เล่มที่ 13 ตอนที่ 9 เจ้าแคระ
หัตถ์แห่งศิลป์
มีใครบางคนอยู่บนหลังของไวร์เวิร์นและกำลังร่อนลงมาที่เนินเขาของอาณาจักรธอร์
คนๆนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นวีด!
วีดออกเดินทางต่อพร้อมกับถือมีดแกะสลักไปด้วย หลังจากที่เขาส่งพวกไวร์เวิร์นกลับสู่ท้องฟ้า
“เราต้องหาหินเล็กๆซะแล้ว”
เมื่อตอนที่เขาแกะสลักออร์คคาริชวินั้น, ขนาดของหินที่เขาใช้ มีขนาดที่พอเหมาะ; แต่ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องใช้หินที่มีขนาดแบบเดียวกันเหมือนกับคราวที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม, มันยากมากที่จะหาก้อนหินที่เขาต้องการ
เนื่องจากป่าที่เขียวขจีนี้มีต้นไม้ขึ้นอยู่เต็มไปหมด, พวกก้อนหินจึงดูเหมือนถูกซ่อนไว้อย่างดีภายใต้ภูเขาขนาดมหึมา
“ถ้างั้น สงสัยคงต้องใช้ไม้แทนซะแล้วล่ะ”
วีดตัดกิ่งไม้จากต้นไม้และเด็ดเอาใบไม้ออกจากส่วนด้านบนของกิ่งไม้เพื่อที่จะเอามาทำเป็นท่อนไม้
เขากำลังเตรียมวัตถุดิบด้วยทักษะแกะสลัก
หลังจากนั้น, เขาใช้มีดแกะสลักเพื่อลงรายละเอียดให้กับมัน
ในตอนแรก, ชิ้นส่วนทั้งหมดตั้งแต่ส่วนหัวจนถึงลำตัวนั้นแกะออกมาเรียบร้อยแล้ว, จากตรงนี้เขากำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะกะขนาดของขายังไงดี
“ถ้าเราทำให้มันสั้นกว่าขนาดปกติสัก 30%, มันน่าจะใช้ได้”
วีดทำงานไปขณะที่นั่งยองๆไปด้วยเพื่อที่จะใช้มันเปรียบเทียบกัน
เขาแกะสลักขาออกมาให้ได้กว้างและใหญ่, ไม่มีเอวจากตั้งแต่ช่วงสะโพกขึ้นไปจนถึงหน้าอก; ผลลัพธ์ที่ได้คือรูปร่างที่ดูหนาและแข็งแรง
“เรามีความรู้สึกว่าเหมือนท่อนไม้มันดูขาดๆยังไงไม่รู้แหะ เหมือนมันขาดอะไรสักอย่าง”
ถึงแม้เขาจะได้ไม้เนื้อแข็งมาใช้เป็นวัตถุดิบนั้น, เขารู้สึกว่ามันยังไม่ดีพอ
วีดใช้มือของเขาทั้งสองข้างถือชิ้นงานขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นักและลงมือแกะมันต่อไป วีดทำให้แขนที่สั้นนั้นดูหนาขึ้น, และตัดสินใจที่จะแกะส่วนหัวไว้เป็นส่วนสุดท้าย
“คนแคระ เราต้องทำให้มันเข้ากันกับคุณลักษณะของคนแคระ”
คนแคระ, หัวรั้นและไม่เคยที่จะสละทรัพย์สมบัติอะไรเลยสักอย่าง
ถูกครอบงำโดยความตื่นเต้นเมื่อได้ต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์และไม่เคยถอยหนี, เหมาะสมกับคนที่ต้องการเลือกเล่นเป็น แชมป์เปี้ยนหรือนักรบ
โดยธรรมชาติของพวกเขานั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด, ถ้าหากไม่รวมพวกชุดมาตรฐานกับรูปร่างที่ตัวเล็กของพวกเขาล่ะก็นะ
ในขณะเดียวกัน, ทักษะช่างฝีมือที่มีมาตั้งแต่กำเนิด, ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามเมื่อได้มาอยู่ในมือที่หยาบกร้านของช่างฝีมือแล้ว มันจะกลายเป็นผลงานที่สุดยอดและอลังการ
มนุษยสัมพันธ์ของพวกคนแคระนั้นดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่
ในหลายๆกรณี, พวกที่ตัดสินใจต้องการใช้ชีวิตเป็นช่างฝีมือนั้น, ชอบอยู่ข้างในห้องทำงานของพวกเขาและไม่ค่อยออกมาข้างนอก
เพราะแบบนี้, หากเปรียบเทียบกับผลงานที่สุดยอดของพวกเขาแล้ว, พวกเขาก็เลยไม่สามารถที่จะเข้ากันได้กับคนอื่นสักเท่าไหร่ ไม่เหมือนกับพวกเผ่าพันธุ์อื่นๆ
เผ่าพันธุ์ที่ไฟลุกโชนก็ต่อเมื่อได้เจอพวกแร่ต่างๆ, อัญมณีมากมาย, มิธริลและอื่นๆที่คล้ายกัน; เผ่าพันธุ์ที่ละโมบโลภมากในเรื่องของอุปกรณ์สวมใส่และวัตถุดิบต่างๆ
เผ่าพันธุ์ที่รักและหลงใหลในโลหะหลอมเหลวเหนือสิ่งอื่นใด
วีดแกะรูปร่างที่แข็งแรงของคนแคระ
ด้วยปากที่กว้างและนัยน์ตาตกราวกับว่าเป็นสายตาที่ดูเย่อหยิ่งอยู่ตลอดเวลาจนไม่มีใครอยากสบสายตาด้วย
หนวดเครายาวเฟื้อยจนถึงหน้าอก
จากเส้นหนึ่งไปยังอีกเส้นหนึ่ง, ทั้งผมและหนวดเคราดูเรากับว่ามันมีชีวิตจนเหมือนของจริงเลย
ถ้าทักษะแกะสลักไม่ได้เลื่อนขั้นไปถึงระดับสูงแล้ว, มันเป็นไปไม่ได้เลยหากต้องลงรายละเอียดมากขนาดนี้
ในทำนองเดียวกันนี้, ณ จุดๆนี้, แขนที่ทั้งสั้นและหนา ยังมีขาอีกที่ถูกทำให้ดูดีมากกว่าเดิม
วีดพอใจเป็นอย่างมากกับรูปแกะสลักที่เขาทำขึ้นเอง
“ที่ระดับนี้, มันดูดีเลยทีเดียวสำหรับคนแคระที่เรายังไม่เคยเห็น, เฮ้อะ?”
มันไม่ได้ดูน่ากลัวเท่าไหร่ที่จะมองดูมันในตอนกลางคืนเมื่อเทียบกับออร์คคาริชวิที่เขาเคยทำ
“มันก็ไม่ได้ดูแย่เท่าไหร่นักกับระดับเพียงแค่นี้ ประติมากรรมจำแลง!”
ใช้ประติมากรรมจำแลง
|
สำหรับผู้ที่มีความรักอย่างไม่จำกัดต่อรูปแกะสลัก, ช่างแกะสลักและรูปแกะสลักจะรวมกันเป็นหนึ่ง!
|
ร่างกายของวีดค่อยๆเปลี่ยนไปตามรูปร่างของรูปแกะสลัก
รูปร่างของเขาเตี้ยลง, ขาใหญ่และหนาขึ้น ลำตัวของเขาเล็กลงและแขนเขาก็หน้าขึ้นด้วย อีกด้านหนึ่ง, หัวของเขามีขนาดใหญ่ขึ้นและหนวดเคราของเขาก็ยาวเฟื้อยออกมา
และริ้วรอยก็ปรากฏขึ้นรอบดวงตาของเขา, ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าเขามีอายุเท่าไหร่กันแน่
o
ร่างกายเปลี่ยนไปมีขนาดเล็กลง,
อุปกรณ์สวมใส่หลายชิ้นที่กำลังใส่อยู่นั้นไม่สามารถใช้งานได้
o
เกราะหุ้มหรือตัวชุดเกราะนั้นเลื่อนหลุดไปที่อย่างไม่ตั้งใจ
o
ขึ้นอยู่กับรูปร่างของเผ่าพันธุ์, อุปกรณ์สวมใส่ที่จำเป็นนั้นเป็นที่ต้องการอย่างมาก
เนื่องจากผลกระทบของประติมากรรมจำแลง, ความอึด,พละกำลัง,ความโชคดี เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
|
ประสิทธิภาพของทักษะช่างฝีมือเพิ่มขึ้น
5%
|
ค่าสถานะด้านศิลปะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
|
ทักษะประติมากรรมจำแลงจะมีผลจนกว่าจะยกเลิกการใช้งานทักษะนี้
|
“เคี้ยก โฮ้ะ โฮะ โฮ!”
วีดไอออกมายาวเหมือนคนแคระ
และเขาเดินตรงไปยังทิศทางของหมู่บ้านที่เป็นเป้าหมาย หมู่บ้านคนแคระ
การมาเป็นคนแคระขาสั้น, จุดศูนย์กลางของแรงดึงดูดที่มาพร้อมกับมันนั้น มันสามารถรับมือได้ง่ายมาก, แต่กับการก้าวเดินในแต่ละก้าวนั้น, เขาหอบตลอดระยะทางที่เขาเดินมาจนถึงตอนนี้
แต่, วีดก็ยังมุ่งมั่นตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไปในทุกๆก้าวที่เขาเดินขณะเดียวกันเขาก็หลงเข้าสู่ห้วงความคิด
“ครั้งนี้, คนแคระควรใช้ชื่ออะไรดีน้า,ฮึ่ม?”
ในหัวของเค้านั้น, มีชื่อมากมายปรากฏขึ้นอยู่เต็มไปหมด
เหมือนกับออร์คคาริชวิ, เขาต้องการชื่อที่จารึกลงไปในจิตใจของผู้ที่ได้ยิน แล้วเกิดความประทับใจอย่างแรงกล้า
“หัตถ์แห่งศิลป์ ชื่อนี้แหละที่จะบรรยายถึงความละเอียดอ่อนของโลกแห่งศิลปะ”
***
เมื่อลี ฮุน ออกมาจากแคปซูล, เพื่อนของเขากำลังนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นและดื่มเครื่องดื่มไปด้วยพร้อมกับดูทีวีอยู่ในห้องนั้น
วีรบุรุษแห่งทวีปเวอร์แซลล์
มันเป็นรายการของ CTS มีเดีย
เป็นรายการที่รายงานข่าวอย่างรวดเร็วและแนะนำข้อมูลของปราสาทและหมู่บ้านต่างๆของผู้เริ่มเล่น; การวิเคราะห์ข้อมูลในระดับเชิงลึกนั้นเป็นเอกลักษณ์ของรายการนี้
พิธีกรที่มีเบื้องหลังเกี่ยวกับรายการตลก, อีกทั้งสติปัญญาและอารมณ์ขันที่มาพร้อมกับเขา, ทำให้รายการสามารถดึงดูดผู้ชมได้มาก
“รุ่นพี่, เสร็จแล้วหรอคะ?”
มิน ซูรา ถามอย่างอารมณ์ดี, ลี ฮุน พยักหน้าของเขา
“อือ”
“รุ่นพี่ได้ล่าอะไรบ้างมั้ย?”
“ไม่อ่ะ ฉันต้องไปที่อื่น ก็เลยไม่ได้ล่าอะไรเลย”
“แล้วไปที่ไหนมางั้นเหรอ?”
ชอย ซัง จุน ตัดบทสนทนาในทันทีพร้อมกับถามด้วยความสนใจ
“อาณาจักรธอร์”
“เมื่อคุณพูดถึงอาณาจักรธอร์, แสดงว่าคุณหมายถึงอาณาจักรคนแคระสินะ?”
ชอย ซัง จุน ถามด้วยความแปลกใจ
เพื่อนคนอื่นๆที่พูดคุยกันเสียงดังอยู่นั้นก็หันมาฟังด้วยความสนใจ
“มันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ฉันต้องไปถ้าหากมันคืออาณาจักรคนแคระนั่นน่ะ”
“อาณาจักรธอร์มันเป็นยังไงเหรอ?”
อย่างไรก็ตาม, ลี ฮุน ไม่ได้ต้องการที่จะตอบคำถามนี้อย่างเห็นได้ชัด
“ฉันเพิ่งไปถึงอาณาเขตรอบๆของอาณาจักรเอง…ฉันยังไม่ได้เข้าไปในหมู่บ้านก็เลยยังบอกอะไรไม่ได้”
“อ้า, เป็นอย่างนั้นเองหรอกเหรอ”
ลี ยู จอง พยักหน้าของเธอ
ทวีปเวอร์แซลล์มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล, การที่จะเดินทางจากอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกอาณาจักรนั้น ต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก ไม่ใช่แค่วัน สองวันก็ไปถึงได้แล้ว
ถึงแม้เขาจะขี่ม้าหรือนั่งรกลาก, เขาก็ยังต้องขึ้นเขาและผ่านเส้นทางที่มีลมกรรโชกแรง,
ดังนั้น
มันจึงใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการ ดังนั้น,
มันจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงยังไม่ได้เข้าไปในอาณาจักรธอร์
“ฉันก็อยากไปที่อาณาจักรธอร์บ้างเหมือนกัน แต่รุ่นพี่, คุณเป็นพ่อค้าอะไรพวกนั้นเหรอ?”
“ทำไมหรอ?”
