เล่มที่ 14 ตอนที่ 8: การสร้างจิตวิญญาณแห่งธาตุ
เดย์มอนด์และกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีแยกประเภทของวิญญาณปีศาจ
พวกมันคือวิญญาณปีศาจขนาดยักษ์ 50 ตัว!
ขุมกำลังนี้ยังมีวิญญาณปีศาจขนาดกลางอีก 1,000 ตัว
และวิญญาณปีศาจขนาดเล็กอีกเป็นหมื่นๆตัว
“เอาล่ะ
เรามาลองกันเถอะ”
เดย์มอนด์ชอบความคิดของนาโด
“พวกเราต้องรู้ให้ได้ว่ามีพลังมากแค่ไหน”
ครั้งแรกที่ได้สบตากับพวกวิญญาณปีศาจ มันน่าทึ่งมาก
แต่พวกเขาต้องการ
ที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ในการต่อสู้จริงๆ
ที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ในการต่อสู้จริงๆ
พวกเขานำทัพวิญญาณปีศาจออกจากวิหารแห่งการคืนชีพ
และเริ่มทำการ
ทดลองในทุ่งร้าง
ทดลองในทุ่งร้าง
ฝูงมันติคอร์ผู้โชคร้ายที่กำลังเดินผ่านได้กลายมาเป็นหนูทดลองของพวกเค้า
(Admin: สัตว์ในเทพนิยายคล้ายสิงโต)
มันติคอร์มีรูปร่างคล้ายสิงโตขนาดใหญ่ มีพละกำลังและความเร็วที่สูงมาก
แม้กระทั่งกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีเคยต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายมาแล้ว
ในครั้งก่อนๆ พวกเขาสามารถเอาชนะมาได้ในขณะที่ต้องได้รับความเสียหาย
แต่พวกเขาอ่อนแอมากเนื่องมาจากการทำเควสและไม่สามารถใช้พลังได้
อย่างเต็มที่
แม้กระทั่งกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีเคยต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายมาแล้ว
ในครั้งก่อนๆ พวกเขาสามารถเอาชนะมาได้ในขณะที่ต้องได้รับความเสียหาย
แต่พวกเขาอ่อนแอมากเนื่องมาจากการทำเควสและไม่สามารถใช้พลังได้
อย่างเต็มที่
“จัดการพวกเวรนั่นซะ”
เมื่อสิ้นคำสั่งของเดย์มอนด์
เหล่าวิญญาณปีศาจขนาดยักษ์เคลื่อนพล
ข้ามทุ่งร้างพร้อมเสียงฝีเท้าอันดังกระหึ่มราวกับฟ้าร้อง
ข้ามทุ่งร้างพร้อมเสียงฝีเท้าอันดังกระหึ่มราวกับฟ้าร้อง
ทุกครั้งที่พวกเขาเคลื่อนไปข้างหน้า จะเกิดหลุมมากมายในพื้นดิน
พวกวิญญาณปีศาจใช้น้ำหนักอันมหาศาลของพวกมันพุ่งเข้าไปโจมตีฝูง
มันติคอร์ ทั้งบดขยี้และเหยียบย่ำพวกมัน
พวกวิญญาณปีศาจใช้น้ำหนักอันมหาศาลของพวกมันพุ่งเข้าไปโจมตีฝูง
มันติคอร์ ทั้งบดขยี้และเหยียบย่ำพวกมัน
มันติคอร์เป็นสิบๆตัวถูกเตะกระเด็นด้วยของขาหน้าของวิญญาณปีศาจจน
ลอยขึ้นไปในอากาศและพวกวิญญาณปีศาจตัวอื่นๆใช้เขาของพวกมันทิ่ม
แทงมันติคอร์ที่กำลังตกลงมา
มันเป็นภาพที่น่าดู: การกัดและการข่วนของมันติคอร์แทบจะไม่สามารถทำความเสียหายให้แก่พวกวิญญาณปีศาจได้เลย
ทุกๆครั้งที่มันติคอร์ตาย
เดย์มอนด์และกิลด์สามารถรับรู้ได้ว่าพลังแห่งการ
คืนชีพกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
คืนชีพกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
- ด้วยการครอบครองพลังชีวิตของผู้อื่น คุณได้รับพลังแห่งการคืนชีพ 35 หน่วย
- ความจงรักภักดีของคุณที่มีต่อวิหารเอ็มบินยูเพิ่มขึ้น
ค่าอุทิศของคุณที่มีต่อวิหารเอ็มบินยูเพิ่มขึ้น
คุณได้รับสถานะผู้ติดตามชั้นผู้น้อย
พวกเขาได้รับพลังแห่งการคืนชีพทุกครั้งที่วิญญาณปีศาจประสบความสำเร็จ
ในการล่า ความจงรักภักดีของพวกเขาที่มีต่อวิหารเอ็มบินยูเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ในการล่า ความจงรักภักดีของพวกเขาที่มีต่อวิหารเอ็มบินยูเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
กองทัพของเดย์มอนด์ใหญ่โตขึ้นทุกครั้งเมื่อเขาใช้พลังแห่งการคืนชีพ!
นาโดถึงกับเอ่ยปากชม
“ถ้ามันมีพลังขนาดนี้นะ พวกเราควรที่จะทำลายกำแพงปราสาทได้แล้วนะ”
ไม่มีอะไรที่สามารถเปรียบเทียบได้กับอาวุธทลายป้อม
อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาปล่อยให้เหล่าวิญญาณปีศาจออกไปโจมตีเป็น
พวกแรกด้วยพละกำลังอันมหาศาล ไม่มีอะไรที่จะสามารถทำอะไรพวกเขาได้
เมื่อพวกเขาไปประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของกองทัพคืนชีพ
เดย์มอนด์และ
กิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีถึงกับขนลุก ตัวสั่นสะท้าน
กิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีถึงกับขนลุก ตัวสั่นสะท้าน
ความสามารถของพวกวิญญาณปีศาจขนาดกลางและขนาดเล็กก็โดดเด่นไม่
แพ้กัน
โดยการใช้พลังชุบชีวิต เหล่าทหารและอัศวินที่ตายไปแล้วสามารถฟื้นคืนกลับ
มามีชีวิตได้อีกครั้ง พวกที่กลับมามีชีวิตจะสูญเสียสติปัญญาและความคิด
แล้วจะกลายมาเป็นลูกสมุนที่รู้จักแต่การต่อสู้ คอยจัดการศัตรูของพวกมัน
อย่างโหดร้ายและทารุณ
* * *
“มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องติดสินใจว่าจะมุ่งหน้าไปที่ไหนต่อ”
เดย์มอนด์พูดในขณะที่กำลังใส่ไม้เท้ากระดูกและหมวกเหล็ก
ไอเทมที่พวกเขาได้มาเป็นรางวัลในขณะที่พวกเขาออกล่าในทุ่งร้างกับกองทัพคืนชีพ!
“ออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”
ซูบันเสนอความคิดนี้
“ข้าว่าตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะยึดครองและช่วงชิงอาณาจักรของพวกมนุษย์และพวกเอลฟ์”
กองทัพคืนชีพกำลังเติบโตมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมันยากที่จะหา
สถานที่ล่าดีๆที่เหมาะสมในทุ่งร้างแห่งนี้
สถานที่ล่าดีๆที่เหมาะสมในทุ่งร้างแห่งนี้
แม้ว่าพวกเขาจะใช้แค่เพียงพวกวิญญาณปีศาจขนาดกลาง
สถานการณ์ก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่
ดังนั้นแล้วการที่จะหาฝูงมอนสเตอร์จึงยิ่งยากขึ้นไปอีก
สถานการณ์ก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่
ดังนั้นแล้วการที่จะหาฝูงมอนสเตอร์จึงยิ่งยากขึ้นไปอีก
เดิมทีกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีเป็นพวกที่ชื่นชอบการต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง
ณ ทุ่งร้างแห่งนี้ มีผู้คนเพียงหยิบมือ พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะต้องระเบิดความ
อัดอั้นที่มีอยู่ออกมา
ณ ทุ่งร้างแห่งนี้ มีผู้คนเพียงหยิบมือ พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะต้องระเบิดความ
อัดอั้นที่มีอยู่ออกมา
“พวกเราต้องเริ่มเคลื่อนไหวได้แล้ว”
มาร์วิ่นเห็นด้วยกับความคิดนี้
เขาคิดว่ามันคงจะเป็นความผิดมหันต์หากไม่ใช้พลังที่พวกเขาครอบครองอยู่
พวกเขาครอบครองพลังอันมหาศาลที่เหนือกว่าทุกๆอาณาจักรในทวีปเวอร์
เซลล์
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่รู้ในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นสามารถนำความ
หายนะมาสู่โลกใบนี้ ทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่างก็ไม่ได้กังวลหรือสนใจที่จะ
ต้องรอเพราะเหตุผลนี้
นาโดถาม
“หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน?”
