เล่ม
29 ตอนที่ 6 : ปรมาจารย์แกะสลักคนสุดท้าย แปลโดย Acid
กรด
"หมอกนี่น่ากลัวจัง"
"ผมได้ยินมาว่าที่นี่เต็มไปด้วยหมอกตลอดเวลา"
วีดและพรรคพวกของเขามาถึงหมู่บ้านมูส์ออส(Musos Valley)ที่บรรจุสุสานของกษัตริย์ผู้บังคับไวเวิน
สายตาของสปาร์ทอย(Spartoi*)
จับจ้องไปยังที่ไกลๆขณะที่พวกเขามองหาพวกมอนสเตอร์หรือภัยคุกคาม
อสูรร้ายแห่งขุนเขาและพวกมอนสเตอร์ที่เคลื่อนไหวอยู่รอบๆหวาดกลัวและหลีกหนีสปาร์ทอยอย่างกับมีแผ่นดินไหว
มันเป็นท่าทางที่ไร้ประโยชน์ของพวกมอนสเตอร์ระดับสูง
ไม่เหมือนกับแวน ฮอร์ค และโทริ
วีดเดาะลิ้น
"ถ้าฉันสามารถถลกหนังพวกมันออกได้อย่างนั้น ฉันสามารถขายมันได้ราคาแพงแน่ๆ"
"ดูเหมือนจะใช่"
เพลค้นพบปากทางเข้า มันเป็นทางเข้าสุสานของกษัตริย์เบลซ์ออส(King
Belsos) ที่ก่อนหน้าถูกเปิดโดยกิลด์ปีกสีชาด(the Crimson
Wings Guild) แต่ไม่มีผู้มาเยี่ยมชมตั้งแต่นั้นมาเป็นต้นมา มันจึงถูกปิดผนึกอีกครั้ง
พวกเขาเคลียร์ก้อนหินที่ทางเข้าและเข้าไปข้างในโบราณสถาน
*************************************************
กำแพงหินด้านในโบราณสถานเป็นถ้ำตามธรรมชาติที่ถูกตัดถากจนราบเรียบและกว้างขวาง
มีเสากลมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง แต่พวกมอนสเตอร์อาจจะแอบอยู่บริเวณโดยรอบ
ดังนั้นพวกเขาจึงวิตกกังวล
"ถึงเวลาที่ฉันจะได้เฉิดฉายซะที"
เพลเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
"เนตรวายุ"
เมื่อได้รับพลังแห่งห้วงมิติ,
เป็นไปได้ที่จะมองทะลุวัตถุ
|
มันเป็นทักษะของนักธนูที่เขาได้รับหลังจากที่เลเวลถึง 400 แล้ว แม้นว่าเขาจะยังไม่ได้รับเทคนิคอื่นๆของนักธนู
เพลเติบโตมาจากการต่อสู้ล้วนๆ เขาเป็นนักธนูที่ได้ความไว้วางใจให้ติดตามวีด
และได้ยกระดับสถานะและความเชี่ยวชาญด้านทักษะของเขา
เพลวางลูกศรลงบนคันธนูของเขา
"ลูกศรสนธยา"(Twilight’s Arrow)
-
ใยเหนียวๆห้อยลงมาจากลูกศรจะทำให้ความเร็วของศัตรูลดลง
|
"สายลมนำทาง" (Wind of Guidance)
-
สามารถโจมตีเป้าหมายที่มองเห็นได้ด้วยเนตรวายุ
ลูกศรจะถูกเล็งอย่างแม่นยำในการติดตามศัตรู
|
เฟิ้ยว!
เพลจ้องไปที่ผนังและยิงลูกศรออกไป ด้วยความสามารถในการยิงธนูของเขา ทำให้เขาสามารถทำการรวมทักษะสี่ประเภทในศรลูกเดียว
ลูกศรแล่นตรงและเคลื่อนไปตามกำแพงก่อนที่จะหายไป
หลังจากนั้นชั่วครู่
อ๊าก.ก.ก!
ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเจ้ามอนสเตอร์
เพลใช้ทักษะการยิงว่องไวและยิงลูกศรต่อเนื่องจนกระทั่ง
เสียงกรีดร้องของมอนสเตอร์ค่อยๆหายไป
เขาได้แสดงให้เห็นถึงวิธีการอันยอดเยี่ยมในการออกล่ามอนสเตอร์ในดันเจี้ยน
มันเป็นความสามารถของนักธนูขั้นสูงเท่านั้นที่ทำได้!
มันไม่เป็นปัญหาถ้ามีเพียงตัวเดียวแต่ถ้ามีมอนสเตอร์เป็นทวีคูนอย่างนั้นมันจะเป็นเรื่องยากที่จะรับมือด้วยลูกศรสามารถลดพลังชีวิตของพวกมอนสเตอร์ได้หลายครั้งก่อนที่พวกมันจะมาถึง
นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อล่อมอนสเตอร์
ลูกศรของเพลสามารถกำจัดพวกศัตรูหรือทำให้พวกมันช้าลง
พวกมอนสเตอร์ที่มาถึงได้ก็กลายเป็นเหยื่อของหมัดของเซอร์กะ
"หมัดยอนฮาน(Yon han kwon : kwonแปลว่า มือ, การโจมตีด้วยมือ), พลังไร้เปรียบปาน(Matchless
Power), พลังกงล้อ!(Wheel Power)"
ท้อง, สีข้าง, หน้าผาก
ทักษะต่างๆโจมตีเข้าที่บริเวณต่างๆราวกับพายุ รู้สึกได้ถึงพลังกำปั้นอันน่าหวาดเสียวและเสียงของบางสิ่งโดนโจมตีคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด
"ฮิ ฮิ, ฉันยังไม่ค่อยแข็งแกร่งมากพอใช่ไหม?"
