เล่ม 25 ตอนที่
4 : เหล่าประติมากรรมที่ซาฮับอยากทิ้งไว้เบื้องหลัง แปลโดย Cole’s
Myth
วีดเดินดูงานประติมากรรมอยู่ในเวิร์คชอปของซาฮับมานานมากแล้ว
“ถ้าหากว่าฉันแอบเอาพวกมันทั้งหมดไปซ่อนไว้ในที่ลับๆได้ล่ะก็…”
แล้วก็เอามันไปเก็บไว้ในศูนย์ศิลปะของโมราต้า
จากนั้นเขาคงจะเพิ่มค่าเข้าชมได้มากขึ้นแน่ๆ
‘หากว่าฉันสร้างห้องแสดงประติมากรรมของซาฮับเป็นพิเศษล่ะก็
ฉันคงจะเก็บเพิ่มซักสิบเท่า แล้วทุกคนก็คงยอมจ่ายมาดูอยู่ดี’
แววตาของวีดลุกโชนไปด้วยกิเลสขณะที่เขามองดูเหล่าประติมากรรมทั้งหลาย
“เจ้าต้องชื่นชอบประติมากรรมมากจริงๆเลยนะเนี่ย”
“แน่นอนครับ
การขายประติมากรรมที่แสนวิเศษพวก…เอ่อ ผมหมายถึง
พวกมันเป็นสมบัติล้ำค่าที่มิอาจประเมินมูลค่าได้เลย”
วีดแอบชำเลืองมองไปทางซาฮับ
‘ขอเพียงแค่มีมอนสเตอร์ซักตัวปรากฏตัวละก็…’
(วีดแกกะจะเก็บเขาเลยหร๊ออ)
ในฐานะประติมากรคนหนึ่ง
ซาฮับคงไม่ใช่คนที่จะอ่อนแอและล้มได้ง่ายๆแน่
จากข่าวลือที่ได้ยินมาจากนางสนองพระโอษฐ์ชรา
เขาเคยจัดการพวกนักฆ่าได้ขณะที่กำลังแกะสลักแสงจันทร์ไปด้วย
นั่นก็คือทักษะใบมีดแกะสลักแสงจันทร์นั่นเอง!
มันยังคงเป็นตัวเลือกแรกสุดที่เขาเอาไว้ใช้ในการต่อสู้
การได้เห็นว่าซาฮับสร้างบ้านขึ้นมายังไง แถมยังอาศัยอยู่ในเขตกราพาสนี่อีก ความแข็งแกร่งของเขาคงจะไม่มีทางจินตนาการถึงแน่
อย่างน้อยที่สุด ความแข็งแกร่งของเขาคงเหนือกว่าพวกอัศวินองครักษ์อย่างแน่นอน
‘ประติมากรรมรูปร่างอิสระ
ต้องถูกแกะขึ้นมาด้วยจินตนาการ ดังนั้นกลวิธีการแกะสลักแบบธรรมดานั้นไม่มีทางทำได้แน่
แต่ถึงยังไงก็ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรอกหากทำด้วยทักษะแกะสลักอย่างนี้’
วีดเป็นมือฉมังเรื่องการแกะสลักประติมากรรมให้มีความสมมาตรและละเอียดลออ
ขณะที่เขาท่องไปทั่วทั้งทวีปเวอร์เซล
เขาจะแกะสลักอะไรก็ตามที่ถูกใจและตรงตามรสนิยมของเขา ดังนั้นเขาจึงเชี่ยวชาญทั้งทักษะแกะสลักและการสังเกตผลงาน
ทว่าประติมากรรมของซาฮับดูยอดเยี่ยมแม้จะเป็นแค่การแสดงออกธรรมดาทั่วไปของรูปสลัก
ประติมากรรม
‘หนุ่มขี้อายที่กำลังสารภาพกับผู้หญิงด้วยคำพูดที่ดูตะกุกตะกัก’ รูปร่างของประติมากรรมดูสมส่วนกำลังพอดี มือเท้าก็ดูธรรมดาทั่วไป
แต่ว่าการแสดงออกทางอารมณ์ที่ดูกังวลแกมมีความสุขนั้นช่างตราตรึงอย่างยิ่งถึงจะมีเพียงแค่การแสดงออกทางอารมณ์และท่าทางของประติมากรรมอย่างเดียว
ประติมากรรม
‘กวางน้อยที่อยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้มองไปรอบตัวราวกับเฝ้ารอใครบางคน’
มันเป็นภาพของกวางน้อยน่ารักที่กำลังเฝ้ารอแม่ของมันอย่างใจจดใจจ่อ
เพียงแค่มองไปที่ประติมากรรมก็สามารถจินตนาการและเข้าถึงความรู้สึกนั้นได้อย่างดีเลยหล่ะ
ด้วยความรู้สึกตราตรึงถึงรัก
ประติมากรคนหนึ่งจึงสามารถแสดงอารมณ์ที่อ่อนโยนให้ถึงจุดสุดยอดได้!
“พวกนี้ดูแพงมากเลยครับ…เอ่อ ข้าหมายถึง ช่างเป็นประติมากรรมที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆครับ”
“เจ้าคิดอย่างนั้นหรือ
งั้นข้าก็รู้สึกดีใจมากจริงๆ หากเจ้าไม่ได้ยุ่งอยู่ งั้นจะช่วยข้าสร้างประติมากรรมของข้าซักหน่อยได้ไหม?”
“ท่านกำลังสร้างประติมากรรมแบบไหนอยู่หรอครับ?”
“มีผลงานสองชิ้นที่ข้าอยากจะทำมานานมากแล้ว
ข้าต้องสร้างมันให้ได้ก่อนที่ข้าจะตาย…ข้าก็แค่ไปจากที่นี่ไม่ได้หากแกะสลักพวกมันไม่เสร็จน่ะ
ด้วยทักษะของเจ้าคงช่วยได้มากพอควรเลยล่ะ แล้วเจ้าอยากจะทำงานร่วมกับข้าดูไหมล่ะ?”
ผู้ช่วยของซาฮับ
|
มีประติมากรรมบางชิ้นที่ซาฮับปรารถนาจะสร้างมานานแสนนาน
|
ช่วยเขาในการสร้างประติมากรรมเหล่านั้นให้เสร็จ!
|
ในฐานะประติมากร
ไม่มีเกียรติใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว
|
ความยาก: ภารกิจเฉพาะอาชีพ
|
ข้อจำกัดของภารกิจ: จำกัดเฉพาะอาชีพประติมากร ต้องเชี่ยวชาญเทคนิคการแกะสลักขั้นสูง
จนกว่าภารกิจนี้จะสำเร็จ ซาฮับไม่สามารถออกไปจากเขตกราพาสได้
|
หากท่านปฏิเสธภารกิจนี้
ท่านจะไม่ได้รับอีกครั้ง
|
ไม่มีเหตุผลอะไรที่วีดจะปฏิเสธภารกิจนี้
มันไม่ใช่ประติมากรรมของเขา ดังนั้นเขาก็ไม่ต้องสนใจว่าจะทำมันเละ!
“ครับ ผมจะทำ”
ท่านยอมรับภารกิจแล้ว
|
“ว่าแต่ประติมากรรมที่ท่านอยากจะสร้างอยู่ไหนหรอครับ?”
ซาฮับเอากระดาษแผ่นหนึ่งที่ห่อบางอย่างไว้ซึ่งถูกเก็บเอาไว้ภายในเวิร์คช็อปของเขาออกมา
มันคือประติมากรรมแก้วสีขาวนวลที่มีรูปร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง!
“ข้ามั่นใจว่ามันคงจะดูเหมือนกันประติมากรรมอื่นๆทั่วไป
แต่ว่าข้ากลับตกใต้มนต์เสน่ห์ความงดงามที่พบได้เฉพาะในประติมากรรมเท่านั้น
ช่วงนี้ข้าอยากจะสร้างประติมากรรมที่แสดงออกถึงเลือดเนื้อและชีวิตด้วยสัดส่วนที่ดีที่สุด
มันคือความใฝ่ฝันของข้าที่อยากจะสร้างหญิงสาวที่มีความงดงามดั่งเทพี”
ในด้านศิลปะ
ผู้หญิงคือธีมที่โดดเด่นมากสำหรับผลงานส่วนใหญ่
“ทว่าการมาอาศัยอยู่ในเขตกราพาสมาเป็นเวลาเนิ่นนาน
มันเลยทำให้ข้าดูเหมือนจะลืมเลือนเกี่ยวกับความงดงามของหญิงสาวไปจนหมดแล้ว ตอนนี้นี่เป็นประติมากรรมที่ยากที่สุดที่ข้าพยายามทำมา
เพราะงั้นข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยข้าสร้างมันได้”
“แล้วผลงานอย่างอื่นหล่ะครับ?”
