เล่ม
23 ตอนที่ 7: บทเพลงของเดธไนท์ แปลโดย แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล
มาเล่เป็นคนที่ร่าเริงเกินเหตุและพูดจาพร่ำเพ้อไปเรื่อยไม่หยุดไม่หย่อน
“ต้องมาเกลือกกลิ้งกับพวกอันเดดแบบนี้
แถมยังต้องออกล่าด้วยกันอีก...อี๋ เหม็นชะมัด! แต่ถ้าผมเล่าประสบการณ์การในครั้งนี้ที่ร้านเหล้านะ
ผมจะได้รับความนิยมมากแน่นอนเลย คุณเคยไปปราสาทแวนโนซ่ามั้ย?” (Vannosa castle)
แม้กระนั้นวีดก็ไม่ได้พูดหรือตอบอะไรสักอย่างกลับไปหาเขา
เขาพูดเก่งมาก แม้จะพูดอยู่คนเดียวก็ตาม
“ในปราสาทแวนโนซ่า มีร้านอาหารอร่อยๆมากมายอยู่เต็มไปหมด
ถ้าคุณวีดลองไปที่นั่นสักครั้งนะ คุณจะต้องติดใจแน่นอน ยังไงซะ
มันก็ไม่มีอะไรสำคัญนักหรอก แต่ผมเจอหญิงสาวคนหนึ่ง
เธอชื่อเซเดรี่ยนและพวกเราก็ได้สนิทสนมกัน... เธอบอกข้อมูลดีๆให้ผมฟังตั้งเยอะเลย.
แต่โชคร้าย ค่าเหล้าที่นั่นขึ้นราคา ผมเลยไม่มีโอกาสได้กลับไปที่แห่งนั้นอีกแล้ว
”
มาเล่ไม่หยุดเล่าเรื่องราวตามสถานที่ต่างๆ
ที่เขาเดินทางพเนจรไปทั่วทั้งทวีป
วีดคิดว่ามันเป็นข้อมูลที่สำคัญมาก
เขาพยายามจดจำข้อมูลเหล่านั้น แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้
เมื่อคำพูดของมาเล่ออกมาจากปากของเขานั้น ราวกับน้ำท่วมทุ่ง
“เพราะสงครามที่เกิดขึ้นในขณะนี้
ทำให้ทางตอนกลางของทวีปตกอยู่ในความโกลาหล แม้กระทั่งการแข่งขันกันในหมู่จินตกวี
ก็ยังดุเดือดเลือดพล่าน, พวกเขาคอยสอดส่องเหตุการณ์ในสงครามและพยายามแต่งเพลงเกี่ยวกับพวกมันขึ้นมา.
แต่ผมไม่เหมือนคนพวกนั้น, สงครามนั่นช่างน่าเบื่อ
ผมชอบการออกไปผจญภัยมากกว่า การได้เป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยอันเร้าใจในทางเหนือ,
มันจะสนุกสักแค่ไหนน้า?”
ดูท่าว่าเขาไม่ควรปล่อยให้มาเล่พูดอยู่คนเดียว,
เขาจึงตอบด้วยความสุภาพ
“ใช่ อืม อือๆ”
“ผมมั่นใจว่าต้องมีคนอิจฉามากมาย
ถ้าผมเล่าเรื่องราวหลังจากนี้ การผจญภัยกับคุณวีด แล้วก็เควสที่เกี่ยวข้องกับกองทัพอมตะ
มันต้องดังเป็นพลุแตกแน่นอน”
“ใช่ อืม อือๆ”
ผู้เล่นเนโครแมนเซอร์รายงานการออกอากาศผ่านทางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ทและอัพโหลดวิดีโอเรื่องราวเหล่านี้ลงในโลกออนไลน์จนกลายเป็นหัวข้อสนทนาสุดร้อนแรง
ไม่นานนัก ก็เกิดเป็นกระแสทอล์คอ๊อฟเดอะทาวน์ดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง
ความจริงแล้ว
ถ้าข่าวการออกล่าร่วมกันเป็นปาร์ตี้ของมาเล่และวีดถูกเปิดเผย
มันจะกลายเป็นสถานการณ์ที่ใหญ่โตมาก
ไม่ใช่ทุกคนที่เล่นรอยัลโร้ดแล้วจะรู้จักมาเล่,
แต่เขาก็เป็นหนึ่งในผู้คนที่มีชื่อปรากฏออกมาอยู่บ่อยๆ
บทเพลงที่ขับขานโดยมาเล่,
คอลเล็คชั่นการแสดงของเขาและเรื่องราวการผจญภัยต่างๆนาๆ ได้ถูกนำมารวบรวมและอัพโหลดเป็นคลิปวิดีโอลงสู่โลกออนไลน์
จนได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
มาเล่ จินตกวี ผู้ที่ออกทางเดินร่อนเร่พเนจรอย่างอิสระ
เขาผ่านคุณสมบัติในการอัพโหลดวิดีโอของเขาลงในหอเกียรติยศของรอยัลโร้ด
และเป็นบุคคลที่ได้รับการจ้างวานอยู่บ่อยๆจากทางสถานีออกอากาศ
“โอ้ คุณชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอ?”
“ใช่ อืม อือๆ”
“อะไรคือลักษณะพิเศษของเดธไนท์หรอ?”
“ใช่ อืม อือๆ”
“วิหารเอมบินยูปรากฏตัวออกมาอยู่บ่อยๆและกำลังสร้างความหายนะ
คุณรู้เรื่องนี้มั้ย?”
“ใช่ อืม อือๆ”
“การล่าราชันย์ไฮดราต้องสนุกมากๆแน่เลย
ใช่มั้ย?”
“ใช่ อืม อือๆ”
การโต้ตอบกลับไปหาเขา
เริ่มน่าเบื่อมากขึ้นหลังจากผ่านไปสิบครั้ง
ถึงแม้ว่าวีดจะไม่ได้สนใจในตอนที่เขาตอบคำถามของมาเล่
มาเล่ก็ยังหัวเราะราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลกและพูดต่อไป
ชายผู้ไร้เดียงสา มองโลกในแง่บวก
แถมยังกระตือรือร้นสุดๆ มาเล่ สแตนด์บาร์ด
การฟังมาเล่พูดคุยอยู่คนเดียว,
วีดได้นำหน่วยอันเดดของเขามุ่งหน้าไปหามอนสเตอร์
ทั้งสองออกล่าด้วยกันในหุบเขา
นับเป็นครั้งแรกที่ได้ต่อสู้ร่วมกันกับมาเล่
วีดพยายามฝืนใจดูวิดีโอของผู้เล่นที่เกี่ยวข้องกับสายต่อสู้แต่เขาไม่เคยเห็นฉากการต่อสู้ของมาเล่เลยสักครั้ง
วีดถามเขาก่อนเป็นอันดับแรก
“คุณจะต่อสู้ยังไงเหรอ?”
