เล่ม 27 ตอนที่
8 : เครื่องบรรณาการของเหล่าคนแคระ แปลโดย Cole’s
Myth
“พวกเราเหล่าคนแคระจะต้องนำอัญมณีและทองแท่งไปมอบให้กับไคเบิร์น
หึหึ เรามิอาจขัดขืน ได้แต่จำใจทำตามที่มันต้องการ หากเรายังอยากจะขุดแร่เหล็กภายในถ้ำที่อยู่ในอาณาเขตของพวกมังกรต่อไป”
“ผมเข้าใจครับ
แต่ว่า
ไอ้เจ้าไคเบิร์นนี่มันตัวร้ายจริงๆที่บังคับให้ท่านส่งเครื่องบรรณาการไปให้มันแบบนั้น”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น…แต่ถึงยังไง เราก็ยังต้องยกเครื่องบรรณาการไปให้มันทุกๆสามเดือนอยู่ดี”
ถึงแม้ว่าจะมีความสามารถในการผลิตและแรงขับเคลื่อนทางการค้าที่แข็งแกร่งของเหล่าคนแคระภายในอาณาจักรธอร์
พวกเขาก็ยังไม่ได้กลายเป็นหนึ่งของเผ่าพันธุ์ที่ทรงอำนาจบนทวีปเวอร์เซลอยู่ดี นี่ก็เป็นเพราะว่าพวกเขาถูกจำกัดให้ต้องมอบเครื่องบรรณการกับพวกมังกรอยู่ตลอด
อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณการคุ้มครองจากเหล่ามังกร
ที่ทำให้การพัฒนาการทำเหมืองของพวกเขาเร็วมากยิ่งขึ้น
เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวพวกมอนสเตอร์หรือภัยคุกคามจากภายนอกที่ทำให้พวกเขามีข้อได้เปรียบทางด้านความปลอดภัย
“และเดือนหน้าเองก็เช่นกัน
ถึงกำหนดการที่พวกเราต้องส่งมอบเครื่องบรรณาการ…มังกรตัวอื่นน่ะยังไม่ใช่ปัญหาหรอกเพราะพวกมันยังมาเอาแค่จำนวนนึงที่พอรับได้
แต่กับเจ้าไคเบิร์น เขาเป็นพวกอารมณ์ฉุนเฉียวมาก”
ภายในอาณาจักรธอร์
สิ่งเดียวที่มักจะนำปัญหาชวนปวดหัวมาให้กับเหล่าคนแคระก็คือเจ้าไคเบิร์น
ที่เป็นหนึ่งในมังกรทั้งห้า
หากไม่มีผู้เล่นสายพันธุ์มนุษย์
เอลฟ์ หรือว่าคนแคระออกผจญภัยแบบบ้าบิ่น การที่จะได้เห็นมังกรเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะว่าวีดรู้ดีว่าพลังทำลายล้างที่พวกมันสามารถทำได้มีมากขนาดไหน
แต่เพราะปกติเขาไม่ค่อยได้ออกเดินทางตะลอนไปทั่ว
เขาจึงไม่เคยเห็นมังกรเลยซักครั้งเดียว
แต่ถึงกระนั้น
เหล่าคนแคระก็ยังต้องพบเจอกับความยากลำบากมากมายนานัปการ
เพราะมีพวกมังกรที่คอยมายังหมู่บ้านเรียกร้องจะเอานู้นเอานี่อยู่เรื่อย เหล่าคนแคระจึงต้องจำใจจมปลักอยู่กับการหลอกหลอนของพวกมังกรที่นำมาซึ่งความโกลาหล
“ความต้องการของเจ้าไคเบิร์นมีแต่จะแย่ลงๆ
แม้ว่าพวกเราเหล่าคนแคระจะยังพอสามารถเอาอัญมณีกับทองที่ขุดได้จากเหมืองไปให้มัน
แต่ข้าว่ามันจะไม่ดีกว่าเหรอหากจะมอบผลงานสวยๆให้กับพวกมัน? แต่ถ้าหากว่าพวกมังกรไม่พอใจกับเครื่องบรรณการของเราเผ่าคนแคระ
เราคงต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสแน่ๆ….โชคดีจริงๆที่มีประติมากรอยู่ตรงนี้
ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะพอทำอะไรได้บ้าง”
ตริ้ง!
เครื่องบรรณาการล้ำค่าแด่ไคเบิร์น
|
จงสร้างผลงานประติมากรรมที่ทำจากทองและอัญมณีจำนวน
2,800
ชิ้นเพื่อมอบให้กับ อาครีย์ออง ไคเบิร์น
|
ไอน์ฮานด์จะส่งลูกมือคนแคระเพื่อช่วยเหลือท่าน
|
บรรดาประติมากรรมควรจะสร้างให้ตรงกับรสนิยมของพวกมังกร
|
หากท่านทำสำเร็จ
ท่านจะกลายเป็นที่จดจำของเหล่าคนแคระในฐานะประติมากร
|
ระดับความยาก:
ภารกิจปรมาจารย์ประติมากร
|
ข้อจำกัดการทำภารกิจ:
มีทักษะประติมากรรมขั้นสูงเลเวล 8 หรือมากกว่า
|
มันควรจะถูกสร้างให้เสร็จก่อนวันที่
25
ของเดือนหน้า
|
หากท่านล้มเหลว
ความเป็นมิตรกับเหล่าคนแคระจะลดลงและท่านจะเสียความเชื่อใจจากพวกเขา
|
เพื่อที่จะให้ได้รับภารกิจนี้อีกครั้ง
ท่านต้องกลับไปเพิ่มค่าความสนิทสนมกับเหล่าคนแคระอีกครั้งเพื่อให้ได้ความเชื่อใจกลับคืนมาจากการทำภารกิจต่างๆ
|
นับจากวันนี้
เหลือเวลาอีก 52
วัน
|
‘ฉันต้องทำให้ได้ 60 ชิ้นต่อวัน’
มันคืองานใหญ่ที่มาแบบไม่คาดคิด!
“ผมจะหันหลังและมองเหล่าคนแคระทั้งหลายทุกข์ทรมานได้ยังไงกันล่ะครับ?
ในฐานะประติมากร ผมจะทุ่มเทแรงกายทั้งหมดที่มีทำงานนี้สำเร็จให้จงได้”
ท่านได้ตอบรับภารกิจแล้ว
|
“ถ้างั้นข้าจะยอมเชื่อใจเจ้า”
มีอัญมณีอยู่หลากหลายขนาด
และคุณภาพของทักษะช่างฝีมือนั่นเองที่ทำให้มีรูปแบบแร่ดิบพวกนี้ออกมา
จากนั้นเขาก็ไปสร้างประติมากรรมทองคำจำนวนหนึ่งด้วยการใช้กระบวนการเติมทองเหลวลงในเบ้าหล่อ
“เพราะว่าพวกมังกรชอบของที่เป็นประกายระยิบระยับ
ผลงานที่ทำออกมาต้องดูหวือหวาสะดุดตา”
แล้ววีดก็เริ่มทำงานของเขา
ภายในเมืองไอเอิร์น
แฮมเมอร์ (Iron
Hammer) มีอุปกรณ์พื้นฐานมากมายที่เขาไปหยิบยืมมาจากไอน์ฮานด์ที่เขาคิดว่าน่าจะเอามาใช้งานได้
ค้อนช่วยเพิ่มความทนทานบวกกับเตาหลอมก็ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเหล็ก
ทำให้มีแร่ดิบที่นำมาใช้มีความบริสุทธิ์
ไอน์ฮานด์พร้อมกับเหล่าช่างตีเหล็กฝีมือเยี่ยมจากทั่วเมือง
ไอเอิร์นแฮมเมอร์เองก็เข้ามาช่วยเขา
พวกเขาต่างก็มีสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสมกับพวกเขา
พวกเขาขุดอัญมณีออกมาจากเหมืองและขนใส่รถขนแร่ไปไว้ที่เก็บแร่อัญมณีของพวกเขา
“ชุดแรกมาก่อนเลย
ฉันจะขุดมันจนให้ได้ห้ารถเข็นแล้วค่อยเอาไปทีเดียว”
ความโลภของวีดเริ่มลุกฮือขึ้นมาอีกครั้ง
“อึก! ถ้าฉันแอบหนีไปหลังจากที่เอามาจนหมดแล้วล่ะก็….”
แม้จะอยู่ในระหว่างการทำภารกิจ
ประติมากรผู้นี้ก็ยังจะพยายามหลบหนีไปพร้อมกับสมบัติทั้งหมดของเหล่าคนแคระ!
