เล่ม
22
ตอนที่ 5 ทักษะประติมากรรมธรรมชาติ แปลโดย Cole’s
Myth
เทือกเขาสีเทาหม่นหมองสุดแสนอันตรายที่มีมอนสเตอร์มากมายขยายเผ่าพันธุ์ไปทั่ว
ณ ตอนนี้
หากปราศจากแรนเจอร์ฝีมือดีอยู่ในปาร์ตี้ของคุณเพื่อนำทางผ่านภูเขาลูกเหล่านั้นไปอย่างปลอดภัย
มันก็เท่ากับการฆ่าตัวตายชัดๆ
เนื่องจากพื้นเนินเขาที่ลาดชัน
พวกมอนสเตอร์สามารถเข้ามาโจมตีคุณแบบไม่ให้ตั้งตัวตอนไหนก็ได้
วีดกำลังขี่ไวเวิร์นของเขาตัวหนึ่งบินรอบเป็นวงกลมกว้างๆวนดูรอบๆ
“เป็นเทือกเขาที่ใหญ่มากจริงๆ”
เมื่อตอนที่เขาได้ต่อสู้ร่วมกับพวกออร์คและดาร์คเอลฟ์ที่เทือกเขายูโรกิ
เขาก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นเทือกเขาที่มหึมามากแน่ๆ
“ปรมาจารย์นักแกะสลักคนนี้อาจจะอยู่ซักที่ตรงตีนเขาแน่ๆ!”
เขาคาดหวังไว้ว่าจะได้พบบ้านไม้ซักหลังตรงนั้น
“ถึงแม้ว่าผู้หลงใหลในธรรมชาติคนนี้อาจจะต่อต้านที่จะสร้างบ้านจากไม้ก็เถอะ”
แม้ว่าอาชีพประติมากรจะสันทัดในการจัดการกับพวกหินและแร่ต่างๆ
แต่ว่าการค้นหาบ้านซักหลังให้เจอมันไม่แน่ไม่นอนเอาซะเลย
“คนสันโดษอยู่อย่างยาจก มันก็ต้องอาศัยอยู่ในภูเขาแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!”
วีดโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อว่าชายจนๆอย่างนั้นจะต้องอาศัยอยู่ในดินแดนปลีกวิเวกในเทือกเขาแห่งนี้แน่นอน
แล้วเขาก็เปิดหน้าต่างข้อมูลภารกิจขึ้นมาเพื่อตรวจเช็คเวลาที่เหลืออยู่ของภารกิจ
“หน้าต่างข้อมูลภารกิจ!”
คำเรียกขานของบัลข่าน
อันเดดของบัลข่านถูกเรียกตัวไปด้วยเหตุผลบางอย่าง
อันเดดทั้งหลายจะต้องเชื่อฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด
วันที่เหลืออยู่
:“84
วัน”
ความยากของภารกิจ: C
ค่าตอบแทน: ภารกิจต่อเนื่องได้เริ่มขึ้นแล้ว การไปเข้าพบบัลข่าน
ตอนนี้ท่านเป็นอันเดดและไม่อาจปฏิเสธภารกิจได้
ถึงอย่างไรก็ตามภารกิจนี้ที่ปกติจะถูกมอบให้เพียงแค่ลิชไชร์
เขากลับได้รับภารกิจนี้มาด้วยทักษะประติมากรรมจำแลงแทนซะงั้น
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบไปตามสถานการณ์นัก
เพราะว่าเขายังเหลือเวลาให้อีกเยอะและสามารถคิดหาทางแก้ดีๆได้
แทนที่จะไปออกล่า
เขากลับใช้เวลาของเขาและเรียนรู้เกี่ยวทักษะแกะสลักมหาภัยพิบัติแห่งธรรมชาติ
“ฉันควรไปทางไหนดีนะ?”
วีดต้องทำตามสัญชาตญาณของเขา
และคิดว่าที่บริเวณตีนเขาดูท่าจะไม่ใช่ตำแหน่งที่ถูกต้องซักเท่าไร
“ตรงนั้นดูท่าคงไม่ใช่หรอก!”
เขาต้องการจะไปที่ไหล่เขาให้ได้ซักครึ่งทางเป็นอย่างน้อย
“เขาคงมองหาทำเลสูงๆเจ๋งๆเอาไว้อยู่อาศัยนั่นแหละ”
ถ้าคุณต้องการบ้าน
คุณจะต้องมองหาทำเลดีๆไร้สิ่งกีดขวาง
“บริเวณที่เป็นหุบเขา
มีแม่น้ำอยู่ใกล้ๆด้วยนิ”
จากนั้นวีดที่ขี่อยู่บนเจ้าไวเวิร์นเกาะเอาไว้อย่างแนบแน่นแล้วก็บินตรงไปที่บริเวณเทือกเขา
ฝูงลิงหางยาวและมอนสเตอร์ตัวอื่นๆอีกมากมายตะโกนร้องพร้อมกับเคลื่อนตัวเข้ามาคว้าพวกเขา
แต่พวกมันก็ไม่สามารถเข้ามาถึงตัวได้
พวกมันทั้งห้อยโหนกิ่งไม้และเถาวัลย์ด้วยท่อนแขนที่ยาว
พลางเด็ดผลไม้มากมายหลากหลายชนิดอย่างกล้วยและลูกเกาลัดมาตลอดทาง
บางครั้งไอเท็มโลหะที่ไม่ธรรมดาก็สามารถใช้สวมใส่ไว้บนร่างกายได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
และในตอนที่เขาตกลงไปแบบดิ่งพสุธา เขาก็สามารถยึดเกาะตัวพวกมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ก่อนถึงพื้นด้วย
“ที่นี่ไม่มีอะไรให้ฉันแหะ
จากมุมมองของประติมากร สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพวกมอนสเตอร์ที่น่ารำคาญหนวกหูเท่านั้น
ถ้าฉันจะมาทำงานที่นี่ ฉันคงโดนรบกวนอยู่เรื่อยๆแน่ เราจำเป็นต้องตามหาที่เงียบๆ”
วีดอยู่ใกล้กับพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ในบริเวณนั้นมากๆ
นอกจากนั้นเขายังไม่เห็นว่าใครจะสามารถอาศัยอยู่ในบริเวณที่เป็นหินขรุขระนั้นได้เลย
ขณะที่เขาบินผ่านมา
เดบการ์ท(Debkart)เป็นภูเขาที่ใหญ่มหึมามากเมื่อเทียบกับมาตรฐานปกติ
ความเป็นไปได้ที่จะหาเดย์แครมเจอในสถานที่เช่นนี้มีโอกาสน้อยมาก
แม้ว่าคุณจะต้องสรรหาใบไม้ในป่า
คุณก็ต้องพยายามเสาะหาต้นไม้ที่แฝงตัวอยู่ข้างในให้เจอก่อน
แต่นั่นก็อาจต้องใช้เวลาอยู่ซักหน่อย
เช่นนั้น วีดจึงตัดสินใจได้ในที่สุด!
“วิหคทองคำ วิหคเงิน แล้วก็พวกไวเวิร์น”
คี๊ย่า อ๊า!