“ข้าได้เลือกแบบที่จะทำไว้แล้วนะ
แต่ยังไม่เริ่มทำมันเลย ตอนนี้ข้าว่าเราควรทำอันแรกก่อนหลังจากเสร็จแล้ว
ข้าค่อยบอกเจ้าทีหลัง”
ซาฮับจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์จากเวิร์คช็อปของเขาเพื่อเอามาให้วีดใช้
อุปกรณ์ทุกชิ้นเป็นวัสดุระดับพรีเมียม
หากใช้แบบประหยัดก็จะสามารถสร้างประติมากรรมได้ซัก 16 ถึง 17
ชิ้นด้วยซ้ำไป
แม้ว่าแต่เดิมแล้วซาฮับจะขอความช่วยเหลือจากวีด
แต่ความเป็นจริงแล้วซาฮับต่างหากที่เป็นคนคอยช่วยวีดผู้เป็นคนร่างแบบและแกะสลักวัสดุออกมา
แถมนอกจากนั้น
นี่ก็ยังเป็นโอกาสสำคัญที่ซาฮับได้ช่วยในการสร้างสรรค์ประติมากรรมที่ออกแบบโดยวีด
‘ฉันจะแกะอะไรถึงจะทำให้ซาฮับพอใจได้นะ?’
การสร้างประติมากรรมแบบดาษดื่น
รังแต่จะสร้างปัญหาตามมาซะเปล่าๆ มาตรฐานความงดงามของซาฮับนั้นค่อนข้างสูงเพราะว่านั่นคือรักแรกของเขา
ราชินีเอเวนนั่นเอง ขณะที่วีดตกลงสู่ห้วงความคิด
ซาฮับก็หยิบดาบที่ห้อยอยู่บนพนังขึ้นมา
วีดเคยเห็นดาบเล่มนั้นขณะที่เขาเดินดูผลงานประติมากรรม
ไม่มีคุณสมบัติอะไรพิเศษมากมายเลย มันเป็นแค่ดาบธรรมดาๆที่มีค่าการโจมตีปกติ
“ข้าจะออกไปข้างนอกซักครู่นะ”
“ท่านจะออกไปไหนหรือครับ?”
“ออกไปสูดอากาศ
แล้วก็หาวัสดุแกะสลัก จากนั้นก็ไปล่ามอนสเตอร์ซักหน่อย”
วีดแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ!
‘ทีนี้แหละ
ขอแค่เขาโดนฆ่าตาย…’
วีดแทบรอไม่ไหวที่จะมีโอกาสแบบนี้
อีกอย่างเขาก็รู้สึกสงสัยที่จะได้เห็นวิธีการต่อสู้ของซาฮับด้วย
“ข้าขอไปด้วยได้ไหมครับ?”
“ก็ไม่ใช่ว่าอยากจะเร่งทำให้เสร็จเร็วๆหรอกนะ
งั้นเจ้าก็มาได้”
จากนั้นวีดก็รีบตามเขาไปทันทีด้วยความคาดหวังที่จะได้เห็นว่าซาฮับต่อสู้อย่างไร
เพราะว่ามันอาจจะเป็นอันตรายได้ โกลมินิ เจ้าเหลือง และประติมากรรมสลักชีพตัวอื่นๆจึงถูกปล่อยไว้ให้พักที่กระท่อม
‘ถ้าเป็นไปได้
ยิ่งอันตรายยิ่งดี ขอให้มอนสเตอร์ระดับบอสของเขตกราพาสปรากฏตัวออกมาด้วยเถอะ
คงจะดีไม่น้อยเลย…’
*****
ซาฮับเดินผ่านป่าแล้วก็เข้าไปในโพรงที่ถูกซ่อนเอาไว้
มันคือทางเข้าดันเจี้ยนนั่นเอง! มันคือดันเจี้ยนแห่งกราพาสที่แม้แต่วีดก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไป
“จงตามหลังข้ามาให้ดี
อย่าประมาทเชียวล่ะ”
ดันเจี้ยน
ท่านได้เข้าสู่ถิ่นที่อยู่ของเหล่าคาราแจ๊ค
|
“เฮี๊ยกกก!”
วีดร้องเสียงหลงออกมาอย่างกับออร์คคาริชวิ
คาราแจ๊คคือมอนสเตอร์ที่มีเขายาวเรียวอย่างกับนกกระจอกเทศ
มันเป็นมอนสเตอร์ที่สามารถฆ่าคุณได้ก่อนที่คุณจะมีโอกาสได้หัวเราะเยาะรูปร่างตลกๆของมันด้วยซ้ำ!
มันมีค่าพลังการโจมตีที่แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อที่ผนวกเข้ากับความเป็นปฏิปักษ์ที่มีต่อสายพันธุ์มนุษย์
การเคลื่อนที่ที่รวดเร็วดั่งสายฟ้า และยังมีความสามารถในการเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ในเสี้ยววินาที
คาราแจ๊คมักจะเคลื่อนไหวรวมกันเป็นฝูง
ดังนั้นจึงไม่มีกิลด์ไหนที่คิดจะล่ามอนสเตอร์พวกนี้มาก่อน
ก็มีการออกล่าที่สำเร็จอยู่บ้างในบางครั้งเช่นพวกที่แยกตัวออกจากฝูงซัก
1-2
ตัว ทว่าความบังเอิญเช่นนั้นหาได้ยากมาก
ไม่มีใครเคยค้นพบดันเจี้ยนที่พวกคาราแจ๊คปรากฏตัวออกมา
ดังนั้นชื่อของมันถึงได้ถูกลืมเลือนหายไป
‘ดูท่าแล้วนี่คงเป็นรังของพวกคาราแจ๊ค
คงไม่เจอแค่ 3 ถึง 4 ตัวแน่ๆ ไม่ๆ
คงจะแย่กว่านั้นแน่’
เมื่อดูจากชื่อของดันเจี้ยน
ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าจะต้องมีคาราแจ๊คอาศัยอยู่มากมายมหาศาลแน่นอน หนูคาราแจ๊ค
คาราแจ๊คโตเต็มวัย คุณแม่คาราแจ๊ค คุณพ่อคาราแจ๊ค คุณลุงคาราแจ๊ค คุณตาคาราแจ๊ค เพื่อนบ้านคาราแจ๊ค
แล้วก็คาราแจ๊คชนิดอื่นๆต่างๆนานา! และ บัดนี้ มนุษย์น่าโง่สองหน่อก็พึ่งจะจัดส่งอาหารจานด่วนมาให้ครอบครัวคาราแจ๊ค!
วีดไม่รู้ว่าเขาควรจะสุขหรือเศร้าดี
สถานการณ์เช่นนี้มันดูคลุมเครือมากจนเกินไป
จากนั้นไม่นานนัก
ในระยะที่ไกลออกไปก็มีคาราแจ๊คกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นแล้วก็พุ่งเข้าใส่พวกเขาในชั่วอึดใจ
“ทักษะใบมีดแกะสลัก!”
ทว่าทันทีที่ซาฮับสะบัดดาบของเขาฟันเข้าใส่พวกมัน
พวกมันก็ตายอย่างง่ายดาย ดูราวกับว่าพวกคาราแจ๊คเดินผ่านเขาไปอย่างไงอย่างงั้น
แต่ไม่รู้ว่าด้วยวิธีใดพวกมันก็สลายหายไปภายในแสงสีเทา
กรี๊ซซซซซซซ!