แต่หลังจากนั้น
สิ่งเดียวที่หยุดยั้งเขาไว้ก็คือ การทำแบบนั้นไปแล้วคงทำให้มังกรไคเบิร์นไล่ล่าเขาแน่
และเมืองโมราต้าก็ต้องเผชิญหน้ากับมังกร
จากนั้นผู้คนมากมายก็จะล้มตาย
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามดิ้นรนขณะที่มีท่าทีพฤติกรรมที่ดูน่ากลัวจากความคิดที่จะหลบหนีไปจากที่นี่
เหล่าคนแคระที่เดินผ่านไปมาต่างพยักหน้า
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นแค่มนุษย์
แต่เจ้านี่ช่างกระตือรือร้นในการทำงานของเจ้าจริงๆ”
“ข้าเห็นด้วยกับคำพูดนั้นนะ”
เพื่อที่จะจบช่วงเวลาที่แสนกระอักกระอ่วนนี้ให้ได้
วีดจึงหยิบมีดแกะสลักของซาฮับออกมาในที่สุด
“ให้ข้าทำสักชิ้นนะครับ”
แซก แซก
แซก!
วีดลองนึกย้อนกลับไปดูผลงานประติมากรรมทุกแบบที่เขาเคยทำมา
“แทนที่จะมัวแต่เสริมคุณค่าทางศิลปะลงไปในผลงาน
ฉันควรให้ความสำคัญกับจำนวนดีกว่า”
ขณะที่เขาต้องรักษาคุณภาพของผลงาน
เขาก็ยังต้องคิดถึงจำนวนที่ต้องการเช่นกัน
เขาทำแม่พิมพ์รูปสัตว์และมอนสเตอร์ขึ้นมา
เขาเคยทำแม่พิมพ์ของเครื่องเซรามิคออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อนำไปขาย
หากเขาจะสร้างแม่พิมพ์เพื่อใช้กับทองคำ
ก็ยังมีพวกช่างตีเหล็กคนอื่นๆเป็นลูกมือคอยช่วยเขาอยู่
จากการเททองเหลวลงในแม่พิมพ์
พวกเขาก็จะสามารถสร้างประติมากรรมทองคำแวววาวออกมาได้มากมาย
สำหรับประติมากรแล้ว
มันเป็นประสบการณ์ที่ชวนหลงใหลจริงๆ
“มีคนเคยบอกว่าไม่มีใครไม่ชอบทองหรอก
มีแต่ความอยากได้ที่ไม่เคยพอต่างหากและจากนั้นความทุกข์ก็จะคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ
ถึงแม้คนเราจะเป็นถึงเจ้าของร้านขายอัญมณี
แต่คนๆนั้นก็อาจจะยังไม่รู้จักความสุขของชีวิตอยู่ดี”
ถ้าหากวีดกลายเป็นเจ้าของร้านอัญมณีในภายภาคหน้า
เขาก็คงไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้จิตใจสงบลง
และก็คงไม่อาจข่มตาลงนอนได้เพราะมัวแต่กลัวว่าจะมีขโมยมาฉกอัญมณีเขาไปหรือเปล่า
อัญมณีถูกตัดออกอย่างประณีตด้วยมีดแกะสลักของเขา
“สำหรับอัญมณีเหล่านี้
แม้ว่าจะมีตำหนิเล็กๆน้อยๆบ้างก็คงไม่เป็นไร เพราะยังไงเจ้าก็ค่อยทำมันใหม่อีกครั้งก็ได้นิ”
ถึงแม้ว่าไอน์ฮานด์จะพูดแบบนั้นก็ตาม
แต่การทำผิดพลาดนั้นจะทำให้ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของเขาในฐานะประติมากรเสื่อมเสีย
หากอัญมณีเสียหายไปซักนิดนึงมันก็ไม่อาจจะฟื้นกลับมาให้เป็นเหมือนเดิมได้
เพชร ทับทิม
ไพลิน และอัญมณีอื่นๆ ส่วนมากแล้วอัญมณีพวกนี้ถูกแกะเป็นรูปนางฟ้าบนพื้นผิว
มันทำให้อัญมณีดูมีความแพรวพราวตามขนาดตัวของนางฟ้าที่แกะลงไป วีดกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแกะสลักประติมากรรมด้วยแสงระยิบระยับ
เพราะเขาได้ฝึกฝนการแกะสลักที่เกี่ยวกับทักษะแกะสลักแสงจันทร์มาเยอะพอสมควร
“อะไรที่จะสร้างความพอใจให้พวกมังกรกันนะ
พวกมันมักจะชื่นชอบลักษณะภายนอกมากกว่าคุณค่าทางศิลปะ”
เพราะว่ามังกรชื่นชอบอัญมณีและทองที่แวววาว
เขาจึงตั้งสมาธิไปแค่จุดๆนั้นเพียงอย่างเดียว
ในฐานะประติมากร
เขาคงจะค่อยๆทำไปเรื่อยๆแบบไม่ต้องเปลืองแรงมากนัก
แต่อย่างไรก็ตาม
สำหรับโอกาสทองอย่างนี้
โอกาสที่เขาจะได้แกะสลักทองและอัญมณีจำนวนมหาศาลนั้นหาได้ยากเหลือเกิน
แม้ว่าค่าความเชี่ยวชาญทักษะแกะสลักของเขาจะเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย
ค่าความศรัทธาของเขากลับตกลงไป
เมื่อไรก็ตามที่เขามองดูทองและอัญมณีใกล้ๆ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรความศรัทธาของเหล่าคนแคระที่มีต่อเขากลับลดลงไปในทันที
ขณะที่อยู่ภายในเมือง
ไอเอิร์นแฮมเมอร์ ก็มีคนเตรียมอาหารเอาไว้ให้เขาแบบไม่จำกัด
แต่ก็ต่อเมื่อตอนที่เขาทำงานอยู่เท่านั้น
***
กิลด์เฮอร์มีสเรียกหน่วยจู่โจมของพวกเขาไปกำจัดวีดอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าวิธีนี้ไม่ค่อยจะได้ผลสักเท่าไร”
วีดนี่ลื่นอย่างกับปลาไหล
ยากมากที่จะจับตัวได้ทัน ตะลอนเร่ร่อนไปทั่วทวีปเวอร์เซล
ตอนที่หน่วยจู่โจมของพวกเขาไปถึงเบอร์ซิเลีย
พวกออร์คกลุ่มใหญ่ก็กระโจนใส่พวกเขาทันที และแทนที่พวกเขาจะได้โจมตีวีด
กลับกลายเป็นว่าพวกเขาได้รับการบุกจู่โจมอย่างรุนแรงจากพวกออร์คซะงั้น
แม้ว่าด้วยพลังรบของหน่วยจู่โจมที่พวกเขามี
จะสามารถกำราบพวกออร์คไปได้อย่างง่ายดาย
แต่เพราะว่ามันกินเวลาต่อสู้ไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็โดนศัตรูที่แพ้ไปแล้วกลับมาโจมตีคืนอีกตั้ง
17
ครั้ง
“ล้างแค้นพวกมันซะ
ชวิชิชิชวิ!”
บางทีความคิดของพวกเขาก็คือการต่อสู้ไปด้วยออกตามหาคาริชวิไปด้วย
เพราะว่าพวกเขาอาจจะไม่มีทางรู้เลยว่าวีดจะอยู่ในกลุ่มออร์คนั่นหรือเปล่า
ขณะที่พวกเขาต่อสู้ไปพลางตามหาเขาไปพลาง พวกเขากลับไม่รู้เลยซักนิดว่าจุดจบของพวกเขาได้มาถึงแล้วขณะที่กองทัพออร์คอันน่ากลัวได้ปรากฏตัวขึ้นมาและค่อยๆบีบพวกเขาและกวาดล้างหน่วยจู่โจมของพวกเขาจนสิ้น
ไม่ว่าเลเวลของพวกเขาจะสูงมากซักแค่ไหน กองกำลังของพวกเขาก็ไม่อาจต้านทานกองกำลังออร์คจำนวนมากขนาดนั้นได้อยู่ดี
และในที่สุด
หน่วยจู่โจมก็พ่ายแพ้และถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้น
ถ้าหากพวกเขายอมล่าถอยออกมาจากกองทัพออร์คตั้งแต่แรกเริ่ม
ผลที่ออกมาคงไม่เป็นแบบนี้
แม้ว่าภายในหน่วยจู่โจมจะยังมีคนอยู่จำนวนมาก
แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้แบบยอมเสี่ยงชีวิตยังไงพวกเขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าจะเอากลยุทธ์แบบไหนไปใช้ต่อสู้กับกับวีด
แต่ถึงยังไงตอนนี้พวกเขาก็ไม่สามารถจัดการกับการโจมตีต่อเนื่องของพวกออร์คได้
หลังจากที่หน่วยจู่โจมถูกกวาดล้างจนหมดท่า
เหล่าผู้บัญชาการออร์คก็เอ่ยบางคำขึ้นมา
“มีออร์คตายไปเป็นจำนวนมาก
ชวิชวิชชวิ กลับบ้านไปทานข้าวแล้วนอนซะ ชวิชวชิวิค!”
