เล่ม 21 ตอนที่
9: การต่อสู้เหนือท้องทะเล แปลโดย Cole’s Myth
เรือห้าลำเร่งจัดขบวนทัพให้เป็นแบบสามเหลี่ยมในตอนที่กองเรือผีสิงยังคงล่องต่อไปตรงไปยังกองเรือเร็วที่เตรียมดินปืนพร้อมยิงไว้แล้ว
“ฮี่ฮี่ฮี
พวกมนุษย์กล้ามาต่อกรกับพวกเรางั้นหรือ”
“เร็วเข้า ไปจมเรือพวกมันซะ”
กองเรือผีสิงแล่นฝ่าตรงไปที่กองเรือเร็วทั้งหลาย
“ยิงสิ! ทำไมมันถึงไม่โดนซักทีนะ?”
เหล่าอันเดดยิงปืนใหญ่กลับไปทิศทางอื่นโดยไม่เฉียดการทำความเสียหายใดๆให้เรือของฝ่ายศัตรูได้เลย
“ข้ามองไม่เห็น
ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย มีเสียงบางอย่างระเบิดน่ากลัวมากเลย
ทุกครั้งที่ข้าได้ยินข้าคิดว่าเรือของเรากำลังจะจมซะอีก”
เหล่าอันเดดกำลังระดมยิงด้วยปืนใหญ่ขณะที่เข้ามาอยู่ในระยะสายตา
ทุกตนที่อยู่บนเรือผีสิงดื้อด้านและไม่เชื่อฟังสุดๆ แถมยังชอบทำตามใจตัวเองอีกต่างหาก
แต่อย่างไรก็ตาม
กองเรือที่อยู่ฝั่งพวกมันถูกสร้างขึ้นมาด้วยทุนมหาศาล พวกมันกำลังยิงโดยไม่ได้เล็งเป้าใดๆเลย
ได้แต่เพียงแค่ยิงในทิศทางไปแบบส่งๆแบบเผื่อว่าจะโดน
กระสุนปืนใหญ่บางลูกปะทะเข้ากับเสากระโดงเรือและระเบิดทำลายเรือไปหลายส่วน
ส่วนบางลูกก็ทำให้เกิดคลื่นน้ำพุ่งสาดเข้าใส่แถวๆตอนกลางของตัวเรือเร็ว
เพราะว่าเรือผีสิงกำลังใช้กระสุนปืนใหญ่ที่เก่ามากๆ
พวกมันไม่แม้แต่จะระเบิดเลยด้วยซ้ำเพราะว่ากลายเป็นกระสุนที่ด้านไปเสียแล้ว
แต่ยังไงก็ตาม
ถ้าหากพวกเขาโชคไม่ดีนัก ก็จะเกิดระเบิดแบบปุบปับขึ้นมาจนสร้างความเสียหายรุนแรงได้เอง
แต่ว่าคนเราไม่สามารถคาดการว่าโชคจะดีหรือไม่ดีหรอกในตอนที่ต้องมาสู้กับกองเรือผีสิงแบบนี้
ทันใดนั้นเองก็มีหนูฝูงหนึ่งไหลทะลักออกมาจากห้องโดยสารเรือ
แล้วเชื้อโรคระบาดที่คาดไม่คิดก็เริ่มแพร่กระจายออกมา
“ไปข้างหน้า! ตรงไปข้างหน้า! นี่คือคำสั่งของพลเรือเอก!”
กัปตันสั่งการลูกเรือของเรือรบให้ตรงไปฝ่าวงล้อมระหว่างกลุ่มเรือผีสิง
ลูกเรือของราชอาณาจักรฮาเว่นส่วนมากจะเป็นทหาร
NPC
ที่มีความภักดีต่อพวกเขาสูงมาก เหล่าNPC ปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาโดยปราศจากความลังเลแม้นจะมีความเสี่ยงถึงตายก็ตาม
มีการระดมยิงไปมาอย่างหนักหน่วงระหว่างกองเรือรบ
มีเรือรบของดรินเฟลด์สองลำยังติดอยู่ที่หินโสโครกและถูกเกี่ยวเอาไว้ด้วยกลุ่มสาหร่ายทะเล
แต่พวกเขาก็สามารถหลุดออกมาจนถึงทะเลเปิดได้สำเร็จ
“เปิดโล่งแล้ว ยิง ยิง ยิง ยิง
ยิง!”
จากวังวนการโจมตีไปมาอย่างต่อเนื่องระหว่างกองเรือรบ
ก่อให้เกิดเปลวไฟลุกโชนกลุ่มควันโขมงออกมาจากกระบอกปืนและปืนใหญ่ แล้วกระสุนปืนใหญ่ก็ยิงไปโดนเรือผีสิงอย่างแม่นยำ
“กี๊กี๊กี๊
เรือติดไฟแล้ว”
“เทเหล้ามาดับไฟเร็ว เอ๋?!
ไฟลุกแรงขึ้นกว่าเดิมอีกละ เยี่ยมไปเลย กำลังหนาวพอดี
จุดเอาไว้อย่างงั้นแหละ” (ผู้แปล: ป่วยกับพวกนี้ได้อี๊ก-.-)
พวกอันเดดพูดพร่ำเพ้อไปเรื่อยบนดาดฟ้าเรือผีสิงที่มีเปลวไฟลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วพวกมันก็อยู่บนปากเหวของการอับปางของเรือในที่สุด
“ยิงงง!”
เรือผีสิงหลายๆลำถูกทำลายไปทุกครั้งที่ปืนใหญ่ถูกยิงออกมาจากกองเรือรบ
“ไม่จำเป็นต้องกั๊กลูกกระสุนเอาไว้แล้ว
บรรจุลูกระเบิดยิงไปเลยละกัน!”
ในตอนที่ระเบิดซึ่งถูกทำมาเป็นพิเศษ
ยิงออกไป พวกมันเกิดการระเบิดเหนือเรือผีสิงจนเปล่งแสงสว่างวาบ
กระแสเปลวไฟลุกลามไปทั่วทุกทิศทุกทางเหนือเรือผีสิงและลุกลามไปทั่วตัวของพวกมัน
ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะหยดฝนช่วยดับไฟให้มอดลงไป
มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหยุดไฟที่ลุกลามนั่นได้
กองเรือรบที่หน่วยที่
1
และที่ 3 สกัดกองหน่วยรบของกองเรือผีสิงที่แห่ตรงเข้ามาหาพวกเขา
ในช่วงที่ศัตรูเปิดช่องโหว่สักช่วงสั้นๆ
ทันใดนั้นแตรเขาสัตว์ก็ถูกเป่าออกมาจากเรือรบของดรินเฟลด์
“กองเรือหลัก มุ่งหน้าไปปปป!”
กองเรือรบหลักที่นำทัพโดยเรือรบของดรินเฟลด์เคลื่อนตัวไปข้างหน้ามุ่งไปยังทิศทางของกองเรือผีสิง
ถึงแม้กองเรือผีสิงจะยิงกระสุนปืนใหญ่ไปที่กองเรือรบขณะที่ล้อมพวกเขาไว้ได้
พวกเขาก็ยังคงออกมาจากบริเวณธารน้ำไร้เยือกได้อย่างองอาจ
“เปิดช่องกาบเรือ
บรรจุกระสุนแล้วยิง!”
ช่องประตูทั้งหลายตรงกาบทั้งสองข้างของเรือรบถูกเปิดออก
จากนั้นปืนใหญ่ก็เริ่มกระหน่ำยิงออกไป
เรือผีสิงที่อยู่ทางกาบซ้ายและกาบขวาของเรือรบหลักของดรินด์เฟลเริ่มอับปางลงทันที
เจ้าเหลืองกับประติมากรรมสลักชีพตัวอื่นๆได้รับหน้าที่ให้ปกป้องกองแจปเท็มอันล้ำค่าของวีดที่อยู่ภายในเรือผีสิงไม่ให้โดนเผา
“พวกเราก็อยากสู้เหมือนกันนะ
ข้าไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรอว่านี่จะกลายเป็นการต่อสู้ขนาดใหญ่?”
ประติมากรรมสลักชีพตนหนึ่งที่กุมหอกไม้ไผ่และมีรูปร่างคล้ายคลึงกับวีรบุรุษกอบลินนามว่า
คัลลานอร์ซาก้า ก็เริ่มออกมาโต้แย้ง
ท่ามกลางประติมากรรมสลักชีพทั้งหลาย
มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่มีเค้าโครงคล้ายกับวีรบุรุษของเหล่ามอนสเตอร์
พวกมันมีพันธะผูกพันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นต่อผู้สร้างของพวกมัน
วีดเริ่มส่ายหัว
“พวกแกรู้ไหมทำไมฉันถึงมอบชีวิตให้กับพวกแกทั้งหมด?”
