เล่ม 20 ตอนที่ 7 ยักษ์เพลิง แปลโดย W.melonee
ยิ่งเข้าไปในดันเจี้ยนก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น ธารลาวาที่ไหลอย่างต่อเนื่องปรากฏขึ้นให้เห็น
ธารลาวาเบื้องล่างมีความกว้างถึง 400 เมตร!
อุณหภูมิที่สูงมากถูกปล่อยออกมามากพอที่จะทำให้คนที่เข้าใกล้ไม่อาจจะทนได้
ซอยูนอยู่ห่างจากมัน ในขณะที่วีดเดินเข้าไปหามัน
ถ้าไม่ใช่เพราะการที่เขามีค่าความต้านทานไฟ ที่สูง เขาคงจะทรมานอย่างมากจากความเสียหาย
และอาจได้รับบาดเจ็บไปแล้วก็เป็นได้
ในขณะที่ร่างกายของวีดและร่างอันเดดของเขา ไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่เจ้าเหลืองและซอยูน กลับเหงื่อออกเยอะมาก
และค่าพลังกายของพวกเขายังถูกใช้ไปในอัตราในรวดเร็ว
หลังจากยืนยันได้แล้วว่าไม่สามารถจะอ้อมธารลาวาไปได้แน่ วีดจึงประกาศว่า
"เราจะต้องข้ามมันโดยใช้ไอ้นั่น"
-------
ที่ช่วงตรงกลางของธารลาวา จะเห็นหินและเหล็กโผล่ออกมา
อันที่เล็กที่สุดก็เกือบจะไม่พอให้เท้าเหยียบ ส่วนอันที่ใหญ่สุดก็ประมาณ 13 ตารางฟุต
ส่วนใหญ่มันจะเป็นพื้นผิวที่เรียบ
แต่มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่พบในธารลาวา
ยักษ์เพลิงที่เคยทำให้กลุ่มที่เดินทางผ่านแถวนี้ ถึงกับวิ่งหางจุกตูดมาแล้ว
และสิ่งที่เชื่อมต่อธารลาวาทั้ง 2 ฝั่ง ก็คือ สะพานเชือก อาจจะเป็นสิ่งที่ อัศวินอินโลกันตร์ หรือนักรบแห่งความหายนะใช้
วีดตรวจสอบเชือกที่ดูเหมือนว่ามันถูกทำขึ้นมาจากการพันหนังบอลลาร์ดเข้าด้วยกัน
"อืมม ไม่แน่ใจแฮะว่าจะปลอดภัยรึป่าว ลองทดสอบด้วยอันเดดก่อน นักรบหายนะ1 แกไปก่อน"
"ครับ นายท่าน"
ร่างอันเดดนักรบแห่งความหายนะ การเคลื่อนไหวของมันค่อนข้างแข็งทื่อ มันเริ่มข้ามสะพานเชือก
สำหรับอันเดดมันค่อนข้างง่ายในการที่จะข้ามเพราะมันไม่มีความกลัวที่จะตายอยู่แล้ว
หลังจากข้ามไปได้ระยะสามในสี่ของสะพานเชือก จนสามารถใช้เทเลพอร์ตไปสู่อีกฟากหนึ่งได้
"เยี่ยม ไปกันได้"
อันเดดตนอื่นๆ ต่างผลัดกันข้าม ขณะที่ โทริบินข้ามไป พร้อมกับแบก โกลมินิ และเจ้าเหลืองไปด้วย
หลังจากเจ้าเหลืองได้เห็นลาวาร้อนๆ แล้วเกิดกลัวขึ้นมาและพยายามจะดิ้นรนต่อสู้ แต่หลังจากใช้ความพยายามอย่างหนักพวกเขาก็สามารถข้ามผ่านมาได้
คราวนี้เป็นคราวของ วีดและซอยูน
เมื่อไร้ความกังวล วีดก็ถามซอยูน
"เธอกลัวมั้ย?"
ซอยูนส่ายหัวของเธอและเดินไปที่สะพานเชือกอย่างรวดเร็ว
วีดเดินตามหลังเธอมาติดๆ จากนั้นเขาก็คว้าเชือกและเพ่งมองไปที่เบื้องล่าง สิ่งที่เขาเห็นนั้น ช่างเป็นภาพที่ดูน่ากลัวมาก
ฟองผุดขึ้นมาจากลาวาสีแดงซึ่งมีความร้อนสูง ถ้าก้าวพลาดแม้แต่นิดเดียว นั่นอาจหมายถึงหนทางสู่นรก!!
วีดรู้สึกวิตกกังวล เริ่มบ่นพึมพำว่า
"แกเคยมีชีวิตที่ต้องผ่านเหตุการณ์ที่หนักกว่านี้มาแล้ว แค่มุ่งหน้าต่อไป มันก็ไม่มีอะไรต้องกลัวใช่ไหม?
ข้ามสะพานเชือกอาจจะมีความเสี่ยงและอันตราย แต่เหล่ามอนสเตอร์ก็ใช้มันและมันก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ฉันควรจะคิดว่า ตัวฉันเองนั้น โชคดีแค่ไหน"
----------
สิ้นคำของวีด ก็มีนักรบแห่งความหายนะ 10 นาย ออกมาจากอีกด้านหนึ่ง นักรบแห่งความหายนะกลุ่มนั้นกำลังตรวจสอบพื้นที่บริเวณนั้น
"ฉันรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนอยู่"
"อันเดด!"
“จงชำระล้างเหล่างอันเดดซะ ฆ่าพวกมันที่มาทำลายพวกพ้องของเรา!”
ขวานสีแดงกำลังกวัดแกว่งทั้งร่างอันเดดของนักรบแห่งความหายนะ
โทริ แวนฮอค โกลมินิ และเจ้าเหลือง เตรียมตัวพร้อมจะปะทะ
ระหว่างนี้ พวกเขาเป็นกลุ่มเดียวที่สามารถเข้าขัดขวางพวกมันได้
"ตั้งรูปขบวนป้องกัน! นักรบแห่งความหายนะ1 2 และ 3 พุ่งเป้าไปที่พวกมัน ในขณะที่ใช้เทเลพอร์ตไปด้วย”
วีดสั่งการรบขณะที่อยู่บนสะพานเชือกและเตรียมที่จะจะร่ายเวท แต่แล้วก็มีปลาไหลยักษ์พุ่งออกมาจากลาวา
ปลาไหลพวกนี้เหมือนมอนสเตอร์ มันเริ่มพ่นลูกไฟออกมา
และลูกไฟพวกนั้นทำให้เสื้อคลุมของวีดและชุดเกราะของซอยูน
คุณได้รับความเสียหายธาตุไฟจากการโจมตีของโบวอนท์(Baovants)
|
แผดเผา!
ถ้าไฟยังไม่ดับจะเกิดความเสียหายสะสมอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ทั้งสองกำลังฟื้นตัวจากการโจมตีอย่างกะทันหัน โบวอนท์ กลุ่มอื่นๆก็ปรากฏตัวขึ้นและพ่นลูกไฟมาอีก
เมื่อความต้านทานไฟเพิ่มขึ้น ความเสียหายจะลดลง แต่สถานการณ์ตอนนี้มีแนวโน้มว่าจะอันตรายมากขึ้น
แล้วทุกครั้งที่ลูกไฟจากพวกโบวอนท์ มาโดนพวกเขา สะพานเชือกแกว่งซึ่งทำให้ขณะที่วีดวิ่งจะเกิดการสะดุดในทุกๆ 2-3 เมตร
แค่ยืนเฉยๆ ก็ไม่มีความสมดุลอยู่แล้ว ตอนนี้การข้ามฝั่งกลายเป็นสิ่งที่ยากลำบากมากขึ้นไปอีก!
"นายท่านตกอยู่ในอันตราย!"
แวนฮอคตะโกนขึ้น เมื่อรับรู้ว่าวีดกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน
วีดจัดการกับมอนสเตอร์ด้วยวิธีแตกต่างกัน ขณะที่ต้องเซไปมาเพื่อทำให้เกิดความสมดุล แต่เขาคิดว่าโบวอนท์ เป็นภัยที่ใหญ่หลวงจึงเลือกที่จะจัดการกับมันก่อน
'พวกมันอยู่ในลาวา ดังนั้นฉันไม่สามารถปะทะกับมันตรงๆ ได้ เมื่อฉันไม่มีคาถาไหนที่สามารถโต้กับไฟของพวกมันได้ดังนั้นมนต์ดำคือสิ่งที่ฉันจะสามารถใช้ได้'
------------
ถ้าเป็นชุดเวทมนต์เกี่ยวกับน้ำ ไม่ว่าจะร่ายน้ำหรือน้ำแข็ง ก็จะช่วยได้มากในสถานการณ์เช่นนี้
ถึงแม้วีดจะมีสมุดร่ายเวทย์ แต่เขาก็สามารถร่ายได้แค่เวทพื้นฐาน
และเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มพ่อมด เขาจึงไม่สามารถใช้เวทมนต์ทำลายล้างขั้นสูงได้จากการร่ายเวทย์นั้น ดังนั้นวิธีการนี้ไม่สามารถเอาชนะโบวอนท์ ได้
'ฉันไม่ต้องการจะกระโดดไปบนโขดหินพวกนั้น'
ถึงแม่หินที่โผล่มานั้นจะมีพื้นผิวที่เรียบ มันก็ยังไม่น่าไว้ใจเพราะอาจจะลื่นตกลงไปในธารลาวาได้
การต่อสู้กับพวกโบวอนท์ ในธารลาวา เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำแน่
ต่อให้มันเป็นการปะทะโดยตรง ในขณะที่กำลังใช้ดาบปีศาจ ในฐานะเนโครแมนเซอร์ ความเสียหายทางกายภาพที่สามารถทำได้นั้น
เบาบางมาก
'ท่าจะไม่ดีซะแล้ว'
เวลาวีดทำการตัดสินใจอะไร จะคิดเร็วมาก แต่ซอยูนกลับขยับตัวก่อนที่เขาจะตัดสินใจซะอีก
'ฉันไม่ต้องการเห็นเขาตาย'
พวกโบวอนท์ เริ่มปูพรมทิ้งระเบิดใส่พวกเขา แต่ซอยูนสกัดกั้นเอาไว้ได้ การโจมตีนั้นทำให้พลังชีวิตของเธอลดลงถึง 1
ใน 3
วีดตกใจกับการกระทำของซอยูน
ดาบแห่งแสง!