วีดพอใจที่เหล่าสหายของเขาเติบโตขึ้นมาก
"ทำได้ดี หมายความว่าพวกเราสามารถไปด้วยกันครั้งหน้าได้เมื่อผมได้เควสระดับ
S "
ถ้าความยากลำบากได้รับการแบ่งเบาอย่างนั้นความเจ็บปวดก็จะลดลง เขาจะสบายจากความยากลำบากมากขึ้นด้วยความช่วยเหลือของเหล่าสหายดีกว่าตัวคนเดียว!
เลือดสูบฉีดขึ้นบนใบหน้าของเหล่าสมาชิกเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของวีด
พวกเขาโอ้อวดกันใหญ่กับความแกร่งของพวกเขาและตอนนี้พวกเขาได้มีส่วนร่วมในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า!
และแล้วพวกเขาก็เร่งความเร็วในการสำรวจโบราณสถานทั้งหลาย
ในอดีต, กิลด์ปีกสีชาดได้รวบรวมผู้เล่นถึง 300 คนเพื่อทำการสำรวจสุสานของกษัตริย์เบลซ์ออส
ในเวลานั้น,
พวกเขาเป็นหนึ่งในกิลด์ที่มีอำนาจสูงบนทวีปเวอเซลล์ มันจึงเป็นไปได้ที่จะทำอะไรแบบนั้น
"ถ้าพวกเราเคลื่อนที่ต่อไปเรื่อยๆพวกเราจะไปถึงประตูสุสานของกษัตริย์"
"ผมเข้าใจ!"
"คุณไอรีน, ผมเคยได้รับพรฉะนั้นฟื้นฟูพลังชีวิตของผมก็พอถ้าชีวิตผมตกอยู่ในอันตราย"
"ฉันจะทำตามนั้นค่ะ"
วีดสั่งการก่อนที่จะทำการสำรวจส่วนที่เหลือของโบราณสถาน
ในกลุ่มเต็มไปด้วยผู้เล่นที่มีเลเวลมากกว่า 400
พลังของแต่ละคนก็ค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อเปรียบเทียบกับพวกกิลด์ปีกสีชาด
ดังนั้นการสำรวจของพวกเขาจึงมีประสิทธิภาพมากกว่าก่อนหน้านี้
เขายังนำสปาร์ทอยของไคเบิร์นมาใช้
สปาร์ทอยเป็นพวกโครงกระดูกที่สวมใส่ชุดเกราะชั้นหนึ่ง(the first class)ที่คนแคระได้สร้างขึ้น
พวกเขาเป็นโครงกระดูกรูปมนุษย์ที่เห็นกระดูกได้อย่างชัดเจน วีดสั่งการสปาร์ทอย
"ออกไปต่อสู้"
แม้ว่าการจัดการกับมอนสเตอร์ร่วมกับเหล่าผองเพื่อนทำได้ดีพอสมควร, แต่พวกแมลงตัวเล็กๆที่เรียกว่าแมลงหุ้มเกราะ(Armoured Insects)ในโบราณสถานเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ
"ไม่มีข้อตกลงว่าต้องฟังคำพูดของเจ้า"
"มันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ไคเบิร์นที่ได้มอบหมายให้ข้า"
"...รับทราบ"
สปาร์ทอยออกเดินภายใต้ชุดเกราะของพวกมันอย่างรวดเร็วและฟาดฟันพวกแมลงหุ้มเกราะ
พวกมันให้ความรู้สึกเหมือนเครื่องจักรขณะที่พวกมันจัดการแมลงหุ้มเกราะได้ในพริบตา
'มันคงเจ๋งมากเลยถ้าเจ้าพวกนี้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของฉัน....'
เขาประเมินว่าเหล่าสปาร์ทอยมีเลเวลอย่างน้อย 520
ดังนั้นพวกมันจึงไว้ใจได้ในการศึก
พวกมันคือสัตว์ประหลาดเวทมนต์ที่เกิดมาเพื่อการต่อสู้!
วีดมองดูร่างของพวกมันจากด้านหลัง
'ความตายเป็นเรื่องดีสำหรับพวกมันถ้าจะโดนกวาดล้างด้วยพวกมอนสเตอร์......'
วีดก็จะฉกฉวยเอาชุดเกราะและดาบที่สปาร์ทอยใช้อยู่!
สายตาของวีดฉายแววเจ้าเล่ห์
"สปาร์ทอย, รักษาระยะเอาไว้แล้วบุกทะลวงไปข้างหน้าเดี๋ยวนี้!"
"ขอรับ, รับทราบ"
พวกสปาร์ทอยเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมประจันกับพวกมอนสเตอร์หลายร้อยตัวที่กางกงเล็บแหลมคมรออยู่
การต่อสู้อันรุนแรงตรงทางเดิน!!!
"ทำได้ดีมาก, สปาร์ทอย!"