“แล้วก็อย่าเอาแต่นอน
ตื่นมากินข้าวแล้วมาทำลูกออร์คเยอะๆ สู่ความรุ่งโรจน์ของเรา เหล่าออร์ค!”
และนี่คืออีกครั้ง
ที่เหล่ากิลด์เฮอร์มีสจำต้องทนทุกข์จากความเสื่อมเสียเกียรติอีกครา
ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ต่อสู้กับวีดและยังพ่ายแพ้กลับมาอีก ด้วยฉากที่โดนล้อมไปด้วยพวกออร์ค
หน่วยจู่โจมถูกบดขยี้จนป่นปี้ มันเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้
เพราะเรื่องนี้ได้เกิดขึ้น
จึงได้มีมติลงมาจากเหล่าผู้บริหารหลักของกิลด์เพราะมันยากเหลือเกินที่จะไล่ตามไปก่อกวนวีด
“ส่งหน่วยนักฆ่าไปตามที่เราเคยวางแผนเอาไว้
และต้องไม่ให้ใครรู้ข่าวคราวเรื่องนี้เด็ดขาด ถ้าเห็นตัวมัน ตามมันไปอย่าให้คลาดสายตาเหมือนกับเงาของมันเลย….”
“ตำแหน่งของหน่วยจู่โจมถูกเปิดเผยแล้ว
พวกเขาควรล่าถอยออกมา มันคงยากเกินไปที่จะไปตอบโต้กับพวกออร์ค
ใครมีความคิดที่ดีกว่านี้บ้างไหม?”
บัดนี้เหล่าผู้บริหารหลักของกิลด์ต่างอยู่ในจุดที่ต้องมารับรู้ความขายขี้หน้าจนแทบอยากจะเอาปี๊บมาคลุมหัว
พวกเขาคือกิลด์เพียงหนึ่งเดียวที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้ปกครองราชอาณาจักรฮาเว่นและราชอาณาจักรคัลลามอร์
จากแนวทางการปกครองที่พวกเขาได้ตัดสินใจสร้างขึ้นมาก็อาจทำให้สถานการณ์ภายในทวีปทางตอนกลางเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน
แต่ถึงยังไงพวกเขาก็ยังรู้สึกไม่ยอมปล่อยวางจากมือที่ถูกผูกติดเอาไว้กับสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายเล็กๆน้อยๆอย่างการออกไล่ล่าวีด
“แล้วตอนนี้ท่านบาร์ดเรย์เป็นยังไงบ้าง?”
“ตอนนี้เขากำลังทำภารกิจที่สิบของเขาอยู่ครับ”
“นั่นถือว่าเร็วมากจริงๆ
คงจะเร็วกว่าวีดด้วยซ้ำไป?”
“มีข้อมูลรายงานมาว่าเขามีพวกราชองครักษ์ติดตามไป
พวกเขาคอยช่วยอยู่เบื้องหลังจึงลดเวลาที่ใช้ในการทำภารกิจลงมากเลยทีเดียว ส่วนวีด จากรายงานของพวกสายสืบที่เราส่งไปฝังตัวในโมราต้า
มันอยู่ในเมืองโมราต้าพักหนึ่ง และพึ่งจะใช้เวลาทำเครื่องปั้นดินเผาไปชั่วครู่”
“ข้าคิดว่ามันคงถูกถ่วงลงไปมากเอาการนะ
แล้วเรื่องภารกิจของบาร์ดเรย์ที่ต้องไปเอาชุดเกราะใหม่ละเป็นไง?”
“เรากำลังเริ่มดำเนินการครับ
ไม่มีอุปสรรคอะไรในการขุดเจาะดันเจี้ยนครับ”
“ถ้าเป็นไปได้ก็เพิ่มคนเข้าไปที่สุสานอัศวินทมิฬเทรูที่ราชอาณาจักรคัลลามอร์อีก”
“ขอบคุณครับท่าน
เราคิดว่าคงจะได้เริ่มขุดภายในสัปดาห์นี้ครับ”
กิลด์เฮอร์มีสได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับดันเจี้ยนภายในราชอาณาจักรคัลลามอร์ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บรรดาสมาชิกกิลด์อาชีพสายนักผจญภัย
โจร อัศวิน และอื่นๆได้รวมตัวกันในฐานะกลุ่มสำรวจ เจาะเข้าไปในดันเจี้ยนเพื่อระบุถึงตำแหน่งของสมบัติที่อยู่ข้างใน
เพราะว่ามีนักผจญภัยที่คอยเป็นกำลังเสริมให้กับกิลด์เฮอร์มีส
จึงเป็นงานง่ายสำหรับพวกเขาที่จะเพิ่มค่าทักษะพร้อมกับการตามหาสมบัติให้กิลด์ไปด้วย
ถึงแม้ว่าสมบัติส่วนมากจะถูกมอบให้กับกิลด์แถมยังไม่ได้เป็นเจ้าของพวกมันอีก
แต่การได้เป็นแค่คนสนับสนุนให้กิลด์นั้นก็ดีมากพอสำหรับเหล่านักผจญภัยแล้ว
“แต่ว่าพวกนักผจญภัยก็ได้ยินข่าวลือไม่ดีที่พูดถึงเกี่ยวกับราชอาณาจักรของเราด้วยครับ”
“ได้ยินว่าไง?”
“ถึงแม้ว่าเราจะทำอะไรไม่ได้เพราะว่ามันเป็นสงคราม
แต่ดูเหมือนว่าการชิงเมืองมาจากราชอาณาจักรคัลลามอร์จะลดค่าชื่อเสียงเรามากกว่าที่เราคิดครับ
และหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น แทนที่เราจะมั่นคงมากขึ้น กลับมีคนด่าทอมากมาย
แถมยังมีการก่อกบฏเกิดขึ้นเรื่อยๆ”
“ก็แล้วแต่สิ
ธนูจะยิงมากจากไหนก็เรื่องของมัน มันเป็นแบบนั้นไม่จบไม่สิ้นอยู่แล้วนิ
แล้วการเคลื่อนไหวของกิลด์อื่นๆล่ะเป็นไง?”
“มีกิลด์ขนาดใหญ่กว่า
5 กิลด์คอยเป็นกำลังให้เราครับ กิลด์เมฆา (Cloud
Guild) กิลด์ดาวราชสีห์ (Lion Star Guild) กิลด์นักพเนจร
(Roam Guild) กิลด์ทหารรับจ้าง ดาบทมิฬ (Black Sword
Mercenary Guild) แล้วก็กิลด์ราชสีห์ทมิฬครับ ดูท่าว่าพวกเขาจะยอมรับข้อตกลงแล้วครับ
และไม่นานพวกมันก็จะกลายเป็นของราชอาณาจักรเรา”
“ในที่สุด
ดูเหมือนหลายสิ่งหลายอย่างกำลังเป็นไปตามคาด”
อีกทั้งก็ยังมีกิลด์โด่งดังอื่นๆอีกมากมายมาเข้าร่วมกลุ่มสมาพันธ์มหาอำนาจ
นั่นจึงทำให้ความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขายังไม่เป็นที่ชัดเจน
หากรวมกิลด์เฮอร์มีสเข้าไปด้วยแล้ว
อีกทั้งยังมีกิลด์ยักษ์ใหญ่อีกหกกิลด์จนทำให้เกิดเป็นอำนาจอันมหาศาลขึ้นมา
“ราชอาณาจักรต่อไปที่เราจะจู่โจมคือ
ลาเซล”
“ในบรรดาอาณาจักรเพื่อนบ้านของเรา
กองกำลังของพวกมันถือว่าอ่อนด้อยกว่ามาก”
“ถูกต้อง
เราจะทำลายมันในชั่วพริบตาแล้วจากนั้นก็ยึดมาซะ แล้วจากนั้นก็ไปโจมตีราชอาณาจักรพันธมิตรแห่งบริทเท่นทันที”
เหล่าผู้บริหารหลักได้เตรียมพร้อมสำหรับสงครามครั้งต่อไปแล้ว
ถ้าหากพวกเขายึดราชอาณาจักรลาเซลและราชอาณาจักรพันธมิตรแห่งบริทเท่นได้สำเร็จ
พวกเขาคงจะกลายเป็นจักรวรรดิที่ทรงอำนาจอย่างแน่นอน
“ราชอาณาจักรพันธมิตรแห่งบริทเท่นอาจจะไม่ได้มีกำลังรบที่ไร้เทียมทานขนาดนั้นหรอก”
“ถึงแม้ว่ามันพึ่งจะถูกสร้างขึ้นจากอาณาเขตและเมืองอิสระจำนวนมาก
แต่พวกมันก็รวมตัวกันมานานนับหลายปีแล้ว และอย่างที่ท่านรู้ว่าดินแดนนั่นยังมีสาขาย่อยของกิลด์เมฆาอยู่ด้วย”
“การสู้รบปรบมือกันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
พวกเราได้ไตร่ตรองกันกับพวกกิลด์เมฆามาก่อนแล้ว”
“เราได้เตรียมตัวพร้อมรบเรียบร้อย
พวกมันคงคิดไม่ถึงหรอกว่าเราจะไปโจมตี”
“แล้วกำลังรบของราชอาณาจักรพันธมิตรแห่งบริทเท่นละเป็นยังไง”
“ระดับของพวกผู้ใช้จิตวิญญาณธาตุกับจอมเวทย์ถือว่ายอดเยี่ยม
แถมกองกำลังทหารก็มีผู้เล่นอยู่เป็นจำนวนมาก”
“ถ้าพวกผู้เล่นต่อต้านเรา
ข้าเดาว่าคงได้กลายเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อแน่ ข้าก็ไม่ได้อยากให้สงครามครั้งนี้มันยืดเยื้อมากนัก”
“ทันทีที่กิลด์ของเราเริ่มโจมตี
พวกผู้เล่นเลเวลสูงๆที่มีสมองหน่อยก็คงยอมแพ้ไปเองแหละน่า”
“ขณะที่ท่านบาร์ดเรย์กำลังดึงความสนใจพวกมันอยู่นี่
ทำให้แน่ใจว่าเราได้เตรียมตัวออกรบแบบรัดกุมแล้ว”
“แน่นอนครับ”
เหล่าผู้บริหารหลักทำการประชุมจนดึกดื่น
พวกเขาเป็นคนที่ได้ทำการตัดสินใจสำคัญๆอย่างต่อเนื่องภายในราชอาณาจักรยักษ์ใหญ่ของพวกเขา
“จริงๆแล้ว
พอพูดถึงเจ้าวีด….”