หนึ่งในสกิลดาบของอาชีพเบอร์เซิร์กเกอร์
หลังจากที่เธอได้รับความเสียหาย เธอก็ใช้สกิลนี้อย่างเต็มรูปแบบ นี่เป็นทักษะดาบอันใหม่ ที่เธอได้เรียนรู้ หลังจากที่มีประสบการณ์จากการต่อสู้ในครั้งก่อนๆ
ดาบของซอยูนถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีแดงเรืองรอง เธอกวัดแกว่งดาบใส่พวกโบวอนท์ แกว๊งแกว๊งแกว๊งงงง!
ด้วยการใช้มานา ดาบจึงสามารถระเบิดพลังอันรุนแรงออกมาได้
ดาบแห่งแสงนั้นเป็นทักษะที่มีการใช้งานเรียบง่าย
มันแค่ต้องการมานาเพื่อเปิดการใช้งาน และมันสามารถลดทอนพลังชีวิตของมอนสเตอร์ได้โดยไม่สนใจพลังป้องกันของพวกมันเลย(Ignore
defense)
ในเมื่อการหลบหนีจากการปะทะจะทำให้เป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ
หนทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวคือมีแต่ตั้งเผชิญหน้ากับพวกมันเท่านั้น
ดังนั้นซอยูนจึงมุ่งไปที่การใช้ทักษะดาบของเธอ
แม้พวกมันจะมีจำนวนมาก สกิลก็ยังคงทรงประสิทธิภาพในการใช้งานอยู่ เนื่องจากมีการโจมตีที่รวดเร็ว และพลังในการทำลายล้างสูง แต่มานาของ เบอเซอเกอร์ ก็ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
--------------
ควีคค..อีคคค
โบวอนท์โดนระเบิดสอยร่วงไปทีละตัว
แม้พวกมันจะพยายามป้องกันแต่ดาบแห่งแสงก็ยังคงทรงประสิทธิภาพปล้นพลังชีวิตของพวกมันได้ไม่หยุดหย่อน
ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องโจมตีโบวอนท์โดยตรง เพราะสกิลระยะไกลนั้นสามารถใช้มานาได้
และเนื่องจากลักษณะของอาชีพเบอร์เซิร์กเกอร์ เหล่ามอนสเตอร์ที่สู้กับพวกเขาจึงเริ่มถูกกดดัน
โบวอนท์ก็เริ่มโต้กลับโดยใช้การโจมตีระยะไกลเหมือนกัน
ในขณะเดียวกัน วีดกำลังติดอยู่บนสะพานเชือก ทรมานจากการต่อสู้ที่มาต่อเนื่องไม่หยุด
"บ้าเอ๊ย"
ทุกครั้งที่ซอยูนโจมตี สะพานเชือกจะสั่นอย่างรุนแรง
เหล่าโบวอนท์ ปล่อยลูกไฟออกมาได้น้อยลง เพราะชอยูนกวัดแกว่งดาบอย่างต่อเนื่อง
หลังจากพวกมันได้รับผลกระทบจากคำสาปบ้าคลั่ง ของเบอร์เซิร์กเกอร์ เหล่ามอนสเตอร์ก็ไม่สามารถรอดพ้นการโจมตีของดาบแห่งแสงได้เลย
ตอนนี้พวกเขาสูญเสียการควบคุมทางกายภาพไปแล้ว และถึงแม้ร่างกายของพวกเขาจะเหนื่อยล้า และล้มลง พวกเขาก็จะยังคงโจมตีพวกที่ห้อมล้อมเขาอยู่อย่างไม่ลังเล
สกิลนี้จะไม่หยุดจนกว่าศัตรูทั้งหลายจะถูกทำลาย ซอยูนตั้งใจอยู่ต่อ เพื่อเปิดช่องทางให้วีดหนีออกมาได้
แม้ว่าสะพานเชือกจะถูกทำลายหรือเธอจะแพ้จนตัวตาย เธอก็จะยังคงใช้การโจมตีระยะไกลนี้จนกว่ามานาของเธอจะหมดไป
'รีบหนีไป เร็วเข้า'
นั่นคือสิ่งที่เธอจะสื่อให้วีดรับรู้ผ่านทางสายตา แต่วีดกลับตีความไปอีกอย่าง
'ทำอะไรสักอย่างให้เราชนะ' วีดคิดว่าเธอไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
ความคิดที่เขาจะข้ามไปอีกฝาก โดยทิ้งซอยูนไว้เบื้องหลังนั้น มันไม่เคยอยู่ในหัวของเขาเลยแม้แต่น้อย
มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะยอมรับ แต่เขาก็ยังคงต่อสู้เคียงข้างกับเพื่อนของเขา
เพราะเขาไม่อาจจะวิ่งหนีไปได้ ตอนนี้เขาจึงต้องอุทิศชีวิตให้กับเพื่อนของเขา
วีดคิดว่าซอยูนไม่ต้องการต่อสู้เพียงลำพังจนกว่าชีวิตของเธอจะหาไม่
'สะพานเชือกมันแกว่งไปมาแบบนี้ ฉันไม่สามารถเพ่งสมาธิไปที่การร่ายเวทมนต์ได้เลย แล้วฉันจะทำอะไรได้บ้างเนี่ย?'
----------
ธนูไฮเอลฟ์!
"ปราชญ์แห่งผืนพิภพ ขอกำลังเสริมให้ข้าที"
ปราชญ์แห่งผืนพิภพถูกอัญเชิญออกมาอีกครั้ง
จากนั้นตำแหน่งที่สามารถวางเท้าได้ ก็ถูกสร้างขึ้นบนสะพาน
เหล่าอันเดดยังคงต่อสู้อยู่กับอนักรบแห่งความหายนะ
แต่วีดมีมานาไม่พอที่จะช่วยเหลือพวกนั้นได้
"จิตวิญญาณแห่งสายน้ำ!"
วีดใช้ธนูของไฮเอลฟ์ยูริกะและยิงลูกศรไปที่ โบวอนท์
ลูกธนูหลอมรวมกับพลังของจิตวิญญาณแห่งน้ำยิงไปที่เหล่า โบวอนท์!
แม้ลูกธนูจะไม่ได้ทรงพลังมาก เพราะเขาอยู่ในร่างของโครงกระดูก ลิชไชร์
มันก็มากพอที่จะช่วยซอยูนได้
พวกโบวอนท์ยังคงโจมตีซอยูนด้วยลูกไฟอย่างต่อเนื่อง
และด้วยเสียงที่ดังมันทำให้ยักษ์เพลิงตื่นขึ้นมา
"เสียงดังจริง นอนไม่ได้เลย"
ยักษ์เพลิง ตื่นขึ้น นั่นหมายถึงปัญหา
ด้วยแขนของมันที่มีขนาดยาวกว่า 10 เมตร จับพวกโบวอนท์ และเหวี่ยงพวกมันออกไป
ทุกครั้งที่พวกมันขยับกระแสของธารลาวาจะเปลี่ยน และพื้นดินจะสั่นสะเทือน
ยักษ์เพลิงตนนึงดึงดาบขึ้นมาจากธารลาวาและชี้ไปที่วีดกับซอยูน
จากที่เห็นการแกว่งดาบอันทรงพลังนั้นฆ่าได้ทีเดียวหลายสิบคน หากคิดจะหนีคงเป็นไปไม่ได้
วีดจึงรีบเอาไอเทมออกมา
เขาถือตาของยักษ์เพลิง จากนั้นการกวัดแกว่งดาบของมันจึงหยุดลงในทันที
"เจ้า…"
วีดกลืนน้ำลายของเขาอึกใหญ่
"ไม่ใช่ศัตรู"
จากนั้นเขาก็เบี่ยงความสนใจไปที่ โบวอนท์
วีดขยับเข้าใกล้ซอยูนเพื่อความมั่นใจว่ามันจะไม่ทำร้ายเธอ
ทุกครั้งที่โบวอนท์ตายผงทองจำนวนมากจะตกลงสู่ธารลาวา
มันเป็นสิ่งที่มีค่าแต่ก็ไม่คุ้มที่จะเสี่ยง!