วีดเฝ้าดูการต่อสู้ในขณะที่กำลังเชียร์พวกสปาร์ทอยอยู่
เหล่ากรงเล็บแหลมคมก็โจมตีเข้าใส่พวกสปาร์ทอยอย่างไม่ลดละ
พวกมันโจมตีด้วยกรงเล็บแลัวยังขบกัดทั้งยังพ่นไฟใส่
แต่พลังชีวิตของพวกสปาร์ทอยก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าพวกมันจะโจมตีไปมากเท่าไรก็ตาม
ความแข็งแกร่งด้านการป้องกันเวทย์ของมังกรปีศาจไคเบิร์น(Akryong
Kaybern)กำลังล่องลอยอยู่รอบตัวของพวกสปาร์ทอย
พวกมอนสเตอร์กรงเล็บคมทั้งหลายเลยเป็นพวกจดๆจ้องๆแทน
เหล่าสปาร์ทอยไม่ได้รู้สึกรู้สาถึงสภาพวิกฤติทั้งมวลและล้มเหล่าศัตรูลงที่ละตัวๆ
"เยี่ยม, แหงละพวกมันคงจะไม่ตายง่ายๆ"
วีดให้พวกสปาร์ทอยป้องกันอยู่ในตำแหน่งของพวกมัน ต้องขอบคุณการต่อสู้และการป้องกันอันยอดเยี่ยมของพวกสปาร์ทอย,
ทำให้การออกล่ากลายเป็นเรื่องง่ายดาย
"เรียกขาน เดทไนท์ แวน ฮอร์ค, เรียกขาน ลอร์ดแวมไพร์
โทริ!"
"นายท่าน, ท่านเรียกหาเราหรือ"
"ออกไปสู้ซะ"
โทริ และ แวนฮอร์คได้ช่วยเหลือในการศึก ขณะที่วีดใช้ทักษะดาบลับของเขา
"ทักษะดาบโคลนนิ่ง!"
ร่างลวงทั้ง 5 ได้ก่อตัวขึ้น
หลังจากได้พ่ายแพ้ให้กับบาร์ดเรย์, เขาตระหนักว่าเขาต้องเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญทักษะการต่อสู้ต่างๆของเขา
เขาใช้การรุกไล่ด้วยการใช้ทักษะดาบในการต่อสู้
พวกร่างลวงโจมตีใส่พวกมอนสเตอร์กรงเล็บคม
กรงเล็บของมอนสเตอร์โจมดีวีดหลังจากที่เขาวิ่งเข้าใส่
-คุณถูกโจมตีโดยมัลลัค(Malluk)
|
- ด้วยพรของเทพีเฟร์ย่าส่งผลกระตุ้นให้ชุดเกราะอัศวินแห่งองค์เทพีทำงาน
|
พลังป้องกันจะเพิ่มขึ้น 27% ขึ้นอยู่กับความเสียหายที่เกิดจากพวกมอนสเตอร์
|
พลังป้องกันของเขาเพิ่มขึ้น ต้องขอบคุณชุดเกราะแห่งองค์เทพี
"โอเค, นี่คงจะพอแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องขยับไปไหน"
วีดพัฒนาสไตล์การต่อสู้ที่ต่างไปจากธรรมดา โดยปรกติแล้วเขาจะมุ่งไปข้างหน้าและปล่อยทักษะของเขาออกไปอย่างสุขุมรอบคอบ
แม้ว่าบาร์ดเรย์จะชื่นชมความจันเจนและความว่องไวของเขาในการต่อสู้
"หลับตาอดทน, เพลงดาบประกายแสง!"
พลักๆๆๆๆ!
วีดถูกโจมตีด้วยกรงเล็บคมและใช้เทคนิคดาบลับ ขณะนี้วิหคแสงเรืองรองสามตัวปรากฏออกมา
มันพุ่งไปต้อนรับเหล่าศัตรูในขณะที่เขายังหลับตาอยู่
เขาไม่ได้หลบเลี่ยงการโจมตีใดๆ
และยังคงใช้ทักษะการต่อสู้ของเขาอย่างต่อเนื่อง
การสร้างความยืดหยุ่นและความมุ่งมั่นต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก
เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายมากกว่าที่จะยอมถูกโจมตี
การเปลี่ยนแปลงวิธีการออกล่าของเขาทำให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้นนิดนึง
อย่างไรก็ตามรูปแบบการต่อสู้ของเขาแย่ลงเหมือนว่าเขาอยู่ในการตะลุมบอน
"โจมตีฉันให้มากขึ้น, ยังอ่อนเกินไป เอาอีกๆ
เข้ามาเลย!"
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ชุดเกราะอัศวินแห่งองค์เทพีในการต่อสู้
พลังป้องกันขั้นพื้นฐานของเขาสูงมาก
และเจ้าฮีเลี่ยมเองหมายถึงมานาจะคืนมาได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นวีดสามารถใช้ทักษะดาบของเขาได้อย่างต่อเนื่อง
เบลล็อทถอนหายใจลึกๆ
"เป็นคุณวีดแท้ๆเลย...."
หากว่าเขายังไม่ได้เรียนรู้, เขาจะไม่สู้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า
ผู้ชายควรพิจารณาภาพลักษณ์ของเขาในการต่อสู้ ฮวายองได้แต่อมยิ้ม
"คุณวีดนี่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ อ๊าย.ย.ย!"
"....."
เธอเป็นพี่สาวที่แสนจะเป็นกันเองแต่บางครั้งเบลล็อทก็ไม่ค่อยเข้าใจฮวายอง
ซะจริงๆ
*************************
พวกเขามาถึงทางเข้าห้องศิลาของกษัตริย์เบลซ์ออสได้อย่างปลอดภัย
พวกสปาร์ทอยช่วยเหลือได้มากทีเดียวแต่พวกเขาก็ยังเหน็ดเหนื่อยเมื่อต้องรับมือกับมอนสเตอร์จำนวนมากแบบนี้
วีดดูไม่ค่อยดีเท่าไรทั้งที่ยืนนิ่งๆอยู่เกือบตลอดช่วงการต่อสู้ของเขา
ไอรีนถามอย่างร้อนใจ
"พี่ยังโอเคอยู่ไหม? จะให้หนูใช้เวทย์รักษาพี่สักหน่อยไหมถ้าพี่อยู่ในสภาวะที่แย่อย่างนี้?"