วีดขี่อยู่บนเจ้าไวเวิร์น
บินตามเจ้าวิหคทองคำและวิหคเงินไป ในขณะที่พวกมันส่งเสียงร้องสูงปรี๊ดออกมา
“จากนี้ไป
พวกแกออกไปค้นหา!”
การสั่งให้ทำงานที่ยากลำบากอย่างนี้
เขาจำเป็นต้องแบ่งงานให้แต่ละตัวได้ทำอย่างเท่าเทียม
“หาไปเรื่อยๆจนกว่าพวกแกจะพบเขา
แม้ว่าการค้นหาจะกินเวลาทั้งคืน ยังไงก็ต้องหาเขาให้พบ”
ณ
จุดนี้เขาไม่เกี่ยงที่จะผลักลูกสมุนของเขาออกไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างที่เขาต้องการ
เหล่าไวเวิร์น
วิหคทองคำ และวิหคเงินกระจายตัวออกไปทั่วทั้งเทือกเขาเดบการ์ดอันแสนยิ่งใหญ่
จากนั้นเจ้าวิหคทองคำก็บินกลับมารายงานผลภายใน
30
นาที
มันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้วในตอนนี้
นั่นก็เพราะว่ามันถูกอัดนั่นเอง
“มีมนุษย์คนหนึ่งอาศัยอยู่ใกล้ๆต้นไม้ใหญ่ครับ”
“เดย์แครมใช่ไหม?”
“แถวๆนั้นมีประติมากรรมอยู่มากมายเลยครับ
ประติมากรรมทุกชิ้นสุดยอดไปเลย”
“นั่นแหละเขา ไปกันเถอะ!”
วีดกลับไปรวมตัวกับพวกไวเวิร์นแล้วมุ่งสู่ความศิวิไลซ์
พวกนักล่าและแรนเจอร์นั้นมักจะระมัดระวังแล้วอยู่ให้ห่างจากเทือกเขาเดบการ์ดเพราะว่ามันเป็นสถานที่ที่อันตรายมากๆ
เป็นเพราะว่ามีมอสเตอร์จำนวนมากมายและยังเป็นดินแดนที่สุดแสนอันตราย
เทือกเขาสีเทาแสนเปล่าเปลี่ยวนี้ จึงถือว่าเป็นดินแดนที่โหดร้ายสำหรับเหล่าผู้เล่นด้วยเช่นกัน
“บ้านหลังนั้นหล่ะ!”
เมื่อมองลงมาจากท้องฟ้าผ่านมวลหมู่ไม้
เขาก็สามารถมองเห็นบ้านที่เดย์แครมอาศัยอยู่
บ้านหลังนั้นสร้างขึ้นจากการสานกิ่งไม้เข้าด้วยกันให้เป็นรูปเป็นร่าง
หลังคาก็มุงด้วยหญ้าแห้งกลบใส่กันพร้อมกับเถาวัลย์มารัดไว้และคลุมด้วยเศษใบไม้
มันดูไม่เหมือนบ้านที่มาจากเทพนิยาย
แต่ว่าดูเหมือนกับกระท่อมที่มุงไว้ด้วยฟางซะมากกว่า
วีดลงไปทันทีที่เจ้าไวเวิร์นร่อนลงพื้นดินและมุ่งหน้าไปที่บ้านหลังนั้น
“เขายังมีชีวิตอยู่รึเปล่านะ?
ถ้าหากว่าเขาตายไปแล้ว งั้นแร่ฮีเลียมก็จะต้องเป็นของฉันสิ……”
หวังว่าจะได้เจอกับปรมาจารย์ประติมากรรมจริงๆนะ!
เพราะว่าเวลาจำนวนมากมายหลั่งไหลผ่านพ้นไปบนทวีปเวอร์เซล
เดย์แครมอาจตายไปแล้วก็ได้
เหมือนกับผลงานการจุติของเทวทูตทั้งเจ็ดที่เขาทำด้วยแร่มิทธิลนั่น
เขาคงไม่สร้างประติมากรรมเสร็จแล้วก็ตายไปหรอกนะ
‘เพราะว่ามีมอนสเตอร์จำนวนมากอยู่ในเทือกเขาแห่งนี้
คงไม่น่าสงสัยเลยถ้าหากว่าเขาตายไปแล้ว’
วีดตรงไปที่บ้านหลังนั้นด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม
ที่อยู่ใกล้ๆบ้านของชายหนวดขาวนั้นมีบรรดาประติมากรรมละมั่งตั้งอยู่มากมาย
พวกมันดูราวกับมีชีวิตแล้วก็แกล้งยืนอยู่ตรงนั้นอย่างอดทน
เพียงแค่มองดูวิธีการแกะสลักเขาอันประณีต
เขาก็รู้สึกได้ว่าพวกนั้นสลักขึ้นมาด้วยทักษะอันยอดเยี่ยม
ในตอนที่เขาเห็นเดย์แครม
เขารู้ได้ทันทีเลยว่าทำไมเขาถูกเรียกว่าอย่างนั้น
จากเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่
เขาดูยาจกสุดๆ
‘ถ้าฉันขายเสื้อผ้าที่ฉันกำลังสวมอยู่นี่
มันคงช่วยเขาได้แน่ๆเลย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถใส่ตอนทำอาหารได้ก็เถอะ’
เขาสวมเสื้อผ้าสกปรกๆที่มันอาจจะมีผลตรงกันข้ามในอาหารที่เขาทำก็เถอะ
เดย์แครมไม่แม้แต่จะยอมมองมาที่วีดแล้วก็พูดขึ้นมาว่า
“เจ้าคือประติมากรที่มาเพื่อตามหาข้าใช่หรือไม่?”
วีดตอบกลับไปอย่างสุภาพ
“แม้ว่าข้าจะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอต่อดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้
แต่ข้าก็เป็นช่างแกะสลักรุ่นเยาว์ที่เดินบนเส้นทางของประติมากร ข้าพบจารึกที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้อาวุโสอยู่ที่เขตลาส
ฟาลังคซ์และทำให้ข้ามาถึงที่นี่ได้ แม้ว่าจะเป็นการเดินทางที่ไกลแสนไกล
ได้เห็นท่านยังมีชีวิตอยู่เช่นนี้ก็ทำข้ารู้สึกดีใจจนเนื้อเต้นแล้ว”
“ข้าเข้าใจละ
ข้ากำลังเฝ้าคอยอยู่ภายในภูเขาแห่งนี้ก็เพื่อให้ช่างแกะสลักมาที่นี่และเรียนรู้ทักษะของข้า
เจ้าคิดว่าการแกะสลักนั้นเกี่ยวกับอะไร?”