โบวอนท์ได้ถูกกำจัดไปแล้ว ซอยูนจึงหยุดใช้สกิลของเธอ และเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ซอยูนจึงรีบวิ่งข้ามสะพานเชือกไปร่วมต่อสู้กับอันเดดที่ปะทะเข้ากับนักรบแห่งความหายนะ
------------
เหลือศัตรูอีกเพียง 9 ตัวเท่านั้น อันเดดสามารถฆ่าพวกมันได้ 1 ตัว
เจ้าเหลือง โกลมินิ โทริ และ แวนฮอค กำลังยืนหยัดต่อสู่อยู่ แต่ตอนนี้ความช่วยเหลือได้มาถึงแล้ว
ตอนนี้ไม่มีปัจจัยอันตรายใดๆ แล้ว วีดจึงไม่ต้องรีบข้ามสะพานเชือก ดังนั้นเขาจึงเริ่มส่งเวทคำสาปไปช่วยอันเดด
เวทสาปแช่งที่สามารถเล็งการโจมตีเป็นวงกว้าง จึงถูกนำมาใช้ เพราะมันยากที่จะเล็งเป้าไปที่พวกมัน ในขณะที่พวกมันกำลังเทเลพอร์ตไปมา
และเนื่องจากส่วนของดันเจี้ยนที่นักรบแห่งความหายนะอยู่นั้น ไม่ได้มีพื้นที่กว้างมากนัก จึงง่ายต่อการที่จะเล่นงานพวกมันด้วยเวทสาปแช่ง
การต่อสู้ขณะนี้ทำให้ทำให้นักรบแห่งความหายนะตกอยู่ในสภาวะที่ตื่นตระหนก เพราะการตื่นขึ้นของยักษ์เพลิง แต่เพราะเหตุนั้นวีดจึงสามารถใช้ประโยชน์และจบการต่อสู้นี้ลงได้
เมื่อวีดได้ยินเสียงของยักษเพลิงซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก กลับไปนอนต่อ
"ข้า..ไม่ควรทำเสียงดังเหมือนเจ้าพวกนักรบแห่งความหายนะและ โบวอนท์"
ยักษ์เพลิงชอบที่จะแช่ตัวอยู่ในลาวาร้อนๆ และไม่ต้องการที่จะถูกรบกวน!
ตอนนี้วีดต้องจัดระเบียบอันเดดเสียใหม่ เพราะเขาเพิ่งจะเสียร่างอันเดดของนักรบแห่งความหายนะไประหว่างทาง
มันก็มีร่างใหม่เพื่อใช้ในการอัญเชิญ แต่วีดยังไม่ขยับออกไปจากสะพานเชือก “...?”
ซอยูน เจ้าเหลือง และ โกลมินิ ต่างมองอย่างงงๆ ไม่เข้าใจพฤติกรรมของวีด ณ ตอนนี้
"ฉันไม่สามารถทิ้งแร่ที่มีค่าพวกนั้นไปได้"
อัญมณีชั้นหนึ่งและมีขนาดใหญ่อย่าง มิธริล(โลหะชนิดหนึ่ง) เพรช อำพัน และอดาแมนเทียม โผล่ออกมาบนพื้นผิวของหินที่อยู่ในธารลาวา
ไม่บ่อยนักที่จะเจอแร่พวกนี้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นวีดจึงเริ่มปีนลงไป
เมื่อถึงอย่างปลอดภัย วีดก็เอาดวงตาของยักษ์เพลิงออกมาและวางไว้ในมุมมองปกติ
แล้วเขาก็เริ่มตอกฆ้อน และสิ่วของเขา กะเทาะเอาส่วนที่ยื่นออกมา ทำให้เกิดเสียงดังมาก
แก๊ง แก๊ง แก๊ง แก๊งง!
วีดพยายามจะทำอย่างระมัดระวัง แต่การทำให้เกิดเสียงขณะนี้มันเป็นขั้นมันตอนที่จำเป็นต้องทำ ผ่านไปสักพัก เหล่ายักษ์เพลิงก็ลืมตาขึ้น
"ความเงียบคือสิ่งที่ดีที่สุด"
คำพูดสำหรับการสะกดจิตให้หลับ! (แอดมิน: คำแนะนำในการนอนหลับ ฮ่ะๆ)
วีดยังคงสกัดแร่ต่อไปขณะที่พยายามสะกดจิตพวกมันไปด้วย
-----------------
ทุกครั้งที่ยักษ์เพลิงอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น วีดก็พยายามบอกกับพวกมัน
"มีนักรบแห่งความหายนะอยู่มากเกินไป ฆ่า ฆ่ามันให้ที่สุดเท่าที่จะฆ่าได้ ทำไมนะหรอ? เพราะเผ่าพันธุ์ของแกคือผู้มีอำนาจครอบครองไฟอย่างแท้จริง"
"ธารลาวานี้จะไหลไปทั่วทั้งทวีป บางส่วนมันต้องไหลไปที่ฐานของพวกมันแน่"
"อีกอย่าง ยักษ์เพลิงยังเป็นผู้ปกครองที่แท้จริงของ ลาสฟาลั้งค์ ด้วย"
"ถ้าพวกแกยังไม่เริ่มทำอะไร ดินแดนนี้จะถูกพรากไปจากพวกแก"
"แล้วอีกอย่างนักรบแห่งความหายนะที่น่ารำคาญพวกนั้นก็เสียงดัง มันคงจะดีกว่าถ้าจำนวนของพวกมันลดลง"
เมื่อพวกมันกำลังจะตื่นขึ้นเต็มตา วีดก็จะแสร้งทำเป็นงัวเงีย และการบอกพวกก็มันสำเร็จ พวกยักษ์อัคคีก็กลับไปงีบหลับต่อ
ในระหว่างนี้ ก็ได้อัญมณีและแร่ชั้นสูงที่ต่างกันไป 15 ชนิด โลหะมิธริวก็มากพอที่จะสร้างดาบได้ถึง 2 อัน
ได้กำไรมหาศาลใน ลาสฟาลั้งค์
***
ยูรินกำลังวาดภาพบนทะเลสาบน้ำใส
ทัศนียภาพที่สามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่านักอนุรักษ์ธรรมชาติ!
สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้ทะเลสาบ มีทั้ง พืช สัตว์ขนาดเล็ก และมอนสเตอร์
ดวงตาอันแวววาวของพวกมัน กำลังมองดูยูรินอย่างระมัดระวัง
จิตรกรแห่งแสงวารี(Aqualight Painter)กำลังวาดภาพ และฝูงชนก็มารวมตัวกัน
"ฉันจะวาดภาพอะไรดีนะ?"
ยูรินพึมพำกับตัวเองขณะที่พยายามหารูปแบบ
กลุ่มของเพลกำลังทำเควสที่เกี่ยวข้องกับเมือง มอร์เดร็ด เมืองหลวงแห่งจักรวรรดิ นิฟเฮมที่ล่มสลาย
แต่เธอต้องการที่จะท่องเที่ยวอย่างอิสระไปตามสถานที่ต่างๆ จึงได้แยกตัวออกจากกลุ่มมาสักพัก
"สัตว์และมอนสเตอร์ที่นี่ดูเหมือนจะอยู่กันด้วยความสามัคคี"
ยูรินเริ่มวาดต้นไม้กับผลไม้มากมายบนทะเลสาบ
แล้วท้องทุ่งที่มีมันหวานอยู่ในนั้น ตามอย่างที่เธอคิด ก็เพื่อให้มอนสเตอร์ที่อยู่ที่นี่ไม่อดอยาก
น่าแปลกที่ภาพวาดไม่กระจายตัวลงไปในน้ำ
ในขณะที่ผมของยูรินถูกหมวกคลุมไว้อยู่นั้น ตกลงมาที่ไหล่ของเธอ เธอก็วาดเสร็จพอดี
จิตรกรรมแห่งแสงวารีถูกใช้ที่ทะเลสาบ!
( Aqualight painting)
------------
· คุณสร้าง ‘ความอุดมสมบูรณ์แห่งธรรมชาติ’
สำเร็จแล้ว!
ภูมิประเทศอันงดงามถูกวาดลงบนทะเลสาบ
ในมุมมองของศิลปินมันพรรณนาให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอันล้นเหลือ
เป็นทัศนียภาพที่ทำให้จิตใจสงบ
การลงสีอันแม่นยำและจังหวะการลงแปรงอันอ่อนโยนบ่งบอกให้รู้ว่ามันทำจากจิตรกรชั้นผู้ใหญ่ (จิตรกรที่เป็นผู้ใหญ่)
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ถูกผสมผสานรวมเข้ากับธรรมชาติอย่างสมบูรณ์
และเมื่อฝนตกภาพวาดจะถูกกระทบไปด้วย
คุณค่าทางศิลปะ : 98
คุณสมบัติพิเศษ :
ตราบใดที่ ‘ความสมบูรณ์แห่งธรรมชาติ’
ยังสะท้อนอยู่ในน้ำ พืชที่อยู่บริเวณใกล้เคียงจะมีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นชั่วคราว
บรรดาสัตว์ก็มีแนวโน้มที่จะมารวมตัวกันใกล้ทะเลสาบ
มานาฟื้นฟูเพิ่มขึ้น 4% สำหรับอาชีพนักบวชและพ่อมด
|
· ทักษะการวาดภาพ ขั้นต้น เพิ่มขึ้นเป็น 7 ลายเส้นมีความแม่นยำมากขึ้นและสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือวาดภาพลักษณะต่างๆ ได้
· ความชำนาญทักษะในการใช้สีย้อมเพิ่มขึ้น
|
ตอนนี้ ยูรินกำลังชื่นชมผลงานของเธอ
เธอรู้สึกยินดีที่เหล่าบรรดาสัตว์ต่างปราบปลื้ม
แต่ทันใดนั้นน้ำในทะเลสาบก็เริ่มกระเพื่อม
"เอ๊ะ จู่ๆเกิดอะไรเกิดอะไรขึ้น?"