“แม้กระทั่งในทุ่งร้างแห่งนี้
ยังมีหมู่บ้านเล็กๆมากมายตรงแถบชายแดน”
พวกเขาเดินเร่ร่อนไปมาพร้อมกับกองทัพคืนชีพ
พวกเขาผ่านพวกนักล่าที่มีขนาดเล็กกว่าจำนวนมากและหมู่บ้านเล็กๆที่
ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการทำเกษตรกรรม
พวกเขาผ่านพวกนักล่าที่มีขนาดเล็กกว่าจำนวนมากและหมู่บ้านเล็กๆที่
ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการทำเกษตรกรรม
“แต่ว่าพวกเขาเล็กมากเลยนะ
พวกเราไม่จำเป็นต้องมองหาพวกเขาหรอก พวกเราสามารถจัดการพวกนั้นได้เพียงแค่เดินผ่าน
เพื่อการเริ่มต้นที่ดี ทำไมพวกเราไม่มุ่งหน้าไปยังโมราต้าล่ะ?
ที่นั่นมีผู้คนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก”
มาร์วิ่นแนะนำโมราต้า
มันอยู่ใกล้ที่สุดและมีจำนวนประชากรหนาแน่น! แต่ซูบันมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป
“โมราต้ามีวิหารเฟรย่าห์คอยปกป้องอยู่
แล้วยังมีพวกนักผจญภัยที่มีเลเวลสูงอีกด้วย
และถ้าพวกเราเกิดไปโจมตีที่นั่นตั้งแต่เริ่มเลยละก็
ความเสียหายที่พวกเราจะได้รับนั้นคงมากน่าดู”
“พวกเราต้องคำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นด้วย
ถึงแม้ว่าพวกวิญญาณปีศาจจะตาย พวกเราสามารถชุบชีวิตพวกมันได้ตลอด”
“มันก็ถูกนะ
แต่มันก็มีอาณาจักรอื่นๆหรือหมู่บ้านที่อยู่รอบๆโมราต้าไม่ใช่เหรอ?”
“มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้น
แต่…”
“หลังจากที่พวกเราจัดการโมราต้าและยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดเมืองเล็กๆในทางตอนเหนือ
อาณาจักรที่อยู่ในทางตอนกลางสามารถเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีของพวกเราได้
พวกเราต้องเปิดฉากโจมตีทางตอนกลางก่อน
ที่นั่นผู้คนจะได้ประจักษ์ซึ่งถึงความแข็งแกร่งของพวกเรา
อีกทั้งพวกเรายังสามารถขยายกองทัพของเราเพิ่มได้มากขึ้นอีกด้วย”
นาโดเห็นด้วยกับซูบัน
“การต่อสู้เล็กๆ
พวกเราสามารถชนะได้อย่างแน่นอนแต่ว่ามันจะเสียเวลาน่ะสิ
พวกเราอาจจะเสียเปรียบได้ในภายหลัง
มันจะดีกว่ามั้ยถ้าพวกเราไปยังทางตอนกลางที่ๆมีโอกาสเกิดการต่อสู้เกิดขึ้นมากมาย?”
มันมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเกิดขึ้น พวกหนึ่งต้องการที่จะโจมตีไปรอบๆ
หมู่บ้านต่างๆ ส่วนอีกพวกหนึ่งต้องการที่จะโจมตีโมราต้าทันที
หมู่บ้านต่างๆ ส่วนอีกพวกหนึ่งต้องการที่จะโจมตีโมราต้าทันที
“พวกเราจะไปที่ทางตอนกลางกัน
แก้แค้นพวกเวรนั่นก่อนเป็นอันดับแรก พวกที่คิดมาแย่งดินแดนและฆ่าพี่น้องของพวกเรา
พวกเราแข็งแกร่งพอแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลที่พวกเราต้องรออีกต่อไป
พวกเราจะละทิ้งชื่อของกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีไว้ที่นี่
พวกเราจะนำกองทัพในนามของวิหารแห่งการคืนชีพ”
เหล่าพรีสต์ของวิหารแห่งการคืนชีพเลือกที่จะทำตามการตัดสินใจของ
เดย์มอนด์
เดย์มอนด์
เพราะพวกเขาคือกิลด์แห่งการต่อสู้ ถ้ามีการตัดสินใจเกิดขึ้นแล้ว
มันจะไม่มีเสียงซุบซิบให้ได้ยินอีกเลย
มันจะไม่มีเสียงซุบซิบให้ได้ยินอีกเลย
วิหารแห่งการคืนชีพและวิญญาณปีศาจเคลื่อนพลมุ่งหน้าสู่ทางใต้
* * *
“พวกวิญญาณปีศาจกำลังจะมาโจมตีเรา!”
“มีพวกมอนสเตอร์หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวกำลังมุ่งมาทางนี้”
พวกผู้เล่นที่กำลังออกล่าอยู่,
หยุดการกระทำทุกอย่างและรีบมุ่งหน้าเข้าไปยังประตูทางเหนือของอาณาจักรอิโซรุ
“มันเกิดอะไรขึ้น?”
“นายพูดว่าพวกมอนสเตอร์กำลังโจมตีใช่มั้ย?”
เพื่อที่จะหาว่ามันเกิดอะไรขึ้น
พวกผู้เล่นจึงไปรวมตัวกันใกล้ๆ
กับกำแพงปราสาท
กับกำแพงปราสาท
มอนสเตอร์ส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะเจาะทะลุกำแพงปราสาทหนาๆได้และ
กลายมันเป็นเหยื่อของลูกธนูและเวทย์มนต์
“ไม่ใช่ว่ามันเหมือนกับการออกล่าเป็นปาร์ตี้หรอกเหรอ
ที่ต้องทำก็แค่ออกไปจัดการฝูงมอนสเตอร์นั่นซะและกลับเข้ามายังปราสาทเหมือนเดิม?”
“มอนสเตอร์อะไรกันถึงขนาดทำให้พวกเขากลัวจนต้องวิ่งหนี?”
ในขณะที่ผู้คนกำลังคุยกันและมองดูอย่างสบายใจ
เหล่าผู้เล่นที่เข้ามาทาง
ประตูเหนือต่างตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ประตูเหนือต่างตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ทุกคน
เตรียมตัวอพยพ!”
“พวกเจ้าจะมีชีวิตรอดอยู่ได้หากหนีออกไปจากอาณาจักรอิโซรุ
เร็วเข้า!”
“กองทัพมอนสเตอร์กำลังเดินหน้าบุกเข้ามา!”
หลังจากที่รับรู้ได้ถึงเหตุฉุกเฉินจากเสียงกรีดร้องตะโกนของพวกเขา
เหล่านักรบที่กำลังคุยกันกับพวกพ่อค้าที่กำลังทำธุรกิจอยู่และผู้คนที่กำลังคุย
กันในตลาดนัด ต่างพากันลุกขึ้นยืน
เหล่านักรบที่กำลังคุยกันกับพวกพ่อค้าที่กำลังทำธุรกิจอยู่และผู้คนที่กำลังคุย
กันในตลาดนัด ต่างพากันลุกขึ้นยืน
นอกจากจะยังไม่วิ่งหนีแล้ว ยังออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
พวกเขาย้ายไปที่กำแพงเมือง
พวกเขาย้ายไปที่กำแพงเมือง
“มันไม่ใช่ธุระอะไรของข้าถ้าหากพวกเจ้าต้องมาเสียใจในภายหลัง!”