เจ้าเหลือง
วิหคทองคำ และวิหคเงินก็ตอบออกมาเป็รเสียงเดียวกันอย่างพร้อมเพรียงว่า
“เพื่อใช้หาเงินครับ”
“ทั้งหมดนั้นก็ไม่ใช่เพื่อเงินหรอครับ?”
“ยังมีเหตุผลอื่นอีกนอกจากเงินหรอครับ?”
วีดจอมงกกับรูปลักษณ์ของลิชเผยใบหน้าเปื้อนยิ้มอันอ่อนโยนและตอบกลับออกไปว่า
“พวกแกก็เหมือนกับเด็กทารกเกิดใหม่เท่านั้น”
“พวกเราไม่ได้เป็นอย่างงั้นนะ!”
ประติมากรรมสลักชีพที่เหมือนกับคัลลานอร์ซากายืนกรานเสียงแข็ง
ไม่เพียงแค่เหล่าสิ่งมีชีวิตและมอนสเตอร์ตัวอื่นๆที่มีรูปร่างคล้ายกับอัศวินก็รู้สึกว่าเกียรติศักดิ์ศรีพวกเขาถูกเหยียดหยามและรู้สึกไม่พอใจเอามากๆเช่นกัน
ความสนิทสนมก็จะลดลงมากพอตัวในตอนที่ศักดิ์ศรีของใครซักคนถูกย่ำยี
และจากนั้นพวกเขาก็อาจจะร่ำร้องหาอิสรภาพแล้วก็จากไป
ยิ่งไปกว่านั้น
รูปลักษณ์ของลิช ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูแย่ลง
แน่นอนว่าการปฏิบัติดูแลของวีดต่อเหล่าประติมากรรมสลักชีพนั้นแย่มากๆ
แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการ
“พวกแกรู้หรือป่าวว่าทวีปเวอร์เซลเป็นดินแดนอันแสนงดงามและสุขสรรขนาดไหนถ้าได้อาศัยอยู่?
พวกแกทั้งหมดก็เหมือนกับลูกๆของฉัน ไม่ต้องพูดเลยว่าพวกแกออกไปสู้เพื่อฉันและตายในการต่อสู้
มันทำร้ายจิตใจฉันมากเลย ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพวกแก นี่ก็เพื่อพวกแกทุกตนนะ
ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นลิชก็เถอะ”
ช่างเป็นจิตใจของพ่อแม่ที่หวงแหนลูกๆของพวกเขาจริงๆ!
“ในการต่อสู้ครั้งนี้ฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง
เพราะงั้นขอละ ได้โปรดเฝ้ามองการต่อสู้อยู่ไกลๆเถอะนะ”
“ข้าไม่คิดแบบนั้นนะครับ ข้ายังอยากจะออกไปสู้ด้วย”
เจ้าสัตว์ที่ดูดุร้ายตนหนึ่งยืนกรานว่าพวกมันอยากจะออกไปต่อสู้
ถึงแม้ว่าเขาจะให้คำอธิบายกับพวกมันแล้วก็ตาม
ถึงมันจะดูยากเอาการ
แต่ว่าถ้าหากทำให้พวกมันเชื่องขึ้นมาสักครั้ง พวกมันจะกลายเป็นคนที่แสนใสซื่อและจงรักภักดีแน่ๆ
แล้วเจ้าเหลืองกับวิหคทองคำก็คิด
“ที่นี้ละ
นายท่านก็จะตีพวกเขา!”
“นายท่านจะเอาพวกเขาแยกตัวออกไปในที่เงียบๆ
แล้วจัดซะ!”
แต่ว่าวีดกลับพยายามอธิบายกับพวกประติมากรรมสลักชีพอีกครั้งด้วยโทนเสียงที่สงบนิ่ง
ราวกับแม่ผู้แสนรักใคร่หวงแหนที่ทำให้ลูกของเธอที่พึ่งจะสอบผ่านมหาวิทยาลัยแพทย์ แล้วถามว่าเขาอยากจะกินข้าวเช้ากับอะไร
เพื่อเป็นเครื่องหมายของความยินดีกับความสำเร็จในตัวลูกของเธอ
“ฉันอยากจะสร้างบ้านหลายๆหลัง
ทำเสื้อผ้าหลายๆชุด หรือแม้แต่ทำอาหารอร่อยๆให้พวกแก แต่ไม่ว่าชะตากรรมของพวกเราจะเป็นยังไง
เราก็ควรจะพยายามที่จะอยู่อย่างมีความสุขร่วมกันตราบนานเท่านานนะ”
“แต่ข้าก็ยังอยากจะออกไปสู้อยู่นี่นา”
“ใช่แล้ว
ใช่แล้ว ยังมีโอกาสอีกมากมายที่จะได้สู้ในภายภาคหน้า เมื่อเวลานั้นมาถึงฉันจะนำพวกแกไปต่อสู้อยู่แนวหน้าเลย”
“ท่านสัญญานะ?”
“แน่นอน
ตอนนี้พวกแกก็พักผ่อนแล้วก็กินอาหารอร่อยๆนะ แต่ถ้าพวกแกอยากออกไปต่อสู้ ฉันจะปล่อยให้พวกแกได้ออกไปสู้ซักครั้งตอนไปถึงชายฝั่งแล้ว
ฉันเป็นพ่อแม่ของแกนะ แต่ตอนนี้ให้ฉันดูแลในสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่เพื่อพวกแกซะก่อน
อ่ะ พวกแกคงไม่ได้คิดว่าฉันเป็นพวกที่คิดแต่เรื่องเงินตลอดเวลาหรอกนะ ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่แน่นอนครับ”
(^.^)
พวกประติมากรรมสลักชีพรู้สึกซาบซึ้งอย่างมากที่วีดห่วงใยพวกมันมากมายขนาดนี้
“เจ๋ง พวกเราได้รับพรที่วิเศษจริงๆที่ได้พบเจอกับเจ้านายผู้แสนดีเช่นนี้”
เมื่อตอนที่ความสนิทสนมพลิบานขึ้น
เหล่าประติมากรรมก็หยุดขัดขืนวีด
มีเพียงประติมากรรมแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้นง่ายที่จะจัดการพวกมันด้วยวิธีแบล็คเมล์ผ่านความรุนแรงเป็นครั้งเป็นคราวบ้าง
แต่อย่างไรก็ตาม
ก็มีประติมากรรมหลายตัวที่ยากที่จะจัดการด้วยวิธีเดียวกัน
พวกมันควรจะถูกใช้วิธีด้วยการเอาอกเอาใจโดยการแสดงความเคารพรักและแสดงความขอบคุณออกมา
นี่เป็นพรสวรรค์ที่ได้รับมาจากการฝนลับทักษะของเขาในฐานะจอมหลอกลวง!
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการใส่หน้ากากเสแสร้งที่ดูปุบปับ
แต่มันก็ไม่ดูเงอะงะหรืองุ่มงามเลยแม้แต่น้อย
การเปลี่ยนท่าทีที่กะทันหันของวีดนั้นได้ถูกตระเตรียมวางแผนมาอย่างรอบคอบก่อนหน้าแล้ว
แม้แต่ซอยูนก็ยังตกหลุมพรางการเสแสร้งของเขาไปด้วย
“พวกเรามีความสุขมากจริงๆที่ได้มีพ่อผู้แสนดีแบบนี้”
วีดพูดกับพวกมันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มอบอุ่นใจว่า
“แล้วพวกแกสองตัวกำลังหวังอยากได้อะไรหรือเปล่า?