“ดูเหมือนว่าคุณจะมีประสบการณ์ในการนำทัพอันเดดมากกว่าผมนะ
อีกอย่าง เดธไนท์ยังมีความสามารถด้านการเป็นผู้นำที่โดดเด่น
ดังนั้นผมจะส่งมอบสิทธิ์ในการออกคำสั่งอันเดดของผมให้กับคุณ”
“แล้วคุณมาเล่ล่ะ?”
“ผมจะบรรเลงเพลงในฐานะจินตกวี”
- ท่านได้รับสิทธิ์ในการออกคำสั่งอันเดดของมาเล่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไม่มีอันเดดระดับสูงในกองทัพของมาเล่มากนัก
ไม่มีทั้งอันเดดชั้นยอดหรืออันเดดองครักษ์,
แต่จำนวนของพวกมันนั้นอย่างน้อยก็มีสักประมาณ 200 ตนเห็นจะได้
เมื่อเปรียบเทียบกับบรรดาผู้เล่นเนโครแมนเซอร์คนอื่นๆที่เข้ามายังหุบเขาแห่งนี้,
นี่ถือได้ว่าอยู่ในด้านที่ค่อนข้างต่ำมากๆ
“ไปกันเถอะ!”
ขณะที่วีดแผ่รังสีแห่งความชั่วร้ายออกมา
เขาบุกเข้าไปพร้อมกับกองทัพของเขา โครงกระดูก เดธไนท์และดูลาฮาน
ทันใดนั้นเพลงก็เริ่มบรรเลงขึ้นมาจากทางด้านหลัง
เสียงของไวโอลินทั้งหนักแน่นและดูสูงส่ง
- ท่านกำลังฟังบทเพลงแห่งความตาย
Ø ในขณะที่ได้ฟังบทเพลง
ความสามารถในการฟื้นฟูทั้งหมด เพิ่มขึ้น +43%
Ø ความสามารถทางกายภาพ เพิ่มขึ้น +21%
Ø เมื่อท่านรอดจากการต่อสู้อย่างเฉียดฉิว,
ท่านจะได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มเติมอีก 7%
และค่าชื่อเสียง
Ø ขวัญและกำลังใจของเหล่าอันเดด
เพิ่มขึ้น
Ø ความสามารถด้านการเป็นผู้นำของท่าน
เพิ่มขึ้น
Ø หากบทเพลงหยุดลง
ขวัญและกำลังใจจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดและเอฟเฟ็คทั้งหมดที่ได้รับจะหายไป
- เนื่องด้วยความสนใจอันลึกซึ้งในศิลปะของท่าน, ขณะที่ท่านกำลังดื่มด่ำไปกับเสียงเพลง
ท่านจะได้รับเอฟเฟ็คที่เป็นประโยชน์ เพิ่มเติมอีก 25%
ขณะที่มาเล่กำลังสีไวโอลินราวกับใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมืออะไรสักอย่างจนเชี่ยวชาญ
ก็ปรากฏเป็นลำแสงสีทองผ่องอำไพ
เหมือนตอนที่พวกขุนนางหรือชนชั้นสูงกำลังร่ายเวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์ออกมา
มาเล่กำลังสีไวโอลินอย่างเมามัน
การเคลื่อนไหวระยิบระยับของลูกธนูผสมผสานเข้ากับบทเพลงชวนให้หลงใหลก่อเกิดความเร่าร้อนภายในจิตใจ!
การแสดงของมาเล่เกินกว่าคำว่ายอดเยี่ยมเสียอีก
ทั้งมหัศจรรย์และน่าชื่นชม หลั่งไหลออกมาสู่ผู้ฟัง
เขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าชื่อเสียงของเขาในฐานะจินตกวีที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ไม่ใช่แค่ความคิดเห็นของสาธารณชนในฐานะผู้เล่นอันโด่งดัง
อาจจะโชคร้ายสักหน่อยที่คนฟังดันเป็นวีดไปได้ซะนี่
ไม่ว่าจะไปที่ไหนการแสดงของมาเล่นั้นเหนือชั้นเกินคำบรรยายและผู้คนต่างก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมากและยกย่องการแสดงของเขา
แต่กระนั้นมันกลับเป็นเรื่องน่าเศร้าไปในทันที
เมื่อวีดไม่ใช่คนธรรมดาสามัญแบบคนทั่วไป
‘มันหนวกหูมากเลย’
มันเป็นอคติที่แย่มากๆ
การได้ฟังการแสดงดีๆอะไรสักอย่าง แล้วทำให้คนผู้นั้นเคลิบเคลิ้มจนเผลอหลับไป
“กี๊!”
“ฆ่าไอ้เสียงหนวกหูน่ารำคาญนั่นก่อนเลย!”
ไม่ได้มีแต่วีดคนเดียวที่คิดแบบนั้น
พวกมอนสเตอร์ก็วิ่งกรูกันเข้ามาทันทีที่ตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยิน
มอนสเตอร์ทุกตัวที่อยู่ในบริเวณนั้นหันมาเล็งเป้าไปที่มาเล่
นอกเหนือจากการแสดงที่ให้ผลเอฟเฟ็คต่อฝ่ายพันธมิตร
ดูเหมือนว่ามันจะส่งผลร้ายแรงสร้างความขุ่นเคืองให้กับพวกมอนสเตอร์
ดวงตาของวีดเบิกโพลง
“เจ้าพวกโครงกระดูกทั้งหลาย
เตรียมการโจมตีระยะไกล เดธไนท์และดูลาฮานให้แยกออกเป็นสองแถว ห้ามถอย!”
เดธไนท์และดูลาฮานตั้งแถวประจันหน้าเข้ากับมอนสเตอร์
“โจมตี! ห้ามถอย,
บุกเข้าไป!”
วีดปฏิบัติต่ออันเดดราวกับพวกมันเป็นเพียงแค่ของใช้แล้วทิ้ง
เขาจึงผลักดันพวกมันให้ต่อสู้โดยไม่มีการถอยร่นกลับไปตั้งหลักแม้แต่ก้าวเดียว
“ไม่ว่าพวกมอนสเตอร์จะบุกเข้ามาเยอะสักแค่ไหน
พวกแกก็ห้ามถอย จงสู้ จนกว่าชีวิตจะหาไม่!”