“เราต้องใช้คนไปเยอะแค่ไหนกันเนี่ย
ว่าก็ว่าเถอะ เอาแต่ไล่ตามหลังมันไปอยู่แบบนี้ไม่ค่อยได้ผลจริงๆเลยซักที”
“มันลื่นเป็นปลาไหลเลย
การจะเข้าใกล้จับตัวมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย”
ด้วยทักษะช่างตีเหล็กและปักเย็บของวีด
เขาจึงสามารถสวมใส่เสื้อผ้าส่วนมากได้ ขณะที่ใช้ทักษะประติมากรรมจำแลงของเขาเพียงแค่แปบเดียวก็สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้แล้ว
มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเจอตัวเขา
มันจึงกลายเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับพวกเขามากจริงๆ
เพราะว่ามีหน้าตาโหลๆบวกกับเงินรางวัลล่าฆ่าหัวของเขาจึงทำให้ยากที่จะเห็นเขาเดินเล่นไปมาในเมือง
นอกจากนี้
เขายังไหวตัวเร็วกับกลุ่มนักล่าที่พวกเขาส่งไปก่อกวนเขาอีก
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะส่งหน่วยจู่โจมที่เป็นนักฆ่าออกไปไล่ล่า
เขาก็ยังไม่ตกหลุมพรางอยู่ดี
จากนั้นท่ามกลางเหล่าผู้บริหารหลัก
พวกพ่อบ้าน
พวกผู้เล่นที่ถูกเรียกตัวอยู่บ่อยๆก็มีไอเดียอันชั่วช้าต่ำทรามโหดร้ายผุดขึ้นมา
แล้วก็พากันพูดออกมา
“ถ้าพวกเราอยากกำจัดวีด…เอ่อ ก็ยังยุ่งยากสินะ
งั้นทำไมเราไม่ก่อกวนเมืองโมราต้ากับชาวเมืองของมันล่ะ?”
“ก่อกวนพวกมันหรอ?”
“ส่งพวกโจรกับนักฆ่าไปจับตัววีดมา
ขณะที่ส่งคนเข้าไปในเมืองโมราต้าปล้นสะดมแล้วก็ก่อวินาศกรรมซะ…”
“เราอาจสร้างความเสียหายให้พวกมันมากเอาการเลยนะ”
“ถึงแม้ว่าเมืองฝั่งนั้นจะไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมากมายนัก
แต่กิลด์เฮอร์มีสของพวกเราจะต้องให้พวกมันชดใช้ และถ้าหากการลอบโจมตีแบบลับๆนี้ได้ผล
พวกมันก็จะหนีหัวซุกหัวซุนหลบอยู่แต่ในเมืองหลวง”
ราฟาเอลได้ทำการตัดสินใจแล้ว
อำนาจในกิจการหรือการบริหารนอกเหนือไปจากกิลด์เฮอร์มีส
ส่วนใหญ่แล้วล้วนอยู่ในกำมือของเขา
***
“ชวิค!”
เหล่าออร์คข้ามมหาสมุทรมาจนถึงโมราต้าแล้ว
“กลิ่นนั่นหอมหวนยั่วใจชะมัด
ชวิคชวิค!”
วีดหวังว่าพวกเขาจะเจอเรื่องร้ายๆกลางมหาสมุทรบ้างเพื่อลดจำนวนพวกเขาลงไป
ทว่าพวกเขาได้รับการดูแลอย่างดีจากสามฉลามโฉดแห่งเบกกี้นิน
เพราะว่ามีกิจการทางการค้าขายเกิดขึ้นแถวๆท่าเทียบเรือของเมืองโมราต้าอยู่
เหล่าผู้เล่นและชาวประมงทั้งหลายจึงร่วมมือร่วมใจกันช่วยเหลือพวกมันอย่างสุดความสามารถ
“ออร์คพวกนี้มายังทวีปทางเหนือ….พวกเราจึงได้ช่วยเหลือพวกเขา เราพามาตามคำขอของวีด”
“ดูสิ
พวกออร์คกำลังตกปลามากินกัน พวกออร์คอาจจะชอบสตูเนื้อปลาละมั้ง”
บรรดาเรือประมงและเรือพาณิชย์กำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าไล่ตามกองเรือของเฮนท์ไป
เหล่าออร์คนั่งอยู่บนเรือ
ขณะที่เรือแล่นไปๆมาๆจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก
เรือหลายลำบรรทุกน้ำหนักเป็นจำนวนมาก
ในเมื่อมันเต็มไปด้วยพวกออร์ค ถึงแม้ว่าความเร็วในการแล่นเรือของพวกเขาตกลงไปบ้าง แต่ถึงยังไงพวกเขาทั้งหมดก็เดินทางมาถึงอย่างปลอดภัย
“ว้ายยย! พวกออร์คนั่นน่ารักจังเลย”
“ดีจริงๆที่ได้เห็นออร์คในแดนเหนือแบบนี้”
“ถ้าพวกเจ้าหิว
อยากได้โจ๊กหญ้าซักหน่อยไหมล่ะ?”
เหล่าผู้เล่นใหม่และเหล่าออร์คได้เจอหน้ากันแล้ว
แม้ว่านี่จะเป็นการพบกันระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์กับออร์ค
ก็ไม่มีอคติที่เกิดขึ้นมาจากความแตกต่างของเผ่าพันธุ์เลย
“ฉันอยากเป็นออร์คจัง”
“ใช่แล้ว
เราเลือกเผ่าพันธุ์ออร์คตอนเริ่มเล่นเพราะเราอยากจะเป็นเลยล่ะ
เราไม่มีที่ให้เดินทางไปมากนักดังนั้นเราเลยมาที่โมราต้าน่ะ”
เหล่าออร์คพ่นลมออกมาจากจมูกขณะที่พวกเขามาถึงประตูเมืองโมราต้า
เพราะว่าพวกเขากินอาหารได้เยอะ
จำนวนประชากรออร์คจึงพุ่งไปอยู่ที่ 175,000 ตน
“มีประติมากรรมหินเยอะแยะไปหมดเลย
ชวิชวิ!”
“พวกมนุษย์ที่นี่ร้องเพลงห่วยชะมัด
ชวิชวิค!”
เหล่าออร์คยังปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมการแสดงและศิลปะของที่นี่ได้ไม่ดีนัก
“เจ้านี่ถูกชะมัด
ชวิชิว!”
“ฉันอยากจะซื้อเจ้านี่จัง
ชวิชวิ”
ณ
บริเวณจัตุรัสของเมืองโมราต้า พวกเขากำลังขายของตามราคาตลาด
แต่เพราะความละโมบของเผ่าพันธุ์ออร์ค
พวกเขาจึงพยายามที่จะขายดาบไม้ในราคาตั้ง 4,000 เหรียญทอง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมพวกเขาคิดว่าไอเท็มหลายอย่างราคาถูกมากๆ
“ข้าซื้อนี่มาได้ในราคาถูกๆ
ชวิชวิ!”