ฉันจะไม่เริ่มยกยอชื่นชมพวกแกหรอกนะ ที่ฉันทำไปอย่างนั้นกับพวกนั่น
ก็เพื่อจะให้พวกนั้นทำในสิ่งที่ฉันบอกให้ทำอย่างเต็มใจแค่นั้นเอง
พวกแกไม่อยากรู้หรอกว่าฉันคาดหวังว่าจะได้อะไรคืนมากับสิ่งนี้นะ”
เจ้าเหลืองกับวิหคทองคำรู้สึกอย่างกับจะอ้วกด้วยความขยะแขยง
มีโอกาสมากมายที่ประติมากรรมพวกนั้นอาจจะตายไปถ้าพวกมันพยายามเข้าไปต่อสู้ใกล้ๆท่ามกลางสงครามน่านน้ำในครั้งนี้
“ในอีก 20 ปีข้างหน้าพวกมันก็จะทำให้ฉันร่ำรวย
ฉันไม่อาจปล่อยให้พวกมันต้องมาตายอยู่ที่นี่หรอกนะ”
ถ้าหากว่าเรืออับปางไป
จากนั้นประติมากรรมทั้งหมดที่ว่ายน้ำไม่เป็น ก็อาจจะจมน้ำตายได้
และนั่นคงกลายเป็นเรื่องที่เลวร้ายสุดๆไปเลย!
นอกจากนี้เหล่าประติมากรรมสลักชีพก็มีพลังมหาศาลที่จะสามารถกลายร่างเพื่อเปลี่ยนกระแสของการต่อสู้ได้
ในความเป็นจริงก็มีความเสี่ยงอันตรายอยู่บ้างเช่นกันที่จะแสดงให้พวกกองเรือรบให้เห็นที่นี่!
ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าประติมากรรมสลักชีพยังสามารถโบยบินไปบนอากาศและแหวกว่ายอยู่ในน้ำได้
พวกที่เหลือนั้นก็เลยถูกสั่งไม่ให้เข้าไปในสนามรบทันที
หลังจากปล่อยเหล่าประติมากรรมสลักชีพเอาไว้แล้ว
วีดจึงกลับไปสนใจที่สนามการต่อสู้อีกครั้ง
บริเวณที่มีกองเรือดรินเฟลด์ลอยลำยุ่งเหยิงอยู่กับกองเรือผีสิงเป็นพัลวัน
กองเรือผีสิงจมลงไปทุกครั้งที่มีปืนใหญ่ยิงออกมา
เหนือท้องทะเลแห่งนี้ไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีแต่เปลวไฟลุกโหมผสานกับเสียงคำรามดังสนั่นจนหูดับตับไหม้
ด้วยลูกปืนใหญ่ที่ถูกยิงออกไปที่พวกมันอย่างไร้ความปราณี
นั่นมันผิดพลาดตั้งแต่แรกเริ่มแล้วที่ถ้าหากว่าปราศจากคำสั่งการของเนโครแมนเซอร์
พวกมันที่เป็นอันเดดที่สติปัญญาต่ำก็ต่อสู้ไปตามวิธีการของพวกมันอย่างไร้หัวคิด
และแล้วกองเรือผีสิงที่อยู่ในสนามรบก็ถูกสั่งการและควบคุมโดยวีด
“จัดรูปขบวนทัพแล้วก็เคลื่อนไปสกัดข้างหน้าของศัตรูโดยเร็ว!
ส่วนเรือผีสิงไมเคิลแองเจลโล่ก็อ้อมไปอีกทาง!”
ในขณะที่พวกเรือผีสิงลำเล็กๆหลายลำถูกใช้ให้เปลี่ยนเส้นทางไปแล้วก็อับปางไป
เพราะว่าถูกกระหน่ำยิงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเรือเหล่านั้นมีเรือสำราญลำใหญ่ที่ได้กลายเป็นเรือผีสิง
เรือไมเคิลแองเจลโล่นั่นเอง!
มันเป็นเรือที่ได้หายสาบสูญไปแบบปุบปับพร้อมกับผู้โดยสาร
590
คน บนเรือและกลายมาเป็นเรือผีสิง เรือเปลี่ยนทิศทางไปเพื่อสกัดกองเรือหน่วยที่สองด้วยการปาดหน้าเข้าไปขวางทางไว้
“แล่นไปทางฝั่งซ้ายสิเว้ย!”
กัปตันของเรือรบแผดเสียงออกมาเพื่อสั่งให้หลบเรือไมเคิลแองเจลโล่ที่กำลังจะชน
แต่ว่ากลับมีเรือผีสิงลำเล็กลำอื่นๆลอยอยู่บริเวณนั้นด้วยเช่นกัน
ชาวประมงที่ได้กลายเป็นอันเดด
หว่านแหหาปลาของเขาลงไปในทะเล
“ข้าควรจะได้กินปลาคนเดียวหลังจากที่จับได้แล้ว”
“ข้าเกลียดฉลาม
ข้าเกลียดฉลาม ฉลามกลืนข้าไปทั้งตัว ข้ากลัวจริงๆ”
เรือรบปะทะเข้ากับเรือประมงและชะลอเรือเอาไว้ได้
ทำให้เรือไมเคิลแองเจลโล่ชนเข้ากลางลำ ผสานงาอย่างจัง
อุบัติเหตุทางจราจรครั้งใหญ่เกิดขึ้นบนท้องทะเลแล้ว!
ถึงแม้จะไม่มีปืนใหญ่พวกมันก็สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับตัวเรือของศัตรูได้
จนทำให้เกิดแรงกระแทกรุนแรงผลักลูกเรือตกลงสู่ทะเล
ในตอนที่กัปตันเรือและเหล่าลูกเรือที่ล้มลงระเนระนาดบนพื้นดาดฟ้าเรือ
ต่างพากันพยายามที่จะทรงตัวยืนขึ้นมา
เหล่าผู้โดยสารอันเดดจากเรือผีสิงก็หลั่งไหลกรูเข้ามาที่พวกเขา
“นี่มันก็นานมากแล้วตั้งแต่ที่เราได้ออกมาข้างนอกอย่างนี้”
“คุกเข่าลงไปเร็วเข้า
ท่านลอร์ดมาร์ควิสกำลังฟื้นขึ้นมาแล้ว!”
ท่ามกลางเหล่าผู้โดยสารก็มีเหล่าสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีชั้นชนสูงมากมายที่ได้กลายเป็นอันเดดตอนที่อยู่ภายในเรือ
“เรือลำใหม่งั้นหรอ
เราควรจะขโมยแล้วก็คุมเรือลำนี้ไปเป็นเรือผีสิงซะ”
เหล่าอันเดดที่มาจากเรือสำราญกระโดดขึ้นไปบนเรือรบแล้วก็จับคนไปพร้อมกับร้องเพลงไปด้วย
“กี๊กี๊กีกี!”
แม้แต่พวกลิงอันเดดก็ขึ้นเรือไปแล้วก็โหนไปมาบนเชือกจากบนเสากระโดงเรือ
(นึกถึงเจ้าจ๋อแจ็คที่อยู่ในเรื่อง Pirate of the Caribbean)
มีอันเดดมากเท่าที่จะมากได้อยู่บนเรือสำราญลำนั้น
ในตอนที่เรือรบถูกสกัดเอาไว้
เรือผีสิงลำอื่นๆก็ทะลักออกมาและล้อมอยู่ทั่วทุกทิศทุกทางเช่นกัน
ในตอนที่เรือผีสิงเข้าโอบล้อมไว้ได้แล้ว
ก็มีอันเดดมากมายกระโจนออกมาจากเรือและเข้ายึดเรือรบได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ตริ้ง!
-คนในเรือทั้งหมดถูกฆ่าตายแล้ว
เจ้าของเรือรบพรีเดเตอร์ได้ถูกเปลี่ยนเป็นอันเดดแล้ว
เรือรบพรีเดเตอร์จะถูกเปลี่ยนไปเป็นเรือผีสิง
ทันใดนั้นเรือรบก็เปลี่ยนให้ดูเก่าลงไปในทันที
เรือผีสิงกลายร่างน้องใหม่เริ่มเข้าไปยักย้ายจัดการปืนใหญ่ของพวกมัน
“ยิงให้หนำใจไปเลย!”
พวกมันเริ่มกระหน่ำยิงไปที่กองเรืบรบของดรินเฟลด์จากบนเรือผีสิงของพวกมัน
วีดได้สร้างความได้เปรียบอย่างชาญฉลาดจากเรือผีสิงที่กลายร่างลำใหม่แล้วเริ่มจมเรือเร็วลำอื่นไปเรื่อยๆ
พวกเรือผีสิงธรรมดาถูกจัดตำแหน่งเอาไว้ให้กั้นทางกองเรือรบของดรินเฟลด์เอาไว้ทุกทิศทุกทางที่พวกเขาสามารถแล่นผ่านไปได้
เมื่ออยู่บนท้องทะเล
เรือลำหนึ่งสามารถแล่นผ่านไปได้หลายทิศทาง แต่อย่างไรก็ตาม ความเร็วเรือรบนั้นก็ตกลงอย่างมากด้วยเช่นกัน
ในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะยิงปืนใหญ่ของพวกเขาบนเรือ
มีช่องทางว่างๆที่มุ่งไปทางหนึ่งเปิดออกมาอย่างจงใจ
กองเรือรบที่แล่นเรือตรงไปที่ช่องนั้นก็ถูกซุ่มโจมตีและโดนกระหน่ำยิงใส่โดยเหล่าทหารเรือผีสิงที่กำลังรอคอยอยู่
การโจมตีมากมายที่มาจากกองเรือผีสิง
สร้างผลกระทบรุนแรงมาก แถมยังหยุดกองเรือไม่ให้แล่นไปตามทางของมันได้เลย
“พวกแกก็ออกไปสู้ด้วย!”