“พวกคนที่เล่นอาชีพสายนักรบนั้นไปได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นักในอาณาจักรธอร์ พวกนักเวทย์และผู้ใช้ธาตุก็เหมือนกัน มันเป็นดินแดนที่ทุรกันดารมาก แต่ถ้าเป็นพ่อค้าที่เอาของจากอาณาจักรธอร์ไปขายล่ะก็, คุณก็จะสามารถไปได้ด้วยดีพร้อมกับได้รับผลประโยชน์มากมายอย่างมหาศาลจากทางใต้”
ลี ฮุน ตอบหลังจากที่เขาลังเลอยู่นิดหน่อย
“ฉันเป็นช่างแกะสลักน่ะ”
“……”
“……”
เพียงแค่บอกอาชีพของเขาออกไป มันก็มีพลังที่จะทำให้ทุกคนเงียบได้
อีกทั้งพวกเขายังส่งสายตาที่ดูน่าสงสารและเวทนามาที่ ลี ฮุน อีก
มันเตือนให้พวกเขานึกถึงครั้งแรกที่ได้คุยกับเขา
มิน ซูรา แสดงความมุ่งมั่นเรียกความกล้าออกมาแล้วพูดขึ้น
“ร่าเริงหน่อย ทุกวันนี้, มีคนที่โด่งดังมากๆเล่นอาชีพช่างแกะสลักเหมือนกัน รุ่นพี่อาจจะเคยได้ยินชื่อของเขาก็ได้ วีดไง”
“……”
“อ้า, รุ่นพี่ไม่เคยได้ยินชื่อของเขาเลยเหรอ? เขาสร้างผลงานประติมากรรมที่สุดยอดและมหัศจรรย์มากๆ , และเขายังเป็นผู้เล่นที่เดินทางไปยังโลกของเหล่าแวมไพร์อีกด้วย”
และจากนั้น, ลี ยู จอง ก็พูดพร้อมกับยิ้มไปด้วย
“ซูรา, วีดคนนั้นน่ะเขาเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการแกะสลักนะ เขาเป็นคนที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานศิลปะผ่านจิตวิญญาณของเขา แล้วมันยังไงกันล่ะในเมื่อเขาก็เลือกที่จะเป็นช่างแกะสลักในรอยัล โร้ด เหมือนกัน? คนๆนั้นยังเป็นถึงเจ้าเมืองด้วยนะ, มันไม่สุภาพเลยนะที่เอา รุ่นพี่ ไปเปรียบเทียบกับคนๆนั้นน่ะ”
“อะแฮ่ม”
ลี ฮุนไอออกมา
การที่พวกเขาพูดอย่างนั้นเกี่ยวกับคนที่ถูกถามหรือเป็นประเด็นอยู่ มันเป็นเรื่องที่น่าอายยิ่งนัก
มันมีแม้กระทั่งการถ่ายทอดสดของวีดที่มายังดินแดนที่ถูกครอบครองโดยเหล่าแวมไพร์, แต่เพราะใบหน้าและอุปกรณ์สวมใส่ของเขาที่บังเอาไว้, มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถรู้ถึงตัวตนของเขาได้
ถ้าหากตัวตนดาร์คเกมเมอร์ของเขาและความจริงที่ว่าเขาคือ วีด คนเดียวกันกับเทพสงครามวีด ถูกเปิดเผยแล้วล่ะก็, เขาคงได้เสียหายอย่างมหาศาลเป็นแน่ ไม่ว่าจะเป็นการต้องเจอกับเหล่าผู้ที่ต้องการมาท้าทายเขา และการออกไปผจญของเขานั้นคงกลายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะเป็นไปได้อีกต่อไป
ชอย ซัง จุน พูดอย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริงของเรื่องนี้
“ถ้าคุณเป็นช่างแกะสลักแล้วล่ะก็ มันจะเป็นประโยชน์กับคุณอย่างมากกับการที่คุณไปยังอาณาจักรธอร์น่ะ ที่นั่นมีแร่มากมายหลากหลายชนิด, อีกทั้งคุณยังจะได้รับค่าตอบแทนที่สูงอีกด้วย พยายามเข้านะ”
ชอย ซัง จุน สรุปไปอย่างนั้นก็เพราะว่า ลี ฮุน เป็นช่างแกะสลัก, เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้มากเท่าไหร่ในการสำรวจดันเจี้ยน, ดังนั้น ชอย ซัง จุน จึงบอก ลี ฮุน ด้วยความระมัดระวัง
‘มันคงจะดีกว่าถ้าฉันเป็นคนนำการสำรวจดันเจี้ยนนี้ซะเอง’
เมื่อ ชอย ซัง จุน ฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจ, การถ่ายทอดสดรายการวีรบุรุษแห่งทวีปเวอร์แซลล์กลับมาหลังจากพักเบรคโฆษณา
ลี ฮุน เริ่มสนใจเล็กน้อย, แต่รายการที่ออกอากาศนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับเขาด้วยน่ะสิ
“คุณแตจิน, ถ้าพวกเราเปลี่ยนไปคุยเกี่ยวกับเรื่องทางตอนเหนือล่ะก็ คงไม่พ้นเรื่องของโมราต้าอย่างแน่นอน”
“ใช่แล้วล่ะครับ ก็เป็นอย่างที่คุณพูดนั่นแหละครับ, คุณ ยู ดัมบิ พวกนักผจญภัยต่างพากันไปที่ทางตอนเหนือตั้งแต่ที่น้ำแข็งพวกนั้นละลายหายไป, แต่ก็ยังมีคนส่วนใหญ่ที่แสดงความคิดเห็นว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมในการที่จะเดินทางไปที่นั่น เหตุผลนั้นก็เป็นที่ทราบกันดีว่าพื้นที่ที่ไม่มีใครรู้จักหรือถูกสำรวจมาก่อนนั้น ยากต่อการที่จะตั้งถิ่นฐานกันที่นั่น”
“ฉันได้ยินมาว่าพื้นที่ทางตอนเหนือนั้นค่อนข้างอันตรายเลยทีเดียว เนื่องมาจากว่ามอนสเตอร์ที่นั่นค่อนข้างชุกชุมและแถมยังแข็งแกร่งอีกด้วย”
“ถูกต้องแล้วครับ อย่างไรก็ตาม, ก็ยังมีผู้คนมากมายเดินทางไปที่โมราต้าอยู่ และ การพัฒนาของมันเป็นไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย, มันมีการก่อสร้างที่เป็นรากฐานสำคัญต่อผู้คนที่ต้องการมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ บางวันก็มีการกวาดล้างพวกมอนสเตอร์; เช่นเดียวกันกับผู้คนที่ต่างพากันอพยพย้ายถิ่นฐานมากขึ้นเรื่อยๆ ยุครุ่งเรืองของทางเหนือกำลังจะมาถึง”
“ใช่แล้ว และนั่นคือช่วงแรกของรายการที่เรามีการพูดคุยกันเกี่ยวกับทางเหนือและโมราต้า แล้วต่อไป, ช่วงที่สองของรายการมีอะไรรออยู่อย่างนั้นเหรอคะ?”
ในช่วงแรกของรายการ, ข้อมูลเกี่ยวกับทางตอนเหนือได้รับการแสดงความคิดเห็นอย่างล้นหลาม
การที่เน้นความสำคัญไปที่โมราต้า, กระแสตอบรับของผู้เล่นและพื้นที่ล่านั้นต่างก็เป็นเรื่องปกติในสิ่งที่พวกเขานำเสนอ
ลี ฮุน คิดในแง่บวกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
‘มันจะดีมากถ้าพวกเขาพูดเกี่ยวกับมันเยอะๆ ยิ่งถ้าผู้คนพากันมาทางเหนือตามการถ่ายทอดสดมากเท่าไหร่ ฉันก็จะยิ่งได้เงินมากขึ้นเท่านั้น’
ลี ฮุน คิดถึงผู้ชมที่กำลังจะมาโมราต้าเพื่อใช้เงิน, ซึ่งนั่นจะทำให้เขามีรายได้เพิ่มมากขึ้นไปอีก
“และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะนำข้อมูลของข่าวล่าสุดที่พวกเราเพิ่งได้รับมา ให้ผู้ชมที่รักของพวกเราได้ดูกันนะคะ คุณแตจิน!”
“ตกลงครับ คุณดัมบิ”
“นี่เลยค่ะ การผจญภัยครั้งใหม่ที่ร้อนแรง ตื่นเต้น และเร้าใจของเทพสงครามวีด ได้ถูกเผยแพร่ออกสู่สายตาของสาธารณะชน”
“วิดีโอบันทึกของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ความขัดแย้งของปาลรังคาที่ตอนนี้กำลังไต่อันขึ้นไปเรื่อยๆสู่ท้อปชาร์ตของหอแห่งเกียรติยศ”
จอทีวีเปลี่ยนไปและวีดก็ปรากฏขึ้นในรูปร่างของโครงกระดูก ฉากแต่ละฉากถูกรวบรวมไว้ในคลิปเดียว ซึ่งมีตั้งแต่ฉากที่วีดตอบรับคำขอร้องของเจ้าหญิง, ฉากขี่ม้าขาวที่พวกเขากำลังพุ่งเข้าไปในสนามรบที่รายล้อมไปด้วยศัตรูมากมายปรากฏให้เห็นอยู่ทุกหนทุกแห่ง
“โอ้โห…”
“แม้กระทั่งหัวใจของฉันยังเต้นตามไปด้วยเลย”
มิน ซูรา และ ลี ยู จอง ทั้งสองกำมือไว้แน่นมากและไม่เบนสายตาของพวกเขาไปไหนเลย นอกจากจอรายการที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ในขณะนี้
พวกเขากำลังดูฉากที่สง่างามของ ลี ฮุน
KMC มีเดีย นั้นเป็นเจ้าแรกที่ได้ออกอากาศเหตุการณ์ความขัดแย้งของปาลรังคา, และติดอันดับหนึ่งของอัตราการเข้าชมที่มากที่สุดในรายสัปดาห์ อีกห้าวันต่อมา, คลิปวิดีโอต้นฉบับของเหตุการณ์ความขัดแย้งของปาลรังคาก็ได้ถูกโพสต์ลงไปในหอแห่งเกียรติยศและทยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งในทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็น ติดอันดับหนึ่งที่มียอดคนเข้าชมมากที่สุด, อันดับหนึ่งที่มีการแนะนำมากที่สุด, และอันดับหนึ่งที่มีคนแสดงความคิดเห็นเข้ามามากที่สุด
อันที่จริงแล้ว, มันได้รับความนิยมมากที่สุดเลยต่างหาก และนี่ทำให้เกิดการคาดเดากันไปต่างๆนาๆ จนทำให้มันดูคึกคักเป็นพิเศษ
“ถ้าเราดูที่ฉากการดำเนินเรื่องที่ปรากฏขึ้นของเทพเจ้าสงครามวีดแล้วล่ะก็ มันมีอยู่หลายจุดที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบ และผมได้ยินมาว่ามีหลายคนที่เถียงกันในเรื่องพวกนี้ด้วย”
“การตัดสินจากสัญลักษณ์ประจำชาติหรือเสียงร้องของพวกทหาร, มันก็สามารถคาดการได้อย่างถูกต้องว่าสถานที่และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้คือ เหตุการณ์ความขัดแย้งของปาลรังคา แต่จากการที่เขาสามารถเข้าไปในศึกสงครามนี้ได้นั้นเป็นที่ใคร่สงสัยของใครหลายๆคนอยู่พอสมควร”
“มันมีเหตุการณ์หรืออะไรที่มันเฉพาะเจาะจงอย่างงั้นหรือ? จึงจะสามารถเข้าไปที่นั่นได้”
“นั่นอาจจะเป็นเพียงแค่เควสอย่างเดียวเท่านั้นล่ะมั้ง ไม่แน่ว่าการต่อสู้นี้อาจจะเป็นตอนจบของเควสบางอย่างก็ได้หรือมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้, หลังจากนั้น, มันจะมีแต่คำถามมากมายเกี่ยวกับการคงอยู่ของมัน”
จากการรายงานของ KMC มีเดีย, ข้อมูลที่พวกเขาได้มาจากเหตุการณ์ความขัดแข้งของปารังคา มีเยอะมากไม่ว่าจะเป็น ความหลากหลายของแต่ละอาณาจักร, ความสัมพันธุ์ของพวกกลุ่มมอนสเตอร์ต่างๆ, เวทย์มนต์และทักษะได้ถ่ายอากาศสดผ่านทางทีวี
หลังจากที่การออกอากาศแบบเต็มตอนได้จบลงไปแล้วก่อนหน้านี้, ลี ฮุน ได้รับอนุญาตให้นำคลิปวิดีโอต้นฉบับลงเผยแพร่สู่สาธารณะได้
ถึงแม้ว่าต้นฉบับที่ปรากฏอยู่บนจอนั้น จะเริ่มขึ้นที่เหตุการณ์ความขัดแย้งของปาลรังคาเลยก็ตาม
แต่ฉากต่างๆที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ฝึกของหอฝึกตนขั้นกลางจนถึงฉากที่เขาหยิบและอ่านหนังสือของอัศวินนั้น ถูกเอาออกไปจากคลิปวิดีโอทั้งหมด
ถ้าเขาเอาฉากพวกนี้ใส่ลงไปด้วยล่ะก็, ผู้คนในรอยัล โร้ด ก็จะพากันมาที่นี่หมดเลยน่ะสิ จนมันกลายเป็นเรื่องที่ใครๆก็รู้กัน
เหตุการณ์นี้ก็จะเกิดขึ้นในทันใดจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ถึงขนาดที่ว่าพวกเขาสามารถประกาศแจ้งเป็นเจ้าของในกรรมสิทธิ์ของหอคอยนี้และก็จะเกิดเป็นสงครามการว่าจ้างอีกด้วย พวกเขายินดีที่จะทุ่มเททุกอย่างทั้งหมดที่พวกเขามีเพื่อให้ผ่านศูนย์ฝึกนี้
มันเป็นอะไรที่ทุกคนต่างยอมแพ้ให้กับมัน
ถ้ามีข้อมูลมากเกินไปที่ถูกนำออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะล่ะก็, ภาพเหตุการณ์ที่ทุกคนต่างต่อแถวเข้าคิวรอที่ศูนย์ฝึกในแต่สถานที่; และนั่นก็จะทำให้สูญเสียอรรถรสในการเล่นรอยัล โร้ดไปในทันที
เพราะว่ามันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเก็บความลับโดยเฉพาะการผจญภัยของลี ฮุนที่ยังดำเนินต่อและยังไม่จบ ซึ่งนั่นทำให้ทางสถานีที่เผยแพร่ภาพต้องมีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมากในการที่จะรักษาความลับของมันไว้
“ฉันได้ยินมาค่อนข้างมากเกี่ยวกับอะไรๆหลายอย่างที่มันไม่สอดคล้องกันของความสามารถในการต่อสู้ของเทพสงครามวีด”
“ตั้งแต่สงครามกับกองทัพอมตะแล้ว, เขายังแสดงความสามารถในการเป็นผู้นำได้อย่างยอดเยี่ยม เขาสามารถจัดการกับพวกออร์คและดาร์คเอลฟ์ได้อย่างสบายเลยล่ะ ต้องขอบคุณเสียงของทักษะราชสีห์คำราม, พวกเราสันนิษฐานได้ว่าเขามีค่าความเป็นผู้นำและค่าเสน่ห์ที่สูงมาก สามารถคาดเดาได้ว่าในช่วงเวลาการต่อสู้ในครั้งนั้นเขามีอาชีพเป็นพาลาดินมาก่อน”
“เพราะอาชีพที่ดีที่สุดที่สามารถเพิ่มค่าความเป็นผู้นำและทักษะในการเป็นผู้นำได้นั้นคือสายอัศวิน”
“มันเป็นจุดที่ทุกคนต่างให้การยอมรับในจุดนั้น, ตั้งแต่ที่เขาต่อสู้กับพวกแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์, มันมีข่าวลือเกี่ยวกับเขาที่ว่าเขาเป็นพาลาดินของวิหารเฟรย่าห์ แต่เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งหลังจากที่หายตัวไปนานและเริ่มการต่อสู้กับมังกรกระดูก, เขาใช้เวทย์มนต์ของเนโครแมนเซอร์, และยังแสดงความสามารถที่โดดเด่นในการต่อสู้ครั้งนั้น”
“แต่ครั้งนี้, พวกเรามั่นใจได้ว่าเขาไม่ได้ใช้เวทย์มนต์ของเนโครแมนเซอร์”
“และผมคิดว่านั่นอาจจะเป็นเพราะเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามรถใช้เวทย์มนต์ของเนโครแมนเซอร์ได้ หรือบางทีเขาอาจจะเลือกที่จะไม่ใช้มัน ก็อาจจะเป็นไปได้”
“ฉันก็อยากไปที่อาณาจักรธอร์บ้างเหมือนกัน แต่รุ่นพี่, คุณเป็นพ่อค้าอะไรพวกนั้นเหรอ?”
“ทำไมหรอ?”
