เล่ม 22 ตอนที่
7 : มหาวิหารแห่งเทพีเฟรย่า แปลโดย Cole’s Myth
วีดไม่ได้สร้างเพียงประติมากรรมธรรมชาติไว้เท่านั้นขณะที่ท่องไปทั่วทั้งทวีปกลาง
“เจ้าคือประติมากรวีด
ใช่ไหม? ผลงานของเจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”
“ดูท่าว่าชื่อเสียงของกระหม่อมจะเป็นหน้าเป็นตาให้กับกระหม่อมนะครับ
ฝ่าบาท กระหม่อมได้ท่องเที่ยวข้ามน่านน้ำมาเพื่อจะมาพบพระองค์โดยเฉพาะ”
เขาเข้าเยี่ยมบรรดาเหล่าชนชั้นสูงอย่างกระตือรือร้น
ณ ที่พระราชวัง
วีดสวมใส่ชุดเกราะทัลร็อคซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดของเขาเพื่อเพิ่มค่าเสน่ห์และค่าศักดิ์ศรี
ราชาแห่งราชอาณาจักรริทเท่นที่นั่งอยู่บนบัลลังค์ถามขึ้นมาว่า
“ลอร์ดแห่งดินแดนเหนือเอ๋ย
นักผจญภัยผู้โด่งดังเอ๋ย เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุอันใดรึ?”
จากนั้นวีดก็พูดออกมาด้วยถ้อยคำที่แสดงความเคารพเชิดชูยกยอปอปั้นขณะที่สวมชุดเกราะของเขาอยู่นั้น
“ขณะที่กระหม่อมท่องไปทั่วทั้งอาณาจักรของพระองค์
กระหม่อมรู้สึกประทับใจอย่างมากในกฎหมายที่ใช้ปกครองของพระองค์ ฝ่าบาท
ข้ากระหม่อมมาเยี่ยมเยือนพระองค์ก็เพื่อแสดงความเคารพเพียงเท่านั้น”
“ดูเจ้าสิ
ดูท่าว่าข้าได้จดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าได้ลืมเลือนไปแล้วได้ละตอนนี้”
“กระหม่อมอยากรับฟังว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ
ฝ่าบาท?”
ค่าสถานะศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของวีดนั้นสูงมากจริงๆจึงทำให้เป็นเรื่องง่ายดายที่จะเข้าพบบุคคลชั้นสูงของราชอาณาจักรหรือแม้แต่พระราชา
มันสูงมากพอที่จะได้รับภารกิจของพระราชาด้วยเช่นกัน!
ถึงกระนั้นก็ตาม
ในตอนที่เข้าพบเหล่าชนชั้นสูงหรือว่าราชวงศ์ เขาก็ยังคงต้องรักษามารยาทอันเหมาะสมเอาไว้ด้วยเช่นกัน
“ตอนที่ข้ายังเยาว์วัย
ข้ามีรูปลักษณ์ที่ชวนหลงใหลอย่างมาก บรรดาเจ้าหญิงและสุภาพสตรีชนชั้นสูงมากมายทั้งหมดต่างก็เฝ้ารอเรียงแถวเข้ามาเพียงเพื่อหาโอกาสมาเต้นรำกับข้า”
แต่อย่างไรก็ตาม
ความจริงของรูปร่างหน้าตาของราชาแห่งริทเท่นในตอนนี้คงดึงดูดได้เฉพาะพวกออร์คตัวเมียเท่านั้นแหละ
แต่ว่าความเป็นไปของโลกใบนี้
ความเงียบบางครั้งก็ดีเสียยิ่งกว่าความจริงเสียอีก
ส่วนวีดก็เป็นผู้ที่มีทิฐิและภาคภูมิใจในการใช้ชีวิตตามความเป็นจริง
“จริงๆแล้ว ฝ่าบาทอาจจะขโมยหัวใจของหญิงสาวมากมายไปแล้ว
แต่ว่าตอนนี้ เหล่าหญิงสาวชนชั้นสูงแห่งราชอาณาจักรริทเท่นต้องไม่มีความสุขมากๆก็เพราะพระองค์”
“เจ้านักผจญภัย
เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ว่าไม่มีความสุขก็เพราะข้า?”
ณ
เวลานี้ไม่มีหญิงสาวเหลือแม้แต่ซักคนหนึ่งในบรรดาตระกูลชนชั้นสูงเหล่านั้น
มีเพียงแต่เหล่าอัศวินกับริมฝีปากที่หนักอึ้ง หรือแม้แต่พระราชาและตัววีดเอง (ทุกคนเงียบ ไม่พูดไม่จา)
“ความคร่ำครวญโหยหาฝ่าบาท
พวกเขาจึงไม่อาจหลับนอนได้อย่างสนิทในยามราตรี”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
พระราชาแห่งราชอาณาจักรริทเท่นหัวเราะออกมาอย่างก้องกังวาน
แก้มทั้งสองข้างปริออกมาอย่างหยาบโลน
วีดไม่ยอมพลาดจังหวะนั้นและพูดออกมาว่า
“อย่างที่กระหม่อมคิดไว้เลย
พระพักตร์ที่แย้มพระสรวลจักสามารถดึงดูดหัวใจของผู้คนเอาไว้ได้! ”
มันดูราวกับพยายามเยินยออสรพิษตัวหนึ่งที่มีเกล็ดอันงดงาม
หรือบอกกับเจ้ากบว่าขาทั้งสองข้างของมันช่างดูน่าทึ่ง
เขาเป็นคนที่มีสายตาและทักษะที่เหมาะจะกลายเป็นข้ารับใช้จอมทรยศที่สุดยอดเสียจริง
“ข้าอยากให้เจ้าสร้างรูปสลักในตอนที่ข้ายังเยาว์วัยขึ้นมา!
ข้าจะจัดเตรียมอะไรก็แล้วแต่ที่เจ้าต้องการใช้สร้างรูปสลักนี้”
ติ้ง!
พระบรมรูปของกษัตริย์
สร้างพระบรมรูปของราชาแห่งราชอาณาจักรริทเท่นตอนที่ทรงพระเยาว์ให้อยู่ภายในพระราชวัง
จงสร้างสรรค์รูปสลักที่จะทำให้พระราชาพึงพอใจ
มีเพียงหนึ่งในเหล่าประติมากรรมยอดฝีมือทั่วทั้งทวีปเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ให้สำเร็จได้
วัสดุสำคัญสามารถหาพบได้ภายในพระราชวัง
ความยาก: ภารกิจเฉพาะอาชีพ
รางวัล: แร่มรกต แร่ไพลิน อย่างต่ำ 10 ชิ้นหรือมากกว่า
ข้อจำกัดของภารกิจ: สามารถทำได้เฉพาะอาชีพประติมากร
เนื่องจากการใช้คำยกยอ
ประติมากรรมชิ้นนี้จึงได้รับคำสั่งมาให้สร้างมันขึ้น
วีดโน้มตัวเขาลงแสดงความเคารพ
“ทรงเป็นเกียรติของกระหม่อมที่จะได้สลักรูปสลักเหมือนของฝ่าบาท
กระหม่อมหวังว่าผลงานของกระหม่อมจะทรงทำให้พอพระทัยได้”
-ท่านยอมรับภารกิจแล้ว
ภายในพระราชวัง
ได้มีแร่หินแกะสลักชั้นยอด แถมสีสันของแร่ก็ขาวดุจดั่งปุยหิมะถูกจัดเตรียมเอาไว้
จากนั้นวีดก็เอามีดแกะสลักของซาฮับออกมาเพราะมันทำให้งานของเขาง่ายขึ้นมากๆ
“ประติมากรรมชิ้นนี้ไม่ควรถ่ายถอดรูปลักษณ์ของพระราชาตอนทรงเยาว์วัยจริงๆ”
เมื่อได้ดูรูปวาดของเขาเมื่อตอนยังเป็นเด็ก
พระราชาแห่งราชอาณาจักรริทเท่นดูอย่างกับทารกออร์ค
“คงจะดีกว่าถ้าหากฉันทำให้เขาดูหล่อเหลาแทน”
เขาเพิ่มส่วนสูงของรูปสลักขึ้นเล็กน้อย
ทำดั้งจมูกสูงขึ้นอีกหน่อย เพื่อที่จะซ่อนตำหนิต่างๆเขาจะต้องแปลงรูปร่างมันจากที่อ้วนจนดูน่าเกลียดน่ากลัว
ทำให้มีรูปร่างดูกำยำมากขึ้น และเพื่อทำให้ประติมากรรมดูกลมกลืนมากขึ้นเขาก็สวมเพียงชุดเกราะหนึ่งชุดกับถือดาบหนึ่งเล่ม
แม้ว่ามันจะมีลักษณะเฉพาะที่คล้ายคลึงกับพระราชาแห่งริทเท่น
แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นคนอื่นไปเลยต่างหากละ!
