เล่ม 21 ตอนที่
7 ออร่าแห่งความตาย แปลโดย Cole’s Myth
“อะแฮ่ม ลมโชยอ่อนๆกำลังดีเลยแหะ”
วีดเอ่ยขึ้นมาผ่านรอยยิ้มบิดเบี้ยวแกมโกงของเขา
เนื่องจากความจุของเรือขนาดกลางนั้นถึงขีดสุดแล้ว
ความเร็วของเรือจึงเนิบช้าอย่างเห็นได้ชัด
“เราต้องหนีออกจากวงล้อมนี้ให้ได้โดยด่วน”
เจ้าวิหคทองคำบินกลับไปกลับมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
ลาดตระเวนเพื่อที่จะรายงานตำแหน่งของศัตรูให้วีดได้รู้
พวกเขามุ่งหน้าตรงไปที่ทะเลอันโล่งกว้างและพยายามให้มากที่สุด
เพื่อที่จะหลุดออกไปจากศัตรูของพวกเขาให้ได้ จากการคาดคะเนด้วยสายตา เมื่อถึงระยะสิ้นสุดของเขตธารน้ำไร้เยือกนี้แล้ว
พวกเขาก็จะสามารถหลุดหนีออกไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม ศัตรูของพวกเขาสามารถขับเคลื่อนเรือได้ดีกว่า
“ถึงเวลาใช้สิ่งที่เราเตรียมการซะที
เนื่องในโอกาสนี้…”
วีดมอบหมายหน้าที่เหล่านั้นให้กับเหล่าประติมากรรมสลักชีพที่มีจะงอยปากและปีกทั้งหลายนั้นไปดำเนินการ
“ฉันอยากให้พวกแกอยู่ตรงบริเวณน้ำแข็งที่อยู่แถวๆนั้น
เมื่อไปถึงแล้วพวกแกจะเห็นตรงที่มีรอยน้ำแข็งแยกอยู่ ฉันอยากให้พวกแกกะเทาะน้ำแข็งให้แตกแยกออกจากพื้นดิน
ระวังตัวกันด้วยละ”
อีกอย่าง เขายังสั่งงานให้พวกมันกลับไปเอาของกลับมาด้วย
ของพวกนั้น คือ แจปเท็มจำนวนมากมายที่ได้มาจากการล่ามอนสเตอร์ในเขตลาส ฟาลังคซ์
เหล่าประติมากรรมสลักชีพใช้จะงอยปากหรืออุปกรณ์อย่างอื่นเพื่อตอกตรงริมฝั่งซอกเขา
ของแจปเท็มหลายถุงทะลักออกมาทั้งทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา
แล้วจากนั้นพวกมันก็รีบรวบรวมของทั้งหมดในทันที
ถ้าหากว่าคุณลองมองไปที่เจ้าเหลือง
คุณก็คงจะเห็นภาพที่น่าเวทนาแสดงออกมา
“ฉันดีใจจังที่บินไม่ได้”
วีดมีความสุขกับการลงทุนลงแรงกับพวกประติมากรรมสลักชีพในครั้งนี้
พวกมันคงจะทำงานให้เขาไปตลอดกาล
ทำงานห้าวันต่อสัปดาห์โดยไม่มีโบนัสประจำเดือนหรือว่าประจำปี
หรือแม้แต่ผลประโยชน์กำไรทางธุรกิจอื่นๆอีกด้วย
เจ้าเหลืองก็พยายามขอออกจากงานไปด้วยเช่นกัน
เมื่อถึงเวลาที่ลูกน้อยของมันเกิดมาแล้ว แต่ว่ามันก็โดนปฏิเสธ แถมยังถูกใช้งานหามรุ่งหามค่ำอีกต่างหาก
แถมยังถูกห้ามไม่ให้ปลดปล่อยความเป็นพ่อออกมาอีกด้วย!
การโดนทรมานขู่เข็ญอยู่ตลอดเวลา
ให้กินแล้วก็ทำงานใต้ดินภายในเหมือง เป็นประสบการณ์การทำงานที่เลวร้ายที่สุดก็ว่าได้
เขาได้ฝังแจปเท็มไว้ภายในน้ำแข็งตรงริมแม่น้ำเอาไว้ก่อนแล้ว
“ฉันพลาดโอกาสที่จะได้เก็บไอเท็มล้ำค่าอื่นอีก…”
วีดพูดออกมาด้วยความเศร้าโศกพร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยว
ความโศกเศร้าอัดอั้นอยู่ภายในใจของวีด
ขณะที่เขามองดูฉากหนังทิวทัศน์ของเขตลาส ฟาลังคซ์ และหวนให้นึกถึงฉากของหนังเรื่อง
Tears
for you เขาจึงแกล้งอ้าปากหาวขณะที่น้ำตาเริ่มจะไหลออกมา
วีดจึงตัดสินใจซื่อสัตย์กับความรู้สึกตอนนี้ของเขา
“น้ำตาแต่ละหยดของฉันมีค่า
800 เหรียญทอง ไม่ละ เอาเป็น 8,000 เหรียญทองละกัน
ไม่ว่าจะเป็นยังไงสถานการณ์แบบไหน ฉันจะไม่ยอมลดราคาให้แน่!”
แต่ไม่ว่าด้วยความหมายแบบใด
หยดน้ำตาพวกนี้กลับไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงของเขาเลย
“ความเครียดที่สั่งสม ทำให้เป็นโรคทางเดินอาหารได้
พวกแกไม่มีทางรู้ได้หรอกว่า การกินอาหารทุกมื้อมันก็เหมือนกับมีใบมีดเล็กๆอยู่ในท้องของพวกแก
เพื่อที่จะช่วยต่อสู้กับความเครียดนั้น ต้องเสียเงินไปมากมายเหลือเกิน
ฉันเอาเงินไปซื้อยานอนหลับที่ ไม่ทำให้ฉันอดตาย ยังจะดีซะกว่า! ”
เรือถูกขับเคลื่อนไปข้างหน้าสู่ท้องทะเล
วีดผู้มองไปยังทิศทางของเขตลาส ฟาลังคซ์ ก็มองเห็นกองทัพเรือจำนวนมากมายหนาแน่นปรากฏให้เห็น
เรือรบมากมายจากทั้งกองทัพเรือแห่งราชอาณาจักรฮาเว่นและกองทัพเรือแห่งกลุ่มโจรสลัดพันธมิตรก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา
“นี่มันเร็วกว่าที่ฉันคิดนิดหน่อยนะ
แต่ว่าฉันคงจะไม่รอให้พวกมันตามมาทันหรอก!”
เหล่าประติมากรรมหอคอยแสดงถึงบทบาทความเฉลียวฉลาดออกมามากที่สุดในช่วงเวลาที่ผ่านมา
โดยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบันเอาซะเลย
วีดปลดทักษะประติมากรรมจำแลงในรูปลักษณ์ของกริฟฟิทออกเพราะว่ามันหมดประโยชน์แล้ว
เขาถอดชุดที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษจากทักษะเย็บปักของเขาเองเพื่อที่จะได้ดูเหมือนกับกริฟฟิท
ในตอนที่เขากลับไปที่เมืองโมราต้าแล้ว
เขาคงจะขายชุดพวกนั้นออกไปได้ เพราะงั้นจึงต้องเก็บรักษาให้สะอาดเอี่ยมอ่องเอาไว้
ครั้งหนึ่ง
เขาเคยกลายร่างไปเป็นลิช ชุดคงจะสามารถดัดแปลงตัดแต่งอะไรที่ไม่จำเป็นออกไป ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์รูปร่างที่มาจาการเปลี่ยนร่าง
พลังอำนาจของอันเดดนั้น
มักจะทำให้เกิดความกังวลอยู่เสมอ แต่ว่ามันก็จำเป็นอย่างมากที่สุดในการออกคำสั่งการกองเรือผีสิงทั้งหลายเหล่านี้
“ประติมากรรมจำแลง!”
จากนั้นวีดก็กลายร่างเหมือนกับประติมากรรมของจอมเวทย์อมตะลิช
คล้ายกับแบบที่เขาถือเอาไว้อยู่ในมือซึ่งทำให้รูปร่างของเขาดูแก่ขึ้นค่อนข้างมาก
วีดในร่างลิช
(잡연서는) กำลังลอยอยู่กลางอากาศ
เขาลอยอยู่สูงจากพื้นอย่างน้อย 30 เซนติเมตรและปกคลุมไปด้วยออร่าดำทะมึนวนเวียนอยู่รอบตัวของเขา
ไม่ว่าใครก็ตาม
ที่ได้เห็นฉากอันน่าพิศวงด้วยดวงตาคู่นี้ ต่างพากันกลืนนำลายของพวกเขาลงคอไปโดยที่พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจอันท่วมท้นในรูปลักษณ์จอมเวทย์อมตะลิชของวีด
-ทักษะประติมากรรมจำแลง
เปิดการใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ประติมากรรมที่ถูกแกะสลักโดยประติมากรคนหนึ่งด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันท่วมท้น
ตอนนี้เขากลมกลืนกับผีดิบตนอื่นแล้ว!