วีดต่อสู้อยู่ในแนวหน้า
เขาไม่ได้นำทัพออกไปต่อสู้แบบบ้าบิ่นเท่านั้น
แต่ยังคงต้านทานการโจมตีของศัตรูและรุกคืบไปด้านหน้า
จากทางด้านหลังของดูลาฮานและเดธไนท์,
พวกนักธนูโครงกระดูกทำการเขวี้ยงกระดูกและยิงธนูเพื่อสร้างความเสียหายให้แก่เหล่ามอนสเตอร์
พลังทำลายล้างบดขยี้ฝูงมอนสเตอร์!
ไม่มีความจำเป็นต้องไล่ตามพวกมัน
ด้วยการต่อสู้ระยะประชิด พวกโครงกระดูกที่มีความสามารถจำกัด จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความแม่นยำ
- ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน
เลเวลของเดธไนท์เพิ่มขึ้น
ตราบเท่าที่อันเดดยังคงมีชีวิตอยู่รอดในการต่อสู้ที่โหดยิ่งๆขึ้นไปได้นานเท่าไหร่
พวกมันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
“เข้าไปให้ลึกกว่านี้เถอะ”
วีดกับมาเล่เข้าไปในใจกลางหุบเขาที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์
ค่ำคืนแห่งความตาย
เสียงเพลงของมาเร่ดังขจรไปไกล, มอนสเตอร์จำนวนมากก็กระโจนออกมาจากต้นไม้หรือกระโดดโจมตีจากด้านบนของก้อนหิน
ชัยชนะที่ได้มาอย่างยากลำบาก
ทำให้เหลืออันเดดที่ยังสามารถต่อสู้ได้เพียงครึ่งเดียว
แต่หลังจากประสบความสำเร็จได้รับชัยชนะในการต่อสู้
ข่าวคราวเรื่องราวความกล้าหาญของพวกเขาก็กระจายแบบปากต่อปากในหมู่กองทัพอมตะ
ทำให้เขามีอันเดดเป็นลูกสมุนภายใต้การปกครองมากยิ่งขึ้น
__________________________________________________________________
ค่าประสบการณ์,
ไอเท็มและการโจมตีไร้ซึ่งความปราณี!
นี่คือวิธีการนำทัพอันเดดในแบบฉบับของวีด
ดูเหมือนว่าการจับคู่กับจินตกวีก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น
‘ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ
การมีจินตกวีในปาร์ตี้ออกล่า
กลับให้ความรู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีประสิทธิภาพสักเท่าไหร่’
ปกติแล้วการออกสำรวจดันเจี้ยน
ปาร์ตี้จะประกอบไปด้วยจำนวนคน 5-6
คนโดยประมาณพร้อมกับหน้าที่ที่แต่ละคนได้รับมอบหมายตามตำแหน่งและอาชีพของผู้เล่นแต่ละคน
นี่คือเหตุผลว่าทำไมมันถึงยากลำบากสำหรับประติมากร
จินตกวีหรือนักเต้นในการเข้าร่วมปาร์ตี้ มีเพียงคลาสที่จำเป็นและต้องการ ถึงจะสามารถเติมเต็มในการสร้างปาร์ตี้อันทรงประสิทธิภาพ
แต่เมื่อการต่อสู้มีขนาดใหญ่ขึ้น
การมีอยู่ของจินตกวีถือเป็นสิ่งสำคัญ
แสดงศักยภาพในการต่อสู้
วีดได้รับพลังอำนาจในการออกคำสั่งอย่างเป็นทางการ ควบคุมอันเดดได้มากถึง 2,000 ตน
ผู้บังคับบัญชา เดธไนท์
เขาสามารถขอกำลังเสริมจากกองทัพอมตะให้ส่งพวกอันเดดชั้นต่ำอย่างพลทหารโครงกระดูกให้มาช่วยเหลือเขาได้
ถ้าข่าวลือเกี่ยวกับชื่อเสียงหรือทักษะการต่อสู้ของเขากระจายออกไป, เขาอาจติดอันดับสูงๆในหมู่อันเดดก็เป็นได้
เมื่อเปรียบเทียบกับเหล่าผู้เล่นเนโครแมนเซอร์ที่ได้รับบทบาทหรือหน้าที่สำคัญๆตามแต่ฐานะการขัดเกลาทักษะเวทย์มนต์ของพวกเขา
ผู้เล่นสายต่อสู้ต้องต่อสู้จนกว่าจะชนะ
“ไปสถานที่ที่มีมอนสเตอร์มากกว่านี้กันเถอะ”
วีดทำการสนับสนุนพวกอันเดด
เขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยและบุกเข้าไปในรังของมอนสเตอร์ในแบบที่วีดไม่เคยกล้าที่จะทำแบบนี้มาก่อน
“สู้!”
ต่อให้พวกอันเดดเป็นตายร้ายดียังไง
มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา!
มีเพียงแค่การเข้าร่วมในการต่อสู้ขนาดใหญ่เท่านั้น
เขาจึงจะสามารถได้รับค่าประสบการณ์และไอเทมมากกว่านี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงไม่ควรปล่อยเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์กับการไม่กล้าตัดสินใจในการต่อสู้หรือทำเควส
‘ถ้าเกิดว่าพวกเรากำลังจะแพ้
ฉันก็หนีไปซะทั้งๆอย่างนั้นเลยก็ได้หนิ’
เขาไม่สนใจบทลงโทษ การลดขั้น
ตำแหน่ง ยศ หรือ แม้แต่ชื่อเสียง หาได้สำคัญไม่
สิ่งที่สำคัญมากกว่าสำหรับวีดนั้น
คือการได้เริ่มการต่อสู้ขนาดใหญ่โดยไม่ต้องมามัวอืดอาดยืดยาด
เพราะเขาต้องการเลเวลและไอเทมที่มากยิ่งขึ้น
ด้วยการต่อสู้อันไม่จบไม่สิ้น
วีดเลเวล 396 แล้ว
และเขาได้ค่าประสบการณ์เพียงพอต่อการเลเวลอัพอีกครั้ง
แน่นอนว่าเขาต้องกระโจนเข้าใส่การต่อสู้แบบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
อดทนมันไปพร้อมกับอันเดดในขณะที่ต้องมีชีวิตรอดและนำพวกมันมุ่งต่อไปข้างหน้า
· ฉายาใหม่! ท่านได้รับฉายา, ‘ผู้บัญชาการอันเดดเลื่องชื่อลือชา’.