"มันยังโอเคอยู่ ฟิ้ว"
เวลานี้ความอดทนของเขาเกินกว่า 900 แต้ม
และความยืดหยุ่นของเขาเกิน 500
นี่เป็นผลมาจากการออกล่าอย่างโหดหินและการทำประติมากรรม
พวกนักรบมีแนวโน้มในการพัฒนาทักษะการป้องกันด้วยการใช้โล่ป้องกันการโจมตี
การเพิ่มระดับพื้นฐานเหมือนอย่างวีดเป็นเรื่องยาก
เขาตั้งใจจะให้มันจบลงผิดที่เมื่อโจมตีพวกมอนสเตอร์
"ฉันเลือกได้ถูกต้องจริงๆกับเกราะชุดนี้"
"....."
ความแตกต่างระหว่างค่าพลังป้องกันที่ 85 ของเกราะทัลล๊อก
กับค่าพลังป้องกันเกือบ 300 ของเกราะอัศวินแห่งองค์เทพี
ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว ถ้าเขาใช้การขัดเงาชุดเกราะก็จะเพิ่มค่าพลังป้องกันได้อีก
20%
ทำให้ช่องว่างถ่างเพิ่มขึ้นอีก
ผลของค่าพลังป้องกันที่ต่างกันถึง 200
ลดพลังการโจมตีของพวกมอนสเตอร์ลงได้ถึงหนึ่งในห้าส่วน
"ตอนนี้ผมแค่รู้สึกจั๊กจี้"
ครั้นเมื่อเขาสวมเกราะอัศวินแห่งองค์เทพี, เขาสามารถละเลยการโจมตีต่างๆและต่อสู้ได้อย่างห้าวหาญมากขึ้น
นั่นเป็นเพียงอย่างเดียวที่มีผลกระทบต่อพลังโจมตีของเขาและฮีเลียมยังเติมมานาของเขาได้อย่างรวดเร็ว
การใช้เทคนิคดาบลับและทักษะการต่อสู้ ที่หลากหลายช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการออกล่าของเขาด้วย
เป็นเรื่องน่าเสียใจที่เขาเสียเกราะทัลล๊อก แต่มันนำไปสู่การเติบโตอย่างมากทางด้านความสามารถต่างๆ
"มันอาจจะสมบูรณ์แล้วถ้าฉันขายมันที่ราคาสูงให้กับผู้ซื้อดีๆหน่อย"
"หา?"
"ไม่มีอะไร, ตอนนี้พวกเราสำรวจพื้นที่ทั้งหมดของพวกประติมากรรมกันเถอะ"
พวกมันเป็นประติมากรรมแมงป่องที่เป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์เบลซ์ออส
วีดหยิบหินสีแดงขึ้นมาจากแท่นบูชา
ในอดีตเขาเคยทำชิ้นงานพวกนี้มาก่อนแต่เขาจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว
ประติมากรรมจำนวนมหาศาลที่ผ่านมือเขากระจายออกไปทั่วทั้งทวีป จำนวนมหึมาอย่างกับเอาคลังสินค้ามาวางซ้อนกัน
พวกประติมากรรมสามารถขายได้ราคาดี ในงานฉลองรำลึกเหตุการณ์ต่างๆหรือด้วยการขายราคาพิเศษ
"ผมจะสร้างแมงป่องให้ดีกว่าที่เคยทำมาก่อน"
วีดนำก้อนแร่ออกมาและเริ่มแกะสลักแมงป่อง และมอบมันให้สหายของเขาทีละคนๆ
"วางมันลงพร้อมๆกัน"
"ได้"
บรรยากาศที่ตึงเครียดหลั่งไหลออกมาชั่วขณะหนึ่ง
กิลด์ปีกสีชาดได้เคยเข้าไปในสุสานของกษัตริย์เบลซ์ออส
และจบลงด้วยการสาปแช่งไปทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลล์
ถ้าพวกเขาได้คิดถึงเรื่องนั้นแล้ว, จะเห็นได้ว่ามีความเสี่ยงมากถ้าพวกเขาเข้าไปข้างใน
แน่นอน วีดก็ได้พิจารณาในส่วนนั้นแล้ว
'ฉันกำลังทำสิ่งนี้แบบลับๆเพราะว่าฉันไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร
และฉันสามารถยกเลิกมันได้เมื่อมันจบ'
เขาไม่ได้ทำมันเป็นสาธารณะเหมือนอย่างกิลด์ปีกสีชาด และจากทางเข้าของโบราณสถาน
มั่นใจได้ว่าไม่มีผู้ใดอื่นอยู่ข้างใน
ครืด.ๆ.ๆ.ๆ.ๆ ครึม!