ยูรินเริ่มจะหงุดหงิดและพยายามที่จะหนีออกไปจากทะเลสาบ
แต่แล้วคลื่นในน้ำก็สงบลงและหยดน้ำเริ่มลอยขึ้น
เพราะมันเป็นเวลากลางคืน เธอจึงอาศัยดวงดาวและแสงจันทร์ในการมอง
และเมื่อเห็นภาพของท้องฟ้ายามค่ำคืนสะท้อนอยู่บนน้ำเธอก็เหมือนถูกสะกด
จากนั้นหยดน้ำที่ลอยขึ้นจากทะเลสาบก็มาอยู่รอบตัวเธอและเริ่มหมุนวนไปรอบๆ
ด้วยพระจันทร์และดวงดาวที่สะท้อนอยู่บนน้ำ ทำให้หยดน้ำเปล่งประกาย!
แต่ความมหัศจรรย์ไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้
ภาพที่ยูรินวาดเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากเดิม
----------------------------
สิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งภูเขาและปราสาทที่เกินจะบรรยายได้ปรากฏขึ้น
หยดน้ำที่ลอยอยู่ตอนนี้เหมือนกับนำพายูรินไปสู่ภาพวาดอันสวยงามนั้น
แล้วยูรินก็ก้าวเข้าไปใกล้ภาพวาด
แม้ว่าน้ำในทะเลสาบจะยังไม่สงบ แต่ภาพวาดไม่ได้ถูกกระทบกระเทือนไปด้วย
"ที่นี่คือที่ไหนกัน?"
มันคือปราสาทที่สวยงามมาก
และประตูก็เปิดออกกว้างราวกับพยายามเชิญชวนให้เธอเข้าไปข้างใน
เธอตัดสินใจเสี่ยง ยูรินวาดภาพเหมือนของเธอที่ด้านหน้าปราสาทและใช้ทักษะของเธอ
"พิคเจอร์
เทเลพอร์ต!"
เพียงไม่นานหลังจากนั้น ยูรินก็หายตัวไปจากทะเลสาบ
พลังที่ทำให้หยดน้ำลอยตัวได้ก็หายไปด้วยและมันก็ตกลงสู่ทะเลสาบ
ตอนแรกยังไม่สามารถมองเห็นปราสาทในภาพวาดได้ แต่แล้ว...
"ว้าว!"
ยูรินเปล่งเสียงอย่างตื่นเต้น
มันคือปราสาทที่สวยที่สุดในทวีปเวอเซลล์!
มันถูกสร้างขึ้นบนภูเขาที่มีลมแรงพัดผ่านมีพื้นที่อันกว้างขวาง ยูรินเดินผ่านทุ่งสีทองมุ่งหน้าสู่ตัวปราสาท
เหมือนมันถูกสร้างขึ้นมาเมื่อหลายร้อยปีก่อน และดูเหมือนจะได้รับการปกป้องจากเวทมนตร์ เพราะปราสาทดูสะอาดสะอ้านและแทบจะเสียหายน้อยมาก
มันคือปราสาทเดียวกับที่ตั้งตระหง่านอยู่ในภาพวาด
· คุณได้เห็นปราสาทเซนต์จอร์จ
· ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 350
· คุณได้ชื่นชมความงามของอาคาร ความรอบรู้เพิ่มขึ้น 10 ค่าสถานะทางศิลปะ เพิ่มขึ้น 25
|
มันเป็นเรื่องอัศจรรย์สำหรับยูรินมากที่ค่าของทั้งความรอบรู้และสถานะทางศิลปะเพิ่มขึ้น
ถ้าเป็นวีด เขาจะต้องมีรอยยิ้มอันชั่วร้ายอยู่บนใบหน้าของเขา
ในขณะที่เขาชื่นชมกับทัศนียภาพแห่งนี้
"ขอโทษนะคะ"
---------------------------------------
ไม่มีใครยืนป้องกันที่หน้าประตูทางเข้า
"ฉันอยากจะขอเข้าไปข้างใน!"
เธอร้องขอในเจตนาของเธอด้วยความกล้าหาญ และเดินเข้าไปข้างในผ่านประตูบานใหญ่มหึมา
มีทั้งดอกไม้และต้นไม้มากมายถูกปลูกไว้ในสวน และมีปลาแหวกว่ายอยู่ในบ่อน้ำใสๆ
อาจได้กลิ่นจางๆ ของเหล่ามวลดอกไม้ และตอนนี้ก็มาถึงการเที่ยวชมรายละเอียดด้านในปราสาท!
ด้านในมีห้องเยอะมากอย่างเช่น ห้องเรียน ห้องสมุด ห้องของผู้ดูแลรับใช้ ห้องของผู้รักษาความปลอดภัย และที่ด้านบนชั้นสองเป็นห้องของอัศวิน
ที่ชั้นสอง มีห้องขนาดใหญ่และมีชื่อ เปตร๊อฟ เขียนอยู่บนนั้น
และน่าประหลาดใจมาก ที่ห้องฝั่งตรงข้ามกันก็มีชื่อของยูรินเขียนอยู่บนนั้นด้วย
"นี่มันดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ"
ด้วยความระมัดระวัง ยูรินตัดสินใจเข้าไปดูห้องของเจ้าของ และเปิดประตูโดยไม่ให้มีเสียง
ภายในเป็นห้องนั่งเล่นที่กว้างขวาง พื้นหินอ่อนที่มีดีไซน์อันแสนประณีต คู่ควรแก่คนชั้นสูงและเหล่าขุนนาง!
หน้าต่างที่เปิดโล่งจะสามารถมองเห็นสวนของปราสาทและความงามแห่งเทือกเขา
ในห้องนอน มีเตียงนอนขนาดใหญ่จุคนนอนได้ 5 คนอย่างสบายๆ ในห้องน้ำ อ่างน้ำขนาดใหญ่ ถูกเติมเต็มด้วยน้ำอุ่นและมีกลีบดอกกุหลาบโปรยอยู่ทั่วอ่าง ราวกับห้องสูทของโรงแรมชั้นหนึ่งเลยทีเดียว
และที่กำแพงมีผืนผ้าเปล่าๆ แขวนอยู่
ดูเหมือนว่าเธอจะมีห้องเป็นของตัวเอง ราวกับเทพนิยาย
ปราสาททั้งหลังเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว
สำหรับยูริน ตอนนี้เวลาเหมือนจะเดินช้าลง แต่แล้วเหมือนถูกตัดภาพ เพราะเสียงฝีเท้าที่เธอได้ยินกำลังขึ้นบันไดมา
“ใครก็ตามที่อยู่ในปราสาทแห่งนี้กลับมาแล้ว แย่จัง ที่ฉันไม่สามารถสนุกเพลิดเพลินในสถานที่นี้เพียงลำพังได้อีก เมื่อคนคนนั้นได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นี่ ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดีหรอกหรอ? แต่ก็อีกแหละ ปราสาทนี้มันไม่มีเครื่องเตือนภัยเวทมนต์ติดตั้งเพื่อต่อต้านการเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย”
ตอนที่ยูรินเข้ามาในห้องเธอเปิดประตูทิ้งไว้
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูเป็นผู้ชายผมหนาดกและเสื้อผ้าย้อมด้วยสีที่หลากหลาย
แล้วเขาก็พูดเสียงดังอย่างไม่ค่อยพอใจว่า
"นี่เธอ
จิตรแห่งแสงวารี อย่าเดินเข้ามาในนี้ตามใจช-อ-บ-สิ-”
-----------------------------------
เมื่อชายคนนั้นเห็นหน้าของยูริน เขาก็ถึงกับค้างและหัวใจหยุดเต้น เขาพูดอะไรไม่ออก
จิตรกรแห่งแสงวารีเปตร๊อฟ!
เขาคือผู้ชายที่ไม่ได้วาดอะไรโดดเด่นในรอยัลโรดมากนัก
ภาพวาดของเขาเป็นที่รู้จักในหมู่นางฟ้าและเหล่าจิตวิญญาณ แต่คนอื่นบนโลกกลับยังไม่ได้เห็นถึงบนงานของเค้า
แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงมาก แต่มันก็แค่เฉพาะในกลุ่มนางฟ้าและจิตวิญญาณ
และเควสทั้งหมดที่เขาตอมรับล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มความชำนาญด้านการวาดภาพเท่านั้น
และเขาก็ยังเป็นผู้ที่ค้นพบปราสาทเซนต์จอร์จอีกด้วย
"ฉันไม่ค่อยใส่ใจที่จะจำผู้คน"
เปตร๊อฟใช้ชีวิตของเขาอย่างภาคภูมิใจและหลงใหลไปกับมัน
และตอนนี้เนื่องจากมีแขกไม่ได้รับเชิญ บนหน้าเขาจึงแสดงออกถึงความอึดอัดใจอย่างมาก
"สวัสดี คุณคือเพื่อนบ้านของฉัน เปตร๊อฟใช่ไหม?"