ผู้ที่นำพาการต่อสู้ที่เป็นไปไม่ได้จนนำไปสู่ชัยชนะ!
ท่านสามารถดึงเอาความน่ากลัวและความโหดเหี้ยมของเหล่าอันเดดออกมาในยามที่ท่านนำพาเข้าสู่การศึกในสนามรบ
Ø ความเป็นผู้นำ เพิ่มขึ้น +5
-ค่าโชคเพิ่มขึ้น +5
Ø จำกัดเฉพาะอันเดด
ความสามารถในการบังคับการและออกคำสั่งของท่าน เพิ่มขึ้น 21%
ในขณะที่กำลังทำการแสดง
มาเล่ก็คอยสังเกตและตรวจสอบการกระทำต่างๆของวีด
‘ตามที่เขาลือกันจริงๆด้วย,
เขาต่อสู้ได้สุดยอดมาก’
มันเป็นการประเมินผลของเขาหลังจากเสร็จสิ้นศึกแรก
เมื่อมอนสเตอร์เล็งเป้าไปที่วีด,
เขาประเมินวีดไว้สูงมากเนื่องจากเขาไม่วิ่งหนีท่ามกลางความชุลมุนหรือสับสนลังเลในการจัดการกับสถานการณ์
แต่การประเมินผลของเขายังคงเปลี่ยนไปหลังจากการสังเกตการต่อสู้ในแต่ละครั้ง
‘ข่าวลือเป็นจริง, เขาคือเทพสงคราม. เขาต่อสู้ได้ดีมาก’
....................
‘หือ
ค่าประสบการณ์ของเรายังคงเพิ่มขึ้น? เขาใช้วิธีลัดอะไรนะ
ถึงได้เร่งค่าประสบการณ์ได้มากขนาดนั้น? ไม่สิ
เขาฆ่ามอนสเตอร์ไปมากมายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’
..............
‘มันจะเป็นไปได้หรือ
ที่ทำให้อันเดดพวกนั้นยอมเชื่อฟังราวกับลูกแกะตัวน้อยๆที่แสนเชื่อง?’
ตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นผู้เล่นใหม่
ค่าสถานะของวีดก็สูงกว่าผู้เล่นคนอื่น ณ ช่วงเลเวลไล่เลี่ยกัน
ด้วยการบำรุงดูแลรักษาความชำนาญทักษะระดับสูงและการทับซ้อนเพิ่มค่าสถานะของเขา
ความแตกต่างจึงประจักษ์ออกมาให้เห็นชัดเจน
ความเร็วในการออกล่ายังคงทำให้มาเล่แปลกใจอย่างต่อเนื่อง
ถ้ามีมอนสเตอร์จำนวนมากมารวมตัวกัน
เขาสั่งการอันเดดให้ใช้ยุทธวิธีการรบตามแบบฉบับหนังสือทางทหาร
เขาสั่งให้บรรดาเดธไนท์ขึ้นขี่ม้าปีศาจ
วีดนำเดธไนท์บุกทะลวงเข้าไปในวงล้อมของศัตรู
จัดการแยกพวกมัน แล้วสั่งหน่วยรบอันเดดเข้าประจำการทันที!
หน่วยรบโครงกระดูกเพ่งเป้าไปที่การยิงเวทย์มนต์และการใช้เวทย์มนต์ต่างๆในการโจมตีบริเวณโดยรอบ
เขาไม่ได้เน้นเรื่องความคิดในการต่อสู้เพียงอย่างเดียว
แต่ใช้ความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดที่มีไปกับการต่อสู้ทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปซะแล้ว
โดยทั่วไปแล้ว
คนเราจะต่อสู้ก็ต่อเมื่อพวกเขามียุทธวิธีที่ได้เปรียบ
แต่วีดจะลองพยายามทำหลายๆสิ่ง
เพื่อคิดวิเคราะห์หากลยุทธ์ที่ทำให้ได้รับชัยชนะอย่างแน่นอนและจากนั้นก็ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง
มีการต่อสู้อยู่หลายครั้งที่แม้กระทั่งมาเล่ก็ไม่อยากเข้าร่วมด้วย
‘ไม่มีทางคราวนี้เขาชนะไม่ได้แน่’
อย่างไรก็ตาม
วีดยังคงลากหน่วยอันเดดของเขา แสดงสุดยอดยุทธวิธีและเอาชนะมาได้ มันเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมากจนต้องแสดงความยินดีออกมาโดยอัตโนมัติ
หลังจากผนวกเข้าด้วยกับหน่วยอันเดดของเขา
เขาก็เริ่มต่อสู้กับกลุ่มมอนสเตอร์ขนาดใหญ่
‘นี่ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้’
พวกเขาสูญเสียอันเดดไปมากมายและวีดก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่พวกเขาก็ยังชนะ
สู้และมีชีวิตรอด
ในที่สุดก็ชนะและแข็งแกร่งขึ้น
มันเป็นการต่อสู้ที่ทำให้สามัญสำนึกของมาเล่แตกออกเป็นเสี่ยงและความคิดอันยึดติด
‘โอเค เยอะขนาดนี้
คงเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ’
ฝูงมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ยักษ์!
