีน้ำก๊อกใช้รึยัง? แล้วมีรถบัสเข้าเมืองผ่านที่นั่นมั้ยคะ?

- …..

-
แล้วคราวหลัง ฉันจะซื้อเค้กข้าวสาหร่ายเพิ่มพลังไปให้รุ่นพี่นะคะ
พวกนามบัตรไม่สามารถนำออกมาหรือยื่นให้ได้เมื่ออยู่ในแถบพย็องชัง เนื่องจากว่ามันเป็นเมืองที่อยู่แถบภูเขา ซึ่งมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เกินกว่าที่จะคาดคิดได้ (ผู้แปล: รายละเอียดข้อมูลสถานที่สามารถหาได้ในกูเกิ้ลนะครับ)
- แล้วรุ่นพี่ตั้งใจว่าจะทำอะไรต่อหลังจากที่เรียนจบแล้ว?

-
อะไร?

-
ไม่ใช่ว่ามีสิ่งที่รุ่นพี่อยากทำอยู่อย่างนั้นเหรอ
- เพราะอะไรที่ฉันอยากทำไม่ไปต้องคิดถึงมันมากนักหรอก พ่อแม่ของฉันต้องการให้ฉันเข้ามาดูแลกิจการของครอบครัว ดังนั้น, มันก็เลยกลายเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้แหละพร้อมกับการที่ต้องเรียนเยอะขึ้น
- ที่บ้านของรุ่นพี่ทำธุรกิจอะไรเหรอ?

-
ซุง
เซเฟอร์ลังเลอยู่สักพักว่าจะบอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเขาไม่เคยบอกใครเลยในรอยัล โร้ด เกี่ยวกับครอบครัวของเขา
- รุ่นพี่ทำงานที่ซุง อิเล็กทรอนิคส์หรอ?

-
เห้อ? อืม
บริษัทโฮลดิ้งที่ได้รับการจดบันทึกเป็นบริษัทผู้ก่อตั้งระดับห้าดาวของโลกที่มีผลการดำเนินงานอันสุดยอดทั้งรายได้ประจำปีและรายได้สุทธิของบริษัท, ซุงอิเล็กทรอนิคส์คือศูนย์กลางของกลุ่มบริษัทในเครือ
 ‘มันไม่ผิดที่จะบอกว่าซุง อิเล็กทรอนิคส์เป็นหนึ่งในเครือบริษัทของพวกเรา (ผู้แปล: คงนึกออกนะครับ ว่าเซเฟอร์รวยโคตรๆ)
- ซุง อิเล็กทรอนิคส์ที่ขายทุกอย่างตั้งแต่ คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว และ อื่นๆอีกมากมาย?
- น่ะ-นั่นถูกต้องแล้ว

-
เฮ้ะ! สุดยอด
เซเฟอร์ได้เจอผู้หญิงมาแล้วมากมาย มากหน้าหลายตา, และเขารับรู้ได้ว่าพวกเธอนั้นแปลกๆ ไม่ค่อยหวังดีสักเท่าไหร่ (ผู้แปล: ที่เซเฟอร์เจอคือ เกาะ แ_ก หรือไม่ก็หวังมากกว่านั้น หรือหลงในความหล่อ)
 ‘ปฏิกิริยานั่นมันแปลกๆนิดหน่อยแหะ
น่าแปลกใจ และ น่าชื่นชม, แต่นั่นเป็นท่าทีที่ดูเหมาะสมที่สุดแล้ว
แล้วเขาก็ได้ยินยูรินกระซิบมา
- คืนนี้ รุ่นพี่มาที่บ้านของฉันได้มั้ยคะ? ไม่ต้องบอกพี่ชายของฉันนะ….วันนี้ฉันจะใช้เขาวาดรูปน่ะ (ผู้แปล: น่าจะใช้ลี ฮุนเป็นแบบมั้งนะ ไม่ก็วาดรูปให้ลี ฮุน คิดเอาเองละกัน ฮ่าๆ)
ยู ริน ถามด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน
***