“พวกเราเตือนแล้วนะว่าให้รีบอพยพน่ะ”
พวกผู้เล่นที่เข้ามาจากประตูทางเหนือ รีบหนีออกไปทางประตูทิศใต้ทันที
เพื่อนๆของพวกเขา เช่นเดียวกับพวกผู้เล่นคนอื่นๆที่ยังสงสัย
ต่างพากันหนีออกไปตามพวกเขา
ต่างพากันหนีออกไปตามพวกเขา
อัศวินและทหารของอาณาจักรอิโซรุรวมพลจัดตั้งแนวทัพอยู่บน
กำแพงปราสาทของประตูทางเหนือ
แม้กระทั่งจอมเวทย์ที่ไม่ชอบเสี่ยงออกไป ยังมาพร้อมกับไม้กายสิทธิ์และ
เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
กำแพงปราสาทของประตูทางเหนือ
แม้กระทั่งจอมเวทย์ที่ไม่ชอบเสี่ยงออกไป ยังมาพร้อมกับไม้กายสิทธิ์และ
เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
มีเพียงแค่ผู้เล่นเท่านั้นที่รู้ว่าเหตุการณ์นี้มันเลวร้ายแค่ไหน
ในขณะที่พวกเขากำลังโอดครวญอยู่ว่าจะหนีไปหรือไม่
ฝูงวิญญาณปีศาจจากทางเหนือเข้ามาประชิดใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ฝูงวิญญาณปีศาจจากทางเหนือเข้ามาประชิดใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
พวกมันคือวิญญาณปีศาจขนาดยักษ์ซึ่งมีขนาดตัวเทียบเท่ากับป้อมปราการ
วิหารแห่งการคืนชีพปรากฏตัวพร้อมกับกองทัพวิญญาณปีศาจนับหมื่นตัว
หลังจากที่พวกเขารวมพลวิญญาณปีศาจเข้าสู่แนวทัพแล้ว ทางด้านประตู,
เดย์มอนด์กำลังขี่ม้าเข้าไปใกล้
“ข้าชื่อเดย์มอนด์!”
เดย์มอนด์ตะโกนเสียงดังไปที่กำแพงปราสาท
เขาอยู่ห่างออกไปหลายเมตร แต่พวกผู้เล่นก็สามารถได้ยินเสียงของเขาอย่าง
ชัดเจน
“ถ้านั่นคือเดย์มอนด์
แสดงว่าเขาเป็นผู้เล่นอย่างนั้นสินะ?”
“ฉันคิดว่าเขาเป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการล่ามอนสเตอร์ระดับบอสในทางเหนือนะ…”
“การที่เขาสามารถนำกองทัพมอนสเตอร์มาปรากฏตัวที่นี่ได้นั้น
มันต้องเกี่ยวข้องอะไรกับเควสที่เขาทำอยู่แน่เลย?”
ผู้คนที่สงสัยต่างรอคอยคำพูดถัดไปของเดย์มอนด์
พวกเขาคิดว่าเดย์มอนด์ต้องการเรียกร้องทรัพย์สมบัติมากมายจากอาณาจักรอิโซรุ
และแนะนำให้พวกเขายอมแพ้; โดยเฉพาะเมื่อเขานำกองทัพมอนสเตอร์มาพร้อมกับเขา
แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้นอกจากตกใจกับคำพูดที่เดย์มอนด์
กำลังจะพูดออกมา
กำลังจะพูดออกมา
“ข้าขอประกาศสงครามกับอาณาจักรอิโซรุ
พวกคนที่ไม่ต้องการต่อสู้ ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 10 นาที
ออกมาจากกำแพงปราสาทซะและหนีลงใต้ไป ส่วนพวกที่ไม่ฟังคำเตือนของพวกเราเตรียมตัวตายได้เลย”
มันเป็นการยื่นคำขาดแบบรุนแรงจนหาที่เปรียบไม่ได้!
เมื่อพวกเขามองเห็ยกองทัพมอนสเตอร์ที่เดย์มอนด์เป็นคนสั่งการอยู่
พวกผู้เล่นต่างพากันหนีออกไปจากอาณาจักรอิโซรุอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้หนีออกไปจากพื้นที่แถวนั้นแต่กลับขึ้นไปบนเนิน
เขาใกล้และรอดูการต่อสู้ของอาณาจักรอิโซรุกับกองทัพมอนสเตอร์ เดย์มอนด์
และวิหารแห่งการคืนชีพตัดสินใจปล่อยให้พวกที่มุงดูเหตุการณ์หรือพวกที่ไม่รู้
อีโหน่อีเหน่หนีไป
พวกผู้เล่นต่างพากันหนีออกไปจากอาณาจักรอิโซรุอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้หนีออกไปจากพื้นที่แถวนั้นแต่กลับขึ้นไปบนเนิน
เขาใกล้และรอดูการต่อสู้ของอาณาจักรอิโซรุกับกองทัพมอนสเตอร์ เดย์มอนด์
และวิหารแห่งการคืนชีพตัดสินใจปล่อยให้พวกที่มุงดูเหตุการณ์หรือพวกที่ไม่รู้
อีโหน่อีเหน่หนีไป
“เอาล่ะหมดเวลา
10 นาทีแล้ว ทุกคนที่เหลืออยู่ในปราสาทคือศัตรูของพวกเรา”
เดย์มอนด์และพรีสต์แห่งการคืนชีพพร้อมกับวิญญาณปีศาจ
เริ่มร่ายเวทย์มนต์ของพวกเขา และในไม่ช้าควันสีเทาก็ปกคลุมปราสาททั้ง
หลัง
เมื่อโรคระบาดแพร่กระจายออกไป ใบหน้าของพวกทหารและอัศวินถูกย้อมเป็นสีเขียว
พวกเขาอ่อนแอหมดแรงจนไม่สามารถที่จะแบกรับน้ำหนักของชุดเกราะที่
พวกเขาใส่และขาดใจตายบนกำแพง
พวกเขาใส่และขาดใจตายบนกำแพง
“มังกรดิน บุก!”
พวกวิญญาณปีศาจขนาดใหญ่ยักษ์มหึมาที่นาโดเรียกมานั้น
พุ่งเข้าไปหากอง
ทัพของศัตรูด้วยย่างก้าวอันหนักหน่วง
ทัพของศัตรูด้วยย่างก้าวอันหนักหน่วง
ทุกครั้งที่พวกวิญญาณปีศาจก้าวเดินแต่ละที มันจะเดินเซไปเซมาให้
ความรู้สึกแปลกประหลาดมาก พวกมันเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นแล้วพุ่งเข้าชนใส่
กำแพงปราสาทด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัว
บู้มมมม!
ส่วนหนึ่งของกำแพงปราสาทแตกละเอียดกลายเป็นฝุ่นผง
พวกวิญญาณปีศาจขนาดยักษ์ทุบตีและทำลายกำแพงปราสาท
ในขณะที่พวกวิญญาณปีศาจขนาดกลางโจมตีปราสาท;พวกมันทั้งกระโดดและปีนขึ้นไปบนกำแพงปราสาท
หรือพวกมันหาทางเข้าได้โดยใช้พวกวิญญาณปีศาจขนาดยักษ์
ทหารของอาณาจักรอิโซรุระดมยิงลูกธนูและเวทย์มนต์
แต่ไม่ว่าจะยังไงพวกวิญญาณปีศาจโดนยิงจนล้มลงไปแล้วกลับลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
พรีสต์แห่งการคืนชีพร่ายเวทย์มนต์ชุบชีวิตพวกมันขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ต้องขอบคุณวิญญาณปีศาจขนาดยักษ์ที่มีร่างกายมหึมา
กำแพงปราสาทได้พังทลายลงมา; แม้กระทั่งโครงสร้างภายในของปราสาทยังได้รับความเสียหายจนพังยับเยิน
มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองยากที่จะลืมได้ในสายตาของผู้เล่นที่ได้พบเห็น
เหตุการณ์นี้ ทั้งปราสาทเกิดรอยร้าวและพังทลายลงมา
เหตุการณ์นี้ ทั้งปราสาทเกิดรอยร้าวและพังทลายลงมา
เดย์มอนด์และวิหารแห่งการคืนชีพเดินหน้ากวาดล้างด้วยพลังทั้งหมดที่พวก
เขามี ไม่มีการไว้ชีวิตหรือแม้แต่ดวงวิญญาณที่อยู่ภายในปราสาททั้งหมด
อาณาจักรอิโซรุถูกบดขยี้อย่างรวดเร็ว และกองทัพคืนชีพกลับมีพลังเพิ่มมาก
ยิ่งขึ้นไปอีก
พวกวิญญาณปีศาจเติบโตขึ้นผ่านประการณ์การต่อสู้
เมื่อชีวิตดับสิ้น พวกทหารธรรมดาและอัศวินทั้งหมดถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
นี่คือวิธีการที่เดย์มอนด์และกองทัพคืนชีพจัดการกับอาณาจักรอิโซรุ
การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์บนทวีปเวอร์เซลล์กำลังจะ
เกิดขึ้น
* * *
พวกคนแคระแห่งคุรุโซอยู่ในสภาวะชุลมุนวุ่นวายอันเนื่องมาจากสวนน้ำนั่นเอง
“เค้ เฮะ เฮะ
เฮ!”