ไม่ใช่ว่ามาเล่ไม่มีจิตใจอยากจะหยุดวีด
แต่เขาต้องการเห็นกับตาตัวเองว่าวีดจะต่อสู้อย่างไร
ดังนั้นมาเล่จึงตัดสินใจติดตามเขาต่อไป
หลังจากต่อสู้มาตลอดทั้งวัน
วีดทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสกับความยากลำบากที่ไม่น่าเชื่อ
แต่ก็คว้าชัยชนะมาได้ในที่สุด
มาเล่ก็ออกแรงช่วยเขาในการต่อสู้ด้วย
แต่มันเป็นการต่อสู้ที่ตึงเครียดพอสมควรไม่อาจนำมาเปรียบเทียบได้ มีเดธไนท์รอดชีวิตมาได้เพียง
8 ตน แต่พวกเขาก็ยังชนะ
หลังจบการต่อสู้ มาเล่รู้สึกว่าวีดนั้นน่ากลัวเกินกว่ามนุษย์ทุกคนที่เขาเคยพบเคยเห็น
มาเล่เห็นการต่อสู้มามากมายในฐานะจินตกวี
แต่ไม่มีใครเคยต่อสู้จนสุดขอบปลายทาง ผลักดันทุกสิ่งทุกอย่างออกไป
มาเล่ต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดที่เขามีเพื่อมีชีวิตรอด
ด้วยการรวบรวมความสามารถทั้งหมดของเขาเพื่ออดทน ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถจัดการจนนำไปสู่หนทางแห่งชัยชนะ
ไม่เพียงแต่มีไอเท็มดรอปมหาศาลกองเป็นตันๆเท่านั้น
พวกเขายังสามารถเพิ่มซากศพให้เปลี่ยนเป็นอันเดดได้อีกด้วย
วีดทำการเปิดรับสมัครลูกสมุนจากกองทัพอมตะและกลับไปยังบริเวณพื้นที่ออกล่าพร้อมกับเดธไนท์ที่ยังคงมีชีวิตรอดจนถึงที่สุด
ตอนนี้มาเล่รู้เหตุผลแล้วว่าทำไมวีดถึงแข็งแกร่งขนาดนี้และได้รับคำชื่นชม
ยกย่อง สรรเสริญจากผู้คนมากมาย
‘นี่สินะ
ทำไมเขาถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้’
ด้วยกองกำลัง 10 คน มันเป็นความคิดที่ดูสมเหตุสมผลในการต่อสู้กับศัตรูที่มีกองกำลัง 7 คน
แต่เมื่อวีดมีกองกำลังอยู่ 10 คน เขาต่อสู้กับพวกที่มี 11-12 คน หรือ
แม้กระทั่งบางครั้ง เขาก็ต่อสู้กับกองกำลังที่มีถึง 15 คน
ด้วยการจดจ้องมีสมาธิสูงสุด
ความเป็นผู้นำและการตัดสินใจ ทำให้มาเล่ละสายตาจนลืมการแสดงของเขา วีดแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วว่องไวและก็รบชนะได้อีกครั้ง
เหตุผลที่เขาเอาชนะกองกำลัง 15 คน ด้วยจำนวนคนเพียง 10 คน
แน่นอนมันเป็นเพราะว่าการตัดสินใจอันยอดเยี่ยมของเขา
แต่มันก็เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของเขาอย่างสุดขีด
มันเป็นเพราะว่าพวกเขาต่อสู้กับศัตรูที่มีขนาดใหญ่กว่านั่นจึงทำให้พวกเขาสามารถเอาชนะได้
‘การติดตามวีดเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง’
มาเล่เริ่มรู้สึกโล่งอกและรู้สึกเห็นใจ
เขารู้สึกสงสารเหล่าผู้เล่นเนโครแมนเซอร์
เขามั่นใจว่าถ้าพวกนั้นต้องมาแข่งกับวีดในการทำเควสแล้วล่ะก็ พวกเขาไม่มีทางที่จะสามารถเอาชนะได้เลย
____________________________________________________________________
- รางวัลตอบแทนสำหรับการทำเควส
ท่านจะได้รับสิทธิ์ในการออกคำสั่งอันเดดได้มากถึง 8,000 ตน
ตำแหน่งปัจจุบัน
–ผู้บัญชาการเดธไนท์
ยศของวีดเพิ่มขึ้นตั้งหลายครั้ง
อุปกรณ์สวมใส่ของเขาและสัตว์ขี่ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
ชุดเกราะติดตราประทับปีศาจของชายผู้เป็นที่ต้องการ
รองเท้าเพชฌฆาต
เขาได้รับรางวัลตอบแทนเป็นไอเท็มที่เดธไนท์สามารถสวมใส่ได้
“แวนฮอว์คต้องชอบอันนี้แน่เลย
คราวหลังค่อยเอาให้เขาละกัน”
เขาไม่สามารถเรียกแวนฮอร์คหรือโทริออกมาได้
ทั้งสองเคยผูกพันธุ์กับกองทัพอมตะมาก่อนและเขาไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าหากเขาทำการอัญเชิญพวกมันมาที่นี่
“มานี่สิ”
กี้ กี๊ กี้!
เสียงกรีดร้องชวนขนหัวลุกได้ยินมาจากทางฟากฟ้าและกากอยล์ก็ร่อนลงตรงพื้น
วีดและเดธไนท์ได้วิวัฒนาการเปลี่ยนจากการขี่ม้าปีศาจเป็นกากอยล์ที่สร้างขึ้นมาจากกระดูก
พวกอันเดดได้รับคำสั่งให้ทำการต่อสู้ทางภาคพื้นดิน
ในขณะที่เดธไนท์คอยก่อกวนทางอากาศ!
แม้กระทั่งพวกโครงกระดูกชั้นสูง
ก็มีรอยดาบปรากฏบนหัวกะโหลกของพวกมันประมาณ 3-4 รอย
“การออกล่าเป็นอะไรที่สนุกอยู่แล้ว”
มาเล่เกือบจะตามไปไม่ทันอยู่แล้ว
ทั้งเรียบเรียงและกำกับการแสดง
ไม่ใช่สิ่งที่จินตกวีทำเพียงอย่างเดียว
พวกเขาผจญภัย เข้าไปในดันเจี้ยน
และต่อสู้อีกหลายครั้ง
แต่การได้ติดตามวีด เขาจึงกระตือรือร้นคิดอยากจะพักเบรกสักเล็กน้อย
“ที่นี่เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว
ไปกันต่อเถอะ”
“พวกเรานั่งพักเบรกสักหน่อยก่อนจะไปไม่ได้หรอ?
ตอนนี้พวกเราต่อสู้มาเกือบจะสองวันแล้วนะ”
“ผมพักไปเยอะแล้วล่ะเมื่อกี้”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?!”
“ผมหาวตั้งสองรอบแน่ะ”
ถ้านี่คือการพักเบรกหมายความว่าอย่างนี้
แล้วการงีบหลับที่คนงานใช้ช่วงเวลาสั้นๆตอนพักเที่ยงล่ะ
ไม่เรียกว่าวันหยุดยาวไปเลยเหรอ?!