-ร่างกายของท่านได้เปลี่ยนเป็นลิช
อุปกรณ์ทั้งมวลไม่สามารถใช้การได้ แนะนำให้ท่านเปลี่ยนพวกมัน
ท่านไม่สามารถสวมใส่อุปกรณ์มิทธริลหรืออุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ได้
มันจึงสำคัญอย่างยิ่งสำหรับท่านในการหาอุปกรณ์ชิ้นใหม่ให้เหมาะสมกับเผ่าพันธุ์
-ค่าสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะเป็นผลมาจากการใช้ทักษะการแปลงร่าง
ขีดจำกัดด้านการใช้พละกำลังทางร่างกายหายไป
เมื่อท่านใช้ทักษะของเนโครแมนเซอร์
ท่านจะได้รับเอฟเฟคเพิ่มขึ้น 25%
เอฟเฟคการลอยตัวจะถูกใช้อย่างเป็นธรรมชาติ
(จะลอยเองโดยไม่ต้องคุม)
เอฟเฟคพลังเวทย์เพิ่มมากขึ้น
เป็นเพราะผลจากค่าสถานะทางศิลปะที่สูง
ท่านได้จำแลงร่างเป็นผู้อัญเชิญอันเดด
เอฟเฟคออร่าแห่งความตาย
ได้ถูกปลดล็อคแล้ว
ยกเว้นค่าสถานะความเป็นผู้นำและเสน่ห์
ค่าสถานะอื่นๆทั้งหมดจะลดลง
สถานะความโชคดีลดต่ำลงจนถึงขีดสุด
ระดับพลังชีวิตและมานาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทักษะสูบชีพและสูบมานาสามารถแสดงประสิทธิภาพได้เพิ่มขึ้น
20%
แต่ไม่สามารถใช้การได้เมื่ออยู่ใต้แสงแดด
ทักษะสามารถใช้เพื่อฟื้นฟูระดับพลังชีวิตและมานาได้
ตอนนี้ท่านอ่อนแอต่อพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก
รูปลักษณ์นี้จะคงอยู่ จนกว่าทักษะประติมากรรมจำแลงถูกปลดออก
-คำเตือน!
ผลข้างเคียงจากการใช้ทักษะประติมากรรมจำแลงเป็นจอมเวทย์อมตะลิช
การกระทำทั้งหมดที่ทำด้วยรูปลักษณ์นี้จะเป็นผลการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อเหล่ามวลมนุษย์
การกลายร่างเป็นลิชโดยสมบูรณ์(Complete
Lich Variation): 19.3%
-จากการใช้ทักษะประติมากรรมจำแลงเป็นลิช
ท่านได้เพิ่มค่าความเข้าใจในประติมากรรมขึ้น 1 เลเวล
ค่อยดูเหมือนกับลิชที่สุดยอดแล้วจริงๆหน่อย!
“แต่ว่าฉันอยู่แค่ระดับต่ำเท่านั้นนิ”
วีดชำเลืองดูรูปร่างที่เปลี่ยนไปของเขาพอผ่านๆแล้วก็รู้สึกพอใจกับการเปลี่ยนแปลงนั้น
เขากลายร่างเป็นลิชโครงกระดูกที่ดูดาดๆไม่ได้เรื่อง
ฉันเลเวลลดต่ำลงมากเลยเมื่อเทียบกับลิชไชร์
แถมยังดูไม่สมบูรณ์แบบเมื่อเทียบกับลิชบัลข่านที่มีเลเวลสูงกว่า
แต่ตอนนี้
ฉันมีทักษะของเนโครแมนเซอร์ ออร่าแห่งความตาย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และการฝึกฝนศาสตร์มืด
ฉันสามารถขยายขอบเขตการอัญเชิญอันเดดได้มากกว่าเดิม ด้วยการแลกเปลี่ยนความตายของพวกมัน
หนึ่งในข้อเสียของออร่าแห่งความตาย
คือ ขอบเขตของมันยังเล็กอยู่ เขาจึงจำเป็นต้องหาหนทางที่ดีกว่านี้เพื่อปรับเงื่อนไขให้น่าพอใจยิ่งขึ้นไปอีก
“ฉันไม่จำเป็นต้องใส่ส้นสูงเพื่อเพิ่มความสูงหรอกนะ”
เนื่องจากเขาลอยห่างจากพื้นอยู่
30
เซนติเมตร แววตาของเขาเปล่งประกาย เป็นเพราะรูปลักษณ์ของเขานั้น ได้ถูกปรับปรุงให้ดีมากขึ้น
อาชีพลิชนั้นจะแข็งแกร่งในเวลากลางคืน
แต่อย่างไรซะ เขาก็สามารถเคลื่อนที่ได้ดีในเวลากลางวันด้วยเช่นกัน
“ฮึ่มมมมม”
ในทางตรงกันข้าม
กองทัพเรือของดรินเฟลด์ยังคงไล่ตามพวกเขาอยู่ ในขณะที่พวกเขากำลังพยายามข้ามพ้นสถานการณ์คับขันเช่นนี้ให้ได้
“พวกมันจะถึงตัวเราในอีก
5 นาที”
ด้วยการนับความเร็วเรือของศัตรูภายในสมองและคำนวณว่าต้องใช้เวลามากเท่าไรถึงจะเข้าประชิดเรือของพวกเขาได้
มันอาจทำให้พวกเขาอยู่ในระยะการโจมตีเวทย์มนต์แล้วด้วย
เรือใบของวีดแทบจะหนีไม่พ้นกระสุนเวทย์ไฟที่ผ่านไปผ่านมาแบบหวิดๆ
ในขณะที่บรรดาลูกศรเวทย์กำลังพุ่งผ่านไปถึงเรือที่บรรทุกแจปเท็มเอาไว้อยู่นั้น
วีดก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งเข้า
“ทางนี้”
“พวกเราอยู่ทางนี้”
“ท่านวีด
พวกเรากำลังรอคอยท่านอยู่เลย ได้โปรดให้เราขึ้นเรือไปด้วยเถิด ทางนี้ครับ!”
ไกลออกไปจากธารน้ำ
มีรูปร่างที่คล้ายคลึงกับมนุษย์อยู่สามคน โบกมือและส่ายๆไปๆมาๆ ราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สมทุกข์ร้อนอะไร
แต่พวกเขาก็พบไปแล้ว (-.-)
คนกลุ่มนั้นเยียบย่างเดินอยู่บนพื้นธารน้ำแข็งและพยายามให้ถึงที่สุด
เพื่อที่จะมีชีวิตรอดให้ได้ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม
ด้วยความหวังที่ว่าวีดจะผ่านมาทางนี้ในตอนที่ออกไปจากบริเวณธารน้ำแห่งนี้
วีดลอยขึ้นไปทางดาดฟ้าเรือในทันที
เพื่อดูภาพนั้นจากทางซีกท้ายเรือของเขา
“อะไรนะ? ให้หยุดเรือเพื่อช่วยพวกแกงั้นหรอ กองเรือรบของดรินเฟลด์กำลังไล่ตามพวกเราอยู่นะ
แกรู้ไหม?”
“ได้โปรดท่านวีด
ให้พวกเราขึ้นเรือไปด้วยเถิด”
“โอ๊ะโอ! พลาดแล้วละ!
ฉันจะไม่ให้พวกแกขึ้นเรือมาด้วยหรอก”
“ท่านวีด พวกเราพยายามจะกลับไปยังตัวทวีป
แต่ว่ามันไม่มีหนทางอื่นแล้ว…”
สามัญสำนึกได้บอกเขาว่าในขณะที่หลบหนีออกจากธารน้ำแห่งนี้
แล้วยังต้องหนีบรรดากองทัพเรืออีก มันไม่มีทางเลยที่จะไปรับคนสามคนนั้นขึ้นมาได้ เขาจึงไม่มีภาระหน้าที่อันใดที่ต้องไปช่วยพวกเขา
หลังจากที่วีดผ่านพวกเขาแล้ว
ทั้งสามคนก็วิ่งข้ามธารน้ำแข็งด้วยเท้าเพื่อหาหนทางที่จะเข้ามาใกล้ตัวเรือ
ไม่มีต้นไม้สักต้นเพื่อเอามาสร้างแพได้
พวกเขาจึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะว่าเลเวลของพวกมอนสเตอร์นั้นอยู่เกินกว่าที่จะสามารถเอื้อมถึงได้
พวกเขาจึงลุยลงไปในธารน้ำไร้เยือก
แล้วเกาะแผ่นไม้เล็กๆ ไหลไปตามธารน้ำแข็งที่จมลงอยู่ในน้ำอันแสนเย็นยะเยือกเพื่อลุยข้ามผ่านบริเวณธารน้ำแข็งนั้นและออกไปยังมหาสมุทร
แน่นนอนว่าบนท้องทะเล
เศษธารน้ำแข็งนั้นมีแนวโน้มที่จะละลายแล้วก็แตกออกจากกัน แม้แต่คุณก็ยังเห็นว่านั่นเป็นภาพอันน่าสังเวชยิ่งที่แม้แต่คนตาบอดก็มองเห็นภาพนั้นได้เช่นกัน
“ได้โปรดให้เราขึ้นเรือไปด้วยเถิด!”
ทั้งสามที่กู่ร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง
พยายามที่จะลดความเร็วเรือลงในตอนที่วีดเข้ามาใกล้
วีดที่ตอนนี้อยู่บนยอดดาดฟ้าเรือจึงกล่าวออกมาว่า
“จะไปแผ่นดินใหญ่งั้นหรอ?”
“ใช่ครับ แน่นอนอยู่แล้ว
พวกเราเปลี่ยนไปแล้ว นิสัยเลวๆของพวกเราทั้งหมดนั้นได้หายไปแล้ว!”
บางทีถ้าหากพวกเขาอาศัยอยู่บนดินแดนเปลี่ยวร้างนี่ซักสองสามเดือนถึงหนึ่งปี
พวกเขาก็คงไม่กลายเป็นพวกสิ้นคิดอีกต่อไปแล้วก็เปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตของพวกเขาได้
บนโรยัลโร้ดนั้นเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความสุขและความสนุกสนาน
พวกเขาก็จะติดอยู่ในดินแดนอันไกลแสนไกลเป็นเวลานานแสนนานราวกับว่าพวกเขาถูกขังเอาไว้!