“พวกคนที่เล่นอาชีพสายนักรบนั้นไปได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นักในอาณาจักรธอร์ พวกนักเวทย์และผู้ใช้ธาตุก็เหมือนกัน มันเป็นดินแดนที่ทุรกันดารมาก แต่ถ้าเป็นพ่อค้าที่เอาของจากอาณาจักรธอร์ไปขายล่ะก็, คุณก็จะสามารถไปได้ด้วยดีพร้อมกับได้รับผลประโยชน์มากมายอย่างมหาศาลจากทางใต้”
ลี ฮุน ตอบหลังจากที่เขาลังเลอยู่นิดหน่อย
“ฉันเป็นช่างแกะสลักน่ะ”
“……”
“……”
เพียงแค่บอกอาชีพของเขาออกไป มันก็มีพลังที่จะทำให้ทุกคนเงียบได้
อีกทั้งพวกเขายังส่งสายตาที่ดูน่าสงสารและเวทนามาที่ ลี ฮุน อีก
มันเตือนให้พวกเขานึกถึงครั้งแรกที่ได้คุยกับเขา
มิน ซูรา แสดงความมุ่งมั่นเรียกความกล้าออกมาแล้วพูดขึ้น
“ร่าเริงหน่อย ทุกวันนี้, มีคนที่โด่งดังมากๆเล่นอาชีพช่างแกะสลักเหมือนกัน รุ่นพี่อาจจะเคยได้ยินชื่อของเขาก็ได้ วีดไง”
“……”
“อ้า, รุ่นพี่ไม่เคยได้ยินชื่อของเขาเลยเหรอ? เขาสร้างผลงานประติมากรรมที่สุดยอดและมหัศจรรย์มากๆ , และเขายังเป็นผู้เล่นที่เดินทางไปยังโลกของเหล่าแวมไพร์อีกด้วย”
และจากนั้น, ลี ยู จอง ก็พูดพร้อมกับยิ้มไปด้วย
“ซูรา, วีดคนนั้นน่ะเขาเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการแกะสลักนะ เขาเป็นคนที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานศิลปะผ่านจิตวิญญาณของเขา แล้วมันยังไงกันล่ะในเมื่อเขาก็เลือกที่จะเป็นช่างแกะสลักในรอยัล โร้ด เหมือนกัน? คนๆนั้นยังเป็นถึงเจ้าเมืองด้วยนะ, มันไม่สุภาพเลยนะที่เอา รุ่นพี่ ไปเปรียบเทียบกับคนๆนั้นน่ะ”
“อะแฮ่ม”
ลี ฮุนไอออกมา
การที่พวกเขาพูดอย่างนั้นเกี่ยวกับคนที่ถูกถามหรือเป็นประเด็นอยู่ มันเป็นเรื่องที่น่าอายยิ่งนัก
มันมีแม้กระทั่งการถ่ายทอดสดของวีดที่มายังดินแดนที่ถูกครอบครองโดยเหล่าแวมไพร์, แต่เพราะใบหน้าและอุปกรณ์สวมใส่ของเขาที่บังเอาไว้, มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถรู้ถึงตัวตนของเขาได้
ถ้าหากตัวตนดาร์คเกมเมอร์ของเขาและความจริงที่ว่าเขาคือ วีด คนเดียวกันกับเทพสงครามวีด ถูกเปิดเผยแล้วล่ะก็, เขาคงได้เสียหายอย่างมหาศาลเป็นแน่ ไม่ว่าจะเป็นการต้องเจอกับเหล่าผู้ที่ต้องการมาท้าทายเขา และการออกไปผจญของเขานั้นคงกลายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะเป็นไปได้อีกต่อไป
ชอย ซัง จุน พูดอย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริงของเรื่องนี้
“ถ้าคุณเป็นช่างแกะสลักแล้วล่ะก็ มันจะเป็นประโยชน์กับคุณอย่างมากกับการที่คุณไปยังอาณาจักรธอร์น่ะ ที่นั่นมีแร่มากมายหลากหลายชนิด, อีกทั้งคุณยังจะได้รับค่าตอบแทนที่สูงอีกด้วย พยายามเข้านะ”
ชอย ซัง จุน สรุปไปอย่างนั้นก็เพราะว่า ลี ฮุน เป็นช่างแกะสลัก, เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้มากเท่าไหร่ในการสำรวจดันเจี้ยน, ดังนั้น ชอย ซัง จุน จึงบอก ลี ฮุน ด้วยความระมัดระวัง
‘มันคงจะดีกว่าถ้าฉันเป็นคนนำการสำรวจดันเจี้ยนนี้ซะเอง’
เมื่อ ชอย ซัง จุน ฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจ, การถ่ายทอดสดรายการวีรบุรุษแห่งทวีปเวอร์แซลล์กลับมาหลังจากพักเบรคโฆษณา
ลี ฮุน เริ่มสนใจเล็กน้อย, แต่รายการที่ออกอากาศนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับเขาด้วยน่ะสิ
“คุณแตจิน, ถ้าพวกเราเปลี่ยนไปคุยเกี่ยวกับเรื่องทางตอนเหนือล่ะก็ คงไม่พ้นเรื่องของโมราต้าอย่างแน่นอน”
“ใช่แล้วล่ะครับ ก็เป็นอย่างที่คุณพูดนั่นแหละครับ, คุณ ยู ดัมบิ พวกนักผจญภัยต่างพากันไปที่ทางตอนเหนือตั้งแต่ที่น้ำแข็งพวกนั้นละลายหายไป, แต่ก็ยังมีคนส่วนใหญ่ที่แสดงความคิดเห็นว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมในการที่จะเดินทางไปที่นั่น เหตุผลนั้นก็เป็นที่ทราบกันดีว่าพื้นที่ที่ไม่มีใครรู้จักหรือถูกสำรวจมาก่อนนั้น ยากต่อการที่จะตั้งถิ่นฐานกันที่นั่น”
“ฉันได้ยินมาว่าพื้นที่ทางตอนเหนือนั้นค่อนข้างอันตรายเลยทีเดียว เนื่องมาจากว่ามอนสเตอร์ที่นั่นค่อนข้างชุกชุมและแถมยังแข็งแกร่งอีกด้วย”
“ถูกต้องแล้วครับ อย่างไรก็ตาม, ก็ยังมีผู้คนมากมายเดินทางไปที่โมราต้าอยู่ และ การพัฒนาของมันเป็นไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย, มันมีการก่อสร้างที่เป็นรากฐานสำคัญต่อผู้คนที่ต้องการมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ บางวันก็มีการกวาดล้างพวกมอนสเตอร์; เช่นเดียวกันกับผู้คนที่ต่างพากันอพยพย้ายถิ่นฐานมากขึ้นเรื่อยๆ ยุครุ่งเรืองของทางเหนือกำลังจะมาถึง”
“ใช่แล้ว และนั่นคือช่วงแรกของรายการที่เรามีการพูดคุยกันเกี่ยวกับทางเหนือและโมราต้า แล้วต่อไป, ช่วงที่สองของรายการมีอะไรรออยู่อย่างนั้นเหรอคะ?”
ในช่วงแรกของรายการ, ข้อมูลเกี่ยวกับทางตอนเหนือได้รับการแสดงความคิดเห็นอย่างล้นหลาม
การที่เน้นความสำคัญไปที่โมราต้า, กระแสตอบรับของผู้เล่นและพื้นที่ล่านั้นต่างก็เป็นเรื่องปกติในสิ่งที่พวกเขานำเสนอ
ลี ฮุน คิดในแง่บวกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
‘มันจะดีมากถ้าพวกเขาพูดเกี่ยวกับมันเยอะๆ ยิ่งถ้าผู้คนพากันมาทางเหนือตามการถ่ายทอดสดมากเท่าไหร่ ฉันก็จะยิ่งได้เงินมากขึ้นเท่านั้น’
ลี ฮุน คิดถึงผู้ชมที่กำลังจะมาโมราต้าเพื่อใช้เงิน, ซึ่งนั่นจะทำให้เขามีรายได้เพิ่มมากขึ้นไปอีก
“และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะนำข้อมูลของข่าวล่าสุดที่พวกเราเพิ่งได้รับมา ให้ผู้ชมที่รักของพวกเราได้ดูกันนะคะ คุณแตจิน!”
“ตกลงครับ คุณดัมบิ”
“นี่เลยค่ะ การผจญภัยครั้งใหม่ที่ร้อนแรง ตื่นเต้น และเร้าใจของเทพสงครามวีด ได้ถูกเผยแพร่ออกสู่สายตาของสาธารณะชน”
“วิดีโอบันทึกของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ความขัดแย้งของปาลรังคาที่ตอนนี้กำลังไต่อันขึ้นไปเรื่อยๆสู่ท้อปชาร์ตของหอแห่งเกียรติยศ”
จอทีวีเปลี่ยนไปและวีดก็ปรากฏขึ้นในรูปร่างของโครงกระดูก ฉากแต่ละฉากถูกรวบรวมไว้ในคลิปเดียว ซึ่งมีตั้งแต่ฉากที่วีดตอบรับคำขอร้องของเจ้าหญิง, ฉากขี่ม้าขาวที่พวกเขากำลังพุ่งเข้าไปในสนามรบที่รายล้อมไปด้วยศัตรูมากมายปรากฏให้เห็นอยู่ทุกหนทุกแห่ง
“โอ้โห…”
“แม้กระทั่งหัวใจของฉันยังเต้นตามไปด้วยเลย”
มิน ซูรา และ ลี ยู จอง ทั้งสองกำมือไว้แน่นมากและไม่เบนสายตาของพวกเขาไปไหนเลย นอกจากจอรายการที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ในขณะนี้
พวกเขากำลังดูฉากที่สง่างามของ ลี ฮุน
KMC มีเดีย นั้นเป็นเจ้าแรกที่ได้ออกอากาศเหตุการณ์ความขัดแย้งของปาลรังคา, และติดอันดับหนึ่งของอัตราการเข้าชมที่มากที่สุดในรายสัปดาห์ อีกห้าวันต่อมา, คลิปวิดีโอต้นฉบับของเหตุการณ์ความขัดแย้งของปาลรังคาก็ได้ถูกโพสต์ลงไปในหอแห่งเกียรติยศและทยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งในทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็น ติดอันดับหนึ่งที่มียอดคนเข้าชมมากที่สุด, อันดับหนึ่งที่มีการแนะนำมากที่สุด, และอันดับหนึ่งที่มีคนแสดงความคิดเห็นเข้ามามากที่สุด
อันที่จริงแล้ว, มันได้รับความนิยมมากที่สุดเลยต่างหาก และนี่ทำให้เกิดการคาดเดากันไปต่างๆนาๆ จนทำให้มันดูคึกคักเป็นพิเศษ
“ถ้าเราดูที่ฉากการดำเนินเรื่องที่ปรากฏขึ้นของเทพเจ้าสงครามวีดแล้วล่ะก็ มันมีอยู่หลายจุดที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบ และผมได้ยินมาว่ามีหลายคนที่เถียงกันในเรื่องพวกนี้ด้วย”
“การตัดสินจากสัญลักษณ์ประจำชาติหรือเสียงร้องของพวกทหาร, มันก็สามารถคาดการได้อย่างถูกต้องว่าสถานที่และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้คือ เหตุการณ์ความขัดแย้งของปาลรังคา แต่จากการที่เขาสามารถเข้าไปในศึกสงครามนี้ได้นั้นเป็นที่ใคร่สงสัยของใครหลายๆคนอยู่พอสมควร”
“มันมีเหตุการณ์หรืออะไรที่มันเฉพาะเจาะจงอย่างงั้นหรือ? จึงจะสามารถเข้าไปที่นั่นได้”
“นั่นอาจจะเป็นเพียงแค่เควสอย่างเดียวเท่านั้นล่ะมั้ง ไม่แน่ว่าการต่อสู้นี้อาจจะเป็นตอนจบของเควสบางอย่างก็ได้หรือมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้, หลังจากนั้น, มันจะมีแต่คำถามมากมายเกี่ยวกับการคงอยู่ของมัน”
จากการรายงานของ KMC มีเดีย, ข้อมูลที่พวกเขาได้มาจากเหตุการณ์ความขัดแข้งของปารังคา มีเยอะมากไม่ว่าจะเป็น ความหลากหลายของแต่ละอาณาจักร, ความสัมพันธุ์ของพวกกลุ่มมอนสเตอร์ต่างๆ, เวทย์มนต์และทักษะได้ถ่ายอากาศสดผ่านทางทีวี
หลังจากที่การออกอากาศแบบเต็มตอนได้จบลงไปแล้วก่อนหน้านี้, ลี ฮุน ได้รับอนุญาตให้นำคลิปวิดีโอต้นฉบับลงเผยแพร่สู่สาธารณะได้
ถึงแม้ว่าต้นฉบับที่ปรากฏอยู่บนจอนั้น จะเริ่มขึ้นที่เหตุการณ์ความขัดแย้งของปาลรังคาเลยก็ตาม
แต่ฉากต่างๆที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ฝึกของหอฝึกตนขั้นกลางจนถึงฉากที่เขาหยิบและอ่านหนังสือของอัศวินนั้น ถูกเอาออกไปจากคลิปวิดีโอทั้งหมด
ถ้าเขาเอาฉากพวกนี้ใส่ลงไปด้วยล่ะก็, ผู้คนในรอยัล โร้ด ก็จะพากันมาที่นี่หมดเลยน่ะสิ จนมันกลายเป็นเรื่องที่ใครๆก็รู้กัน
เหตุการณ์นี้ก็จะเกิดขึ้นในทันใดจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ถึงขนาดที่ว่าพวกเขาสามารถประกาศแจ้งเป็นเจ้าของในกรรมสิทธิ์ของหอคอยนี้และก็จะเกิดเป็นสงครามการว่าจ้างอีกด้วย พวกเขายินดีที่จะทุ่มเททุกอย่างทั้งหมดที่พวกเขามีเพื่อให้ผ่านศูนย์ฝึกนี้
มันเป็นอะไรที่ทุกคนต่างยอมแพ้ให้กับมัน
ถ้ามีข้อมูลมากเกินไปที่ถูกนำออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะล่ะก็, ภาพเหตุการณ์ที่ทุกคนต่างต่อแถวเข้าคิวรอที่ศูนย์ฝึกในแต่สถานที่; และนั่นก็จะทำให้สูญเสียอรรถรสในการเล่นรอยัล โร้ดไปในทันที
เพราะว่ามันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเก็บความลับโดยเฉพาะการผจญภัยของลี ฮุนที่ยังดำเนินต่อและยังไม่จบ ซึ่งนั่นทำให้ทางสถานีที่เผยแพร่ภาพต้องมีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมากในการที่จะรักษาความลับของมันไว้
“ฉันได้ยินมาค่อนข้างมากเกี่ยวกับอะไรๆหลายอย่างที่มันไม่สอดคล้องกันของความสามารถในการต่อสู้ของเทพสงครามวีด”
“ตั้งแต่สงครามกับกองทัพอมตะแล้ว, เขายังแสดงความสามารถในการเป็นผู้นำได้อย่างยอดเยี่ยม เขาสามารถจัดการกับพวกออร์คและดาร์คเอลฟ์ได้อย่างสบายเลยล่ะ ต้องขอบคุณเสียงของทักษะราชสีห์คำราม, พวกเราสันนิษฐานได้ว่าเขามีค่าความเป็นผู้นำและค่าเสน่ห์ที่สูงมาก สามารถคาดเดาได้ว่าในช่วงเวลาการต่อสู้ในครั้งนั้นเขามีอาชีพเป็นพาลาดินมาก่อน”
“เพราะอาชีพที่ดีที่สุดที่สามารถเพิ่มค่าความเป็นผู้นำและทักษะในการเป็นผู้นำได้นั้นคือสายอัศวิน”
“มันเป็นจุดที่ทุกคนต่างให้การยอมรับในจุดนั้น, ตั้งแต่ที่เขาต่อสู้กับพวกแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์, มันมีข่าวลือเกี่ยวกับเขาที่ว่าเขาเป็นพาลาดินของวิหารเฟรย่าห์ แต่เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งหลังจากที่หายตัวไปนานและเริ่มการต่อสู้กับมังกรกระดูก, เขาใช้เวทย์มนต์ของเนโครแมนเซอร์, และยังแสดงความสามารถที่โดดเด่นในการต่อสู้ครั้งนั้น”
“แต่ครั้งนี้, พวกเรามั่นใจได้ว่าเขาไม่ได้ใช้เวทย์มนต์ของเนโครแมนเซอร์”
“และผมคิดว่านั่นอาจจะเป็นเพราะเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามรถใช้เวทย์มนต์ของเนโครแมนเซอร์ได้ หรือบางทีเขาอาจจะเลือกที่จะไม่ใช้มัน ก็อาจจะเป็นไปได้”
“พลังนั่น…เขาจงใจที่จะไม่ใช้มันต่อหน้าสาธารณะหรือเปล่า?”