หลังจากที่พวกออร์คซื้ออุปกรณ์สวมใส่มาได้มากมาย
พวกมันก็พยายามที่จะขายมันกลับในราคามากกว่า 70,000 เหรียญทอง
แน่นอนล่ะว่าไม่มีใครหน้าไหนซื้อของเหล่านั้น
และบัดนี้
คือเวลาที่เหล่าออร์คจะตั้งรกราก
เหล่าออร์คที่กระจายตัวอยู่ตามจัตุรัสและถนนของเมืองโมราต้ามานั่งรวมกลุ่มกันที่ทางเข้าเมือง
ถึงแม้ว่ามันดูยากลำบากสำหรับพวกเขา
เหล่าออร์คก็ยังได้ยินข่าวดีอยู่บ้าง
-ณ
ป้อมปราการเวอร์โก้ มีประติมากรรมใหญ่ยักษ์ของออร์คคาริชวิ!
-ประติมากรรมของออร์คที่สร้างขึ้นด้วยดินและหินสำเร็จแล้ว
-มีแคมป์สำหรับเหล่าออร์คที่มีการสร้างโรงอาบน้ำและห้องทานอาหารค่ำ
วีดได้ใช้อำนาจของเขาในฐานะลอร์ดสร้างหมู่บ้านออร์คให้พวกเขาได้อยู่อาศัยใกล้ๆกับเมืองปราการเวอร์โก้
มันตั้งอยู่บริเวณภูเขาที่เต็มไปด้วยภยันตรายมากมายซึ่งเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ปรากฏตัวออกมาจนเป็นเรื่องธรรมดา
“ไปกันเถอะ
ชวิค! ขอเพียงแค่คาริชวิอยู่ที่นี่ เขาก็จะช่วยเราได้”
เหล่าออร์คมุ่งหน้าไปยังเมืองป้อมปราการเวอร์โก้ด้วยคำสั่งของผู้บัญชาการออร์ค
เมืองป้อมปราการเวอร์โก้เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อย่างโมราต้านั้นถือว่าด้อยกว่ามาก
แม้ว่าจะมีสิ่งก่อสร้างที่สร้างเสร็จแล้วจากรัทเซเบิร์ก
ทว่าตั้งแต่วัฒนธรรมไปจนถึงการพัฒนาทางการค้าขายรวมถึงสิ่งก่อสร้างก็ยังถือว่าหม่นหมองมาก
“เจ๋ง
เราจะได้วิ่งไปไหนมาไหนได้แบบอิสระซะที ชวิ พวกเราจำเป็นต้องมีที่อยู่นะ ชวิ!”
เหล่าออร์คชื่นชอบพื้นที่ขรุขระห่างไกลจากตัวเมืองมากกว่า
พวกเขาแค่หวังที่จะอยู่อาศัยในที่ที่ดูยากลำบากเพียงพอให้ปลูกพืชผักและออกไปสู้กับพวกมอนสเตอร์เท่านั้นเอง
แม้ว่าชีวิตของพวกเขาจะอยู่ในความเสี่ยง
มันก็ยังถือว่าเป็นสถานที่ที่พวกจะสามารถสนุกสนานไปกับอิสรภาพของพวกเขาได้!
เหล่าออร์คต้องการที่จะใช้ชีวิตอยู่ขณะที่เอาชนะสิ่งแวดล้อมอันเลวร้ายนี้ด้วยกำลังของเผ่าพันธุ์พวกเขา
และเช่นนั้นเองพวกเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะลงหลักปักฐานอยู่ในเมืองป้อมปราการเวอร์โก้
และในที่สุด
เผ่าพันธุ์คนแคระ คนเถื่อน เอลฟ์ ออร์ค
และมนุษย์ก็จะได้พบปะเจอหน้ากันและกันภายในเมืองป้อมปราการเวอร์โก้แห่งนี้แล้ว
***
วีดยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานร่วมกับเหล่าช่างเหล็กคนแคระในการสร้างสมบัติเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการให้กับพวกมังกร
ภารกิจ: ความปรารถนาในดาบของไคเบิร์น
|
เหล่าคนแคระต้องแสดงทักษะทั้งหมดที่พวกเขามีเพื่อสรรสร้างดาบที่พวกมังกรปรารถนา
|
หากท่านทำงานไม่ทันเวลาที่กำหนด
ท่านจะปลุกปั่นความพิโรธของเหล่ามังกร
|
ระดับความยาก:
A
|
ข้อจำกัดการทำภารกิจ:
ทักษะช่างตีเหล็กขั้นสูงเลเวล 4 หรือมากกว่า
|
เช่นกันนี้ท่านต้องสร้างดาบในระดับที่สูงที่สุดออกมาให้ได้
|
และต้องได้รับความร่วมมือมากที่สุดจากเหล่าช่างตีเหล็กคนแคระ
|
หากเหล่าคนแคระทำภารกิจในการสร้างครั้งนี้ล้มเหลว
สิ่งที่อันตรายที่สุดนั่นคือมังกรเหล่านั้นจักปรากฏ
|
แม้ว่าข้อดีของภารกิจนี้คือพวกเขาสามารถใช้วัสดุใดก็ได้อย่างเต็มที่ภายในอาณาจักรธอร์
เว้นเสียแต่ว่าไอ้ของดีๆพวกนั้นได้มอบให้กับพวกมังกรไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในฐานะช่างตีเหล็กพวกเขาจึงทำได้เพียงเดินหน้าต่อไปด้วยแขนทั้งสองข้างที่มีเพื่อสร้างเครื่องบรรณาการออกมาให้ได้
เนื่องจากวีดไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าร่วมภารกิจ
เขาจึงทำได้เพียงแค่ศึกษาเรียนรู้เทคนิคต่างๆที่สามารถช่วยเขาในการแกะสลักประติมากรรมจากช่างเหล็กคนอื่นๆ
ถึงแม้ว่าจะมีผลงานมากมายที่เขาต้องทำออกมา
แต่พวกมังกรก็คงไม่ได้คิดว่าคุณค่าทางศิลปะเป็นเรื่องสลักสำคัญอะไรอยู่ดี
จากการสนใจแต่เรื่องปริมาณ เขาจึงสามารถช่วยงานเหล่าช่างตีเหล็กคนอื่นๆได้
แถมยังสามารถเรียนรู้เทคนิคต่างๆจากพวกเขาได้อีก
“เจ้านี่ช่างทุ่มเทจริงๆ
โอเคถ้างั้นข้าก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่สอนให้เจ้า”
พวกช่างเหล็กแคระไม่ได้ให้กลวิธีลับระดับสูงอะไรกับเขาเลย
ก็แค่พวกเทคนิคพื้นๆธรรมดาๆ
ถึงอย่างไรก็ตาม
วีดผู้ที่สามารถพูดได้ว่ามีชีวิตอยู่ได้ด้วยการประจบสอพลอผู้คน ค่อยๆเบียดตัวเข้าไปอยู่ในพื้นที่เดียวกับปรามาจารย์
เอบุ และค่อยๆสอนเรื่องพื้นๆเขาทีละนิดทีละหน่อย
-ท่านได้เรียนรู้การขัดเงาเหล็กจากคนแคระโรฮานด์
|
ค่าความเชี่ยวชาญทักษะตีเหล็กของท่านเพิ่มขึ้น
|
ท่านสามารถสร้างเกราะหุ้มอกที่มีค่าการป้องกันสูงได้แล้วตอนนี้
|
เทคนิคที่เขาพยายามเรียนรู้จากเหล่าคนแคระก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
ตั้งแต่วิธีทำเครื่องทองเหลืองไปจนถึงเทคนิคการตีค้อนเหล็ก
มีอะไรหลายอย่างมากมายที่เขาได้เรียนรู้จากงานที่พวกเขาทำ
เนื่องจากทักษะช่างตีเหล็กเป็นทักษะที่ค่อนข้างกว้างมาก
มันจึงครอบคลุมในหลายๆศาสตร์ความรู้
“เจ้าไม่ใช่คนแคระ
โห เหล้านี่รสชาติดีเลยนิ….ข้าสอนเทคนิคของข้าให้เจ้าไม่ได้หรอก….โหจานนี่ยอดไปเลย เจ้าไปเรียนรู้เทคนิคการทำอาหารมาจากไหนหรอ? ถึงแม้ว่าข้าไม่ชอบรับศิษย์มั่วซั่ว แต่ดูจากความตั้งใจของเจ้าแล้ว
งั้นข้าจะสอนเรื่องพื้นฐานให้เจ้าซักหน่อยละกัน”
***
ณ
เมืองไอเอิ้น แฮมเมอร์ เมืองหลวงแห่งอาณาจักรธอร์
ไม่มีฝูงมอนสเตอร์เข้ามาโจมตีเลยแม้แต่น้อยนั่นจึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมถึงไม่มีการสู้รบเกิดขึ้นระหว่างเหล่าคนแคระเลย
แทนที่จะเป็นเช่นนั้น
ท่ามกลางเหล่าคนแคระ ส่วนใหญ่กลับมีการแข่งขันอย่างดุเดือดภายในเตาหลอมของพวกเขาแทน
เหล่าผู้เล่นที่ถูกเลือก
พวกเขาใฝ่ฝันอยากจะเป็นช่างตีเหล็กคนแคระที่เก่งที่สุด ต่างพยายามสร้างดาบขึ้นมามากมาย
ณ
บริเวณเทือกเขานอร์น เทือกเขาอัลต้า เทือกเขาไซกอร์น
ซึ่งเป็นเทือกเขาที่เต็มไปด้วยแร่เหล็กคุณภาพสูงที่ถูกขุดไปมากมาย
และเป็นตัวช่วยให้เพิ่มทักษะช่างตีเหล็กของเหล่าคนแคระ
“แร่เหล็กพวกนี้เยอะแยะไปหมดเลย
ข้าจะตีพวกมันจนมืดค่ำไปเลย ฟอร์ฮานด์ เจ้าตีดาบได้กี่เล่มแล้วล่ะ?”