วีดอัญเชิญแวนฮอร์คและโทริออกมา
“ข้าสัมผัสกระแสพลังมหาศาลแผ่ออกมาจากนายท่าน”
“คี๊ฮ่าฮ่าๆๆๆ!
พลังที่ข้าเสียไปกลับคืนมาแล้ว พวกมันซึมซับเข้าไปในกระแสเลือดของข้า”
ความสามารถอันแข็งแกร่งแห่งอันเดดที่ออกมาจากออร่าแห่งความตายเข้ามาสถิตอยู่ในร่างของแวนฮอร์คและโทริแล้ว
ออร่าแห่งความตายหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของพวกมันในตอนที่พวกมันถูกอัญเชิญออกมา
การเป็นลูกสมุนดั้งเดิมของบัลข่าน
แต่เดิมแล้วทั้งโทริและแวนฮอร์คเป็นมอสเตอร์ระดับบอสที่แข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ
แต่ว่าพวกมันก็ไม่ได้มีเลเวลเท่าเดิมอีกแล้วตั้งแต่ที่พวกมันเจอกัน
แถมเลเวลก็เติบโตขึ้น 200
ถึง 300 เลเวล
แต่อย่างไรก็ตามเมื่ออันเดดมีพลังสนับสนุนคุณสมบัติของเนโครแมนเซอร์
พวกมันจึงสามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้
พวกมันออกไปต่อสู้เพียงลำพังด้วยความแข็งแกร่งของตัวเองเพราะว่ามีเวทย์เสริมพลังของเนโครแมนเซอร์บลัฟช่วยด้วย
คนๆหนึ่งนั้นจะต้องมีทักษะอันเดดระดับสูงเพื่อที่จะอัญเชิญพวกมันออกมาอย่างเหมาะสมและใช้ทั้งแวนฮอร์คกับโทริได้
แต่ว่ากับวีดเขากลับตีพวกมันอย่างน่าอนาถมากมายหลายครั้ง เพื่อทำให้พวกมันติดตามเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข
“เราจะต้องเข้าไปใกล้ๆเรือด้วย”
สามฉลาดโฉดแห่งคาบสมุทรเบคกี้นิน
ก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน พวกเขานำเรือผีสิงแล่นเข้าไปใกล้ๆพวกกองเรือราชอาณาจักรฮาเว่นที่พวกมันสู้ด้วยอยู่
“ไปกันเถอะ!”
แวนฮอร์คกระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือของศัตรู
ส่วนเดทไนท์ก็ถูกอัญเชิญออกมากกว่าร้อยครั้งแล้ว
เนื่องจากทักษะเนโครแมนเซอร์ที่ถูกคลุมเอาไว้ของวีด
มานาของแวนฮอร์คก็เพิ่มขึ้นและก็อนุญาตให้มันสามารถอัญเชิญกองทัพอันเดดที่แข็งแกร่งของตัวเองออกมาได้อีกด้วย
กองทหารที่เดทไนท์อัญเชิญออกมานั้นมีเหล่าม้าปีศาจวิ่งออกมาเหยียบย่างบนดาดฟ้าเรือของศัตรูพร้อมกับพวกมันด้วย
“เราจะสู้ด้วยวิธีที่เราต้องการ
เราคือเผ่าแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์! จงออกไปดูดเลือดของพวกมันซะ!”
ส่วนเจ้าโทริก็กลายร่างเป็นค้างคาวดวงตาสีแดงฉาน
เนื่องจากมันเป็นค่ำคืนที่มืดสนิท
การระดมยิงของกองเรือรบแห่งราชอาณาจักรฮาเว่นอ่อนด้อยลงไปในขณะที่ความคิดที่จะใช้เจ้าโทริก็ผุดขึ้นมา
เพราะว่ามันแข็งแกร่งมากขึ้นในตอนกลางคืน
เหล่าค้างคางแวมไพร์ก็ถูกพิจารณาขึ้นมาเป็นพิเศษเนื่องจากค่อนข้างยากที่จะต่อกรกับพวกมันในการต่อสู้เหนือน่านน้ำแบบนี้
โทริและแวมไพร์ตัวอื่นๆก็กลายร่างเป็นค้างคาวเช่นกันและเข้าโรมรันเรือรบที่อยู่ใกล้เคียงดั่งพายุ
เหล่าลูกเรือและนักเดินเรือผู้ที่เป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมปืนใหญ่
ก็ถูกกัดเข้าที่ต้นคอของพวกเขา
แล้วจากนั้นเหล่านักเดินเรือที่โทริดูดเลือดอยู่ก็กลายเป็นข้ารับใช้ของเขาไปในทันที
“พวกแกคือคือลูกสมุนของข้า”
“ครับ
ท่านลอร์ดของข้า”
“โจมตีและไปเอาชีวิตสหายของพวกเจ้าซะ”
“ขอรับ
ท่านลอร์ด”
เหล่าลูกสมุนนั้นยิงปืนใหญ่ของพวกมันไปที่อดีตสหายทหารเรือของพวกเขา
“ตู้ม ตู้ม”
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?
ยิงพลาดหรอ?”
“ตู้ม ตู้ม”
“พวกเขายิงเราอีกแล้ว
เตรียมตัวตอบโต้!”
นี่สร้างความสับสนที่พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใจใครกันแน่
ในขณะที่เหล่าแวมไพร์กำลังต่อสู้อยู่
พวกมันก็ได้กางเวทย์ลวงตาของพวกมันออกไป
ค่ำคืนนี้คือโลกของเหล่าแวมไพร์
ที่พวกมันสามารถเป็นอิสระและโบยบินไปมาบนท้อง
ฟ้าได้อย่างปราดเปรียว
ในฐานะจอมเวทย์อมตะ
ลิช วีดออกไปต่อสู้ดั่งถูกชะตากับเจ้าแวนฮอร์คและโทริ
การเคลื่อนไหวของพวกมันแทบจะไม่สามารถมองตาได้ด้วยตาเปล่าๆ ทำให้ยากที่จะไล่ตามไปได้
เมื่อออกมาถึงท้องทะเลเปิด
วีดก็เห็นปิงหลงและพวกไวเวิร์นบินเป็นวงกลมเตรียมพร้อมต่อสู้อยู่ไกลออกไป
“พวกแกก็ออกไปสู้ด้วย ไป!”
วิหคทองคำ
วิหคเงิน ฟีนิกซ์ หรือแม้แต่พวกมอนสเตอร์ทะเลไร้ชื่อก็ถูกสั่งให้ออกไปร่วมต่อสู้
“ออกไปสู้ที่แถบชายฝั่งไป
ปิงหลงกับพวกไวเวิร์น พวกแกจะเป็นคนนำทัพออกไปต่อสู้”
“รับทราบ นายท่าน”
พวกไวเวิร์นกับปิงหลงรู้สึกมีความสุขมากๆ
“พวกเจ้าอาจจะทุกข์ทรมานยิ่งกว่านี้เพราะว่าพวกเจ้าเกิดก่อน
แต่ในตอนนี้ในฐานะเหล่าพี่ชาย พวกเขาอยู่ลำดับสูงสุดของการจัดลำดับอาวุโส”
“มากับพวกเราสิ!”
เหล่าสัตว์ทะเลสลักชีพได้เข้าไปรวมกลุ่มเพื่อออกไปสู้พร้อมกับพวกมอนสเตอร์ทะเล
ผสานรูปแบบไปกับการบินเหนือท้องฟ้าโดยเจ้าปิงหลง ฟีนิกซ์ และพวกไวเวิร์น
เป็นรูปแบบกลยุทธ์ที่สมบูรณ์มาก
พวกมันโบยบินเหนือท้องฟ้ายามราตรี
มีจันทราสาดแสงลงผืนน้ำทะเลเป็นประกายระยิบระยับ พร้อมใช้กรงเล็บฉีกกระชากใบเรือเป็นชิ้นๆ
เหล่ากะลาสีเรือที่กำลังยิงปืนใหญ่อยู่ก็ถูกโฉบตัวเอาไปและปล่อยลงสู่ทะเล
“สถานการณ์การต่อสู้ของเราเสียเปรียบมากเลยครับ
พลเรือเอก”
เหล่าทหารเรือของดรินเฟลด์กำลังลดหายลงไปเรื่อยๆ
แต่ปัญหาที่แท้จริงก็คือเรือที่อับปางไปแล้วกลายเป็นเรือผีสิงและเริ่มโจมตีใส่พวกพ้องของพวกเขาต่างหาก
ออร่าแห่งความตายแผ่รังสีออกมาจากทักษะเนโครแมนเซอร์ของวีด
ไหลทะลักครอบคลุมไปทั่วทั้งเรือผีสิงของเขาแล้วทำให้เหล่าเรืออับปางฟื้นคืนขึ้นมากลายเป็นเรือผีสิงอยู่ตลอดเวลา
“ช่างเป็นไอ้พวกสารเลวที่น่ารำคาญซะจริง”
ในจำนวนกองเรือกองผีสิงนั้น
มีเรือโบราณคร่ำครึอยู่มากมาย
ความเร็วในการแล่นเรือกับอาวุธปืนใหญ่ของพวกมันก็ไม่ได้มากมายอะไรมากนัก
แต่รูปแบบการต่อสู้ของพวกมันก็พอใช้ได้
วีดควบคุมการป้องกันและเสริมความแข็งแกร่งให้กับรูปขบวน
เพื่อปกป้องเรือขนของล้ำค่าที่มีความเสี่ยงจากการถูกโจมตี
ถึงแม้ว่ากองเรือรบของดรินเฟลด์จะมีอาวุธอันน่าเกรงขาม
แต่กองเรือผีสิงก็กำลังยั๊วเยี๊ยะไปทั่วทุกพื้นที่แล้วภายใต้การป้องกันของเหล่ามอนสเตอร์ทะเล
“นี่กลายเป็นการต่อสู้แบบประชิดตัวแบบซึ่งๆหน้าไปแล้วครับ
ท่านพลเรือเอก”
กองเรือของดรินเฟลด์ถูกรวบรวมขึ้นมาจากอาวุธที่ถืออยู่
ทุกๆคนที่อยู่บนเรือพวกเขาจะถูกคัดเลือกจากความคิดที่ว่าปืนใหญ่ดีกว่าดาบในการต่อสู้เหนือน่านน้ำ
ตอนที่อยู่ในฐานทัพนั้น
พวกเขาไม่เคยต่อสู้แบบตัวต่อตัวมาก่อน เพราะว่าโดยปกติพวกเขาจะล้มคู่ต่อสู้ที่เป็นการสู้กับพวกมอนสเตอร์หรือว่ากองเรือรบ
กองกำลังทหารที่อยู่บนเรือธงของดรินเฟลด์และกลุ่มอาสาสมัครของกิลด์เฮอร์มีส
ล่องเรือไปรอบๆแล้วจมเรือผีสิงลงได้ด้วยการโจมตีเวทย์ไฟกับเวทย์ศักดิ์สิทธิ์
กองเรือผีสิงนั้นเหนือกว่ามากในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว
นี่มันเหนือยิ่งเสียกว่าการต่อสู้เหนือน่านน้ำธรรมดาๆซะอีก
การปกป้องจากเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่านักบวชร่ายให้กับเรือนั้นถูกเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงจากเหล่าอันเดดที่กระโจนเข้าไปโจมตีรายตัว
จนทำให้เกิดความหวาดผวาและแตกตื่นเป็นอย่างมาก
เรือของวีดยังยึดที่มั่นอยู่ที่ฝั่งของเรือรบอีกลำตรงแหลมของเกาะ
เป้าหมายอันยิ่งใหญ่นั้นไม่จำเป็นต้องถูกตัดสินว่าถูกต้องไหม
เพื่อที่จะผนึกลงสู่หน้าประวัติศาสตร์ให้ได้ (หมายถึง การบันทึกลงสู่หน้าประวัติศาสตร์ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องดีๆ
เพราะคนที่ชนะต่างหากถึงจะได้จารึกลงหน้าประวัติศาสตร์)
“นี่แหละคืองานเลี้ยง!”
พวกมนุษย์ที่น่าอนาถทั้งหลายเอ๋ย!
ภายในดวงตาของวีดนั้นเห็นเพียงแค่ค่าประสบการณ์และไอเท็ม
เขาได้ต่อสู้เคียงข้างเหล่าอันเดด
กวัดแกว่งดาบเข้าโรมรันเข้าใส่เหล่ากะลาสีเรือ
ในไม่ช้าวีดก็ฝ่าเข้าสู่การต่อสู้ยามราตรีครั้งนี้ในที่สุด
“นั่นมันลิชนี่!”
ทันทีที่พวกเขาเห็นวีด
แรงใจที่จะต่อสู้ของพวกเขา ก็หล่นฮวบลงในทันทีและเหล่าลูกเรือก็เริ่มวิ่งหนีไป
นี่ก็คงเป็นเพราะความกลัวที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาจากผลของออร่าแห่งความตายของลิชที่แผ่ออกมา
ในความเป็นจริง
ทุกๆครั้งที่การต่อสู้นั้นยากลำบากมากสำหรับวีด
มันกลับเพิ่มความเร้าใจให้กับเขาแทน
อาชีพเนโครแมนเซอร์อาจจะอ่อนแอกับพวกอาชีพสายนักบวชแต่มันก็เป็นสายอาชีพที่ยอดเยี่ยม
วีดคว้าเข้าที่ต้นคอของเหล่าลูกเรือที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุนอย่างมันส์มือ
“ทักษะสูบมานา!”
เขาเริ่มสูบเอามานามาจากเหล่าลูกเรือ
แล้วจากนั้นก็อัญเชิญกองเรอผีสิงที่อับปางไปกลับขึ้นมาอีกครั้ง
ฟองอากาศเริ่มตีกันจนเป็นฟองคลื่นเหนือผืนน้ำทะเล
จากนั้นเรือผีสิงลำหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาจากใต้ทะเล
นี่คือความน่ากลัวของลิชที่แสดงออกมาจนไม่อาจหาที่ใดเปรียบได้
ในตอนที่ค่าพลังชีวิตของพวกศัตรูที่ถูกฆ่าตายเปลี่ยนไปเป็นมานา
ก็ยังมีเหล่าอันเดดและเรือผีสิงฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากพลังของออร่าแห่งความตายด้วยเช่นกัน
แถมค่าพลังชีวิตและมานาที่เพิ่มขึ้นอีกครั้งนั้นก็ถูกใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้เหล่าอันเดดอีกด้วย
ภายใต้ท้องทะเลลึก
ก็มีเรืออับปางผีสิงผุดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จุดแข็งของลิชก็คือ
การควบคุมกองทัพอันเดดราวกับเป็นราชันย์
ดรินเฟลด์กำลังเฝ้าดูภาพทั้งหมดที่เกิดนี้จากที่ห่างไกลออกไป
พวกเขาไม่สามารถยิงปืนใหญ่ออกไปได้
เพราะว่าทั้งกองเรือผีสิงและเรือรบของพวกพ้องยุ่งเหยิงอีรุงตุงนังอยู่ใกล้ๆใจกลางนั้น
แถมนี่ยังทำให้พวกจอมเวทย์ยังเป็นกังวลมากขึ้นกับความอลหม่านวุ่นวายในพื้นที่รอบๆ
อีกประเด็นที่น่าเป็นกังวลก็คือบริเวณที่มีฝนตกลงมานั้นอีก
“มันเป็นไปไม่….”
“โทษที
ว่าไงนะ?”
“พวกเขาไม่ได้เข้าไปต่อสู้แบบตัวต่อตัวโดยไตร่ตรองให้ดีก่อน
แถมยังรออย่างเอ้อระเหยในตอนที่เรากำลังตามหลังพวกเขามา ใช่ไหมละ?”
“…”
ถ้าหากกองเรือของดรินเฟลด์จะไปต่อสู้บริเวณธารน้ำไร้เยือกด้วยอาวุธปืนใหญ่ที่เหนือกว่าพวกมัน
ก็คงจะเป็นไปได้ที่พวกเขาจะชนะกองเรือผีสิงพวกนั้นได้อย่างขาดลอย
ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาซักหน่อย
แต่อย่างไรก็ตาม
ในตอนที่พวกเขาทำอย่างนั้น วีดก็คงหนีไปได้ไกลแล้ว
แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสภาพที่ไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม
ก็ต้องจับวีดในการต่อสู้ครั้งนี้ให้ได้
ดรินเฟลด์สงสัยว่าจะมีโอกาสไหมที่วีดได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว
ถึงการต่อสู้ของเรือรบแบบประชิดตัวบนท้องทะเลแบบนี้
ถ้างั้นก็คงต้องประเมินวีดใหม่อีกครั้งซะแล้ว
ไม่ใช่แค่บนพื้นดินแต่ยังบนท้องทะเลด้วย
เขารู้วิธีที่จะต่อสู้ด้วยพลังเต็มที่ของเขา แถมยังสร้างความได้เปรียบของสนามรบมากเท่าที่จะเป็นไปได้อีก
ควบคุมการต่อสู้ให้แสดงอานุภาพออกมาขนาดนี้
แถมยังบัญชาการพวกอันเดดให้แสดงความสามารถที่แท้จริงของแต่ละตนอีก
นี่คือการคาดการณ์จากภายนอกของดรินเฟลด์
ถึงแม้ว่าเรือฝั่งหน้ากับฝั่งหลังจะอ่อนแอสุ่มเสี่ยงอยู่บ้าง
แต่ที่อยู่บนดาดฟ้านั้นแข็งแรงสุดๆ แถมจริงๆแล้วบนดาดฟ้าเรือก็มีปืนใหญ่แค่ 9% เท่านั้นที่ถูกติดตั้งเอาไว้เมื่อเทียบกับฝั่งอื่นๆ
ปัจจัยที่สำคัญมากที่สุดเมื่อออกไปสู้ท่ามกลางเรือหลายลำก็คือการวางตำแหน่ง
แต่ว่าเรือผีสิงนั้นมีระดับการเคลื่อนที่และความสามารถในการหันตัวเรือที่กว้างขวางอยู่แล้ว
วีดพุ่งเข้าสู่การต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้น
กองเรือของดรินเฟลด์ที่รวมกลุ่มเข้าด้วยกัน
ได้กลายเป็นเรือผีสิงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ได้รับความเสียหายจากปืนใหญ่ค่อนข้างมาก
และเพราะว่าไร้เส้นทางหลบหนี ทางเลือกเดียวของพวกเขาก็คือต้องสู้
ไม่ว่าใครก็สามารถเชี่ยวชาญชำนาญในการต่อสู้เหนือน่านน้ำได้
แต่การต่อสู้แบบตัวต่อตัวแบบนี้ คงจะไม่มีข้อแก้ตัวไหนเลย คงได้เพียงแค่รับรู้ทักษะที่แท้จริงของวีดเท่านั้น
เขาเชี่ยวชาญทั้งสองสนามรบ เหนือกว่าที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ซะอีก
ภายในเขตลาส
ฟาลังคซ์ เหล่าศัตรูพวกนี้(วีด)ถูกกล่าวหาว่าเป็นความขี้ขลาดที่โจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวและสร้างความวุ่นวายขึ้นมา
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีข้อแก้ตัวใดๆได้แต่รับรู้ถึงความสามารถบัญชาการกองทัพของศัตรูเท่านั้น
เขามีศักยภาพอันยอดเยี่ยมที่จะเป็นพลเรือเอกแห่งท้องทะเลแห่งนี้
ไม่ใช่แค่ฉลาดปราดเปรื่องในสนามรบหนึ่งหรือสองสนามเท่านั้น
แต่เป็นสามสนามรวมอยู่กับเขาคนเดียวต่างหาก
นั่นจึงทำให้เขาเปิดทัศนคติมุมมองและการประเมินในตัววีดกว้างมากขึ้น
“เฮ้ย ไอ้พวกโง่! แล่นไปให้เร็วๆหน่อย ใครบอกให้พวกแกนับเหรียญทองกันนะห๊ะ? พวกแกอยากถูกเกี่ยวตัวเข้ากับสาหร่ายทะเลหรืออยากไปกองอยู่ใต้ทะเลลึกๆมืดนั้นอีกหรือไงห๊ะ?
ไอ้แขนเดียวที่โพกผ้าขี้ริวนั่นนะ แกจะทอดสมอเรือหาพระแสงอะไรว่ะ?
เร็วเข้า แล่นไปเร็วๆ พวกแกอยากจะจมลงไปอีกซักครั้งหรือไงห๊ะ!”
วีดออกคำสั่งเรือผีสิงด้วยคำดุด่าเหน็บแนมแสนเจ้ากี้เจ้าการเรื่อยๆมากมาย
เพื่อให้พวกมันทำงานอย่างที่สั่งไป
แม้ว่าในตอนที่พวกมันจะมองไม่เห็นเขาแต่พวกมันก็ยังคงได้ยินเสียงของเขาอย่างเต็มสองหู
(ผู้แปล: หลอนเวอรรรรร)
“ก็ช่วยไม่ได้ละนะ
ติดต่อกับราชาโจรสลัดกริฟฟิทที่เก่งในการต่อสู้แบบประชิดตัวอันยุ่งเหยิงแบบนี้
บอกมันว่าพวกมันได้รับอนุญาตให้ออกไปต่อสู้ได้เหมือนกัน”
เหล่าโจรสลัดทอดสมอของพวกเขาลงและสอดส่องมองไปรอบๆทั้งๆที่ยังไม่ออกมาจากธารน้ำไร้เยือกด้วยซ้ำไป
ความกลัวของดรินเฟลด์ก็คือกองกำลังเรือรบของเขาจะสูญเสียความเคารพที่ได้สั่งสมมาจากกิลด์เฮอร์มีสและเขาก็ยังต้องนำความอับอายไปให้ชื่อเสียงกิลด์ของพวกเขาอีกด้วย
“ในที่สุดก็ถึงตาพวกเราออกโรงซะที
ออกเรือได้! ”
เหล่าโจรสลัดที่เฝ้ามองดูอย่างเงียบๆ
จนกระทั่งตอนนี้ก็ออกเดินเรือไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
นี่คือการร่วมมือกันของทหารเรือและโจรสลัด!
กองเรือโจรสลัดรุดแล่นเรือเข้าไปใกล้กับเรือผีสิงที่เกาะติดอยู่กับเรือของทหารเรือที่อยู่ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวอยู่
“โจมตี!”
“ไปกวาดล้างพวกอันเดดนั่นซะ!”
เหล่าโจรสลัดได้เข้าร่วมการต่อสู้บนเรือรบแล้ว
การต่อสู้ที่พลุกพล่านไปด้วยเหล่าอันเดด
การต่อสู้ที่คุกรุ่นดุเดือดระหว่างโจรสลัดและเหล่าอันเดดในตอนที่เรือได้แล่นเข้าไปประชิดแล้ว
กองเรือผีสิงพยายามหาทางเข้าไปยึดเรือรบและเข้าไปโจมตีพวกเขา
แต่พวกมันก็ถูกผลักออกมาจากเรือ
บริเวณที่เป็นธารน้ำไร้เยือกที่ผสมผสานเข้าด้วยกันกับท้องทะเล
ได้กลายเป็นสมรภูมิรบอันดุเดือด ครึ่งหนึ่งคับคั่งไปด้วยกองเรือรบของราชอาณาจักรฮาเว่นและเรือของเหล่าโจรสลัด
ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งอัดไว้ด้วยกองเรือผีสิง
เหล่าเดทไนท์ก็กำลังต่อสู้แบบประชิดตัวอยู่บนดาดฟ้าเรือของเรือผีสิง
ในขณะที่เรือลำอื่นๆกำลังอับปางลงเพราะการถูกระดมยิงอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเวลาที่เหมาะเจาะกองหนุนของวีดก็มาถึงในที่สุด
“วีด พวกเรามาถึงแล้ว!”
เพลและเรือของพวกพ้องของเขาได้มาถึงน่านน้ำที่อยู่ใกล้ๆกับเขตลาส
ฟาลังคซ์แล้ว
จากนั้นสายฝนรุนแรงก็เริ่มกระหน่ำลงมาอีกครั้ง
ฮวายองเริ่มแต่งหน้าของเธอด้วยเครื่องสำอางที่ทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติภายในห้องผู้โดยสารเรือ
ผิวพรรณของเธอช่างขาวใส
นุ่มและเรียบเนียนราวกับผิวของเด็กทารก
มันสำคัญอย่างมากที่จะแต่งหน้าเพื่อช่วยให้เธอดูสวยโดดเด่น!
อาชีพนักเต้นสามารถปรับปรุงค่าสถานะรูปลักษณ์ของพวกเขาได้ด้วยการแต่งหน้า
“วันนี้ฝนตก
ไม่ทาอายไลนเนอร์ละกัน งั้นฉันแค่ปัดแก้มก็พอละ”
เธอปล่อยผมของเธอลงมาอย่างเป็นธรรมชาติจนถึงระดับเอว
หนึ่งในสิทธิพิเศษของการเป็นนักเต้นก็คืออัตราการเติบโตของเส้นผมของพวกเขา
ก็เพราะว่าเส้นผมของพวกเขานั้นยาวเร็วมากจึงทำให้พวกเขาสามารถจัดแต่งออกแบบทรงผมได้หลากหลายมากมาย
ฮวายองเปลี่ยนไป
เป็นคนที่ดูเจิดจรัส เสน่ห์เย้ายวนใจ และบริสุทธิ์ผุดผ่องที่สุดที่ออกมาจากภาพลักษณ์ที่ดูมั่นๆหยิ่งๆนั้น
ตริ้ง!
-ท่านได้แต่งหน้าของท่านเสร็จสมบูรณ์แล้ว
เสน่ห์ +21%
ความดึงดูดใจ+15%
โชคดี+29%
เอฟเฟ็คของทักษะการเต้น+31%
ในตอนที่ท่านสวมบนบาทเป็นหญิงสาวขายดอกไม้หรือขนมปัง
สถานการณ์จะทำให้คุณเป็นที่ชื่นชอบมากยิ่งขึ้น
เอฟเฟ็คจะยังคงมีผลตราบเท่าที่เครื่องแต่งหน้ายังอยู่บนใบหน้า
ตั้งแต่ยังเป็นผู้เล่นใหม่แล้ว
เธอก็ได้ออกแสดงบนเวทีที่แตกต่างมากมาย
จนตอนนี้ใบหน้าของเธอเกือบจะเหมือนใบหน้าจริงของเธอแล้ว รูปร่างของเธอก็คงพูดได้ว่าสมส่วน
“นี่ก็นานมากแล้วนะเนี่ย งั้นฉันควรจะแสดงโชว์เต้นที่ตราตรึงที่สุดให้วีดได้ดูละกัน”
ในตอนที่ฮวายองรู้สึกพึงพอใจกับรูปลักษณ์ของเธอหน้ากระจกอยู่
เธอก็ถอดต่างหูกับสร้อยคอที่เธอสวมอยู่ออก
มันเป็นชุดเครื่องประดับที่ดีสำหรับนักเต้น
แต่ว่าค่าคุณสมบัติของพวกมันไม่ได้เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้เลย
เธอสวมใส่ชุดเดรสสีขาวแบบซีทรูแนบเนื้อ
จากนั้นเรือของเพลก็แล่นมุ่งตรงมาที่ใจกลางของสนามรบ
“ชิ ตอนฝนตกพลังเวทย์มนต์ของฉันก็อ่อนลงสิ…แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ละนะ ทอร์นาโดเพลิง!”
โรมูนะร่ายเวทย์ของเธอลงสู่ใจกลางการต่อสู้บนท้องทะเลที่กำลังดำเนินอยู่นั้น
เปลวไฟลุกโหมขึ้นรุนแรงเหนือท้องทะเลและลุกลามออกไปเรื่อยๆทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบ
ด้วยแรงลมหมุนทำให้เปลวไฟสูงขึ้นจนไปถึงสวรรค์เลยทีเดียว
ลมหมุนอันแปรปรวนผสานเข้ากับเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้
โหมกระหน่ำ กำลังลอยขึ้นสู่อากาศ!
จากนั้น ลูกบอลไฟก็ร่วงหล่นลงสู่กองเรือรบ
“เล็งเป้า…ยิง ศรต่อเนื่อง!”
เพลยิงลูกธนูเล็งไปที่เส้นเชือกที่ยึดใบเรือเอาไว้บนเรือรบ
การพยายามที่จะยิงเชือกที่แกว่งไปมาให้โดนภายใต้สายฝนที่หลั่งรินเช่นนี้
เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ว่าหัวธนูที่ถูกแกะขึ้นมาเป็นพิเศษนั้น มีตะขอหน้ากว้างกรีดใบเรือใหญ่ลงมาผ่าครึ่งออกจากกัน
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ยุติการต่อสู้ลง
แต่เขาก็ปลีกตัวออกมาเพื่อสกัดการเคลื่อนที่ของเรือศัตรูได้
‘เจ้าคนที่สวมหมวกสีแดงนั่นต้องเป็นกัปตันเรือแน่เลย’
แล้วกัปตันและผู้ช่วยผู้บังคับการเรือก็ถูกดักยิงด้วยลูกธนู
ส่วนเซเฟอร์ก็เหวี่ยงเบ็ดตกปลาของเขาใส่พวกโจรสลัดที่เข้ามาใกล้
จัดการตรึงพวกมันเอาไว้ไม่ให้ขึ้นมาบนเรือ
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่บทบาทที่สำคัญมากนัก
แต่มันก็หยุดเหล่าโจรสลัดที่พยายามขึ้นมาบนเรือได้
แม้แต่เซอร์กะก็เหวี่ยงหมัดของเธอเพื่อสกัดพวกศัตรูไม่ให้ขึ้นมาบนเรือได้เช่นกัน
เพลบ่นพึมพำขณะที่เขาพาดลูกศรใส่คันธนูพร้อมกับเดินไปด้วย
“เมลอนจะต้องชอบนี่แน่ๆเลยถ้าเธออยู่ที่นี่ด้วย”
มันเป็นการผจญภัยที่เมลอนจะต้องอิจฉาแน่ๆ
ไม่มีใครอยากจะพลาดการต่อสู้แบบนี้หรอก
แต่อย่างไรก็ตาม
งานของเธอคือจะต้องออกอากาศเหตุการณ์ครั้งนี้ในรายการพิเศษ
ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกนอกเสียจากต้องยอมแพ้ที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ไป
นั่นมันช่างน่าเศร้าสำหรับคนทำงานจริงๆ
“ยิงงง
จมเรือพวกมันซะ!”
แต่ก็แน่นอนละ
มีปืนใหญ่อยู่บนเรือโจรสลัดเช่นกัน
ด้วยคำสั่งของเพลพวกเขาจึงสามารถขยายขอบเขตการโจมตีพวกเขาเพื่อจมเรือของพวกโจรสลัดได้
ตู้ม ตู้ม
ตู้ม ตู้ม ตู้ม
ภายในสนามรบอันดังกึกก้องของเสียงยิงปืนใหญ่ที่ดังสนั่นบวกกับเสียงปะทะกันของคมดาบ
ก็มีเสียงเล่นพิณที่โดดเด่นดังกังวานขึ้นมา
ที่ยืนอยู่บนรังกา
จินตกวี เบลล็อตได้เริ่มขับขานเสียงพิณออกมาราวกับโดนสิงสู่
“อะไรว่ะ?”
“เธอกำลังทำบ้าอะไรนะ
บรรเลงเพลงใจกลางสนามรบเนี่ยนะ?”
เหล่าโจรสลัดพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ภายใต้พายุห่าฝนอันรุนแรง
บทเพลงที่พวกเขาได้ยินนั้นมีพลังอำนาจมากที่คงจะพูดเกินไปในขณะที่มีการต่อสู้อันดุเดือดเกิดขึ้นอยู่อย่างนี้
มันน่าเหลือเชื่อสุดๆสำหรับเธอที่จะบรรเลงเพลงที่อ่อนนุ่มดุจดั่งความฝันภายในสถานที่แห่งนี้
ฮวายองลุกขึ้นจากที่ที่เธอนั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือในตอนที่เพลงเริ่มบรรเลงขึ้นมา
เธอกระซิบด้วยเสียงเบาๆอย่างตื่นเต้นว่า
“ฉันคงจะไม่มีโอกาสที่จะได้แสดงบนเวทีแบบนี้แน่ๆ?”