หยดน้ำตานั้นแทบจะไม่มีให้เห็นเลยในขณะที่พวกเขาทั้งสามแสร้งทำเป็นร้องไห้พร้อมกับทำน้ำมูกไหลไปด้วย
ในขณะที่พวกเขากำลังวิงวอนอยู่นั้น
ไฮนซ์ แฟรคตัล บรอดเมียร์ก็เป็นเหมือนกับลูกแกะที่แสนอ่อนแอ
วีดจึงตอบกลับไปอย่างนิ่งเฉยว่า
“ค่าธรรมเนียมขึ้นเรือของฉันนั้นค่อนข้างแพงหน่อยนะ….พวกแกมีเงินมากแค่ไหนละ?”
ถึงแม้ว่าเขาอาจจะเปลี่ยนไปเป็นลิช
แต่ว่าจิตใจที่ปรารถนาในเงินตรานั้นไม่น้อยลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว
ไฮนซ์กลอกตา
แม้ว่าคุณอาจจะเป็นวายร้ายที่แสนโด่งดัง แต่ถ้าคุณจะต้องพบเจอกับความเจ็บปวดทรมานอย่างเลี่ยงไม่ได้
คุณก็ควรจะตอบสนองกลับไปอย่างเชื่อฟัง
“เราสามคนรวมกันมีเงินอยู่
2,759 เหรียญทองครับ”
อีกนัยหนึ่งก็คือจำนวนเงินนั้น
เล็กน้อยมากจนสามารถทำให้วีดเพียงเดินหนีไป ได้อย่างง่ายดาย
แต่ในความเป็นจริงเขาแทบจะเอาไม่ถึงครึ่งของจำนวนเงินที่ถูกเสนอมานั่นเลย
วีดจึงพยักหน้ากับจำนวนที่ถูกเสนอมานั้นแล้วพูดออกมาว่า
“ค่าธรรมเนียมคือ 7,000
เหรียญทอง…เสียใจด้วยนะแต่ฉันไม่ยอมลดให้หรอก”
“เอ๋? แต่ท่านวีด
ท่านให้พวกเราขึ้นเรือไปแบบฟรีๆไม่ได้หรือ พวกเรารอคอยท่านมานานเลยนะ…ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่พวกเราจะสามารถจ่ายตามจำนวนที่ถูกเสนอไปนั่น
ท่านจะทิ้งเราเอาไว้อย่างนี้ไม่ได้นะ มันไม่มีทางให้พวกเราหนีออกไปจากที่นี่ได้เลย!”
“มันก็มีเรือลำอื่นผ่านมาทางนี้อยู่นะ
ถ้าหากพวกแกไม่มีเงิน งั้นก็ลองขึ้นเรือลำอื่นดูละกัน”
“ไอ้เจ้าพวกอันธพาลนั่นก็ทำให้ฉันยุ่งมามากพอแล้วนะ!
ฉันละสงสัยจริงจริ๊งว่ามันจะมีใครไหมที่จะยอมให้พวกแกขึ้นเรือนอกเสียจากฉัน
ถึงแม้ว่าที่ฉันคิดอยู่นี่ มันอาจจะพลาดไปหน่อยก็เถอะ”
“พวกแกลองหารือกันดูละกันแล้วก็ตัดสินใจว่าจะทำยังไง
ฉันมั่นใจอย่างยิ่งว่าพวกแกจะเห็นด้วยกับเหตุผลอันน่าดึงดูดของฉัน”
วีดเห็นว่าเจ้าเหลืองเหมือนกำลังจะพูดบางอย่าง
แต่จากนั้นมันก็ทำได้เพียงแค่ปิดปากเงียบและก็พยักหน้ารับเท่านั้น
“ถ้าหากว่าแกตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยุ่งยาก
งั้นแกก็จัดการกำจัดมันด้วยตัวแกเองเถอะ ทำหน้าที่ของแกให้ดีเถอะ แล้วก็อย่าละทิ้งหน้าที่ด้วยละ”
วีดตัดบทพูดด้วยการกล่าวโต้งๆเพียงแค่ครั้งเดียว
“มันขึ้นอยู่กับพวกแกแล้วละว่าจะจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไง”
เขาพูดราวกับไม่แยแสอะไร
“ลองคิดถึงระยะทางดูนะครับ
การที่จะขึ้นเรือไปด้วยเงินเพียงแค่ 200 เหรียญทองก็ยังถือว่าแพงเลยครับ”
“ถ้าพวกแกทนกับราคาแค่นี้ไม่ได้ งั้นก็ไปหาเรือลำอื่นเอาละเองกัน”
เรือไม่จำเป็นต้องรับพวกคนชั่วที่ไม่สมควรจะได้รับความเมตตาหรอก
เป้าหมายของวีดนั้นก็เพื่ออย่างเดียวเท่านั้น
ยังไงเขาก็กำลังจะออกไปจากที่แห่งนี้อยู่แล้ว
และพวกเขาก็กำลังกลับไปที่จุดหมายปลายทางเดียวกันอีกด้วย
เพราะว่าพวกจอมหลอกลวงนี้กำลังเข้าตาจน
เขาก็อาจจะขูดเลือดขูดเนื้อเอาจากค่าขึ้นเรือให้ได้เช่นกัน แล้วก็สอนบทเรียนให้พวกมันได้รู้เกี่ยวกับทัศนคติของพวกมัน!
“เฮ้ย
พวกแกนะเอาเงินมาให้เร็วๆดีกว่านะ”
“ถ้าเราไม่ไปกับเขา
เราก็จะติดอยู่ที่นี่นะ”
กองทัพเรือไล่ตามพวกเขา
จนเข้าสู้ระยะสายตา สามารถมองเห็นพวกมันได้ด้วยตาเปล่า
ไม่มีเวลามาต่อรองราคากันแล้ว
มาถึงระดับนี้แล้ว
ทุกๆอย่างคงจะสูญเปล่าเป็นแน่
เมื่อมองดูกองทัพเรือของดรินเฟลด์ที่ตีตัวเข้ามาใกล้
ทั้งบอร์ดเมียร์กับแฟรคตัลนั้นดูเป็นกังวลยิ่งกว่าวีดเสียอีก
ทั้งสามคนนำเงิน
อัญมณี และของมีค่าทั้งหมดของพวกเขาออกมาแล้วเริ่มนับคำนวณดู เป็นจำนวนทั้งสิ้น 7425 เหรียญทอง (ฉากเหมือนโดนรีดไถ่เงินจริงๆ)
“ท่านวีด เราจะจ่ายด้วย 7,000
เหรียญทองครับ”
“จ่ายล่วงหน้าด้วย”
ในระหว่างที่พวกเขาทั้งสามจ่ายเงินไป
7,000
เหรียญทองแบบหวุดหวิดและดีดตัวขึ้นเรือ พวกเขาก็ได้เจอกับกองทัพประติมากรรมสลักชีพอยู่บนดาดฟ้าเรือ
(ตอนไปเจอผีดิบ ตอนกลับเจอประติมากรรม ซวยแท้ๆ)
“มอนสเตอร์ทั้งหมดนี้มาจากที่ไหนกันนะ?”
“มันก็ยอดเยี่ยมอยู่นะแต่ดูน่าขนลุกสุดๆเลยละ”
เหล่าประติมากรรมทั้งหมดนั้นมีรูปร่างน่าขนลุกขนพองเอาการ
แถมรูปร่างพวกมันยังดูน่าตกตะลึงยิ่งกว่าที่เคยพบเจอมา
“พวกแกคงจะได้ติดอยู่ที่นี่ไปเป็นเดือนๆแน่
เพราะงั้นทำตัวดีๆจะได้ไม่มีปัญหา”
“ได้เวลาทำงานแล้ว”
พวกเขาหายใจเข้าเฮือกใหญ่และตระหนักว่าไม่มีทางให้ออกไปแล้ว
“จากนี้เป็นต้นไป
พวกแกขับเรือลำนี้นะ”
“รับทราบครับ เราจะขับเอง”
ทั้งสามจะทำทุกๆอย่างที่เขาสั่งมา
วีดคิดว่า แม้ว่าทักษะเดินเรือของเขานั้นจะพัฒนาไปมากแล้ว
แต่เพราะความเร็วของเรือนั้นช้ามากเนื่องจากความจุเกินขนาด เขาจึงสรุปเอาว่าทักษะของพวกมันอาจจะช่วยได้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกขนานนามว่า
สามฉลามโฉดแห่งคาบสมุทรเบคกี้ แต่พวกเขาก็ไม่เคยโดนจับตัวได้มาก่อน เพราะว่าทักษะการเดินเรืออันยอดเยี่ยมของพวกเขา
และเพราะว่าศัตรูเป็นกองทัพเรือแห่งราชอาณาจักรฮาเว่นและกองทัพเรือของกลุ่มพันธมิตรโจรสลัด
พวกเขาจึงจำเป็นต้องเพิ่มความเร็วของพวกเขาขึ้นเพื่อหลบหนีไปให้ได้
“ปรับใบเรือเพื่อลดระดับกระแสลม”
“ปรับทิศทางของเรือไปตามกระแสคลื่นให้มากที่สุดเพื่อเร่งความเร็วในการแล่น”
สามฉลามโฉดแห่งคาบสมุทรเบคกี้อยู่ในช่วงยุ่งๆ
วิ่งกลับไปกลับมาเพื่อปรับใบเรือกับเชือก เพื่องัดเอาความเร็วของเรือขึ้นมา
วีดรู้สึกยินดีจากเศษเสี้ยวที่อยู่ภายในใจของเขา
-เขาขูดรีดเอาของมีค่าไปหมดเลย
-เราเหลือเงินเพียงแค่
425 เหรียญทองเท่านั้นเอง
แม้นจะอยู่ในสถานการณ์ที่บ้าบิ่นที่สุด
วีดก็ยังคงจัดการหลอกลวงสามฉลามโฉดผู้ฉาวโฉ่ได้สำเร็จ
-นี่เขาคิดว่าเราจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำกับเรางั้นหรอ?