ยู ดัมบิ ตาของเธอเปิดกว้างมาก
วีดมีความมั่นใจมากแค่ไหนกันแน่นะ ถึงได้ต่อสู้โดยใช้เพียงแค่ดาบเท่านั้น ไม่สนใจที่จะใช้เวทย์มนต์เลย
ดัมบิ ไม่สามารถรู้ถึงเหตุผลที่ว่าทำไม ลี ฮุน ถึงไม่ใช้เวทย์มนต์ของเนโครแมนเซอร์
ชอย แตจิน, เกิดวอกแวกขึ้นมาเมื่อเขามองไปที่ ยู ดัมบิ ที่ดูงดงาม, เลยรีบพูดขึ้นมา
“แฮะ อ่ะแฮ่ม มันก็อาจะเป็นไปได้ที่พวกเราไม่สามารถจัดการอะไรได้ แต่ตอนนี้พวกเรากำลังพูดถึงการต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่านนี้…”
“แต่ถ้าเกิดเป็นเทพสงครามวีด มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ว่าเขาไม่ได้เจตนาจงใจไม่ใช้เวทย์มนต์เลย?”
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือะไรที่หลีกเลี่ยงได้ เนื่องจาก ยู ดัมบิ ก็เป็นแฟนคลับยัวยงของวีดเช่นกัน
ในขณะที่พูดถึงรอยัล โร้ด, มีคนไม่มากนักที่สามารถทำให้เธอตื่นเต้นได้ขนาดนี้ อีกทั้งยังทำให้หัวใจของเธอนั้นรุ่มร้อนไปด้วย
ไม่ใช่หัวหน้ากิลด์หรือผู้เล่นที่ติดอันดับ ถ้าพวกเขาได้ออกอากาศ, พวกเขาจะยุ่งเป็นพิเศษเมื่อต้องอวดความสามารถของตัวเอง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเจ้าของปราสาทหรือเจ้าเมือง
พวกเขาใช้ทหาร NPC ที่มีพลังมากกว่าผู้เล่นทั่วไปแทนที่จะใช้พวกสมาชิกในกิลด์ จัดการดูแลเรื่องของพวกเขาเอง
มันเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขาในหลายๆกรณีไม่ว่าจะเป็น การหลอกลวง, การซื้อ, การแบล็คเมล์, การหักหลัง; และพวกผู้เล่นใหม่ ผู้เล่นที่อ่อนแอต่างก็ถูกปฏิบัติเหมือนกับไม่ใช่มนุษย์
มันก็มีเจ้าเมืองที่ดีอยู่เหมือนกัน, แต่บนทวีปเวอร์แซลล์, ก็มีพวกเจ้าเมืองแบบนั้นอยู่มากมาย พวกที่เอาแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้งโดยไม่นึกถึงประชาชนหรือผู้เล่นคนอื่นๆเลยแม้แต่น้อย
เพราะเหตุผลนี้เอง, เธอจึงพบปะติดต่อกับพวกนักผจญภัยที่เธอเคารพและชื่นชอบ
พวกคนที่ออกเดินทางค้นหาความท้าทายใหม่ๆอยู่เสมอ เช่น ออกล่าหาสมบัติ หรือพวกที่ยึดมั่นทำตามคำสัญญา!
เธอรู้จักเทพสงครามวีดมาตั้งแต่คอนติเน้นท์อ้อฟเมจิคแล้ว, แต่เขาก็ยังสามารถจัดการเควสที่เป็นไปไม่ได้ในรอยัล โร้ดด้วย
เขาเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของเหล่านักผจญภัยในการทำภารกิจต่างๆที่คนอื่นไม่สามารถทำได้, และสัญลักษณ์ของนักล่าตัวยง
“ผมเดาได้อย่างเดียวแล้วล่ะในเวลาแบบนี้ ความสามารถทางกายภาพของเขาที่ใช้ในการต่อสู้ครั้งนี้นั้น สุดยอดและแตกต่างจากคราวก่อนมาก ผมไม่สามารถต้านทานความประหลาดใจที่เกิดขึ้นเมื่อได้ดูสิ่งเหล่านี้ เช่น ปฏิกิริยาการตอบสนองของเขา, การตัดสินใจที่รวดเร็ว, การแก้ปัญหา, และความแม่นยำในการต่อสู้ ฉากการต่อสู้ที่เห็นความสามารถในการควบคุมสมดุลของร่างกายและทักษะการต่อสู้ มันมีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะปรมาจารย์ศิลปะด้านการต่อสู้ในชีวิตจริง อย่างไรก็ตาม, ผู้เล่นบางคนได้แสดงความคิดเห็นอย่างยุติธรรมและให้เครดิตกับเรื่องนี้ไว้สูงมาก”
“มันคืออะไรเหรอคะ?”
“เมื่อเขาอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม, เทพสงครามวีด, ตามความหมายของผม อันเดดจะปรากฏขึ้นในเวลานั้น เพราะว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเขาที่ปรากฏขึ้นในตอนที่เจอกับมังกรกระดูกและตอนนี้ในเหตุการณ์ความขัดแย้งของปาลรังคา มีความแตกต่างอยู่เล็กน้อย; และทฤษฎีความคิดนี้ก็เป็นที่แพร่หลายและยังได้รับความเชื่อมั่นอีกด้วยครับ”
“ฉันก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ มันคงไม่มีผู้เล่นมากมายนักหรอกค่ะที่จะเดินไปรอบในสภาพที่เป็นโครงกระดูกอยู่”
“สามัญสำนึกนั้นอาจจะไม่เหมาะกับเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าเกิดบางคนเข้ามาในเมืองในสภาพของโครงกระดูกล่ะก็ ข่าวลือเกี่ยวกับเขาก็จะกระจายไปทั่ว”
พลังแห่งการปฏิเสธความตายเป็นทักษะระดับสูงของบลัดเนโครแมนเซอร์
มีคนไม่มากนักที่ต้องการเป็นเนโครแมนเซอร์; อาชีพขั้นที่สองของนักเวทย์ ในอีกแง่มุมหนึ่ง, อาชีพขั้นที่สามที่ควรจะเป็นคือบลัดเนโครแมนเซอร์ก็เป็นพียงแค่การคาดเดา
ณ ตอนนี้, ลี ฮุน พยายามที่จะยืนขึ้นอย่างสบายใจจากตรงที่ของเขา น่าเสียดายที่การถ่ายทอดสดในช่วงที่เหลือนั้น เกี่ยวข้องกับเขาด้วย
***
“เวลานี้, ข่าวต่อไปจะเป็นสงครามระหว่างอาณาจักรคัลลามอร์และอาณาจักรฮาเว่นบนทวีปเวอร์แซลล์ อัศวินแห่งการทำลายล้างโคลเดอร์ริม แล้วเขาได้จัดการอะไรมั้ยในขณะที่เขาเป็นคนนำทัพที่โหดเหี้ยมเช่นนี้?”
“ใช่แล้วล่ะครับ เวลานี้, การตื่นขึ้นของกองทัพอาณาจักรคัลลามอร์ พวกคนที่น่าสงสารจากอาณาจักรฮาเว่นถูกฆ่าอย่างป่าเถื่อน ทารุณและโหดร้าย อีกทั้ง พวกเขายังต้องสูญเสียป้อมปราการซิสเทนให้กับอาณาจักรคัลลามอร์อีกด้วย”
“ป้อมปราการซิสเทน ฉันอยากจะดูมันจังเลย พวกเรามีฉากของมันมั้ยคะ?”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ พวกเราเพิ่งได้วิดีโอมาสดๆร้อนๆเลย และตอนนี้พวกเราจะแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพของโคลเดอร์ริมที่เป็นคนนำกองทัพของอาณาจักรคัลลามอร์และพลังของเหล่าอัศวิน พวกเรามาดูมันไปพร้อมกับผู้ชมของพวกเรากันเถอะครับ”
หน้าจอรายการถ่ายทอดสดเปลี่ยนไปที่ป้อมปราการซิสเทน
ปุ ฮี ฮิ ฮี่!
เสียงม้าหายใจเข้าออกทันทีที่พวกมันพุ่งเข้าไป
“บุก! ทำลายให้หมด! อย่าให้มันหนีรอดไปได้สักคน ฆ่าพวกมันให้หมด วันนี้เราจะถอนรากถอนโคนพวกอาณาจักรฮาเว่น!”
“เพื่อความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรคัลลามอร์!”
“ชักดาบของเจ้าออกมา เพื่อเกียรติและชัยชนะและ เพื่อกษัตริย์ของพวกเรา!”
ทันใดนั้น ท้องฟ้ากลายเป็นสีเทาทะมึนพร้อมกับห่าฝนที่ตกลงมาท่ามกลางสมรภูมิรบ
เหล่าทหารของอาณาจักรคัลลามอร์พยายามที่จะบุกเข้าไปยึดพื้นที่ภายในป้อมซิสเทน ด้วยการใช้บันไดนับร้อยนับพันอันพาดไปที่กำแพงของป้อม พร้อมกับโยนเชือกนับร้อยนับพันเส้นจากข้างล่างของกำแพงขึ้นไปสู่ข้างบนกำแพง
เครื่องยิงป้อมและเครื่องพังประตูต่างถูกเคลื่อนย้ายไปเพื่อทำลายประตูทางเข้าของป้อมปราการซิสเทน; และจากทางด้านข้าง, การโจมตีจำนวนมากจากกองกำลังนักธนูและนักเวทย์ถาโถมเข้าใส่ป้อมปราการ
คนในป้อมปราการซิสเทนดูตื่นตกใจมากเนื่องจากพวกเขาอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบที่ถาโถมเข้าใส่พวกเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
การโจมตีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่เปิดโอกาสให้มีช่องว่างในการพักหรือหยุดทำอย่างอื่นได้เลย
“จงสู้ด้วยความกล้าหาญ!”
“จงตายที่นี่เพื่ออนาคตของอาณาจักรซะ!”
ถึงแม้ว่าทหารของอาณาจักรฮาเว่นจะสู้อย่างเต็มที่แล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่มีทางที่จะชนะการศึกในครั้งนี้ได้เลย
กองกำลังที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีของอาณาจักรคัลลามอร์ค่อยๆเพิ่มจำนวนอย่างช้าๆ มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ, และตอนนี้มีจำนวนผู้ที่เข้าร่วมศึกสงครามในครั้งนี้ถึง 150,000 คน พร้อมกับการใช้พวกทาสหรือเชลยศึกสงครามที่เป็นประชาชนและทหารที่ยอมแพ้ในการต่อสู้ของอาณาจักรฮาเว่น ถูกจัดให้ไปอยู่ข้างหน้าของกองทัพ, นั่นทำให้จำนวนของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น
บทลงโทษของพวกทาสและการปล้นสะดม
พวกอัศวินที่เข้าร่วมในการต่อสู้อยู่ข้างหลังแนวข้าศึก, พวกเขาบุกเข้าไปท่ามกลางสภาวะความสับสน, กลยุทธ์การรบแบบกองโจร(Guerrilla warfare), การต่อสู้ระยะประชิด, และการตีโอบ วงล้อมของศัตรู
พวกเขาเป็นพวกที่ป่าเถื่อน โหดร้าย ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียวเมื่อการต่อสู้นั้นเริ่มขึ้น
อัศวินแห่งการทำลายล้าง
สิ่งมีชีวิตที่เกิดมาเพื่อสงคราม
นี่คือการประเมินผลของผู้บัญชาการสูงสูงของกองทัพอาณาจักรคัลลามอร์ โคลเดอร์ริม ที่เป็นผู้กำชัยชนะเหนือการศึกครั้งนี้
“อ้า! มันช่างสุดยอดอะไรขนาดนี้”
ชอย ซัง จุน พูดด้วยความปราบปลื้มใจเมื่อได้ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้
ป้อมปราการซิสเทนนั้นอยู่ในสภาพที่ดีก่อนที่มันจะถูกเข้ายึดโดยกองทัพของอาณาจักรคัลลามอร์
“มันต้องมีค่าความเป็นผู้นำถึงเท่าไหร่กันแน่นะ เพื่อที่จะได้ควบคุมกองทัพที่มีทหารมากมายขนาดนี้?”