ประตูส่งเสียงดังเมื่อแมงป่องแดงถูกวางลงบนแท่นบูชา
มีสัญญาณมอนสเตอร์จำนวนหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ภายใน
พวกมันคำรามออกมาอย่างดุร้ายเมื่อพวกมันมองเห็นปาร์ตี้ของวีดและเข้าโจมตี
"สปาร์ทอย, เคลื่อนไปข้างหน้าและป้องกันทางเข้า"
"รับทราบ"
พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่ปกป้องสุสานกษัตริย์ ดังนั้นพวกมันจึงอันตรายและมีเลเวลที่สูงกว่าปกติ
จากวิดีโอแสดงความพยายามของกิลด์ปีกสีชาดได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย
วีดตัดสินใจที่จะคงการออกล่าไว้โดยไม่หักโหมในเวลานี้ ต้องขอบคุณเหล่าสปาร์ทอยที่คอยคุ้มกันทางเข้า,
เขาตัดสินใจใช้การโจมตีระยะไกล เวทย์ระดับสูงของโรมูนะ, ลูกศรของเพล และระยะสายเบ็ดของเซเฟอร์ก็มีพลังมากพอ หมัดของเซอร์กะ
และสปาร์ทอยก็สร้างความเสียหายให้กับอสูรตนใดก็ตามที่พยายามจะแอบออกมา
"ฉันเริ่มเต้นบ้างดีกว่า"
"พี่สาว, ฉันจะเร่งจังหวะให้!"
เบลล๊อทบรรเลงเพลงรวมถึงการเต้นของฮวายองได้สร้างความละลานตาให้แก่พวกอสูร
วีดหยุดใช้เพลงดาบประกายแสงแล้วใช้ธนูและลูกศรของพวกเอลฟ์เป็นวิธีการในการกำจัดเจ้าพวกอสูร
ทางเข้าได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาและพวกเขาออกล่าด้วยวิธีโจมตีระยะไกล
ค่าประสบการณ์และของลูทจากพวกอสูรกองสุมกันอย่างง่ายดาย
มันเป็นสถานการณ์ที่ผู้เข้าร่วมการต่อสู้ใฝ่ฝันถึง
"มันขาดรสชาติไปหน่อย ผมอยากเข้าไปใกล้อีกหน่อย!"
แต่ในที่สุด, วีดก็เลือกที่จะเลิกเพลย์เซฟโดยออกรัศมีการคุ้มกันของสปาร์ทอยและออกล่าพวกอสูร
เจ้าอสูรเป็นพวกอันตรายแต่ชุดเกราะอัศวินแห่งองค์เทพีก็ได้แสดงอานุภาพของมัน
"หัตถ์เยียวยา!"
ไอรีนกำลังให้การรักษา เหล่าสปาร์ทอยไม่จำเป็นต้องใช้แต่มันก็ยังคงได้รับการดูแลเอาใจใส่
วีดรู้สึกดีที่ได้พักผ่อนเมื่อตอนทำแกะสลักประติมากรรม
แต่เขาไม่ค่อยพอใจกับสิ่งนั้นเมื่อออกล่า
เขาต้องการเพิ่มความชำนาญในทักษะของเขาและได้รับไอเท็มลูท!
"คุณวีด, ผมจะคุ้มกันให้เอง"
เพลเล็งลูกศรของเขาไปที่พวกอสูรด้านหลังวีด
โรมูนะก็เตรียมการร่ายเวทย์ของเธอ
พวกอสูรงงงันและอ่อนกำลังลงด้วยการแสดงของฮวายองและเบลล๊อต ดังนั้นพวกมันจึงเคลื่อนที่ช้าลงกว่าเดิม
เขาต่อสู้ในพื้นที่คุ้มกันของสุสานกษัตริย์
"โอ้ว.ว.ว.!"
และแล้วดวงตาของวีดก็เปียกชุ่มในขณะที่เขาเห็นแมงป่องทอง, ทอง, เงินและอื่นๆ กองสุมอยู่ในขุมทรัพย์
วีดเคยเห็นมันในวีดีโอการรุกล้ำของพวกกิลด์ปีกสีชาด
แต่มันก็ยังน่าประทับใจ
"ละ-เหรียญทอง กับ อัญมณี..."
เสียงของวีดสั่นเครือราวกับหนุ่มน้อยกำลังสารภาพรักกับรักแรกของเขา
แต่ใบหน้าของเขาดูเหมือนนักการเมืองที่ต้องการสินบนมากๆ
"คุณต้องไม่ไปที่นั่น คุณวีด!"
"ผมรู้ว่าจะมีปัญหาถ้าผมไปแตะต้องสิ่งนั้น"
เพื่อนในกลุ่มของเขาสงสัยว่าวีดพยายามที่จะรวบรวมสมบัติทั้งหมด
กิลด์ปีกสีชาดได้ทำผิดพลาดมาแล้วเรื่องการแตะต้องทรัพย์สมบัติและทำให้เกิดคำสาปขนานใหญ่
สมบัติก็เหมือนขนมพายอยู่ในอากาศ
สร้างความเจ็บปวดให้ผู้คนอย่างมหาศาลที่ได้แต่มาที่นี่ แล้วไม่สามารถนำสิ่งใดๆออกไปได้
สมองของวีดกลับคืนมาเมื่อเพื่อนๆดึงแขนของเขา เขาใจเย็นวิเคราะห์เหรียญทอง,
อัญมณี และพวกไอเทม!
'พวกอัญมณีมีมูลค่ามาก ถ้าเอาออกไปขาย, พวกมันคงทำเงินได้ไม่น้อยกว่า
3.4 ล้านเหรียญทองตามราคาตลาด
ถ้าให้เมแพนขายมันอย่างนั้น เขาสามารถขายมันได้สำเร็จไม่น้อยกว่า
3.67 ล้านเหรียญทอง'
พูดถึงการพิจารณาราคาตลาดที่ผันผวน, มีค่าส่วนต่างผิดกันอย่างน้อยที่
3% วีดยังไม่ได้แตะพวกอัญมณีที่กองสุมรวมกัน
"แจ๊บ แจ๊บ แจ๊บ แจ๊บ!"