เมื่อพวกคาราแจ๊คต้องเจอกับสถานการณ์เช่นนั้น
พวกมันก็ร้องเรียกฝูง จากนั้นก็มีพวกมันอีกหลายฝูงเพิ่มมากขึ้น
ซาฮับเหวี่ยงดาบที่ปกคลุมด้วยแสงอันเปล่งปลั่งสดใสออกไป จากนั้นพวกมันก็ล้มตายไปง่ายๆราวกับหุ่นไล่กา
ซาฮับกำลังฆ่าพวกคาราแจ๊คที่รวดเร็วปานสายฟ้าได้หยั่งกับปอกกล้วยเข้าปาก
‘รึว่าพวกมอนสเตอร์นั่นจะอ่อนแอกว่าที่ฉันคิดนะ?
ก็นะ ฉันไม่เคยสู้กับพวกคาราแจ๊คมาก่อนซะด้วยสิ ว่าก็ว่าเถอะ
ข้อมูลที่อยู่บนบอร์ดข้อความใช่ว่าจะถูกหมดเสมอไปนี่เนาะ’
วีดรู้สึกสงสัยและเดินออกไปสองสามก้าวห่างจากซาฮับ
ป๊าบ ป๊าบ
ป๊าบ!
เขาโดนพวกคาราแจ๊คเตะใส่เข้าอย่างจัง
พวกมันวิ่งมากระหน่ำทุบหัวของเขาด้วยเช่นกัน (ให้คิดซะว่าโดนนกคาซโซวารี่เตะ
นกที่อันตรายที่สุดในโลก)
ท่านได้รับการโจมตีคริติคอล
|
ลมหายใจของท่านติดขัด
|
เพียงแค่ไม่กี่วินาทีค่าพลังชีวิตของเขาก็ลดลงไปตั้ง
20%
ถ้าเขายังคงโดนยำด้วยพลังป้องกันที่ต่ำต้อยแบบนี้ต่อไป คงได้ตายในอีกไม่นานแน่
หลังจากที่เขาโดนกระหน่ำใส่จนหนำใจแล้วเขาก็กลับไปอยู่ข้างๆซาฮับ
ดาบของซาฮับยังคงไล่ฆ่าพวกคาราแจ๊คต่อไปอย่างไร้ความปราณี
‘ทักษะดาบของเขาช่างน่าทึ่งพอๆกับทักษะแกะสลักของเขาเลย’
เหตุการณ์เมื่อตอนที่โดนนักฆ่าโจมตีนั้นคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่
‘แข็งแกร่งขนาดนี้…’
วีดกำลังเฝ้ารอขอกินเศษเล็กเศษน้อยในบางครั้งเมื่อมีโอกาส
ทว่าความเร็วในการออกล่าของซาฮับนั้นรวดเร็วมากจนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าไปแทรก
ขณะที่ซาฮับไล่ฆ่าพวกคาราแจ๊ค เขาก็หยิบพวกเครื่องหนังหายาก เนื้อและอัญมณี
ด้วยการติดตามเขามาออกล่าเช่นนี้
จึงทำให้วีดตัดสินใจได้
‘ฉันต้องสนิทกับเขาให้มากกว่านี้ซะแล้ว’
*****
หลังจากที่กลับมาจากการสังเกตการณ์การออกล่า
วีดก็หยิบมีดแกะสลักของเขาขึ้นมา
“สัดส่วนรูปร่างของสตรีที่ครอบครองความงดงามอันบริสุทธิ์งั้นหรอ...”
มันคือธีมทางศิลป์ที่เหล่าศิลปินทั้งยุคโบราณจนถึงยุคใหม่ต้องเหงื่อตกเพื่อที่จะทุ่มเทสร้างมันออกมาให้ดีที่สุด
แถมยังมีการถกเถียงเรื่องนี้อย่างดุเดือด ทั้งๆที่หาข้อสรุปของนิยามนี้ไม่ได้เลย
ถึงแม้ว่ามันจะนิยามถึงคนๆหนึ่ง
แต่การจะใช้หลักตัดสินถึงความงดงามแบบสตรีที่ต้องร่วงโรยไปตามกาลเวลาก็ยังยากเกินไป
หากจะให้กล่าวถึงสตรีผู้งดงามทุกอณูก็มิอาจเป็นไปได้เลย มีการนิยามอ้างอิงที่แตกต่างมากมายไม่จบไม่สิ้นจากผู้คนมากหน้าหลายตา
แล้วเขาจะแสดงสัดส่วนหน้าตาของสตรีผู้ครอบครองความงดงามอันบริสุทธิ์เช่นนั้นได้ยังไงล่ะ?
แต่ถึงกระนั้นก็มีรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของวีด
“ยังมีซอยูนอยู่นี่นา”
เมื่อมองจากรูปลักษณ์ภายนอก
ก็ไม่มีใครดูสมบูรณ์แบบไปมากกว่าเธอแล้ว หลายครั้งหลายคราที่เขาใช้รูปลักษณ์ของเธอเป็นแบบเพื่อพัฒนาทักษะแกะสลักของเขา
ความผสมกลมกลืนของซอยูน ทั้งตา จมูก
ริมฝีปากและผิวพรรณนั้นก็มากพอที่จะทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวเมื่อตอนที่เขาแกะสลักรูปร่างของเธอ!
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ประติมากรรมของเธอ
มันก็ยังคงความงดงามเอาไว้จนเขาอยากจะจับตามองเอาอยู่อย่างนั้นตลอดไป
คนอื่นๆที่เคยพบเจอเธอมาแล้ว คงแทบไม่อยากจะเชื่อจนคิดว่าพวกเขาอยู่ในฝันหรือเปล่า
และไม่อาจละสายตาออกไปจากเธอไปได้เลย
เขาไม่เคยแกะสลักประติมากรรมรูปซอยูนผิดพลาดมาก่อน
คงพูดได้ว่าเธอคือแบบศิลป์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
“ใช่แล้ว
เอาอย่างนี้ละกัน”
นี่คือความมั่นใจอันเปี่ยมล้นที่หลั่งไหลออกมาในฐานะประติมากร!
‘ถ้าลองคิดถึงมาตรฐานของซาฮับแล้ว
ธีมกับท่าทางของประติมากรรมต้องสำคัญมากจริงๆ’
ถ้าเขาใช้แบบจากสิ่งอื่นทั่วๆไป
ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไรให้เขาปวดหัวแล้ว
“เอาละ
มาติดเครื่องเริ่มแกะสลักกันได้แล้ว...”
ด้วยการใช้วัสดุอุปกรณ์ของซาฮับ
เขาจึงได้เริ่มแกะสลักประติมากรรม
ทั้งคาราแจ๊ค
ทั้งเคลค้อก
พวกมันคือผลงานแกะสลักรูปมอนสเตอร์ที่เขาพบในเขตกราพาส
ในตอนนี้
เขาสร้างประติมากรรมตามกลวิธีของซาฮับที่ไม่ได้สร้างประติมากรรมเพียงชิ้นเดียวโดดๆ
แต่กลับสร้างพร้อมกันทีละหลายๆชิ้น
เริ่มแรกเขาแกะสลักเด็กผู้ชายที่โดนห้อมล้อมไปด้วยพวกเคลค้อกและคาราแจ๊ค
ฉากที่สุดแสนอันตรายถูกสื่อออกมาราวกับเทพนิยาย ภายในฉากนั้น เด็กชายไม่ได้แสดงความหวาดกลัวใดๆออกมาเลยขณะที่ยื่นมือออกไปแตะที่ตัวพวกมอนสเตอร์
แล้วเขาก็ได้สร้างผลงานระดับไฟน์พีชออกมา
ชื่อว่า ‘อาหารว่างของเหล่าคาราแจ๊คและเคลค้อก’
นี่เป็นเพียงแค่การซ้อมมือเพียงเท่านั้น
หลังจากนั้นวีดก็ตัดสินใจเริ่มสร้างประติมากรรมตามภารกิจของซาฮับ
“จะดีกว่าไหมที่เจ้าจะผ่อนมือลงซักนิดหน่อย?