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าพวกทหารแต่ละคนของอาณาจักรคัลลามอร์นั้นมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหนกันแน่, เขาประเมินว่าความสามารถในการออกคำสั่งและควบคุมกองทัพของโคลเดอร์ริมนั้นยอดเยี่ยมมาก
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างใจเย็น
โคลเดอร์ริมทำการปิดล้อมป้อมปราการก่อนเป็นอันดันแรกเพื่อป้องกันการช่วยเหลือของกำลังเสริมหรือกองหนุน
พละกำลังของป้อมซิสเทนนั้นมีอยู่ราวๆ 20,000, ปราศจากซึ่งความช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น, มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะสามารถต้านทานการรุกรานของกองทัพฝ่ายศัตรูที่มีขนาดของกองทัพใหญ่กว่า 3-4 เท่าของกองทัพที่พวกเขามี
อย่างมากพวกเขาทำได้แค่ถ่วงเวลาจนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง
ดังนั้น, โคลเดอร์ริมจึงทำการโจมตีรอบๆป้อมก่อนเป็นอันดับแรก, ปล่อยทิ้งให้เส้นทางที่ไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรฮาเว่นเปิดกว้างออก เพราะนั่นพวกเขาจึงสามารถขัดขวางกองทัพของอาณาจักรฮาเว่นเอาไว้ได้ กองทัพที่ส่งมาเพื่อช่วยเหลือป้อมปราการของพวกเขาถูกขัดขวางโดยกองทัพของอาณาจักรคัลลามอร์
ถึงแม้ว่ากองทัพของอาณาจักรฮาเว่นไม่ได้เป็นฝ่ายที่ดูเหมือนขาดแคลนอะไร, แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะป้องกันไม่ให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้
ในการศึกสงคราม, ฝ่ายที่เปิดศึกโจมตีก่อนส่วนใหญ่มักจะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ; แต่ฝ่ายที่ถูกขังอยู่ข้างใน, พวกเขาไม่สามารถที่จะรอดพ้นเงื้อมมือของศัตรูไปได้
***
เมื่ออาณาจักรคัลลามอร์เป็นฝ่ายแรกที่ทำการประกาศสงครามในครั้งนี้, เหล่าผู้เล่นของอาณาจักรฮาเว่นต่างยินดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
‘ประกาศสงครามงั้นเหรอ? มันเป็นโอกาสที่ดีเลยที่จะได้เพิ่มค่าการอุทิศ’
‘สงครามระหว่างประเทศ มันต้องสุดยอดแน่เลย ฉันจะเข้าร่วมในสงครามครั้งนี้’
ผู้เล่นที่เข้าร่วมไม่ได้สงสัยเลยว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายชนะหรือไม่ จึงได้เข้าร่วมเป็นแนวป้องกันกับอาณาจักรฮาเว่น
อย่างไรก็ตาม อัศวินของอาณาจักรคัลลามอร์
ก่อนที่จะเกิดการสังหารหมู่ของกองทัพอัศวิน, เหล่าผู้เล่นของอาณาจักรฮาเว่นต่างก็ขนลุก
อัศวินขี่ม้าจำนวน 9,000 คนและกองทหารม้าบุกโจมตีพร้อมกับหอกของที่พวกเขาถืออยู่ ด้วยพลังที่พวกเขาพุ่งเข้าใส่กองทัพศัตรู ได้ทำให้เกิดฝุ่นตลบไปทั่วสนามรบ
แม้กระทั่งเท้าที่ยืนอยู่บนพื้นยังสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่มาจากผืนดิน, แผ่นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น, และเสียงโห่ร้องที่ดังกึกก้องไปทั่ว จนสามารถทำให้แก้วหูฉีกขาดได้!
“อะ,อะไรวะ”
“รีบหนีไปจากที่นี่กันเถอะ ขืนฉันอยู่ต่อ มีหวังฉันได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ๆเลย”
“แต่, พวกทหาร…”
“ไอ้โง่! ถ้าแกตาย, แล้วหลังจากนั้นจะเกิดขึ้นอะไรขึ้นกับทหารพวกนั้นกันล่ะ?”
กองทัพที่อยู่ข้างหน้าประกอบไปด้วยเหล่าผู้เล่นที่ตื่นตระหนกตกใจและวิ่งหนีออกจากสนามรบอย่างลำบากใจ, ทำให้ความเชื่อมั่นของกองทัพอาณาจักรฮาเว่นนั้นดิ่งลงเหวในทันที
หัวหน้ากองร้อย, หัวหน้ากองพัน, และกระทั่งอัศวินของอาณาจักรฮาเว่นหาข้ออ้างเพื่อที่จะไปหลบอยู่ในแนวหลังทันทีที่เห็นทัพหน้าของอาณาจักรคัลลามอร์บุกเข้ามาโจมตี
พวกเขาไม่เห็นใครที่จะสามารถออกคำสั่งในยามคับขันเช่นนี้ได้, อันดับของพวกเขาค่อยๆลดลง ลดลง ลดลงไปเรื่อยๆ
เพื่อจะที่ต่อต้านผู้เล่นของอาณาจักรฮาเว่น, พวกที่ปะปนอยู่ท่ามกลางเหล่าอัศวินของอาณาจักรคัลลามอร์ ยิ่งได้ใจมากขึ้นเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า พวกเขาเตรียมตัวพุ่งเข้าโจมตี เพื่อที่จะกวาดล้างกองทัพที่กำลังเสียขวัญและกำลังใจอยู่ ณ ตอนนี้
จนมาถึงจุดนี้, พวกเขาสังหารศัตรูมาแล้วมากมายอย่างโหดเหี้ยม อำมหิต ไร้ซึ่งความปราณี
ท่ามกลางการบุกเข้าโจมตีของกองทัพหลัก, โคลเดอร์ริมสั่งกองกำลังนักธนูยิงลูกธนูไปยังสนามรบจากระยะที่ค่อนข้างไกล
กองทัพขนาดใหญ่ของอาณาจักรฮาเว่นมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง พวกเขาถูกโจมตีจากพายุลูกธนูนับพัน แต่นั่นก็ยังคงไม่มีคำสั่งออกมาเลยสักประโยคเดียว
ความเชื่อที่ว่าพวกเขาจะสามารถต้านทานการบุกโจมตีของพวกอาณาจักรคัลลามอร์กลายเป็นว่าพวกเขาคิดผิดเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
กองทัพของอาณาจักรคัลลามอร์ชนะแน่นอนในขณะที่อาณาจักรฮาเว่นต้องพบกับความสูญเสียอันมหาศาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มันไม่ง่ายเลยสำหรับพวกเขาในการหลบหรือหนีจากการโจมตีของเหล่าอัศวินอาณาจักรคัลลามอร์, และพวกเขาก็โดยโจมตีจนถึงแก่ความตาย
สุดท้าย, พวกนักเวทย์ของอาณาจักรฮาเว่นก็ได้ใช้มานาของพวกเขาจนหมดในขณะที่พวกเขาต้านทานเอาไว้ จนถึงจุดจบของพวกเขา, แต่ผลกระทบของพวกเขาก็ไม่ได้ช่วยให้สงครามในครั้งนี้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
โคลเดอร์ริมยังคงสั่งการกองทัพของเขาให้เล็งไปที่การฝ่า ทำลาย บุกเข้าไปยังฐานที่มั่นของศัตรู
ภายใต้การบุกโจมตีอันป่าเถื่อนของโคลเดอร์ริม, จิตวิญญาณของผู้เล่นอาณาจักรฮาเว่นถึงกับสลายหายไปในทันที
หลังจากนั้นเป็นต้นมา, อาณาจักรฮาเว่นไม่สามารถโจมตีกลับไปได้เลย อีกทั้งยังถูกบีบบังคับให้กลายเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่เพียงฝ่ายเดียว
อาณาจักรคัลลามอร์ยังคงใช้เวลาอยู่กับการปล้นสะดมมาเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เพื่อที่จะจัดเก็บ กักตุนวัตถุดิบต่างๆ; สำหรับโคลเดอร์ริมแล้ว , เขาถูกขนานนามว่า ‘ผู้เก็บกวาดสนามรบ’
และตอนนี้, ในช่วงการต่อสู้ที่ซิสเทน, ไม่มีแม้กระทั่งร่องรอยของหินหลงเหลือไว้เลยตั้งแต่ครั้งแรกที่มันมีการก่อสร้างเกิดขึ้น
ชอย ซัง จุน พูดโดยที่ไม่ละสายตาไปจากหน้าจอเลย
“อัศวินของอาณาจักรคัลลามอร์แข็งแกร่งจริงๆ…ฉันคิดว่ามันไม่ควรถูกเรียกว่าอาณาจักรของเหล่าอัศวินโดยไม่มีเหตุผล และมันเหมือนว่าพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากพวกผู้เล่นด้วย…”
เช่นเดียวกันกับ ลี ยู จอง และ มิน ซูรา ต่างพยักหน้าเห็นด้วยโดยที่ไม่ละสายตาของพวกเขาไปจากจอเลย
ยู ดัมบิ ตาของเธอเปิดกว้างมาก
วีดมีความมั่นใจมากแค่ไหนกันแน่นะ ถึงได้ต่อสู้โดยใช้เพียงแค่ดาบเท่านั้น ไม่สนใจที่จะใช้เวทย์มนต์เลย
ดัมบิ ไม่สามารถรู้ถึงเหตุผลที่ว่าทำไม ลี ฮุน ถึงไม่ใช้เวทย์มนต์ของเนโครแมนเซอร์
ชอย แตจิน, เกิดวอกแวกขึ้นมาเมื่อเขามองไปที่ ยู ดัมบิ ที่ดูงดงาม, เลยรีบพูดขึ้นมา
“แฮะ อ่ะแฮ่ม มันก็อาจะเป็นไปได้ที่พวกเราไม่สามารถจัดการอะไรได้ แต่ตอนนี้พวกเรากำลังพูดถึงการต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่านนี้…”
“แต่ถ้าเกิดเป็นเทพสงครามวีด มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ว่าเขาไม่ได้เจตนาจงใจไม่ใช้เวทย์มนต์เลย?”
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือะไรที่หลีกเลี่ยงได้ เนื่องจาก ยู ดัมบิ ก็เป็นแฟนคลับยัวยงของวีดเช่นกัน
ในขณะที่พูดถึงรอยัล โร้ด, มีคนไม่มากนักที่สามารถทำให้เธอตื่นเต้นได้ขนาดนี้ อีกทั้งยังทำให้หัวใจของเธอนั้นรุ่มร้อนไปด้วย
ไม่ใช่หัวหน้ากิลด์หรือผู้เล่นที่ติดอันดับ ถ้าพวกเขาได้ออกอากาศ, พวกเขาจะยุ่งเป็นพิเศษเมื่อต้องอวดความสามารถของตัวเอง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเจ้าของปราสาทหรือเจ้าเมือง
พวกเขาใช้ทหาร NPC ที่มีพลังมากกว่าผู้เล่นทั่วไปแทนที่จะใช้พวกสมาชิกในกิลด์ จัดการดูแลเรื่องของพวกเขาเอง
มันเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขาในหลายๆกรณีไม่ว่าจะเป็น การหลอกลวง, การซื้อ, การแบล็คเมล์, การหักหลัง; และพวกผู้เล่นใหม่ ผู้เล่นที่อ่อนแอต่างก็ถูกปฏิบัติเหมือนกับไม่ใช่มนุษย์
มันก็มีเจ้าเมืองที่ดีอยู่เหมือนกัน, แต่บนทวีปเวอร์แซลล์, ก็มีพวกเจ้าเมืองแบบนั้นอยู่มากมาย พวกที่เอาแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้งโดยไม่นึกถึงประชาชนหรือผู้เล่นคนอื่นๆเลยแม้แต่น้อย
เพราะเหตุผลนี้เอง, เธอจึงพบปะติดต่อกับพวกนักผจญภัยที่เธอเคารพและชื่นชอบ
พวกคนที่ออกเดินทางค้นหาความท้าทายใหม่ๆอยู่เสมอ เช่น ออกล่าหาสมบัติ หรือพวกที่ยึดมั่นทำตามคำสัญญา!
เธอรู้จักเทพสงครามวีดมาตั้งแต่คอนติเน้นท์อ้อฟเมจิคแล้ว, แต่เขาก็ยังสามารถจัดการเควสที่เป็นไปไม่ได้ในรอยัล โร้ดด้วย
เขาเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของเหล่านักผจญภัยในการทำภารกิจต่างๆที่คนอื่นไม่สามารถทำได้, และสัญลักษณ์ของนักล่าตัวยง
“ผมเดาได้อย่างเดียวแล้วล่ะในเวลาแบบนี้ ความสามารถทางกายภาพของเขาที่ใช้ในการต่อสู้ครั้งนี้นั้น สุดยอดและแตกต่างจากคราวก่อนมาก ผมไม่สามารถต้านทานความประหลาดใจที่เกิดขึ้นเมื่อได้ดูสิ่งเหล่านี้ เช่น ปฏิกิริยาการตอบสนองของเขา, การตัดสินใจที่รวดเร็ว, การแก้ปัญหา, และความแม่นยำในการต่อสู้ ฉากการต่อสู้ที่เห็นความสามารถในการควบคุมสมดุลของร่างกายและทักษะการต่อสู้ มันมีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะปรมาจารย์ศิลปะด้านการต่อสู้ในชีวิตจริง อย่างไรก็ตาม, ผู้เล่นบางคนได้แสดงความคิดเห็นอย่างยุติธรรมและให้เครดิตกับเรื่องนี้ไว้สูงมาก”
“มันคืออะไรเหรอคะ?”
“เมื่อเขาอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม, เทพสงครามวีด, ตามความหมายของผม อันเดดจะปรากฏขึ้นในเวลานั้น เพราะว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเขาที่ปรากฏขึ้นในตอนที่เจอกับมังกรกระดูกและตอนนี้ในเหตุการณ์ความขัดแย้งของปาลรังคา มีความแตกต่างอยู่เล็กน้อย; และทฤษฎีความคิดนี้ก็เป็นที่แพร่หลายและยังได้รับความเชื่อมั่นอีกด้วยครับ”
“ฉันก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ มันคงไม่มีผู้เล่นมากมายนักหรอกค่ะที่จะเดินไปรอบในสภาพที่เป็นโครงกระดูกอยู่”
“สามัญสำนึกนั้นอาจจะไม่เหมาะกับเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าเกิดบางคนเข้ามาในเมืองในสภาพของโครงกระดูกล่ะก็ ข่าวลือเกี่ยวกับเขาก็จะกระจายไปทั่ว”
พลังแห่งการปฏิเสธความตายเป็นทักษะระดับสูงของบลัดเนโครแมนเซอร์
มีคนไม่มากนักที่ต้องการเป็นเนโครแมนเซอร์; อาชีพขั้นที่สองของนักเวทย์ ในอีกแง่มุมหนึ่ง, อาชีพขั้นที่สามที่ควรจะเป็นคือบลัดเนโครแมนเซอร์ก็เป็นพียงแค่การคาดเดา
ณ ตอนนี้, ลี ฮุน พยายามที่จะยืนขึ้นอย่างสบายใจจากตรงที่ของเขา น่าเสียดายที่การถ่ายทอดสดในช่วงที่เหลือนั้น เกี่ยวข้องกับเขาด้วย
***
“เวลานี้, ข่าวต่อไปจะเป็นสงครามระหว่างอาณาจักรคัลลามอร์และอาณาจักรฮาเว่นบนทวีปเวอร์แซลล์ อัศวินแห่งการทำลายล้างโคลเดอร์ริม แล้วเขาได้จัดการอะไรมั้ยในขณะที่เขาเป็นคนนำทัพที่โหดเหี้ยมเช่นนี้?”
“ใช่แล้วล่ะครับ เวลานี้, การตื่นขึ้นของกองทัพอาณาจักรคัลลามอร์ พวกคนที่น่าสงสารจากอาณาจักรฮาเว่นถูกฆ่าอย่างป่าเถื่อน ทารุณและโหดร้าย อีกทั้ง พวกเขายังต้องสูญเสียป้อมปราการซิสเทนให้กับอาณาจักรคัลลามอร์อีกด้วย”
“ป้อมปราการซิสเทน ฉันอยากจะดูมันจังเลย พวกเรามีฉากของมันมั้ยคะ?”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ พวกเราเพิ่งได้วิดีโอมาสดๆร้อนๆเลย และตอนนี้พวกเราจะแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพของโคลเดอร์ริมที่เป็นคนนำกองทัพของอาณาจักรคัลลามอร์และพลังของเหล่าอัศวิน พวกเรามาดูมันไปพร้อมกับผู้ชมของพวกเรากันเถอะครับ”
หน้าจอรายการถ่ายทอดสดเปลี่ยนไปที่ป้อมปราการซิสเทน
ปุ ฮี ฮิ ฮี่!