น้ำลายถึงกับหกทีเดียว!
"โอ้ว ดูพวกอัญมณีที่แวววาวนั่นสิ"
"พี่สาว, กระเป๋านี่ก็ด้วย
นี่เป็นกระเป๋าที่เจ้าหญิงจากอาณาจักรโรเซนไฮม์ทรงถือ"
"จริงรึ? มันเป็นไอเทมลิมิเต็ดเชียวนะ ฉันอยากจัง"
ฮวายองและเบลล๊อตไม่อาจละสายตาของพวกเธอจากอุปกรณ์เครื่องหนังและอัญมณีล้ำค่าเหล่านั้นได้
"อ้า มันสวยมาก ฉันอยากสวมเจ้านี่แล้วออกไปโชว์ที่จัตุรัสเมือง"
"ดูสีสันเป็นประกายนี้สิ"
พวกสาวๆมีความสุขแม้เพียงได้มองไปที่กระเป๋า, อัญมณี
และรองเท้าบูท
"นี่ไม่ใช่ไม้เท้าสำหรับพวกนักบวชหรือ?"
"ดูโน่นถุงมือประดับเพชร"
ไอรีนและเซอกะสอดส่ายสายตาขณะที่พวกเธอมองไปที่พวกอุปกรณ์
โรมูนะแสดงความสนใจออกมาอย่างมากและวนเวียนอยู่ที่หน้าเชือกวิเศษที่รายรอบด้วยแสงสีแดง
วีดไม่ได้เป็นผู้เดียวที่เกิดความโลภเมื่อเห็นไอเท็มเหล่านี้!
วีดพบว่ามีบางสิ่งแปลกๆเกี่ยวกับพวกอัญมณีที่กองสุมอยู่
"ฝีมือการทำงานของช่างค่อนข้างยอดเยี่ยม หรือเป็นงานของคนแคระ? แต่มันไม่ใช่วิธีที่พวกคนแคระชอบใช้"
คนแคระนิยมชมชอบฝีมือการทำงานที่สวยงามขณะที่สิ่งนี้ดูเรียบง่ายและแสดงออกถึงสีสันของอัญมณี
"มีแปลกมากเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น"
วีดสามารถจำแนกได้ว่าไอเท็มแก้วนั่นทำได้สมบูรณ์แบบโดยประติมากรมากทักษะ
ยังมีโลงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางบรรจุพระศพของกษัตริย์เบลซ์ออสด้วย
ลวดลายที่แกะสลักบนฝานั้นถูกออกแบบมาให้กลมกลืนกับจิตวิญญาณทั้งยังไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป
"มาตรฐานของพวกแมงป่องนี่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน"
ทั้งหมดที่วีดต้องทำเพื่อเข้าสู่สุสานกษัตริย์ก็คือการทำประติมากรรมรูปแมงป่อง
แต่แมงป่องในสุสานแห่งนี้มีความซับซ้อนมากจนทำให้งานที่เขาทำเหมือนเป็นของเด็กเล่น
มีสมบัติมากมายแต่วีดต้องการตรวจสอบพวกประติมากรรมก็เพราะว่าเขาเป็นประติมากร
"นี่อาจจะเป็น..."
วีดผายมือขึ้นไปที่ลวดลายแมงป่องบนผนัง
"ตรวจสอบ!"
การตรวจสอบล้มเหลว
|
"อย่างที่คิดไว้, สิ่งนี้คือ..."
วีดกลับเชื่อมั่นยิ่งขึ้น
"ตรวจสอบ!"
-
รูปแกะสลักแมงป่อง
|
ประติมากรรมที่สร้างโดยปรมาจารย์แกะสลัก
เบลซ์ออส เลอ ดิอุส ที่3
(Belsos La Deus the 3rd) เขาได้แสดงออกอย่างชัดแจ้งจากตัวแมงป่องว่าเขาชอบจริงๆ
|
คุณค่าทางศิลปะ
: 472
|
คุณสมบัติพิเศษ
: เพิ่มอัตราการเจริญพันธุ์ของพวกแมงป่อง
|
พลังได้ถูกกักเก็บเอาไว้ภายใน
|
"เขาเป็นปรมาจารย์แกะสลัก!"
วีดได้พบปรมาจารย์คนสุดท้าย, กษัตริย์เบลซ์ออส
และแล้วความทรงจำที่บรรจุอยู่ภายในประติมากรรมก็เริ่มแสดง
*********************************
เบลซ์ออสเกิดในทะเลทรายตอนใต้
เขาได้ครอบครองสายโลหิตแห่งกษัตริย์ ดังนั้นเขาจึงถูกไล่ล่าโดยพวกมือสังหารอยู่เสมอ
เบลซ์ออสติดตามไปกับชนเผ่าทะเลทรายและแบกสัมภาระของพวกเขา
เขาสนใจในดาบและการแกะสลัก เบลซ์ออสแกะสลักประติมากรรมเล็กๆด้วยมือและได้รับการยอมรับจากกลุ่มคนเป้าหมาย
เขาเรียนรู้วิธีการใช้ดาบจากทหารรับจ้างที่ร่อนเร่ในทวีปและทะเลทราย
เมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่และกลับไปหาตระกูลของเขา เบลซ์ออสสวมสร้อยคอแมงป่องและมีรอยสักสีสดใสของเผ่าบนตัวเขา
หลังจากเขาได้กลายเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรบรูแคน, เขาก็ปกครองเหนือดินแดนทะเลทรายตอนใต้
เบลซ์ออสถูกขนานนามว่ามหากษัตริย์แห่งไฟ(Great
King of Fire) และจิตวิญญาณแห่งไฟจำนวนมากได้ติดตามเขา
"การกรีธาทัพของอาณาจักรบรูแคน"
"รวบรวมเหล่าทหารหาญในทะเลทราย!"