“การแกะสลักนั้นเกี่ยวกับ……”
เขาสามารถคิดคำยกยอสรรเสริญเกี่ยวกับการแกะสลักได้มากมาย
แต่ว่าก็ต้องใช้เวลาจัดเรียงความคิดของเขาใหม่อยู่ดี
“มันคือการแสดงถึงความสวยงามของธรรมชาติในบางสิ่งบางอย่าง
จริงๆแล้ว ไม่มีอะไรที่สวยงามไปกว่าความงามของธรรมชาติแล้วครับ”
จากนั้นเดย์แครมก็พยักหน้ารับคำตอบนั้น
“การแกะสลักคือทักษะที่จะเอาความสวยงามของผืนดิน
สายน้ำ และสายลมออกมา บางครั้งธรรมชาตินั้นก็โหดร้าย
แต่ถึงแม้ว่าจะทำสิ่งที่โหดร้ายเพียงใด มันก็ยังมีความสวยงามอยู่ข้างในตัวมัน”
“แน่นอนครับ
ผมก็รักในความโหดร้ายนั้นด้วยเช่นกัน”
วีดได้ตอกย้ำถ้อยคำเหล่านั้นเอาไว้แล้ว
แม้จะต้องเจอกับพายุหิมะ ภูเขาไฟระเบิดหรือแม้แต่แผ่นดินไหว ก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้! ขอเพียงแค่เขาไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากมันเลยแม้แต่น้อย
มันก็จะสวยงามกับเขามากทีเดียว
“ทักษะของข้าจะสามารถแสดงถึงความโหดเหี้ยมของธรรมชาติได้
เช่นนั้นแล้ว เจ้ายังอยากจะเรียนเคล็ดลับของข้าอยู่อีกไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ
เพื่อที่จะกลายเป็นประติมากรที่เก่งยิ่งขึ้น
ข้าเชื่อว่าเทคนิคของท่านเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว ”
ตอนนี้เขาสามารถเรียนรู้ทักษะมหาภัยพิบัติแห่งธรรมชาติอย่างที่หวังไว้แล้ว!
มันคือทักษะการโจมตีที่ทรงพลังมาก
แต่ว่าฉันต้องลองใช้ดูก่อนถึงจะรู้ว่าฉันจะสามารถใช้มันได้รุนแรงขนาดไหน!
หลังจากที่ระดับมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
มันจะสามารถใช้กับพวกมอนสเตอร์หรือเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศได้หรือไม่ นั่นต่างหากที่เป็นปัญหาหลักจริงๆ
“แต่ว่ายังไงก็ตาม
เจ้ายังไม่ได้เห็นความงามของธรรมชาติด้วยตาตัวเองนิ”
“ข้ายังขาดคุณสมบัติหรือครับ?”
“เมื่อเจ้ารู้แจ้งถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้าแล้ว
งั้นก็เหลือเพียงแต่ว่าเจ้าจะสามารถเรียนรู้เคล็ดลับของข้าได้หรือไม่เท่านั้น”
“แล้วทำอย่างไรข้าถึงจะรู้แจ้งได้ละครับ?
ได้โปรดชี้ทางให้ข้าด้วย”
“เจ้าจะต้องสร้างประติมากรรมธรรมชาติจำนวนมากๆ
เจ้ายินดีที่จะเรียนรู้จากข้าหรือไม่?”
ตริ้ง!
การสั่งสอนของเดย์แครม
ปรมาจารย์แกะสลักนามเดย์แครมต้องการให้ท่านสร้างประติมากรรมธรรมชาติร่วมกับเขา
เขาจะช่วยท่านสร้างสรรค์ประติมากรรมขึ้นมา
ความยากของภารกิจ: ไม่ทราบ
ข้อจำกัดของภารกิจ: ภารกิจสำหรับประติมากรเท่านั้น
ค่าชดเชย: ไม่มี
มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะปฏิเสธภารกิจนี้!
ทักษะแกะสลักจากทั้งหมดสี่อย่าง
ทักษะสุดท้ายจะต้องเป็นทักษะที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ในตอนที่เขากำลังเรียนรู้ทักษะประติมากรรมจำแลงอยู่นั้น
เขาก็ได้เรียนรู้ทักษะอื่นๆอีกหลายอย่างที่เป็นบันไดขึ้นไปสู่ระดับผู้เชี่ยวชาญแล้ว
“ข้าต้องการเรียนรู้คำสอนของท่านเดย์แครม
ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ครับ”
-ท่านยอมรับภารกิจแล้ว
“งั้นมาเริ่มกันเดี๋ยวนี้เลยเถอะ”
การสร้างประติมากรรมแห่งธรรมชาตินั้นไม่ต้องวางแผนอะไรให้ยุ่งยากมากมายนัก
วัสดุแบบไหนก็สามารถเอามาใช้ได้
ใบไม่ที่ร่วงหล่นหรือแม้แต่กลีบดอกที่ลอยมาตามสายลม ไม่ว่าอะไรก็สามารถเอามาใช้ได้
วัสดุที่ธรรมชาติเป็นเจ้าของก็สามารถทำออกมาให้เป็นผลงานประติมากรรมได้เช่นกัน!
เพราะว่าผลงานประติมากรรมธรรมชาติสามารถดึงค่าพลังชีวิตมากมายเหลือล้นออกมาได้
พวกกลีบดอกไม้จึงไม่แห้งเหี่ยวหรือว่าเน่าลงไปเลย
มวลหมู่ผึ้งและผีเสื้อมากมายต่างโบยบินไปยังประติมากรรมที่วีดและเดย์แครมสร้างขึ้นมา
-ค่าความใกล้ชิดจากการสร้างประติมากรรมธรรมชาติเพิ่มขึ้น
2 แต้ม
มันคือความพยายามที่ประสบผลสำเร็จเป็นครั้งแรกของเขา
ดินแดนแห้งแล้งที่อยู่ห่างไกลจากแหล่งน้ำ
มีมวลหมู่นกกำลังรวบรวมกิ่งไม้เพื่อสร้างรังของพวกมัน (ผู้แปล: น่าจะเปรียบสถานการณ์ตอนนี้ของวีดเป็นนกที่ต้องพยายามจากสิ่งเล็กๆเพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่)
-ค่าความใกล้ชิดจากการสร้างประติมากรรมธรรมชาติเพิ่มขึ้น
4 แต้ม
เดย์แครมคุ้นเคยกับพวกสัตว์มากจริงๆ
เขาอาศัยอยู่ร่วมกับธรรมชาติและเป็นมิตรกับพวกสัตว์ป่าอย่างมาก
เหมือนกับกวางที่เข้ามาให้เล่นด้วยและก็เข้ามาให้กิน
หลังจากนั้นไม่นานวีดก็ผูกมิตรกับพวกกวางได้ด้วยเช่นกัน
“นั่นเจ๋งไปเลย
ฉันว่าจะเริ่มด้วยเขาสัตว์นะ”
‘น่าอร่อยจัง
ถ้าฉันขายเขาสัตว์นั่นได้ คงจะทำเงินได้ราวร้อยเรียญทองแน่! ถ้าเดย์แครมไม่อยู่ที่นี่นะ
ฉันจะตัดเขาของมันออก เพราะมันคงจะสามารถเอาไปซื้อเนื้อเลี้ยงครอบครัวฉันได้แน่!
ถ้าจุดไฟ ตั้งกระทะแล้วก็หยดน้ำมันลงไปซักหน่อย
จากนั้นก็ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย….’