เสียงม้าหายใจเข้าออกทันทีที่พวกมันพุ่งเข้าไป
“บุก! ทำลายให้หมด! อย่าให้มันหนีรอดไปได้สักคน ฆ่าพวกมันให้หมด วันนี้เราจะถอนรากถอนโคนพวกอาณาจักรฮาเว่น!”
“เพื่อความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรคัลลามอร์!”
“ชักดาบของเจ้าออกมา เพื่อเกียรติและชัยชนะและ เพื่อกษัตริย์ของพวกเรา!”
ทันใดนั้น ท้องฟ้ากลายเป็นสีเทาทะมึนพร้อมกับห่าฝนที่ตกลงมาท่ามกลางสมรภูมิรบ
เหล่าทหารของอาณาจักรคัลลามอร์พยายามที่จะบุกเข้าไปยึดพื้นที่ภายในป้อมซิสเทน ด้วยการใช้บันไดนับร้อยนับพันอันพาดไปที่กำแพงของป้อม พร้อมกับโยนเชือกนับร้อยนับพันเส้นจากข้างล่างของกำแพงขึ้นไปสู่ข้างบนกำแพง
เครื่องยิงป้อมและเครื่องพังประตูต่างถูกเคลื่อนย้ายไปเพื่อทำลายประตูทางเข้าของป้อมปราการซิสเทน; และจากทางด้านข้าง, การโจมตีจำนวนมากจากกองกำลังนักธนูและนักเวทย์ถาโถมเข้าใส่ป้อมปราการ
คนในป้อมปราการซิสเทนดูตื่นตกใจมากเนื่องจากพวกเขาอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบที่ถาโถมเข้าใส่พวกเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
การโจมตีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่เปิดโอกาสให้มีช่องว่างในการพักหรือหยุดทำอย่างอื่นได้เลย
“จงสู้ด้วยความกล้าหาญ!”
“จงตายที่นี่เพื่ออนาคตของอาณาจักรซะ!”
ถึงแม้ว่าทหารของอาณาจักรฮาเว่นจะสู้อย่างเต็มที่แล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่มีทางที่จะชนะการศึกในครั้งนี้ได้เลย
กองกำลังที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีของอาณาจักรคัลลามอร์ค่อยๆเพิ่มจำนวนอย่างช้าๆ มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ, และตอนนี้มีจำนวนผู้ที่เข้าร่วมศึกสงครามในครั้งนี้ถึง 150,000 คน พร้อมกับการใช้พวกทาสหรือเชลยศึกสงครามที่เป็นประชาชนและทหารที่ยอมแพ้ในการต่อสู้ของอาณาจักรฮาเว่น ถูกจัดให้ไปอยู่ข้างหน้าของกองทัพ, นั่นทำให้จำนวนของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น
บทลงโทษของพวกทาสและการปล้นสะดม
พวกอัศวินที่เข้าร่วมในการต่อสู้อยู่ข้างหลังแนวข้าศึก, พวกเขาบุกเข้าไปท่ามกลางสภาวะความสับสน, กลยุทธ์การรบแบบกองโจร(Guerrilla warfare), การต่อสู้ระยะประชิด, และการตีโอบ วงล้อมของศัตรู
พวกเขาเป็นพวกที่ป่าเถื่อน โหดร้าย ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียวเมื่อการต่อสู้นั้นเริ่มขึ้น
อัศวินแห่งการทำลายล้าง
สิ่งมีชีวิตที่เกิดมาเพื่อสงคราม
นี่คือการประเมินผลของผู้บัญชาการสูงสูงของกองทัพอาณาจักรคัลลามอร์ โคลเดอร์ริม ที่เป็นผู้กำชัยชนะเหนือการศึกครั้งนี้
“อ้า! มันช่างสุดยอดอะไรขนาดนี้”
ชอย ซัง จุน พูดด้วยความปราบปลื้มใจเมื่อได้ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้
ป้อมปราการซิสเทนนั้นอยู่ในสภาพที่ดีก่อนที่มันจะถูกเข้ายึดโดยกองทัพของอาณาจักรคัลลามอร์
“มันต้องมีค่าความเป็นผู้นำถึงเท่าไหร่กันแน่นะ เพื่อที่จะได้ควบคุมกองทัพที่มีทหารมากมายขนาดนี้?”
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าพวกทหารแต่ละคนของอาณาจักรคัลลามอร์นั้นมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหนกันแน่, เขาประเมินว่าความสามารถในการออกคำสั่งและควบคุมกองทัพของโคลเดอร์ริมนั้นยอดเยี่ยมมาก
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างใจเย็น
โคลเดอร์ริมทำการปิดล้อมป้อมปราการก่อนเป็นอันดันแรกเพื่อป้องกันการช่วยเหลือของกำลังเสริมหรือกองหนุน
พละกำลังของป้อมซิสเทนนั้นมีอยู่ราวๆ 20,000, ปราศจากซึ่งความช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น, มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะสามารถต้านทานการรุกรานของกองทัพฝ่ายศัตรูที่มีขนาดของกองทัพใหญ่กว่า 3-4 เท่าของกองทัพที่พวกเขามี
อย่างมากพวกเขาทำได้แค่ถ่วงเวลาจนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง
ดังนั้น, โคลเดอร์ริมจึงทำการโจมตีรอบๆป้อมก่อนเป็นอันดับแรก, ปล่อยทิ้งให้เส้นทางที่ไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรฮาเว่นเปิดกว้างออก เพราะนั่นพวกเขาจึงสามารถขัดขวางกองทัพของอาณาจักรฮาเว่นเอาไว้ได้ กองทัพที่ส่งมาเพื่อช่วยเหลือป้อมปราการของพวกเขาถูกขัดขวางโดยกองทัพของอาณาจักรคัลลามอร์
ถึงแม้ว่ากองทัพของอาณาจักรฮาเว่นไม่ได้เป็นฝ่ายที่ดูเหมือนขาดแคลนอะไร, แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะป้องกันไม่ให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้
ในการศึกสงคราม, ฝ่ายที่เปิดศึกโจมตีก่อนส่วนใหญ่มักจะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ; แต่ฝ่ายที่ถูกขังอยู่ข้างใน, พวกเขาไม่สามารถที่จะรอดพ้นเงื้อมมือของศัตรูไปได้
***
เมื่ออาณาจักรคัลลามอร์เป็นฝ่ายแรกที่ทำการประกาศสงครามในครั้งนี้, เหล่าผู้เล่นของอาณาจักรฮาเว่นต่างยินดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
‘ประกาศสงครามงั้นเหรอ? มันเป็นโอกาสที่ดีเลยที่จะได้เพิ่มค่าการอุทิศ’
‘สงครามระหว่างประเทศ มันต้องสุดยอดแน่เลย ฉันจะเข้าร่วมในสงครามครั้งนี้’
ผู้เล่นที่เข้าร่วมไม่ได้สงสัยเลยว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายชนะหรือไม่ จึงได้เข้าร่วมเป็นแนวป้องกันกับอาณาจักรฮาเว่น
อย่างไรก็ตาม อัศวินของอาณาจักรคัลลามอร์
ก่อนที่จะเกิดการสังหารหมู่ของกองทัพอัศวิน, เหล่าผู้เล่นของอาณาจักรฮาเว่นต่างก็ขนลุก
อัศวินขี่ม้าจำนวน 9,000 คนและกองทหารม้าบุกโจมตีพร้อมกับหอกของที่พวกเขาถืออยู่ ด้วยพลังที่พวกเขาพุ่งเข้าใส่กองทัพศัตรู ได้ทำให้เกิดฝุ่นตลบไปทั่วสนามรบ
แม้กระทั่งเท้าที่ยืนอยู่บนพื้นยังสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่มาจากผืนดิน, แผ่นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น, และเสียงโห่ร้องที่ดังกึกก้องไปทั่ว จนสามารถทำให้แก้วหูฉีกขาดได้!
“อะ,อะไรวะ”
“รีบหนีไปจากที่นี่กันเถอะ ขืนฉันอยู่ต่อ มีหวังฉันได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ๆเลย”
“แต่, พวกทหาร…”
“ไอ้โง่! ถ้าแกตาย, แล้วหลังจากนั้นจะเกิดขึ้นอะไรขึ้นกับทหารพวกนั้นกันล่ะ?”
กองทัพที่อยู่ข้างหน้าประกอบไปด้วยเหล่าผู้เล่นที่ตื่นตระหนกตกใจและวิ่งหนีออกจากสนามรบอย่างลำบากใจ, ทำให้ความเชื่อมั่นของกองทัพอาณาจักรฮาเว่นนั้นดิ่งลงเหวในทันที
หัวหน้ากองร้อย, หัวหน้ากองพัน, และกระทั่งอัศวินของอาณาจักรฮาเว่นหาข้ออ้างเพื่อที่จะไปหลบอยู่ในแนวหลังทันทีที่เห็นทัพหน้าของอาณาจักรคัลลามอร์บุกเข้ามาโจมตี
พวกเขาไม่เห็นใครที่จะสามารถออกคำสั่งในยามคับขันเช่นนี้ได้, อันดับของพวกเขาค่อยๆลดลง ลดลง ลดลงไปเรื่อยๆ
เพื่อจะที่ต่อต้านผู้เล่นของอาณาจักรฮาเว่น, พวกที่ปะปนอยู่ท่ามกลางเหล่าอัศวินของอาณาจักรคัลลามอร์ ยิ่งได้ใจมากขึ้นเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า พวกเขาเตรียมตัวพุ่งเข้าโจมตี เพื่อที่จะกวาดล้างกองทัพที่กำลังเสียขวัญและกำลังใจอยู่ ณ ตอนนี้
จนมาถึงจุดนี้, พวกเขาสังหารศัตรูมาแล้วมากมายอย่างโหดเหี้ยม อำมหิต ไร้ซึ่งความปราณี
ท่ามกลางการบุกเข้าโจมตีของกองทัพหลัก, โคลเดอร์ริมสั่งกองกำลังนักธนูยิงลูกธนูไปยังสนามรบจากระยะที่ค่อนข้างไกล
กองทัพขนาดใหญ่ของอาณาจักรฮาเว่นมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง พวกเขาถูกโจมตีจากพายุลูกธนูนับพัน แต่นั่นก็ยังคงไม่มีคำสั่งออกมาเลยสักประโยคเดียว
ความเชื่อที่ว่าพวกเขาจะสามารถต้านทานการบุกโจมตีของพวกอาณาจักรคัลลามอร์กลายเป็นว่าพวกเขาคิดผิดเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
กองทัพของอาณาจักรคัลลามอร์ชนะแน่นอนในขณะที่อาณาจักรฮาเว่นต้องพบกับความสูญเสียอันมหาศาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มันไม่ง่ายเลยสำหรับพวกเขาในการหลบหรือหนีจากการโจมตีของเหล่าอัศวินอาณาจักรคัลลามอร์, และพวกเขาก็โดยโจมตีจนถึงแก่ความตาย
สุดท้าย, พวกนักเวทย์ของอาณาจักรฮาเว่นก็ได้ใช้มานาของพวกเขาจนหมดในขณะที่พวกเขาต้านทานเอาไว้ จนถึงจุดจบของพวกเขา, แต่ผลกระทบของพวกเขาก็ไม่ได้ช่วยให้สงครามในครั้งนี้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
โคลเดอร์ริมยังคงสั่งการกองทัพของเขาให้เล็งไปที่การฝ่า ทำลาย บุกเข้าไปยังฐานที่มั่นของศัตรู
ภายใต้การบุกโจมตีอันป่าเถื่อนของโคลเดอร์ริม, จิตวิญญาณของผู้เล่นอาณาจักรฮาเว่นถึงกับสลายหายไปในทันที
หลังจากนั้นเป็นต้นมา, อาณาจักรฮาเว่นไม่สามารถโจมตีกลับไปได้เลย อีกทั้งยังถูกบีบบังคับให้กลายเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่เพียงฝ่ายเดียว
อาณาจักรคัลลามอร์ยังคงใช้เวลาอยู่กับการปล้นสะดมมาเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เพื่อที่จะจัดเก็บ กักตุนวัตถุดิบต่างๆ; สำหรับโคลเดอร์ริมแล้ว , เขาถูกขนานนามว่า ‘ผู้เก็บกวาดสนามรบ’
และตอนนี้, ในช่วงการต่อสู้ที่ซิสเทน, ไม่มีแม้กระทั่งร่องรอยของหินหลงเหลือไว้เลยตั้งแต่ครั้งแรกที่มันมีการก่อสร้างเกิดขึ้น
ชอย ซัง จุน พูดโดยที่ไม่ละสายตาไปจากหน้าจอเลย
“อัศวินของอาณาจักรคัลลามอร์แข็งแกร่งจริงๆ…ฉันคิดว่ามันไม่ควรถูกเรียกว่าอาณาจักรของเหล่าอัศวินโดยไม่มีเหตุผล และมันเหมือนว่าพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากพวกผู้เล่นด้วย…”
เช่นเดียวกันกับ ลี ยู จอง และ มิน ซูรา ต่างพยักหน้าเห็นด้วยโดยที่ไม่ละสายตาของพวกเขาไปจากจอเลย
ราวกับว่าในใจของพวกเธอนั้นกำลังเชียร์อาณาจักรคัลลามอร์อยู่
อาณาจักรฮาเว่นมีกิลด์ระดับสูงอยู่เป็นจำนวนมาก จากการที่พวกเขาประกาศอ้างยึดสิทธิ์ครอบครองพื้นที่ล่าต่างๆเป็นของพวกเขาเอง พร้อมกับการขึ้นภาษีอย่างมหาศาล, พวกคนที่ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมนั้นหาได้ยากยิ่ง
ดังนั้นแล้วสำหรับคนพวกนี้, พวกเขาเชียร์โคลเดอร์ริมที่เปรียบเสมือนตัวแทนของพวกเขาอย่างสุดหัวใจกับการที่เห็นโคลเดอร์ทำการโจมตีกองทัพของอาณาจักรฮาเว่น
สำหรับผู้เล่นทั่วไปที่มีได้เลือกที่จะเข้าร่วมในสงคราม, พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะต้องเสียถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นผู้เล่นของอาณาจักรฮาเว่น
ความจริงแล้ว, พวกที่ให้การสนับสนุนกองทัพของอาณาจักรฮาเว่นนั้นจะได้รับค่าการอุทิศนิดหน่อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์
มันเป็นเรื่องยากที่จะกู้สถานการณ์ในตอนนี้ให้กลับมาได้ถึงแม้พวกเขาจะพยายามแล้วก็ตามแต่พวกวิดีโอของอาณาจักรคัลลามอร์กำลังบดขยี้อาณาจักรฮาเว่นอยู่นั้นได้ถูกกระจายไปทุกที่เรียบร้อยแล้ว
เช่นเดียวกันกับผลกระทบของถ่ายทอดสดในครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเมินหรือเพิกเฉยไปได้เลย
ความจริงแล้วกระแสของสงครามในครั้งนี้นั้นเอนเอียงไปทางฝั่งของอาณาจักรคัลลามอร์
ลี ฮุน รู้สึกพึงพอใจ
‘มันเป็นเรื่องที่ดีจริงๆที่ได้ปลดปล่อยเขาออกมาก…’
คนๆนี้ คือ คนเดียวกันกับ ‘อัศวินแห่งการทำลายล้าง’ ที่ถูกกักขังไว้โดยเหล่าแวมไพร์
ลี ฮุน ภูมิใจเรื่องที่เค้าได้รับค่าอุทิศมากมายมหาศาลจากอาณาจักรคัลลามอร์ในการปลดปล่อยเขา อีกทั้งยังได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับโคลเดอร์ริมอีกด้วย
ป้อมปราการซิสเทนไม่สามารถต้านทานการบุกของกองทัพจากอาณาจักรคัลลามอร์เอาไว้ได้และถูกจัดการในที่สุด
ช่างว่างที่คับแคบนั้นทำให้พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนย้ายเครื่องยิงป้อมเข้าไปต่อได้, ขณะที่พวกนักเวทย์ก็กำลังนั่งเพื่อรอทักษะที่ใช้ไปกลับมาให้ใช้ได้อีกครั้ง
“พวกเรา,เคลื่อนพลบุกเข้าไป!”