แล้วข้าก็จะให้เวลากับเจ้าเพียงพอที่จะจินตนาการถึงธีมที่จะแกะสลัก ข้าว่าเจ้าสามารถเริ่มทำได้หลังจากใช้เวลาคิดซัก
1 ถึง 2 เดือน”
“ไม่เป็นไรครับ
ข้าจะเริ่มเดี๋ยวนี้เลย”
จากนั้นเขาก็เริ่มสร้างประติมากรรมร่วมกันกับซาฮับ
“ปลายแขนจะต้องลื่นไหลแบบนี้...เส้นข้อต่อก็ดูยากเกินไป งั้นข้าจะทำส่วนนี้ละกัน”
ขณะที่วีดกำลังออกแบบโครงร่างของประติมากรรมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เขาก็แนะแนวการสร้างให้กับซาฮับราวกับผู้เชี่ยวชาญไปด้วย
ความงดงามของสตรีมิใช่ความงามเพียงภายนอกเท่านั้น
ความดึงดูดเย้ายวนคือสิ่งที่มีค่ามากกว่าและทำให้ดูตราตรึงยิ่งขึ้นไปอีก
วีดคือคนที่เปิดเผยมนต์เสน่ห์ที่อยู่ในตัวของซอยูน
แม้ว่าเขามิอาจหักห้ามใจไว้ได้แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิดว่านั่นคือสิ่งที่งดงาม
หลายวันมานี้เขาอยู่กับซอยูนอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงมีหลายครั้งที่เขาคิดว่าเธอก็สวยอยู่เหมือนกัน
ทว่าขณะที่เขาเดินวกไปวนมาพลางตัดแต่งรูปลักษณ์ประติมากรรม
ก็ยิ่งทำให้เธองดงามมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“เธอสวยขึ้นแล้วแหะ”
เขารู้สึกว่าเขาสามารถเข้าใจได้แล้วว่าทำไมปรมาจารย์ดารอนถึงได้เอาแต่แกะสลักรูปผู้หญิงเพียงอย่างเดียว
ณ บัดนี้
ขณะที่เขาแกะสลักซอยูน อารมณ์ต่างๆนานาก็ปรากฏขึ้นบนผลงาน
เขาอยากจะสลักจิตวิญญาณและสีหน้าท่าทางที่แสนล้ำค่าของซอยูนออกมาให้ถึงที่สุด
เขาคิดว่าเขาพบความสนุกจากการที่สามารถแกะสลักคนแล้วในตอนนี้
‘แต่ว่าตอนนี้
ทำภารกิจให้เสร็จดีกว่า...’
ช่างน่าเศร้าที่การพบปะกับซาฮับไม่สามารถถ่ายทอดทางสื่อได้
กิลด์เฮอร์มีสคงได้สร้างปัญหาปวดหัวให้เขาแน่ถ้าได้ชมการถ่ายทอดนั้นแล้วก็คงมาไล่ล่าเขาอีก
แต่ที่สำคัญกว่าสิ่งนั้นก็คือ การแกะสลัก ที่เป็นตัวทำเงินของเขาต่างหากละ
เขาจำเป็นต้องปกป้องความลับนี้เอาไว้
และแน่นอนอยู่แล้วที่เขาเองก็ไม่ต้องการถ่ายทอดประติมากรรมของซอยูนออกสื่อซักเท่าไรด้วย
ชีวิตทุกชีวิตล้วนมีค่า!
“โอ้โห
สตรีผู้งดงามนางนี้..นี่แหละคือความงามดั่งเทพีที่แท้จริง!”
ด้วยผลงานที่ออกมานั้น
ได้ทำให้ซาฮับรู้สึกลุ่มหลงความงดงามที่มิอาจจินตนาการได้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ประติมากรรมรูปซอยูนถูกสลักออกมาด้วยชุดที่ดูสง่าผ่าเผย
สิ่งทั้งหมดที่ถูกถ่ายทอดออกมานั้นล้วนเป็นความรู้สึกส่วนตัวของเขาที่มีต่อเธอทั้งนั้น
‘ซอยูนดูดีจริงๆตอนที่เธอสวมชุดเดรสแบบนั้น’
หากเธอสวมใส่เสื้อผ้าที่ต่างออกไป
ความงดงามของเธอก็มิอาจบดบังได้อยู่ดี ถึงแม้เธอจะสวมใส่ชุดเกราะอันแสนสกปรกโสโครกก็มิอาจบิดเบือนเอาไว้ได้
แต่ถ้าหากเธอได้สวมใส่ชุดอันแสนวิจิตรงดงามที่ไม่ว่าใครหากได้สวมใส่แล้วดูงดงามไม่น้อย
มันก็จะกลายเป็นอาภรที่เชิดชูความงดงามเธอจนถึงที่สุด
ด้วยการใช้ทักษะพื้นๆอย่างทักษะเย็บปัก
วีดก็สามารถสรรสร้างชุดเดรสอันแสนเลิศหรู
ผนวกกับทักษะการแกะสลักอันยอดเยี่ยมของซาฮับเข้าไปด้วยแล้ว ยิ่งทำให้การแกะสลักรอยโบกพลิ้วของเนื้อผ้าดูสมจริงมากยิ่งขึ้นไปอีก!
เธอถูกสลักออกมาให้เหยียบย่างอยู่บนฐานสูง
ย่างก้าวของเธอตรงดิ่งไปข้างหน้าราวกับกำลังไปไหนซักที่ที่ไกลออกไป แววตาก็ฉายแสงแห่งความอบอุ่นออกมา!
มันคือประติมากรรมที่สร้างออกมาจากจินตนาการอันที่ไร้ที่สิ้นสุดจากชายผู้คอยป้วนเปี้ยนเฝ้ามองอยู่รอบๆ
แต่ถึงกระนั้นวีดก็รู้ถึงความลับที่ถูกซ่อนเอาไว้เบื้องหลัง
‘มันคือประติมากรรมที่แสดงออกถึงความสับสนงุนงง
ตอนที่เธอกำลังพยายามทำอาหารเช้า ตอนที่พวกเขาไปเที่ยวด้วยกันต่างหากล่ะ’
มันคือความหมายที่มีเพียงแค่ผู้สรรสร้างเท่านั้นที่รู้
“มาตั้งชื่อให้มันดีกว่า
งั้นชื่อ’ประติมากรรมที่ถ่ายทอดความงดงาม’ละกัน”
ซาฮับและวีดได้ผสานความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาและตั้งชื่อให้ประติมากรรมออกมาว่า
ผลงานระดับแมคนัม! ‘ประติมากรรมที่ถ่ายถอดความงดงาม’สำเร็จแล้ว
|
ด้วยความร่วมมือระหว่างประติมากรผู้ยิ่งใหญ่นามว่า
วีดและซาฮับผู้ที่นั่งอยู่บนจุดสูงสุดของอาชีพนักแกะสลัก
|
พวกเขาได้สร้างผลงานเพื่อถ่ายทอดถึงความงดงามของสตรี
|
เมื่อเทียบกับค่าชื่อเสียงของพวกเขาแล้ว
ผลงานที่ยอดเยี่ยมชิ้นนี้ก็มากพอแล้วที่จะเอาไปเทียบทานผลงานด้านสุนทรียศาสตร์ชิ้นอื่นๆบนทวีปเวอร์เซล
|
คุณค่าทางศิลปะ: 16,290
|
คุณสมบัติพิเศษ: ใครก็ตามที่ได้เห็น ‘ประติมากรรมที่ถ่ายทอดความงดงาม’
จะได้รับอัตราการฟื้นฟูค่าพลังชีวิตและมานาเพิ่มขึ้น 40% เป็นเวลาหนึ่งวัน
|
ค่าสถานะทุกอย่างเพิ่มขึ้น
35
หน่วย
|
ค่าความต้านทานเวทย์มนต์เพิ่มขึ้น
37%
|
ขีดพลังชีวิตเพิ่มขึ้นสูงสุด
14%
|
ค่าความฉลาด
สติปัญญาและเสน่ห์เพิ่มขึ้น 15 หน่วย
|
ขวัญกำลังใจของทหารเพิ่มขึ้น
|
มอบค่าความเชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นให้กับทักษะการชื่นชมงานศิลป์ของอาชีพสายนักผจญภัย
|
ในอาชีพสายประติมากร
จิตรกร นักเต้น และนักปราชญ์ ค่าเสน่ห์เพิ่มขึ้น 14 หน่วยเป็นการถาวร
|
อัตราการเกิดของเมืองที่อยู่ใกล้เคียงกับประติมากรรมเพิ่มขึ้น
80%
|
ประติมากรรมชิ้นนี้ได้รับการอวยพรจากเทพีเฟรย่าที่ได้พรรณนาถ่ายทอดถึงรูปร่างของความงดงามออกมา
|
เอฟเฟคจะไม่ทับซ้อนกับประติมากรรมชิ้นอื่นๆ
|
จำนวนประติมากรรมระดับแมคนัมจนถึงบัดเดี๋ยวนี้: 10
|
ค่าความเชี่ยวชาญทักษะแกะสลักเพิ่มขึ้น
|