ชอย จี ฮุน รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นไม่ปกติเมื่อเขาเห็นใบหน้าของเขาที่ดูเจ็บปวด ทรมานขณะที่เขากำลังขับรถไปที่ย่านที่อยู่อาศัยของลี ฮายัน
 “มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย
คำเชื้อเชิญของผู้หญิงให้มาที่บ้านของเธอ, แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นลี ฮายัน, เหตุการณ์มันอาจจะแตกต่างกว่านี้ก็ได้
บทสนทนาและความสนิทสนมใกล้ชิด เดิมพันด้วยชีวิตของพวกเขา, เชิญให้ไปที่บ้านตอนกลาง ฉันต้องทำอะไรสักอย่างที่สามารถทำได้….
 “จะอยู่หรือจะตาย มันไม่มีที่ให้แก้ตัวหรอกนะ
ชอย จี ฮุน หมกมุ่นอยู่กับความคิดผิดๆและดูเหมือนจะถูกบีบบังคับให้ต้องยอมถอยไป
สถานที่หาไม่ยากนัก ต้องขอบคุณ ลี ฮายัน ที่เป็นคนบอกเส้นทางที่ง่ายที่สุด
ระยะทางไม่ไกลจากถนนและร้านค้าเท่าไหร่นัก มีบ้างหลังเล็กตั้งอยู่ในพื้นที่เปลี่ยว
ลานหน้าบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้บานระพรั่งและที่มุมมีโอ่งขนาดเล็กวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
 “จริงหรอเนี่ย
ชอย จี ฮุน ยิ้ม
 “บรรยากาศของบ้านดูรื่นรมย์ดีนะเหมือนกับว่าเธอถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี
แต่เขาก็ไม่ได้คิดเกินเลยไปกว่านั้นสักนิดเดียว
ลี ฮายันอยู่ในครัว, กำลังทำความสะอาดห้องครัวอยู่
 แม่ครัว และ ต่อไป, แต่งงาน ทำกิมจิและเครื่องเคียงไปด้วยกันกับเธอจนกว่าเธอจะตายจากฉันไป
เป็นอย่างที่มันควรจะเป็น, งานล้างจานและซักผ้ายังไม่เสร็จดีนัก, แต่ส่วนใหญ่แล้วมันเป็นหน้าที่ในชีวิตของลี ฮุน
ตอนนี้บ้านดูสะอาดเรียบร้อยดีแล้ว
การส่งหนังสือพิมพ์มาเป็นปีๆ ช่วยฝึกฝนพัฒนาในเรื่องของการรับรู้ทางด้านภูมิศาสตร์ เป็นระยะเวลานานที่แดดกำลังดี พวกเขาเจอบ้านหลังนี้ในพื้นที่เปลี่ยวและเงียบเชียบ จึงได้ตัดสินใจซื้อมันในทันที
ติ๊ง ต่อง
ชอย จี ฮุน กดกริ่งตรงประตูและประตูหน้าบ้านก็เปิดออก
 “ขอโทษนะครับ
เป็นครั้งแรกที่เขาได้ไปที่บ้านของผู้หญิง, ในใจของเขานั้นสั่นเล็กน้อย แขนทั้งสองข้างถือดอกไม้และตะกร้าผลไม้สำหรับทุกโอกาสที่มาถึง
*โฮ่ง!*
ไม่นาน, หมาที่เห่าเมื่อกี้วิ่งมาที่ลานด้านหน้า
 “เฮื้อก!”
ชอย จี ฮุน สะดุดและถอยหลังไป
 “นี่มันเนื้อหมาหรืออะไรเนี่ย(ผู้แปล: ไม่ต้องแปลกใจ เนื่องจากถูกขุนไว้เป็นอาหาร ปล.วัฒนธรรมไม่เหมือนกัน อย่าไปใส่ใจเลย)
หมาตัวใหญ่วิ่งมาหาพร้อมกับกระดิกหางของมันไปด้วย, ทั้งเลียและถูตัวของเขา
การแสดงความสนิทสนมที่มากเกินไป
เขาเข้าใจนิสัยของมันแล้วเป็นเพราะมันรู้ว่าเขาเป็นแขก
 “เข้ามาเลยค่ะ
ลี ฮายัน, ใส่เสื้อสีขาวออกมาจากระเบียงหลังแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จนถึงตอนนี้, ชอย จี ฮุน พยายามที่จะทำตัวให้ดูเป็นมิตร
 “โบชิน, ไป ไปพักผ่อนซะ
ทันทีที่ฮายันพูดจบ, มันหยุดกระดิกหางทันทีและรีบกลับเข้าไปที่บ้านสุนัขของมัน
ชอย จี ฮุน รู้สึกสับสน, เขายื่นดอกไม้และตะกร้าผลไม้ออกมา
 “มันรู้สึกแปลกๆถ้ามามือเปล่าน่ะ ผมก็เลยเอาอะไรบางอย่างมาด้วย