โคลเดอร์ริมเลือกวิธีที่ง่ายที่สุดด้วยการบุกฝ่าเข้าไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิด ถึงแม้จะอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายเครื่องยิงป้อมได้, เหล่าทหารของอาณาจักรคัลลามอร์รวมใจเป็นหนึ่งเดียวเดินทัพบุกเข้าโจมตี
“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ!”
“ฉันต้องเข้าไปข้างใน”
ความเชื่อมั่นของผู้คนในอาณาจักรฮาเว่นตกต่ำถึงขีดสุด เนื่องจากความสนใจของพวกเขา, พวกเขาจึงสร้างปัญหาต่างๆเพื่อที่จะให้ได้เข้าไปข้างใน
เมื่อเท้าของพวกเขาก้าวเข้าไปได้ นั่นหมายถึงชัยชนะอันใกล้ของเหล่าทหารอาณาจักรคัลลามอร์
และจากนั้น, คลื่นอันมหศาลของเหล่าอัศวินอาณาจักรคัลลามอร์ก็เข้าไป!
พวกเขาเหนื่อยจากการต่อสู้มาค่อนข้างมาก, แต่มันไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จในการต่อสู้ที่รู้ผลชนะอยู่แล้ว
เสียงเชียร์ดังสนั่นพร้อมกับการปลดธงของอาณาจักรฮาเว่นและจากนั้นเป็นการชักธงของอาณาจักรคัลลามอร์แทนที่ธงอันเก่าที่เพิ่งถูกปลดออกไป
***
“พวกเราควรตัดสินใจได้แล้วว่าเราจะสำรวจดันเจี้ยนอะไรและเราต้องการนักผจญภัยแบบไหน”
หลังจากที่ดูรายการถ่ายทอดสดจนจบ, ลี ยู จอง พูดด้วยน้ำเสียงสดใส
ในฐานะนักเรียนที่มีเป้าหมายคือทุนเล่าเรียน, เธอต้องการที่จะทำการท้าทายนี้ให้เสร็จเรียบร้อยแทนการทำข้อสอบกลางภาค
“ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มจากรายละเอียดของอาชีพแต่ละคนและเลเวลด้วย, เป็นไง? งั้นฉันก่อนนะ ฉันเป็นนักดาบและอยู่ในอาณาจักรเดล เลเวลของฉัน 237”
ตามมาด้วย มิน ซูรา เธอก็แนะนำเกี่ยวกับข้อมูลของเธอ
“ฉันอยู่ที่เดียวกันกับ ยู จอง เป็นเอนแชนท์เตอร์ เลเวลอยู่ที่ 144…มันมากกว่าครั้งที่แล้วอยู่นะ”
มิน ซูรา ผู้ที่มีเลเวลอันน้อยนิดแลบลิ้นออกมาด้วยความเขินอาย
ตอนที่พวกเขาแนะนำตัวกันครั้งแรกในงานปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ เธอมีเลเวลอยู่ที่ 140 ซึ่งนั่นค่อนข้างต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในการอัพเลเวลอยู่พอสมควร
“นักดาบ เลเวล 297 ฉันเป็นสมาชิกกิลด์ของราชสีห์ทมิฬ ตอนนี้ฉันอยู่ในอาณาเขตของกิลด์ฉันเอง, ปราสาทเนฮาลเลส”
ชอย ซัง จุน แนะนำตัวเขาเองอย่างมั่นใจ
เลเวลและอิทธิพลของกิลด์เป็นพลังแห่งความมั่นใจในตัวของเขา
ปาร์ค ซุนโจ พูดอย่างช้าๆ ดูตะกุกตะกักยังไงไม่รู้
“ฉันเป็นโจร, เลเวล 355 ตอนนี้ฉันอยู่ที่…สุสานของกษัตริย์ซูนา”
สุสานของกษัตริย์ซูนา!
เต็มไปด้วยกับดักมากมายและเสียงโหยที่คอยตามมาหลอกหลอนของพวกมัมมี่โบราณ มันไม่ใช่สถานที่ๆพวกผู้เล่นระดับสูงจะเข้าไปกันได้ง่ายๆ เนื่องจากขนาดของสุสาน, นอกจากประตูทางเข้าขนาดมหึมาแล้ว, สถานที่นี้ยังไม่มีการถูกขุด ค้นพบหรือสำรวจแต่อย่างใด ซึ่งนี่รวมถึงสถานที่หลับไหลของพระราชาและพระราชินี
“สุสานนั่น…เฮ้อ…”
“เลเวลของนายสูงกว่าครั้งที่แล้วมากเลยนะ”
“นายสำรวจคนเดียวเหรอ?”
“ตอนนี้ฉันกำลังตั้งใจพัฒนาทักษะการปลดกับดักอยู่และกำลังเพิ่มความชำนาญของทักษะลอบโจมตีด้วย ฉันเกือบจะจัดการมันไม่ได้แน่ะ”
ด้วยการที่ ปาร์ค ซุนโจ ดึงดูดความสนใจทั้งหมดไปที่เขา, จังหวะนี้เองที่ ลี ฮุน ฉวยโอกาสแนะนำตัวของเขา
“ฉันเป็นช่างแกะสลัก เลเวลของฉันก็…งั้นๆแหละ ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ระหว่างทางไปอาณาจักรธอร์”
เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะโกหก
แต่ในฐานะที่เป็นดาร์คเกมเมอร์แล้ว, เขาไม่สามารถที่จะเที่ยวเปิดเผยข้อมูลของเขาไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นเลเวล, ลักษณะ, และทักษะ
“โอ้, ฉันรู้แล้ว”
ลี ยู จอง ไม่ได้สนใจซักไซ้ถามต่อ
เพียงแค่ได้รู้ว่าเขาเป็นแค่ช่างแกะสลัก, มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปรู้ถึงข้อมูลอื่นๆอีก
แต่นี่ดันไปสะกิดต่อม มิน ซูรา เอนแชนท์เตอร์ ผู้ที่มีเลเวลน้อยนิดเข้าซะงั้น
“รุ่นพี่ ลี ฮุน คะ?”
“หืม?”
“ฉันรู้นะว่าคุณเก็บตัวเพื่อทำภารกิจ, แต่ครั้งนี้ได้โปรดทำตามสิ่งที่พวกเราต้องการด้วย แม้ว่าพวกเรายังต้องการคนอีกสักสองหรือสามคน หรือมันอาจจะมากกว่านั้นเพื่อให้ได้ครบเจ็ดคนพอดีเพื่อที่จะทำการท้าทายนี้, ถ้าคุณไม่เข้าร่วมด้วยแล้วล่ะก็มันจะเป็นการยากที่จะได้เกรดดีๆนะคะ”
“อือ”
ลี ฮุน พยักหน้า
การบ้านปกติมันไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับเขาเลยในการที่จะทำมันให้เสร็จ, เขาเพียงแค่เอาให้ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำก็พอแล้วเพื่อที่จะได้มีสิทธิ์ในการจบการศึกษา
สำหรับนักศึกษาส่วนหนึ่งแล้วนั้น ในแต่ละวันมันไม่ได้มีเวลามากนักหรอกสำหรับพวกเขาที่จะได้มีเวลาไปวิ่งเล่นหรือหาอะไรกินชิลๆนั่นก็เพราะการเรียนนี่เอง (ผู้แปล: แต่ชีวิตนักเรียน นักศึกษาสบายที่สุดแล้วนะครับ จากใจคนที่เคยผ่านมา ฮ่ะๆ)
‘แต่มันจะเป็นอีกเรื่องไปเลยสำหรับเราเมื่อมันคือรอยัล โร้ด’
รอยัล โร้ด คือ งานของเค้า
เขาต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะมีกินมีใช้ต่อไปและต้องขยันมากขึ้นเช่นกันกับการสำรวจดันเจี้ยนในเกม
การที่เค้าต้องเข้าไปมีส่วนร่วม, มันทำให้ ลี ฮุน กังวลอยู่เล็กน้อย
หน้าผากของ มิน ซูรา มีรอยย่นเลยทันที
“แต่ไอ้การสำรวจดันเจี้ยนเนี่ย…คลาสของพวกเราดูไม่ค่อยเหมาะกับมันสักเท่าไหร่เลย”
เอนแชนท์เตอร์กับช่างแกะสลัก
ในกลุ่มของพวกเขาแล้วมี นักดาบ 2 คนและ โจร 1 คน, ความแตกต่างของระดับเลเวลนั้นค่อนข้างมากเลยทีเดียว ขณะการรวมตัวของกลุ่มดูไม่ค่อยเข้ากันได้สักเท่าไหร่, พวกเขายังต้องจัดการเรื่องของค่าประสบการณ์ที่แตกต่างกันนี้อีกด้วย
“พวกเราต้องมีเคลริคสักสองคนเพื่อความปลอดภัยสำหรับที่ว่างที่เหลือด้วยนะ, หรืออย่างน้อยหาชาร์แมนมาให้ได้สักคนก็ยังดี”
“อืม ไม่อย่างงั้นแล้วมันคงจะรับมือกับอาการบาดเจ็บได้ค่อนข้างยาก”
“ทางเลือกอื่นนอกเหนือจากนี้ก็คือพวกเราต้องสำรวจดันเจี้ยนอื่นๆที่ยังไม่มีการค้นพบมาก่อน มันจะดีกว่าดันเจี้ยนที่เป็นที่รู้จักกันมากแล้ว, อีกอย่างพวกเราอาจจะไม่ได้คะแนนเพิ่มสำหรับการบ้านในครั้งนี้หากพวกเราเลือกอย่างหลังน่ะนะ”
“ระดับความยากของดันเจี้ยนต้องสูงด้วยนะ, ดังนั้นแล้ว พวกเราจึงได้ประสานงานกันด้วยการใช้ทักษะต่างๆเพื่อเพิ่มประสิทธิของพวกเราในการต่อสู้ให้มากขึ้น”
“แต่ พวกชาร์แมนและเคลริคที่ยังไม่มีกลุ่มเหลือกี่คนกันล่ะ? และหลังจากงานนี้, ยังมีงานเทศกาลอีกด้วย…”
“แล้วห้องของพวกเรามีแผนที่จะทำอะไรล่ะ”
“ฉันก็ยังไม่รู้รายละเอียดเหมือนกัน, แต่ขั้นตอนในการเตรียมการนั้นค่อนข้างมากเลยทีเดียวเพื่อที่จะให้มันลงตัวกับมหา’ลัยของเราแบบนี้”
ด้วยขนาดและขอบเขตของซุ้มกิจกรรมงานเทศกาลภายในมหาวิทยาลัยเกาหลีแห่งนี้ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
มีนักเรียน นักศึกษาจากที่อื่น และประชาชนคนทั่วไปต่างพากันมาร่วมงานเทศกาลเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีดารานักร้องและนักแสดงมากหน้าหลายตามาร่วมจัดงานอีเว้นท์เล็กๆน้อยๆด้วย
ไฮไลท์ของงานเทศกาลคือธีมอีเว้นท์จัดกิจกรรมต่างๆมากมายของเหล่านักเรียน นักศึกษา
ลี ฮุน คิด
‘ไอ้กิจกรรมยุ่งยากของพวกนักศึกษาเนี่ยไม่รู้จักจบสิ้นซะที!’
ทุกอย่างมากองรวมกันอยู่ที่เขา มีทั้งการบ้าน, ค่ายฝึก, แล้วตอนนี้ยังมีโปรเจคกลุ่มที่พวกเขาต้องช่วยกันทำงานอีก; และล่าสุดเลย งานเทศกาลของมหา’ลัย
‘มันไม่ได้ต่างจากเควสต่อเนื่องในรอยัล โร้ดเลยนะเนี่ย’
ลี ฮุน รู้สึกกดดันสุดๆ
ไม่ว่าจะเป็นสุดยอดแห่งช่วงเวลาของงานเทศกาลหรือโปรเจคของเด็กมหา’ลัย!
มหาวิทยาลัยเกาหลีต่างเป็นสถานที่ ที่น่าอิจฉาของเหล่านักเรียน นักศึกษาจากที่อื่น เพราะงานเทศกาลพวกนี้, งานปาร์ตี้เต้นรำ, และงานคอนเสิร์ต ที่พวกผู้หญิงสวยๆพากันมาที่นี่
สถานที่ที่เต็มไปด้วยการปลดปล่อยพลังความหนุ่มสาวของพวกวัยรุ่น
แต่สำหรับ ลี ฮุน แล้ว, มันเป็นอะไรที่น่ารำคาญสุดๆไปเลย
‘ฉันหวังว่ามันจะจบเร็วๆนะ’
งานเทศกาลนี้จัดขึ้นเป็นเวลามากกว่า 5 วัน, และการที่ต้องมาเตรียมการจัดงานอีเว้นท์ในช่วงเวลาแบบนี้นั้น มันจะทำให้เขายุ่งซะจนไม่มีเวลาไปสักพัก ลี ฮุนเหมือนหนูจนตรอกที่พยายามหาทางออก,แต่ยิ่งคิดหาทางหนีมากเท่าไหร่ ความหวังที่มี ยิ่งริบหรี่มากขึ้นเท่านั้น
อาณาจักรฮาเว่นมีกิลด์ระดับสูงอยู่เป็นจำนวนมาก จากการที่พวกเขาประกาศอ้างยึดสิทธิ์ครอบครองพื้นที่ล่าต่างๆเป็นของพวกเขาเอง พร้อมกับการขึ้นภาษีอย่างมหาศาล, พวกคนที่ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมนั้นหาได้ยากยิ่ง
ดังนั้นแล้วสำหรับคนพวกนี้, พวกเขาเชียร์โคลเดอร์ริมที่เปรียบเสมือนตัวแทนของพวกเขาอย่างสุดหัวใจกับการที่เห็นโคลเดอร์ทำการโจมตีกองทัพของอาณาจักรฮาเว่น
สำหรับผู้เล่นทั่วไปที่มีได้เลือกที่จะเข้าร่วมในสงคราม, พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะต้องเสียถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นผู้เล่นของอาณาจักรฮาเว่น
ความจริงแล้ว, พวกที่ให้การสนับสนุนกองทัพของอาณาจักรฮาเว่นนั้นจะได้รับค่าการอุทิศนิดหน่อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์
มันเป็นเรื่องยากที่จะกู้สถานการณ์ในตอนนี้ให้กลับมาได้ถึงแม้พวกเขาจะพยายามแล้วก็ตามแต่พวกวิดีโอของอาณาจักรคัลลามอร์กำลังบดขยี้อาณาจักรฮาเว่นอยู่นั้นได้ถูกกระจายไปทุกที่เรียบร้อยแล้ว
เช่นเดียวกันกับผลกระทบของถ่ายทอดสดในครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเมินหรือเพิกเฉยไปได้เลย
ความจริงแล้วกระแสของสงครามในครั้งนี้นั้นเอนเอียงไปทางฝั่งของอาณาจักรคัลลามอร์
ลี ฮุน รู้สึกพึงพอใจ
‘มันเป็นเรื่องที่ดีจริงๆที่ได้ปลดปล่อยเขาออกมาก…’
คนๆนี้ คือ คนเดียวกันกับ ‘อัศวินแห่งการทำลายล้าง’ ที่ถูกกักขังไว้โดยเหล่าแวมไพร์
ลี ฮุน ภูมิใจเรื่องที่เค้าได้รับค่าอุทิศมากมายมหาศาลจากอาณาจักรคัลลามอร์ในการปลดปล่อยเขา อีกทั้งยังได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับโคลเดอร์ริมอีกด้วย
ป้อมปราการซิสเทนไม่สามารถต้านทานการบุกของกองทัพจากอาณาจักรคัลลามอร์เอาไว้ได้และถูกจัดการในที่สุด
ช่างว่างที่คับแคบนั้นทำให้พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนย้ายเครื่องยิงป้อมเข้าไปต่อได้, ขณะที่พวกนักเวทย์ก็กำลังนั่งเพื่อรอทักษะที่ใช้ไปกลับมาให้ใช้ได้อีกครั้ง
“พวกเรา,เคลื่อนพลบุกเข้าไป!”