ตอนนี้เราอาจจะตามน้ำไปก่อน แต่เมื่อเวลาที่ใช่มาถึง เราจะปล้นเอาสมบัติของเขามาให้ได้
-ฆ่า ฆ่า ฆ่า
พวกเขากระซิบหากันและกันขณะที่กำลังทำงานอยู่
วีดเดินไปที่ดาดฟ้าเรือ
แล้วมองไปที่กองทัพเรือแห่งราชอาณาจักรฮาเว่นที่ใกล้เข้ามา แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า
“เฮ้ย พวกแกน่ะ?”
“ครับท่าน?”
“ฉันมีค่าอาหารด้วยนะ”
“เอ๋?”
“3 เหรียญทองสำหรับน้ำหนึ่งอึก 5เหรียญทองสำหรับปลาดิบหนึ่งชิ้นจนกว่าเราจะกลับไปถึงตัวทวีป”
นี่ถือเป็นความเผด็จการขนานแท้ที่เลวร้ายจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
เพียงเพื่อกอบโกยเอากำไรมากเท่าที่จะมากได้!
“อะไรทำให้ท่านคาดว่าเราจะยอมจ่ายสำหรับนั่นหรอ!”
แฟรคตัลพยายามโต้เถียงกลับด้วยเสียงแข็ง
แต่ก็ต้องชะงักแล้วตามมาด้วยโทนเสียงที่อ่อนนุ่ม
“นั่นมัน
เราจะล่องเรือนี้ไปจนกว่าจะถึงจุดหมายของพวกเรา
ฉะนั้นท่านสามารถจ่ายเงินให้เราสำหรับค่าเดินเรือให้เร็วที่สุดได้หรือไม่”
เจ้าเหลืองพยักหน้ารับพลางคิดว่ามันเป็นข้อเสนอที่ชาญฉลาดและเป็นข้อตกลงที่ดูสมเหตุสมผล
ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธข้อตกลงแบบนี้ได้เลย
“1 เหรียญทองแดงต่อวัน”
“เอ๋?”
“ถ้าพวกแกไม่ชอบ งั้นออกไป๊!”
“……”
เขาก็เปรียบเหมือนกับนักจี้ปล้นที่มาพร้อมกับมีด
ด้วยการใช้โอกาสที่น้อยที่สุดและขูดรีดทุกสิ่งทุกอย่างจากเหยื่อของเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้นเอง
พวกเขาไม่สามารถโต้เถียงกลับไปได้
เพราะว่าการตัดสินใจนั้นมาจากตำแหน่งที่ทรงอำนาจกว่านั่นเอง
แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือเหล่าประติมากรรมสลักชีพที่เขามอบชีวิตให้
พวกมันติดตามเขาอย่างกับว่าเขาเป็นดั่งพ่อแม่ของพวกมัน
เหล่าประติมากรรมสลักชีพที่เฝ้าดูทุกสิ่งทุกอย่างที่วีดกระทำและได้เรียนรู้ว่า
‘ทุกอย่างในชีวิตคือเงิน’ (เอาละ
เริ่มแพร่กระจายความงกแน่ๆ)
ดรินเฟลด์กำลังเฝ้าดู
ขณะที่พวกสามฉลาดโฉดแห่งคาบมหาสมุทรเบคกี้ปรากฏตัวขึ้น แล้วปล่อยให้ขึ้นเรือไป
ไอ้พวกงี่เง่า!
ดรินเฟลด์ยังคงมีความรู้สึกอันขุ่นเคืองไม่พอใจเพราะถูกเหยียดหยามก่อนหน้านี้
มันอาจจะลำบากในตอนที่อยู่บนพื้นดินแต่ว่าการพยายามที่จะหลบหนีทางผืนน้ำนั้นยากยิ่งกว่ายากซะอีก
บรรดาผู้นำแห่งกิลดิ์เฮอร์มีสนั้น
ตอกย้ำเขาทุกๆวัน เพื่อที่จะให้จับตัววีดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ผ่านการออกอากาศ
พวกเขาก็ได้เห็นวีดเป็นครั้งแรกทั่วทั้งทวีปเวอร์เซล
ในฐานะคนที่ประสบความสำเร็จภารกิจระดับ S ที่ยากที่สุด แม้จะมีการเข้าไปแทรกแซงจากพวกเขาก็ตาม
แม้ด้วยกำลังเสริมที่ถูกส่งมาให้พวกเขา
พวกเขากลับไม่ได้แสดงให้เห็นถึงอะไรที่พัฒนาในทางที่ดีขึ้นได้เลย
พวกเขาอาจจะทุกข์ทรมานขณะที่อยู่บนผืนดิน
แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้นั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงแล้วขณะที่อยู่บนท้องทะเลแห่งนี้
เขายอมรับว่าเขายังขาดประสบการณ์ในภาคพื้นดิน
แต่ว่าบนท้องทะเลนั้นเขาคือราชันย์
“มันก็แค่วิ่งหนีเอาชีวิตรอดแค่นั้นแหละหลังจากสิ่งที่มันทำเอาไว้
ไอ้โง่จอมยโสโอหัง”
ดรินเฟลด์ไม่ได้รู้สึกกังวลถึงตัวหมากที่กุมชัยชนะที่เขาต้องเดินเลย
เพราะความแตกต่างอันใหญ่หลวงระหว่างกำลังรบของเรือพวกเขากับของวีด
แต่เขากลับกังวลปฏิกิริยาตอบกลับของคนอื่นหลังจากที่เขาชนะแล้วต่างหาก
“ฉันควรเผด็จศึกมันด้วยการโจมตีครั้งเดียวเลยดีไหมนะ?
ไม่ดีกว่า นั่นมันเร็วเกินไปที่จะจัดการมัน หลังจากสิ่งที่มันทำลงไป”
การติดอาวุธยุทโธปกรณ์ด้วยปืนใหญ่รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับพลังในการยิงอันสูงส่ง
เรือที่กำลังล่องขนาดกลางหนึ่งลำจะถูกทำลายได้อย่างง่ายดายโดยไร้การต้านทาน
“เพราะว่ามันเป็นสงครามน่านน้ำ
มันจึงเป็นชัยชนะที่แสนง่ายดายสำหรับฉันโดยไร้ข้อกังขาใดๆ”
การที่ได้เห็นว่าพวกเขาได้รับชัยชนะปราศจากข้อคัดค้านใดๆ
พวกเราจำเป็นต้องจัดลำดับ เพื่อที่จะฟื้นเอาเกียรติของเราคืนมา ซึ่งนี่จะกลายเป็นหัวข้อในการออกอากาศเสียมากกว่า
เพราะว่ามันเป็นสงครามน่านน้ำที่เขาสามารถชนะได้
เขาก็อาจจะได้รับเรตติ้งจากโชว์อยู่บ้าง
“ท้ายเรือของพวกมันเข้ามาอยู่ในระยะแล้วครับ”
นายทหารเพตตี้ตะโกนออกไปด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง
สามฉลามโฉดแห่งคาบสมุทรเบคกี้นินกำลังล่องเรืออยู่
แต่กลับไม่สามารถเพิ่มความเร็วให้เพิ่มขึ้นมาจากเดิมได้เลย เพราะว่าการบรรทุกเกินพิกัด
ดรินเฟลด์ตัดสินใจอย่างหนักแน่น
แล้วออกคำสั่งบัญชาการกองทัพเรือ
“รุดหน้าเข้าไป
เตรียมการระดมยิง”
“อีกสักนิดหน่อย
ให้พวกมันเข้ามาอยู่ในระยะยิงซะก่อน”
“เริ่มระดมยิงไปทีเดียวเลย
แต่ให้เล็งไปให้ทั่วทุกทิศของพวกมัน”
หากเรือขนาดกลางที่กำลังแล่นอยู่นั้นจมไปอย่าง่ายดาย
นั่นคงจะดูไม่ได้เรื่องเอามากๆแน่
ศักยภาพการล่องเรือจะอ่อนด้อยลงไปขณะที่แสดงให้เห็นอานุภาพการรบอันโดดเด่นด้วยการระดมยิง
เขาดำเนินการเล็งโจมตีด้วยกองกำลังรบชั้นยอดไปที่เรือของศัตรู
ดรินเฟลด์กำลังตั้งเป้าไปสู่ชัยชนะที่สมบูรณ์แบบ!
คำสั่งการของดรินเฟลด์ส่งผ่านไปทั่วทั้งกองทัพเรือทั้งหมด
เรือรบของกองทัพเรือที่สองแห่งราชอาณาจักรฮาเว่นเคลื่อนตัวมาข้างหน้า
แล้วหันเรือเลี้ยวตรงแหลมเพื่อเปิดด้านข้างของตัวเรือออกมา
ประตูสี่ช่องถูกเปิดออกมา
แต่ละช่องมีปืนใหญ่ติดตั้งอยู่แล้วจากนั้นพวกเข้าก็เริ่มประเดิมยิงออกไปแบบต่อเนื่อง
ตู้ม…ตู้ม…ตู้ม..ตู้ม ตู้ม ตู้ม
ตู้ม ตู้ม!