อือ, ขอบคุณค่ะ
ฮายันรับตะกร้าผลไม้และพาชอย จี ฮุนเข้าไปในบ้าน
 “ดอกไม้ล่ะ?”

แล้วร่มที่อยู่ตรงนั้น….”

“.....”
ลี ฮายัน เสิร์ฟอาหารพร้อมกับเครื่องเคียงและเครื่องปรุงต่างๆ
 “ทานให้อร่อยนะคะ
ปรากฏตัวมาอย่างคึกคัก, เอาอาหารเย็นมาที่โต๊ะที่จัดเตรียทไว้เรียบร้อยแล้ว, ชอย จี ฮุน ยกช้อนขึ้นมา
 “ถึงแม้มันจะไม่มาก, รุ่นพี่สามารถเติมเพิ่มได้อีกนะคะ
กินอาหารที่บ้านนั้นแตกต่าง เครื่องเคียงถูกเลือกมาอย่างดีดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใส่อะไรที่ทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการเครียดขึ้นมาหรือทำงานหนักเกินไป
ชอย จี ฮุนผู้ใสซื่อ ติดใจในรสชาติของอาหารซะแล้ว
 “อร่อยมาก ผมชอบมันนะ
เขาไม่ได้พูดขึ้นมาลอยๆ, แม้กระทั่งข้าวยังสุดยอดเลย อาหารจานนี้อร่อยมาก ดีกว่ากินอาหารชุดใหญ่ในภัตตาคารซะอีก
ทันทีที่คุณได้กินข้าวเข้าไป, คุณจะรู้สึกล่องลอยเหมือนอยู่อากาศ
 “เธออุตส่าห์เตรียมอาหารให้ฉัน เดี๋ยวฉันล้างจานให้เอง

ไม่เป็นไร ขอบคุณค่ะ รุ่นพี่เป็นแขกนะ ฉันจะล้างจาน ส่วนรุ่นพี่ก็ไปรออยู่ข้างในห้องนะ แล้วฉันจะตามไปทีหลัง

น่ะ-ในห้องเหรอ?”
 “อื้อ ทำไมรุ่นพี่ไม่ไปรอที่นั่นล่ะคะ

“......”
ชอย จี ฮุน อึ้งไปสักพัก ขณะที่ฮายันชี้ไปที่ประตูที่เปิดอยู่ และเขาก็เข้าไป
ก้าวเท้าเข้าไปในห้องของเด็กสาวอายุ 20 ปี
วอลล์เปเปอร์สีชมพู, โปสเตอร์ของเหล่าคนดัง, รูปถ่าย, นั่นคือสิ่งที่เขาคาดหวังไว้ นอกจากนั้นแล้วมันยังเต็มไปด้วยชั้นวางหนังสือซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และการรักษาโรคโดยใช้ยา และท่ามกลางหนังสือเหล่านี้มี นวนิยายลึกลับอยู่หลายเล่ม
«โลกจะถูกทำลายโดย 10 สุดยอดเทคโนโลยีขั้นสูง»

«
กายวิภาคศาสตร์มนุษย์»