“ดื่มเบียร์ตอนที่กำลังเล่นน้ำอยู่นี่
มันสุดยอดจริงๆ”
พวกคนแคระต่างพากันสนุกสนานไปกับสวนน้ำโดยไม่สนใจว่าพวกเขานั้นจะ
มีอายุเท่าไหร่หรือเพศอะไร เมื่อไม่นานมานี้ มีเทรนด์ใหม่ล่าสุดคือดื่มเบียร์ใน
ขณะที่กำลังลงมาจากสไลเดอร์น้ำ
เฮอร์แมนและพินกล่าวกับวีด
“ประติมากรรมของเค็นเดลฟ์!
ไม่ใช่ว่านี่คือเควสเฉพาะเผ่าพันธุ์ที่ผู้ฝึกสอนในกิลด์ประติมากรคนแคระเป็นคนให้มาอย่างนั้นสินะ?
พอลองมาคิดดูแล้วคนที่ค้นพบมันนี่ ดันเป็นคนที่เรารู้จักซะด้วย…มันช่างเป็นข่าวที่น่าตกใจมาก”
“ยินดีด้วย
นายสามารถจัดการคำขอร้องที่ไม่เคยมีใครสามารถไขปริศนานี้ได้มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน”
สำหรับพวกคนแคระ, การค้นพบร่องรอยที่ลึกลับ
ซับซ้อนของเค็นเดลฟ์ผู้เป็นตำนานนั้น เป็นภารกิจที่น่าทึ่ง
ที่หน้าต่างเควสของวีดมีบางอย่างเปลี่ยนไป-ถ้าเขาไปหาผู้ฝึกสอนจอร์บิดที่กิลด์ประติมากร
เขาสามารถได้รับรางวัลในทันที
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พวกคนแคระรวมทั้งเฮอร์แมนจะรู้สึกอิจฉา
วีดพูดตามความคิดของเขาด้วยท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน
“โอ้ ได้โปรด ผมก็แค่หามันเจอโดยบังเอิญเท่านั้น”
“...”
“ก็ตั้งแต่ที่ผมมองหามันทั่วทั้งคุรุโซแล้ว
มันก็เหลืออยู่เพียงที่เดียวที่มันน่าจะอยู่ที่นั่น?”
“...”
“มันไม่มีอะไรที่พิเศษเลยกับสิ่งที่ผมทำ
มันก็แค่ความพยายามของพวกคนแคระคนอื่นๆหมดลงก็เท่านั้นเอง”
การพูดของเค้านั้นยิ่งทำให้พวกเขาชอบวีดน้อยลงไปอีก!
มันแปลกสำหรับวีดที่จะต้องชมหรือสรรเสริญคนอื่นๆ
ดังนั้นเขาจึงทำสิ่งที่ดีที่สุดด้วยการพูดล้อเล่นเหมือนมันเป็นเรื่องตลก
‘มันแน่นอนล่ะว่าการได้รับคำชมไม่ใช่เรื่องที่ดี!’
เมื่อครั้งที่เค้าเคยทำงานเป็นลูกจ้าง ตอนที่เค้าทำงานได้ไม่ดีมักจะโดนสบถใส่
อยู่ตลอดเวลา มันเป็นวันที่เค้าได้รับคำก่นด่าสาปแช่งมากกว่าอาหารที่ได้มา
เสียอีก
แต่ด้วยความพยายามมุมานะ เขาจึงสามารถก้าวข้ามผ่านความยากลำบาก
ไปได้ ขนาดถึงขั้นที่ว่าเขาเชี่ยวชาญเทคนิคต่างๆมากมายจนสามารถทำงาน
ได้มากกว่าคนอื่น
เขาทั้งยกและถือกองอิฐเป็นกองๆ,
ติดตาให้ตุ๊กตาเป็นร้อยๆ, และยังส่งหนังสือพิมพ์ได้ดีอีกด้วย
“นายมีความสามารถทางด้านนี้นะ”
“นายเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น
เป็นคนที่พวกเราต้องการมาก”
เมื่อได้รับคำชื่นชมจากท่านประธานมากเท่าไหร่,
จำนวนงานที่เขาได้รับนั้นยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
มันยิ่งแย่มากขึ้นอีกเมื่อเขาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านเหล้า
“นายสุดยอดมาก!
สมบูรณ์แบบที่สุด! จากนี้ไป ฉันจะให้ลี ฮุนทำงานนี้”
ทุกครั้งที่ได้รัยคำชม เขามีความสุขที่ได้ยินมัน แต่วีดรู้ดีว่าอีกไม่นาน ร่างกายของเขาจะเหนื่อยล้าไปทั้งตัว
แม้กระทั่งในกรณีแบบนี้ ที่ไม่ใช่ความตั้งใจของเฮอร์แมน วีดสามารถโต้ตอบ
ได้โดยสัญชาตญาณ
และเขาไม่ได้แกล้งทำหรือหลอกคนอื่นในเรื่องนี้
ตามกฎแล้ว การค้นพบที่เกิดขึ้นทั้งหมดภายหลังจากความพยายามอุตสาหะมาอย่างยาวนาน ในที่สุดมันมาชัดเจนในตอนท้าย
“ในฐานะที่เป็นประติมากร
มันใช่เพียงแค่การมองหาผลงานที่สำเร็จเรียบร้อยแล้ว
ไม่ว่ามันจะเป็นงานประติมากรรมแบบไหน ถ้าคุณเข้าใจถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างมัน, สถานที่,
และลักษณะของมัน, ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ผมทำขึ้นมานั้น มันเป็นไปได้เสมอ”
“เข้าใจวัตถุดิบและคุณลักษณะ…มันไม่ใช่แค่การตีดาบให้เสร็จ,
แต่ต้องใส่ใจและความเป็นตัวของตัวเองลงไปในขั้นตอนที่ทำนั้นด้วย?”
พวกมันคือดาบธรรมดาๆ, แต่เฮอร์แมนคิดถึงพวกมันเป็นเวลานาน,
อย่างกับว่าเขาได้รับเบาะแสอะไรบางอย่างจากพวกมัน
พินลังเลอยู่นานก่อนที่จะถามอย่างระมัดระวัง
“ตอนนี้คุณทำเควสสำเร็จแล้ว
คุณจะออกจากคุรุโซเลยมั้ย?”
เธอก็ด้วย เธอรู้ว่าเขาทำเควสของประติมากรสำเร็จที่มีอยู่เกือบทั้งหมด,
และเขายังค้นพบร่องรอยของเค็นเดลฟ์อีกด้วย อันที่จริงแล้ว
วีดทำภารกิจเสร็จไปแล้วมากมายหลากหลายชนิด
คำขอร้องที่ต้องทำคู่ไปกับการผจญภัยหรือต่อสู้,
คำขอร้องการผลิต เช่น งานเย็บปักและการตีเหล็ก,
คำข้อร้องที่ต้องสร้างงานประติมากรรมให้ประทับใจ…เขาทำมันเสร็จทั้งหมด!
ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เก่งสักอย่าง,
คำขอร้องที่เขาได้รับมาจึงเพิ่มขึ้น
ปกติแล้ว เมื่อพวกคนแคระเห็นวีด
พวกเขาจะรีบมาขอร้องให้เขาทำนู่นทำนี่
ให้ทันที
ให้ทันที
“เหมืองทางหินทางทิศตะวันออกเต็มไปด้วยพวกหนอนตะกั่ว
เจ้าพอจะจัดการมันได้มั้ย?”
หนอนตะกั่วเป็นมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่า 300
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่วีดจะล่าพวกมันได้ด้วยระดับเลเวลของเขา,
แต่เพราะพวกมันสามารถขุดและฝังตัวลงไปในดินได้,
พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่จับได้ค่อนข้างลำบากหากปราศจากซึ่งเวทย์มนต์
อีกอย่างพวกมันยังรับรู้ได้ถึงอันตรายใกล้ตัว
แล้วพวกมันจะพ่นพิษที่สามารถแก้ได้ยากมาก
“ดาบที่สามารถทำให้เหล็กแหลกสลายกลายเป็นผุยผง,
และชุดเกราะไม่สามารถที่จะป้องกันได้เลย, มันมีเรื่องเล่าที่คนเขาลือกันว่าดาบในตำนานถูกซ่อนอยู่ในอาณาจักรของพวกเรา,
เจ้าเชื่อเรื่องพวกนี้มั้ย? ข้าจะดีใจมากหากเจ้าสามารถหามันพบ”
เควสดาบในตำนาน
ด้วยความยากระดับ A,
มันเป็นเควสที่พิเศษมากขนาดที่ว่าไม่มีใครในคุรุโซสามารถทำเควสนี้ได้
มันมีเบาะแสไม่มากนัก,
แต่มันมีโอกาสสูงมากที่เขาสามารถเพิ่มความสนิทสนมกับพวกคนแคระที่อาศัยอยู่จนถึงระดับสูงสุดได้
วีด,ผู้ที่สามารถยกยอได้ตลอดทั้งวัน, คิดว่ามันเป็นการท้าทายที่คุ้มค่ามากสำหรับเควสพวกนี้
แต่ว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยกเลิกไป เพราะเขายังขาดทักษะการตีเหล็กขั้นสูงที่ต้องการในระหว่างการทำเควส
“พวกเขาพูดกันว่ามันมีผลไม้ที่สามารถยืดอายุขัยของพวกคนแคระซึ่งสามารถหามันพบได้ในบึงทางทิศตะวันตกของคุรุโซ,แต่ว่าไม่มีใครทำมันได้สำเร็จเลยสักคน
เจ้าอยากจะลองสักครั้งมั้ย?”
มันเป็นเควสระดับ B
ถ้าคุณเข้าร่วมทีมกับพวกพระหรือนักบวช,
คุณสามารถดิ้นรนหาผลไม้ในดันเจี้ยนที่อยู่ในบึงได้
เควสระดับ A และระดับ B ต่างไหลมาเทมาอย่างไม่ขาดสาย
เควสท่วมท้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
วีดตอบคำถามของพินอย่างเรียบง่าย
“ผมคิดว่าคงถึงเวลาต้องไปแล้วล่ะ”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นนะ…”
“แต่ว่ามันยังไม่ถึงเวลา
เหตุผลที่ผมมาที่นี่-ผมคิดว่าผมสามารถทำมันสำเร็จได้นะ”
* * *
เขายังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก,
แต่มันไม่เหมือนว่าเค็นเดลฟ์เป็นถึงระดับปรมาจารย์การแกะสลัก
‘ตั้งแต่ที่เราหาร่องรอยของเขาพบ,
ถ้าเขาเป็นถึงประติมากรระดับปรมาจารย์ล่ะก็ เขาต้องทิ้งความลับอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับประติมากรรม’
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ก็ต้องขอบคุณเขา วีดจึงสามารถหาทางออกเจอว่าเขา
ต้องแกะสลักอะไร
เขาเดาว่าเค็นเดลฟ์เป็นประติมากรที่มีความปราบปลื้มและประทับใจกับผลงานประติมากรรม การที่จะสามารถสร้างประติมากรรมขึ้นมาจากน้ำได้นั้นหมายความว่าเขาต้องมีความรู้ความเข้าใจถึงลักษณะของน้ำเป็นอย่างดี จึงสามารถควบคุมมันได้ราวกับว่ามันเป็นร่างกายของเขาเอง
ความลับของประติมากร!
ถ้าหากคุณเพิ่มระดับความสัมพันธ์กับสิ่งที่ไม่มีชีวิตจนถึงระดับสูงสุดแล้วล่ะก็ คุณจะสามารถแกะสลักอะไรก็ได้
วีดผู้เป็นถึงประติมากรแสงจันทร์ได้เรียนรู้วิธีการควบคุมแสง มันยังมีประติมา
กรที่มีความสามารถพิเศษอีกมากอยู่ทุกหนทุกแห่ง และยังมีพวกที่แกะสลัก
ในสิ่งที่พวกเขาต้องการอีกด้วย ความรักที่มีต่อการแกะสลักกลายมาเป็นแรง
พลักดันและแรงบันดาลใจที่คอยขับเคลื่อนพวกเขา
ตอนนี้ เขามีความมั่นใจมากขึ้นที่จะแกะสลักพวกสิ่งลี้ลับที่ขอร้องเขาให้แกะ
สลักพวกมัน
- เจ้าประติมากรไร้ความสามารถ ใช้หัวทึบๆของเจ้าและมือนั่นแกะสลักข้าซะ
- อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เจ้าไม่แกะสลักข้า ข้าจะเชื่อฟังคำสั่งเจ้าทุกอย่าง
แกะสลักข้าได้แล้ว!
‘เราต้องเข้าใจพวกมัน เราต้องทำพวกมันขึ้นมาจากความรู้สึกของพวกมัน’
เหตุผลที่ว่าทำไมหยดน้ำถึงส่องแสงแวววาวระยิบระยับงดงามมากก็เพราะว่ามันนำเอาลักษณะทั้งหมดที่ดีที่สุดในชีวิตออกมา
สายลมบรรยายถึงอิสระเสรี
และสายรุ้งบ่งบอกถึงความสุดยอดมหัศจรรย์
ลักษณะอันแสนวิเศษของสายรุ้งที่คุณเห็นได้เฉพาะแต่ในฝัน
มันกลายเป็นจริงแล้วในผลงานประติมากรรมของเค็นเดลฟ์
อารมณ์ที่มากพอถึงขั้นทำให้พวกผู้ใหญ่กลับมาทำตัวเป็นเด็กอีกครั้ง!
วีดถือมีดแกะสลักไว้ในมือทั้งสองข้าง
‘เราจะกลายมาเป็นพวกมัน
เราจะดูซับความรู้สึกที่พวกมันมีให้แก่เรา เราจะแกะสลักพวกมันไปตามที่หัวใจของเราพาไป’
- ประติมากร เจ้าจะสร้างข้างั้นรึ?
เสียงที่จริงใจและสง่าผ่าเผย,
ที่คอยให้กำลังใจด้วยความอบอุ่นแต่ไม่ถึงกับเป็นเสียงที่ไม่สุภาพ-วีดตัดสินใจที่จะเก็บความรู้สึกไว้ภายในตัวเขา
มนุษย์ มอนสเตอร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ การที่จะตั้งชื่อให้มันนั้นค่อนข้างยาก
เพื่อที่จะแยกแยะประเภทของมัน เขาต้องรวมสมาธิไปเพื่อให้ได้ยินเสียงที่
เปล่งออกมา
เสียงที่ได้ยินเต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย
อารมณ์ของมันในขณะนี้และลักษณะนิสัย,
รูปร่างที่เหมาะสม, และความชอบที่ยังเหลืออยู่อย่างครบถ้วน ทั้งหมดนี้สามารถรู้สึกได้
‘ดวงตาที่แสดงถึงความอบอุ่น,
มือที่เล็กกว่าขนาดปกติ, ไหล่กว้างและร่างกายที่แข็งแรง
เราไม่สามารถละเลยความรู้สึกที่กล้าหาญและอบอุ่นนี้ได้’
แทนที่จะมานึกทรมานว่าจะทำอะไรขึ้นมาก่อน,
เขาสร้างประติมากรรมให้ไหลไปตามอารมณ์
แขนขายาว ทุกสิ่งทุกอย่างยาวมากกว่าของมนุษย์นิดหน่อย
แต่มันไม่น่าเกลียดเหมือนมอนสเตอร์, และประติมากรรมชิ้นนี้ยังให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล
ละมุนละไม สุภาพ อ่อนหวาน ราวกับเทพบุตรลงมาจุติ
“นี่คือประติมากรรมที่ข้าสร้างขึ้นมาให้กับเจ้า”
ติ๊ง!