ค่าความเชี่ยวชาญทักษะหัตถกรรมเพิ่มขึ้น
|
ระดับของทักษะความเข้าใจในตัวประติมากรรมเพิ่มขึ้น
1
เลเวล
|
ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น
968
หน่วย
|
ค่าสถานะทางศิลป์เพิ่มขึ้น
48
หน่วย
|
ค่าความฉลาดเพิ่มขึ้น
12
หน่วย
|
ค่าทางสติปัญญาเพิ่มขึ้น
6
หน่วย
|
เสน่ห์เพิ่มขึ้น
25
หน่วย
|
เทพีเฟรย่าได้มอบพรแด่ประติมากรรมที่ได้ถ่ายทอดรูปร่างของความงดงาม
|
เหล่าพาลาดินและนักบวชแห่งวิหารเทพีเฟรย่าจะได้รับค่าความแข็งแกร่งพิเศษและค่าความกล้าหาญเมื่อพวกเขาเห็นประติมากรรมชิ้นนี้
|
ด้วยการสร้างประติมากรรมที่หวนรำลึกถึงเทพีเฟรย่า
ค่าความศรัทธาเพิ่มขึ้น 19
หน่วย
|
จากการสรรสร้างประติมากรรมระดับแมคนัมขึ้นมา
ค่าสถานะทุกอย่างเพิ่มขึ้น 3 หน่วย
|
ความสำเร็จของวีดในครั้งนี้ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ
ทว่าประติมากรรมชิ้นนี้จะไม่มีทางสำเร็จได้เลยหากไร้ซึ่งความช่วยเหลือจากซาฮับ หากไม่นับประติมากรรม
‘ดวงประทีปที่ทิ้งไว้โดยประติมากร’ ของเขาที่สร้างขึ้นมาจากฮีเลียม
นี่คงจะถือว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขา
ขณะที่ค่าสถานะต่างๆมากมายเพิ่มขึ้นมาอย่างเหลือล้น
กลับไม่มีค่าสถานะไหนเลยที่เกี่ยวข้องกับด้านการต่อสู้
ค่าความแข็งแกร่งและความว่องไวเองก็แทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลย
ค่าความฉลาดและสติปัญญายังเพิ่มขึ้นมาเยอะกว่าซะอีก วีดเข้าใจความรู้สึกของเหล่านักดาบเลยว่าการได้ค่าความฉลาดกับค่าสติปัญญานี้ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลย
ได้แต่เพียงสะสมไว้เอาไว้ใช้ตอนสร้างประติมากรรมเท่านั้นเอง
จนถึงบัดนี้
ภารกิจผู้ช่วยของซาฮับได้มาถึงครึ่งทางแล้ว
“เจ้ามีทักษะที่ช่างน่ายกย่องนัก
ข้าไม่นึกมาก่อนว่าเจ้าจะสามารถทำได้ดีถึงขนาดนี้.. ประติมากรรมอีกชิ้นที่ข้าอยากจะแกะก็คืออะไรที่เป็นสิ่งที่แทนตัวข้าเอง”
ประติมากรรมอีกชิ้นที่ซาฮับอยากจะทิ้งเอาไว้เบื้องหลังก็คือ
ตัวแทนของเขานั่นเอง
“ซักวัน
เมื่อกาลเวลาผ่านพ้นไปเนิ่นนาน
เขตนี้หรือแม้แต่ทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลจะไม่ลืมเลือนมัน ข้าจึงอยากจะทิ้งหลักฐานการมีตัวตนของข้าเอาไว้ในรูปแบบของประติมากรรม
ทักษะของเจ้ายอดเยี่ยมมากพอที่จะสรรสร้างประติมากรรมของตัวข้า”
ณ บัดนี้วีดต้องแกะสลักตัวของซาฮับเองแล้ว
‘คงจะไม่ยากเท่าไรหรอกมั้ง’
จากการแกะสลักประติมากรรมของซอยูน
เขาได้เพิ่มพูนระดับความพอใจของซาฮับจนถึงขีดสุด และจากการที่ได้สังเกตชีวิตการเป็นอยู่ของซาฮับและประสบพบเจอมา
ประติมากรรมคือทุกสิ่งทุกอย่างของเขา! นี่คงไม่ต่างอะไรกับการแย่งอมยิ้มมาจากเด็ก
แถมยังหน้าด้านแย่งหมากฝรั่ง และเงินค่าขนมของพวกเขามาอีก
และยังมีหน้าไปดื่มนมต่อหน้าพวกเขาอีก
ซาฮับอยากให้มีประติมากรรมรูปร่างของเขาให้มีความแตกต่างกันถึง
7
แบบ
“ชีวิตของข้ามิอาจนิยามขึ้นมาได้ด้วยประติมากรรมเพียงชิ้นเดียว
จากที่ข้าคิดไว้ ว่าจำเป็นต้องมีประติมากรรมที่มีหลากหลายอิริยาบถ”
ซาฮับได้จัดท่าทางของเขาเพื่อสร้างประติมากรรมออกมา
ขณะที่เขาต้องสร้างประติมากรรมหลากหลายรูปแบบนั้น
วีดก็ไม่สามารถบ่นอะไรได้มากนักในเมื่อต้องแกะสลักไปตามที่สั่งมา
อิริยาบถแรกก็คือตอนที่ซาฮับกำลังแกะสลักประติมากรรมอยู่! นั่นมันก็ค่อนข้างชัดเจนดีอยู่แล้วที่ประติมากรคนหนึ่งปรารถนาที่จะทิ้งฉากของวิชาชีพหลักของตนออกมาไว้เบื้องหลัง
“ฉันควรจะสร้างออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
นี่ก็เพื่อรางวัลหลังจากที่ฉันทำภารกิจสำเร็จแล้ว”
เนื่องจากนายแบบการแกะสลักเป็นตาเฒ่า
มือไม้ก็เหี่ยวย่นไปหมด
แกร็ก
แกร๊ก
ไม่จำเป็นจะต้องลงรายละเอียดมากมายในประติมากรรมมากนัก
‘นี่มันไม่ใช่ผลงานศิลปะ
ที่สำคัญกว่าก็คือคนต้องรักมันตั้งแต่แรกเห็นต่างหากหล่ะ’
การเติมแต่งสีสันบนหน้าของซาฮับเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มันดูเหมือนกับการให้เขาไปแต่งหน้ามาก็ไม่ปาน ริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ถูกปรับแต่งมากมาย
ทรงผมอันกระเซอะกระเซิงก็ถูกปรับแก้ให้ดูเป็นธรรมชาติ
“ทักษะของเจ้านี่ไม่เลวเลยจริงๆ”
“ข้าเพียงแค่อยากจะแสดงรูปลักษณ์ของแบบสลักอันยอดเยี่ยมที่อยู่ตรงหน้าของข้าออกมาให้ดีที่สุดก็เท่านั้นเอง”
“งั้นข้าจะให้เจ้าแสดงฝีมือแกะสลักประติมากรรมชิ้นอื่นด้วยก็แล้วกัน”
ผลงานชิ้นต่อไป
เขาต้องแกะสลักซาฮับที่กำลังเดินเล่นอยู่ในป่า
ไม่มีอะไรยุ่งยากมากนักเกี่ยวกับผลงานชิ้นนี้ แต่ก็ใช้เวลาไปสองสามวันอยู่พอสมควรกับการเก็บงานเกี่ยวกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
ซาฮับเมื่อยามพลบค่ำเขามักจะออกไปล่าภายในดันเจี้ยนในพื้นที่ใกล้ๆ
“ต่อไป
ประติมากรรมอีกชิ้นที่เจ้าต้องแกะสลักก็คือการต่อสู้ของข้า
ฉะนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะจับตาดูข้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนนะ”
“ข้าเข้าใจแล้วครับ”
เนื่องจากมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าไปใกล้ซาฮับระหว่างที่เขาต่อสู้
วีดจึงต้องตามเขาไปห่างๆและคอยสังเกตการณ์ การมองก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการเรียนรู้
วีดสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ถึงความแข็งแกร่งที่มิอาจทัดเทียมของซาฮับเมื่อตอนที่เขาจับดาบ
“ใบมีดแกะสลักแสงจันทร์!”