ทว่าเดย์แครมไม่กินเนื้อ
เขามีชีวิตอยู่ด้วยการกินผลไม้ที่หล่นลงจากต้นไม้ ใบหญ้า และเปลือกไม้
“เขาคงจะชอบคนที่ไม่ทำร้ายธรรมชาติ”
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้ทักษะทำอาหารขั้นสูงของเขาทำอาหารด้วยวัตถุดิบอย่างกระต่ายได้
เขาก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ด้วยการกินใบหญ้าได้
ในตอนที่เขากำลังสร้างประติมากรรมอยู่นี่เขาก็สามารถสร้างความสนิทสนมกับธรรมชาติได้ด้วยการกินเช่นนี้
***
ฤดูหนาวใกล้เข้ามา
เวลาของการจบภาคการศึกษาของมหาวิทยาลัยเกาหลีได้เข้ามาถึงที่สิ้นสุดแล้ว
“เงินค่าเทอมหายไปแล้ว….ถ้าเป็นอย่างนี้ ฉันก็คงต้องปล่อยให้แกไปแล้วแหละ” (T.T)
บรรดานักศึกษามีรายงานมากมายที่พวกเขาต้องส่งให้กับบรรดาอาจารย์และจึงทำให้พวกเขาใจจดใจจ่อมากยิ่งขึ้น
ส่วนนักศึกษาปีที่หนึ่งในรายวิชาทฤษฎีระบบเสมือนจริงนั่นยิ่งกว่าซะอีก
แต่ว่าพวกเขาก็จะได้มีโอกาสเจอกับอุปกรณ์ระบบเสมือนจริงหลังจากที่พวกเขาขึ้นปีสองไปแล้ว
“ยิ่งการเรียนยากมากขึ้นเท่าไร
ก็ยิ่งต้องใช้เวลาในมหาวิทยาลัยมากขึ้นเท่านั้น”
ลีฮุนไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่จะเก็บเงินของเขาได้เพราะว่าเขาต้องวุ่นอยู่กับการเรียน
“เฮ้ออออ….”
ลีฮุนถอนหายใจและเหยียดแขนขาของเขาออกไป
ซอยูนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาก็ตกอยู่ในห้วงความคิด
‘วันหยุดหน้าหนาวจะเริ่มในอีกสองสัปดาห์นี้แล้ว…’
เธอจะไม่ได้เจอกับลีฮุนทุกๆวันที่มีเรียนแบบนี้อีก
แม้แต่ภายในโรยัลโร้ด
พวกเขาก็ยังแยกจากกัน เพราะในขณะนี้วีดไปที่เทือกเขาเดบการ์ดอยู่
แม้ว่าซอยูนจะใช้เวลาส่วนมากไปอย่างไร้ถ้อยคำใดๆ
เธอก็อยากที่จะใช้เวลาให้มากขึ้นร่วมกับลีฮุน (>.<)
จากนั้นเธอจึงดึงความกล้าของเธอออกมาและเขียนบางอย่างลงไปในแผ่นกระดาษ
[นายอยากจะไปชายหาดกับฉันไหม?]
ซอยูนได้แสดงความกล้าที่แท้จริงออกไปด้วยการชวนให้พวกเขาออกไปเที่ยวด้วยกันกับเธอ
หากว่าเป็นผู้ชายคนอื่น
พวกเขาคงจะกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขและสงสัยว่านั่นเป็นความฝันหรือเปล่า แต่ทว่าลีฮุนกลับเฉยเมย
เขาไม่รู้จักการออกไปเที่ยวชายหาดในช่วงฤดูร้อน
ดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่เขาจะเข้าใจการไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาวแบบนี้
“มันหนาวนะ
ไม่ดีกว่าหรอที่เราจะอยู่ที่บ้าน นั่นคงจะสบายกว่าออกไปเที่ยวชายหาดซะอีก? ไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นไข้หรือเปล่า
แถมยังไม่ต้องห่วงเรื่องประกันสุขภาพอีกด้วย”
“…..”
นั่นคือทัศนคติของชายหนุ่มผู้ไม่เข้าใจในความโรแมนติก!
“การออกไปเที่ยวนั้นใช้เงินจำนวนมาก
เธอรู้ไหมว่ามันโหดร้ายซักแค่ไหนที่จะต้องไปพักในที่ที่แพงหูฉี่แบบนั้นนะ”
เงิน เงิน
เงิน เงิน เงิน และเงินทั้งนั้น
การออกไปเที่ยวจะยิ่งต้องทำให้เขาใช้เงินมากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่การจะออกไปเที่ยวชายหาดช่วงหน้าร้อนหรือป่าวนั้น
มันก็ยังต้องใช้เงินอยู่ดี
แต่อย่างไรก็ตาม
ความคิดของซอยูนที่จะออกไปเที่ยวด้วยตัวเธอเอง ก็คงไม่ได้รับอนุญาตจากพ่อของเธออยู่ดี
จากนั้นซอยูนก็เขียนข้อความอื่นลงไป
“ฉันจะจ่ายค่าเที่ยวตลอดทั้งทริปเอง”
ลีฮุรส่ายหัวของเขา
“เธอหาเงินได้ด้วยตัวเองหรือเปล่า?”
ซอยูนเป็นนักศึกษาและชั่วชีวิตนี้เธอยังไม่เคยทำงานอะไรมาก่อนเลย
-เปล่า
ฉันไม่ได้หามาเอง
“เงินในโลกนี้คือสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว
ราคาค่าตั๋วหนังที่อยู่ในโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นทุกปี
ส่วนค่ารถขนส่งสาธารณะนั้นยิ่งน่ากลัวกว่าซะอีก”
“…...”
“ถ้าหากว่าเธอเคยหาเงินมาได้ด้วยตัวเอง
งั้นเธอคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งไหนที่มีค่าบ้าง อย่าใช้เงินออกไปอย่างไร้หัวคิดสิ”
แม้ลีฮุนจะไม่เคยพูดออกมาเลย
แต่ว่าเขาก็รู้สึกอิจฉาเด็กพวกนั้น
พวกเด็กมหาลัยรวยๆ!