- คุณได้เรียนรู้ศิลปะการสร้างประติมากรรมจิตวิญญาณแห่งธาตุ
- การสร้างประติมากรรมจิตวิตวิญญาณแห่งธาตุ:
ประติมากรรมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นร่างกายของจิตวิญญาณแห่งธาตุ
วิญญาณจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่มีตัวตนอยู่บนทวีปเวอร์เซลล์ อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากพวกนั้นแล้ว มีจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่ร่างกายเป็นรูปธรรมหรือถูกตั้งชื่อให้
ถ้าคุณสร้างร่างกายให้กับพวกจิตวิญญาณ, จิตวิญญาณพวกนี้จะสามารถเดินทางไปไหนมาได้ทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลล์ด้วยร่างกายนั้น
ถ้าหากว่าคุณตั้งชื่อให้กับมัน,
คุณก็จะกลายเป็นบิดาผู้สร้างแห่งจิตวิญญาณและสามารถออกคำสั่งควบคุมพวกมันในการต่อสู้
ถ้าจำนวนมานาที่ใช้เรียกจิตวิญญาณนั้นมีปริมาณน้อย คุณสามารถเรียกจิต
วิญญาณขั้นกลางได้ตั้งแต่แรกเลย
ร่างกายที่เสร็จสมบูรณ์ของจิตวิญญาณจะต้องได้รับความพึงพอใจเพื่อที่จะเรียกจิตวิญญาณที่เป็นรางวัลหรือราชันวิญญาณ
คุณภาพของจิตวิญญาณที่คุณสามารถเรียกออกมาได้ในอนาคตขึ้นอยู่กับ
ระดับของทักษะการแกะสลักและค่าความสนิทสนม
ระดับของทักษะการแกะสลักและค่าความสนิทสนม
ถ้าคุณสามารถทำให้ทักษะการแกะสลักของคุณไปถึงระดับปรมาจารย์ได้ คุณสามารถเรียนรู้ทักษะ ‘การสร้างเผ่าพันธุ์’
ข้อจำกัด: สามารถใช้ได้เมื่อมีทักษะการแกะสลักถึงขั้นสูงแล้วเท่านั้น
ความต้องการของทักษะ: ค่าสถานะทางศิลปะ 200 (ถูกใช้ไปถาวร)
ข้อควรระวัง: จิตวิญญาณจะเรียนรู้ได้มากที่สุดในวันแรกที่พวกมันเกิดมา
ลักษณะนิสัยของจิตวิญญาณขึ้นอยู่กับประติมากรผู้สร้างพวกมัน
ถ้าจิตวิญญาณแห่งธาตุที่เรียกออกมาในเวลาเดียวกัน มีธาตุที่ตรงข้ามกัน
พวกมันจะต่อสู้กันเองในทันที
ถ้าสร้างวิญญาณปีศาจจำนวนมากเกินไป ชื่อเสียงที่ไม่ดีจะเพิ่มขึ้น
ถ้าจิตวิญญาณที่มีร่างกายสมบูรณ์สูญเสียราชันวิญญาณ,
จิตวิญญาณทั้งหมดจะอ่อนแอลงจนกว่าราชันวิญญาณจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่
ถ้าสามารถบรรลุทักษะจนถึงขั้นที่เชี่ยวชาญแล้ว
สามารถสร้างมอนสเตอร์กึ่งมนุษย์ได้,แต่ค่าสถานะทั้งหมดจะลดลง 20 แต้ม
- คุณได้สร้างจิตวิญญาณตัวใหม่
ค่าสถานะทางศิลปะ 160 หน่วยถูกใช้ไป
- ทักษะการแกะสลักขั้นสูงเพิ่มขึ้นถึงระดับ 6 ประติมากรรมจะมีความพิเศษมากขึ้นและมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น
- ทักษะงานฝีมือของคุณเพิ่มขึ้น
- ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 260
- เสน่ห์เพิ่มขึ้น 60
เคล็ดมีดแกะสลัก, ประติมากรรมประทานชีพ,
ประติมากรรมจำแลง…และตอนนี้เขาได้รับเคล็ดลับการแกะสลักอันใหม่
ทักษะการสร้างจิตวิญญาณ
มันคือเคล็ดลับของประติมากรที่สามารถทำให้พวกวิญญาณที่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้มีร่างและรูปร่างได้จริงๆ!
งานประติมากรรมที่วีดแกะสลักด้วยไม้วางอยู่ข้างๆเขา,และทั้งๆดิน
ฝุ่น โคลนรวมตัวกันกลายเป็นรูปเป็นร่าง
กองดินโคลนพูดออกมาอย่างนอบน้อม
“ประติมากร,
เจ้าสร้างร่างกายขึ้นมาให้ข้า, ได้โปรดเลือกชื่อให้ข้าด้วย”
วีดตอบกลับไปหลังจากที่พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
“เอาเป็น
มนุษย์โคลนละกัน”
“ก็ได้”
ไม่ว่าคุณจะมองมันยังไงก็ตาม, จิตวิญญาณตัวนี้ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับดิน
ดังนั้นชื่อที่โผล่ขึ้นมาในความคิดควรจะเป็น มนุษย์ดิน
ถึงอย่างนั้นถ้าเขาเลือกชื่อนั้นล่ะก็ มันดูออกง่ายเกินไปถึงความตั้งใจของมัน
เขาเลยใช้หัวของเขาเลือกชื่อมนุษย์โคลนขึ้นมา
‘อย่างที่คิดไว้
ไม่มีใครมีเซ้นส์ในการตั้งชื่อดีไปกว่าเราอีกแล้ว’
วีดถาม
“เจ้าชอบร่างกายนี้มั้ย?”
“ข้าคิดว่ามันไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่เวลาที่ขยับไปไหนมาไหน,
แต่ข้าก็ชอบมันนะ”
มันอาจจะเป็นประติมากรรมรูปแบบใหม่,
เพื่อให้แน่ใจ, วีดพยายามที่จะตรวจสอบมัน
“ตรวจสอบ”
- มนุษย์โคลน
จิตวิญญาณธาตุดิน
มันถือกำเนิดจากความสามารถของประติมากร
มันสุภาพและมีนิสัยที่เชื่อถือได้
แต่ว่าเพราะร่างกายของมันไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก มันจึงแสดงความสามารถได้เพียง 35% เท่านั้น
ของพลังที่มันมีอยู่
สามารถพัฒนาไปถึงจิตวิญญาณขั้นกลางได้
ผ่านทักษะการเรียกจิตวิญญาณ จิตวิญญาณสามารถแสดงทักษะต่างๆอัน
สุดยอดของพวกมันออกมาได้
ความสามารถพิเศษ: พสุธากัมปนาท, ขุด, ฝัง, ค้นหาแหล่งน้ำ,
เร่งการเจริญเติบโตของพืชผลทางการเกษตร
เพราะว่านี่คือครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จ, ลักษณะหน้าตาของจิตวิญญาณจึงไม่สามารถแสดงออกได้ถึงความมีชีวิตและถูกสร้างขึ้นมาด้วยทักษะที่พอประมาณ
- เจ้าประติมากรซกมก! เจ้ากล้าดียังไงถึงสร้างไอ้เวรนั่นก่อนข้า! ข้าโมโหแล้วนะ
ข้าจะเผามันให้หมด
วีดเห็นความล้มเหลวของเขาสะท้อนออกมาจากเสียงที่โกรธเกรี้ยวและวีดยก
มีดแกะสลักของเขาขึ้น
‘มันคือจิตวิญญาณ
มันไม่จำเป็นต้องเหมือนกับมนุษย์’
เขาสร้างเปลวไฟอันร้อนแรง เขาทำมันออกมาให้มีแขนและขายาว
- คุณได้สร้างจิตวิญญาณขึ้นมาใหม่
ค่าสถานะทางศิลปะ 160 หน่วย ถูกใช้ไป
- ทักษะการตรวจสอบประติมากรรมเพิ่มขึ้น
- ทักษะงานฝีมือเพิ่มขึ้น
- ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 260
- เสน่ห์เพิ่มขึ้น 60 หน่วย
ประติมากรรมของวีดติดไฟในทันที ทุกสิ่งที่เหลืออยู่ในเนื้อไม้ มีเพียงแค่เศษ
ซาก และในไม่ช้าทุกอย่างก็ถูกเผาไปจนหมดสิ้น ณ ที่ตรงนั้น ปรากฏเห็นเป็น
รูปร่างที่มีไฟลุกโชน
“ข้าชอบมัน,ร่างกายนี้
ข้าพอใจกับมันมาก ประติมากร,พูดชื่อข้า!”