«
การเชื้อเชิญของฆาตกรต่อเนื่อง»
เธออ่านหนังสือดีๆเยอะจริงๆ
แม้กระทั่งภาษาที่เขียนของชื่อเรื่อง, ชอย จี ฮุน ไม่สามารถละสายตามองมันผ่านๆได้เลย
 “เธอกำลังจะมาถึงแล้วฉันควรจะทำอะไรดี?”
ห้องของฮายัน, มันมีบรรยากาศที่ชวนหลอนยังไงไม่รู้ ผสมปนเปไปกับบรรยากาศที่น่าอัศจรรย์ใจ จนเกินคำบรรยาย, ทำให้เขารู้สึกกลัว
 ‘แต่ฉันไม่สามารถจัดการผู้หญิงคนนี้ได้ อย่างน้อยผู้หญิงคนอื่นๆที่มาก็เป็นเหมือนกันหมด, ในสายตาของฉัน
ในห้องของฮายันมีกลิ่นหอมๆด้วย
เมื่อไม่นานมานี้เธอกำลังอ่านหนังสืออยู่, มีหนังสือมากมายกองอยู่บนโต๊ะและมีโน้ตกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด
หลังจากนั้นไม่นาน, เธอมาพร้อมกับเครื่องมือมากมาย รวมไปถึง ไขควง และ ฆ้อน
 “รุ่นพี่ได้พักแล้วใช่มั้ยคะ? ทีวีเครื่องนี้มันใช้ไม่ได้แล้วอ่ะ ได้โปรดซ่อมมันให้ที

ซ่อม?”
 “ก็รุ่นพี่บอกเองว่ารุ่นพี่ทำงานอยู่ที่ ซุง อิเล็กทรอนิคส์น่ะ ได้โปรดซ่อมมันให้ที
 “ซุงอิเล็กทรอนิคส์, แต่ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะซ่อมทีวีได้รึเปล่านะ เพียงเพราะว่าเกาหลีใต้มีรถยนต์, มันไม่ได้หมายความว่าเราสามารถสร้างรถยนต์เองได้?”
ชอย จี ฮุน, ถึงแม้จะยังดูงงๆอยู่, เขาแยกชิ้นส่วนทีวีด้วยเครื่องมือและโชคดีที่สามารถหาเจอชิ้นส่วนของแผงวงจรที่ต้องการซ่อม
 “อ้า! จอมาแล้ว
ชอย จี ฮุน ผู้ที่ยังกังวลอยู่ ได้ปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขา
มันคือโทรทัศน์รุ่นเก่าเก็บ แต่เขาก็ไม่เคยลองจัดการมันมาก่อน
 ‘ประสบการณ์ครั้งนี้คงจะเป็นประโยชน์นะ
รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชอย จี ฮุน
 ‘ตอนนี้ที่ฉันต้องการทำคือรอให้บทสนทนาอันแสนน่ารัก กุ้กกิ๊กเกิดขึ้นเท่านั้น
ในช่วงเวลานั้นเอง, เขารู้สึกว่าตัวเขานั้นสามารถไว้ใจได้ เช่นเดียวกันกับ ลี ฮายัน ที่ยิ้มอย่างใสซื่อและเป็นรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบและเป็นธรรมชาติมากๆ
 “จริงหรอ มันซ่อมได้หรอ มันน่าทึ่งมากเลยนะเนี่ย
ชอย จิ ฮุน คิดอย่างเป็นตุเป็นตะ เขารู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจของเขา
 “ถ้าหากมีอะไรให้ผมช่วยอีกล่ะก็, สามารถเรียกผมได้ทุกเมื่อเลย

ฉันสามารถทำอย่างนั้นได้จริงๆหรอ?”