มีสงครามกับชนเผ่าทะเลทรายมากมาย พวกเขาเข่นฆ่าชนเผ่าเร่รอนและชิงเอาอูฐ,
ฝูงวัว และแกะ
บิดาของกษัตริย์เบซ์ออสถูกสังหารโดยชนเผ่าพวกนั้น
เบลซ์ออสจึงถูกทิ้งไว้
กองทัพของชนเผ่าประกอบด้วยอูฐและกองทหารม้ามากกว่า 100,000 นาย พวกเขาใช้อาวุธยาว,ดาบโค้ง และยังเชี่ยวชาญธนู
พวกเขาต่อสู้แตกต่างจากกองพลอัศวินของทวีปกลางที่พุ่งหอกในขณะ
ที่ทำการต่อสู้ในระยะประชิด
แต่พลังในการต่อสู้ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกอัศวินในทวีปกลาง
ในทางกลับกัน, อาณาจักรบรูแคนขาดแคลนกำลังทหารถึง 30,000 นาย นี่รวมไปถึงพลทหารราบที่ไม่ได้ขี่อูฐ
กองทัพของกษัตริย์เบลซ์ออสยังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งไฟนับหมื่นรวมถึงพวกมนุษย์
ถ้าเกิดสงครามขึ้นในทุ่งหญ้าหรือในป่าแทนที่จะเป็นทะเลทรายอย่างนั้นแล้ว ทุกๆสิ่งจะถูกเผาผลาญ
พวกจิตวิญญาณแห่งไฟสามารถย่างกรายอย่างอิสระทั่วท้องทะเลทราย
กษัตริย์เบลซ์ออสนำความสงบสุขสู่ทะเลทรายผ่านจิตวิญญาณแห่งไฟ
แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้เป็นกษัตริย์ที่ดี
ดินแดนที่เป็นทะเลทราย
นั้นธัญพืชไม่สามารถเติบโตได้และยังมีการสู้รบระหว่างชนเผ่าที่ครอบครองโอเอซิส
กษัตริย์เบลซ์ออสไม่มีทางเลือก เว้นแต่ต้องเข้าสู่ทวีปกลาง
เขาได้ระดมกำลังจิตวิญญาณแห่งไฟ เพื่อนของเขาและมีชัยขยายอาณาเขตออกไปตลอดการทำสงคราม
สมบัติจำนวนมหึมาที่พวกเขาได้รับทุกๆครั้งที่พวกเขาชนะศึก ได้บดบังดวงตาของชนเผ่า
พวกเขาต้องการนองเลือดแทนการทำงานบนผืนดิน
เบลซ์ออสรู้สึกโดดเดี่ยว เนื่องจากเขาแทบจะไม่เคยออกจากพระราชวังเลย
แต่ประชาชนของเขาได้ขยายการทำสงครามต่อไป
พวกชนเผ่าทะเลทรายถูกฝึกฝนในการสงคราม
ดังนั้นพวกกำแพงจึงไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป
แม้ว่าเบลซ์ออสไม่ได้ต่อสู้, โลหิตของประชาชนก็เสียสละเพื่ออาณาจักรในทวีปกลาง
"ประติมากรรมนั้นสวยงามแต่พวกมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความโลภของมนุษย์"
กษัตริย์เบลซ์ออสกลับคืนสู่เจตนารมณ์ของเขาและสร้างประติมากรรม
เขาเก็บรวบรวมสินแร่ วัตถุดิบ
และสร้างประติมากรรมในพระราชวังของพระองค์
สวนที่ตกแต่งโอเอซิสในทะเลทราย, อย่างเช่นอูฐดื่มน้ำในลำธารอย่างสงบเสงี่ยมล้วนเป็นประติมากรรมที่สร้างขึ้น
พวกชนเผ่าทะเลทรายผู้ที่หลงเสน่ห์ของสงครามไม่อาจเข้าใจถึงความหมายของพวกประติมากรรม
เนื่องจากเขตแดนของกษัตริย์เบลซ์ออสได้แผ่ขยายออกไปและนักรบมากมายได้ถูกคัดเลือก,
สมบัติมากมายก็หลั่งไหลเข้าสู่พระราชวัง
ครั้นเมื่อกษัตริย์มีพระชนมายุมากขึ้น, ได้ปรากฏพวกคนที่เห็นแก่ตัวในฐานะรัชทายาท
เข้าต่อสู้แย่งชิงกันในหมู่พวกเขา
กองทัพจิตวิญญาณแห่งไฟของเบลซ์ออสอยู่นิ่งเฉยแต่ยังมีการเข่นฆ่าที่น่ากลัวอยู่ภายนอก
เบลซ์ออสเพียงแค่ทำประติมากรรมจิตวิญญาณแห่งไฟอย่างต่อเนื่อง
มันเป็นขอบเขตที่จิตวิญญาณแห่งไฟ
จำนวนหนึ่งที่ติดตามเขาไม่อาจเข้าใจได้
จากนั้นในที่สุดเขาก็ทอดทิ้งกายเนื้อมนุษย์ของเขาและกลายเป็นวิญญาณ
เขากลายเป็นกษัตริย์ของจิตวิญญาณแห่งไฟ
หลังจากเบลซ์ออสได้หายไปจากพระราชวัง, จิตวิญญาณแห่งไฟก็หายไปด้วย
ไม่มีเหตุผลที่จะสู้รบอีกต่อไป
และอาณาจักรบรูแคนก็ล่มสลาย