จิตวิญญาณแห่งไฟกำลังสนุกสนานไปกับตัวของมัน
“กรวดเพลิงเป็นไง”
“กรวดเพลิง!
ข้าชอบชื่อนี้นะ”
“ตรวจสอบ!”
- กรวดเพลิง
จิตวิญญาณแห่งเปลวเพลิงอันร้อนแรง
ถูกสร้างขึ้นมาโดยประติมากรบนมาตรฐานใหม่ของทักษะการแกะสลักที่
พัฒนาขึ้น
มีความอดทนน้อยและลักษณะนิสัยที่เกรี้ยวกราด อารมณ์รุนแรง
ถึงแม้ว่ามันจะขาดเสน่ห์ เพราะมันมีร่างกายที่เหมาะสม มันจึงชอบที่จะแสดงความสามารถของมัน มันสามารถใช้พลังได้ถึง 62% จากที่มีอยู่
สามารถพัฒนาไปเป็นจิตวิญญาณขั้นสูงได้
ผ่านทักษะการเรียกจิตวิญญาณ จิตวิญญาณสามารถแสดงทักษะต่างๆอัน
สุดยอดของพวกมันออกมาได้
ความสามารถพิเศษ: หอกเพลิง, กันไฟได้, มอดไหม้
“มนุษย์โคลน
จงออกมา กรวดเพลิง จงออกมา!”
แววตาของวีดเป็นประกาย มานาของเขาไหลออกมาเป็นคลื่น
พื้นดินสั่นสะเทือนและก่อตัวขึ้น เปลวไฟที่ร้อนระอุก่อตัวขึ้นเช่นกัน และ
มนุษย์โคลน
และกรวดเพลิงถูกเรียกออกมาเป็นร้อยๆตัว
จิตวิญญาณแห่งธาตุขั้นกลาง, จิตวิญญาณแห่งธาตุขั้นสูง
นี่คือพลังที่แสดงออกมาของทักษะการแกะสลักขั้นสูง!
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียกพวกจิตวิญญาณแห่งธาตุระดับปกติออกมาทั้งหมด
ทั้งๆที่เขาสามารถทำได้ เขาไม่รู้สึกเสียใจที่มันจะออกมาเกินห้าหรือหกตัว ถ้า
จำนวนของจิตวิญญาณแห่งธาตุเพิ่มมากขึ้น มันจะยากในตอนที่ต้องควบคุม
พวกมัน
“อ้า,
ในที่สุดก็ได้ออกมาเจอโลกภายนอกซะที! เจ้าไม่คิดเหรอว่าความฝันนี้มันจะเป็นจริงขึ้นมา?”
“ดูนี่สิ
ร่างกายของพวกเรา มันมีตัวตน, และพวกเราสามารถเคลื่อนย้ายพวกมันไปไหนนมาไหนได้ตามที่พวกเราต้องการ”
สำหรับพวกจิตวิญญาณแห่งธาตุที่ถูกสร้างขึ้นมาได้ไม่นาน ราวกับว่าร่างกาย
ของพวกมันเหมือนปาฏิหาริย์
เมื่อพวกมันเห็นร่างกายของตัวเอง พวกมันอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ
และเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น
ทุกครั้งที่พวกมนุษย์โคลนทำอะไรก็ตาม พื้นมักจะสั่นเล็กน้อยอยู่เสมอ และใน
กรณีของพวกกรวดเพลิง เปลวเพลิงยิ่งร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าพวกมันจะมีความสุขที่หมกมุ่นอยู่กับปาฏิหาริย์ที่ถูกสร้างขึ้นมา ไม่ช้า
พวกมันก็รับรู้ได้ถึงวีด
พวกมันรู้โดยสัญชาตญาณว่าใครคือเจ้านายที่เป็นคนสร้างพวกมันขึ้นมาและมีความสนิทสนลึกซึ้งกับเขา
ความสามารถพิเศษและความเป็นผู้นำของวีดกำลังจะปลดปล่อยขึ้นมาอีกครั้ง
และ ราชสีห์คำราม!
“อะแฮ่ม!
ข้าคือเจ้านายที่สร้างพวกเจ้าขึ้นมาทั้งหมด
ตั้งแต่ที่ข้าได้เห็นชีวิตแก่พวกเจ้า จงทำตามที่ข้าต้องการซะ”
มนุษย์และกรวดเพลิงที่เป็นต้นแบบและถูกสร้างขึ้นมาเป็นพวกแรกนั้น มี
ความพิเศษตรงที่อีโก้ของพวกมัน
พวกมันคือตัวแทนของพวกพ้องจิตวิญญาณในหมู่พวกมัน
อย่างไรก็ตาม, พวกจิตวิญญาณธรรมดาตัวอื่นๆ
ก้มหัวและสาธยายความต่างๆ
“พวกเราจะทำตามคำสั่งของเจ้านายทุกอย่างด้วยพลังแห่งดิน”
“พวกข้าจะเผาทำลายทุกอย่างให้ราบคาบหากพวกมันเป็นภัยคุกคามต่อท่าน”
คำปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีจากกองทัพจิตวิญญาณ!
อย่างกับว่าเขาเป็นผู้นำเจ้าลัทธิ วีดชูแขนทั้งสองข้างขึ้นมา
“จงเชื่อในตัวข้าและทำตามคำสั่งของข้า!”
“ขอรับ เจ้านาย!”
“จงเชื่อ!
จงเชื่อในตัวข้า, และพรุ่งนี้ที่สดใสรอเราอยู่” (Admin:
ตามเทรนด์โปเกม่อนหน่อย 555)
“ข้าคือใคร!”
“บร้ะเจ้าผู้ยิ่งใหญ่,
เจ้านายผู้สร้างพวกเรา”
“เจ้านายคือประติมากรที่รังสรรค์ผลงานจนเสร็จสิ้น,
วีรุบุรุษประติมากรผู้ที่ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้”
อย่างกับว่าพวกมันกำลังแข่งขันกันอยู่
พวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงกำลังยกยอเขา
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าวีดเป็นคนสร้างพวกมัน
พวกมันเลยเรียนรู้อะไรที่ไม่ดีได้ก่อนเป็นอันดับแรก (Admin: แปลมาถึงตรงนี้
ลั่นเลยทีเดียว 555 )
“แล้วความเฉลียวฉลาดของข้าล่ะ?”
“ฉลาดที่สุดในทวีปนี้”
“เจ้านายคืออัจฉริยะ”
“เมื่อตอนที่ข้าอายุได้
1 ขวบ, ข้าคลานได้ 100 เมตร ภายใน 0.1 วินาที
ตอนอายุ 2 ขวบ, ข้าใช้ปีกของข้าบินไปยังท้องฟ้า”
“โอ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้!”
ด้านหลังผ้าคลุมของวีด, ปีกแห่งแสงสยายกว้าง
สว่างมาก สว่างสุดๆ! ระยิบระยับตระการตาเหนือคำบรรยายใดๆทั้งปวง
ใช้เพื่อการโกหกโดยเฉพาะ ช่างเป็นชีวิตของประติมากรรมแสงจันทร์ที่ได้รับชีวิตมาเสียจริง!