เรือรบมากกว่าห้าลำระดมยิงปืนใหญ่ที่มีประตูเรือเปิดออกถึง
160
บานอย่างพร้อมเพรียงและลูกกระสุนปืนใหญ่กระหน่ำโจมตียิงเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
กระสุนปืนใหญ่ถูกยิงออกมาจากปืนใหญ่ที่ลอยละล่องทำวิถีแนวโค้งและร่วงหล่นพรูลงมาบริเวณไม่ไกลจากเรือของวีดมากนัก
กระแสน้ำสาดกระเซ็นมาจากธารน้ำ
ผสานเสียงก้องกังวานดังอึกทึก ดั่งถูกกระสุนยิงมาจากสรวงสวรรค์ด้วยความสูงของแนววิถียิงกว่า
10
เมตร
“บรรจุกระสุนปืนใหม่!”
พยุหะแสนยานุภาพของปืนใหญ่จากเรือรบที่พึ่งสาดกระสุนออกไปเมื่อกี้เริ่มบรรจุใหม่อีกครั้ง
เหล่าทหารกองปืนใหญ่ของกัปตัน
บรรจุกระสุนใหม่ด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เนื่องจากระดับทักษะและได้รับการฝึกให้เป็นลูกเรือที่สมบูรณ์แบบ
น้ำหนักที่มาจากจำนวนปืนใหญ่ที่ถูกติดตั้งไว้บนเรือ
ทำให้ระดับการเคลื่อนที่ของเรือลดต่ำลงมาก นั่นก็ถือเป็นข้อเสียเปรียบที่แท้จริง
จากนั้นเรือรบของดรินเฟลด์ได้ละเลงการตามล่าอีกครั้ง
ในครั้งนี้เรือรบอีก
7
ลำเบิกด้านข้างของตัวเรือพร้อมกับช่องที่เปิดอ้าเตรียมไว้
“ยิงงงงงง”
กระสุนปืนใหญ่
238
ลูก ถูกกระหน่ำยิงออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน!
ในครั้งนี้วิถีการยิงโจมตีนั้นยิ่งสูงเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก
และกระสุนปืนใหญ่ก็ร่วงหล่นลงไปในทะเล ทำให้เกิดระลอกคลื่นซัดกระเซ็นอีกครั้ง
แสนยานุภาพของปืนใหญ่ทั้งหมด
ได้ถูกแสดงออกมาจนหมดสิ้น ในขณะที่มีระลอกคลื่นลูกใหญ่ที่เกิดจากแรงปะทะของกระสุนปืนใหญ่
แล้วกระสุนปืนยิ่งใกล้เข้ามาถึงเรือของวีดเข้าไปเรื่อยๆ
“ระยะห่างเริ่มประชิดเข้าเรื่อยๆแล้ว
เร่งความเร็วให้มันมากกว่านี้สิวะ!”
“ตอนนี้ความเร็วเรือถึงขีดสุดแล้วครับ”
สามฉลาดโฉดแห่งคาบสมุทรเบคกี้นินที่กำลังพยายามกระเสือกกระสนอยู่บริเวณตัวเรือ
เพื่อที่จะเพิ่มความเร็วของเรือให้มากยิ่งขึ้น
วีดสามารถใช้มนต์ดำเพื่อสร้างเกราะกำบังจนกลายเป็นออร่าแห่งความตายได้
แต่เขายังไม่ต้องการที่จะใช้มันในตอนนี้
ฉากกระสุนปืนใหญ่ที่ร่วงหล่นลงสู่ธารน้ำนี้
เป็นภาพที่หาดูไม่ได้บ่อยนัก
ทำเลที่ดีที่สุดเพื่อเฝ้าดูการไล่ตามด้วยขอบเขตที่แสนคับแคบเช่นนี้ก็คือ
ส่วนท้ายของเรือ
เจ้าเหลืองที่แสนใจเสาะ
ขี้ขลาดตาขาวกำลังซ่อนตัวอยู่ที่ห้องพักภายในเรือ ถัดจากมันคือซอยูนที่มีใบหน้านิ่งราวกับหน้ากาก
“กระสุนปืนใหญ่นั้นแพงมากๆ
คงราคาประมาณ 3 เหรียญทองต่อลูก….เจ้าพวกนั้นนี่มีเงินมากมายมหาศาลจริงๆ”
พวกมันช่างโอ้อวดด้วยจำนวนเงินมากมายจนน่าอิจฉาซะจริง!
ธารน้ำถูกยึดครองโดยเรือจำนวนมากที่กำลังไล่ตามพวกเขามา
มันทำให้ฉันรู้สึกมวนๆที่ท้องซะจริงที่เห็นว่าพวกมันติดอาวุธที่เรือของพวกมันตรงขอบเรือไว้
ด้วยความมั่งมีของพวกมันอย่างนั้น
การพัฒนาเชิงพาณิชย์ภายในทวีปตอนกลางนั้นสูงมากเนื่องจากจำนวนประชากรที่สูง
คงเพราะนั่น จึงทำให้พวกทหารกองทัพเรือ ต่างก็ติดอาวุธมากมายขนาดนี้
เนื่องจากทัศนวิสัยที่ชัดเจนบนท้องทะเล
จึงทำให้การมองเห็นของพวกเขาดีไปด้วย
นั่นก็ทำให้เป็นไปได้ที่วีดจะสามารถมองเห็นพวกศัตรูจากทางท้ายเรือ แต่ก็เหมือนกับเขานั่นแหละที่ดรินเฟลด์ก็มีทัศนวิสัยที่ชัดเจนต่อทุกสิ่งทุกอย่างจากบนเรือของเขาเอง
วีดมักจะมีนิสัยเสียที่ชอบยั่วยุศัตรูของเขาให้โกรธอย่างจงใจ
ก็คงจะเหมือนกับอัศวินผู้กล้าหาญเฝ้ามองดูลูกแกะตัวน้อยๆกำลังเล็มหญ้าอยู่
ถ้าหากว่าเขาตายไป
เขาก็จะต้องเสียไอเท็มอันมีค่า แถมระดับความเชี่ยวชาญทักษะก็จะลดลงไปด้วย
ฉะนั้นการเฝ้าสังเกตการณ์และวิเคราะห์ศัตรูอย่างต่อเนื่อง
ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก
อีกทั้งความกล้าหาญองอาจ
ก็เป็นสิ่งจำเป็นด้วยเช่นกันเพื่อความอยู่รอด
กองทัพเรือแห่งราชอาณาจักรฮาเว่นกับเรือโจรสลัดไล่ตามพวกเขามาด้วยความเร็วเต็มที่ตามทางธารน้ำไร้เยือก
“ได้เวลาเริ่มแล้ว”
ในตอนที่เรือของศัตรูมาประจำตำแหน่งที่ตายตัวแล้ว
วีดก็กระชากเสียงออกไป
“ถึงเวลาแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้มอดไหม้แล้ว”
พวกประติมากรรมที่เหลือที่สร้างมาโดยหัวหน้าสมาคมประติมากรที่
8
นั้นมียักษ์เพลิงอยู่ตัวหนึ่งด้วย
เนื่องจากมันสร้างขึ้นมาจากไฟ
มันจึงไม่สามารถขึ้นมาบนเรือที่ทำมาจากไม้ได้ แถมอาจจะเป็นอันตรายกับประติมากรรมสลักชีพตัวอื่นๆอีกด้วย
เจ้ายักษ์เพลิงตัวนั้นจึงต้องอาศัยกับอย่างอื่นมาแทนที่จะได้ขึ้นเรือ
---------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากที่วีดจากมาเพื่อขึ้นเรือผีสิง
ปิงหลง ไวเวิร์น กับฟีนิกซ์ก็เพิ่มเลเวลของพวกมันจากการออกล่า
“กรี๊กกกกกกกกก!”
ปิงหลงใช้ลมหายใจน้ำแข็ง
ส่วนไวเวิร์นใช้การโจมตีดิ่งอากาศ (air drop) เจ้าฟีนิกซ์ก็ใช้ทักษะกงล้อเพลิงเพื่อทรมานพวกมอนสเตอร์ทั้งหมดในขณะที่กำลังออกล่า
พวกมันแข็งแกร่งมากแล้วถึงขนาดออกไปสู้ตัวต่อตัวได้
แต่ว่าตอนที่พวกมันกลับมารวมตัวกันเพื่อล่ามอนสเตอร์บนผืนดิน พวกมันกลับเป็นแค่พวกไก่อ่อนเท่านั้น
พวกมันใช้ชีวิตกินดีอยู่ดี
แต่ว่าพวกมันกลับรู้สึกคิดถึงอาหารอุ่นๆของวีด
“ข้าสงสัยจังว่านายท่านกำลังทำอะไรอยู่”
“ไม่มีนายท่านแล้วกินอาหารไม่ค่อยอร่อยเท่าไรเลย”
“พวกเราคงจะกินอะไรไม่อร่อยแน่เลยในสถานที่แบบนี้”
ครู่หนึ่งเจ้าไวเวิร์นก็ตัดสินใจพูดถึงวีดขึ้นมา
มันคงรู้สึกแย่มากเนื่องจากวีดนั้นได้จากไป นานถึงสามเดือนตามหน่วยเวลาของทวีปเวอร์เซล
“ข้าอยากจะกินอาหารที่ทำโดยนายท่าน
ตอนที่เขากลับมาข้าควรจะขอเขาให้ทำอาหารอร่อยๆให้กิน”
“ข้าอยากจะเจอนายท่าน
ข้าอยากจะกินอาหารที่นายท่านทำถึงแม้ว่าเขาจะรังแกพวกเราก็เถอะ”
ด้วยการที่พวกมันถูกสร้างขึ้นเป็นพวกแรก
เจ้าไวเวิร์นจึงใช้เวลาร่วมกันกับวีดมาเป็นเวลานาน ราวกับเขาเป็นพ่อแม่ของพวกมัน
ถึงแม้ว่าพวกมันจะถูกทำให้ดูน่าเกลียด
แต่พวกมันก็ไม่อาจทรยศเจ้านายของมันได้
“ข้าอยากไปหานายท่านมากจริงๆ”
ฟีนิกซ์เกิดมาพร้อมกับพี่น้องห้าตนแต่ตอนนี้เหลือมันเพียงแค่ตัวเดียว
ในตอนนี้ถึงแม้เปลวไฟแผดเผาลุกเหิมมากมายสักแค่ไหนแต่มันก็ยังรู้สึกโดดเดี่ยวมากอยู่ดี
ดังนั้นบางครั้งบางคราที่มันจะมองไปทางมหาสมุทรและร้องไห้ออกมาอย่างเศร้าสร้อยขณะที่คิดถึงวีด
“ข้าละสงสัยจริงๆว่าเราจะไปที่ที่นายท่านอยู่ได้ไหม?”