จากนั้นเธอจึงค่อยๆเดินขึ้นไปบนยอดของเสากระโดงเรือ
ผลเอฟเฟคที่ถูกผสานเข้าด้วยกันของทอร์นาโดเพลิงกับเมฆทมิฬทำให้เกิดภาพมายาเปล่งแสงสีแดงฉานของอาทิตย์อัสดงออกมา
ฮวายองเปียกโชกไปทั้งตัวด้วยน้ำฝน
ทำให้ชุดเดรสสีขาวของเธอแนบติดเนื้อของเธอทุกๆครั้งที่เธอขยับตัว
การเต้นบูบิบูบิที่เธอแสดงอยู่บ่อยๆนั้นส่งผลให้กับศัตรูระยะใกล้ๆเท่านั้น
(ผู้แปล: นี่คือการเต้นรำที่เกี่ยวข้องกับการเสียดสีและการเคลื่อนไหวที่เซ็กซี่ทั่วๆไป,
ซึ่งนำไปสู่ชื่อ บูบิ บูบิ ซึ่งแปลตามตัวอักษรว่า "ถูถู"
- มันไม่ได้มาจากคำว่า "หน่มน๊ม(booby booby) credit: koyocopilot เล่ม 17 ตอน 8)
จุดที่อันตรายมากๆของการเต้นบูบิบูบิก็คือแสดงให้เห็นเนื้อกายวับๆแวมๆและยั่วยวนผู้ที่เห็นมันเข้า!
อย่างไรก็ตาม
ภายในสนามรบอันกว้างขวางแห่งนี้บวกกับสายฝนกระหน่ำรุนแรง การเต้นธรรมดาๆคงใช้ไม่ได้ผลแน่ๆ
แม้นในวันที่ฝนตกอย่างนี้
นักเต้นคนนี้ก็เต้นอย่างบ้าคลั่ง มันไม่มีผลอะไรกับฮวายองเลย แม้นจะมีผู้คนนับล้านตะโกนและกรีดร้องออกมา (เสียงกรีดร้องในสงคราม)
“การได้เห็นผู้ชมดูฉันอยู่บนเวที
มันก็ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนๆกันนั่นแหละ เพราะนี่คือการเต้นของฉัน”
เมื่อลองนึกไปถึงช่วงเวลาที่เธอยังเป็นเด็ก
สายฝนก็หลั่งรินลงมาและเธอเพียงแค่คิดว่าพวกมันเป็นดั่งกับตัวหนอนที่ร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์เท่านั้น
สายฝนที่ทำให้ผืนดินชุ่มช่ำ
สายฝนที่นำไปสู่ชีวิต
นี่เป็นสายฝนตามแบบที่ผู้คนใฝ่ฝันถึงอย่างบริสุทธิ์ใจและปรารถนาที่จะร่ายรำอยู่ภายใต้มัน
ฮวายองเริ่มเต้นบัลเล่ต์ได้อย่างอ่อนช้อยสง่างาม
มือทั้งสองวาดเป็นวงกลมและเหยียบย่างเดินออกไปด้วยปลายเท้าของเธอ
สายลมกรรโชกสับส่ายร่างกาย
สายฝนโชกชุ่มทั่วเรือนร่าง ปลดปล่อยความเร่าร้อนออกมา แม้นว่าจะยากแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เธอร่ายรำด้วยจังหวะของสายฝนที่โปรยปรายในขณะที่เต้นรำออกมาด้วยความร่าเริง
“ล๊าลาลาลา” (ผู้แปล: ลั้นลาเวอรรร)
เธอร่ายรำและเคลื่อนตัวไปพร้อมกับสายลมขณะที่ฮัมท่วงทำนองสอดคล้องสายฝนที่หลั่งริน
ในขณะที่มือเท้าของเธอวาดเส้นไปอย่างยืดหยุ่น
สายตาและการแสดงออกบนใบหน้าของเธอก็ดึงดูดหัวใจของผู้ชมได้อย่างต้องมนต์เสน่ห์
มันรู้สึกราวกับว่าคุณถูกดูดเข้าไป
เป็นความสามารถที่ครองทั่วทั้งเวทีแสดงไว้ได้
ช่างสวยและสง่างาม
เธอช่าง…
เธอเต้นไปด้วยความสุขที่เต็มเปี่ยมดุจดั่งภูติสาวที่หลงรักในสายฝนที่กำลังโปรยปราย
ราวกับว่าเธอจะไม่ได้พบพานเจอกับสายฝนนั้นเป็นครั้งที่สอง
ชุดของเธอโชกชุ่มไปด้วยน้ำฝนไปทั่วทั้งเรือนร่าง
แผ่ความรู้สึกเร้าอารมณ์และชวนเสน่หาไปที่ตัวเธอ
ช่วงคอที่บอบบางและใบหน้าที่ใสซื่อบวกกับดวงตาที่สวยสดงดงาม
เรือนร่างอันน่าหลงใหลเป็นจุดที่คุณสามารถจ้องมองดูไปได้ตลอดทั้งวัน
ขณะที่เส้นผมที่ยาวสลวยโชกชุ่มไปด้วยน้ำฝนซัดส่ายไปมารอบๆ
เส้นผมที่ยาวสลวยชุ่มไปด้วยน้ำฝนสะบัดไปมา
แม้จะมีสายฝนที่โรยรินลงมาปะทะเข้าใส่เธอก็เป็นเหมือนดั่งเครื่องประดับให้เธอได้ยืนอย่างสง่าผ่าเผย
เธอช่างรักในการเต้นจริงๆ
ช่วงเวลานี้ราวกับว่าโลกใบนี้คือเวทีที่เอาไว้ให้เธอร่ายรำ
การร่ายรำที่แสนมีชีวิตชีวาที่เธอได้เริ่มขึ้นนั้นอัดแน่นไว้ด้วยความเร่าร้อนและเร้าอารมณ์หลั่งไหลออกมา
ไม่ว่าจะเป็นเวทีแบบไหน
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชมกลุ่มใด
มันไม่สำคัญถ้าหากว่ามีคนนับหมื่นอยู่เบื้องหน้าเธอเช่นนี้แล้ว
ดุจดั่งมนต์เสน่ห์อันน่าพิศวงของเทพีที่มิอาจมีใครสามารถจับต้องได้
“อ๊า……”
ขากรรไกรของเหล่าทหารเรือและโจรสลัดหล่นค้างลงมา
นั่นเพราะนักเต้นรำฮวายองกำลังร่ายรำอยู่
พวกคุณไม่อาจละสายตาออกไปจากการร่ายรำนั้นได้เลย
เนื่องจากสถานะความสับสน
อัตราความสำเร็จในการใช้ทักษะจะลดต่ำลง
ค่าพลังกายของท่านลดต่ำลง
ในบริเวณธารน้ำที่อยู่ใกล้เคียงนั้น
การเต้นรำของฮวายองได้ดึงดูดสายตาของเหล่าทหารเรือNPC และเหล่าโจรสลัดNPC แม้กระทั่งเหล่าผู้เล่นโจรสลัดและผู้เล่นทหารเรือเอาไว้ เป็นเพราะว่าฮวายอง
พวกเขาทุกคนล้วนตกอยู่ในภวังค์
จบตอน
ผู้แปล: Cole’s
Myth
Editor:
แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล
ขอบคุณครับ
ตอบลบใกล้ได้เวลาวีดรูทไอเทมกิลล์ใหญ่ละ
ตอบลบขอบคุณมากมายที่มอบความสุขอย่างต่อเรื่อง
ตอบลบฮวายองเต้นเพื่อวีดเลยนะ ส่วนวีดเหรอคิดในใจ ที่นี้แหล่ะแจมเทมของช้านนนนน ไม่ได้สนซักติ้ด กำแพงสูงมากฮวายองสู้สู้
ตอบลบกิ๊กจะมาแย่ง ผช. คืนแล้วนะยูนอย่ายอมมม
ตอบลบปล.ขอบคุณทีมแปลและแอดมากๆครัชไวมากดีต่อใจ อิอิ
งดงามหลายๆๆ
ตอบลบยกเว้นวีด
ตอบลบพวกอันเดดคงไม่หลงเสน่ห์ไปด้วยหรอกนะ ไอพวกนี้ยิ่งบ้าๆอยู่ ฮ่าๆ
ตอบลบจบศึกนี้เรตติ้งวิดีโอไม่รู้จะเบียดเข้าไปติด1ใน5อันดับแรกได้มั้ย?
ขอบคุณมากมากมากมากครับ
ตอบลบรวดเร็มเสมอ ขอบคุณครับ
ตอบลบโจรสลัดมาแว้วว...
ตอบลบขอบใจหลายๆเด้อออ