เหล่ารัชทายาทเข้าสู่พระราชวังและฉกฉวยทุกสิ่งทุกอย่างที่มีค่า
ประติมากรรมอันงดงามมากมายที่เบลซ์อสสร้างขึ้นในพระราชวังถูกเผา
อาณาจักรบรูแคนอ่อนแอลงด้วยสงครามระหว่างชนเผ่าและอาณาจักรมาเซน(the
Masen Kingdom)
ได้ขับไล่พวกเขากลับเข้าสู่ทะเลทรายอีกครั้ง
โชคยังดี,
ที่ของที่ระลึกหลายอย่างและสิ่งของมีค่าอื่น ๆ ถูกเบลซ์ออสย้าย
ไปยังหมู่บ้านมูซ์ออสก่อนที่พระราชวังจะถูกปล้น
มีส่วนที่หลงเหลืออยู่เล็กน้อยของกษัตริย์เบลซ์ออสโดยไม่ได้คำนึงถึงความสำเร็จของเขา
************************************
-
คุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับปรมาจารย์แกะสลัก เบลซ์ออส เลอ ดิอุส ที่3 จากประติมากรรม
|
คุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรบรูแคน
|
ได้รับความรู้ประวัติศาสตร์
|
ความรอบรู้เพิ่มขึ้น
14
|
คุณได้ทำภารกิจเกี่ยวข้องกับส่วนสำคัญของการแกะสลักสำเร็จเรียบร้อยแล้ว
|
"ปรมาจารย์แกะสลักที่แท้จริงไม่ได้มีชีวิตอยู่อย่างสามัญชน"
วีดรู้สึกขมขื่นขณะที่เขาเฝ้าดูความทรงจำที่บรรจุในประติมากรรม
"บางคนที่เสียชีวิต...เขาได้สร้างขุมทรัพย์ขึ้นเพราะว่าเขารู้สึกโดดเดี่ยว!"
มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ! กษัตริย์ไม่เคยได้เพลิดเพลินกับสิ่งหรูหราและมีความสุข
เมื่อมองจากมุมมองของวีดแล้ว,
เขาไม่เข้าใจกษัตริย์องค์นี้เลย
มันอาจจะเบิกบานใจถ้าเขามีทรัพย์สมบัติมากกว่านี้ และเขาจะใช้มัน
เขาจะสะสมสมบัติให้มากขึ้นและใช้อำนาจของเขาปกครองประชาชนในโลกนี้
อย่างไรก็ตาม, เบลซ์ออสไม่ได้เป็นกษัตริย์สามัญ
เขาใช้ชีวิตของเขาและกลายเป็นต้นแบบของเหล่าจิตวิญญาณการแกะสลัก
ปรมาจารย์แกะสลักทุกคนล้วนมีความแปลกประหลาด
ดาโรนสร้างงานมากมายจากสตรีผู้เดียว และในที่สุดก็สำเร็จประติมากรรมจำแลง
การส่งผ่านเรื่องราวความรักทางประติมากรรมของ
ซาฮับกับองค์ราชินีทำให้เกิดเคล็ดมีดแกะสลักและเพลงดาบประกายแสง
จักรพรรดิ เกฮาร์ วอน อาร์เพ่น ได้ให้ชีวิตกับเหล่าประติมากรรมที่เขามองว่าเป็นเพื่อนและทำให้เกิดเป็นประติมากรรมประทานชีพ
สุดท้าย,เบลซ์ออส ผู้เป็นกษัตริย์แห่งทะเลทราย กระทั่งเขาหายตัวไปกลายเป็นจิตวิญญาณ
"ฉันต้องระมัดระวัง ฉันไม่สามารถเบียดเบียนหรือใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายนั่นมันเงินของฉันเลยนะ"
วีดอารมณ์สดใสขึ้นมากกว่าเดิมแต่เขายังรู้สึกไม่ไว้วางใจขณะที่เขามาเยือนสุสานของกษัตริย์
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกปรมาจารย์แกะสลัก เบลซ์ออส
ว่าเป็นชายที่สมบูรณ์แบบ
*Spartoi - นักรบเขี้ยวมังกร
เป็นพวกนักรบโครงกระดูกระดับสูง จากตำนานเทพเจ้ากรีก "ขนแกะทองคำ"
โดยแคดมัส(Cadmus)ได้โปรยเขี้ยวมังกรที่ได้รับจากอาเทน่า(Athena)เกิดเป็น
Spartoi
ผู้แปล :
Acid กรด
Editor : แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล
ขอบคุณผู้แปลมากครับ
ตอบลบขอบคุณคับ
ตอบลบขอบคุณมากๆๆครับมีความสุขมากเลยทีไ่ด้อ่าน
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบกษัตริย์ผู้สมาถะ อยากอยู่อย่างสงบ แต่คนรอบตัวดันเข้าใจว่าบ้าอำนาจแถมกระหายสงครามอีก เมือนักมโน สูดกาวกันทั้งเมืองจนล่มสลาย
ตอบลบขอบคุณมากๆค่ะ
ตอบลบว้าว...
ตอบลบขอบใจหลายๆเด้ออ