ยูรินเริ่มพูดคุยกับเขา แต่แล้วก็รีบขอโทษเขาในทันทีที่นึกขึ้นได้
"ฉันขอโทษจริงๆค่ะ ที่เข้ามาที่นี่โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของก่อน ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ"
"ไม่ ไม่เป็นไร ฉันไม่ใช่เจ้าของปราสาทแห่งนี้ด้วยซ้ำ"
เปตร๊อฟรีบอธิบายให้ยูรินฟัง
ปราสาทเซนต์จอร์จแห่งนี้จริงๆแล้ว ไม่ได้สร้างขึ้นในทวีปเวอเซลล์
เดิมทีมันเป็นภาพวาดบนแผ่นผ้าที่ว่างเปล่า
เป็นภาพพวาดที่มหัศจรรย์ เหล่านางฟ้าทำให้มันเกิดมิติที่เหมาะสมแก่การสร้าง
และใช้เวทย์มนต์ของมังกรเพื่อยกระดับดินแดนนี้
“ผมอยู่ที่นี่ประมาณปีนึงแล้ว ตอนนี้กำลังทำเควสฟื้นฟูปราสาทหลังนี้อยู่”
"อื้มม ฉันกำลังวาดภาพอยู่ที่ทะเลสาบแล้วอยู่ๆ ภาพวาดของปราสาทแห่งนี้ก็ปรากฎขึ้นมา"
"ผมเข้าใจละ เมื่อคุณเป็นจิตรกรแห่งแสงวารี คุณก็มีสิทธิ์จะเข้ามาที่นี่ได้ แม้ว่าการใช้ทักษะของการเป็นจิตรกรแห่งแสงวารีจะเป็นหนทางหนึ่งที่จะมาที่นี่ได้ จิตรคนอื่นๆก็อาจเข้ามาได้ด้วยแต่อาจจะต้องมีการทำเควสบางอย่างก่อน"
"แล้ว ห้องนี้.."
"มันคือ ห้องของยูริน ด้านในคงจะสะดวกสบาย"
"สามารถที่จะกลับมาที่ห้องนี้ได้
ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามในทวีปเวอเซลล์ คุณยังสามารถเอาไอเทมของตัวเองมาใช้และจะทิ้งไว้ที่นี่ก็ได้ แล้วก็ยังเอาไอเทมของที่นี่ที่คุณเป็นเจ้าของ ออกไปได้อีกด้วย"
เปตร๊อปซึ่งเป็นจิตรกรที่มีทักษะการวาดรูปขั้นกลาง ได้ใช้ประโยชน์จากปราสาทแห่งนี้ จากตอนที่เขาทำเควสและเขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยข้อมูลของเขาสู่สาธารณะชน
-----------------------------
แต่เมื่อใดที่เขามองไปที่ยูริน หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นเร็วขึ้น
ปกติเปตร๊อฟจะเป็นคนที่หยิ่งทะนง มีความชอบธรรมและมักจะไม่สนใจคนอื่น
แต่เมื่อเขาพบกับยูริน เขาก็ตกหลุมรักในทันที มันคือรักแรกพบ
ในฐานะจิตรกรคนหนึ่ง เป็นธรรมดาที่เขามักจะชื่นชมเสน่ห์และความงามของผู้หญิง
ลายเส้นของยูรินมันทั้งดูอ่อนนุ่มและละเอียดอ่อน ส่วนดวงตาอันใสและลึกของเธอ มันสวยมากซะจนไม่อาจเทียบได้
เธอสวยมากๆ อยู่แล้ว แล้วเธอก็ยังให้ความรู้สึกว่าในอนาคตอันใกล้เธอก็จะยังสวยยิ่งขึ้นไปอีก
เธอคือความงามที่สมบูรณ์แบบ จิตรกรคนนั้นคงอยากจะวาดภาพของเธอไปตลอดชีวิต
และเปตร๊อฟก็บอกทุกสิ่งที่เขารู้ให้ยูรินฟัง
“เมื่อคุณทิ้งภาพวาดไว้ในห้องของคุณ คุณจะยังคงได้รับผลเอฟเฟคจากมันไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม”
"คุณหมายความว่ายังไงที่ว่า ได้รับเอฟเฟคจากมัน?"
“อ้า ผมขอโทษที่รีบพูดเร็วไปเลยไม่ได้อธิบายให้ถูกต้อง ที่ผมกำลังหมายถึงก็คือว่า เอฟเฟคของภาพที่ให้พรแก่ผู้เล่น ภาพที่วาดขึ้นโดยศิลปินคนอื่นจะได้รับการยกเว้นจากเอฟเฟค มีเพียงภาพวาดของคุณเท่านั้นที่จะได้เอฟเฟค อย่างเช่น ถ้าคุณเอาภาพวาดของผมไว้ในห้องของคุณ คุณก็จะไม่ได้รับเอฟเฟคอะไรทั้งนั้น"
การแสดงออกทางใบหน้าของเปตร๊อฟช่างดูน่าสมเพชยิ่งนัก
เขาต้องการที่จะดูดีตอนที่เขากำลังอธิบายสิ่งต่างๆ แต่มันดันน่าอึดอัดและ เขาก็เลยเริ่มรีบอธิบาย
แต่ทุกครั้งที่เขาพูดคุยกับยูรินเขาก็ได้สังเกตความงามของเธอไปด้วย โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เธอเปลี่ยนการแสดงออกทางสีหน้าของเธอ
เปตร๊อฟตกหลุมรักเธอเรียบร้อนแล้ว
***
หลังจากข้ามลาวามาสองรอบ ตอนนี้พวกเขาเข้ามาส่วนที่ลึกของดันเจี้ยนนรกโลกันตร์
พวกเขายังคงต่อสู้กับอัศวินโลกันตร์และนักรบแห่งความหายนะไปด้วย และตอนนี้พวกเขาก็ได้ประสบกับการระเบิดของภูเขาไฟด้วย
การได้ประสบกับการระเปิดของภูเขาไฟขณะที่ยิ่งลงลึกไปใต้ดินในลาสฟาลั้งค์มากขึ้น ทำให้สัมผัมถึงความรู้สึกอันน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าครั้งที่แล้วๆมา
ต่อให้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในโซนที่ปลอดภัย ก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเช่นเดียวกัน
“ครืนนนน!”
เจ้าเหลือง โกลมินิ และ เหล่าอันเดด สะดุดไปทั่วขณะที่วีดและซอยูนเกาะติดอยู่กับกำแพง
------------------------------
"อัญเชิญปราญช์แห่งผืนพิภพ จงให้การสนับสนุนแก่เหล่าอันเดดและพวกที่เหลือซะ"
ต้องขอบคุณปราญช์แห่งผืนพิภพ พวกเขาถึงได้ไม่สะดุดไปมาแล้ว
การพังทลายกำแพงทางผ่านของดันเจี้ยนนั้นก็ได้รับการปกป้องเช่นเดียวกัน ซึ่งนั่นช่วยรับประกันความอยู่รอดของพวกเขา
วีดได้รวบรวมข้อมูลของดันเจี้ยนนรกโลกันตร์เอาไว้เยอะมาก
หลายปีที่ผ่านมา เหล่ามอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ มีการต่อสู้กันเองมาโดยตลอด
ในลาสฟาแลงค์การแข่งขันต่อสู่ต่างๆ ของมอนสเตอร์เกิดขึ้นเฉพาะในดันเจี้ยนของพวกมันเองเท่านั้น ด้วยเหตุนี้มันจึงมีความเป็นปึกแผ่นในกลุ่มของพวกมัน
และดันเจี้ยนนรกโลกันตร์แห่งนี้ก็เป็นทางเดินหลักที่เชื่อมทุกดันเจี้ยนในลาสฟาลังค์ ที่กลายมาเป็นแบบนี้เพราะว่าลักษณะเดิมถูกเปลี่ยนแปลงไปอันเกิดขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟ รวมถึงการสร้างเส้นทางใหม่หรือปิดกั้นเส้นทางของพวกเขา
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ปริมาณลาวาที่ไหลออกมาระหว่างการระเบิดของภูเขาไฟ!
ลาวาที่ไหลออกมาจากส่วนลึกของพื้นดิน ไหลผ่านมาที่ทางเดิน เป็นการเคลื่อนตัวที่น่าหวาดกลัวมาก
และตอนนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นในเขตพื้นที่ปลอดภัยของวีด มีสัญญาณว่าเกิดรอยแตกขนาดเล็กขึ้น
ลมร้อนเริ่มออกมาเหมือนกับเครื่องพ่นไอน้ำ
ดูเหมือนว่าลาวาระเบิดออกมาจากมัน แต่จริงๆ แล้วมันยังคงปลอดภัยอยู่ได้อีกสักพักหนึ่ง
"มันระเบิดวันนี้
เพราะงั้นฉันเดาว่ามันน่าจะสงบอยู่ประมาณ 2-3วัน"
ถ้าจะไม่ให้เสียโอกาสนี้ เราก็สามารถสำรวจดันเจี้ยนได้อย่างอิสระ
แม้ว่าจะยังคลุมเครือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือแผ่นดินไหวหรือเป็นแค่การปะทุขึ้นมาเฉยๆ วีดสามารถยืนยันได้จากสัญญาณต่างๆ ที่เกิดขึ้น ว่าเป็นการปะทุแน่นอน
วีดปรับตัวเข้ากับธรรมชาติของภูเขาไฟได้อย่างสมบูรณ์ แล้วก็เริ่มแกะสลักหิน "ถ้าพรุ่งนี้โลกจะแตกละก็ ฉันจะได้ไม่ต้องจ่ายภาษีอีกต่อไปแล้ว" (รำพึงรำพัน)
หลังจากรอให้ลาวาที่ไหลอยู่เริ่มสงบลงนั้น ความเร็วในการสำรวจก็เพิ่มมากขึ้น
ก่อนที่พวกมอนสเตอร์จะได้พักหายใจระหว่างการต่อสู้นั้น อันเดดก็ชิงโจมตีมันก่อนขณะที่ยังไล่ล่าอัศวินโลกันตร์ ก็ต่อสู้กับกลุ่มนักรบแห่งความหายนะด้วย
ในหมู่ของนักรบแห่งความหายนะได้พูดอะไรแปลกๆ
"คูบิยะต้องมาแก้แค้นให้ข้า"
"แกจะต้องได้เผชิญกับความตายแน่"
วีดทำเป็นออกอุบายเพื่อให้มันถาม
"แกพูดถึงเรื่องอะไร?"