พวกเขาอยู่ในครอบครัวที่เขาอิจฉามากจริงๆ
ลีฮุนใช้เวลาในวัยเด็กของเขาส่งหนังสือพิมพ์
เขาทำงานหนักเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ส่งนมที่เด็กรวยๆบางคนจะไม่มีทางผ่านประสบการณ์เช่นนี้ได้เลย
-แม่ฮะ
ขอเงินหน่อยสิฮะ เดือนที่แล้วแม่ให้ผมแค่50ล้านวอนเองนะ
-ฉันจะรวมกลุ่มไปเที่ยวที่ต่างประเทศเร็วๆนี้กับเพื่อนๆแหละ
-แม่ลืมแล้วหรอคะ
หนูอยากไปฝรั่งเศสนะคะ บอกเลขาของแม่โอนตังให้หนู100ล้านวอนด้วยนะคะ
พวกหนูไม่อยากกินแต่ข้าวห่อไปตลอดทริปหรอกนะค๊า
นั่นคือบทสนทนาที่พวกคนรวยเขาพูดกันจากความคิดภายในหัวของลีฮุน
ไม่ว่าจะเป็นพวกทายาทบริษัทอันร่ำรวยหรือว่าเป็นมรดกตกทอดจากครอบครัวมั่งคั่ง
พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าหลายๆอย่างนั้น มีคนที่ทำงานทำการอย่างหนักคอยค้ำจุนพวกเขาอยู่
อย่างกับว่าเป็นลักษณะเฉพาะตัวของฮีโร่ที่ต้องเป็นพวกกากเดนสังคมคนธรรมดา
มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับผู้หญิง แล้วก็จนอีกด้วย (คิดถึงลักษณะของฮีโร่ส่วนใหญ่ อย่างสไปเดอร์แมนภาคโทบี้แสดงนะ) และแน่นอนว่าพวกฮีโร่นั้นก็เป็นมนุษย์ธรรมดาและต้องเจ็บปวดทรมานซักครั้งหรือสองครั้งในชีวิต
ทั้งจากความสัมพันธ์อันเลวร้ายกับพ่อแม่
หรือว่าความฝันความหวังสองสามอย่างที่ไม่มีทางเป็นจริง
แล้วความทุกข์ทรมานเจ็บปวดรวดร้าวต่างๆนาๆก็จะเกิดตามมา
แต่หากปราศจากความรู้สึกรวดร้าวนั้น
คนหลายๆคนก็จะสามารถอยู่รอดภายในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างปุบปับอย่างกับละครหลังข่าวได้
จากนั้นละครน้ำเน่าเรื่องนั้นก็จะได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วไปเอง (ผู้แปล: พวกเสพติดดราม่าที่รายการ ละครชอบเอามาเรียกเรตติ้ง)
แล้วในท้ายที่สุดพวกลูกชายลูกสาวคนรวยๆก็ไม่เคยถูกรังเกียจเลย
ถ้าพวกเธอโกรธจนอารมณ์ไม่ดีใส่คนธรรมดาสามัญ แล้วก็ก่นด่าพวกเขา
ทั้งหมดที่พวกเธอต้องทำก็แค่เอาเงินฟาดหัวพวกเขา
จากนั้นคำขอโทษขอโพยก็จะกลับออกมาจากคนธรรมดาสามัญแทน
จนกระทั่งสิ้นสุดคาบเรียน
ซอยูนก็ยังตกอยู่ในห้วงความคิดของเธอ
‘ดูเหมือนว่าฉันคงจะไม่รู้เกี่ยวกับคุณค่าของเงินจริงๆสินะ’
ในขณะที่ลีฮุนต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างขยันขันแข็ง
เธอกลับไม่เคยคิดถึงมันอย่างเอาจริงเอาจังมาก่อน
เหมือนอย่างที่ลีฮุนจินตนาการเอาไว้
เธอมีทรัพย์สิน กองมรดก กองทุน หุ้น และก็อื่นๆอีกมากมาย
ดังนั้นเธอจึงอยู่มาอย่างมั่งคั่งตั้งแต่ที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแล้ว
ซอยูนเขียนความคิดเธอลงไปในแผ่นกระดาษขณะที่แสดงท่าทีของเธอไปด้วย
-ฉันจะไปทำงานหาเงินมา
จากนั้นเธอจะยอมไปเที่ยวกับฉันไหม?
ลีฮุนๆไม่ได้คาดหวังกับการตอบโต้กลับมาแบบนี้เลย
‘อีกไม่นานก็วันหยุดหน้าหนาวแล้ว’
เหลือเวลาน้อยกว่าสามสัปดาห์ก็จะจบภาคการศึกษานี้แล้ว
“เธอจะหาเงินมาได้มากแค่ไหนละ?”
ฉันไม่เคยไปเที่ยวมาก่อนดังนั้นฉันจึง….เธอคิดว่าฉันต้องเก็บเงินมากแค่ไหนหรอ?
ดวงตาของซอยูนเป็นประกายในตอนที่เธอกำลังคาดหวังให้เขาตอบกลับมา
เธอไม่เข้าใจในสังคมปัจจุบันและไม่คุ้นเคยกับโลก
เธอจึงอยากรับรู้ถึงรสชาติอันแสนขมขื่นจากโลกใบนี้
ลีฮุนผู้ที่ถูกตอกย้ำเรื่องการออกไปเที่ยวแบบคนธรรมดาจึงได้ตอบกลับออกไปว่า
“หากเรากำลังพูดถึงทะเล
ก็คงจะเป็นทางใต้ของเกาหลีหรือไม่ก็เกาะเจจูแน่นอนอยู่แล้ว ในกรณีของค่าเดินทางก็คงราคาอย่างน้อย
450,000 วอน ส่วนค่าอาหารก็คงจะประมาณ800,000วอน เราจะพักค้างคืนด้วยไหม?”
แม้ว่าเราจะกินซาชิมิทุกมื้อ
ราคามันก็ค่อนข้างสูงมากทีเดียวอาจจะประมาณ 800,000 วอน ซอยูนก็พลางพยักหน้ารับอย่างไม่สนใจในราคานั้น
เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะใช้เวลาของพวกเขาเพียงแค่ไปเที่ยวที่นั่นแล้วก็กลับทันที
เธอต้องการที่จะใช้เวลาทั้งคืนพูดคุยและดื่มไวน์ไปด้วย
“ราคาค่าห้องของโรงแรมก็น่าจะประมาณ5,000,000
วอนสำหรับพวกเราสองคน เพราะว่าเราต้องจองไว้สองห้องนอน อีกอย่างถ้าเราอยากจะดื่มไซเดอร์กับไข่ต้มบนรถไฟแล้วก็ซื้อของฝากบ้างนิดๆหน่อยๆ
เราก็ต้องใช้เงินอย่างน้อย 5,000,000 วอนหรือว่า 6,000,000วอน”
ลีฮุนให้คำแนะนำออกมามากมายอย่างไม่แยแสโดยสิ้นเชิง
‘การทำงานพาร์ทไทม์ตลอดช่วงหยุดหน้าร้อนนั้นไม่พอที่จะเก็บเงินได้มากขนาดนั้นหรอก’
แม้ว่าจำนวนเงินที่เขาพูดมานั้นดูน่าตลกสิ้นดี
แต่ซอยูนก็ยังพยักหน้ารับ
จากนั้นลีฮุนจึงพูดออกไปเพื่อที่จะทำสัญญากับเธอไว้ว่า
“เธอจะต้องหางานด้วยตัวเองจากการทำงานหนัก ไม่งั้นก็ถือว่าไม่นับนะ”
-ก็ได้
***
วีดใช้เวลา20 วันสุดท้ายในการสร้างประติมากรรมธรรมชาติภายในเทือกเขาเดบการ์ด
“ฉันตั้งหน้าตั้งตาแกะสลักมานานมากแล้วจริงๆ”
ภารกิจนี้ไม่ยอมให้เขาออกไปล่าเลย
เขาทำได้แค่สร้างประติมากรรมออกมามากมาย แถมตอนนี้เขาก็เหลือเวลาไม่มากแล้วด้วย
การอยู่ตามลำพังภายในสิ่งแวดล้อมเช่นนี้เขาสามารถสร้างประติมากรรมยอดเยี่ยมมากมายหลายชิ้น
แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถสร้างประติมากรรมระดับคลาสสิคกับมาสเตอร์พีสได้เลยโดยไม่กินเวลาเขาไปเปล่าๆ
และก็ยังต้องทำงานไปโดยไม่สามารถผ่อนคลายได้ซักย่างก้าว
“ประติมากรรมที่ทำจากหยาดน้ำค้าง!”