“อาจจะยังมีมอนสเตอร์หลงเหลืออยู่ที่อื่นอีก,
พวกเราจะมัวมาเสียเวลาแบบนี้ไม่ได้นะ”
เพราะอันเดดมีพลังกายไร้ขีดจำกัดและไม่จำเป็นต้องกินอาหาร
วีดจึงพาพวกมันออกไปต่อสู้สู่สงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น
การต่อสู้แบบนี้
จะทำให้พวกอันเดดพัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นและมาเล่ก็รู้สึกว่าอันเดดของวีดแข็งแกร่งมากขึ้น
เดธไนท์ยิ่งแข็งแกร่งสุดๆเมื่อผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนและได้รับชัยชนะ
เลเวลก็คือเป็นได้แค่เลเวล
แต่การมีชีวิตรอดในสนามรบ เหนือสิ่งอื่นใด ความสามารถในการต่อสู้ของพวกมันเพิ่มขึ้นทวีคูณ
ด้วยความช่วยเหลือของเดธไนท์และทักษะทั้งหมดของหน่วยรบอันเดดที่มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง
แม้นว่าพวกมันจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายถูกโอบล้อมโดยพวกมอนสเตอร์
พวกมันก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้เป็นเวลานานและพลังป้องกันของพวกมันก็จะยิ่งสุดยอดมากยิ่งขึ้น
มันคือสุดยอดอันเดดที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ทันใดนั้น ฝูงอีกาที่ไม่ได้บินมาหาวีดเพียงคนเดียว
แต่ยังบินมาหามาเล่และผู้เล่นคนอื่นๆที่กำลังออกล่าและผู้เล่นที่อยู่ทั่วทั้งหุบเขาแห่งนี้
และมอบเศษกระดาษแผ่นเล็กๆที่พวกมันคาบมาให้กับพวกเขา
เควสใหม่ปรากฏออกมาแล้ว
· มอนสเตอร์แห่งที่ราบนาตาเลีย
เกือบไม่มีฝูงมอนสเตอร์ขนาดใหญ่เพียงพอที่จะท้าทายกองทัพอมตะในบริเวณใกล้เคียง
พวกมอนสเตอร์ที่เหลือผนึกกำลังร่วมมือกันและมุ่งหน้าไปยังที่ราบนาตาเลีย
ถ้าท่านขับไล่พวกมันได้ภายในสี่วัน
ท่านจะได้เข้าสถานที่พำนักของกองทัพอมตะและจะสามารถเข้าพบบัลข่าน ดีมอร์ฟ
องค์ราชาแห่งเหล่าอันเดด
อีกทั้งเดธไนท์ยังสามารถก้าวข้ามไปได้ไกลยิ่งขึ้น
ด้วยการเลื่อนยศครั้งสุดท้าย
หลังจากสี่วัน
กองกำลังหลักของกองทัพอมตะจะทำการเคลื่อนพลออกเดินทาง
หลังจากวันนั้นท่านจะไม่สามารถทำการเคลียร์เควสได้แล้ว
ระดับความยาก:
A
รางวัล:
การเลื่อนยศ, เวทย์มนต์อันเชิญอันเดด
ข้อกำหนดในการทำเควส:
เฉพาะอันเดดเท่านั้น
เวลามีจำกัด
เควสจะไม่ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
เควสที่ต้องการความร่วมมือระหว่างผู้เล่นเนโครแมนเซอร์
มันเป็นเควสสุดท้ายที่ต้องทำให้สำเร็จก่อนเข้าร่วมกับกองทัพอมตะ
“ไปที่นั่นกันเถอะ”
วีดและมาเล่นำอันเดดของพวกเขามุ่งหน้าตรงไปยังหุบเขา
อัตราการติดต่อสื่อสารของบรรดาผู้เล่นเนโครแมนเซอร์นั้นอยู่ในด้านที่สูงมาก
“ฮี่ ฮี๊ ฮี ฮี่”
“หัว หัวของข้า
ข้าไม่รู้ว่าข้าถือมันไว้ข้างไหน ข้างซ้ายหรือข้างขวาวะเนี่ย”
“อันเดด, ตั้งแถว,
เพื่อท่านบัลข่านผู้ยิ่งใหญ่!”
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้หุบเขามากขึ้น
พวกเขาสามารถมองเห็นจำนวนอันเดดขนาดที่ว่าไม่อาจจะเชื่อได้เลย
ท่ามกลางเหล่าเนโครแมนเซอร์
บางคนชอบอัญเชิญอันเดดขั้นสูงออกมาในปริมาณน้อยๆ เพื่อต่อสู้ แต่มันมักจะตรงกันข้ามเสมอเมื่อถึงเวลาสู้จริง
มันจะปลอดภัยกว่าเมื่อต้องต่อสู้โดยการอัดคำสาปเข้าใส่และอัญเชิญโครงกระดูกและผีดิบกูลออกมาต่อสู้
ผู้เล่นเนโครแมนเซอร์แต่ละคนสามารถชักนำจำนวนอันเดดได้ในปริมาณน้อยที่สุด
จนถึง 2,000 ตน
พวกเขาอัญเชิญพวกมันออกมาได้โดยตรงหรือไม่ก็รวบรวมเหล่าอันเดดที่ระหกระเหินเร่ร่อนกระจัดกระจายไปทั่วจากการแยกตัวออกมาจากกองทัพอมตะ
สำหรับมาเล่แล้ว
มันเป็นประสบการณ์ที่ยากจะสัมผัสได้
ในเมื่อมีอันเดดทุกชนิดรายล้อมอยู่รอบตัวพวกเขา
“อย่างน้อยมันต้องมีสักประมาณ 100,000 ตนเห็นจะได้”
วีดจัดตำแหน่งพวกโครงกระดูกที่กำลังตั้งแถวเรียงรายราวกับกองอิฐ
เนื่องจากมีพื้นที่ว่างเหลือน้อย
พวกเขาจึงใช้วิธีนี้เพื่อประหยัดพื้นที่
“มันดูเหมือนว่ามันจะมากกว่านั้นนะ”
ผู้เล่นเนโครแมนเซอร์จะไม่ทิ้งระยะห่างจากอันเดดที่พวกเขาอันเชิญออกมามากนัก
ดังนั้นรอบๆหุบเขาจึงเป็นโลกของเหล่าอันเดด
แต่เมื่อหน่วยอันเดดเข้าไปใกล้อันเดดพวกนี้
พวกมันกลับถอยหนีออกไปให้ห่างจากอันเดดของวีด
เดธไนท์
ผู้ที่ก้าวข้ามสถานการณ์แห่งความเป็นความตายมามากกว่าสิบครั้ง มาพร้อมกับบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัว
จนบรรดาพวกโครงกระดูกที่อยู่ใกล้กันนั้น ต่างพากันหวาดกลัวและพยายามหลบซ่อน
กี๊ย์ย์ย์ย์ย์!