“แล้วแกคิดว่าไงละ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับแกแล้ว"
-------------------------------------
แม้ว่านักรบแห่งความหายนะจะถูกจับเป็นเชลยอยู่ แต่ก็ยังคงทะนงตนและปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล
“โทริ ดูดเลือดมันซะ”
"ไม่ว่าแกจะทำอะไร ข้าจะไม่บอกอะไรแกทั้งนั้น ฆ่าข้าซะ!"
แม้ว่าจะถูกทรมานแค่ไหนนักรบแห่งความหายนะก็คงจะเก็บความลับเอาไว้ให้ฝังไปกับมัน
ดังนั้นวีดจึงเปลี่ยนวิธีการ แม้ว่ามันจะยากที่จะอ่านสีหน้าของอีกฝ่าย และวีดก็เริ่มยั่วยุอีกฝ่าย
"ฮู้ว งั้นแกจะปิดปากเงียบเกี่ยวกับดาบมังกรของคูบิยะ ฉันเดาว่าจริงๆ แล้วมันคือสิ่งที่ประจักษ์ว่านักรบแห่งความหายนะ
จะมีความนับถือซึ่งกันและกันสูง"
"แก..แกรู้ได้ยังไง"
"งั้นก็เป็นเรื่องจริงสินะ"
นักรบแห่งความหายนะถึงกับผงะราวกับถูกแทง
พรรคพวกของวีดได้เตร็ดเตร่อยู่สองสามวัน ในขณะที่ทำการล่าในดันเจี้ยนนี้
เนื่องจากทางเดินที่มีความซับซ้อนมากอยู่แล้ว และยังเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ อย่างเช่นเมื่อถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทาง ทางเดิมที่เคยผ่านมาก็จะหายไป
พวกเขาเดินทางมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นพวกเขาน่าจะใกล้ถึงจุดหมายของพวกเขาแล้ว
"เขาก็มีดาบแห่งมังกรอยู่ในครอบครองมาเป็นเวลาตั้งนานแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่ไปที่วงมนตราอีก"
“........”
นักรบแห่งความหายนะก็ปิดปากเงียบอีกครั้ง
"นักรบแห่งความหายนะคูบิยะ มีพัฒนาการที่รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยดาบแห่งมังกรที่อยู่ในมือเขา ไม่มีคู่ต่อสู้คนไหนต่อกรกับเขาได้"
“.......!”
นักรบแห่งความหายนะไม่อาจซ่อนความประหลาดใจบนใบหน้าเอาไว้ได้
ซอยูนและประติมากรรมสลักชีพตัวอื่นๆ ต่างก็ประหลาดใจในความฉลาดเฉลียวของวีดที่สามารถทำให้นักรบแห่งความหายนะมีปฏิกิริยาออกมา
"เวลาผ่านไปเนิ่นนาน แล้วคูบิยะก็กลายมาเป็นผู้นำของเผ่าของแก ใช่ไหม?”
นักรบแห่งความหายนะก็หัวเราะเยาะออกมา วีดจึงพูดใหม่
"ไม่สิ ก่อนหน้าที่เขาคือ Daejeonsa นักรบที่โดดเด่นที่สุดในบรรดานักรบนักรบแห่งความหายนะ!” (ผู้แปล:Daejeonsa แปลอ้างอิงจากเว็ปไซต์ endic.naver.com
미국/영국식 발음, 한영,영한,영영사전,
분야별/중요도별 단어찾기, 중고교
교과서 단어찾기, 명언·속담 검색서비스 등 제공
แปลว่า "นักรบผู้ยิ่งใหญ่" เป็นชื่อเดียวกับวัดของทางพุทธ ในเกาหลี")
--------------------------------------
“.......!”
"จนถึงตอนนี้ความขัดแย้งระหว่านักรบแห่งความหายนะกับอัศวินโลกันตร์ยังคงไม่จบสิ้น และเหตุผลที่พวกแกพยายามที่จะบุกเข้าไปในดินแดนของอัศวินโลกันตร์ก็เพราะว่า มีวงมนตราอยู่ตรงไหนสักแห่งในที่นั้น"
“.......!”
"นั่นคือเหตุผลหลักที่ว่าทำไมเผ่าพันธุ์ของแกถึงได้ร่วมต่อสู้ในสงครามดินแดนกับพวกมันใช่ไหม? ถึงแม้ว่าอัศวินโลกันตร์จะมีอัตราการเพิ่มจำนวนที่สูง แกก็ต้องพยายามต่อสู้และฆ่าพวกมัน เพื่อที่เผ่าของแกจะได้รับการช่วยเหลือจากวงมนตรา!"
"นักรบแห่งความหายนะ แม้ว่าแกจะไม่พูดอะไรอธิบายอะไรมากมาย แต่แค่นี้ก็เพียงพอพอที่จะบอกทุกอย่างได้แล้ว"
แล้ววีดก็อธิบายสรุปสั้นๆ
"ใครที่เคยดูซีรี่ย์ตอนเช้ากับรอบดึกเป็นประจำก็เดาได้ทั้งนั้นแหละ"
“........”
ฐานแฟนคลับแห่งซีรี่ย์เกาหลี!
วีดดูซีรี่ย์กับคุณยายของเขาเยอะมาก ซีรี่ย์พวกนั้นจะเห็นโครงเรื่องเป็นปกติเลยคือ จะเกี่ยวข้องกับคนที่กำลังจะตายและอีกคนก็พยายามอย่างสุดกำลังที่จะช่วยคนคนนั้น แล้วซีรี่ย์พวกนั้นมีฉากที่แสดงออกทางอารมณ์มากมาย จนเราไม่จำเป็นต้องมีบทพูดก็ได้
แค่เห็นการแสดงออกของพวกเขา ก็รู้ได้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น
"ไงก็ตามเถอะ ฉันจะไปให้ถึงที่นั่นก่อนที่คูบิยะจะได้พลังของมันมาครอง"
"มันสายไปแล้ว"
"อะไรทำให้แกมั่นใจ?"
"เมื่อภูเขาไฟปะทุที่ทางเดินเล็กๆ ซึ่งมุ่งตรงไปที่พวกเขาได้เปิดออก ตอนนี้ คูบิยะคงนำกองทัพนักรบแห่งความหายนะไปถึงที่วงมนตราแล้ว"
*ติ๊ง!*
·
คุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเควส
|
ฉากหนังปรากฏขึ้นตรงหน้าวีด
ในนั้นมีถ้ำขนาดใหญ่
ที่เจออยู่ตรงมุมของธารลาวาที่กำลังเดือดๆ มันคือการรวมตัวอัศวินโลกันตร์กลุ่มใหญ่ที่สุด!
ตรงใจกลางคือแท่นบูชาที่มีวงมนตราวาดเอาไว้อยู่ มานาจำนวนมหาศาลล้อมรอบอยู่ซึ่งดูเหมือนว่ามันมีการขยายและหดตัวกันอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
"คูบิยะ บุกมาแล้ว!"
--------------------------------------------
"ฆ่านักรบแห่งความหายนะ! ปกป้องผืนดินอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา"
อัศวินโลกันตร์ปะทะกับนักรบแห่งความหายนะ!
ทั้งสองฝ่ายระดมกำลังไม่ต่ำกว่าห้าร้อย ในการต่อสู้ครั้งนี้
แต่อัศวินโลกันตร์ก็ล้มลงคนแล้วคนเล่าจากการที่นักรบแห่งความหายนะกวัดแกว่งดาบแดงแทนที่จะใช้ขวาน
ดูเหมือนว่านักรบแห่งความหายนะจะทรงพลังกว่าอัศวินแห่งขุมนรกถึงเท่าครึ่ง (1.5 เท่าตัว) และดูก็รู้เลยว่าเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะได้
การต่อสู้ระหว่างเผ่าพันธุ์!