แน่นอน
 “อันที่จริงมันมีอย่างอื่นที่ใช้งานไม่ได้

“....”
 “แล้วพวกของที่นำเข้าล่ะ? โอ้ แต่ ฉันไม่คิดว่ารุ่นพี่จะรู้วิธีซ่อมพวกมันน่ะ…”

ไม่ เอามันมาดูก่อน
ฮายันเอาของพวกนั้นมาจริงๆด้วย
เตาแก๊ส, ตู้อบ, เครื่องกรองอากาศ, เครื่องดูดความชื้น, เครื่องดูดฝุ่นสุญญากาศ, โทรศัพท์มือถือ, โน้ตบุ้ค(laptops), เครื่องปริ้นท์, คอมพิวเตอร์, จอมอร์นิเตอร์, เครื่องเล่นเทป, โทรศัพท์, พัดลม, หม้อหุงข้าว, โถอนามัย! (ผู้แปล: อันสุดท้าย ใครนึกไม่ออก ก็หาในกูเกิ้ลนะครับ)
 “นี่, หมดนี่เลยเหรอ?”

ไม่ มันยังมีอีก ตู้เย็นที่อยู่ในครัวด้วย
“......”

รุ่นพี่ไม่สามารถซ่อมมันได้เหรอคะ? รุ่นพี่ต้องเอามันไปซ่อมที่โกดัง หรือร้านมั้ยคะ?”
ชอย จี ฮุน ส่ายหัวอย่างจริงจัง
 “ไม่ ฉันจะลองซ่อมมันดู
เขาเริ่มจากอันที่ง่ายที่สุด, โทรศัพท์
ชิ้นส่วนเก่าๆที่ใช้ไม่ได้แล้ว, แต่ชิ้นส่วนทั่วไปเหมือนใกล้จะพังเต็มที
หลังจากช่วงระยะเวลาการซ่อม, มันดูเหมือนเพิ่งซื้อมาใหม่เลย แม้กระทั่งข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆก็ไม่สามารถตรวจเจอได้เลย
 “เธอได้ของพวกนี้มาจากที่ไหนน่ะ?”
 “ฉันได้พวกมันมาจากบ้านหลังเก่าน่ะ, พวกของบางอย่างก็ถูกเอามาโดยพี่ชาย เขาเจอมันตามเส้นทางที่เขาส่งหนังสือพิมพ์น่ะ
ผมเข้าใจแล้ว
การซ่อมแซมนั้นค่อนข้างยุ่งยาก, แต่ชอย จี ฮุน รู้สึกสะดวกสบาย เพราะเขาได้คุยกับฮายันที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆเขา

ติดตามตอนต่อไป

ที่มา: http://royalroadweed.blogspot.co.il/2014/11/volume-13-chapter-10.html

9 ความคิดเห็น:

  1. ว่างๆ มาซ้อมมือถือ 3310 ให้หน่อยจิ. ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ6 ตุลาคม 2559 เวลา 21:20

    โดนหลอกใช้โดยอาหารเพียงแค่1มื้อ 5555

    ตอบลบ
  3. ใช้ทายาท บ.ซัมซุ่ง มาซ่อมที่วีให้ ร้ายไม่แพ้พี่เลย55 ที่แรกนึกว่าไอ้หนุ่มนี้จะเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อซักอีก

    ตอบลบ
  4. ได้ว่าที่น้องเขยแล้ววีด
    มีแววเป็นพ่อบ้านใจกล้านะเนี่ย บักเซเฟอร์เอ๋ย RIP.

    ตอบลบ
  5. ม่ายยยยย ฮายันจะมีผัวแล้วหรือนี่(ก็ตรงอย่างที่ตั้งใจว่าจะจับคนรวยมาเป็นผัวนี่เนาะ!)
    อยากให้ตัวละครในเรื่องนี้โสดจะสนุกกว่านะ เรื่องความรักแล้วมันไม่เข้าก่ะเนื้อเรื่องเลย ดูจากวีดเป็นตัวอย่างงงงงงงงงงงงงง

    ตอบลบ
  6. ฮาลั่นเลยตอนรุ้ว่าให้ซ่อมทีวี5555

    ตอบลบ

เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล

  เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล ลาเฟย์หลับตาลง ' เราจบสิ้นแล้ว '...