วีดใช้ลูกเล่นของเขาล่าเฉพาะพวกมอนสเตอร์ที่อ่อนแรงแล้วเท่านั้น
ด้วยความวางใจว่าซาฮับจะสามารถกำจัดพวกมอนสเตอร์ที่กำลังรุมพวกเขาอยู่
เขาจึงใช้โอกาสนั้นสำรวจทั่วๆดันเจี้ยนด้วยตัวเองไปด้วย
*****
‘อาจจะทางนี้ละมั้ง’
ซอยูนกำลังออกตามหาวีดในเขตกราพาส
เธอตะลอนไปทั่วเพียงลำพังและโจมตีมอนสเตอร์ตัวไหนก็ตามที่เข้ามาโจมตีเธอ
‘ฉันจะต้องหาเขาเจอที่นี่ให้ได้’
แม้ว่าจะอยู่ที่หนึ่งในสิบเขตต้องห้าม
ซอยูนก็ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
เพราะปกติเธอก็มักจะต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับสูงเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว
เธอเพียงแค่ต้องซ่อนตัวจากมอนสเตอร์กลุ่มใหญ่เท่านั้นเอง ทว่าเวลาส่วนมากที่เธอใช้ไปกลับเพียงเพื่อตามหาวีดให้พบเท่านั้น
เธอเข้าไปลึกถึงส่วนข้างในของป่าใหญ่ภายในเขตกราพาสพลางต่อสู้ไปตลอดทาง
ความหวังที่จะได้เจอวีดช่วยพลักดันให้เธอลืมเลือนความยากลำบากทั้งหมดและฉุดตัวเองมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ!
ภายใต้ราตรีที่มีแสงจันทร์สาดส่อง
ก็มีเสียงคำรามของมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งดังกึกก้องมาแต่ไกล
“โฮกกกกกกก
กรรรรร”
นั่นก็คือดราก้อนเฟียร์นั่นเอง!
เงาดำทะมึนขนาดมหึมาจากฟากฟ้า
ทอดกายภายใต้แสงจันทร์ลงมาก็คือเจ้าปิงหลงนั่นเอง! มันกำลังออกล่ากับพวกเหล่าประติมากรรมสลักชีพมีบินได้ตนอื่นๆ
“ปิงหลง...”
ซอยูนเปล่งเสียงเรียกออกมาทว่าเจ้าปิงหลงบินอยู่สูงมากเกินไป
มันจึงบินผ่านเธอไป มวลต้นไม้ซ่อนเธอหลุดพ้นจากสายตาของเจ้าปิงหลง
ช่างเป็นโอกาสที่สูญเปล่าที่ปล่อยให้หลุดมือไป!
จากนั้นเธอก็หยิบหินขึ้นมาแล้วก็ขว้างออกไป
“เคี๊ยกกก!
ใครมันกล้า!”
ทันทีที่ก้อนหินหลุดออกจากมือของซอยูนพุ่งไปด้วยความเร็วสูงกระแทกใส่หัวของเจ้าปิงหลงอย่างจัง
ทว่าปฏิกิริยาตอบกลับนั้นคือความเกรี้ยวกราด
เจ้าปิงหลงหันตัวกลับและเหลียวมองไปที่พื้นดิน
จากนั้นมันก็พบกับซอยูน
“เพื่อนของนายท่านนิ...”
เขาจำเธอได้ตอนที่มันเคยออกเดินทางร่วมกับซอยูน
“ท่านมาที่นี่เพื่อพบนายท่านหรือ?”
ซอยูนพยักหน้าตอบรับ
“งั้นกระโดดขึ้นมาเลยครับ
ข้าจะพาท่านไปหาเขาเอง”
ปิงหลงบินร่อนลงไปที่พื้น
มันกระแทกเข้ากับต้นไม้จนล้มระเนระนาดระหว่างทางลง มันพยายามก้มหัวลงและดูแลเธออย่างเต็มที่เพื่อให้เธอกระโดดขึ้นมาได้
แล้วซอยุนก็เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า
“เจ้าช่วยเรียกไวทรีแทนได้ไหม
ได้โปรด?” (สงสารไวทรี>.<)
*****
“กร๊าวว กร๊ากกก!”
ด้วยการขี่อยู่บนเจ้าไวทรีจอมพยศ
ซอยูนก็มาถึงกระท่อมของซาฮับได้ในที่สุด
“ลมอะไรหอบเธอมาถึงนี่หรอ?”
การที่ได้พบเธอภายในเขตกราพาสอย่างนี้
วีดรู้สึกประหลาดใจมากจริงๆ
ใบหน้าของซอยูนแดงระเรื่อเพราะว่าเธอไม่สามารถดึงใจตัวเองให้พูดออกไปได้ว่าเธออยากจะเจอเขา
หรือว่าอยากอยู่เคียงข้างเขา ครั้งแรกตั้งแต่ที่เธอพูดได้
เธอไม่เคยพูดหรือว่าสบตาใครเลย
วีดได้แต่เพียงพยักหน้าเท่านั้น
“เอ่ออออ
ก็ดีล่ะนะที่เธอมาแล้ว ดีจริงๆที่ได้เจอเธอในสถานการณ์แบบนี้”
วีดต้อนรับเธออย่างเต็มใจ
แต่ก็เก็บซ่อนความข้องใจของเขาเอาไว้!
‘ตลอดทางมาที่นี่
เธอคิดว่าฉันกำลังหาสมบัติในเขตกราพาสนี่อยู่รึเปล่านะ? อย่างน้อยเธอก็คงมีความละอายใจอยู่บ้างล่ะนะ
ดูจากหน้าแดงๆนั่นแล้วน่ะ’
ซอยูนมาถึงในตอนที่เขากำลังมีช่วงเวลาดีๆกับซาฮับอยู่
ทว่าการปรากฏตัวของเธอกลับไม่ใช่การรบกวนอะไรมากมายเลย
“สตรีผู้มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับเทพีแห่งความงดงามนี่นา”
ซาฮับได้แสดงถึงความประทับใจที่มีต่อเธอ
อาชีพสายประติมากร จิตรกร ล้วนแล้วเป็นศิลปินที่ชื่นชมหญิงสาวผู้สวยสดงดงาม ดังนั้นจึงทำให้ซอยูนสนิทสนมกับซาฮับได้อย่างง่ายดาย
“ก่อนที่ข้าจะตาย
ได้โปรดขอให้ข้าได้แกะสลักรูปของเจ้าได้ไหม เจ้าจะอนุญาตให้ข้าได้แกะสลักตัวเจ้าไหม?”
ซาฮับขอร้องให้ซอยูนมาเป็นนางแบบให้ในการแกะสลักประติมากรรมของเขา
ภารกิจ!
รางวัลที่ได้ไม่ทราบแน่ชัด
ทว่ามันคือคำขอร้องจากปรมาจารย์ประติมากร มันต้องเป็นอะไรที่ดีมากแน่ๆ แต่ว่าซอยูนกลับส่ายหัวและปฏิเสธเสียงแข็ง
“ฉันทำไม่ได้ค่ะ”
“ข้าจะให้อัญมณีหรือว่าประติมากรรมชิ้นใดก็ตามที่เจ้าปรารถนาเลยนะ”
“ก็ข้าไม่อยากจะทำนิค่ะ”
ซอยูนปฏิเสธภารกิจจนถึงที่สุด
สำหรับเธอแล้ว
มันคือประเด็นที่ค่อนข้างทิ่มแทงใจวีดเพราะว่าเขามักจะใช้เธอเป็นแบบอยู่เสมอ
“เอ่ออ
จริงๆแล้ว ฉันทำประติมากรรมรูปของเธออยู่ที่นี่ด้วยนะ...”