ความแตกต่างที่อยู่ในประติมากรรมนั้นมันดูชัดเจนเสียยิ่งกว่ารูปวาดจากงานฉลองซะอีก
(คงเป็นรูปที่แต่งให้ดูหล่อขึ้น 555)(แอดชิน: เหมือนการรีทัชรูปน่ะแหละ 555)
แม้ว่าจะใช้เวลาลงทุนลงแรงไปกับประติมากรรมชิ้นนี้เพียง
3-4ชั่วโมงเท่านั้นแต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นช่างดีจริงๆ
วีดเพิ่มระดับทักษะการแกะสลักของเขารวมถึงทักษะการแกะสลักธรรมชาติด้วย
พลังงานธรรมชาติมารวมตัวอยู่รอบๆคลุมทั่วประติมากรรมราวกับสวมเสื้อผ้าเอาไว้
รูปสลักส่องแสงแวววาวหมุนวนอยู่รอบๆขณะที่มันถูกชโลมไปด้วยพลังงานเหล่านั้น
และนอกเหนือจากนั้นก็มีคำประจบสอพลอแทรกเข้ามา
“ทักษะของกระหม่อมยังด้อยมากนัก
เกียรติและจิตวิญญาณอันเต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาของฝ่าบาทซึ่งกระหม่อมล้มเหลวที่จะจับจ้องมันเอาไว้ได้
กระหม่อมสมควรตาย!”
ด้วยผลงานที่ไม่มีแม้แต่รอยตำหนินั้น
ก็ได้จับใจของพระราชาแห่งอาณาจักรริทเท่นเอาไว้แล้ว
“ดีแล้วละ
ในความคิดของข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องตำหนิตนเองหรอก มันคงต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะทำสิ่งล้ำค่าขนาดนี้ได้”
ประติมากรรมถูกสร้างขึ้นมาด้วยความรีบร้อนจากวัสดุเหลือใช้ทั้งหลาย
ในความเป็นจริงแล้วรูปร่างเดิมก็ไม่ได้ดูดีอยู่แล้ว
แต่ด้วยทักษะของวีดและเวลาที่เหลือล้น มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีขนาดนี้
“แม้แต่ซาฮับหรือเดย์แครมก็คงมีเวลายากลำบากกับผลงานแบบนี้แน่ๆ”
ระดับคุณค่าทางศิลปะจากผลลัพธ์นี้ไม่ได้สมน้ำสมเนื้อเสมอไปเมื่อเทียบกับความสำเร็จของภารกิจที่ได้ทำลงไป
“เส้นทางของศิลปินนี่ช่างยากลำบากจริงๆ”
แม้ว่าภารกิจได้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว
แต่เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อรับภารกิจง่ายๆอย่างนี้
เขามานี่เพื่อจะได้เห็นผลงานสะสมทางศิลปะของราชวงศ์ที่จัดแสดงอยู่ภายในปราสาท
เรื่องราวที่ยาวนานใกล้มาถึงที่สิ้นสุดแล้ว
นั่นก็คือการเยี่ยมชมบ้านนั่นเอง!
การชมผลงานทางศิลปะนั้นเป็นหนทางที่เร็วที่สุดเพื่อฟื้นฟูค่าสถานะทางศิลปะได้
วีดและยูรินเตร็ดเตร่ไปทั่วปราสาทอย่างน่าไม่อายเพื่อกอบโกยเอาค่าสถานะทางศิลปะมา
“โอ้โห
ช่างเป็นประติมากรรมที่วิเศษมาก! พระองค์มีผลงานทางศิลปะเยี่ยมยอดมากมายเหลือเกิน
ฝ่าบาท นี่เป็นเครื่องแสดงถึงพลังอำนาจ ความแข็งแกร่งและเกียรติศักดิ์ของพระองค์อย่างแท้จริง
ว่าแต่ว่า ยังมีผลงานเหลืออีกไหมครับ?”
ท่านได้เห็นผลงาน
‘ฝูงหมาป่าในแดนสนธยา’
ที่แกะสลักขึ้นโดยประติมากรหลวง มาติโน่
ค่าสถานะทางศิลปะเพิ่มขึ้น
2
แต้ม
ทักษะแกะสลักเพิ่มขึ้น
0.1%
จากการชื่นชมผลงานศิลปะอันยอดเยี่ยม
ท่านได้เห็นภาพวาด
พระราชวังในฤดูใบไม้ผลิที่วาดขึ้นโดยจิตรกรหลวง เพอริล
ค่าสถานะทางศิลปะเพิ่มขึ้น
3
แต้ม
การชื่นชมผลงานภาพวาดอันแสนวิเศษได้เพิ่มค่าความเชี่ยวชาญของทักษะวาดภาพขึ้น
3.1%
ในขณะที่ชื่นชมผลงานต่างๆเขาก็ได้รับประทานอาหารแล้วก็พูดคุยไปกับเหล่าอัศวินและเหล่าขุนนางไปด้วย
บรรดาผู้เล่นที่สามารถเข้าพบชนชั้นสูงหรือว่าพระราชาได้นั้นมีน้อยมาก
มันเป็นระยะห่างที่เอื้อมไม่ถึง
ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเสาะหาข้อมูลเกี่ยวกับพระราชาของอาณาจักรๆหนึ่งบนบอร์ดกระดานข้อมูลของโรยัลโร้ดได้หรือแม้แต่จากเว็ปไซต์ของดาร์คเกมเมอร์
พวกเขาสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับรสนิยม
สไตล์ทางศิลปะได้อย่างมากมายจากที่แห่งนี้
ผลงานสะสมทางศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ได้แสดงถึงความยิ่งใหญ่และพลังอำนาจอันเป็นที่สุดของกษัตริย์อย่างแท้จริง
ปฏิกิริยาของวีดตอนที่เห็นภาพสะสมอันงดงามมากมายสุดลูกหูลูกตาและผลงานศิลปะที่ชวนหลงใหลก็ถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
“พระองค์มั่งคั่งร่ำรวยด้วยเงินตราจากผลงานทั้งหมดนี้สินะครับ”
ค่าความใกล้ชิดกับกษัตริย์เพิ่มขึ้น
ราชอาณาจักรแห่งนี้มีผลงานศิลปะอันชวนหลงใหลและไม่ดูหรูหราเกินไปตั้งเรียงแถวกันไปจนเป็นแนวยาว
“ผิดแล้วหล่ะ
ข้าจนจะตาย!”
“……”
เขาท่องไปในหลายๆอาณาจักรขณะที่เกาะคนอื่นเขากินและเที่ยวชมผลงานพวกเขาไปด้วย
ตอนนี้ค่าสถานะทางศิลปะของเขาฟื้นคืนมาถึง 2089 แต้มแล้ว
ถ้าหากว่าคุณได้ไปเยือนที่คฤหาสน์
พระราชวัง และโบสถ์วิหารทางศาสนาในแต่ละอาณาจักรทั่วทั้งทวีปเวอร์เซล
คุณก็จะสามารถเพิ่มค่าสถานะทางศิลปะได้อย่างมหาศาล
แต่อย่างไรก็ตามถ้าค่าความสนิทสนมของคุณต่ำเกินไป
บรรดาพระราชาหรือพวกลอร์ดก็จะไม่ให้คุณเข้าไปดูผลงานศิลปะอันแสนวิเศษจากงานสะสมของพวกเขา
นอกเสียจากค่าชื่อเสียงของคุณจะสูงมากพอ
คุณอาจจะชายตามองผลงานศิลปะที่แขวนอยู่ตรงทางเดินหรือที่ตั้งอยู่ในสวนโล่ง
ถ้าหากลอร์ดและชนชั้นสูงพวกนั้นไม่ได้สนใจในการแกะสลักที่สูงมาก
ค่าชื่อเสียงที่สูงนั้นก็ไร้ค่าเช่นกัน
ค่าชื่อเสียงของวีดเพิ่มขึ้นมาก่อนหน้านี้จากการแกะสลักและออกผจญภัย
ถ้าหากว่าพวกชนชั้นสูงพวกนั้นไม่ได้สนใจในทั้งสองอย่างนี้
พวกเขาก็คงปฏิเสธคำขอเข้าพบอยู่ดี
“ข้าเกรงว่าข้าจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเจ้าภายในกระแสสังคมของเรามากนัก”
“เจ้าสร้างประติมากรรมมามากมายงั้นหรือ?