เควส: การกอบกู้ดาบดาวสีชาด ได้มีการอัพเดต
เป้าหมาย: หยุดนักรบแห่งความหายนะ
คูบิยะมีจุดมุ่งหมายเพื่อดูดซับพลังงานที่รวบรวมโดยวงมนตราของอิมเบลจากทั่วทั้งลาสฟาลังค์ และใช้มัน เขาตั้งใจที่จะทำให้นักรบแห่งความหายนะแข็งแกร่งจนไม่มีใครหยุดเขาได้
จงต่อสู้กับคูบิยะด้วยกันกับเหล่าอัศวินโลกันตร์
ต้องการดูการต่อสู้ในมุมมองของอัศวินโลกันตร์ ให้คุณหลับตาเป็นเวลา 4 วินาที
เควสจะล้มเหลวถ้าคูบิยะสามารถดูดมานาของวงมนตราสำเร็จ
|
วีดยังคงมีสัญลักษณ์แห่งฆาตกรและค่าชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ เกินกว่า 7500
ชื่อของเขายังคงเป็นสีแดงและถูกเปิดเผยแล้วด้วย ดังนั้นเขาจึงกำลังคิดวิธีที่จะทำให้อัศวินโลกันตร์ไม่โจมตีพวกเขา แต่แล้วก็มีวงกลมขนาดเล็กใหญ่ลักษณะซ้อนทับกันไปมา เกิดขึ้นและมันก็มาสลักอยู่บนหน้าผากของเขา
สัญลักษณ์ของอัศวินโลกันตร์!
สัญลักษณ์เดียวกันก็ปรากฏขึ้นที่ซอยูน ประติมากรรมสลักชีพ และเหล่าอันเดด
วีดเป็นผู้นำในเควสนี้ แต่เพราะพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเดียวกันพวกเขาจึงได้รับสัญลักษณ์ด้วย
·
คุณได้รับการสลักสัญลักษณ์แห่งนรกโลกันตร์
|
·
คุณไม่ใช่ศัตรูของอัศวินโลกันตร์อีกต่อไป
|
วีดหลับตาและดูการต่อสู้ที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
คูบิยะโชว์ทักษะอันน่าประทับใจ
เพียงแค่กวัดแกว่งลูกบอลไฟดาวสีชาดก็ทำให้ศัตรูได้รับบาดเจ็บ เวทมนตร์แห่งไฟขั้นสูงได้รับการปลดปล่อย
ไม่มีการใช้เวทมนตร์ การระเบิดก็กินอาณาเขตเป็นบริเวณกว้าง ลูกธนูไฟที่ทำจากดาวสีชาดเป็นเวทมนต์ที่ทรงพลังมาก!
-----------------------------
นักรบแห่งความหายนะนำโดยคูบิยะ กำลังเคลื่อนพลด้วยพลังมหาศาล
เมื่อมองดูที่การสู้ ณ ปัจจุบัน อัศวินโลกันตร์อาจจะทนอยู่ได้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
ถ้านี่เป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวพวกมันคงไม่ถูกต้อนให้จนมุมอย่างงี้
"ฮืมม...ฉันมีเวลาเหลือไม่มากแล้ว จงออกมา ศิลาแห่งความโกรธเกรี้ยวและปราชญ์แห่งผืนพิภพ"
"ยังมีอะไรให้พวกเราต้องทำอีกหรือนายท่าน?"
"ช่วงที่ผ่านมาพวกเราทำแต่งานที่น่าเบื่อ"
วีดเริ่มออกคำสั่งโดยไม่สนใจคำบ่นใดๆ
“พวกเจ้า
ศิลาแห่งความโกรธเกรี้ยว จงหาว่าที่ไหนคือตำแหน่งที่เกิดสงครามใหญ่ที่สุด ส่วนพวกเจ้า ปราชญ์แห่งผืนพิภพ หาทางลัดที่ใกล้ที่สุดที่จะไปยังตำแหน่งนั้น"
"สำหรับเราแล้ว นั่นเป็นงานที่ง่ายมาก"
ศิลาแห่งความโกรธเกรี้ยว และปราชญ์แห่งผืนพิภพหายตัวไปทันทีจากนั้นก็มาปรากฏตัวอีกครั้ง
"ข้าระบุตำแหน่งได้แล้ว วิ่งไปที่นั่นใช้เวลาประมาณ 30 นาที ตามข้ามา ข้าจะนำทางให้เอง"
เวลาเป็นเงินเป็นทอง!
แม้ว่า 30 นาที เพียงพอที่จะทำให้กระแสการต่อสู้ของอัศวินโลกันตร์ไม่พลิกกลับไปมากกว่านี้
แต่เพราะมีข้อจำกัดด้านสภาพร่างกายของทั้งสองฝ่าย จึงเป็นไปได้สูงว่าอาจจะมีช่วงที่การต่อสู้ซาๆ ลงไป
พวกเขาควรจะยื้อได้สัก 3-4 ชั่วโมง แล้วสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในการเข้าถึงวงมนตราก็จะยังไม่เกิดขึ้น
"ไปกันเถอะ!"
วีด ซอยูน และคนที่เหลือ จึงเริ่มวิ่ง
และแน่นอน วีดก็ไม่ลืมที่จะฆ่านักรบแห่งความหายนะที่คุมขังอยู่ และเก็บแจปเท็มมาด้วย
ตึกตึกตึกตึก!
วีด ซอยูน และคนในกลุ่ม ส่งเสียงดังขณะที่วิ่ง
ดูเหมือนว่าพวกนักรบแห่งความหายนะและอัศวินโลกันตร์ ทั้งหมดกำลังพัวพันอยู่กับการต่อสู้ จึงไม่ได้ปะทะกับพวกเขาระหว่างทาง
วีดหลับตาลงสักครู่หนึ่งขณะที่วิ่งอยู่ เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของสงครามนี้ "นี่เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร"
คูบิยะและนักรบแห่งความหายนะทรงพลังมากเกินไป
"เป็นการต่อสู้ของเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พวกมันคงจะแข็งแกร่งกว่า ลิชไชร์ และอยู่ระดับเดียวกับ บาร์ข่าน”
---------------------------------
คูบิยะเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่
ที่แนวหน้าของสนามรบ ความอึดเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีที่สิ้นสุด ความกล้าหาญในการต่อสู้ก็ยอดเยี่ยม อัศวินโลกันตร์จึงถูกบดขยี้อย่างหนัก
เหมาะสมแล้วกับฉายานักรบผู้ยิ่งใหญ่!
เวทไฟแห่งของดาวสีชาดถูกนำมาใช้อีกครั้ง แต่เนื่องจากอัศวินโลกันตร์มีค่าต้านทานไฟสูงจึงไม่ล้มลงง่ายๆเท่าไหร่นัก
"ก่อนที่เราจะไปถึง เราต้องทำอะไรสักอย่างก่อน"
วีดหยุดไปชั่วขณะและเอาวิหคลึกลับออกมา
รับรู้ได้ในทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น
วิหคทองคำขยับปีกของมันด้วยความดีใจ
"โอ้ ตราประทับแห่งจักรวรรดิอารูเพ่น ที่แกะสลักโดยจักรพรรดิเกยฮาร์ ผู้ยิ่งใหญ่ ข้าจะแบ่งปันชีวิตของข้ากับท่าน จิตวิญญาณแห่งศิลปินผู้สูงส่ง บัดนี้จงตื่นขึ้นจากการหลับใหลอันยาวนานและมาเป็นนสหายของข้า ประติมากรรมประทานชีพ!”