วีดได้สารภาพว่าเขาใช้เธอเป็นแบบในการแกะสลักประติมากรรม
ประติมากรรมของเธอนั้นได้ถูกเก็บเอาไว้อยู่ในห้องทำงานของซาฮับ
เพราะหลังจากนั้นเธอคงจะเจอมันเข้าอยู่ดี
มันคงง่ายกว่าที่จะยอมบอกความจริงเธอไปตอนนี้แทนที่จะถูกจับได้คาหนังคาเขา
“ขอบคุณนะ”
“เอ๋?”
“ที่แกะสลักรูปฉันน่ะ”
“…”
วีดเคยคิดว่าผู้หญิงเป็นเพศที่เข้าใจได้ยาก
ย่าของเขาเคยบอกว่าแกไม่อยากกินเนื้อทอดหรือว่าหมูเปรี้ยวหวาน
เพราะว่ามันเป็นอาหารที่น้ำมันเยิ้ม ตอนที่เขาหาเงินมาได้มากมายแล้วก็พาแกไปกินข้าวเย็นที่เป็นของโปรดของแก
แต่แกก็ไม่ยอมสั่งเนื้อทอดแถมยังแสดงท่าทีผิดหวังอีก!
ส่วนน้องสาวของเขา
ตอนที่เธอไปทำผมเธอก็แสดงท่าทีไม่พอใจอย่างเวอร์กับการที่ช่างทำผมตัดแต่งผมเธอไม่สวย
เขาพยายามที่จะปลอบเธอด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจเธอไม่ให้สนใจว่าพวกเขาทำผมของเธอออกมาแย่ขนาดไหน
หลังจากนั้น เธอก็ขังตัวเองอยูในห้องและยังไม่ยอมมากินข้าวเย็นอีกด้วย
“อย่ายอมเชื่อในคำพูดของผู้หญิงเด็ดขาด”
ณ บัดนี้ทริปออกล่าของซาฮับได้รวมซอยูนเข้าไปด้วย
หลังจากที่กลับมาจากเขตลาส ฟาลังคซ์ วีดเพิ่มเลเวลและแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
เขาต้องประสบพบเจอกับการต่อสู้มากมาย ทว่าตอนนี้ซอยูนเองก็แข็งแกร่งมากขึ้นเช่นกันเมื่อเทียบกับตอนที่อยู่ในเขตลาส
ฟาลังคซ์ แม้มันจะยังทัดเทียมกับซาฮับไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับการต่อสู้กับคาราแจ๊คที่วีดต่อสู้ด้วยอย่างยากลำบาก
ซอยูนคงจะกำจัดพวกมันได้อย่างง่ายดาย
---------------------------------------------------------------------------------------------
ประติมากรรมชิ้นที่สองของซาฮับ
ในฉากที่เขาเดินเล่นอยู่ในผืนป่าได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
“หลายครั้งที่ข้ารู้สึกเพลิดเพลินกับการออกสำรวจ
ได้ไปสำรวจยังดินแดนที่ไม่มีอยู่ในแผนที่
เจ้าเคยไปยังดินแดนที่ไม่มีผู้ย่างกรายแล้วหรือยังล่ะ?”
เขากำลังแกะสลักซาฮับที่กำลังออกสำรวจดันเจี้ยนอยู่
“เมื่อใดก็ตามที่เจ้าได้เพลิดเพลินกับวิถีชีวิตอันสันโดษ
เจ้าก็จะได้มัวเมาไปกับการได้สรรสร้างบางสิ่งที่ไร้ขอบเขต
ไร้ซึ่งพรมแดนอันหาที่สุดมิได้”
ประติมากรรมของซาฮับผู้ตกสู่ห้วงความคิดสำเร็จแล้ว
“การต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์เองก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตข้า”
ซาฮับคือชายแก่หัวหงอกแต่ก็เอิบอิ่มไปด้วยพลังงานอันหนักอึ้ง
แถมทักษะการต่อสู้อันโดดเด่นอีก
วีดแกะสลักซาฮับที่กำลังประจันหน้ากับพวกมอนสเตอร์อยู่
เขาแกะสลักเสร็จไปแล้วห้าชิ้น ตอนนี้เหลืออีกแค่สองชิ้นเท่านั้น
“อีกชิ้นหนึ่ง…ข้าอยากจะให้มีซักชิ้นที่เป็นประติมากรรมที่บอกถึงช่วงวันเวลาที่ผ่านมาเนินนานแล้ว
แม้แต่กับเจ้าเองงานนี้ก็คงไม่ง่ายแน่…มันจะต้องมีโชคชะตากำหนดให้เจ้ารู้ถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งก่อน
จนเจ้าได้มาเจอข้าที่นี่”
ประติมากรรมที่ซาฮับต้องการก็คือฉากของเขาที่กำลังยืนหยัดต่อสู้กับพวกนักฆ่าที่พยายามจะลอบปลงพระชนม์ราชินีเอเวน
สำหรับซาฮับแล้วมันต้องเป็นความทรงจำที่มิอาจลืมเลือนแน่ๆในตอนที่ราชินีเอเวนย้ายเข้าวัง
พร้อมกับคำมั่นสัญญาของเขาที่จะสร้างประติมากรรมที่งดงามที่สุดในโลกเพื่อเธอ
“ผมจะพยายามครับ”
วีดเคยมีโอกาสได้เข้าไปในปราสาทของราชอาณาจักรโรเซนไฮม์
ดังนั้นจึงเคยแกะสลักปราสาทขนาดย่อส่วนมาก่อน
มันไม่ใช่งานที่ต้องใช้ฝีมือที่ประณีตมากนัก แต่เขาก็ยังลงทุนลงแรงสร้างมันขึ้นมา ภารกิจของซาฮับไม่ใช่อะไรที่จะทำได้ครึ่งๆกลางๆ
“ทำให้พวกนักฆ่าดูเป็นพวกวายร้าย..ฉันอาจจะใช้แบบจากพวกศิษย์พี่มาแกะก็ได้นิ
แกะออกมาเป็นตอนที่พวกศิษย์พี่แสดงท่าทีตอนที่มีผู้ชายหน้าไหนก็ตามจับมือกับหญิงสาวสวยๆ”
แกร๊ก
แกร๊ก
“ความชั่วร้ายของพวกนักฆ่าจะต้องแสดงออกมาให้ดีมากๆ
ถึงจะเป็นการวายร้ายโฉดชั่วเลวทรามที่แท้จริง”
ส่วนพวกอัศวินในปราสาทก็ไม่จำเป็นเท่าไร
เพราะงั้นเขาจึงแกะสลักให้พวกเขานอนเล่นอยู่เฉยๆ
วีดเคยเห็นราชินีเอเวนในวิดีโอที่ฉายออกมาตอนฉากความทรงจำในอดีตกาล
แต่ว่านอกจากนั้นเขาก็ใช้เวลาไปสังเกตดูรูปพระฉายาลักษณ์ของราชินีที่ปราสาทโรเซนไฮม์ด้วยเช่นกัน
ในตอนที่เขาเดินไปตามทางตอนนั้น มันก็เป็นแค่รูปวาดอีกอันที่เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรมาก
แต่เพราะว่านี่มันเกี่ยวข้องกับซาฮับ เขาจึงร่างภาพคร่าวๆเอาไว้และก็ได้กลายมาเป็นตัวช่วยใหญ่หลวงในตอนนี้จริงๆ
‘งดงามและทรงเกียรติ..แต่ก็ต้องมีเสน่ห์ด้วย
ก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่ามันจะเหมาะสมสำหรับการเป็นราชินีหรือเปล่า
แต่ก็ควรจะทำให้มันออกมาดูดีเข้าไว้ดีกว่า’
จากนั้นก็ถึงเวลาของการแกะสลักซาฮับ
“ใบมีดแกะสลักแสงจันทร์!”
ด้วยการใช้ทักษะประติมากรรมแสงจันทร์
วีดจึงสามารถแกะซาฮับวัยหนุ่มออกมาได้ สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่ได้ตราตรึงสายตาเหล่าราชวงศ์มากนัก
ทว่าซาฮับก็ได้กำราบเหล่านักฆ่าและใช้ทักษะแกะสลักแสงจันทร์ด้วยดาบของเขา
นั่นคือการออกแบบที่ดีที่สุดอย่างไรข้อกังขา!