วีดลุกขึ้นมาสร้างประติมากรรมตั้งแต่เช้าตรู่
เขารวบรวมวัสดุพื้นๆมากมายที่จำเป็นต่อการสร้างประติมากรรม
เขาหมอบลงกับพื้นขณะที่กรีดใบหญ้าเพื่อเก็บหยาดน้ำค้างออกมา
ด้วยค่าความใกล้ชิดกับธรรมชาติที่ยิ่งเติบโตขึ้นมากเรื่อยๆ
เขาก็สามารถเลือกใช้ธรรมชาติได้มากยิ่งขึ้นเพื่อเอาไปสร้างประติมากรรม
วีดสร้างผลงานมวลน้ำขึ้นมา
นี่เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีสชิ้นแรกตั้งแต่ที่เขาแกะสลักธรรมชาติมา
มาสเตอร์พีสหรอ! วัสดุธาตุน้ำที่สร้างขึ้นมาจากการก่อตัวของหยาดน้ำค้าง
ธรรมชาตินั้นมีความหมายที่จะพัฒนาระดับผลงานประติมากรรมได้
ดังนั้นเขาถึงเก็บมาเฉพาะหยาดน้ำค้างที่ใสสะอาดเท่านั้น
บนต้นไม้และบนพื้นดินที่ผสมกลมกลืนไปกับกลิ่นมวลดอกไม้
เขากำลังเพลิดเพลินกับกลวิธีการสร้างผลงานธาตุน้ำอย่างกระตือรือร้น
มันช่างเป็นการแสดงออกที่มีชีวิตชีวาและน่ายกย่องอย่างสูงยิ่ง
ท่ามกลางเหล่าประติมากรรมที่อยู่ภายในทวีปเวอร์เซล
มีผลงานเพียงน้อยนิดที่พรรณนาถึงธรรมชาติ!
แต่อย่างไรก็ตาม
เพราะว่าเขาเป็นประติมากรอันเดด ผลงานของเขาจึงค่อนข้างเสียหายและตัวเขาเองก็กำลังจะบ้าตาย
คุณค่าทางศิลปะ
:
898
คุณสมบัติพิเศษ: ผู้คนที่เห็นประติมากรรมแห่งธาตุน้ำที่สลักขึ้นมาจากน้ำค้าง จะฟื้นฟูค่าพลังชีวิตและค่ามานาได้
12% เป็นเวลาหนึ่งวัน
-ระดับมานาที่ต้องใช้อัญเชิญจิตวิญญาณธาตุน้ำลดลง
-สามารถดับกระหายของท่านได้เป็นเวลานาน
คุณสมบัติไม่ทับซ้อนกับประติมากรรมชิ้นอื่น
จำนวนประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีสที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว: 89
-ค่าความชำนาญการแกะสลักเพิ่มขึ้น
-ค่าความคล่องแคล่วของทักษะเพิ่มขึ้น
-ค่าความชำนาญในการแกะสลักธรรมชาติเพิ่มขึ้น
-ค่าชื่อเสียงดีเพิ่มขึ้น
263 แต้ม
-ค่าความอึดเพิ่มขึ้น
1 แต้ม
-ระดับสติปัญญาเพิ่มขึ้น
1 แต้ม
-ค่าทางศิลปะเพิ่มสูงขึ้น
8 แต้ม
-การสลักผลงานระดับมาสเตอร์พีสได้เพิ่มค่าความใกล้ชิดธรรมชาติของท่าน
9 แต้ม
การเพิ่มค่าความใกล้ชิดธรรมชาติจะช่วยพัฒนาขอบเขตของธรรมชาติที่คุณสามารถแกะสลักได้
เนื่องจากการสลักประติมากรรมที่มีความบริสุทธิ์
พลังของอันเดดจะถูกชำระและลดลง 6แต้ม
วีดได้รับมอบหมายให้ทำงานแกะสลักประติมากรรมของตัวเอง
เขาสามารถเพิ่มค่าความชำนาญด้วยการใกล้ชิดกับพวกสัตว์และพืช
โดยเฉพาะพวกพืชที่เขาจะใกล้ชิดเป็นพิเศษ
ในตอนที่อยู่ในร่างอันเดดแบบนี้
เขาจำต้องทำงานหนักอย่างมาก
ข้อดีของการเป็นอันเดดก็คือเขาสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องพัก
แม้ว่ามันจะดีซักเท่าไร
ประติมากรรมธรรมชาติก็มีคุณสมบัติชำระล้างที่มีผลต่ออันเดดอยู่ดี
“พลังศักดิ์สิทธิ์นี่ลดพลังของอันเดดเราลงไปมากเอาการเลยทีเดียว”
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือเขาไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินมากมายให้กับว่าที่สันตะปาปาแห่งวิหารเฟรย่า
อัลเวรอน (ผู้แปล: เพื่อชำระค่าชื่อเสียงเสียที่มีเครื่องหมายฆาตกร)
“โชคไม่ดีเลยแหะ
ประติมากรรมชิ้นนี้ระดับมาสเตอร์พีสซะด้วย”
เขาต้องเพียรพยายามรวบรวมน้ำค้างเพื่อที่จะเอามาทำเป็นประติมากรรมธาตุน้ำ
ต้องติดอยู่ภายใต้ความร้อนตามธรรมชาติที่จะส่องแสงแดดสะท้อนลงมา
มันคงจะถูกทำลายในไม่ช้านี้และก็หายไปแน่ๆ
แต่มันก็น่าเสียดายที่ต้องทิ้งประติมากรรมของเขาไว้ที่แทซันในเทือกเขาเดบการ์ด
แม้ว่ามันจะไม่ต้องเสียเงินค่าวัตถุดิบ
แต่ว่ามันก็ทำออกมายากมาก แถมยังต้องใช้เวลามากมายเพื่อรวบรวมน้ำค้างนั่นอีกด้วย
“การสร้างผลงานประติมากรรมธรรมชาติระดับมาสเตอร์พีสออกมาเป็นครั้งแรก
ฉันคงทิ้งประติมากรรมชิ้นนี้ไปไม่ได้”
งั้นปลดปล่อยประติมากรรมชิ้นนี้ให้เป็นอิสระละกัน!
วีดตัดสินใจที่จะสลักอักษรบนตัวประติมากรรมธาตุน้ำชิ้นนั้น
เพื่อที่จะปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งน้ำ
มันสามารถอัญเชิญออกมาได้ด้วยการสลักอักษรบนน้ำได้
แล้วยังสามารถเพิ่มระดับของค่าความใกล้ชิดกับธรรมชาติได้อีกด้วย
จากนั้นมวลธาตุก็เริ่มก่อตัวขึ้นแม้ว่ามันจะไม่สำเร็จแบบทันทีทันใด
แต่หลังจากนั้นซักพักหนึ่ง ด้วยการก่อตัวขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จากนั้นตัวที่หนึ่ง
หรือสองก็เริ่มก่อตัวรวมกันบนพื้นราวกับอาหารพร้อมรับประทาน
วีดใช้ทักษะของเขาใส่ประติมากรรมชิ้นนั้น
“ทักษะรังสรรค์จิตวิญญาณแห่งธาตุ!”(Creat
Elemental)
ตริ้ง!