“การเดินทางด้วยการบินไปหานายท่านก็ดูไม่เลวนะ”
พวกไวเวิร์นนั้นมีประสบการณ์มากที่สุดในการเดินทางไกลกลับไปกลับมาระหว่างเทือกทางแดนเหนือ
พวกมันตะลอนไปทั่วทั้งทวีปอันแสนกว้างใหญ่ด้วยลักษณะนิสัยที่รักอิสระ
“งั้นเราไปที่ที่นายท่านอยู่กันเถอะ”
ปิงหลงตัดสินใจที่จะร่วมทางไปกับพวกมัน
เพราะว่ามันไม่อยากอยู่ตามลำพัง
“ข้าก็จะไปกับพวกเจ้าด้วย”
เหินขึ้นฟ้า
สู่ทางเหนือ!
การเดินทางไปทางเหนือที่ครอบคลุมไปด้วยธารน้ำแข็ง
ปิงหลงผู้ที่มีประสบการณ์สูงที่สุด นำทางพวกมันไป ดังนั้นพวกไวเวิร์นจึงได้บินตามแนวหลัง
พวกมันดูเหมือนกับกลุ่มนกอพยพ
เป็นประติมากรรมสลักชีพที่บินเร่ร่อนพเนจรเสาะหาเจ้านายของพวกมัน
“ไปทางนี้”
“กลิ่นมันทะแม่งๆนะ”
“ข้ารู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของนายท่าน
ความมีอยู่ของความชั่วร้าย ต่ำช้า แล้วก็มุ่งร้าย นี่ต้องเป็นนายท่านของเราแน่ๆ”
เหล่าประติมากรรมสลักชีพโบยบินไปทางพื้นดินดีกว่าบินไปทางทะเล
(ทางลัด) แล้วก็บินเข้าไปใกล้เขตลาส ฟาลังคซ์
“เกร๊ววววววววว! ข้ารู้สึกความแข็งแกร่งของข้าฟื้นคืนมา”
ค่าพลังชีวิตและค่าความแข็งแกร่งของปิงหลงเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาลเพราะว่าเข้าสู่เขตธารน้ำแข็งที่หนาวเย็น
แม้ว่าพวกไวเวิร์นกลับรู้สึกอ่อนแอกับความหนาวเย็น
แต่พวกมันก็ยังสามารถทนได้ เป็นเพราะเสื้อผ้าที่วีดทำไว้ให้ การบินเข้าไปใกล้เจ้าฟีนิกซ์ก็ช่วยให้พวกมันไม่แข็งตายได้เช่นกัน
“พวกเจ้าคิดว่านายท่านจะมีความสุขไหมที่เจอเรา?”
“แล้วถ้าหากว่าเขาโกรธแล้วก็ตีพวกเราละ?”
“ข้าไม่อยากโดนรังแกแล้วก็ปฏิบัติแย่ๆอีกแล้ว
บังคับให้กินน้อยๆแล้วก็บังคับให้เราทำงานตลอดเวลาอีก”
ไวทรีชูหัวของมันขึ้นแล้วถามพวกมันขึ้นมาว่า
“ข้าก็ทนไม่ได้แล้วเช่นกัน ถ้าหากว่าเราเริ่มออกล่าที่นี่แล้วค่อยไปหานายท่านทีหลังละเป็นไง?”
จากเวลาที่แสนมีความหมายและแสนยาวนานมาร่วมกัน
พวกมันรู้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่วีดจะให้ทำอยู่บนท้องทะเลนี้คืออะไร
เพราะงั้นเหล่าประติมากรรมสลักชีพจึงรออยู่ไม่ไกลจากเขตลาส
ฟาลังคซ์ ในตอนที่ออกล่าไปด้วย ส่วนพลังของเจ้าฟีนิกซ์นั้น ก็ไม่อ่อนด้อยลงไปเลยถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในเขตธารน้ำแข็งก็ตาม
เปลวไฟแผ่ความร้อนลุกโชนไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
มันเติบโตขึ้นด้วยการต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่มีค่าความต้านทานไฟสูง
ดังนั้นการต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่มีค่าความต้านทางน้ำแข็งจึงกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย
พวกมอนสเตอร์ที่อยู่ภายในเขตธารน้ำแข็งให้ค่าประสบการณ์สูงมาก
แถมคุณค่าทางโภชนาการของเนื้อพวกมันก็สูงด้วยเช่นกัน
เจ้าฟีนิกซ์
ปิงหลง กับพวกไวเวิร์นกำลังออกล่าเป็นปาร์ตี้!
ก่อนที่พวกมันจะออกไปตามหาวีด
พวกมันก็พบเข้ากับยักษ์เพลิงตนหนึ่งที่สาวเท้าก้าวเดินมาตามทางธารน้ำแข็ง
ชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมาจากศิลปะ
ท่ามกลางเหล่าประติมากรรมสลักชีพ พวกมันจึงสามารถจดจำมันได้ในทันที
“เจ้ารู้จักนายท่านของเราที่ชื่อ
วีดไหม?”
เมื่อเจอเข้ากับปิงหลง
ฟีนิกซ์ และไวเวิร์นที่ขวางทางเอาไว้ เจ้ายักษ์เพลิงก็พยักหน้ารับและตอบกลับไป
“เขาคือคนที่มอบชีวิตให้ข้า”
“พวกเราได้รับชีวิตมาก่อนเจ้า…”
“นั่นหมายความว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
ประติมากรรมสลักชีพได้สร้างลำดับขั้นง่ายๆขึ้นมาและก็สร้างความเป็นมิตรต่อกันและกันเอาไว้
เนื่องจากค่าเสน่ห์ที่สูงของวีด
บวกกับความสามารถบัญชาการ
ถึงแม้ว่าปิงหลงกับฟีนิกซ์มีความสัมพันธ์ธาตุที่เป็นศัตรูกัน
พวกมันก็สามารถสนิทชิดเชื้อกันได้ในทันที
จากนั้นเจ้าฟีนิกซ์ผู้สูญเสียพี่น้องของมันไป
ก็พูดขึ้นมาว่า
“เรามีคุณลักษณะธาตุที่เหมือนกัน
เพราะงั้นข้าจึงชอบเจ้า”
เจ้ายักษ์เพลิงที่กุมดาบอยู่ในมือ
พร้อมกับดวงตาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง ก็พูดตอบกลับไปว่า
“ข้าก็ชอบเจ้าเช่นกัน”
“เจ้ากำลังจะไปไหนหรือ?”
“นายท่านให้ข้าไปซ่อนแล้วรออยู่ที่ที่ธารน้ำที่เป็นช่องแคบๆ”
“แต่จะเดินไปที่นั่นไม่ได้ง่ายๆเลยเนี่ยสิ”
เจ้ายักษ์เพลิงนั้นกำลังจะตรงไปที่ธารน้ำไร้เยือก
แต่เป็นเพราะว่าความร้อนที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างของมัน ธารน้ำแข็งจึงละลายหายไปอย่างง่ายดาย
เมื่อไรก็ตามที่ขาของมันลื่นแล้วจุ่มลงไปในน้ำ
ไอน้ำก็จะพวยพุ่งขึ้นมา แต่เจ้ายักษ์เพลิงก็ยังคงพยายามเข้าใกล้พื้นดินไว้ให้ได้
ลองนี่ดูสิ! เจ้าฟีนิกซ์แนะนำขึ้นมา
“ขึ้นมาบนหลังข้า
เจ้าไม่สามารถขี่ตัวอื่นได้แต่เจ้าขี่ข้าได้นิ”
และแล้วเจ้าฟีนิกซ์กับยักษ์เพลิงบินพุ่งไปอย่างช้าๆผ่านธารน้ำไร้เยือก
ปีกที่สยายกว้างเหนือผืนธารน้ำ
มันคงช่วยไม่ได้แต่นี่ช่างชวนตกตะลึงอย่างยิ่ง
สำหรับเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ไม่คุ้นเคยกับการบินอย่างเจ้ายักษ์เพลิง พวกมันช่วยอะไรไม่ได้เลยได้แต่แหกปากออกมา
“ยี๊ฮ่าห์!”