“ค่อนข้างโรแมนติกอยู่เหมือนกันนะเนี่ย”
วีดแอบมองไปที่ซอยูน
ในยามเมื่อเธอไร้ครอบครัวคอยเกื้อหนุน หากโดนคุกคามจากเหล่านักฆ่าแล้ว...
‘ฉันจะไม่เสียเวลาไปฆ่าพวกมันให้หมดหรอก!’
(เกือบจะโรแมนติกละเชียววีด)
ในตอนที่ประติมากรรมเกือบจะแกะจนเสร็จแล้ว
ซาฮับผู้ที่กำลังจับตาดูเขาก็ขับร้องบทเพลงขึ้นมา
ข้าอยู่นี่แล้ว
|
ทว่าเมื่อใดที่ข้าจากไป
|
ดวงใจข้าก็จักอยู่กับเจ้าเสมอ
|
ข้าจะสลักประติมากรรมอันแสนงดงามเหมือนดั่งคำมั่นสัญญาเมื่อวัยเยาว์
|
แต่จะให้ข้าทำอย่างไรล่ะ?
|
เมื่อเจ้างดงามกว่าผลงานทุกชิ้นที่ข้าสลักได้
|
ข้ามิอาจลืมเลือนช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกับเจ้า
|
ข้าอยากจะทิ้งหัวใจของข้าเอาไว้ที่นี่ดั่งเช่นประติมากรรม
|
เช่นนั้นข้าจักใส่ดวงใจเอาไว้ภายใต้แสงจันทรา
และสลักมันเอาไว้ตราบนิรันดร
|
เพราะว่าบทเพลงดังก้องกังวานจนน่าขนลุก
เหล่าประติมากรรมก็เริ่มขยับตัว
|
ประติมากรรมของซาฮับ
ราชินีเฮเวน เหล่าอัศวินและเหล่านักฆ่าเริ่มเคลื่อนไหวดูราวกับมีชีวิต
เมื่อใดที่หนุ่มซาฮับฟาดฟันดาบของเขา แสงจันทร์จากดาบของเขาก็เคลื่อนคล้อยไปตาม
พุ่งลงฟาดดาบใส่ศัตรูและรวมตัวอยู่ในการร่ายรำอันแสนโชติช่วง
|
ประติมากรรมระดับไฟน์สำเร็จแล้ว
ระดับของทักษะแกะสลักแสงจันทร์เพิ่มขึ้น
ทักษะตอนนี้คือขั้นกลางเลเวล 3 บรรดาประติมากรรมที่สร้างจากแสงจะให้เอฟเฟคที่มากยิ่งขึ้น
|
ทักษะใบมีดแกะสลักแสงจันทร์เพิ่มขึ้น
1
เลเวล
|
ทักษะใบมีดแกะสลักแสงจันทร์เพิ่มขึ้น
1
เลเวล
|
ทักษะความเชี่ยวชาญทางดาบเพิ่มขึ้น
|
ท่านได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภารกิจ
‘ติดตามสมบัติของซาฮับ’
|
บทเพลงอันจับใจของซาฮับยังให้ความรู้สึกอันแสนวิเศษด้วย
แต่แล้วในที่สุด ภารกิจต่อเนื่องที่ต้องร่วมงานกับเขามาตั้งแต่เริ่มก็ใกล้ถึงเวลาที่ต้องชดใช้แล้ว
‘แค่ต้องไปหานางสนองพระโอษฐ์แล้วก็ร้องเพลงให้นางฟัง’
แล้วก็ทำประติมากรรมชิ้นสุดท้ายตามที่ซาฮับต้องการ
ซาฮับเงียบกริบราวกับกำลังรำลึกถึงอดีตอยู่
วีดไม่รู้ว่าเขาคิดถึงราชินีเอเวนหรือว่าคิดถึงความวัยเยาว์ที่ร่วงโรยไป
“งั้นประติมากรรมสุดท้ายที่เหลือ..”
วีดคาดการณ์ไว้ว่าประติมากรรมชิ้นสุดท้ายนี้ต้องไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาๆแน่
‘ถ้างั้น
ฉันทำประติมากรรมแบบไหนก็ได้หรอ’
เขาก็แค่ต้องทำประติมากรรมที่ซาฮับอธิบายมาเท่านั้น
“สิ่งที่ข้าเชี่ยวชาญก็คือการแกะสลักและทักษะดาบ”
ในฐานะประติมากร
ซาฮับถือว่าเป็นคนที่พิเศษมากเพราะเขามีทักษะดาบอันยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน
“หลังจากที่ข้าจากเอเวนมา
และมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ ข้าจำเป็นต้องใช้วิชาดาบมากพอๆกับทักษะแกะสลักของข้า วิชาดาบจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญเทียบเท่ากับทักษะแกะสลักของข้า”
ซาฮับต้องต่อสู้เพื่อปกป้องชีวิตของเขาจากพวกมอนสเตอร์
“วิชาดาบของเจ้ายังดูไม่ค่อยแข็งแกร่งซักเท่าไร”
“ยังคงขาดอีกหลายอย่าง”
ทักษะดาบของวีดตอนนี้อยู่ที่ขั้นกลางเลเวล
9
ทักษะการโจมตีไม่ได้ทำให้ความเชี่ยวชาญของวิชาดาบเพิ่มขึ้นมากนัก
ทักษะการโจมตีมักจะกินค่ามานาเป็นจำนวนมาก ในตอนที่วีดออกล่าเพียงลำพัง เขาก็พยายามใช้ทักษะให้น้อยที่สุด
แต่ถึงกระนั้น ค่าความเชี่ยวชาญของเขาก็ยังคงขึ้นช้ากว่าพวกอาชีพสายนักดาบหรืออัศวินอยู่ดี
การเปลี่ยนคลาสครั้งที่ 1
และครั้งที่ 2 ของอาชีพนักดาบ
พวกเขาสามารถปลุกศักยภาพของวิชาดาบขึ้นมาได้
ความแข็งแกร่งจากการโจมตีทางดาบจะเพิ่มขึ้น
ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเพิ่มค่าความเชี่ยวชาญของทักษะได้สบายๆ
แม้ว่าจะมีค่าสถานะมากมายมหาศาลที่อุตส่าห์สะสมมา
เขาก็ยังต้องใช้ความแข็งแกร่งในการโจมตีมาเติมเต็มอยู่ดี แต่ว่าเมื่อเทียบกับสายอาชีพที่ใช้ดาบจนเชี่ยวชาญแล้ว
ทักษะของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นรวดเร็วมากนัก
เขาขัดเกลาทักษะดาบของเขาอยู่เสมอ
แต่ความจริงที่ว่าทักษะนี้ยังค้างอยู่ที่ขั้นกลางเลเวล 9
มาตลอด
“หากเจ้าแกะสลักท่าทางของข้าไว้
เจ้าอาจจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง”
จบตอน
ผู้แปล:
Cole’s Myth
Editor: แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล
ขอบคุณครับ สนุกๆมากๆเลยตอนนี้
ตอบลบขอบคุณขอรับ
ตอบลบอ้าว...ซอยูนถึงก่อนแหะ ตอนนี้ซาฮับจะพัฒนาทักษะดาบให้วีด โบนัสหลายต่อจริงๆ
ตอบลบถือว่าเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้เยอะจริงๆสำหรับช่วงเวลานี้ อ่านแล้วลุ้นตาม
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบซาฮับจะสอบเพลงดาบให้วีด ผ่านประติมากรรม!!
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบสอนดาบ แล้วอย่าลืมสอนร้องเพลงน่ะ
ตอบลบอัพเวลแล้วไปโชว่าเทพครับ
ตอบลบขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไปรัวๆ รถไฟจะชนกันตอนไหน5555
ตอบลบซอยูนหน้าฮัก
ตอบลบได้ทักษะดาบเพิ่มคราวนี้...
ตอบลบขอบใจหลายๆเด้อออ
ซอยูรคือนางเอก แล้วพระเอกคือใครหว่า 555
ตอบลบ