คุณได้ให้ชีวิตประติมากรรม
|
เลเวลของประติมากรรมจะขึ้นอยู่กับค่าสถานะทางศิลปะ
|
ค่าสถานะทางศิลปะอยู่ที่ 1,889 ดังนั้น ประติมากรรมจะอยู่ที่เลเวล 447
|
นอกจากนี้ เนื่องจากมีการจัดหมวดหมู่เป็นสมบัติทางประวัติศาสตร์ ตราประทับของจักรวรรดิอารูเพ่น ที่สร้างขึ้นโดยประติมากรระดับปรมาจารย์ จักรพรรดิเกยฮาร์ จะได้รับการบวกเพิ่มอีก 35% เลเวลจึงเพิ่มขึ้นเป็น 603
|
อย่างไรก็ตาม มีบทลงโทษที่แน่นอนอยู่ระดับหนึ่ง จึงส่งผลให้
|
·
บทลงโทษ
เลเวลลดลง 10% เนื่องจากเป็นมอนสเตอร์ประเภทบิน
|
·
บทลงโทษ
เลเวลลดลง 10%
เนื่องจากมอนสเตอร์มีความสามารถในการแปลงร่าง
|
· บทลงโทษ เลเวลลดลง 7% เนื่องจากประติมากรรมมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ความทนทานของมันจึงลดลงตามกาลเวลา
|
ได้รับคุณสมบัติทั้ง 3 อย่างแล้ว
|
คุณสมบัติจะแตกต่างกันไปตามรูปแบบและคุณภาพของประติมากรรม คุณสมบัติอัญมณี(100%) คุณสมบัติธาตุลม(100%) คุณสมบัติทางศิลปะ(100%)
|
คุณสมบัติอัญมณี บารมีพิเศษ เพิ่มอิทธิพลทางการเมือง
|
คุณสมบัติธาตุลม เพิ่มความเร็วในการบินให้กับมอนสเตอร์
|
คุณสมบัติทางศิลปะ เพิ่มเอฟเฟคของประติมากรรมและผลงานทางศิลปะ 150% มีผลกับมอนสเตอร์ทั้งหมดที่อยู่ในปาร์ตี้
|
-------------------------------------
เนื่องจากมีการจัดแบ่งประเภทสมบัติทางประวัติศาสตร์ ซึ่งจะมีความพิเศษทั้งสง่างามและมีเกียรติ
ในเมื่อผลงานชิ้นนี้สร้างขึ้นโดยประติมากรระดับปรมาจารย์ จักรพรรดิเกฮาร์ พลังชีวิตและมานาจะเพิ่มขึ้น เอฟเฟคเพิ่มเติมอื่นๆของประติมากรระดับปรมาจารย์จะไม่ส่งผล
เนื่องจากผู้ให้ชีวิตยังขาดความสามารถ
นอกจากนี้ การที่เป็นตราทับอันแสดงถึงสัญลักษณ์ของจักรวรรดิอารูเพ่น ความสามารถพิเศษต่างๆ จะถูกเพิ่มเข้าไป
สามารถเรียกหมอกลึกลับ ซึ่งเป็นที่นิยมใช้ขณะที่กำลังโดนล้อม เพิ่มประสิทธิภาพความสามารถการจัดการทหารและการลาดตระเวนดีขึ้น
|
มานา 5000 ถูกใช้ไป
เนื่องจากการความชำนาญของทักษะประติมากรรมประทานชีพเพิ่มขึ้น
เลเวลและค่าสถานะที่ต้องใช้ ลดลง 20%
ค่าสถานะทางศิลปะ 6 ลดลงถาวร
ค่าสถานะที่ลดลงไปสามารถกู้กลับคืนมาได้โดยการสร้างประติกรรมหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศิลปะอื่นๆ
เลเวลลดลง 1
เนื่องจากการลดลงของเลเวล ค่าสถานะที่ได้มาเมื่อเร็วนี้ๆ จะถูกลดลง 5
ค่าสานะจะกลับมาอีกครั้ง เมื่อเลเวลของคุณเพิ่มขึ้น
กรุณาดูแลประติกรรมนี้ด้วยชีวิตของคุณ
เมื่อมันตายจะต้องได้รับการให้ชีวิตใหม่อีกครั้งเพื่อจะได้กลับสู่ความเป็นตัวตนของเขา ประติมากรรมจะไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกหากถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
|
นับเป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว ที่วิหคลึกลับเป็นสัญลักษณ์ของอารูเพ่น ราชวงศ์แห่งตระกูลกษัตริย์
และตอนนี้ประติมากรรมที่ทำจาก มิธริล และทองคำขาว ก็เริ่มเคลื่อนไหว คิรุรู๊กรู๊
วิหคลึกลับกระพริบตา และได้รับการต้อนรับทางสายตาของโกลมินิและเจ้าเหลือง จากนั้นมันก็มองไปที่วีดและซอยูนที่อยู่อีกทางหนึ่ง
เหมือนกับลูกเจี๊ยบที่เพิ่งเกิดแล้วกำลังมองหาแม่ของมัน!
วีดกระแอมเพื่อดึงความสนใจของมัน แล้วเขาก็เริ่มพูดกับมัน
"ข้าคือผู้ที่มอบชีวิตให้กับเจ้า ข้าเป็นพ่อของเจ้า"
-------------
วิหคลึกลับมาพร้อมกับดวงตาที่ทำจากอัญมณีอันแสนงดงาม เดินไปหาวีด
ไม่เหมือนกับเจ้าวิหคทองคำ แม้ว่ามันจะอยู่จะมีรูปลักษณ์แบบนี้
แต่มันก็สามารถพูดออกมาได้ทันที
"ท่านพ่อ ได้โปรดตั้งชื่อให้ข้า"
"ชื่อหรอ...ฉันต้องการชื่อที่ดี..."
วีดกวาดมองลักษณะของเจ้าวิหคลึกลับและก็ได้มาซึ่งชื่อ
"ข้าตั้งชื่อเจ้าว่า อึนเซ(Eunsae)"
ในความหมาย มันเป็นชื่อที่ดี แต่ไม่ต่างจากชื่อของเจ้าเหลืองมากนัก
"อึนเซ เป็นชื่อที่ดีมาก ข้าชอบชื่อนี้ ขอบคุณท่านพ่อ"
หลังจากนั้นมันก็มันอยู่บนไหล่ของซอยูน
วีดเป็นคนให้ชีวิตมันแต่ดูเหมือนมันจะชอบซอยูนมากกว่าเขา!
จากลักษณะของมัน ดูเหมือนมันจะเป็นเพศเมีย
"ช่างเถอะ ไปกันได้แล้ว!"
วีดไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป
"ทางนี้"
ด้วยการนำทางจากปราชญ์แห่งผืนพิภพ พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องลังเลในการเลือกเส้นทางเมื่อต้องเจอกับทางแยก
25 นาทีผ่านไป ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่หมาย!
นักรบแห่งความหายนะและอัศวินโลกันตร์ยังคงอยู่ในสงครามอันยิ่งใหญ่
ด้วยการระเบิดอันน่าสยอง สนามรบก็ลุกเป็นไฟ
วีดพอจะรู้ถึงสถานการณ์ของการรบนี้แต่ซอยูนและประติมากรรมสลักชีพกลับไม่รู้อะไรเลย
คูบิยะกวัดแกว่งดาบดาวสีชาด แสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขามในการต่อสู้อย่างอาจหาญ
ภายใต้การนำของเขา นักรบแห่งความหายนะต่อสู้ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป ตอนแรกวีดคำนวณว่าอัศวินโลกันตร์จะยื้อได้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าคงจะไม่อาจยื้อได้นานขนาดนั้น
ถ้าแพ้ที่นี่ สมดุลของพลังในลาสฟาลังค์จะเริ่มพังทลาย “อะแฮ่ม!”
วีดค่อนข้างจะลังเล
แต่แล้วยักษ์เพลิงก็โผล่ขึ้นมาจากธารลาวา
"บังอาจปลุกข้าตื่นจากการนอนหลับของข้า ข้าจะฆ่าพวกแกทุกคน!"
"ไอ้พวกน่ารังเกียจมาก่อกวนการนอนของพวกเรา พวกแกต้องได้เผชิญกับความความโกรธของพวกเรา!"
--------------
ยักษ์เพลิงห้าตนบุกเข้ามาและควงดาบของพวกมัน!
แต่ถึงอย่างงั้น อัศวินโลกันตร์กับนักรบแห่งความหายนะก็ไม่ถอย แล้วพวกโบวอนท์จำนวนมากก็เข้ามาร่วมสู้ด้วย
พวกมันเริ่มปล่อยลูกไฟเพื่อทำให้เกิดความสับสน
สนามรบอันวุ่นวายตอนนี้ได้มีการรวมตัวกันของมอนสเตอร์แห่งดันเจี้ยนนรกโลกันตร์
"อัศวินโลกันตร์ดูเหมือนจะยังเหลืออยู่ประมาณ 300 อ๊า..เพิ่งตายไปอีกสอง นักรบแห่งความหายนะดูเหมือนจะมีกำลังมาเพิ่ม และตอนนี้มีกำลังเป็นสองเท่าของอัศวินโลกันตร์ แม้ฉันจะรู้ว่ายักษ์เพลิงจะโผล่มาเมื่อถึงเวลาหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าโบวอนท์จะมาด้วย"
วีดสามารถประเมินจำนวนของพวกมันได้และตอนนี้กำลังประเมินการต่อสู้อยู่ เจ้าเหลืองซ่อนตัวอยู่เนื่องจากกลัว
ขณะที่ โกลมินิ สูญเสียจิตวิญญาณที่จะต่อสู้ "โกลโกลโกล เราจะจบลงด้วยความตายแน่ ถ้าเข้าไปมีส่วนร่วมในการรบตอนนี้"
วีดได้รับสัญญาณเตือนว่าความตายจะมาเยือน!
ซอยูนมองดูวีดด้วยความสงบ เธอตัดสินใจว่าจะทำตามเขาไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร
เควส คลาส-S นำมาซึ่งความยากลำบากอันแสนสาหัส อย่างไม่หยุดหย่อน
และมันก็ยังคงดำเนินต่อไป ตอนนี้มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยงมั้ยนะ?
วีดต้องตัดสินใจแล้ว
จบตอน
ผู้แปล: W.melonee
Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล
ขอบพระคุณสำหรับผลงานที่ยอดเยี่ยมครับ
ตอบลบขอบคุณมาก จะจบเควสไหมนะ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับบบบ
ตอบลบสุดยอดความมันส์
ตอบลบขอบคุณครับ
ขอบคุณมากๆที่สละเวลาอันมีค่าของผู้แปลมาให้รับชม
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบดีที่ลดไปแค่1เวล ปกติต้องใช้ถึง2
ตอบลบไม่รู้จะมีแผนอะไรอีก?แต่ไอเทมตกคงเยอะแหงๆ
เริ่มล่าแจมเทมได้แล้ว
ตอบลบยิ่งตีกันมั่วยิ่งเข้าทางวีด
ตอบลบนึกถึงตอนบุกวิหารเอมบินยู ที่มีบัลข่าน อิมูกิ ราชาไฮดร้าตีกันนัวดูสิแล้วผลสุดท้ายก็คือวีดรับทรัพย์อยู่คนเดียว
ดูทรงแล้วงวดนี้ก็เช่นกันฮะ
ขอบคุณผู้แปลคับ
ตอบลบขอบใจนะ
ตอบลบเหอะๆ...รอโอกาส
ตอบลบขอบใจหลายๆเด้ออ
โอ้ย...มันส์ ขอบคุณทีมงานแปลครับ
ตอบลบ