การบินบนท้องฟ้าเป็นความคิดที่ชาญฉลาด
เพราะพวกมันสามารถกลับไปหาวีดตามคำสั่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด
เจ้าฟีนิกซ์สอดหัวเข้าไประหว่างปีกของมันขณะที่มันทะยานตัวขึ้นไปเหนือหน้าผาด้วยการเร่งความเร็วเต็มที่
ภาพของพวกมันราวกับดาวหางที่โชติช่วงส่องแสงแวววาว
พุ่งด้วยความเร็วแสงที่ไวกว่าเสียง
“ท่านกริฟฟิทครับ
กลุ่มมอนสเตอร์ที่ไม่สามารถระบุได้ปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลังครับ”
กองทัพเรือโจรสลัดที่อยู่ด้านหลังเป็นพวกแรกที่เจอกับพวกฟีนิกซ์และยักษ์เพลิง
บนท้องฟ้ายามราตรี
พวกมันปรากฏตัวขึ้นห่างไกลออกไป ช่างดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
กองทัพเรือโจรสลัดที่เชี่ยวชาญการไล่ตาม
ประจำการอยู่ด้านหลังของเรือด้วยเหตุผลที่ดีเยี่ยม
ส่วนกองทัพเรือแห่งราชอาณาจักรฮาเว่นก็มีพลังป้องกันอันยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน แต่ว่าพวกเขาก็ถูกทอดทิ้งไว้ทางด้านหลังขบวนไล่ล่า
ถ้าหากว่ากองทัพแห่งราชอาณาจักรฮาเว่นเข้าไปมีส่วนร่วมการรบทางน่านน้ำซักร้อยครั้ง
ใครๆก็คงจะตั้งข้อสงสัยว่าพวกเขาจะรู้สึกเจ็บปวดทรมานไหมถ้าพวกเขาพ่ายแพ้ซักครั้งหนึ่ง
ส่วนกลุ่มโจรสลัดก็คงยุ่งๆอยู่
กับการลูทของจากเรืออับปางมากเสียยิ่งกว่ายอมแสดงทักษะการเคลื่อนกองเรือรบให้ยอดเยี่ยมมากขึ้น
แต่กริฟฟิทเชื่อว่าโอกาสเหมาะได้มาถึงแล้ว
“ถ้าแกคิดว่ามีทางให้หนีมากมายละก็
เหตุการณ์ก็ยังคงเป็นใจให้ฉันแล้วละ ขณะที่แกล่องไปตามธารน้ำแบบไม่ลืมหูลืมตาอยู่แบบนั้นนะ”
“ช่างบังเอิญจังเลยนะ
เป็นเรื่องที่โง่จริงๆที่ดรินเฟลด์ไล่ตามไปอยู่อย่างนั้น
เขาคาดว่าจะไปจับตัวมันได้หรอ เขาควรเตรียมแผนฉุกเฉินให้ดีกว่านี้นะ”
กริฟฟิทที่ตามไปติดๆและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
จากนั้นกริฟฟิทก็สั่งการไปยังเหล่าลูกเรือโจรสลัดของเขา
“ปลดปืนใหญ่!” (แอดชิน:
ปลดในที่นี้คือการปลดพวกเชือกหรือโซ่ที่ใช้ล็อคปืนใหญ่ไม่ให้ไหลไปมา)
บรรดาเรือโจรสลัดทั้งหมดเตรียมบรรจุกระสุน
แล้วยิงปืนใหญ่โจมตีพวกมันในทันที!
“กร๊ากกกกกก!”
ฟีนิกซ์อมตะหุบปีกของมันเอาไว้
แล้วหมุนตัวเบี่ยงหักหลบกระสุนปืนใหญ่
การประชิดตัวเข้าไปใกล้ๆ
แล้วหลบการกระเสือกกระสนโจมตีที่แสนไร้ค่า
กระสุนปืนใหญ่นั่นแทบจะไม่ได้ถากตัวพวกมันเลยแม้แต่น้อย แล้วก็ร่วงหล่นลงไปในธารน้ำจมหายไป
พรสวรรค์ที่มีค่าพลังกายและพลังชีวิตอันยอดเยี่ยม
ไม่มีตัวอะไรที่เหนือไปกว่าเจ้าฟีนิกซ์อีกเลย
แต่ด้วยกระสุนปืนใหญ่อาบเวทย์ไฟนั้นทำให้เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ขึ้น
“กี๊วววววววววว!”
แต่พลังของฟีนิกซ์นั้นไม่ลดต่ำลงไปเลย
เจ้าฟีนิกซ์กับเจ้ายักษ์เพลิงจึงได้รับความไว้วางใจให้ทำภารกิจระดับโหดหิน
ทั้งสองตัวมีคุณสมบัติธาตุไฟอยู่
พวกมันจึงสามารถต้านทานความเสียหายจากลูกกระสุนปืนใหญ่ได้
การใช้ความสามารถที่ดูดซับเปลวไฟได้
จุดที่ถูกทำลายก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นพลังชีวิตที่เต็มขีด
กริฟฟิทใช้เครื่องมือของนักเดินเรือที่ไม่อาจขาดไปได้
เขาส่องผ่านกล้องส่องทางไกลและเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน
จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า
“ความสามารถของฟีนิกซ์ยอดเยี่ยมเป็นที่แน่นอนแล้วจริงๆ”
วีดรู้ว่าสถานการณ์แบบไหนที่เหมาะกับพวกเขามากที่สุด
มอนสเตอร์ไฟขนาดมโหฬารสร้างความเสียหายและยื้อเวลาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
“บรรจุกระสุนเวทย์!”
กิลด์นักเวทย์
ที่เป็นผู้ขายกระสุนเวทย์ที่มีคุณสมบัติระเบิดออกมาเองได้อัตโนมัตินั้น เป็นเวทย์ที่จะเพิ่มราคาให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก
ฟีนิกซ์ยังคงโจมตีไปมาอย่างเด็ดขาดและสร้างความเสียหายได้เรื่อยๆ
มันเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้งในขณะที่การบรรจุกระสุนเวทย์เตรียมพร้อมเสร็จแล้ว
เจ้าฟีนิกซ์บินทะลวงผ่านกระสุนเหลือไว้แต่ความตื่นตระหนกสุดขีดของเหล่าลูกเรือ
“แล้วการโจมตีของเราละ?”
เมื่อกริฟฟิทถามกับเหล่าโจรสลัด
พวกเขาทั้งหมดได้แต่พยักหน้า
ที่พวกเขายิงออกไปในแต่ละครั้ง
คงไม่อยากพูดว่าพวกเขาสิ้นเปลืองกระสุนเวทย์ไปแบบเปล่าๆ
“กี๊ซซซซซซซซ!”
เหล่าทหารเรือแห่งราชอาณาจักฮาเว่น
เล็งเป้าไปที่ฟีนิกซ์จากทางยอดที่อยู่สูง จนทำให้ขนของมันร่วงหล่นโปรยลงมา
พวกมันร่วงหล่นลงบนพื้นดิน
และจากนั้นไม่นานห่าฝนขนนกเพลิงก็ร่วงกระจัดกระจายออกเป็นวงกว้าง
“นั่นมันบ้าอะไรวะ?!”
“โล่ศักดิ์สิทธิ์” (Divine
Shield)
“ผู้พิทักษ์แห่งเทพเนปจูน”(เทพโพไซดอน)(Neptunian Protection)
เหล่านักบวชเริ่มร่ายมนต์ป้องกันต่างๆนาๆ
ในตอนที่พวกเขาร่ายเวทย์เสร็จสิ้น ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเลก็เข้ามาปกป้องเรือเอาไว้
อานุภาพของเกราะศักดิ์สิทธิ์และกำแพงน้ำลดต่ำลง
ในขณะที่ต้องป้องกันแบบไม่หยุดจากการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว
“ลดใบเรือลง”
ลูกเรือที่อยู่บนเรือใบลำใหญ่ทั้งหมดล้วนมีประสบการณ์ในการเดินเรือ
จากนั้นพวกเขาก็ลดใบเรือลงอย่างรวดเร็ว
สะเก็ดไฟจากการโจมตีที่ไม่ให้ตั้งตัวยังคงละเลงร่วงหล่นลงมาอีกเล็กน้อย
บรรดาเรือที่ถูกปกป้องไว้ด้วยการผสานเวทย์และการคุ้มครองแบบพิเศษยึดเอาไว้
ในขณะที่เรือไม้ลำอื่นๆกลับถูกทำลายจนย่อยยับ
แม้แต่สะเก็ดไฟเล็กๆบนผ้าใบเรือ
ก็อาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ จนทำให้พวกเขารู้สึกใจคอไม่ดีเอามากๆในขณะนี้
หากคุณเป็นมอนสเตอร์ที่อ่อนแอ
ฝนเพลิงก็อาจจะหมายถึงความตายในทันใด
แต่ว่าพวกเขาได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้เอาไว้แล้ว
ผ่านประสบการณ์มากมายในการออกล่ามอนสเตอร์
เหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์
ทหาร และพวกนักบวชที่เป็นกำลังเสริมของกิลด์เฮอร์มีส ได้ถูกปกป้องเอาไว้ภายในเกราะมานาขนาดกว้าง
“กรณีที่มีการโจมตีตามมาอีก
พวกจอมเวทย์ควรจะเตรียมตัวการโจมตีเวทย์มนต์สวนกลับให้สอดคล้องกันด้วย ดียิ่งกว่าการบุกโจมตีอยู่อย่างเดียว
ควรตั้งรับเอาไว้ด้วย”
ดรินเฟลด์บอกกับเหล่าทหารเรือของเขา
เขาเชื่อว่าเขานั้นยังได้เปรียบในพลังตั้งรับการโจมตีอยู่
รูปแบบนั้นได้จำกัดกลยุทธ์กองเรือของพวกเขาเอาไว้
แต่ก็ยังอยู่ในระยะโจมตีปืนใหญ่กับกระสุนเวทย์อยู่
คุณจะต้องลองวางตัวเองไปแทนที่เจ้าฟีนิกซ์ที่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกันกับมัน
เจ้ายักษ์เพลิงที่ขี่ฟีนิกซ์ไม่ได้รู้สึกตื่นกลัวเกี่ยวกับมันมากเท่าไรนัก
“นายท่านเราต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”
บริเวณที่เจ้ายักษ์ดิ่งตัวลงเหยียบบนพื้นดินทำให้เกิดรอยแยกขนาดใหญ่
ในตอนที่มันยืนขึ้นแล้วมันก็กวัดแกว่งดาบเพลิงของมัน
เปรี๊ยะ
เปรี๊ยะ เปรี๊ยง!
ทันใดนั้นน้ำแข็งก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง
ผู้คนที่อยู่ในรัศมีของเปลวไฟก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากแรงระเบิด!
แรงกระแทกกับรังสีความร้อนนั้นก่อให้เกิดช่องลึกที่อยู่ภายใต้แรงกดดันจากทั้งสองฝั่ง
บวกกับความเสียหายที่พอกพูนจากกระสุนเวทย์อีกด้วย
ร่องลึกนั้นปริแยกออกจนทำให้เกิดเสียงดังสนั่น
ความเสียหายจากกระสุนเวทย์นั้นสาหัสเป็นอย่างมาก
หิมะที่ดูเบาบางจนไม่อาจยับยั้งเอาไว้ได้ ก็ค่อยๆแผ่แยกตัวออกจากกัน
กลุ่มก้อนหิมะขนาดใหญ่ก็เริ่มร่วงไหลลงมาจากเชิงผา
“หิมะถล่ม! ไม่
ไม่ใช่ ก้อนน้ำแข็งกำลังตกลงมา!”
“ก้อนน้ำแข็งจากหน้าผากำลังพังทลาย!”
“หยุดมันไว้! หยุดมัน!”
ดรินเฟลด์มองดูขณะที่ช่องแคบตรงหุบเขาเริ่มแยกตัวออกมาราวกับสายฟ้าฟาด
ผ่าเข้าใส่อย่างจัง
ทั่วทั้งบนท้องทะเล
พวกเขาพยายามที่จะฝึกซ้อมกลยุทธ์เอาไว้ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตามอย่างการสกัดก้อนน้ำแข็งหล่นลงมาจาด้านบนของแต่ละด้าน
แล้วสถานการณ์เดียวกันนี้ก็กำลังเกิดขึ้นจากทางฟากของอีกฝั่ง
พวกเขาจำเป็นต้องป้องกันตัวไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามในเมื่อพวกเขาจะต้องได้รับความเสียแน่นอนอยู่แล้ว
เหล่าจอมเวทย์
อัศวินศักดิ์สิทธ์และนักบวชผู้ที่ต้องรับแรงปะทะเอาไว้ด้วยการใช้เวทย์ป้องกันในขณะที่ก้อนน้ำแข็งกำลังหล่นยื่นออกมาจนถึงตัวเรือ
ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้นเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาย
ก้อนน้ำแข็งก็แตกละเอียดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในบางครา แต่ในขณะที่น้ำแข็งก้อนอื่นๆยังคงรูปร่างเดิมอยู่
การใช้ข้อได้เปรียบจากภูมิประเทศทางธรรมชาติภายในที่แห่งนี้
เป็นอะไรที่เสี่ยงมากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้ในการโจมตีแบบนี้ โดยปกติแล้วมันยากมากที่จะเตรียมรับกับอะไรแบบนี้ได้
ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ตรงเชิงผาน้ำแข็งนี้ ก็คงโดนฆ่าตายอย่างทารุณแน่นอน
เศษก้อนน้ำแข็งจากทางหน้าผา
ยังคงร่วงโรยหล่นลงมาเรื่อยๆ ครอบคลุมไปทั่วทั้งกองทัพเรือ
เรือรบทั้งหมดโดนปะทะเข้าอย่างจัง
“เร่งความเร็วเพิ่มขึ้น!
จงแสดงความสามารถการเดินเรือของพวกแก พาเราออกไปจากนี่ซะ!”
เรือรบของดรินเฟลด์ที่ชื่อว่า
ฟิลดิวโร กางใบเรือออกกว้างอีกครั้ง
หน้าผาทั้งสองฝั่งยังคงโปรยปรายก้อนน้ำแข็งขนาดมโหฬารร่วงหล่นลงมาเรื่อยๆ
พวกเขาพยายามฝ่าหนีออกไปพร้อมกับหลบหลีกพวกมันด้วยความรวดเร็วอย่างเอาเป็นเอาตาย
ก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์แยกออกจากกันเป็นสองส่วนเล็งเป้าตรงมาเพื่อจมเรือ
ทั้งหมดที่พวกเขาสามารถทำได้ก็คือยิงกระสุนเวทย์ที่ได้ร่ายเตรียมไว้ออกไป
แรงปะทะที่เกิดจากการระเบิดขนาดใหญ่กระจายตัวออกเป็นเปลวไฟมากมาย
มันครอบคลุมทั้งเรือของพวกเขาและทะลวงเกราะเวทย์ของตัวเรือที่สร้างมาจากวัตถุดิบพิเศษเข้ามาได้
“แล่นเรือเต็มที่!”
เรือรบของดรินเฟลด์รุดหน้าไปก่อนเรือลำอื่น
พวกเขายังคงยิงศรเพลิงเล็งเป้าไปที่วีดเพื่อฆ่าเขาต่อไปอย่างต่อเนื่อง
แต่ว่าก้อนน้ำแข็งก็ร่วงพรูลงมาอย่างต่อเนื่องทั่วทุกหนทุกแห่งเช่นกัน
“พลเรือเอกครับ! ความเสียหายที่เราได้รับมากมายเหลือเกิน ตอนนี้เราคงต้องตีเรือกลับไปก่อนครับ”
“เราต้องจับเจ้านั่นให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
เราต้องกำจัดมันทิ้งให้ได้”
ดรินเฟลด์ได้มาถึงบริเวณปากน้ำแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องบังคับเรือด้วยตนเองเขาก็ต้องไล่ตามเขาต่อไปให้ได้ ดีกว่ายอมตีเรือกลับไป
ผลึกน้ำแข็งที่สูงราวกับเสาหินยังคงร่วงหล่นลงไปในธารน้ำต่อไปเรื่อยๆ
บนยอดผาก็มีก้อนหินและทรายกองอยู่พะเนินเทินทึก
ทั้งที่หายนะนั้นสร้างความเสียหายให้กับกองทัพเรือของดรินเฟลด์เป็นอย่างมาก
แต่ว่าเจ้าฟีนิกซ์ที่ลอยอยู่บนอากาศด้วยขนนกที่ยังเต็มแน่น กลับเคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อไปเรื่อยๆ
ฝนที่โปรยปรายลงมาทำให้เปลวไฟดับลงไป
แต่ว่าใบเรือบางใบได้กลายไปเป็นเชื้อเพลิงเรียบร้อยแล้ว
“ติดตั้งใบเรือฉุกเฉินเตรียมตัวต่อสู้”
ลูกเรือที่ได้รับการฝึกมา
เปลี่ยนใบเรือไปเป็นแบบสามเหลี่ยมเล็กๆและเตรียมตัวออกรบอีกครั้ง
แรงลมกรรโชกมา
แต่ว่าใบเรือทำมาจากวัสดุพิเศษที่ต้านทานไฟและต้านทานลมได้
กองทัพเรือของดรินเฟลด์กับเรือโจรสลัดดูราวกับอสูรที่มีบาดแผลเต็มตัว
แต่วีดก็ยังคงมุ่งหน้าไปในขณะที่พวกเขาก็ไล่ตามเขาอยู่จากเบื้องหลัง
จบตอน
ผู้แปล: Cole’s
Myth
Editor:
แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล
ของคุณครับ
ตอบลบมันไกลจากคำว่าพระเอกไปละ น่าจะเปลี่ยน เป็น มาม่อน หนึ่งในเจ็บบาป ไปเลย น่าจะดี
ตอบลบแมม่อนครับ มาม่อนนี่ MSO
ลบดรินเฟลด์!!จุดจบมรึงเละเป็นโจ๊กแน่555+
ตอบลบขอบคุณหลายๆๆนะ
ตอบลบขอบคุณทีมแปลครับ...
ตอบลบกองเรือกะกองโจรเตรียมตัวรับแรงปะทะเลย
เริ่มโดนนวดจนเสียกระบวนท่าล่ะ ได้แตกทัพเรือในเร็ววันแหงๆ
ตอบลบแหมเด็กๆ ตามมาอย่างไม่คาดคิด หรืออยู่ในคำนวณหว่า รอกองทัพเรือผีก่อน ยังไมมมา
ตอบลบสามก๊กตอนใหม่ ดลินเฟลแตกทัพเรือ ดับอนาถ พินาจย่อยยับ
ตอบลบ“กลิ่นมันทะแม่งๆนะ”
ตอบลบ“ข้ารู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของนายท่าน ความมีอยู่ของความชั่วร้าย ต่ำช้า แล้วก็มุ่งร้าย นี่ต้องเป็นนายท่านของเราแน่ๆ”
...เอิ่มม...นั่น พระเอก!!???