การได้เห็นความจงรักภักดีแบบเบ็ดเสร็จของพวกจิตวิญญาณ หัวใจของอุ่น
ขึ้นมาในทันที
“ใบหน้าของข้านั้นหล่อเหลาที่สุดในโลก!
ไม่มีมนุษย์คนใดที่จะมีหน้าตาดีไปกว่าข้าผู้นี้อีกแล้ว
เมื่อสาวๆได้เห็นรอยยิ้มของข้า พวกเธอไม่สามารถที่จะอดทนได้จนต้องมารุมเร้าข้า”
“...”
“...”
พวกมนุษย์โคลนเหมือนกับว่าพวกมันกัดเข้าไปข้างในทาร์ตเกรพฟรุ้ต (Admin: ไม่รู้มันเกี่ยวอะไรกัน
แต่น่าจะเป็นเหมือนกับว่าไปโดนอะไรบางอย่างเข้าให้ แล้วไปกระตุ้นมัน)
“นั่-นั่นมันน้อยไปหน่อย…”
วีดมองไปที่กรวดเพลิง มันกำลังเผาไหม้หญ้าที่ดูสมบูรณ์แข็งแรง
อย่างเฉยเมย
“พวกเราปล่อยให้เค้าอยู่ในโลกของเขาไปคนเดียวเถอะและฟังตามที่เขาพูดอย่างเดียวพอ
แต่เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุดน่ะซี้”
“ใช่ พวกเราต้องจูบตูดเค้ามั้ยวะและต้องทนทรมานเพื่อที่จะให้ได้ร่างกายนี้มาเนี่ย?”
“ข้าไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายถึงขั้นนั้นหรอกนะ…”
กรวดเพลิงกระซิบคุยกันเงียบๆท่ามกลางวงสนทนาของพวกมัน
วีดตะโกนออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด
“อะแฮ่ม!
นี่มันช่างเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้ามาก
การที่พวกจิตวิญญาณแห่งธาตุที่ข้าสร้างขึ้นอย่างยากลำบาก
กลับไม่พอใจที่จะอยู่บนโลกใบนี้…ข้าควรที่จะใช้ทักษะประติมากรรมทำลายล้างเพื่อบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างและทำเหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน?”
พวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่มีต่อชีวิตของพวก
มันและรีบยกแขนขึ้นมา
“ฮูเร่
ให้เจ้านายวีด!”
“เจ้านายจงเจริญ!”
ความสุขของพวกมันนั้นช่างสั้นเหมือนกับชีวิต,
และในขณะที่พวกมันกำลังยกแขนขึ้นมา ร่างกายของพวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงเริ่มเลือนลางและกำลังจะหายไป
มานาของวีดถูกใช้เกลี้ยงไม่มีเหลือและเขาไม่สามารถที่จะทำให้พวกมันอยู่ต่อได้นานกว่านี้
“ได้โปรดเรียกพวกเราได้ทุกเวลา
เจ้านาย!”
“ได้โปรดอย่าลืมข้านะ”
เมื่อพวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงหายไปแล้ว แต่เสียงอื้ออึงที่ดังก้อง
ไปทั่วของพวกมันยังคงได้ยินผ่านอากาศที่เบาบาง
ไปทั่วของพวกมันยังคงได้ยินผ่านอากาศที่เบาบาง
หลังจากที่พวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงทั้งหมดได้ถูกเรียกกลับไป วีด
ครุ่นคิด สรุป ทบทวนและพักฟื้นมานาของเขา
ทักษะประติมากรรมการสร้างจิตวิญญาณแห่งธาตุ
ความทรงจำมากมายที่เขาพยายามและทุ่มเทเพื่อค้นหาเคล็ดลับการแกะ
สลักนี้ ผุดขึ้นมาในหัวของเขาอีกครั้ง
ในอดีตที่ผ่านมาเขาโดนคำสาปทุกครั้งเมื่อต้องทำการแกะสลัก!
เมื่อมานาของเขาเต็มแล้ว วีดลุกขึ้นยืนจากที่ของเขาอีกครั้ง
“มนุษย์โคลน
จงออกมา กรวดเพลิง จงออกมา!”
ดินและไฟโผล่ขึ้นมา, มนุษย์โคลนและกรวดเพลิงถูกเรียกออกมาอีกครั้ง!
วีดชูมือทั้งสองข้างขึ้นไปในอากาศ
“ฮูเร่ เจ้านายวีด!”
“ฮูเร่!”
การล้างสมองยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งวันไม่จบไม่สิ้น
การล้างสมองที่บังคับพวกมันให้เคารพและเชิดชูเขาเพียงผู้เดียว!
“ข้าคือใคร!”
“ผู้สร้างแห่งเรา
ผู้ยิ่งใหญ่เหนืออื่นใดไม่มีใครเทียม ผู้ที่สงสารชีวิตอันจิ๊บจ๊อยของพวกเราและสร้างร่างกายให้กับพวกเรา”
“คำพูดของข้าล่ะ?”
“พวกมันคือคำสั่งเด็ดขาดที่พวกเราต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามแม้พวกเราจะต้องสูญสิ้นไปจากโลกนี้ก็ตาม”
“มันไม่มีเกียติยศอันใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการได้ใช้ร่างกายที่มีอยู่นี้เพื่อเติมเต็มคำสั่งของนายท่าน”
วันต่อมา, สถานที่ ที่พวกมนุษย์โคลนเคลื่อนย้ายและมุ่งหน้าไป
คือเหมืองทับทิมของวีด
“ขุดพวกมันระวังๆด้วยล่ะ
อย่าให้พวกมันมีแม้แต่รอยขีดข่วนเชียวนะ!”
ถ้าผู้สร้างจิตวิญญาณดูแลจิตวิญญาณเหล่านั้นเปรียบเสมือนเพื่อนของเขาเอง
พวกมันจะให้ความเคารพแก่เขา…
ปกติแล้ว เมื่อคนเราออกไปผจญภัยในทวีปเวอร์เซลล์ มักจะผูกมิตรเป็นเพื่อน
กับพวกจิตวิญญาณที่น่ารักน่าเอ็นดู
อย่างไรก็ตาม มันมีบางอย่างที่ใช้ไม่ได้ผลกับวีด
วันแห่งแรงงานทาสได้มาเยือนอีกครั้ง พวกจิตวิญญาณถูกเรียกออกมาเพื่อขุดหาแร่ทับทิม
จบตอน
5555+ น่าสงสาร เกิดมาก็เป็นทาษเลย
ตอบลบ555+ อ่านตอนนี้แล้วทนไม่ไหว สร้างจิตวิญญาณธาตุมาเพื่อเป็นแรงงานขุดเหมือง '^'
ตอบลบไปปรึกษารุ่นพี่แวนฮอค โทริ กับพวกไวเวินได้ เรื่องการเป็นทาสของบักวีด 55+
ตอบลบโอ้. ท่านหวีด. ท่านเจ้าลัตธิ. ท่านผู้นำ. 55555
ตอบลบขอบคุณครับ@. สนุกมาก. อ่านไปหัวเราะไป น้ำตาจักไหล 5555
555555+ แม่มวีดโคตรโหด
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบสงสารจิตวิญญาณจริงๆที่มีพ่อแบบนี้ 5555
ตอบลบเห้อๆๆๆๆเกิดมาปุ๊บถูกล้างสมองทันทีแถมต้องกลายมาเป็นทาสแรงงานอีก.... ไอ่คุณ วีด นายแน่มาก...ใช้ทุกอย่างได้คุ้มค้ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขอบคุณครับที่แปลให้อ่าน
ตอบลบเป็นการเว้นวรรคที่โหดร้ายต่อสายตา อย่างมากครับ
ตอบลบทาส แท้ๆ ฮ่าๆๆ ลั่น
ตอบลบรันทดชิบหายพวกวัญญาณทาส
ตอบลบRip ทาสแรงงานชั้นดีชัดๆ
ตอบลบสงสารจังอ่ะ
ตอบลบ