ข้าชื่นชมในดาบ ถ้าเจ้าไม่ใช่นักดาบระดับปรมาจารย์งั้นการเข้าพบก็คงเป็นไปไม่ได้”
“เมืองเสรีนี้สามารถเติบโตขึ้นมาได้ด้วยการค้าขาย
ความสามารถของท่านในฐานะพ่อค้าถือว่าขาดแคลนอย่างมาก”
ถ้าหากคนๆนั้นโด่งดังท่ามกลางเหล่าขุนนาง
เป็นพ่อค้าที่ยอดเยี่ยม เชี่ยวชาญด้านศาสตราวุธ
ชำนาญในการใช้เวทย์มนต์หรือแม้แต่เชี่ยวชาญความสามารถอีกอย่างอื่นหลากหลายมากมาย
พวกเขาก็จะไม่อาจได้รับคำยินยอมให้เข้าพบเหล่าอัศวินกับชนชั้นสูงพวกนั้นด้วยเช่นกัน
เหล่าผู้เล่นต่างเพิ่มพูนสร้างความประทับใจให้กับบรรดาลอร์ดที่ปกครองหัวเมืองผู้ที่เป็นบุคคลท้องที่ของราชอาณาจักรฮาเว่น
แน่นอนอยู่แล้วว่านี่ไม่สำคัญเลยถ้าหากว่าพวกเขามีค่าชื่อเสียงพอๆกับวีด
ปราสาทที่ครอบครองผลงานศิลปะเอาไว้มากมาย
ถึงแม้ว่าคุณจะไปเยือนที่คลังเก็บผลงาน มันก็คงจะสูญเปล่าเพราะว่าพวกมันถูกขายออกไปหมดแล้ว
มีเพียงพระราชาแห่งราชอาณาจักรริทเท่น
ราชอาณาจักรไอเดิร์น ราชอาณาจักรโรเซนไฮม์ และราชอาณาจักรบริทเท่นเท่านั้นที่ทำให้วีดพอใจได้
แล้วพวกเขาก็ยังเอาผลงานศิลปะส่วนตัวที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆออกมาให้ดูด้วย
แต่สำหรับการไปเยี่ยมเยือนแม้จะเป็นลัทธิภายในทวีป
ก็ยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากกว่าเสียอีก มีเพียงลัทธิแห่งเทพีเฟรย่า ลัทธิลู
และอีกสามลัทธิเท่านั้นที่เคารพในการเผชิญหน้าต่อสู้ของวีดกับพวกวิหารเอ็มบินยู แล้วอนุญาตให้เขาเข้าพบได้
เขาท่องไปทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลแล้วก็พบเจอกับคำดูถูกเหยียดหยามต่ออาชีพนักแกะสลักจากพวกชนชั้นสูงทั้งหลาย
“เจ้าสามารถทำให้กองกำลังมอนสเตอร์มากมายมหาศาลล่าถอยไปด้วยการแกะสลักหรือไง?
การแกะสลักมันก็มีไว้ให้กับแค่พวกที่ไม่กังวลอะไรกับพวกเบื่อชีวิตเท่านั้นแหละ”
“เจ้าบอกว่าเจ้าสามารถค้นพบความงามจากประติมากรรมงั้นหรอ?
โฮ่ โฮ
ไม่มีอะไรงดงามมากไปเสียกว่าเวทย์มนต์ที่มาจากการพัฒนาความรู้และความเข้าใจในมานาแล้วละ”
ภายในทวีปแห่งนี้
สถานะของเหล่าประติมากรนั้นต่ำต้อยอย่างมาก นั่นจึงทำให้ไม่มีใครเชี่ยวชาญ โดดเด่น
และโด่งดังเท่ากับวีดอีกแล้ว
ดังนี้ความตระหนักถึงการแกะสลักของผู้คนจึงต่ำและบ่อยครั้งที่เพิกเฉยต่ออาชีพนี้
ด้วยสิทธิพิเศษของเหล่านักดาบและพวกจอมเวทย์
การยอมรับในอาชีพอื่นๆก็เปลี่ยนไปด้วยการกระทำของเหล่าผู้เล่นทั้งหลาย
บารอนคนหนึ่งชี้นิ้วไปที่เรือด้วยท่าทีหยิ่งยโสและพูดออกมา(แอดชิน:บารอนก็เหมือนกับบุคคลชั้นสูง)
“ประติมากรงั้นหรอ?
ก็ดีละนะแต่ข้ายินดีที่จะฟังเรื่องราวจากนักผจญภัยเสียมากกว่า
ข้าได้ยินข่าวลือมาบ้างว่าเจ้ามีการผจญภัยอันยอดเยี่ยมในดินแดนทางเหนือที่เรียกว่า
ลาส ฟาลังคซ์! ข้าอยากจะฟังจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น
ถ้าหากว่าเจ้าเป็นจิตรกรที่ชอบลวงโลกด้วยภาพวาดไปทั่วทั้งร่างกายของเจ้า
ข้าก็ไม่มีวันไปพบกับเจ้าหรอก!”
อาชีพจิตรกรถูกปฏิบัติแบบพอๆกัน
ถ้อยคำปลอบใจเท่านั้นที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคงอยู่ในสถานการณ์เดียวกันได้
“ถึงงั้นก็เถอะ มันก็ยังพอทนได้ละนะเพราะว่าทั้งจิตรกรกับประติมากรก็ถูกดูถูกเหยียดหยามพอๆกันทั้งนั้นแหละ!”
หลังจากสร้างประติมากรรมธรรมชาติและไปเยือนปราสาทหลายแห่ง
ยังเหลือเวลาเพียงแค่ 24
ชั่วโมงเท่านั้นกว่าจะเริ่มภารกิจของบัลข่าน
แต่ทว่าจนถึงบัดนี้
วีดก็สามารถเพิ่มค่าความเชี่ยวชาญทักษะแกะสลักธรรมชาติของเขาได้แล้ว 89% จากที่อยู่ขั้นกลางเลเวล 5 ในขณะนี้
อีกนิดเดียวเท่านั้นเขาก็จะสามารถเรียนรู้ทักษะแกะสลักมหาภัยพิบัติได้แล้ว!
แล้วยูรินก็ถามขึ้นมา
“พี่ค่ะ ทีนี้เราจะไปไหนต่อค่ะ?”
“ตอนนี้
เรากลับเมืองโมราต้ากันเถอะ”
จากนั้นยูรินก็เริ่มวาดภาพหอคอยแห่งแสงขึ้นมา
มันคือภาพเมืองโมราต้าในยามราตรี
หลังจากที่วาดหอคอยเสร็จแล้ว
เธอก็เพิ่มแสงที่ส่องแสงเรืองรองแล้วก็วาดตัวเองและวีดลงไปในฉากนั้น
“ทักษะจินตภาพเคลื่อนย้าย!”
(Picture Teleportation)
แล้วเขาทั้งสองคนก็หายตัวไปจากตรงนั้นทันที
==============================
“ข้ามาที่นี่เพื่อสมัครเป็นคนงานครับ”
“ข้าเริ่มงานวันนี้เลยได้ไหมครับ?”
สถานที่ก่อสร้างของเมืองโมราต้าคับคั่งไปด้วยผู้คนที่ต้องการเข้าร่วมการก่อสร้างวิหาร
500 คน 2,000
คน 7,000 คน 8,000 คน
จากนั้นก็กลายเป็น 20,000 คน
ขณะที่เวลาผ่านพ้นไปผู้คนก็ยิ่งมารวมตัวมากขึ้นด้วยความสนใจที่จะก่อสร้างราวกับฝูงมดที่ร่ายล้อมก้อนเค้ก
“พวกที่จะรวบรวมก้อนหิน
มาต่อแถวเร็วเข้า!”
“กำลังรับสมัครสมาชิกปาร์ตี้ไปขุดแร่เหล็ก!
หากมีทักษะการทำเหมืองจะยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง”
วัสดุก่อสร้างก็กองขึ้นเรื่อยๆราวกับภูเขาเช่นกัน
พวกเขาระดมกำลังคนงานเพื่อทำภารกิจให้ลอร์ด!
เพื่อที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่
เหล่าผู้เล่นของโมราต้าจึงเข้าร่วมมากมายมหาศาล
วัสดุก่อสร้างถูกรวบรวมโดยเหล่าผู้เล่นจากเหมืองที่อยู่ใกล้เคียง
จากภูเขาและแม่น้ำด้วยเช่นกัน
เหล่าผู้เล่นรวมกลุ่มกันขึ้นมาอย่างกับพวกมดรายล้อมอยู่รอบๆวิหารและหอสมุด
ขณะที่ก่อกองอิฐกองหินขึ้นเป็นต้นเสา
“ตรงกลางของวิหารให้สร้างโบสถ์เล็กๆขึ้นมา
แล้วก็สร้างหอคอยอีก 12 หลังด้วย”
“เพิ่มตึกที่เอาไว้สอนศาสนาด้วยสิ”
“อย่าลืมสร้างที่พักให้กับพวกพาลาดินกับนักบวชของวิหารด้วยล่ะ”
“โบสถ์เล็กไม่ควรจะสูงอย่างต่ำ
150 เมตรหรอกหรอ? เราต้องสร้างโดมครอบเอาไว้ด้านบนด้วยนะ”
“ความสูงอย่างต่ำก็ควรซัก
230 เมตร
มันก็ดูสมเหตุสมผลนะที่จะทำให้ใหญ่กว่าเทวรูปของเทพีเฟรย่า”
บรรดาสถาปนิกที่รับหน้าที่ออกแบบอยู่บริเวณสถานที่ก่อสร้างกำลังโต้เถียงกันไปมา
วิหารอันแสนอลังการถูกวางโครงขึ้นมาอย่างกระท่อนกระแท่นภายในเมืองโมราต้า
บรรดาผู้คนต่อแถวเรียงตัวรวมกันเพื่อถ่ายโอนวัสดุก่อสร้างจากเหมืองและแม่น้ำใกล้ๆเพื่อส่งไปให้ไกลมากยิ่งขึ้น
“ฮึบฮึบ!”
“เฮือก!”
บรรดาผู้เล่นใหม่แบกก้อนหินและท่อนไม้ด้วนท่อนขายันที่โคลงเคลงไปมา!
จนถึงบัดนี้งานทั้งหมดที่วีดเกี่ยวโยงด้วยล้วนประสบความสำเร็จ
ทั้งมหาพีระมิดและรูปสลักแห่งเทพีเฟรย่าคือหลักฐานที่เห็นได้ชัดเจน
นี่เป็นโอกาสทองเพื่อที่จะได้รับแต้มช่วยเหลือภายในเมืองโมราต้าและมหาวิหารแห่งเทพีเฟรย่าที่ไม่ควรพลาด
การเพิ่มแรงสนับสนุนให้กับเมืองด้วยการช่วยเหลือในการพัฒนาเมืองเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
คุณสามารถลดค่าภาษีของคุณลงได้
หรือแม้แต่หยิบยืมกำลังทหารเพื่อออกเดินทางสำรวจหรือสร้างบ้าน คุณสามารถได้รับอุปกรณ์จากคลังสรรพาวุธของลอร์ดได้อีกด้วย
(มีด้วยหรอ?)
สำหรับเหล่าผู้เล่นใหม่ที่เริ่มต้นในเมืองโมราต้า
พวกที่อาศัยอยู่ภายแดนเหนือมาเป็นเวลานาน
นี่ถือว่าเป็นโอกาสที่พลาดไม่ได้อย่างที่สุด!
เมแพน
ไอรีน และเพลกำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับหัวข้อนี้ขณะที่มองดูทิวทัศน์ของเทือกเขา
“จริงๆมันก็เป็นอย่างที่เราคิดล่ะนะ”
“พวกผู้เล่นที่เริ่มเล่นในเมืองโมราต้ากำลังเติบโตขึ้นเร็วมากจริงๆ”
“ฉันประมาทไม่ได้เลยจริงๆ”
น่าประหลาดใจอย่างยิ่งที่วีดไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อให้เหล่าผู้เล่นมาร่วมสร้างเลย
บรรดาผู้เล่นอาสามาร่วมทำงานอย่างเต็มใจแล้วพร้อมที่จะโดนขูดเลือดขูดเนื้อโดยวีด
เพื่อสานต่อความฝันอันยิ่งใหญ่
จึงมีผู้เล่นใหม่มากมายภายในเมืองโมราต้า
แม้ว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับเหล่าผู้เล่นใหม่ที่จะเคลื่อนย้ายวัสดุก่อสร้างทั้งหลาย
แต่มันก็เสร็จสมบูรณ์ได้โดยไม่มีความล่าช้าเลย
ในขณะที่สมาคมกลุ่มอาชีพควบคุมการทำงานขั้นแรกได้เป็นอย่างดีที่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆของการก่อสร้าง
วีดไม่ได้บังคับให้พวกเขาทำภารกิจครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากการทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่ภายในเมืองโมราต้าและเพื่อช่วยพัฒนาตัวเมืองด้วยน้ำมือของตนเอง
มันจึงเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าที่จะยอมอพยพไปยังดินแดนอื่น
วีดเองก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ยากมากด้วยเช่นกัน!
การได้สร้างข้อผูกมัดอันยิ่งใหญ่
วีดก็คาดว่าจะได้ตักตวงเงินตรากลับมาได้ด้วยเช่นกัน!
“ทั่วทั้งโลกใบนี้
จะมีคนไหนที่ดีเท่าลอร์ดของพวกเราอีกหล่ะ?”
“ภาษีก็ต่ำ
สิ่งก่อสร้างที่สำคัญก็มีให้พร้อมใช้งาน ความปลอดภัยก็ดีเยี่ยม แถมการออกแบบเส้นทางแล้วก็การพัฒนาเขตตัวเมืองก็ยอดเยี่ยมอีก”
แม้ว่าจะไม่มีความจริงที่ถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการ
ข่าวลือยกยอที่มากมายขึ้นเรื่อยๆก็ไหลทะลักไปจนถึงบอร์ดออนไลน์
“มีเงินลงทุนในเมืองโมราต้าถึง
2 ล้านเหรียญทองเลยงั้นหรอ? เงินจำนวนมากมายขนาดนั้นออกมาจากเงินส่วนตัวของเขาเองเลย
แถมยังไม่ใช่เงินทุนสาธารณะอีกด้วย”
“โมราต้าเคยเป็นหมู่บ้านที่ถูกทำลายจนหมดสิ้น
เขาช่วยเหลือเหล่าชาวเมืองแล้วก็เติบโตจนมาถึงระดับนี้ได้
แม้แต่ตอนนี้เขาก็กำลังสร้างสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ขึ้นอีกด้วย”
มีคำยกยอสรรเสริญวีดท่ามกลางเหล่าผู้เล่นและชาวเมือง
เขาอาจจะเป็นลอร์ดที่โด่งดังที่สุดบนทวีปในขณะนี้ก็ได้
พวกเขาถูกล้างสมองไปจนถึงขั้นยกยอสรรเสริญวีดแล้ว
แม้ว่าวีดจะลากมอนสเตอร์มากมายไปฆ่าอย่างโหดเหี้ยมก็ตาม
“พวกเราพักผ่อนพอแล้ว
ได้เวลากลับไปแล้ว”
“มาเถอะ
มาเร็ว! ไปได้แล้ว”
เมแพน
เพลและไอรีนผลักรถเกวียนซึ่งบรรทุกแร่หินที่ตัดแต่งเสร็จแล้ว บรรดาเพื่อนร่วมงานของวีดที่ยังเหลืออยู่ในเมือง
ต่างกำลังวิ่งขึ้นลงบันไดแบกก้อนหินเพื่อใช้สร้างหอสมุด
==============================
วีดและยูรินมาถึงหอคอยแห่งแสงแล้ว
เมื่อสังเกตการณ์จากบนที่สูงแล้ว
วีดก็ตระหนักได้ว่าตามถนนหนทางมีผู้คนคับคั่งเยอะกว่าตอนที่เขาออกไปเทือกเขาเดบการ์ดซะอีก
เพราะข่าวคราวที่ว่ามีการก่อสร้างสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ ผู้คนมากมายก็หลั่งไหลเข้ามา
รวมถึงเหล่ามือใหม่และนักเดินทางจากทวีปกลาง
“ฮืมมมม คงต้องเปลี่ยนชุดซะแล้ว”
ในตอนที่เขาออกไปขายผลงานของเขา
เขามักจะสวมใส่เสื้อผ้าเก่าๆโทรมๆของเด็กใหม่อย่างจงใจ
มันไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเปลี่ยนแต่เพราะว่ามันไม่จำเป็นต้องใช้คุณสมบัติพิเศษเพื่อใช้สร้างประติมากรรมต่างหาก
“เพราะว่านี่มันดูสุดยอดไปเลยยังไงละ!”