จิตวิญญาณธาตุตัวใหม่ได้ถูกสร้างขึ้น
ค่าสถานะทางศิลปะ
160 แต้มถูกใช้ไป
-ค่าความเชี่ยวชาญทางการแกะสลักเพิ่มขึ้น
-ทักษะการสร้างจิตวิญญาณธาตุตอนนี้อยู่ขั้นต้น
เลเวล 6
ทักษะแกะสลัก
รังสรรค์จิตวิญญาณแห่งธาตุจะพัฒนาความสามารถใหม่ๆขึ้นมาได้และความสามารถทางธาตุก็จะปรากฏด้วยเช่นกัน
-ค่าความใกล้ชิดธรรมชาติเพิ่มขึ้น
75 แต้ม
-ค่าชื่อเสียงดีเพิ่มขึ้น
440 แต้ม
-ค่าความดึงดูดเพิ่มขึ้น
74 แต้ม
จิตวิญญาณธาตุน้ำหน้าตาน่ารักคำรามออกมาเสียงดังกังวาน
“แกคือประติมากรที่สร้างข้าหรอ!
กล้าดียังไงมาทำให้ข้าดูประหลาดขนาดนี้ แกเตรียมตัวตายแล้วรึยังละ?”
มันเป็นประติมากรรมที่นิสัยเสียที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นมาโดย
วีด
มันทำตัวอย่างกับเด็กอนุบาลซุกซนตัวเล็กๆ
“ตรวจสอบ!”
ท่านยังไม่ได้มอบชื่อให้กับประติมากรรม
จิตวิญญาณแห่งธาตุน้ำ
มันเกิดขึ้นมาในฐานะประติมากรรมแห่งธรรมชาติ
ถูกสร้างขึ้นมาด้วยทัศนคติที่แย่
ประติมากรรมแห่งธาตุน้ำตัวนี้จึงไร้ความอดทน
มองดูมันตั้งแต่หัวจรดเท้า
เขาก็ยังไม่เข้าใจในตัวมันอยู่ดี
มันสามารถแสดงพลังได้ถึง
71%
จากระดับพลังของธาตุ
มีความเป็นไปได้ที่มันจะกลายเป็นจิตวิญญาณธาตุที่ยิ่งใหญ่
ด้วยวิธีการอัญเชิญของชาแมนสายธาตุและแรงกระตุ้นแห่งชีวิตจากผืนพิภพ
จะสามารถอัญเชิญจิตวิญญาณธาตุเพิ่มขึ้นหลายตัวได้และยังเพิ่มพลังในการต่อสู้อีกด้วย
ความสามารถพิเศษ: เกราะวารีที่เป็นมวลน้ำบริสุทธิ์จะมีอำนาจในเกราะมากเป็นพิเศษ
เขาสร้างจิตวิญญาณธาตุขึ้นมาได้ด้วยตัวเองแล้ว
แถมเขายังไม่คิดว่าลักษณะนิสัยของมันเป็นปัญหาใหญ่อะไรด้วย
จิตวิญญาณแห่งธาตุเกิดใหม่ต้องเรียนรู้อีกหลายสิ่งหลายอย่าง
ในเมื่อมันมีชีวิตเป็นครั้งแรก
ปกติแล้วการพูดกับมันนิดๆหน่อยก็น่าจะกำราบมันได้แล้ว
“ฉันว่าพวกเราควรคุยกันหน่อยนะ”
(ผู้แปล: องค์ลงแล้วว555+)
เจ้าจิตวิญญาณธาตุเมินเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง!
จากนั้นวีดจึงค่อยๆดึงคทานักบุญของเขาออกมา
โป๊ก โป๊ก
โป๊ก โป๊ก โป๊ก!
เจ็บปวด
รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
การตบตีและฟาดมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
บัดนี้เขาไร้ซึ่งความสงสารใดๆแล้ว และก็ตีไปตรงจุดที่เป็นแผลเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อไปเรื่อยๆ
“แกควรจะพูดว่าขอบคุณกับคนที่สร้างแกขึ้นมาสิ”
ปั้ก ปั้ก
โป๊ก โป๊ก ปึ้ก ปึ้ก!
“ข้าขออภัยสำหรับเมื่อครู่นี้……”
ปั้ก ปั้ก โป๊ก
เพี้ย!
“นายท่านผู้น่ายกย่องของข้า!”
ทัศนคติของจิตวิญญาณแห่งน้ำเกิดความเปลี่ยนแปลงทันทีทันใด
จากนั้นวีดก็เก็บคทานักบุญไว้ในกระเป๋าสะพายของเขา
“ฉันจะเป็นคนสั่งสอนแกเอง
แล้วแกก็จะมีการศึกษาที่ดีขึ้น”
ความคิดส่วนตัวของเขาคิดว่าเขาเป็นผู้ให้การศึกษาที่ดีเลิศ!
จิตวิญญาณแห่งน้ำคือนักเรียนผู้โชคร้ายแห่ง ‘โรงเรียนประถมศึกษาของวีด’
“งั้นแกชื่อ เจ้าหยาดน้ำ”
เขาตั้งชื่อให้จิตวิญญาณนั่นว่า
หยาดน้ำ ก็เพราะว่ามันเป็นจิตวิญญาณแห่งธาตุที่สร้างขึ้นจาก หยาดน้ำค้าง
“ขอบคุณสำหรับชื่อของข้า
นายท่านผู้น่ายกย่องของข้า”
จิตวิญญาณแห่งน้ำผู้น่ารักและบอบบาง
ถูกอัญเชิญออกมาและมาเป็นตัวบรรเทาอารมณ์ให้วีดราวกับช่างตีเหล็กที่กำลังใช้เตาหลอม
“ฉันจะต้องมอบชีวิตให้เจ้าโกลมินิอีกครั้งหนึ่ง”
เขาไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถมอบชีวิตให้กับเจ้าโกลมินิได้หรือป่าว
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อาจะเป็นไปได้นะ
เพื่อที่จะถอดชีวิตให้มันออกมาให้ได้ แต่ต้องเอาไว้ก่อน
สักวันฉันจะต้องลองทำให้ได้เลย
ประติมากรรมที่ถูกสร้างขึ้นในเดบการ์ดภายในเขตไทซัน
ในสถานการณ์ปัจจุบันของเขาในตอนนี้ที่อารมณ์ศิลป์แกะสลักยังพุ่งสูงปรี๊ดอยู่หลังจากสร้างผลงานจากน้ำนั่น
เขาจึงตัดสินใจในทันที
“งั้นมาลองตอนนี้เลยดีกว่า”
เดย์แครมออกไปสร้างประติมากรรมธรรมชาติอยู่ที่ไหนซักแห่ง
จากนั้นวีดจึงรวบรวมกิ่งไม้ที่ร่วงลงมาก่อไฟในเตาหลอม
เพราะว่าประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีส
เจ้าโกลมินินั้นถูกสร้างขึ้นมาจากทองคำหลอมเหลว
“เพื่อสร้างและก่อมันให้เป็นรูปร่าง……”
แม่พิมพ์ของร่างกายเจ้าโกลมินินั้นเรียบง่ายที่ถูกร่างแบบออกมารวมกันเป็นตัวมัน
ศิลปะแห่งดินที่พบในเมืองโรเดียมนั้นให้ความทรงจำที่มีรายละเอียดที่ยังคงหลงเหลืออยู่
แต่สำหรับเจ้าโกลมินินั้นมันเป็นความทรงจำที่ยังคงอยู่มานานแสนนาน
ด้วยการเททองคำเหลวลงไปในแม่พิมพ์แล้วรอจนกว่ามันจะเย็นมากพอแล้ว
วีดก็หมดสิ้นความอดทนของเขาที่จะออกไปทำประติมากรรมชิ้นอื่นๆ!
เขาคอยกังวลคิดแต่สิ่งที่จะออกมาเกี่ยวกับรูปร่างที่กำลังทำออกมานี้ของเจ้าโกลมินิ
“เจ้าโกลมินินี่ก็ไม่ค่อยเชื่อฟังเราเท่าไร
แถมมันก็ไม่ค่อยพอใจอยู่บ่อยๆด้วย ต้องทำงานอย่างหนักซะแล้ว ฉันควรจะจัดการยังไงดี….”
การรอให้ทองคำเหลวไหลลงแม่พิมพ์ใช้เวลาอยู่ซักพักนึง
“เสร็จละ”
การแกะแม่พิมพ์ออกด้วยการกะเทาะมันออก
รูปร่างของเจ้าโกลมินิก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกครั้ง
ความทรงจำของวีดเริ่มชัดเจนมากแล้วในตอนนี้
เมื่อเทียบกับตัวต้นแบบ
เขารู้สึกว่ามันเสียของจริงๆที่เจ้าโกลมินิตัวใหม่นี่มีรอยร้าวและเตี้ยนิดหน่อย
แต่นอกจากนั้นมันก็ยังเหมือนเดิม
‘โชคดีที่เจ้าโกลมินิถูกสร้างขึ้นด้วยการใช้ทองคำ
การมอบชีวิตให้พวกประติมากรรมไม้หรือหินนั้นที่เป็นวัสดุทางกายภาพที่จะต้องก่อตัวขึ้นเองตามธรรมชาติ
แถมการจะต้องคงสภาพร่างกายให้เหมือนเดิมอาจจะปวกเปียกมากๆเช่นกัน’
ดวงตา จมูก
และปากมีรายละเอียดชัดเจนมากขึ้นหลังจากที่วีดใช้ทักษะซ่อมแซมแล้ว
“ทักษะประติมากรรมประทานชีพ!”
ค่าสถานะลดลง
สูญเสียเลเวล 2
เลเวล แต้มค่าทางศิลปะ 6 แต้มถูกใช้ไป
-ประติมากรรมได้รับชีวิตลงสู่ร่างกายแล้ว
เนื่องจากมีคุณสมบัติของธาตุน้ำ จึงได้เกิดชีวิตใหม่ขึ้นมา
ทักษะประติมากรรมรำลึกชาติได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว
ประติมากรรมจะได้ความทรงจำในชีวิตของมันคืนมาแต่อาจจะรู้สึกสับสนบ้าง
อีกครั้งในกรณีนี้ที่การเพิ่มขึ้นของค่าสถานะทางศิลปะและเอฟเฟคของประติมากรรมจะไม่นำมาใช้ต่อ
ประติมากรรมตัวดั้งเดิมก่อนหน้านี้ จะลดเลเวลลง 5%
แม้ว่าประติมากรรมที่พึ่งมอบชีวิตให้ไปนั้นมันจะค่อยๆตื่นขึ้นมาช้าๆ
แต่เจ้าโกลมินิกลับไม่เหมือนประติมากรรมพวกนั้น มันเบิกตามันขึ้นมาทันทีทันใด
ในขณะที่วีดกำลังมองไปที่มัน
เจ้าโกลมินิส่ายหัวของมันไปมาและเริ่มพูดออกมา
“ได้โปรดมอบชื่อให้กับข้า”
ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างและแหบแห้ง!
“ท้ายที่สุดแล้วแกก็ไม่ได้ฟื้นความทรงจำของแกคืนมาสินะ”
มิตรภาพที่พวกเขาได้ฟูมฟักมาจบสิ้นไปแล้ว
นี่คือคำกล่าวลาตลอดกาลของเจ้าโกมินิ
“เจ้าเหลืองจะต้องเสียใจมากแน่ๆ
ซอยูนก็ด้วย”
เจ้าเหลืองดูแลเจ้าโกลมินิราวกับเป็นคนในครอบครัว
ซอยูนก็คงจะเศร้าและคงร้องไห้หนักมากแน่ๆ
ฮวายองกับพวกเพื่อนๆของเขาก็คงจะเสียใจกับการตายของเจ้าโกลมินิมากด้วยเช่นกัน
“ชื่อของแกคือ โกลมินิ”
“รับทราบครับ
นายท่าน”
“หลับให้สบายนะ”
“ห่ะ..?”
จากนั้นวีดก็กลับไปเริ่มสร้างประติมากรรมธรรมชาติอีกครั้ง
บนต้นไม้ที่อยู่ไกลออกไป
เจ้าไววัน ไวทู กับไวทรีกำลังนั่งจับเจ่าอยู่
เจ้าโกลมินิก็พยายามเข้าไปทักทายกับพวกมันทุกคนอย่างตื่นเต้น
แล้วพวกมันทั้งหมดก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“โกลโกลโกล!”
วีดจึงถามออกไป
“แกคือโกลมินิ
ใช่ไหม?”
เจ้าโกลมินิจึงเอามือมันทาบอกแล้วโน้มตัวลงทำความเคารพ
“เมื่อซักครู่ก่อนหน้านี้
ข้าพึ่งได้ชื่อนั้นมา นายท่าน”
“นั่นมันค่อนข้างแปลกๆนะ”
วีดรู้สึกเคอะเขินอึกๆอักๆอยู่ข้างๆเจ้าโกลมินิ
จบตอน
ผู้แปล:
Cole’s Myth
Editor: แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล
555 โกลๆๆ ความจำเสื่อม ต้องโดนทุบก่อนสินะ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบแกล้งลืมสินะแกรรรร โกลมินิ
ตอบลบมันแกล้งลืมแหง่มๆไม่งั้นมันคงไม่หัวเราะ กับ ไววัน ไวทู กับไวทรี แน่นอนอิอิ
ตอบลบความจำสับสนรึไงหว่า?บทตอนนี้เรื่อยๆเอื่อยๆนะ เก็บค่าทักษะกันไป
ตอบลบโกลโกลโกลกูหลอกเจ้านายได้แล้วเกือบโดนทืบ555555
ตอบลบสายเปย์นี้หว่าชอยูนเรา
ตอบลบ