โคลเดอร์ริมเลือกวิธีที่ง่ายที่สุดด้วยการบุกฝ่าเข้าไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิด ถึงแม้จะอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายเครื่องยิงป้อมได้, เหล่าทหารของอาณาจักรคัลลามอร์รวมใจเป็นหนึ่งเดียวเดินทัพบุกเข้าโจมตี
“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ!”
“ฉันต้องเข้าไปข้างใน”
ความเชื่อมั่นของผู้คนในอาณาจักรฮาเว่นตกต่ำถึงขีดสุด เนื่องจากความสนใจของพวกเขา, พวกเขาจึงสร้างปัญหาต่างๆเพื่อที่จะให้ได้เข้าไปข้างใน
เมื่อเท้าของพวกเขาก้าวเข้าไปได้ นั่นหมายถึงชัยชนะอันใกล้ของเหล่าทหารอาณาจักรคัลลามอร์
และจากนั้น, คลื่นอันมหศาลของเหล่าอัศวินอาณาจักรคัลลามอร์ก็เข้าไป!
พวกเขาเหนื่อยจากการต่อสู้มาค่อนข้างมาก, แต่มันไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จในการต่อสู้ที่รู้ผลชนะอยู่แล้ว
เสียงเชียร์ดังสนั่นพร้อมกับการปลดธงของอาณาจักรฮาเว่นและจากนั้นเป็นการชักธงของอาณาจักรคัลลามอร์แทนที่ธงอันเก่าที่เพิ่งถูกปลดออกไป
***
“พวกเราควรตัดสินใจได้แล้วว่าเราจะสำรวจดันเจี้ยนอะไรและเราต้องการนักผจญภัยแบบไหน”
หลังจากที่ดูรายการถ่ายทอดสดจนจบ, ลี ยู จอง พูดด้วยน้ำเสียงสดใส
ในฐานะนักเรียนที่มีเป้าหมายคือทุนเล่าเรียน, เธอต้องการที่จะทำการท้าทายนี้ให้เสร็จเรียบร้อยแทนการทำข้อสอบกลางภาค
“ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มจากรายละเอียดของอาชีพแต่ละคนและเลเวลด้วย, เป็นไง? งั้นฉันก่อนนะ ฉันเป็นนักดาบและอยู่ในอาณาจักรเดล เลเวลของฉัน 237”
ตามมาด้วย มิน ซูรา เธอก็แนะนำเกี่ยวกับข้อมูลของเธอ
“ฉันอยู่ที่เดียวกันกับ ยู จอง เป็นเอนแชนท์เตอร์ เลเวลอยู่ที่ 144…มันมากกว่าครั้งที่แล้วอยู่นะ”
มิน ซูรา ผู้ที่มีเลเวลอันน้อยนิดแลบลิ้นออกมาด้วยความเขินอาย
ตอนที่พวกเขาแนะนำตัวกันครั้งแรกในงานปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ เธอมีเลเวลอยู่ที่ 140 ซึ่งนั่นค่อนข้างต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในการอัพเลเวลอยู่พอสมควร
“นักดาบ เลเวล 297 ฉันเป็นสมาชิกกิลด์ของราชสีห์ทมิฬ ตอนนี้ฉันอยู่ในอาณาเขตของกิลด์ฉันเอง, ปราสาทเนฮาลเลส”
ชอย ซัง จุน แนะนำตัวเขาเองอย่างมั่นใจ
เลเวลและอิทธิพลของกิลด์เป็นพลังแห่งความมั่นใจในตัวของเขา
ปาร์ค ซุนโจ พูดอย่างช้าๆ ดูตะกุกตะกักยังไงไม่รู้
“ฉันเป็นโจร, เลเวล 355 ตอนนี้ฉันอยู่ที่…สุสานของกษัตริย์ซูนา”
สุสานของกษัตริย์ซูนา!
เต็มไปด้วยกับดักมากมายและเสียงโหยที่คอยตามมาหลอกหลอนของพวกมัมมี่โบราณ มันไม่ใช่สถานที่ๆพวกผู้เล่นระดับสูงจะเข้าไปกันได้ง่ายๆ เนื่องจากขนาดของสุสาน, นอกจากประตูทางเข้าขนาดมหึมาแล้ว, สถานที่นี้ยังไม่มีการถูกขุด ค้นพบหรือสำรวจแต่อย่างใด ซึ่งนี่รวมถึงสถานที่หลับไหลของพระราชาและพระราชินี
“สุสานนั่น…เฮ้อ…”
“เลเวลของนายสูงกว่าครั้งที่แล้วมากเลยนะ”
“นายสำรวจคนเดียวเหรอ?”
“ตอนนี้ฉันกำลังตั้งใจพัฒนาทักษะการปลดกับดักอยู่และกำลังเพิ่มความชำนาญของทักษะลอบโจมตีด้วย ฉันเกือบจะจัดการมันไม่ได้แน่ะ”
ด้วยการที่ ปาร์ค ซุนโจ ดึงดูดความสนใจทั้งหมดไปที่เขา, จังหวะนี้เองที่ ลี ฮุน ฉวยโอกาสแนะนำตัวของเขา
“ฉันเป็นช่างแกะสลัก เลเวลของฉันก็…งั้นๆแหละ ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ระหว่างทางไปอาณาจักรธอร์”
เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะโกหก
แต่ในฐานะที่เป็นดาร์คเกมเมอร์แล้ว, เขาไม่สามารถที่จะเที่ยวเปิดเผยข้อมูลของเขาไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นเลเวล, ลักษณะ, และทักษะ
“โอ้, ฉันรู้แล้ว”
ลี ยู จอง ไม่ได้สนใจซักไซ้ถามต่อ
เพียงแค่ได้รู้ว่าเขาเป็นแค่ช่างแกะสลัก, มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปรู้ถึงข้อมูลอื่นๆอีก
แต่นี่ดันไปสะกิดต่อม มิน ซูรา เอนแชนท์เตอร์ ผู้ที่มีเลเวลน้อยนิดเข้าซะงั้น
“รุ่นพี่ ลี ฮุน คะ?”
“หืม?”
“ฉันรู้นะว่าคุณเก็บตัวเพื่อทำภารกิจ, แต่ครั้งนี้ได้โปรดทำตามสิ่งที่พวกเราต้องการด้วย แม้ว่าพวกเรายังต้องการคนอีกสักสองหรือสามคน หรือมันอาจจะมากกว่านั้นเพื่อให้ได้ครบเจ็ดคนพอดีเพื่อที่จะทำการท้าทายนี้, ถ้าคุณไม่เข้าร่วมด้วยแล้วล่ะก็มันจะเป็นการยากที่จะได้เกรดดีๆนะคะ”
“อือ”
ลี ฮุน พยักหน้า
การบ้านปกติมันไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับเขาเลยในการที่จะทำมันให้เสร็จ, เขาเพียงแค่เอาให้ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำก็พอแล้วเพื่อที่จะได้มีสิทธิ์ในการจบการศึกษา
สำหรับนักศึกษาส่วนหนึ่งแล้วนั้น ในแต่ละวันมันไม่ได้มีเวลามากนักหรอกสำหรับพวกเขาที่จะได้มีเวลาไปวิ่งเล่นหรือหาอะไรกินชิลๆนั่นก็เพราะการเรียนนี่เอง (ผู้แปล: แต่ชีวิตนักเรียน นักศึกษาสบายที่สุดแล้วนะครับ จากใจคนที่เคยผ่านมา ฮ่ะๆ)
‘แต่มันจะเป็นอีกเรื่องไปเลยสำหรับเราเมื่อมันคือรอยัล โร้ด’
รอยัล โร้ด คือ งานของเค้า
เขาต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะมีกินมีใช้ต่อไปและต้องขยันมากขึ้นเช่นกันกับการสำรวจดันเจี้ยนในเกม
การที่เค้าต้องเข้าไปมีส่วนร่วม, มันทำให้ ลี ฮุน กังวลอยู่เล็กน้อย
หน้าผากของ มิน ซูรา มีรอยย่นเลยทันที
“แต่ไอ้การสำรวจดันเจี้ยนเนี่ย…คลาสของพวกเราดูไม่ค่อยเหมาะกับมันสักเท่าไหร่เลย”
เอนแชนท์เตอร์กับช่างแกะสลัก
ในกลุ่มของพวกเขาแล้วมี นักดาบ 2 คนและ โจร 1 คน, ความแตกต่างของระดับเลเวลนั้นค่อนข้างมากเลยทีเดียว ขณะการรวมตัวของกลุ่มดูไม่ค่อยเข้ากันได้สักเท่าไหร่, พวกเขายังต้องจัดการเรื่องของค่าประสบการณ์ที่แตกต่างกันนี้อีกด้วย
“พวกเราต้องมีเคลริคสักสองคนเพื่อความปลอดภัยสำหรับที่ว่างที่เหลือด้วยนะ, หรืออย่างน้อยหาชาร์แมนมาให้ได้สักคนก็ยังดี”
“อืม ไม่อย่างงั้นแล้วมันคงจะรับมือกับอาการบาดเจ็บได้ค่อนข้างยาก”
“ทางเลือกอื่นนอกเหนือจากนี้ก็คือพวกเราต้องสำรวจดันเจี้ยนอื่นๆที่ยังไม่มีการค้นพบมาก่อน มันจะดีกว่าดันเจี้ยนที่เป็นที่รู้จักกันมากแล้ว, อีกอย่างพวกเราอาจจะไม่ได้คะแนนเพิ่มสำหรับการบ้านในครั้งนี้หากพวกเราเลือกอย่างหลังน่ะนะ”
“ระดับความยากของดันเจี้ยนต้องสูงด้วยนะ, ดังนั้นแล้ว พวกเราจึงได้ประสานงานกันด้วยการใช้ทักษะต่างๆเพื่อเพิ่มประสิทธิของพวกเราในการต่อสู้ให้มากขึ้น”
“แต่ พวกชาร์แมนและเคลริคที่ยังไม่มีกลุ่มเหลือกี่คนกันล่ะ? และหลังจากงานนี้, ยังมีงานเทศกาลอีกด้วย…”
“แล้วห้องของพวกเรามีแผนที่จะทำอะไรล่ะ”
“ฉันก็ยังไม่รู้รายละเอียดเหมือนกัน, แต่ขั้นตอนในการเตรียมการนั้นค่อนข้างมากเลยทีเดียวเพื่อที่จะให้มันลงตัวกับมหา’ลัยของเราแบบนี้”
ด้วยขนาดและขอบเขตของซุ้มกิจกรรมงานเทศกาลภายในมหาวิทยาลัยเกาหลีแห่งนี้ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
มีนักเรียน นักศึกษาจากที่อื่น และประชาชนคนทั่วไปต่างพากันมาร่วมงานเทศกาลเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีดารานักร้องและนักแสดงมากหน้าหลายตามาร่วมจัดงานอีเว้นท์เล็กๆน้อยๆด้วย
ไฮไลท์ของงานเทศกาลคือธีมอีเว้นท์จัดกิจกรรมต่างๆมากมายของเหล่านักเรียน นักศึกษา
ลี ฮุน คิด
‘ไอ้กิจกรรมยุ่งยากของพวกนักศึกษาเนี่ยไม่รู้จักจบสิ้นซะที!’
ทุกอย่างมากองรวมกันอยู่ที่เขา มีทั้งการบ้าน, ค่ายฝึก, แล้วตอนนี้ยังมีโปรเจคกลุ่มที่พวกเขาต้องช่วยกันทำงานอีก; และล่าสุดเลย งานเทศกาลของมหา’ลัย
‘มันไม่ได้ต่างจากเควสต่อเนื่องในรอยัล โร้ดเลยนะเนี่ย’
ลี ฮุน รู้สึกกดดันสุดๆ
ไม่ว่าจะเป็นสุดยอดแห่งช่วงเวลาของงานเทศกาลหรือโปรเจคของเด็กมหา’ลัย!
มหาวิทยาลัยเกาหลีต่างเป็นสถานที่ ที่น่าอิจฉาของเหล่านักเรียน นักศึกษาจากที่อื่น เพราะงานเทศกาลพวกนี้, งานปาร์ตี้เต้นรำ, และงานคอนเสิร์ต ที่พวกผู้หญิงสวยๆพากันมาที่นี่
สถานที่ที่เต็มไปด้วยการปลดปล่อยพลังความหนุ่มสาวของพวกวัยรุ่น
แต่สำหรับ ลี ฮุน แล้ว, มันเป็นอะไรที่น่ารำคาญสุดๆไปเลย
‘ฉันหวังว่ามันจะจบเร็วๆนะ’
งานเทศกาลนี้จัดขึ้นเป็นเวลามากกว่า 5 วัน, และการที่ต้องมาเตรียมการจัดงานอีเว้นท์ในช่วงเวลาแบบนี้นั้น มันจะทำให้เขายุ่งซะจนไม่มีเวลาไปสักพัก ลี ฮุนเหมือนหนูจนตรอกที่พยายามหาทางออก,แต่ยิ่งคิดหาทางหนีมากเท่าไหร่ ความหวังที่มี ยิ่งริบหรี่มากขึ้นเท่านั้น
จบตอน
ที่มา: http://lmstranslation.blogspot.co.il/p/1309.html
ขอบคุณครับ. ลีฮุน มีหัวพัฒนาดีเน้อ 555
ตอบลบขอบคุณ
ตอบลบไม่รู้เสียแล้วกับคำว่างั้นๆของมันเนี่ยระดับไหน
ตอบลบ