เพราะว่าศิลปะหมายถึงความหิวโหย
บางปาร์ตี้จากทวีปตอนกลางสวมใส่เสื้อผ้าผู้เล่นใหม่ที่เก่าโทรมเพื่อซ่อนความหมายบางอย่างเอาไว้เบื้องหลัง
วีดเปิดหน้าต่างแชทของกิลด์ขึ้นมาแล้วกดปุ่ม‘กระซิบ’หลังจากที่เปลี่ยนชุดแล้ว
บางครั้งบางคราวเขาจะเปิดหน้าต่างแชทเพื่อที่จะรวบรวมข้อมูลเพราะว่าอย่างงั้นเขาจึงจะสามารถสร้างประติมากรรมภายในเมืองโมราต้าได้
อย่างไรก็ตามดูท่าว่าจะไม่มีอะไรเด้งขึ้นมาเลยเพราะว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงซุบซิบพูดคุยภายในหน้าต่างเลย
บรรดาสมาชิกกิลด์ไวลเดอร์เนส
ทราเวลเลอร์ (Wilderness Traveler: นักท่องแห่งความดุร้าย)
(แอดนึกชื่อกิลด์เจ๋งๆที่วีดอยู่ได้แล้ว ‘นักเดินทางผู้ดุร้าย’ ‘นักเดินทางแห่งความดุร้าย’หรือ
‘นักเดินทางแห่งความเกรี้ยวกราด’แต่ก่อนใช้นักเดินทางแห่งพื้นที่รกร้าง
ดูความหมายไกลกันมาก 555 )ที่มีอาชีพใกล้ชิดกับเหล่าสังคมคนรวย
แถมระดับเลเวลของพวกเขาก็ยังสูงมากอีกด้วย ภายในกิลด์มักจะพูดคุยเกี่ยวกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์อยู่บ่อยๆ
แถมยังมีการพูดคุยถึงเรื่องบริเวณต่างๆในจัตุรัส
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเหล่าพ่อค้าถึงได้รู้เกี่ยวกับมัน
ในแวดวงกิลด์พ่อค้ามีข่าวลือมากมาย ข้อมูลทางตลาด
และสินค้าสำคัญที่จำเป็นสำหรับผู้ออกผจญภัยอีกเยอะมาก
“งั้นไว้เจอกันนะ”
วีดแยกตัวออกมาจากยูรินแล้วก็เดินไปที่บนถนนของเมืองโมราต้า
แล้วก็สอดส่องมองไปรอบๆจัตุรัสที่มีบรรดาผู้เล่นมากมายหลากหลายเลเวล
พวกเขาส่วนมากกำลังมองหาสมาชิกเพื่อสร้างปาร์ตี้ออกล่า
จากภาพที่เห็นนี้คงสามารถมองไปถึงอนาคตอันสดใสของเมืองโมราต้าได้!
จากนั้นรอยยิ้มอันพออกพอใจก็ก่อขึ้นมาสู่ใบหน้าของวีด
“เชิญมาทานอาหารฟรีได้ครับ
ลอร์ดของพวกเราได้จัดเตรียมเอาไว้ให้สำหรับผู้คนที่หิวโหยอดอยาก
มาเร็วเข้ามากินกัน!”
มีผู้คนนับร้อยคนยืนต่อแถวเพื่อรับอาหารที่ครัวแจกซุป(Soup
kitchen)ของเมืองโมราต้า!
มื้ออาหารฟรีที่ผู้คนสามารถทานได้ไม่จำกัด
แล้วก็มีหญิงสาวคนหนึ่งพูดคุยกับอีกคนเกี่ยวการได้รับอาหารในครั้งนี้
“ลอร์ดของพวกเรานี่ยอดเยี่ยมที่สุดจริงๆ”
“จริงๆนะ
ไม่มีที่ไหนอื่นอีกหรอกที่จะยอมให้อาหารฟรีๆแบบนี้น่ะ”
“แถมยังเป็นซุปเนื้อวัวที่รสชาติอร่อยมากๆอีกด้วย”
“มีอาหารที่อร่อยภายในครัวซุปอย่างนี้ได้ยังไงนะ?
เมนูอาหารเปลี่ยนทุกๆวันเลย แม้แต่คนที่มีเลเวลสูงกว่า 300 ก็ยังมากินที่นี่เลย”
ปากของวีดสั่นสะท้านด้วยความโกรธ
เขายับยั้งใจคำสาปแช่งนับล้านไม่ให้พ่นออกไปจากลำคอของเขาเอง!
ผลลัพธ์ดั้งเดิมของการแจกจ่ายอาหารฟรีที่เขาหวังไว้คือ
เหล่าผู้เล่นนั้นควรจะมีเรี่ยวแรงทำงานในการออกไปล่าแล้วก็จ่ายค่าภาษีเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามภายในความคิดของวีดกลับเป็นตัวเขาเองที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายนั้น
พวกผู้เล่นผู้หญิงมักจะผลาญมานาของพวกเธอไปโดยไม่คำนึงถึงการรู้จักต้นทุนที่ตนเองมี
ดังนั้นพวกเธอก็จึงหวังเอาแต่จะเพิ่มขีดจำกัดพวกเธอด้วยการกินของฟรีให้ได้มากขึ้นเท่านั้น
“ฉันขออาหารสามที่ค่ะ
ได้โปรด!”
“ฉันต้องออกไปล่า
งั้นขอเพิ่มสองชามหน่อยเถอะค่ะ”
“แค่นี้พอหรือยังครับ?”
ผู้เล่นหญิงห้าคนสวาปามอาหารเข้าไปอย่างตะกละตะกลามโดยไม่มีการยับยั้งชั่งใจ
อาชีพของพวกเธอก็คือนักรบที่มีความต้องการพลังทางกายภาพสูงมาก!
ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ต้องเคลื่อนไหวร่างกายของพวกเธออย่างมาก
ดังนั้นจึงต้องกินมากด้วยเช่นกัน
วีดรู้สึกราวกับว่าเนื้อหนังของเขาถูกเชือดเฉือนออกไปทุกๆครั้งที่เขาเห็นอาหารหายวับไปในปากของผู้หญิงพวกนั้น
“นี่ต้องเป็นความรู้สึกเหมือนกับตอนที่ผู้หญิงสั่งสเต็ก
เครื่องดื่ม แล้วก็สลัดตอนนัดบอดสินะ?” (blind date นัดเจอกันครั้งแรก)
แค่จินตนาการถึงนรกนั่น
เขาก็รู้สึกเหมือนกำลังโดนรัดคอแล้ว!
ความเป็นที่นิยมของโรงครัวซุปนั้นกระฉ่อนไปทั่ว
แล้วผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามาดื่มด่ำอย่างไม่ขาดสายก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่อื่น
เหล่าผู้เล่นใหม่กำลังกวัดแกว่งดาบอันแสนง่อนแง่นไม่เหมาะจะไปต่อสู้กับใครได้เลย
พร้อมกับสวมหมวกปีกกว้างไร้ค่าคุณสมบัติเสริมที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง
ในขณะที่เลเวลของพวกเขาสูงขึ้น
แม้ว่าบางคนจะยังคงกลับมาที่โรงครัวซุปอยู่บ้างแต่พวกเขาส่วนมากนั้นจะมีเงินมากขึ้นแล้วก็มักจะค้นหาอาหารที่อร่อยกว่า
“ฉันไม่ควรขี้เหนียวเรื่องอาหารการกินสิ
แต่ว่าแล้วมีอาหารมากเท่าไรที่ถูกกินไปนะ? เปิดหน้าต่างข้อมูลโรงครัวซุป!”
โรงครัวซุปของท่านลอร์ด
สถานที่ที่จัดเตรียมอาหารฟรีให้กับชาวเมืองโมราต้ารวมถึงผู้อพยพทั้งหลาย
(ผู้เล่น)
ได้จัดเตรียมอาหารเอาไว้สำหรับคนจำนวนมากในทุกๆวัน
พ่อครัวที่ทำงาน: 603 คน
จำนวนของอาหารที่ถูกเตรียมไว้ในแต่ละวัน: 191,800 ชาม
การใช้จ่ายเหรียญทองต่อสัปดาห์:
เงินค่าแรงพ่อครัว
1,809 เหรียญทอง
ส่วนประกอบอาหาร
18,794
เหรียญทอง
ผลเอฟเฟ็คท์:
เพิ่มค่าความภักดีให้กับลอร์ด
ความไม่มั่นคงลดลง
อัตราการเกิดเพิ่มขึ้นสองเท่า
ราคาของอาหารลดต่ำลง
พัฒนาทักษะการทำอาหารของเหล่าผู้เล่นใหม่
ภายในเดือนหนึ่งปริมาณเหรียญทองถูกใช้ไปมากกว่า
80,000
เหรียญทองเนื่องจากโรงครัวซุป
“อึก ฮึก ฮือ ฮือ”
วีดทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร่ำไห้ออกมา
ตอนที่เขายังเป็นเด็กแล้วพ่อแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่
มันทำให้เขานึกถึงตอนที่เด็กที่โตกว่ามารังแกเขาแล้วก็เอาอมยิ้มเขาไป!
พฤติกรรมที่ผิดปกติของเขาดึงดูดสายตาจากผู้คนมากมายที่เดินผ่านเขาบนถนนบนถนนของโมราต้า
“เขาต้องถูกดึงดูดมาที่นี่เพราะโรงครัวซุปแน่ๆ”
“ผู้ชายคนนั้นมาจากดินแดนอื่นหรือเปล่านะ?
ตอนที่เขาได้เห็นส่วนอื่นๆของโมราต้าเขาคงจะมีความสุขมากจริงๆ
มันช่างเป็นเมืองที่น่าสนใจและสนุกสนานมาก”
“หน้าตาของเขาดูไม่คล้ายคลึงกับลอร์ดโมราต้าไปหน่อยหรอ?”