“ข้าตีได้ 17
เล่มแล้ว เจ้าละ?”
“21 เล่มแล้ว
วันนี้ข้าว่าจะไปหาซื้อเหล้าด้วยสักหน่อย”
“ข้าก็รู้สึกเปรี้ยวปากแล้วเช่นกัน
ตีดาบเล่มนี้ให้เสร็จแล้วไปกันเถอะ”
ภายในเมืองไอเอิ้น
แฮมเมอร์
เหล่าผู้เล่นคนแคระอาชีพช่างตีเหล็กต่างพากันตีดาบออกมาได้ค่อนข้างเยอะแล้วในตอนนี้
พวกเขาต่างจ้องมองเข้าไปในเตาหลอมวันแล้ววันเล่า
เงื้อมตีเหล็กเป็นกิจวัตรโดยซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ต้องใช้ความบากบั่นอะไรมากมายในการทำอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงยังไงรางวัลอันล้ำค่าสำหรับเหล่าช่างตีเหล็กก็คืออาวุธของเขาแต่ละคนได้กลายเป็นผลิตผลที่ได้รับการจารึกชื่อลงจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
เพื่อที่จะสร้างอาวุธหรือชุดเกราะที่โดดเด่นถึงขนาดนั้นให้ได้ ก็ต้องมีการตั้งเป้าหมายและมีความตั้งใจเพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่!
แต่ถึงกระนั้นจากการเอาแต่สร้างผลงานที่น่าเบื่อหน่ายและซ้ำซากเหล่านั้น
พวกเขาก็ต้องผลักให้ตัวเองไปเสพสุขกับการดื่นสุราบ้างเป็นบางครา
จากลักษณะนิสัยเฉพาะของเผ่าพันธุ์ที่ชอบหาข้ออ้าง เมื่อไรก็ตามที่พวกเขารู้สึกอยากดื่ม
พวกเขาก็จะชอบปลีกตัวเพื่อไปลิ้มลองรสชาติของสุรา เนื่องจากเผ่าพันธุ์คนแคระนั้นชื่นชอบในรสสุรา
เวลาส่วนใหญ่พวกเขาจึงมักจะฝังตัวอยู่แต่ในเมืองหลวง พวกเขาจะยึดทุกๆพื้นที่ภายในเมืองอย่างโรงเหล้า
ย่านการค้า และโรงตีเหล็กที่บริเวณจัตุรัสของเมือง ไอเอิ้น แฮมเมอร์อยู่เสมอ
“คิคิ….รสชาติดีชะมัด”
วีดเองก็ดื่มเหล้าของเขา
ภายในเมืองไอเอิ้น แฮมเมอร์
ช่างตีเหล็กที่อยู่ระดับกลางหรือมากกว่าจะได้รับเหล้าฟรีสองแก้ว
“ในที่สุด วันนี้ก็มาถึงแล้วสินะ”
นี่คือวันที่พวกเขาต้องมอบสมบัติเป็นเครื่องบรรณาการให้กับพวกมังกร!
โชคดีที่จำนวนของประติมากรรมทองและอัญมณีทะลุเป้าที่ได้ตั้งไว้
วีดเองก็มอบประติมากรรมทองที่เปล่งประกายแวววาวซึ่งเขาได้ทำขึ้นมากับมือของเขาเอง
ไอฮานด์ก็ชื่นชมเขาด้วยเช่นกัน
“ถ้ามีผลงานที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้
แม้แต่ไคเบิร์นจอมเข้มงวดก็ต้องหลงรักมันเหมือนกันแหละ”
“จริงหรอครับ?”
“แม้แต่ในสายตาของเราเหล่าคนแคระยังถือว่ายอดเยี่ยมมากจริงๆ”
ไอน์ฮานด์และเหล่าคนแคระออกเดินทางไปเพื่อมอบเครื่องบรรณาการให้กับเหล่ามังกร
ตอนนี้พวกเขาคงจะถึงจุดหมายปลายทางของพวกเขาแล้ว
ณ ถ้ำของเหล่ามังกร
หลังจากที่ทำภารกิจครั้งนี้สำเร็จเสร็จสิ้น
เขาก็จะไปทำภารกิจปรมาจารย์ประติมากรลำดับที่สิบของเขาต่อไป
“เมื่อไรมันจะเสร็จซักทีนะ”
วีดกำลังค่อยๆกินส่วนแบ่งจากถั่วลิสงกับเหล้าสองแก้วที่เขาได้รับมาแบบฟรีๆ
เวลาผ่านมา
52
วันแล้วที่เขาไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากแกะสลักประติมากรรม
โดยธรรมชาติแล้วคนเราคงอยากจะมอบรางวัลให้กับตนเอง
“ฉันอยากจะพักไปจนถึงเวลาเย็นเลย
ทักษะช่างตีเหล็กของฉันก็เพิ่มขึ้นเยอะแล้วด้วย แถมยังได้กำไรมาอื้อซ่าเลยทีเดียว!”
ตอนนี้แม้จะมีเวลาอยู่บ้าง
เขาก็ไม่ออกไปล่าค่าประสบการณ์หรือออกไปลูทของเลยซักนิด
แต่ถึงกระนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้วัสดุแพงหูฉี่พวกนี้สร้างประติมากรรมเลย
แต่ค่าความเชี่ยวชาญการแกะสลักของเขาก็ยังเพิ่มขึ้นมาอยู่ดี
ค่าความเชี่ยวชาญทักษะแกะสลักของเขาตอนนี้อยู่ที่ขั้นสูงเลเวล
8
และอีก61.1%
ขณะที่ทักษะช่างฝีมือของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ทักษะช่างตีเหล็กของเขาก็เพิ่มขึ้นมาอีกขั้นด้วยเช่นกัน
“เหอะ จริงๆแล้วฉันก็เหมือนกรรมกรจริงๆเลยนะเนี่ย
คงจะดีไม่น้อยเลยถ้าในอนาคตมีภารกิจแบบนี้อีก”
เพราะอย่างนี้นี่เองเขาจึงใช้เวลาภายในโรงเหล้านั่งรอหน้าต่างข้อความให้ลอยขึ้นมา
ภารกิจ: มอบสมบัติเป็นเครื่องบรรณาการให้กับเหล่ามังกรสำเร็จแล้ว
|
มังกรไคเบิร์นไม่ได้ยกย่องในความพยายามของเหล่าคนแคระเลย
|
แต่เพราะมีสมบัติที่เหล่าคนแคระส่งไปให้
เหล่ามังกรจึงรู้สึกพอใจก็เลยไม่ได้ลงมือฆ่าเหล่าคนแคระ
|
เหล่ามังกรจอมยโสเพิกเฉยต่อผลงานของประติมากรผู้อุตส่าห์สร้างสรรค์ผลงานศิลป์ขึ้นมา
|
รางวัลภารกิจ:
ท่านจะได้รับจากคนแคระไอน์ฮานด์
|
ค่าชื่อเสียงของท่านในฐานะปะติมากรเพิ่มขึ้นมาเพราะเหล่าคนแคระ
|
แต้มการช่วยเหลือ
เพิ่มขึ้น 61
|
ท่านได้รับฉายา
‘ประติมากรผู้ยิ่งใหญ่ที่เหล่าคนแคระยอมรับ’
|
คนแคระคือเผ่าพันธุ์ที่มีความเคารพเอาใจใส่ในผลงานมากที่สุด
|
นอกจากนี้พวกเขายังไม่ดูถูกประติมากรรมที่ท่านสร้างขึ้นมาด้วย
|
เหล่าคนแคระจะชื่นชมผลงานของท่านมากกว่าคุณค่าทางศิลป์ปกติถึง
6% เมื่อใดก็ตามที่ท่านขายผลงานของท่าน
|
ชื่อเสียงของท่านจะขจรขจายอย่างรวดเร็วท่ามกลางเหล่าคนแคระ
|
ท้ายที่สุด
ภารกิจครั้งนี้ของเขาก็คือความสำเร็จ
ในบางครั้งเมื่อคุณมองดูพวกเขาเหล่าคนแคระ
คุณก็จะเข้าใจว่าเผ่าคนแคระช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าสงสาร!