เดธไนท์บางตนที่เป็นส่วนหนึ่งในหน่วยอันเดดของวีด
พวกมันยังคงขี่กากอยล์ตามมาสมทบและบินวนเป็นวงกลม
สายตาของผู้เล่นเนโครแมนเซอร์
ทุกคนทั้งหมดที่อยู่ในหุบเขา ต่างจับจ้องมองไปที่วีด เมื่อเขาเปิดตัวอย่างอลังการในฐานะเดธไนท์
“นั่นมันอะไรน่ะ? หน่วยอันเดดมากมายขนาดนั้น นำทัพโดยสองคนนี้เนี่ยนะ?”
เมื่อรวมอันเดดของวีดและมาเล่เข้าด้วยกัน
ทำให้มีจำนวนอันเดดมากถึง 9,600 ตน
วีดสามารถมีอันเดดใต้บังคับบัญชาเกินกว่าจำนวนที่อนุญาตตามยศของเขาอันเนื่องมาจากความเป็นผู้นำและบารมีที่สูงส่ง
แต่ประสิทธิภาพในการควบคุมอันเดดของเขานั้น เขาจำกัดสมรรถนะในการควบคุมพวกมันเอาไว้อย่างเข้มงวด
แต่ในสายตาของเหล่าผู้เล่นเนโครแมนเซอร์
จำนวนพวกนั้นยิ่งใหญ่มากสำหรับพวกเขา
“มันเยอะมากเลยนะเนี่ย”
“มีเดธไนท์โคตรเยอะเลย... ทั้งดูลาฮานและพลทหารโครงกระดูกหลากหลายประเภท มันคงไม่ผิดนัก หากจะเรียกว่านี่เป็นกองทัพอันเดดที่แท้จริง”
“ถ้าพวกเราได้ออกคำสั่งกองทัพแบบนี้นะ...
พวกเราควรจะเลื่อนขั้นเป็นนักรบดีมั้ยนะ?”
เมื่อมองไปที่วีด บรรดาผู้เล่นทั้งหลายต่างพากันนึกเสียใจกับการตัดสินของพวกเขาเมื่อครั้งในอดีตที่ผ่านมา
พวกเขาไม่อาจละสายตาแห่งความอิจฉาได้เลย
แล้วก็เข้าไปหาวีดกับมาเล่
“สวัสดี”
เฮเรี่ยนเห็นพวกเขาก่อนเป็นคนแรกและทักทายเบาๆ
วีดมองไปรอบๆและก็เห็นอุปกรณ์สวมใส่ของ
เฮเรี่ยน เจนนี่ โอเทม
กรูเซ็ดเปลี่ยนไปค่อนข้างมากและบางคนก็ถือลูกแก้วคริสตัลเอาไว้ในมือ
เขาไม่สามารถตรวจสอบความหลากหลายของอุปกรณ์ที่มีมากมายขนาดนั้น
‘พวกนั้นต้องพยายามหนักเหมือนกันแฮะ’
เควส ณ ตอนนี้
ที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพอมตะ ไม่ได้ส่งให้วีดเพียงคนเดียวเท่านั้น
ทุกคนต่างพยายามอย่างดีที่สุดในการทำเควสและพัฒนาเติบโตไปด้วย
มีผู้เล่นเนโครแมนเซอร์จำนวน 58 คน มารวมตัวกันในหุบเขา
“อีก 7 คน
กำลังจะมา มันเริ่มสายแล้ว…เมื่อพวกเขามาถึง
พวกเราจะมุ่งหน้าไปยังที่ราบนาตาเลีย”
เฮเรียนอธิบายสถานการณ์ให้พวกเขาฟังแบบสรุปรวบยอด
จำนวนผู้เล่นที่มาที่นี่จากหมู่บ้านคาปัว
มีด้วยกัน 65 คน
‘เควสการร่วมมือกันกับเนโครแมนเซอร์ทั้ง
65 คน...’
พวกคนที่เข้าร่วมในการทำเควส
ต่างก็มีเลเวลสูงด้วยกันทั้งนั้น
เมื่อนับรวมอันเดดในการครอบครองของผู้เล่นเนโครแมนเซอร์แต่ละคนแล้ว
คุณสามารถบอกได้เลยว่ากองทัพนั้นมีขนาดมหึมาเลยทีเดียว
________________________________________________________________
เซบรินเดินทางมาถึงหุบเขาได้ประมาณสองถึงสามแล้วและกำลังเริ่มออกล่าที่นี่
ในขณะที่สวมใส่อุปกรณ์ที่ดีขึ้นและกำลังเก็บเลเวลไปด้วย
เขาได้ให้ของขวัญเล็กๆน้อยๆกับผองเพื่อนเนโครแมนเซอร์ที่เขาออกล่าด้วยกัน
“นี่คือไอเท็มบางส่วนที่เหลือทิ้งเอาไว้
ได้โปรดรับมันไปเถอะ”
“แต่มันก็ยังเยอะเกินไปอยู่ดีนะ....”