“มันก็ไม่เหมือนซะทีเดียว
ไม่มีทางที่ชายที่ดูท่าทางซอมซ่ออย่างนั้นจะดูเหมือนกับเทพสงครามวีด”
วีดเดินเข้าไปอย่างพินิจพิเคราะห์ใกล้ๆกับโรงครัวซุป
ใจจริงแล้วเขาอยากจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นภัตตาคารมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามเมื่อลองคิดถึงผลระยะยาว
แม้ว่าครัวซุปใช้จ่ายไปมากมายแต่ผลประโยชน์ที่ได้มันยิ่งใหญ่มาก
โมราต้าได้กลายเป็นเมืองขนาดใหญ่
การรักษาความปลอดภัยสาธารณะและอัตราการเกิดก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
แถมการพัฒนาทางเศรษฐกิจก็ยกระดับขึ้นไปอีก ผลประโยชน์ที่โดดเด่นที่สุดก็คือค่าชื่อเสียงของวีดในฐานะลอร์ดเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
“เพื่อที่จะได้เก็บเกี่ยวกำไรให้ได้มากๆ
ตอนนี้คือเวลาแห่งการเพาะปลูก”
บรรดาชาวเมืองและผู้เล่นก็จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนให้ได้มากๆ
เทคโนโลยีของหมู่บ้านออร์คนั้นไม่ได้มีการพัฒนาในระดับที่ดีนัก
นอกเสียจากว่าพวกมันจะกลายไปเป็นหุ้นส่วนกับหมู่บ้านอื่นๆ แล้วก็ผลิตลูกมือทำงานได้เป็นพันๆตน
ภายในร้านค้า
การจะขายให้ถึงเป้านั้น เป็นสิ่งที่ยากเกินไป
แต่อย่างไรก็ตามเงินที่พวกออร์คเก็บสะสมมาก็เริ่มแปรผันไม่แน่นอนแล้ว
จำนวนของสินค้าก็เปลี่ยนไปอยู่ในตำแหน่งที่น่าหวาดหวั่น
พ่อค้าออร์คส่วนใหญ่มักจะพูดว่า
“เราไม่ได้พยายามจะขายไอเท็มในราคา100
เหรียญทองก็เพราะว่าเราสามารถขายไอเท็มนั้นได้ตั้ง 1,000 เหรียญทองต่างหาก
เราจะแลกเปลี่ยนของพวกนั้นที่ถูกสร้างขึ้นมาแบบไม่ได้มาตรฐาน พวกของที่เราคิดว่าน่าจะราคาประมาณ
300 เหรียญทองเท่านั้น”
พวกออร์คไม่ได้แสดงความรู้สึกเสียอกเสียใจกับปริมาณของที่ได้แทนที่จะเป็นคุณภาพ!
จากข้อมูลที่สืบค้นมาของวีดบวกกับประสบการณ์ที่สั่งสมมาในตอนที่เขาเคยเปลี่ยนเป็น
ออร์คคาริชวิ นั่นก็เพื่อที่จะค้ำจุนพลังอำนาจทางเศรษฐกิจที่ผู้คนสามารถเข้าใจและรู้สึกได้เป็นอย่างดี
“ไม่มีทางหรอกที่ฉันจะกินอาหารที่ครัวซุปนั้นทั้งปีทั้งชาติ
แถมยังมีงานเทศกาลแล้วก็สถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายที่ไม่ค่อยอยากจะไปอีก”
(วีดพูด)
ระดับชื่อเสียงของเมืองโมราต้าด้านศิลปะนั้นสูงมากๆ
แต่การได้ฟังพวกจินตกวีกับนักเต้นรำแสดงทั้งปีช่างเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นเกินจินตนาการ
แน่นอนว่ามันไม่แปลกอะไรเลยสำหรับเหล่าผู้เล่นบางคนที่ถ้าพวกเขารู้สึกเอือมระอาและก็เหน็ดเหนื่อยกับการแสดงไปพร้อมๆกัน
จากนั้นวีดก็ไปเยือนที่โรงละคร
เพื่อที่จะเรียนรู้ให้มากขึ้นเกี่ยวกับเมืองโมราต้า เขาจึงไปที่นั่นเพื่อชมการแสดง
“วัฒนธรรมนั้นแสนล้ำค่า
งั้นมาดูกันว่าระดับการแสดงนี่เติบโตขึ้นมากแค่ไหนกันเชียว”
วีดรู้สึกสนอกสนใจในการแสดงที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดนตรีอย่างเช่นฮาร์ป
ภายในโรงละครที่วีดไปดูนั้นมีคนอื่นที่เข้ามาดูอีก
38 คน จินตกวีบรรเลงบททำนองและนักเต้นก็เริงระบำไปพลาง
มันคือละครเพลงที่ผสมผสานของบทเพลงและการร่ายรำ!
มันคือการแสดงที่โด่งดังภายในโมราต้าที่ชื่อว่า
‘สัจจะของเหล่าจอมเวทย์’(Oath of the Wizards) เก้าอี้นั่งถูกเติมเต็มไปด้วยเหล่าผู้ชมที่กำลังจับตาดูการแสดง
ส่วนวีดก็นั่งลงตั้งหน้าตั้งตาดูการแสดงเช่นกัน
แต่ว่าหลังจากนั้นเปลือกตาของเขาก็เริ่มย้อยลงๆ
“คร็อกกกกกฟี๊!”
การแสดงจบลงหลังจากผ่านไป
20
นาที
ท่านได้รับชมการแสดง ‘สัจจะของเหล่าจอมเวทย์’
ค่าความแข็งแกร่งลดลง
3%
ค่าความว่องไวลดลง
4%
อัตราการฟื้นฟูพลังกายถูกทำให้ต่ำลงและลดลงจนถึงขีดสุด
ค่าทางสติปัญญาเพิ่มขึ้น
11%
ค่าทางความรู้เพิ่มขึ้น
6%
อัตราการฟื้นตัวของมานาเพิ่มขึ้นชั่วคราว
ช่วงเวลาของผลเอฟเฟคนี้จะมีผลแค่
3
วันหลังจากรับชมการแสดงไปแล้ว
ไม่ทับซ้อนผลเอฟเฟคกับการแสดงหรือการเต้นชุดอื่น
ผู้ชมส่วนมากนั้นเป็นนักเวทย์
ผู้อัญเชิญ(มอนสเตอร์) ผู้อัญเชิญจิตวิญญาณธาตุ
หลังจากการแสดงจบแล้ว
บรรดานักแสดงก็ออกมาที่หน้าเวทีเพื่อกล่าวทักทายผู้ชมผสานกับเสียงปรบมืออันดังกังวานดั่งสายฟ้าฟาด
จากนั้นผู้ชมก็ต่างคนต่างเดินตรงไปที่ทางออก
“งั้นตอนนี้เจ้าจะออกไปล่าที่ไหนละ?”
“ดันเจี้ยนที่อยู่ถัดจากแม่น้ำนะ
เจ้าละ?”
“มันค่อนข้างไกลจากเมืองโมราต้านะ
เรียกว่า สุสานของเมนซ์(The Tomb of Mainz)…แถมเลเวลของมอนสเตอร์ก็ค่อนข้างสูง
แต่ถึงแม้ว่ามันจะยาก ปาร์ตี้ของเราก็ค่อนข้างมีความสามารถนะ
มันจึงคุ้มที่จะไปออกล่า”
หลังจากที่ดูการแสดงจนจบแล้ว
ผู้คนก็กลับไปที่ปาร์ตี้ของพวกเขาอย่างที่ได้ตั้งกำหนดการณ์ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว
บรรดานักรบและอัศวินก็ได้มาชมการแสดงที่เกี่ยวข้องกับสายอาชีพพวกเขาด้วยเช่นกัน
ชื่อการแสดง: ‘เด็กชายผู้ท้าทายหอคอยแห่งนักรบ’ (The boy who challenged the
tower of Warriors)
‘การโจมตีของมังกร’
(The dragon's assault)
การแสดงชุดแรกพยายามที่จะสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยใช้จินตกวีหรือนักเต้นที่ดูไม่ครบองค์การแสดงสักเท่าไร
การแสดงที่ออกมาไม่จำกัดนั้นตะเกียกตะกายสร้างด้วยจินตนาการที่ว่างเปล่าไม่มีจิตวิญญาณ
จึงกลายเป็นผลงานการแสดงที่ห่วยมากมายหลายชุด
แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีอุปสรรค
อัญมณีก็กำลังถูกขุดขึ้นมาเข้าไปสู่ขั้นตอนแห่งการเจียระไน
นอกเหนือจากอุปสรรค
99%
ที่เป็นความล้มเหลว ก็ยังมีเพียง 1% ที่เป็นความสำเร็จเช่นกัน
แปะ แปะ
แปะ แปะ!
วีดเองก็ปรบมือด้วยเช่นกัน
“ช่างเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
(ทั้งที่หลับเนี่ยนะ)
จากนั้นเขาก็ออกมาจากโรงละคร
ในขณะที่เขาตะลอนไปทั่วโมราต้า เขาก็ได้เห็นผู้คนแสดงโชว์ของพวกเขา
เหล่าจิตกวีก็กำลังบรรเลงเครื่องดนตรี
ส่วนผู้คนที่กำลังรับชมก็จะจ่ายเงินให้พวกเขาตอบแทน
แม้ว่าจำนวนเงินนั้นไม่เยอะมากนักแต่เลเวลของพวกเขาก็ยังเพิ่มขึ้นอยู่ดี
แล้วพวกเขาเองก็รู้สึกเป็นสุขที่ได้แสดงโชว์อยู่ริมถนนพร้อมกับบรรเลงเพลงต่อไปเรื่อยๆ
ทุกๆที่ภายในเมืองโมราต้าจะมีภาพแบบนี้ให้เห็นอยู่เสมอ
“ช่างเป็นอาชีพที่ยอดเยี่ยมจริง!”
วีดคิดว่าอาชีพนี้นั่นมีข้อดีหลายอย่าง
ค่าอุปกรณ์เพียงอย่างเดียวก็คือเครื่องดนตรีที่ต้องลงทุนลงแรงตามความหายากสักหน่อย
แถมยังไม่ต้องมีการโต้เถียงต่อราคาจากพวกลูกค้าอีก
ทั้งหมดทั้งสิ้นข้อดีที่สุดก็คือได้เงินมาจากการรับบริจาค
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษี
ณ
ตอนนี้แม้ว่าจะอยู่ภายในดันเจี้ยนพร้อมกับสมาชิกปาร์ตี้
พวกเขาก็ยังสามารถบรรเลงเพลงต่อไปได้และยังเพิ่มค่าความเชี่ยวชาญทักษะของพวกเขาได้อีกด้วย
ไม่มีอาชีพไหนที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว อาชีพที่มีลักษณะเฉพาะสดชื่นแจ่มใสได้ (ลั้นลาได้แม้จะอยู่ในการต่อสู้)
บทบาทของฮวายองมักจะสร้างสภาพแวดล้อมให้มีชีวิตชีวาอยู่เสมอในตอนที่เธอมาเข้าร่วมปาร์ตี้ออกล่ากับเขา
อาบชโลมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของนักเต้น
บางครั้งเหล่าอัศวินที่ออกล่าก็จะได้รับความแข็งแกร่งอันทรหดไม่มีใครสยบได้ในตอนที่พวกเขาออกไปจู่โจม
ในตอนที่วีดออกไปล่า
ก็จะมีสมาชิกปาร์ตี้คนอื่นๆที่ไม่ได้มีอาชีพที่เชี่ยวชาญการต่อสู้แบบตรงๆเหมือนกับเซอร์กะแต่กับฮวายองก็เคยเจอประสบการณ์แบบนั้นมาแล้ว
เธอหมกมุ่นอยู่ในเสียงเพลงและการร่ายรำ
แม้ว่าจะยังคงอยู่ภายในสถานการณ์ที่อันตรายสุดๆ
สถานการณ์ที่โอบล้อมไว้ด้วยเหล่ามอนสเตอร์ที่ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้
ส่วนพวกจินตกวีก็บรรเลงเพลงที่น่าพอใจแม้ว่านั่นจะทำให้สถานการณ์นั้นรื่นเริงเกินจนน่าขำ
“มีประติมากรรมกับภาพวาดเยอะมากด้วยเช่นกัน…”
คุณสามารถพบเห็นประติมากรรมมากมายอยู่ภายในร้านค้า
ถ้าหากว่าคุณไม่มีปัญญาซื้อของหรูหราแบบนั้นเข้าไปประดับบ้านได้ คุณก็ควรทำงานเพื่อสร้างของตกแต่งหรือว่าของขวัญแทนก็ได้
อาชีพประติมากรและจิตรกรนั้นสามารถเพิ่มแหล่งรายได้ของตนเอง ค่าใช้จ่ายในการลงทุนทางวัฒนธรรมของเมืองโมราต้านั้นสัมพันธ์กับเงินที่ถูกใช้ไป
แล้วก็จะทำให้เพิ่มเงินค่าแรงกับเลเวลได้อีกด้วยจากภารกิจที่ถูกสร้างขึ้นมาในหลายๆช่องทาง
จากความเป็นจริง
ศิลปะที่อยู่ในเมืองโรเดียมนั้นมักจะเป็นตัวแทนของทวีปเวอร์เซลเสมอมา
สำหรับคนที่ฝันอยากจะเป็นศิลปิน
เมืองโรเดียมจึงเป็นที่แรกที่พวกเขาจะไป และเพราะว่ามันกลายเป็นเมืองที่มีแต่ศิลปินเพียงพวกเดียวเท่านั้น
แล้วในที่สุดสัดส่วนของอาชีพภายในเมืองก็พังทลายลงและโอกาสที่จะได้ทำงานก็มีลดต่ำลงไปด้วย
แต่ว่ายังไงก็ตามปริมาณโอกาสที่มอบให้กับเหล่าศิลปินภายในเมืองโมราต้านั้นกว้างขวางมากกว่า
ศิลปินของโมราต้าปรารถนาที่จะเพิ่มระดับทักษะของพวกเขาให้เติบโตขึ้นภายในเมืองนี้
พวกเขาจึงออกไปท่องเที่ยวทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลก่อนเพื่อเพิ่มระดับทักษะให้เติบโตมากยิ่งขึ้นเหมือนอย่างที่วีดเคยทำ
แม้ว่ามันจะอันตรายเหล่าศิลปินก็ต้องออกไปท่องเที่ยวเพื่อจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้มากขึ้น
วีดก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
“ผลงานที่น่าทึ่งซักชิ้นสองชิ้นก็คงจะดีอยู่หรอก
ถึงแม้ว่าผลงานระดับมาสเตอร์พีสที่ใช้ใจอันแน่วแน่สร้างขึ้นมานั้นจะให้คุณค่ามากกว่าก็เถอะ
แต่ก็ควรจะสร้างผลงานด้วยกำลังที่มีอยู่ต่อไปเรื่อยๆดีกว่า”
มีหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับเกมรอยัลโร้ดที่ยังไม่ถูกเปิดเผย
หนึ่งในนั้นก็คือค่าสถานะทางวัฒนธรรม ดินแดนที่ลอร์ดปกครองที่มีอาชีพเป็นประติมากร
ส่วนพวกจินตกวีที่มีค่าศิลปะที่สูงก็สร้างความบันเทิงอย่างมากก็ช่วยเพิ่มค่าทางวัฒนธรรมของเมืองโมราต้าได้อีกด้วย
ทำให้การลงทุนครั้งนี้ของเขามีคุณค่ามากขึ้นเสียยิ่งกว่าตอนเขาเดินทางออกทะเลซะอีก
เขาคิดว่ามันเป็นเพียงการใช้เงินไปอย่างสูญเปล่าซะอีก
แต่ทว่าจากสงครามครั้งล่าสุด
ชาวเมืองและทหารจากดินแดนอื่นละทิ้งหมู่บ้านของพวกเขามายังโมราต้า
ดังนั้นวัฒนธรรมจึงมีผลอย่างมากต่อการเมืองภายในพื้นที่
แถมมันยังช่วยเสริมความปลอดภัยสาธารณะและการพัฒนาทางเศรษฐกิจได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ถ้าหากว่าวัฒนธรรมไม่พัฒนา
อัตราการลักขโมยก็จะเพิ่มขึ้นและอาจจะเสี่ยงจนถึงขั้นเกิดการจลาจลก็เป็นได้
“งานก่อสร้างนั้นก็ยังดำเนินต่อไปได้เป็นอย่างดี”
มหาวิหารและหอสมุดที่กำลังก่อสร้างขึ้นภายในจัตุรัสหอคอยแห่งแสงและจัตุรัสปิงหลงก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว
“ย่าหหหห์!”
“เอาก้อนอิฐมาเพิ่มอีกให้เร็วที่สุด”
เสียงอันกึกก้องของผู้คนนับพันที่กำลังทำงานก่อสร้างอย่างขยันขันแข็งดังออกมาจนได้ยินเสียงชัดเจน
โครงร่างถูกสร้างขึ้นออกมาด้วยรูปร่างของบ้านสามชั้นที่สร้างขึ้นตามขนาดของแบบแปลนที่ร่างเอาไว้
เหล่าพ่อค้าก็ใช้เกวียนที่ใช้วัวลากบรรจุไว้ด้วยวัสดุก่อสร้างที่จำเป็น
เหล่าประติมากรและจิตรกรของเมืองโมราต้าก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน
การได้มาทำงานสร้างวิหารนี้หมายถึงการยกย่องเหล่าเทพผู้น่าย่ำเกรงที่จะสามารถเพิ่มค่าชื่อเสียงและค่าความศรัทธาได้
การได้มาสร้างวิหารถือว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่สำหรับเหล่าศิลปินด้วยเช่นกัน
“ยังไม่มีของตกแต่งตรงนี้นะ”
“กำแพงหรอ?
แล้วบนเพดานหล่ะ? พวกเราควรทาสีอะไรดีละ?”
“บนเพดานควรจะมีภาพวาด
หรือว่าประติมากรรมดีละ? ภาพวาดน่าจะดีกว่า ว่าไหม? งั้นสำหรับตรงเพดานให้จิตรกรฝีมือดีอย่างน้อยสามคนมอบหมายให้ไปสร้างงานที่ดีที่สุดละกัน”
ในการก่อสร้างวิหารครั้งนี้มีประติมากรกับจิตรกรที่มีฝีมือโดดเด่นมากกว่า
100
คนทำงานอยู่ทั้งภายในและภายนอกของอาคาร
จากเสาจนถึงตามพื้น
ต่างมีคนทำงานอยู่ทุกหนทุกแห่ง ขั้นตอนการตกแต่งจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว
จากการก่อสร้างวิหาร
ค่าใช้จ่ายสำหรับวัสดุและค่าแรงนั้นเกินกว่างบที่ตั้งเอาไว้ไปแล้ว
เหล่านักบวชและพาลาดินจ่ายเงินไปกับโครงการก่อสร้างครั้งนี้และก็พยายามระดมทุนหาเงินเพิ่มขึ้น
“ถ้าหากว่าวิหารสร้างเสร็จแล้ว
โมราต้าจะเป็นเมืองที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ไม่มีที่ไหนในทวีปเวอร์เซลที่ลอร์ดลงเงินทุนไปอย่างไม่เห็นแก่ตัวแบบนี้”
“เมื่อไรก็ตามที่มีภารกิจดีๆ
พวกเขาก็อยากจะอยู่โดยสร้างข้อเสนอให้กับกิลด์ที่ควบคุมอยู่หรอกหรอ? ท่านลอร์ดยอมให้พวกเรามีส่วนร่วมในแผนการพัฒนาเมืองนี้ด้วย”
ในกรณีที่ความจงรักภักดีต่อลอร์ดนั้นมีสูงจนทำให้พวกเขาร่วมมือกันทำงานในแผนพัฒนาเมืองได้นั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากจริงๆ
เหล่าผู้ประกาศข่าวออกมารายงานข่าวถึงการพัฒนาวิหารที่กำลังถูกสร้างขึ้นมาโดยเหล่าผู้เล่น
“การก่อสร้างนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อ
6 เดือนก่อนค่ะ
ในตอนแรกสถานที่แห่งนี้ยังขาดแคลนสิ่งก่อสร้างและหลายสิ่งหลายอย่างนั้นไม่ง่ายที่จะใช้ชีวิตอยู่ค่ะ
แต่อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้หลายๆสิ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว
สิ่งก่อสร้างสำคัญมากมายกำลังพร้อมให้ใช้งานแล้วค่ะ ส่วนสิ่งก่อสร้างที่ยังไม่มีก็กำลังถูกสร้างขึ้นมาให้พร้อมอย่างรวดเร็วเลยค่ะ”
“ตอนที่ฉันเริ่มเล่นรอยัลโร้ด
ฉันเลือกที่จะมายังโมราต้า จากนั้นก็รับฟังถึงเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีการเติบโตของเมืองอื่นๆ
ฉันก็รู้สึกอิจฉามากจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่รู้สึกเสียใจเลยซักนิดเดียว”
“พวกผู้เล่นในโมราต้าจะยิ่งพัฒนามากยิ่งขึ้นๆ
ภายในพื้นที่ล่าของดินแดนทางตอนกลางนั้นมีการแข่งขันอย่างมาก
แต่ว่าที่นี่มีการเดินทางออกสำรวจและก็มีภารกิจที่แย่งกันทำอีก
แม้ว่าการออกล่านั้นจะอันตรายมากยิ่งขึ้น แต่ว่าอันตรายนั้นคือของจริงและฉันก็ยินดีที่จะมีชีวิตอยู่ในความเสี่ยงพร้อมกับสหายผู้ติดตามของฉัน”
“ทำไมถึงอยู่ที่นี่น่ะหรอ
แล้วทำไมไม่ไปที่อื่นอีกหรอ? ก็เพราะว่าโมราต้านั้นสนุกสุดเหวี่ยงไปเลยยังไงล่ะ”
โมราต้าก่อเกิดขึ้นมาด้วยตัวของมันเองด้วยย่างก้าวอันแสนหวาดหวั่น
ในฐานะศูนย์กลางทางการค้าในดินแดนทางเหนือ
เหล่าผู้เล่นอ้างว่าการประสบความสำเร็จครั้งนี้เป็นเพราะว่าความเป็นผู้นำของท่านลอร์ด
ในฐานะผู้ปกครองของเมืองโมราต้า เหล่าผู้เล่นต่างมีความเคารพอันสูงสุดต่อวีด
วีดไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินด้วยเหตุผลส่วนตัว
หรือแม้แต่พยายามรับเงินสินบนเพื่อสั่งสมความมั่งคั่งให้ตนเอง
“ทุกๆอาชีพสามารถเข้าใจถึงศักยภาพในอาชีพของพวกเขาได้
เทคโนโลยี การพาณิชย์ ศิลปะและวัฒนธรรมก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นด้วยก็เพราะภาษีของผู้คนถูกลงทุนไปอย่างถูกวิธี”
เหล่าผู้เล่นกำลังเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
สิ่งก่อสร้างมากมายก็ถูกสร้างขึ้น ส่วนอำนาจทางเศรษฐกิจก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ดังนั้นรายได้จากภาษีก็เพิ่มขึ้นด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว
นี่กลับเป็นความฝันของลอร์ดผู้แสนชั่วร้ายต่างหากละ!
อย่างไรก็ตาม
ก็มีกลุ่มผู้เล่นอื่นๆที่ชี้นิ้วของพวกเขามากเพื่ออ้างถึงปัญหาความเป็นผู้นำของลอร์ดบ้างอยู่เช่นกัน
มหาวิหารคือจุดสูงสุดของเหล่าสถาปนิก
ประติมากรรม และจิตรกร
เพดานและกำแพงของโบถส์ก็มีหน้าต่างขนาดใหญ่มากมาย
มันจึงยากที่จะค้นหาบรรยากาศแห่งความขลังและความลึกลับบวกกับบานกระจกที่เคลือบด้วยสีดำทึบที่เป็นกระจกที่พวกเขาได้ติดตั้งด้วยกระจกหม่นหม่นแบบนั้นเอาไว้
และเพราะว่ารูปวาดที่ได้ถูกวาดเอาไว้บนบานกระจกสีหม่นๆนั้นก็ได้กลายไปเป็นทางผ่านของแสงที่เป็นเครื่องหมายของพลังอันศักดิ์สิทธิ์
มนต์เสน่ห์ของรูปวาดก็แสดงถึงการผสมผสานของสถาปัตยกรรมและศิลปะออกมา
ภายในวิหาร
บันไดก็ถูกตกแต่งไว้ด้วยงานศิลปะและงานแกะสลักอันสุดแสนวิเศษ
แม้ว่าความสามารถของเหล่าประติมากร
เหล่าจิตรกร และสถาปนิกนั้นยังไม่ถึงขั้นว่าดีที่สุด แต่ทุกๆคนก็พยายามทำออกมาสุดความสามารถของพวกเขา
******
จบตอน
ผู้แปล: Cole’s
Myth
Editor:
แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล
ขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบท้ายที่สุดเงินก็ตกเป็นของวีดอยู่ 55555
ตอบลบปล.ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากเลยนะคับ
ตอบลบขอบคุนครับ
ตอบลบขอบคุณมากขอรับ
ตอบลบปล.เปนไปตามแผนตาวีดเกือบทั้งหมดเงินเข้าเป๋าเว้นเรื่องเดียวเงินครัวซุปใช้เยอะเกินไป
ขอบคุณมากครับ
ตอบลบภาษีของวีดดดเงินของวีดด ซัดข้าวต้ม 3 - 4 ชามแล้วไปเวลแปป อิอิ
ตอบลบเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นๆเรื่อยๆล่ะ ต่อไปศักยภาพคงสู้เมืองทางตอนกลางทวีปได้สบาย
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