“ดีจริงๆที่ฉันไม่ได้เลือกเล่นเป็นเผ่าคนแคระ”
ขณะที่พวกเขาได้รับความสามารถในการจัดการกับเหล็กและมีทักษะฝีมือที่ดีอย่างกับเทพมาจุติ
พวกเขาก็ยังใช้ชีวิตไปพร้อมกับการที่ต้องมาแบกรับการกดขี่ข่มเหงจากพวกมังกร
ถึงแม้พวกเขาจะเป็นผู้เล่นรอยัลโร้ด
แถมเลเวลพวกเขาก็ยังไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเมื่อไรที่พวกเขาจะมีกำลังมากพอที่จะล่ามังกรพวกนั้นได้
ถึงแม้เหล่าคนแคระของอาณาจักรธอร์จะสามารถรวมกำลังทั้งหมดของพวกเขาและลองออกล่าพวกมันร่วมกัน
แต่ถ้าหากล้มเหลวลง พวกเขาก็คงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากบทลงโทษของพวกมังกรได้แน่
ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คงจะเป็น
อาณาจักรของพวกเขาย่อยยับพังพินาศในพริบตา
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่พยายามที่จะทำอย่างนั้นและลงข้างพนันไปกับการลงทุนลงแรงตั้งหน้าตั้งตาทำงานหนักต่อไป
“ยังไงซะ
ถึงแม้ว่าภารกิจนี้กินเวลาไปค่อนข้างนาน แต่ตอนนี้มันก็จบลงแล้ว”
วีดกำลังใช้ถ้อยคำยกยอประจบสอพลอสาวคนแคระหน้าตาน่ารักที่ทำงานในโรงเหล้า
“จากถ้อยวาจาที่ชื่นชมของเจ้า
เจ้าช่างเป็นประติมากรรู้จักวิธีดูของสวยๆงามๆจริงๆ”
มีหญิงสาวคนแคระที่มีส่วนสูงน้อยกว่าวีดมากมายกำลังนั่งอยู่ใกล้ๆเขา
“เจ้าอยากได้ถั่วลิสงหน่อยไหมล่ะ?”
“หากคุณผู้หญิงจะกรุณาข้าก็ยินดีรับ”
แค่ให้เบียร์เพียงแก้วเดียวกับวีดก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากแล้ว
***
เหล่าคนแคระที่ออกไปส่งเครื่องบรรณาการกลับมาได้อย่างปลอดภัย
วีดไปเข้าพบไอน์ฮานด์และได้รับฟังผลลัพธ์ของภารกิจ
“ไคเบิร์น….ฟิ้วว มันน่ากลัวชะมัด”
“มันดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอครับ?”
“ก็ไม่เชิง
คำพูดของมันต่างหากที่ทำให้ข้ากลัว ข้าไม่กล้ามองหน้าของมันด้วยซ้ำ น้ำเสียงกระหายเลือดบวกกับรังสีอำมหิตนั่นก็เกินพอที่จะทำหัวใจของข้าหลุดออกจากอกแล้ว!”
เหล่าคนแคระที่ออกไปส่งเครื่องบรรณาการ
ต่างไม่มีกระจิตกระใจ ได้แต่ก้มหน้าตัวงอมองลงพื้น เนื่องจากนี่เป็นธรรมชาติของเผ่าพันธุ์คนแคระ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูเพียงกลุ่มเดียวของพวกมังกรที่อยู่ใกล้ๆ
แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงมุดตัวเข้ารู หลบหนีจากความน่าสะพรึงกลัว
เพราะงั้นพวกเขาถึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
ถึงแม้ปกติแล้วเผ่าพันธุ์คนแคระมีจะลักษณะนิสัยแสดงออกถึงความกล้าหาญ
ทว่าพวกมังกรกลับเป็นข้อยกเว้น ถ้าหากว่าลองย้อนไปดูบันทึกประวัติศาสตร์ของทวีปเวอร์เซล
เหล่าคนแคระไม่เคยสร้างความวุ่นวายใดๆกวนใจพวกมังกรเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานชั่วชีวิตภายในเหมืองถ่าน
หรือว่าขุดๆแล้วก็สร้างเครื่องประดับตกแต่งเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการ
คนแคระคนไหนที่ไม่ยอมเชื่อฟังก็จะกลายเป็นของว่างให้กับพวกมังกร
มันกลายเป็นสัญชาตญาณที่ฝังลงลึกในสายพันธุ์ของพวกเขาแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความกลัวนี้ได้ฝังรากหยั่งลึกเข้าไปในร่างกายและจิตใจของพวกเขาจนหมดสิ้น
“ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าประติมากรรมของข้าจะได้รับการยอมรับอย่างง่ายดายขนาดนี้”
“เจ้าก็เห็นข้านิ
มันไว้ชีวิตข้า เพราะงั้นข้าก็คิดว่ามันโอเคนะ อีกอย่างนั่นก็เป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนักของเจ้า”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ
ข้าก็แค่ทำงานนี้เพื่อเหล่าคนแคระเท่านั้น”
“ข้าขอมอบนี่ให้กับเจ้า
รางวัลจากอาณาจักรของเรา”
ท่านได้รับแร่มิทธิล
15
ชิ้น
|
ท่านได้รับแร่อดาแมนเที่ยมระดับท๊อป
6
ชิ้น
|
ท่านได้รับแร่เหล็กเกรดดี
35
ชิ้น
|
“นี่มันมาก….”
แม้แต่วีดยังรู้สึกประหลาดใจกับรางวัลของเขา
“พวกเราเหล่าคนแคระจะไม่ลืมความช่วยเหลือในครั้งนี้เลย”
แม้ว่าพวกเขาจะถูกข่มเหงโดยพวกมังกร
แต่อาณาจักรธอร์เดิมทีก็ยังเป็นเมืองที่แสนมั่งคั่ง
อีกอย่างเพราะว่าพวกเขามีเหมืองแร่อยู่เป็นจำนวนมาก
เหล่าคนแคระก็แค่ต้องเจียระไนของที่พวกเขาขุดขึ้นมาเท่านั้นเอง
‘ถ้าฉันใช้เจ้าพวกนี้
คงทำอุปกรณ์ป้องกันได้มากมายแน่ๆ’
ตอนนี้วีดสามารถสร้างชุดเกราะให้ดีขึ้นได้แล้ว
นี่จะช่วยให้การออกล่าในเขตที่อันตรายง่ายขึ้นกว่าเดิม
เมื่อเขาเพิ่มค่าพลังป้องกันให้สูงขึ้น
ค่าความว่องไวของเขาก็คงต่ำลง แต่กลับกับถ้าคำนึงถึงน้ำหนักที่เบาขึ้นก็จะช่วยเพิ่มค่าความว่องไวแต่กลับไปลดพลังป้องกันลง
มันจะช่วยให้ค่าพลังชีวิตของเขาไม่ลดลงไปมาก
ถ้าคนเราไม่ต้องมัวแต่ระวังตัวขณะที่ต่อสู้และโจมตีอยู่
มันก็คงจะทำให้การออกล่าเร็วยิ่งขึ้น
‘ทำไมพวกเขาถึงได้เลือกเล่นเป็นเผ่าคนแคระในตอนเริ่มเล่นเกมส์นะ?’
หัวใจของวีดเบาเสียยิ่งกว่าหญ้าแห้งซะอีก
(หมายถึงโล่งใจ)
ครั้งหนึ่งเขาเคยตัดสินใจใช้วัสดุไปมากมายเพื่อสร้าง
โรงหลอมแห่งเฮสเทีย จนสำเร็จ
“ในฐานะคนแคระ
ข้ารู้สึกสนใจในผลงานอันสร้างสรรค์ของเจ้าอย่างมาก ข้าเคยได้ยินเรื่องของเจ้ามามากมาย”
“เรื่องเกี่ยวกับอะไรหรอครับ?”
“ตำนานบอกว่าเจ้าเปลี่ยนเหล็กให้เป็นทองได้”
“เอ่อ
ท่านไอน์ฮานด์ครับ!”
“ใช่แล้ว
สิ่งนี้สำคัญสำหรับพวกเราเหล่าช่างตีเหล็กมาก
ข้าก็ไม่อยากจะพูดเรื่องนี้กับเจ้าหรอกนะ เกี่ยวกับการแกะสลัก ข้ารู้ว่ามีเรื่องราวแปลกๆมากมายเกี่ยวกับมัน
พวกเราเหล่าคนแคระเคยได้เรียนรู้ทักษะหนึ่ง…..ข้าบอกเจ้าได้นะ”
ไอน์ฮานด์ดูเหมือนจะกำลังพูดเกี่ยวกับภารกิจต่อไป
“เคยมีตำนานเกี่ยวกับประติมากรรมที่มีชีวิตขึ้นมา
เรื่องนี้เกี่ยวกับต้นกำเนิดของเหล่าจิตวิญญาณธาตุ ข้าก็ไม่รู้หรอกว่านี่จะนำไปสู่สิ่งใด
นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับจุดสูงสุดของทักษะประติมากรรมหรือว่าทักษะวิชาดาบ
เจ้าอยากได้ยินเรื่องราวมากกว่านี้ไหมล่ะ?”
มันคือเรื่องราวเกี่ยวกับทักษะลับทั้งสามของทักษะประติมากรรม
แน่นอนว่าวีดรู้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับทักษะพวกนั้นเพราะว่าเขาได้รับมันมาแล้ว
“นานมาแล้ว
เหล่าประติมากรรมได้รับชีวิต และข้าเองก็รู้สึกสงสัยมากเกี่ยวกับตำนานอันนี้”
เขาเคยเจอซาฮับและเห็นทักษะดาบประกายแสงของเขามาก่อน
ดังนั้นเขาจึงสามารถไปพบเขาอีกครั้งในภายหลังได้
เขาคงจะอ้าแขนต้อนรับเขาอย่างยินดีสำหรับสิ่งที่เขาได้ทำลงไปเพื่อราชินีเอเวน
พวกจิตวิญญาณธาตุเองก็ได้ถูกสร้างมาเช่นเดียวกับพวกประติมากรรม
จึงไม่มีคำถามข้องใจเขามากนักเพราะว่าพวกมันได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว
“ครั้นเมื่ออดีตกาล
เคยมีจักรวรรดิอาเพ่นที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยพลังของศิลปะ
ในตอนที่สงครามได้ก่อเกิดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขาก็ได้รวมทั้งทวีปเป็นจักรวรรดิอันเกรียงไกรเพียงหนึ่งเดียว….”
นี่ได้นำไปสู่การเล่าเรื่องที่ยืดยาวของไอฮานด์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิอาเพ่น
วีดนั่งก้มหน้าแอบงีบหลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นี่ดูเหมือนอยู่ในคาบเรียน
ที่เขาต้องจำใจนั่งฟังเรื่องราวมากมายภายในห้องเรียน!
เทคนิคแบบนี้เขาใช้ตอนอยู่ในคาบเรียนบ่อยๆตอนที่อยู่มหา’ลัย และตอนนี้เขาก็ได้เอามาใช้กับไอน์ฮานด์
“ดินแดนนั้นมันแห้งแล้ง
พวกมันจึงรับหน้าที่ป้องกันการโจมตีของพวกมอนสเตอร์
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ถูกสร้างขึ้นมาจากการแกะสลัก เจ้าจินตนาการออกไหมล่ะ
จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิอาเพ่นเองก็เป็นประติมากรนะ!”
ไอนฮานด์ตะโกนร้องออกมาดังสนั่นด้วยความตื่นเต้น
วีดเองก็พยายามแกล้งทำท่าประหลาดใจบ้างบางครั้ง
สำหรับคนที่มีอาชีพสายประติมากร
ตำนานอันน่าทึ่งนี้ก็มากพอที่จะปลุกความภาคภูมิใจขึ้นมาได้แล้ว!
“อ๋อ! งั้นหรอครับ?”
วีดตอบกลับไปอย่างเหนื่อยหน่าย
แต่เดิมเขาก็รู้ข้อมูลเกี่ยวกับพวกประติมากรรมสลักชีพอยู่แล้ว
นั่นจึงไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับเขาเลย
มันไม่ต่างกับช่องรายการพิเศษที่ฉายหนังหรือโชว์ตลกเดิมๆซ้ำๆตอนช่วงวันหยุดประจำปี
“จักรวรรดิอาเพ่นอันยิ่งใหญ่มีสิ่งที่คล้ายคลึงกับเหล่าคนแคระมากจริงๆ
เพราะพวกเราเองก็ชื่นชอบในการเป็นศิลปินและช่างฝีมือ
เรายินดีที่ได้อยู่บนจักรวรรดิอันรุ่งโรจน์ที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นมา”
จากนั้นไอน์ฮานด์ก็ค่อยๆพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบาและทุ้มต่ำต่างจากก่อนหน้านี้
“องค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิอาเพ่น!
พระองค์อาจจะเป็นบุคคลที่น่าทึ่งที่สุดบนประวัติศาสตร์ของทวีปด้วยซ้ำ ประติมากรรมของพระองค์ช่างแสนวิเศษ
หากเจ้าต้องการรู้เรื่องราวเกี่ยวพวกประติมากรรมที่มีชีวิตมากขึ้น
ลองไปตามหาไรฮานด์ดูสิ เขาเป็นผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับจักรวรรดิอาเพ่นตลอดชีวิตของเขา
ที่อยู่ปัจจุบันของเขาอยู่ที่ไหนข้าก็ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในเทือกเขาอัลต้าและเทือกเขานอร์น”
ตริ้ง!
เหล่าประติมากรรมของจักรพรรดิอาเพ่น
|
ช่วงเวลาที่เหล่าประติมากรรมของเขาถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ของทวีป
จักรวรรดิอาเพ่นก็ได้ถือกำเกิดขึ้นมา
|
จักรพรรดิเกฮา วอน อาเพ่น
|
หากท่านอยากจะรู้เกี่ยวกับประติมากรรมที่องค์จักรพรรดิสร้างขึ้นบนทวีป
ท่านจงตามหาไรฮานด์ก่อนเป็นอันดับแรก
|
ท่านจะได้รู้เรื่องราวมากยิ่งขึ้น
|
ระดับความยาก:
ภารกิจปรมาจารย์แห่งประติมากรรม
|
ข้อจำกัดการทำภารกิจ:
ทักษะแกะสลักขั้นสูงเลเวล 8 หรือมากกว่า
|
จำเป็นต้องใช้ทักษะซ่อมแซมประติมากรรม
|
จำเป็นต้องใช้ทักษะประติมากรรมรำลึกชาติ
|
ภารกิจลำดับที่
11
ของเขาได้เริ่มขึ้นแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม
ก็มีหน้าต่างข้อความอีกจอเด้งขึ้นมา
ตริ้ง!
-เทคนิคการแกะสลักลับ
ท่านได้เรียนรู้ทักษะลับของจักรพรรดิเกฮา วอนอาเพ่นไปแล้ว
|
ท่านได้รู้เกี่ยวกับเส้นทางการแกะสลักขององค์จักรพรรดิอาเพ่นแล้ว
ท่านสามารถดำเนินภารกิจถัดไปได้โดยไม่จำเป็นต้องทำภารกิจนี้
|
‘เหล่าประติมากรรมของจักรพรรดิอาเพ่น’สำเร็จแล้ว
|
ในฐานะประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน
ท่านทราบทุกอย่างแล้ว
|
ทักษะแกะสลักของจักรพรรดิเกฮา
วอน อาเพ่นได้ตกทอดมาสู่ท่านแล้ว
|
ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น
1,980
หน่วย
|
เพราะได้ทราบเกี่ยวกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์นี้
ค่าเกียรติยศเพิ่มขึ้น 12
หน่วย
|
เนื่องจากความสัมพันธ์ของท่านกับจักรพรรดิเกฮาวอน
อาเพ่น ท่านอาจได้รับการเคารพนับถือจากผู้ที่เคารพองค์จักรพรรดิด้วยเช่นกัน
|
ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น
2
หน่วย
|
----จบตอน-----
ผู้แปล :
Cole’s Myth
Editor : แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล
ช่วงแข่งทำภารกิจ ขอบคุณมากครับ
ตอบลบหุหุ ภาระกิจสำเร็จเฉย ต่อไปก็ ลำดับภาระกิจที่12สินะครับ ขอบคุณครับเป็นกำลังใจให้ครับผม
ตอบลบตามหลังอยู่ดีๆ กดไนตรัสแซงเฉย
ลบขอบคุณครับ ค้างอะ ค่อนข้างค้างระดับนึงเลย
ตอบลบมีทั้งหมดกี่ภารกิจครับ
ตอบลบสู้ๆ ครับ คนแปลอึดมาก
ตอบลบทำเสร็จก่อนแบบชิวๆ เดี้ยวบาร์ดเรย์ก็ช็อคตายแหงๆ
ตอบลบYes!!! 2 ตอน
ตอบลบขอบคุณมากครับ
มีแบบไม่ต้องทำด้วย สบายเลย 2 ภารกิจแล้วผ่านเลยแบบนี้
ตอบลบขออีกครับ...ขออีก...จะลงแดงแร้วววว
ตอบลบออร์ค 175000 คน ที่มาใหม่ มีที่อยู่ดีกินดี
ตอบลบนี่มันโรงงานปั้มทหารชัดๆ ว่าแต่กิลด์เฮอมิสรู้ละยังนะ หึหึ
แหล่มเลย...จบภารกิจทันที
ตอบลบขอบใจหลายๆเด้อออ