ในโลกใบนี้ยังมีคนอื่นนอกเหนือจากวีดที่ทำแบบนี้(ปฏิเสธรับของก่อน
แล้วค่อยเอาของไป)
ไม่ว่าไอเท็มชิ้นนั้นจะมีประโยชน์มากสักแค่ไหน
เหล่าผู้เล่นเนโครแมนเซอร์ก็พบว่ามันเป็นการยากที่จะรับอะไรสักอย่างมาฟรีๆจากบางคนที่พวกเขาไม่ได้สนิทด้วยพร้อมกับบอกปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร
กิลด์ที่ผมอยู่มักจะส่งของพวกนี้มาให้
พวกเขาชื่นชอบและให้ความสนใจกับเหล่าผู้เล่นเนโครแมนเซอร์เป็นพิเศษ…ผมมีของพวกนี้เยอะเลย จึงเอามาใช้ที่นี่ได้”
การเอาชนะใจผู้เล่นคนอื่นๆด้วยไอเท็ม
ช่างเป็นงานที่ง่ายมาก
ไม่เหมือนกับคลาสอื่นๆ
มีหลายครั้งหลายคราวที่ผู้เล่นเนโครแมนเซอร์ไม่ได้เข้าร่วมกิลด์ใดๆเลย
เซบรินไม่ได้รีบร้อนหรือเร่งรีบแต่อย่างใด
เขาค่อยๆแยกแยะผู้เล่นออกเป็นคนๆไปในขณะที่พยายามทำให้คนพวกนั้นกลายมาเป็นพันธมิตรกับเขา
‘การระบุผู้เล่นคนนี้ ชัดเจนแล้ว’
การปลดชื่อของผู้เล่นเหล่านั้นในขณะที่ออกกำลังออกล่ากันเป็นปาร์ตี้หรือเพิ่มชื่อพวกเขาลงในรายชื่อเพื่อน
ก็สามารถพิสูจน์ตัวตนของคนๆนั้นได้อย่างสมบูรณ์
เหล่าผู้เล่นเนโครแมนเซอร์มากฝีมือ ต่างก็เป็นที่รู้จักกันดีในทวีปเวอร์เซลล์เช่นกัน
ผู้เล่นธรรมดาๆทั่วไปจะรู้สึกตกใจเมื่อพวกเขาบังเอิญพบผู้เล่นเนโครแมนเซอร์ที่กำลังออกล่ากับพวกอันเดดตามป่าหรือภูเขา
การค้นพบผู้เล่นเนโครแมนเซอร์จึงกลายเป็นความแปลกใหม่
พวกเขาบันทึกภาพเหตุการณ์พวกนี้และอัพโหลดลงในบอร์ดสนทนา
ด้วยการเปรียบเทียบกับข้อมูลเหล่านั้น
ทำให้เขาสามารถระบุตัวตนของผู้เล่นคนอื่นๆได้อย่างชัดเจน
แต่มันก็ยากอยู่เหมือนกันในการแยกแยะผู้คนที่กำลังออกล่าด้วยตัวเองและไม่เปิดเผยให้เห็นลักษณะเฉพาะตัวของพวกเขา
‘ฉันยังต้องไปหาอีก 7 คน เอาไว้รอให้พวกเขามาถึงก่อนละกัน’
เขาทำการตรวจสอบ เจนนี่ โอเทม โบรัม
เฮเรี่ยน กรูเซ็ด วาเรนน่าและโกชุ
เพื่อรับพวกเขาเข้ามาในกิลด์เฮอร์มีสและพบว่าพวกเขาทั้งหมดต่างมีเลเวลอย่างน้อยก็เกิน
380
เขาประเมินว่าเจนนี่ เฮเรี่ยน และ
โอเทมน่าจะมีเลเวลเกิน 400
กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับการพิจารณาว่าเป็นสุดยอดผู้เล่นสายนักเวทย์แม้กระทั่งก่อนที่พวกเขาจะมาเป็นเนโครแมนเซอร์ด้วยซ้ำ
เมื่อมีการเปลี่ยนคลาส
ความสามารถเวทย์มนต์ดั้งเดิมจะลดลงฮวบฮาบ
มันไม่ใช่การเรียนรู้เวทย์มนต์ลักษณะที่คล้ายกัน
แต่เป็นการเรียนรู้เวทย์มนต์ที่มีลักษณะตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
นั่นคือเวทย์มนต์แห่งศาสตร์มืดและเวทย์อัญเชิญอันเดด ดังนั้น
การมีอยู่ของความสามารถดั้งเดิมทางด้านเวทย์มนต์จึงเสื่อมลง
มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายดายสักเท่าไหร่นักสำหรับการเริ่มเล่นเนโครแมนเซอร์ใหม่ทั้งหมด
แต่พวกเขายังคงเพิ่มความเชี่ยวชาญในการใช้คำสาปและอัญเชิญอันเดดอย่างคงที่และค่อยเป็นค่อยไป
‘ถ้าฉันสามารถทำให้พวกเขาเข้ากิลด์เฮอร์มีสได้นะ
มันจะเป็นที่ยอมรับในฐานะความสำเร็จอันยิ่งใหญ่’
เซบรินกำลังสอดแนมอย่างอดทนและใจเย็นเพื่อรอคอยโอกาสอันแน่นอน
ถ้าพวกเขากลายมาเป็นสมาชิกของกิลด์เฮอร์มีส
พวกเขาจะจดจำและสำนึกในพระคุณของเซบริน
การได้เป็นส่วนหนึ่งของกิลด์เดียวกัน
เขาสามารถได้รับการช่วยเหลืออันหลากหลายและติดตามพวกเขาไปรอบๆในหุบเขาแห่งนี้
โดยการร่วมมือกันทำเควสของกองทัพอมตะและทำงานด้วยกัน
มันจึงเป็นโอกาสสำหรับเขาเพื่อจะได้ซึ่งเลเวล ชื่อเสียง และเวทย์มนต์อัญเชิญอันเดดมาพร้อมๆกัน
หลังจากเอาชนะใจผู้คนที่อยู่รอบๆตัวเขา
เขารวบรวมข้อมูลในขณะที่กำลังออกล่าและตอนนั้นเอง
เควสร่วมมือกันกำจัดมอนสเตอร์ในที่ราบนาตาเลียก็ปรากฏ
ต่อมาไม่นาน
วีดและมาเล่ก็มาถึงพร้อมกับกองทัพอันเดดของพวกเขา
ผู้เล่นคนอื่นๆต่างก็มีอันเดดเหมือนๆกัน
แต่อันเดดของวีดและมาเล่ที่พวกเขานำมานั้นโดดเด่นมาก
ด้วยการที่มีบรรยากาศราวกับไอพิษกระจายออกมาจากเดธไนท์
ขนาดอันเดดชั้นดียังพยายามหนีห่างออกไปเท่าที่พวกมันจะสามารถทำได้
บรรดาเดธไนท์ที่ขึ้นขี่บนกากอยล์
ทำหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยในขณะที่บินไปรอบๆ พวกมันดูแข็งแกร่งกว่าปกติ
‘วีดอาจจะอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น’
วีดและมาเล่คือผู้เล่นที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้!
ยังมีผู้เล่นอีกห้าคนที่ดูน่าสงสัยแต่อันเดดของพวกเขาค่อนข้างขาดแคลนและมีจำนวนน้อย
‘ยังไงซะ
ฉันก็ควรจะรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ทางนั้นรับทราบ’
เซบรินรายงานกิลด์เฮอร์มีส โปลอน
และกองกำลังนักเวทย์ เกี่ยวกับการมุ่งหน้าเดินทางไปยังที่ราบนาตาเลีย, บุคคลต้องสงสัยที่อาจจะเป็นวีด, แล้วก็เป็นไปได้ยังไงที่เจนนี่และโอเทมไม่ได้สังกัดกิลด์ใดๆเลย
จบตอน
ผู้แปล:
แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล
Editor: แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล