เล่ม 20 ตอนที่
10: พิธีวิวาห์ของซึลรโย แปลโดย Cole’s Myth
เจ้าหน้าที่สถานี KMC media ตกอยู่ในความเงียบ จนคุณสามารถได้ยินแก้กระทั่งเสียงกลืนน้ำลายจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆได้เลย
ในตอนที่วีดฟื้นคืนชีพขึ้นมา ทุกๆคนต่างจ้องมองไปแต่ที่ภาพบนวิดีโอฟีดที่เดียวเท่านั้น
แม้แต่แผนกที่รับผิดชอบการตัดต่อแก้ไขวิดีโอก็หยุดทำงานของพวกเขาไป (แอดมิน: วิดีโอฟีด วิดีโอที่ยังคงส่งมาจากแคปซูลของรอยัลโร้ด)
แม้ว่าจะมีจอภาพหลายจอที่ติดตั้งไว้ภายในห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไป
รวมไปถึงห้องทำงานของประธานบริษัท แต่ว่าทุกๆที่ต่างแสดงภาพอย่างเดียวกัน แถมในช่วงเวลาตอนที่วีดฟื้นคืนชีพมาเป็นมังกร
ทุกๆคนที่กำลังดูวิดีโออยู่นั้นต่างก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
พลังแห่งการปฏิเสธความตายที่ผสานเข้ากับผลของแผ่นทองแดงแห่งการหลับใหล
(Copper plate of Rest) ได้ปลุกชีพเขาขึ้นมากลายเป็นมังกร!
“นี่มันเหลวไหลสิ้นดี”
“ปะ เป็นไปได้ยังไง….”
เนื่องจากผลของแผ่นทองแดงแห่งการหลับใหล วีดจึงได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นมังกร
แม้ว่าจะมีเลเวลทักษะของพลังปฏิเสธความตายอยู่ในระดับต่ำ แต่ว่าเพราะผลจากบทลงโทษที่ใหญ่หลวงนั้น
วีดจึงไม่สามารถใช้ประสิทธิภาพได้เต็มที่ไปกับการต่อสู้ในฐานะมังกร
แถมยังเป็นดันเจี้ยนที่อยู่ใต้ดินด้วยแล้ว นี่ถือว่าเป็นข้อเสียเปรียบของมอนสเตอร์บินได้ขนาดใหญ่อย่างมาก
แต่ถึงยังไงแม้ว่าจะมีจุดอ่อนมากมาย แต่แววตาของเขาก็ยังคงเปล่งประกายออกมาน่ากลัว
จนสามารถข่มขู่เอาชีวิตของคุณได้ในทันที
การฟื้นคืนชีพของวีดมาเป็นมังกร ทำให้ทุกๆคนรู้สึกตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
แค่ได้มองมันก็ทำให้เหล่าพนักงานของสถานีตกอยู่ในความงุนงงแล้ว
แต่ยอดผู้ชมที่ได้ดูแถมยังได้รับการเติมแต่งเข้าไปแล้วด้วย ก็จะยิ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ยกระดับความตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นไปอีก!
ผู้ชมของโรยัลโร้ดจะต้องประหลาดใจมากอย่างแน่นอน ถ้าหากพวกเขาได้ดูช่วงที่เป็นมหากาพย์เช่นนี้
“โอ้โห น่าอิจฉาชะมัด”
“ยังไงซะ
เรากำลังก็พูดถึงวีดอยู่นะ คงไม่มีใครที่จะมีการผจญภัยอย่างนี้ได้อีกแล้ว”
ภาพจากวิดีโอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจแบบสุดๆ
แม้แต่บรรดาพนักงานสถานีก็ต่างพากันจดจ่ออยู่ที่หน้าจออย่างขะมักเขม้น
ในตอนนี้ผู้บริหารคังกับผู้ช่วยของเขากำลังไตร่ตรองพิจารณาว่าจะปรับแต่งวิดีโอเพื่อออกอากาศให้ออกมาเป็นยังไง
“ใส่หัวข้อว่า…ไม่ละ เราไม่จำเป็นต้องใส่ของพวกนั้นลงไป แค่นี้มันก็ดีอยู่แล้ว”
การใส่ข้อความแสดงความประทับใจลงไปทำให้ดูโดดเด่นนั้น ไม่จำเป็นเลย
เพราะนั่นจะทำให้มันไม่ดูน่าสนใจเอาซะเปล่า
ทุกคนจะถูกดึงดูดไปเรื่อยๆขณะที่พวกเขารับชมวิดีโอของมังกรวีด
แต่โชคไม่ดีนักที่วีดตายไปอีกเป็นครั้งที่สองนี่สิ
แต่ว่ายังไงคูบิยะก็โดนกำราบลงได้ในที่สุด ภารกิจระดับ S
ที่แสนหิน ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ในไม่ช้าบรรดาชาวเมืองของทวีปเวอร์เซลก็เริ่มส่งเสียงกู่ร้องโห่ดังสนั่นไปทั่วให้กับข่าวคราวความสำเร็จของวีด
ที่ส่องแสงประทับมายังพวกเขาดั่งสารศักดิ์สิทธิ์ส่งตรงลงมาจากสรวงสวรรค์
หากจากความคิดเดิม ผู้บริหารคังกับพนักงานสถานี KMC
media ที่เหลือ ก็สงสัยในความเป็นไปได้ โอกาสที่จะทำภารกิจที่มีความยากระดับ
S ให้สำเร็จได้นั้น!
ภาพหลังจากที่วีดตายไปเป็นครั้งที่สอง ฉากวิดีโอฟีดที่อยู่ในห้องฉายก็ได้ถูกตัดไปเช่นกัน
ไม่มีทั้งภาพใดๆหรือเสียงไหนๆปรากฏขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบไปซักพัก
จากนั้นก็เหมือนกับถูกสายฟ้าฟาดผ่าใส่ พวกเขาก็เริ่มโห่เสียงดังลั่นในตอนที่ได้กลับไปทำหน้าที่ของพวกเขาอีกครั้ง
“เปลี่ยนหัวข้อไปเป็นรายการพิเศษ
‘สงครามครูเสดของวีด!’ (Weed’s Crusade) ไม่ๆ เดี๋ยวก่อน! ไม่เอาอันนั้น ‘สุดยอดอันเดด’(The Ultimate Undead)’ ชื่อนี้เป็นไง?”
“เราจะเพิ่มช่วงเวลาออกอากาศ
และพวกผู้ช่วยก็ขออนุญาตเปลี่ยนแปลงตารางการออกอากาศในโฮมเพจของสถานีเราด้วยครับ”
“มีสายเรียกเข้าจากบริษัทอื่นหลั่งไหลเข้ามาแข่งกันเพื่อแย่งราคาการโฆษณาทางสื่อครับ”
การปรากฏตัวของมังกรพึ่งจะออกไปแค่ 2
นาที 56 วินาทีเท่านั้น!
เพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น นี่ก็กลายเป็นตำนาน
ไม่เพียงแต่กับเหล่าผู้ชมแต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมออกอากาศเกมส์ทั้งหมดอีกด้วย
***
ลีฮุนออกจากแคปซูลของเขา แล้วนั่งลงอย่างว่างเปล่าด้วยความรู้สึกสูญเสียครั้งใหญ่
“ตอนนี้เราก็เข้าเกมส์ไม่ได้จนกว่าจะผ่านไป 24 ชั่วโมง”
เขาพึ่งใช้ทักษะลมหายใจกรดเพื่อที่จะกำจัดพวกนักรบแห่งความโกลาหลไปมากเท่าที่เขาจะทำได้
แต่ถึงแม้จะสามารถใช้การโจมตีลมหายใจไป เขาก็ยังไม่รู้ขอบเขตเต็มๆของความเสียหายที่จัดการได้อยู่ดี
นอกจากนั้น ถึงเขาจะฟื้นคืนชีพเป็นมังกรได้ แต่ทักษะพวกนั้นก็ยังอยู่แค่ขั้นต้น!
ทักษะการเหินเวหา มังกรคำราม กับลมหายใจกรด เพิ่งอยู่ที่ขั้นต้น
เลเวล 4 เลเวล 6 กับเลเวล 3
เท่านั้น
เขาไม่สามารถต่อเวลาสู้กับพวกนักรบแห่งความโกลาหลได้ เพราะว่าค่าพลังชีวิตของเขาลดลงอย่างรวดเร็วดังนั้นเขาจึงหันไปพึ่งการโจมตีลมหายใจครั้งใหญ่แทน
“ยังไงซะ นั่นมันยากมากจริงๆ”
จากนั้นลีฮุนก็ลุกขึ้น แล้วเริ่มทำความสะอาดบ้าน
หากว่าเขาเปิดทีวีดูเขาก็คงจะเห็นเนื้อหาของภารกิจของเขาที่เล่นซ้ำไปซ้ำมา
แต่ว่าเขาสนใจแต่กับการดูข่าวคราวและรายการโชว์ ‘เผยความลับแห่งทวีปเวอร์เซล’เท่านั้น
การดูโทรทัศน์นั่นก็ไม่มีอะไรมาก นอกเสียจากการเปลืองไฟฟ้าเท่านั้นเอง!
(แอดมิน:ใช่ๆ เวลาประหยัดไฟ555)
“ตอนนี้ก็ทำความสะอาดบ้านเสร็จละ งั้นก็ถึงเวลาปัดกวาดแล้วก็ถูบ้านต่อเลย”
ซักผ้าปูที่นอน ล้างตู้เย็น ซ่อมเล้าไก่ มีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างมากมายที่เขายังต้องทำให้เสร็จ
ตอนนี้ก็ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่กลีบใบไม้มากมายร่วงหล่นลงมากองทับถม
“ฤดูใบไม้พลิมาถึงเร็วมากจริงๆ”
ลีฮุนมักจะอ่อนไหวและรู้สึกเสียดแทงใจมากๆต่ออากาศที่เหือดแห้งกับสายลมอันหนาวเหน็บ
“ฉันคงจะต้องเริ่มหมักกิมจิเร็วๆนี้ซะแล้ว”
ก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง มันสำคัญมากที่จะเริ่มเตรียมกิมจิเอาไว้ก่อน!
ในขณะที่เขากำลังจะซ่อมแซมเครื่องใช้ในบ้านอีกชิ้น
ทันใดนั้นเขาก็ถูกขัดจังหวะขึ้นมา
ติ้งต่อง ติ้งต่อง ติ้งต่อง ติ้งต่อง ติ้งต่อง
มีใครบางคนกดกริ่งบ้านรัวๆที่หน้าประตู
ไม่ต้อนรับพวกเร่ขายของ
ไม่ต้อนรับพวกชักชวนเข้าศาสนา
กริ่งประตูเกือบจะพังแล้วนะ
ฉันจะเตะใครก็แล้วแต่ที่กดแล้วทำมันพัง
|
คนๆนั้นต้องเห็นป้ายเตือนนั่นแน่ๆแต่ก็ยังยืนกรานที่จะกดกริ่งต่อไปเรื่อยๆ
จากนั้นลีฮุนก็ไปเปิดประตูหน้าและก็ต้องประหลาดใจที่เห็นซอยูนอยู่ที่นั่น
ดูเหมือนว่าเธอจะมาที่บ้านเขาอย่างรีบเร่งด้วยเม็ดเหงื่อชุ่มโชกอยู่บนหน้าผากของเธอ
เมื่อตอนที่เธอมาเยี่ยมบ้านครั้งแรก เธอเอาไก่ไปหลายตัว แต่ดูท่าว่าครั้งนี้เธออยากได้กระต่ายในการทำข้อเรียกร้องขอแลกเปลี่ยนกับโทริ
“หวัดดี นานแล้วนะที่ไม่ได้เจอ? มาสิ
เข้ามาข้างในก่อน”
ลีฮุนต้อนรับเธออย่างเพื่อนสนิท แล้วก็ชวนเธอเข้ามาในบ้าน จากนั้นก็เสริฟชาเขียวเย็นให้เธอหนึ่งแก้ว
“ทุกวันนี้อากาศเริ่มหนาวแล้วและฉันก็ควรจะเสิร์ฟชาเขียวร้อนๆให้เธอ
แต่ว่าตอนนี้ นี่ควรจะช่วยให้เธอเย็นขึ้นหน่อยนะ” (ผู้แปล:
ผมว่าที่ไม่เสริฟร้อนเพราะไม่อยากเสียบปลั๊กกาน้ำ เปลืองไฟ-.-)
“…….”
“จะเอาน้ำผึ้งหน่อยไหม?”
บนใบหน้าของซอยูนบ่งบอกได้ถึงความเป็นกังวลอย่างมาก จากนั้นเธอก็แสดงความสนใจเล็กน้อยไปที่ชาเขียว
‘แม้ว่าฉันจะตายไป…ทำไมเขาถึงต้อนรับฉันอย่างเต็มใจอย่างนี้ละ?’
ในตอนที่ซอยูนตายไป เธอก็ออกมาจากแคปซูนในทันที
ก่อนหน้านี้ KMC media ติดต่อ
เธอไปเพราะว่าการปรากฏตัวของเธอท่ามกลางภารกิจนั่น แต่ก็แน่นอนอยู่แล้วละ
เธอก็ไม่ได้สนทนาเจรจาตรงๆอะไรแต่ปล่อยให้ทนายของเธอทำหน้าที่แทน
ธรรมดาแล้วพวกเขาไม่อนุญาตให้คนอื่นเผยแพร่รูปร่างหน้าตาของพวกเขา
แต่เพราะว่านี่เป็นภารกิจที่เกี่ยวโยงกับลีฮุน
พวกเขาจึงต้องขออนุญาตจากเธอก่อนเพื่อที่จะเผยแพร่ภาพออกไปได้
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ทำข้อตกลงกับเธอเพื่อที่จะจำกัดตัวตนของเธอเฉพาะฉากที่เธอสวมหน้ากากไว้และมีผ้าคลุมหนังบางๆปกคลุมชุดเกราะของเธอเอาไว้
จากนั้นเธอก็สอบถาม KMC media เกี่ยวกับสถานการณ์ในเขตลาส ฟารังซ์
โกลมินิได้ตายไป ในขณะที่วีดต้องเผชิญหน้ากับความตายถึงสองครั้ง
ต่อมาซอยูนก็เป็นกังวลอย่างมากถึงวิธีที่จะปลอบโยนลีฮุนที่โศกเศร้าเสียใจอยู่
มากเสียยิ่งกว่าจะมัวกังวลเกี่ยวกับการลดลงของเลเวลกับค่าความเชี่ยวชาญทักษะของเธอซะอีก
แต่กลับเป็นว่าลีฮุนกลับต้อนรับเธอในตอนที่เธอมาถึง
“ไม่อยากดื่มชาเขียวหรอ? โอ๊ะ ฉันนี่เสียมารยาทจริงๆ
ยังไม่ได้เสิร์ฟผลไม้อะไรเลยนิ”
โดยปกติแล้ว ลีฮุนมักจะแสดงท่าทีที่แตกต่างออกไปอย่างมาก
แต่ว่าในโรยัลโร้ดนั้น ซอยูนยอมสละชีวิตของเธอในระหว่างการต่อสู้กับเจ้าคูบิยะ
ความพยายามอันกล้าหาญของเธอช่วยทำให้การออกล่านักรบแห่งความโกลาหลผู้ยิ่งใหญ่ประสบความสำเร็จได้
ตามปกติธรรมดาแล้ว เขาควรจะต้องรู้สึกขอบคุณ แต่ว่าในตอนที่เขาหันหน้าไป
เขาก็เริ่มร่างรายการสำหรับส่วนแบ่งไอเท็มอย่างรวดเร็ว
‘งั้นตอนนี้ฉันจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจก่อนละกัน’
ในขณะที่เขากำลังปลอกเปลือกแอปเปิ้ล ลีฮุนก็กำลังน้ำลายไหลจากความคิดที่จะได้ไอเท็มมากยิ่งขึ้น
ไร้ซึ่งความรู้สึกผิดในตอนที่เขาเริ่มวางแผนร้ายนั้นขึ้นมา!
“อาฮ่า บ้าเอ้ย
มันก็ตายไปแล้ว ทำไมมันถึงไม่ดรอปของให้มากๆตอนที่มันตายไปนะ?” (อันที่ดรอปไปนิยังไม่พออีกหรอ)
เขาปลอกเปลือกแอปเปิ้ลอย่างระมัดระวังในตอนที่เขาพูดออกมาอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม
แม้ว่าเธอจะดูการออกอากาศไปแล้ว แต่ก็คงไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าเขาได้ไอเท็มอะไรไปบ้าง
ก็เพราะว่าคูบิยะตายไปในตอนที่มันอยู่ในปากของวีดอยู่นั่นเอง
‘มันจะเกินไปรึป่าวนะถ้าหากฉันพูดว่ามีไอเท็มออกมาแค่อันเดียวน่ะ?
แต่ว่านั่นมันระดับบอสนะ….แล้วก็เป็นมอนสเตอร์ที่เกี่ยวโยงกับภารกิจด้วย
เธออาจจะสงสัยข้อแก้ตัวของฉันทีหลังก็ได้’
จากนั้นลีฮุนก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ยังไงมันก็ยังคงไม่ได้แย่ไปซะทั้งหมดหรอก
สิ่งที่ออกมาคือไอเท็มอุปกรณ์สวมใส่ 5 ชิ้น เอ๊ะหรือว่า 3
นะ? อ๋อ 4 ชิ้นน่ะ
ยังไงนั่นก็เป็นสิ่งที่มันดรอปตอนที่ตายไปนะ”
แต่เดิมเขาได้ไอเท็มมา 5 ชิ้นแต่ว่าก็คิดที่จะลดมันลงไปเกือบสองชิ้น
แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากว่ามีไอเท็มเพียงแค่สามชิ้นออกมาก็จะได้ไปคนละชิ้นเท่านั้น
แต่ในที่สุดเขาก็ยอมลดลงเหลือแค่ 4
ชิ้นดังนั้นก็จะแบ่งได้คนละ 2 ชิ้นเพื่อให้ดูน่าสงสัยน้อยลง
“ฉันก็คิดว่าคูบิยะนั่นสวมอุปกรณ์ดีมากๆ แต่เอาตรงๆนะ ฉันว่าพวกเราไม่เหมาะหรอกที่จะใส่อุปกรณ์พวกนั้นน่ะ”
ในตอนที่ลีฮุนพูดไปเรื่อยๆอยู่นั่น เขาก็รู้สึกอึดอัดใจด้วยเช่นกัน
มันเป็นเพราะว่าเขายังไม่ได้ตรวจสอบไอเท็มที่เขาพึ่งได้มานั่นเอง
‘ก่อนที่จะแบ่งมันไป
ฉันต้องตรวจเช็คคุณสมบัติของมันให้ดีก่อน’
ในช่วงเวลาบนทวีปเวอร์เซล
พวกเขาใช้เวลาประมาณสองสามเดือนที่ยากลำบากไปด้วยกัน ในช่วงเวลาแห่งการผจญภัยนั่น
ซอยูนมีส่วนช่วยเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นการหลอกลวงมากขึ้นไปอีกก็คงไม่ยุติธรรมกับความพยายามที่เธอแสดงออกมาให้เห็นนั้น
แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นเพียงแค่หลักตรรกะธรรมดาทั่วไป
ที่จะต้องรู้จักแบ่งปันไอเท็มอย่างเท่าเทียมกันกับการช่วยเหลือเหล่านั้น
แต่ยังไงก็ตามไอเท็มอีกชิ้นก็ได้ถูกแยกออกไป ดังนั้นเธอจึงได้ไปเพียง
2 ชิ้น แทนที่จะได้ไอเท็มไป 3 ชิ้น ซึ่งถือว่าเป็นรางวัลอันเหมาะสมแล้ว!
‘ดีล่ะ
ดูท่าว่าเธอจะไม่ได้บ่นอะไร’
ซอยูนปกปิดริมฝีปากของเธอด้วยแก้วชา แล้วก็ค่อยๆยิ้มด้วยความโล่งอก
รอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติของเธอนั้นเหมือนกับหลุดออกมาจากอีกมิติ เมื่อเทียบกับรอยยิ้มอันน่าขยะแขยงของลีฮุน
ในตอนที่ลีฮุนสร้างรูปสลักของเทพธิดาเฟรย่า เขาเคยจินตนาการถึงรอยยิ้มอันงดงามของซอยูน
และในขณะนี้ที่อยู่เบื้องหน้าของเขาเอง
รอยยิ้มของเธอเผยออกมาอย่างน่าหลงใหล จนเขาได้แต่ถูกดึงดูดไปที่เธอเท่านั้น!
แต่ลีฮุนไม่สามารถมองไปที่ในแววตาเธอตรงๆได้
มันไม่ใช่เพราะว่าเขาโกหกแบบส่งเดชเกี่ยวกับไอเท็มที่เขาได้รับจากคูบิยะนั่น
แต่เป็นเพราะว่าท่าทางของเธอต่างหากละ แววตาท่าทีที่อยู่ในสายตาของเธอ เต็มไปด้วยสัญญานของความเสน่หาอันเย้ายวนชวนหลงใหล
‘นี่เริ่มจะกระอักกระอ่วนไปละ’
จากนั้นลีฮุนก็พยายามที่จะเปลี่ยนหัวข้อ
“ฉันจะกลับไปทำความสะอาดต่อนะ….เธออยากช่วยไหม?”
เขาไม่แม้แต่จะทำให้เธอรู้สึกสนุกสนานเลย แต่กลับเป็นว่าเสนอให้ทำความสะอาดบ้านแทนซะงั้น
แต่อย่างไรก็ตาม ซอยูนได้แต่พยักหน้าตอบรับ
“งั้นเราไปกวาดสนามหญ้าก่อนละกัน มีใบไม้กองเต็มไปหมดเลย”
ในตอนที่กวาดสนามหญ้าอยู่นั่นเอง ซอยูนกลับแสดงนิสัยขี้เล่นอย่างไม่เป็นของตัวเธอเองออกมา
ยิ่งไปกว่านั้นเธอพยายามแอบจะสุมกองใบไม้บางส่วนไปบริเวณของลีฮุน!
ด้วยความสัมพันธ์ที่ก่อเกิดขึ้นมาจากการเข้าเรียนด้วยกันที่วิทยาลัย
แล้วก็ออกไปผจญภัยร่วมกันในโรยัลโร้ด เธอจึงสามารถที่จะเล่นสนุกอยู่ใกล้ๆเขาได้
ต่อมาพวกเขาก็ไปทำความสะอาดเล้าไก่ ในขณะที่พวกเขาปล่อยไก่ออกมา
กลิ่นเหม็นก็คลุ้งเต็มไปทั่วทั้งสนามหญ้า
จากนั้นเจ้าไก่ตัวผู้ที่มีหงอนอยู่บนหัวก็ไปรวมกลุ่มกับพวกไก่ตัวเมียที่รวมตัวกันอยู่กับพวกลูกไก่
เสร็จสิ้นการทำความสะอาดทั้งหลาย แล้วลีฮุนก็นึกขึ้นมาได้ว่าอาจจะมีน้ำกระเด็นใส่ตัวพวกเขา
ดังนั้นเขาจึงตรวจเช็คเสื้อผ้าที่ซอยูนใส่อยู่ในทันที
‘น่าจะประมาณ
200,000 วอนนะ’
เธอสวมเสื้อโค้ทที่ราคาค่อนข้างแพงเอาการ
“งั้นฉันจะทำความสะอาดที่นี่เอง
เธอไปล้างจานหน่อยเป็นไง? หลังจากที่เธอล้างเสร็จแล้วก็เอาจานออกมา
จากนั้นก็เอาหม้อกับชามไปล้างให้สะอาดนะ”
ซอยูนพยักหน้ารับแล้วก็ตรงเข้าไปในบ้าน
จากบานหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่ก็ได้ยินเสียงของน้ำไหลจากอ่างล้าง
ผู้ชายทำความสะอาดเล้าไก่ ส่วนผู้หญิงก็ล้างจาน
มันช่างเหมือนกับฉากที่คล้ายๆกับชีวิตของคู่แต่งงานหนุ่มสาวเลย
‘มีเธอทำความสะอาดด้วยนิ
ช่วยได้เยอะจริงๆ งั้นฉันคงต้องไปเตรียมของอร่อยๆสำหรับมื้อค่ำซะละ’
จากนั้นลีฮุนจึงตัดสินใจที่จะทำหมูเปรี้ยวหวานจานใหญ่ออกมา
เพล้ง!
จากนั้น ความเงียบสงัดก็คืบคลานกลับมา มีเพียงเสียงของน้ำไหลล่องลอยออกมาให้ได้ยิน
ต่อมาก็ได้ยินเสียงล้างจานกลับมาอีกครั้ง
แต่ก็ยังผ่านไปไม่ถึงนาทีเลย และมันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง…
เพล้ง!!
ในขณะที่ทำความสะอาดเล้าไก่อยู่นั้น ลีฮุนก็มีน้ำตาซึมอยู่ในดวงตาทั้งคู่ของเขา
“น่ะ นั่นมันจานของฉันใช่ไหม?”
ไร้ซึ่งสัญญานของการโต้ตอบกลับมา
มีแต่เสียงของการล้างจานคลอต่อไปเรื่อยๆอยู่เท่านั้น
ซอยูนพยายามที่จะล้างจานอย่างเอาเป็นเอาตาย ถึงแม้ว่าเธอจะทำสิ่งที่ผิดพลาด
อย่างการวางพวกมันด้วยมือที่เปียกแฉะ จนทำให้มันลื่นหลุดมือ แต่ว่าโชคดีจริงๆ ที่หลังจากนั้น
ไม่มีจานชามใบไหนตกแตกอีกเลย
เย็นวันนั้น ลีฮุนแสดงฝีมือทำหมูเปรี้ยวหวานแล้วก็ทานขณะที่ดูทีวีไปด้วย
หลังจากที่ดูรายการศิลปะและละครแล้ว ก็ถึงเวลาที่ซอยูนจะต้องกลับบ้าน
จากนั้นลีฮุนก็หยิบหนังสือห่อด้วยหนังสือพิมพ์อย่างเร่งรีบแล้วส่งให้เธอเป็นของขวัญ
“หนังสือเล่มนี้มีบทเรียนชีวิตประจำวันมากมายนะ”
(คงเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการล้างจานด้วยบทหนึ่งนะhaha)
นี่เป็นครั้งแรกในช่วงชีวิตของลีฮุนที่เขาได้มอบของขวัญให้ผู้หญิงคนอื่นนอกจากน้องสาวของเขา
“นี่ไม่ใช่สำหรับไอเท็มที่ฉันเก็บมาจากลาส
ฟารังซ์อย่างแน่นอน ก็แค่คิดว่าเธออาจจะชอบอ่านนี่นะ”
ชื่อของหนังสือ คือ [Non-possession]
(ผู้แปล: น่าจะหมายถึงการไม่เป็นเจ้าของของคนอื่นเขา
หรือยึดของคนอื่นเขามา หรืออาจจะหมายถึงการไม่พึ่งพาคนอื่นเพราะหนังสือเกี่ยวกับการใช้ชีวิตเพราะลีฮุนเคยอ่านตอนเด็กๆที่ไม่มีพ่อแม่นะ
ปล.แค่อนุมานเอานะครับ)
***
ณ ทวีปเวอร์เซล บรรดาผู้เล่นต่างกำลังฟังคำเทศนาภายในวิหารของคนแคระและเอลฟ์
“สารจากสวรรค์ได้จุติลงมาที่พวกเราแล้ว เหล่านักรบผู้ไม่ย่อท้อ ได้หยุดยั้งหายนะที่คุกคามความสงบสุขของทวีปเวอร์เซล
เอาไว้ได้แล้ว”
“ให้ตายสิ
เป็นมนุษย์ที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
“นักรบแห่งพงไพรทั้งหลาย
เรากลับกันเถอะ”
จากนั้นเหล่านักรบที่ได้รวมตัวกันมาเพื่อที่จะออกเดินทาง
ก็ได้สลายตัวไป
สถานี KMC media ได้รับเรตติ่งผู้ชมสูงสุดเป็นประวัติกาล
ผู้คนเฝ้าดูการออกอากาศไม่ยอมหลับยอมนอนจนรุ่งสาง ในขณะที่เหล่าจินตกวี(Bard)
ทั้งหลายได้ประพันธ์บทเพลงและขับร้องเพื่อสรรเสริญให้กับการผจญภัยของวีด
โอ้
วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
เราจักจดจำท่านตลอดไปบนผืนดินแดนที่มิอาจลืมเลือนบนสถานที่ที่ท่านพบกับการผจญภัย
ทุกย่างก้าวของท่านจักกลายเป็นย่างก้าวสำคัญให้แก่ผู้ที่ปรารถนาจะออกผจญภัย
ประติมากรรมของท่านจักประทับอยู่ทั่วทุกมุมของผืนโลก
จงมอบความกล้าหาญให้แก่พวกเรา เพื่อบุกเบิกเส้นทางของเราสู่แสงแห่งความหวังด้วยเถิด
ในขณะที่วีดได้รับการยกย่องสรรเสริญสูงสุดอยู่นั่นเอง กำลังเสริมของดรินเฟลด์ก็ได้มาถึงเขตลาส
ฟารังซ์แล้ว พวกเขาเป็นยอดผีมือของกิลด์เฮอร์มีสที่ประกอบไปด้วยนักบวช นักเวทย์
อัศวิน นักฆ่า และโจร
จากนั้นตัวแทนอัศวินก็เริ่มบทสนทนากับเขา
“ถ้าหากว่าคนพวกนี้ไม่เพียงพอที่จะฆ่าวีดได้ งั้นฉันก็จะส่งข้อความหาราฟาเอลเองละกัน”
ดรินเฟลด์ก็ตอบกลับไปอย่างมั่นใจ:
“คนพวกนี้ก็เพียงพอแล้วละ
ด้วยนักเวทย์มากมายขนาดนี้ เราก็รับรองได้แล้วว่าจะทำให้ดินแดนนี้เป็นหลุมศพของวีดเอง”
“เกียรติของกิลด์เฮอร์มีสได้ผูกติดเอาไว้
จัดการอย่าให้มีที่ติละ”
การที่ต้องเผชิญหน้ากับเนโครแมนเซอร์นั้น ทำให้รู้สึกกังวลแน่นอน
แต่ว่าตอนนี้มีนักบวชที่เป็นศัตรูตามธรรมชาติของอันเดดมาเพิ่มแล้ว พวกเขาจึงสามารถใช้เวทย์ชำระล้างกับพวกมันได้
ด้วยการดูผ่านทางการออกอากาศของสถานี KMC
media พวกเขาสามารถรู้ได้ว่าวีดสามารถกลายร่างเป็นมังกรได้ ฉะนั้นตอนนี้พวกเขาจึงต้องระมัดระวังเขาสุดๆ
“เพื่อเกียรติของกิลด์เฮอร์มีส เราต้องฆ่ามันให้ได้”
“นักเวทย์
นักบวช แล้วก็อัศวิน…เราจะต้องแทงมันให้ตาย ให้จงได้”
***
ในตอนที่วีดกลับมาเชื่อมต่ออีกครั้ง เขาก็กลับไปที่ดันเจี้ยนนรกโลกันตร์ที่ที่สงครามเผ่าพันธุ์ได้เกิดขึ้น
หลังจากสงครามอันดุเดือดที่ทิ้งไว้เพียงผืนดินที่ผิดรูปผิดร่าง ก้อนหินละลายกับรอยแตกร้าว
และเศษซากที่เหลืออีกมากมาย
“อะแฮ่ม”
หลังจากการตายถึงสองครั้งในรูปลักษณ์ของลิชดัดแปลง ตอนนี้วีดก็ได้คืนร่างกลับเป็นมนุษย์แล้ว
“ฉันต้องตรวจสอบว่าฉันเสียเลเวลกับค่าความเชี่ยวชาญไปมากแค่ไหนแล้ว
แถมยังมีพวกไอเท็มที่ได้มาจากคูบิยะอีก”
เลเวลกับค่าความเชี่ยวชาญได้ถูกตรวจเช็คก่อนเป็นอันดับแรก
ก่อนที่จะดูไอเท็มที่เขาได้รับมา
“เปิดหน้าต่างสถานะ หน้าต่างข้อมูลทักษะ!”
เลเวลลดลงไปถึงสองเลเวล ทำให้เลเวลปัจจุบันของเขาอยู่ที่ 383
ในขณะที่ค่าความเชี่ยวชาญประติมากรรมลดลงไปถึง 25% ทักษะหัตถกรรม ทักษะช่างตัดเสื้อ ทักษะช่างตีเหล็ก มีดสลักประติมากรรม
แล้วก็ค่าทักษะอื่นๆของเขาก็ลดลงไประหว่าง 10% ถึง 17%
ในตอนที่เขาอัดอั้นไปด้วยความรู้สึกผิดหวังและโศกเสร้าเสียใจกับการลดลงไปของค่าทักษะที่เขาต้องทนทำงานอย่างยากลำบากมา
วีดจึงเอาไอเท็มออกมา ไอเท็มที่ดรอปมาจากคูบิยะ!
รองเท้าบูทนักรบแห่งความโกลาหลผู้ยิ่งใหญ่ ที่แสนหนักกับเซทชุดเกราะโลหะชุบ
แผนที่ แล้วก็ดาบหนึ่งเล่มที่ทอประกายสีแดงฉาน ดาบดาวสีชาดนั่นเอง!
แล้วรอยยิ้มก็ได้หลบหนีมาอยู่ที่ริมฝีปากของวีดทันที
“ตรวจสอบ!”
เขาเลือกที่จะตรวจเช็คชุดเกราะก่อน
รองเท้าบูทของคูบิยะ:
ค่าความคงทน: 37/105
พลังป้องกัน: 68
รองเท้าบูทที่สวมใส่โดยนักรบแห่งความโกลาหล ผู้ยิ่งใหญ่
คูบิยะ
ปลุกเสกด้วยอำนาจวิเศษที่บังคับเหล่านักรบให้ยอมจำนนได้
ข้อจำกัด: เลเวล 500
ความแข็งแกร่ง 800 ใช้ได้เฉพาะนักรบโกลาหลกับคนเถื่อนเท่านั้น
คุณสมบัติ: สามารถใช้บลิ๊งค์ได้(Blink)
(แอดมิน: การเทเลพอร์ตระยะสั้น
เคลื่อนในพริบตาระยะสั้น)
ค่าพลังชีวิต +8,000
สามารถสกัดกั้นการโจมตีที่มาจากใต้พื้นได้
บังคับให้พวกนักรบยอมเชื่อฟังได้
ขึ้นอยู่กับเลเวลและขนาดของลูกสมุน
จะสามารถเพิ่มค่าความเป็นผู้นำได้ชั่วคราว
|
ในส่วนเซทชุดเกราะชุบโลหะนั้น มีพลังป้องกัน 280
แถมยังมีข้อจำกัดเลเวลอยู่ที่ 550
“ฉันคงไม่ตายแน่หากว่าใส่ชุดเกราะนี่เข้าไป”
ของชิ้นต่อไป เป็นแผนที่ใต้ดินของเขตลาส ฟาลังคซ์
มันมีโครงสร้างที่ดูซับซ้อนมากอย่างกับใยแมงมุม แถมยังมีโพรงมากมายอยู่ในนั้นอีก
ยังมีพื้นที่อื่นอีกมาก ที่เชื่อมไปสู่ทางใต้ดินของดันเจี้ยน
ทางเข้าดันเจี้ยนในเขตลาส ฟาลังคซ์นั้น มีโครงสร้างที่ซับซ้อน แถมระหว่างทางที่ไปยังมีเส้นทางอื่นเชื่อมได้ถูกสร้างขึ้นอีก
“มีแผนที่ไว้ก็เป็นประโยชน์ในหลายๆทางละนะ”
ในที่สุด ช่วงเวลาที่เฝ้ารอมานานแสนนานของการตรวจสอบดาบมังกร
ช่วงเวลานี้เอง ที่วีดไม่สามารถเก็บความรู้สึกของเขาได้อีกต่อไป
ในขณะที่หัวใจของเขากระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น
“ตะ ตรวจสอบ!”
ดาบดาวสีชาด:
ค่าความคงทน 192/210
พลังโจมตี 190-215
ดาบที่ถูกสร้างขึ้นโดยมังกร
ดาบที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ชิ้นส่วนของกระดูกมันเอง
ชิ้นส่วนของพลังของมังกรแดง ได้ถูกสลักฝังลงไปภายในและสามารถต้านทานเวทย์มนต์ได้
ดาบเล่มนี้ถูกขโมยไปจากมังกรและได้ตามหามันมาเนิ่นนาน
ข้อจำกัด: เลเวล 570
หรือสูงกว่า
ต้านทานธาตุไฟ 100%
ต้องมีความสามารถควบคุมไฟ
คุณสมบัติ: น้ำหนักเบามาก
ลดค่าการใช้พลังกายเมื่อใช้ทักษะ
ความคล่องตัว +10%
ค่าความคงทนไม่อาจลดลงได้อย่างง่ายดาย
การโจมตีสามารถเจาะทะลวงเกราะได้
เพิ่มโอกาสสร้างความเสียหายสาหัสให้กับค่าสถานะหลักได้ถึง 250% ลดความสามารถในการต่อสู้ของศัตรูได้
สามารถทะลวงการป้องกันเวทย์มนต์ใดๆก็ได้
พลังไฟเพิ่มขึ้น
100%
ดูดซับการโจมตีไฟจากเวทย์ธาตุไฟที่ช่วยเสริมเพิ่มค่าความแข็งแกร่งของคุณขึ้น
ค่าความต้านทานธาตุไฟ +30%
มอนสเตอร์ที่ต่ำกว่าระดับกลางจะรู้สึกกลัวในทันที
เพิ่มพลังของดาบขึ้นอยู่กับทักษะการโจมตี
สามารถกำจัดบลัฟฟ์เชิงลบได้ทั้งหมด
ผู้เล่นสามารถใช้ทักษะพิเศษของดาบ ‘ดาวสีชาด’ ได้
เมื่อใดที่คุณชักดาบออกมาเพื่อต่อสู้จะมีโอกาส
0.01%
ที่คุณสามารถอัญเชิญมังกรได้
|
ทักษะดาบดาวสีชาด:
ไม่สามารถวิเคราะห์ได้
ยากต่อการตรวจสอบ
เกี่ยวโยงลึกซึ้งกับเวทย์มนต์คุณสมบัติธาตุไฟ
|
แหวนแต่งงานของซึลรโย (♂) :
ค่าความคงทน 40/40
แหวนหยกที่เป็นสัญลักษณ์ของความหวัง ความเยาว์วัย และรักนิรันดร
สลักมือด้วยช่างฝีมือคนแคระ ผู้ที่ทุ่มเทหัวใจและจิตวิญญาณทั้งหมดให้แก่ผลงานชิ้นนี้
แหวนที่เติมเต็มไปด้วยแรงปรารถนาของซึลรโยที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารัก
เป็นแหวนเซทคู่กับแหวนอีกวง (♀)
ข้อจำกัด: ชายหนุ่มที่ยังไม่แต่งงาน
คู่ครองหญิงสาวที่คู่ควรกับแหวนอีกหนึ่งวง
คุณสมบัติ: เพิ่มการรวบรวมมานาและเพิ่มความเสียหายทางเวทย์มนต์
27%
อัตราการเรียนรู้การร่ายเวทย์เร็วขึ้น
การฟื้นฟูมานาเพิ่มขึ้น 35%
ค่าชื่อเสียง
+1,200
ค่าความดี
+40
ค่าวัฒนธรรม
+40
สติปัญญา +40
ความฉลาด +40
เสน่ห์ +150
ผู้เล่นสามารถใช้ทักษะกำแพงเวทย์ได้
‘ชีลด์’ (Shield)
|
วีดมีความรู้สึกที่ผสมปนเปเกี่ยวกับไอเท็มทั้งหลายนั่น
“ฉันไม่นึกว่าจะได้แหวนคู่แต่งงานของซึลรโยมานะ แต่อย่างที่คาดไว้ ตอนนี้ ฉันได้ดาบมังกรมาแล้ว”
ดาบดาวสีชาดสามารถทำความเสียหายได้สูง แถมยังมีคุณสมบัติอีกมากมาย
แต่ยังไงก็ตามข้อจำกัดเลเวลก็สูงมากด้วยเช่นกัน
แล้วยังเป็นสิ่งที่ไม่อาจขายออกได้ง่ายๆเลยเพราะว่าคุณสมบัติต้านทานไฟได้นั่น
ที่มาพร้อมกับข้อจำกัดการสวมใส่
นอกจากนี้คงยากที่จะโก่งราคาขึ้นจากการลูทของหายากอย่างนั้นได้!
“ฉันไม่อยากรู้เลยว่าใครจะขายของแบบนี้ได้”
วีดรู้สึกสิ้นหวังอย่างมากในขณะที่เขามองไปรอบๆพื้นที่ เพื่อหาไอเท็มกระจัดกระจายอยู่ของเขาเอง
เขาตายไปตั้งสองครั้งแล้วก็มีไอเท็มจำนวนหนึ่งที่เขาดร็อปไปด้วย
ในจำนวนไอเท็มเหล่านั้นคือชุดเกราะทัลร็อคของเขา อุปกรณ์เย็บปักบางชิ้น แล้วยังมีประติมากรรมอีกหลายชิ้นด้วย
เพราะว่าวีดได้พอกพูนชื่อเสียงอันฉาวโฉ่เอาไว้เป็นจำนวนมากแล้วยังมีเครื่องหมายฆาตกรอีก
เขาจึงดร็อปไอเท็มมากกว่าปกติ
ในตอนที่เขากำลังรวบรวมไอเท็มของเขาและชิ้นอื่นๆที่ดร็อปโดยอันเดดระหว่างการต่อสู้
ซอยูนที่พึ่งจะเชื่อมต่อเข้ามา ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเจ้าวิหคทองคำ อึนแซ
และเจ้าเหลือง
“ดีที่เห็นพวกแกปลอดภัย”
วีดชมเชยเจ้าเหลืองอย่างเป็นห่วงเป็นใย
จากนั้นเจ้าเหลืองก็เข้าไปคลอเคลียบนหน้าของเขาแล้วก็เลียเขาด้วยลิ้นของมัน
ถือว่าเป็นสิ่งปกติที่มันจะไม่ทำ
‘นายท่าน ขอบพระคุณมาก ข้าไม่ทราบว่าท่านจับตาดูและช่วยข้าไว้ด้วย
ข้าขออภัยจริงๆ’
‘ข้าอาจจะตายอยู่ที่นี่ได้
ข้าจะชดเชยให้แก่ท่านได้ยัง….’
หากดูภายนอกแล้วนี่อาจจะมองว่าเป็นฉากที่ซาบซึ้งกินใจอย่างมาก
แต่พวกมันคงนึกไม่ถึงฝันร้ายที่สุดคืออะไรก็ตามที่พวกมันจะสามารถนึกถึงเจตนาที่แท้จริงของวีดได้
อึนแซกระพือปีกของมันไปเกาะอยู่ที่ไหล่ของวีดที่ถือว่าเป็นภาษากายที่สื่อถึงความรัก
ในหมู่ประติมากรรมสลักชีพนั้น มีเพียงแค่อึนแซที่มีธรรมชาติบ่งบอกถึงเพศหญิง
ในครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะเปลี่ยนใจเกี่ยวกับตัววีดแล้ว
“ฉันควรจะแบ่งไอเท็มที่คูบิยะดร็อปตอนนี้ละนะ แต่เพราะว่าเราใส่รองเท้าบูทกับเซทชุดเกราะไม่ได้
งั้นฉันจะเอาไปขายก่อนแล้วจะแบ่งส่วนแบ่งให้เธอทีหลังนะ โอเคไหม?”
ซอยุนพยักหน้ารับ เพราะว่าเธอยังไม่อยากกลับไปที่ตัวเมืองหรือว่าปราสาท
จำนวนไอเท็มที่เธอได้จากที่ล่ามาก่อนหน้านี้ แล้วยังพวกที่เธอได้รับจากที่นี่ ได้ถูกเก็บเอาไว้เกินกว่าความจุไอเท็มปัจจุบันของเธอ
เกินที่จะรับไหวแล้ว
“แต่ว่าเธอเอาเจ้านี่ไปได้เลยนะ”
วีดยื่นแหวนผู้ชายที่เป็นแหวนคู่แต่งงานของซึลรโยให้กับเธอ ในขณะที่เขาก็ถือแหวนผู้หญิงอีกวงเอาไว้อยู่
“ฉันจะแบ่งให้อย่างเท่าเทียมกันระหว่างเราสองคน”
“….?”
เพราะข้อจำกัดในการสวมใส่ วีดเลยต้องเก็บเอาไว้วงหนึ่ง
ในขณะที่เขาให้ซอยูนอีกวง ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงสดราวกับลูกแอปเปิ้ล
ความหมายของแหวนนั้นไม่เคยเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆเลยกับผู้หญิงโดยเฉพาะยิ่งเป็นแหวนแต่งงานแล้วด้วย!
*ตริ้ง!*
การสวมแหวนคู่แต่งงานของซึลรโยจะเติมเต็มความปรารถนาที่ล้ำค่าที่สุดของเขา
หากสวมใส่ไปแล้ว ผลของแหวนจะทำให้คุณกระทำตามความปรารถนาที่ไม่อาจเติมเต็มและความยึดมั่นในรักอันแสนยาวนานได้
ความปรารถนาของซึลรโยที่จะได้แต่งงานกับคู่หมั้นของเขา
ท่านปรารถนาที่จะดำเนินการต่อหรือไม่?
ชายผู้ไม่ได้แต่งงานกับหญิงที่จะทำการหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของซึลรโยและคู่หมั้นของเขาเลเธีย
เอฟเวอลินเพื่อที่จะเติมเต็มความปรารถนาของพวกเขาและปลดปล่อยพวกเขาออกจากความเศร้าโศก
|
แน่นอนว่าวีดไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะเดินหน้าต่อไป
ไอเท็มระดับยูนีคมีประสิทธิภาพในการเพิ่มอัตราการฟื้นฟูมานาที่สำคัญอย่างมากในการออกล่า
ผ่านไปซักพักทั้งสอง ซึ่งยังคงอยู่ภายในดันเจี้ยนนรกโลกันตร์ของเขตลาส
ฟารังซ์ด้วยกันพร้อมกับพวกประติมากรรมสลักชีพ ทันใดนั้นพื้นที่รอบๆก็ได้กลายไปเป็นปราสาทใหญ่โตมโหฬาร
-ท่านได้มาถึงปราสาทเอฟเวอลินของราชอาณาจักรนิฟล์เฮม
สถานที่นี้เป็นการแสดงถึงความฝันของซึลรโย
โลกมายาที่เรียกว่า‘Magus
Phantasm’ (ความฝันอันหอมหวาน) แม้ว่าจะเป็นภาพมายาแต่ไอเท็มที่เก็บได้จากที่นี่สามารถเอามาเป็นเจ้าของได้
|
จากนั้นวีดและซอยูนก็ตรงเข้าไปหาพวกพ่อบ้านกับเหล่าสาวใช้
“อ้า
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่ข้าไปปลุกท่านสายไปสินะ วันนี้คือวันแต่งงาน เราต้องเตรียมตัวโดยเร็ว
ชุดที่ส่งให้ช่างตัดเย็บมาถึงแล้วครับ เร็วๆเถอะครับ นายท่านซึลรโย”
รูปร่างของวีดก็เป็นเหมือนแต่ก่อน ก็แค่หน้าตาบ้านๆ แต่ว่าสาวใช้กลับมองเขาเป็นซึลรโย
ต่อจากนั้นวีดก็ถูกบังคับให้เดินไปโดยเหล่าสาวใช้ ส่วนซอยูนก็ถูกนำตัวไปอีกห้องหนึ่งโดยสาวใช้อีกคน
“โอ้คุณพระ ท่านมีผิวที่เรียบลื่นมากจริงๆ”
“แค่ได้มองไปที่ท่านหญิงเลเทีย
ท่านก็สามารถบอกได้เลยว่านางเป็นคนที่สวยหาใดเปรียบ นายท่านซึลรโยช่างเป็นผู้ชายที่โชคดีจริงๆ”
วีดสามารถได้ยินเสียงของสาวใช้ที่พูดถึงซอยูน ในขณะที่เขาเดินลงมาที่ห้องโถงของปราสาท
แล้วสาวใช้ก็ถามวีดขึ้นมาว่า
“ท่านได้ดูแลผิวของท่านอย่างเหมาะสมดีหรือเปล่าคะ?”
“เอ่อ
มีขี้ตาติดอยู่ตรงนั้นน่ะค่ะ รีบๆไปล้างหน้าของท่านเถอะค่ะ”
เจ้าเหลือง วิหคทองคำ กับอึนแซถูกปล่อยให้ยืนอยู่เฉยๆบริเวณห้องโถง
แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นานผู้ควบคุมฟาร์มปศุสัตว์กับผู้ดูแลสวนก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วเอาตัวพวกมันไปที่ไหนซักแห่ง
***
วีดอาบน้ำในอ่างอาบน้ำที่มีน้ำอุ่นพร้อมกับผ้าขนหนูพาดอยู่เหนือหัว
ภายในรอยัลโร้ดการอาบน้ำนานๆจะช่วยให้รู้สึกสดชื่นมาก
-ท่านจะฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าได้เร็วขึ้น
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว
หากท่านรับประทานอาหาร ท่านสามารถฟื้นค่าพลังกายสูงสุดมากถึง 20%
|
หลังจาดที่อาบน้ำจนสบายตัวแล้ววีดก็พักผ่อนอีก 30
นาที จากนั้นเขาใส่สูทที่ช่างตัดเสื้อส่งมาให้ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เคลื่อนตัวลำบากก็เถอะ
แต่เพื่อกอบโกยเอาจากสถานการณ์เช่นนี้
วีดจึงใช้ทักษะตรวจสอบเพื่อเช็คชุดแต่งงานที่อยู่ในยุคแห่งจักรวรรดินิฟล์เฮม ไอเท็มชิ้นนี้ให้คุณสมบัติที่เพิ่มค่าความดีและค่าเสน่ห์แถมยังส่งผลด้านความประทับใจที่ดีต่อเพศตรงข้ามอีกด้วย
ท่านได้รับวิธีการตัดชุดแต่งงานสำหรับชนชั้นสูง
|
สำหรับวีดผู้ที่มีทักษะเย็บปัก ช่างเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่จะได้เรียนรู้การทำชุดแบบใหม่ๆแม้ว่าสิ่งที่เขาเรียนมานั้นดูเหมือนจะไร้ประโยชน์เสียมากกว่า
พลังป้องกันเกือบจะเป็นศูนย์ เมื่อสวมใส่ชุด มันก็จะค่อยๆสึกกร่อนไปอย่างง่ายดายเพราะค่าความคงทนต่ำ
แถมคุณสมบัติพิเศษก็มีค่าสถานะดึงดูดนิดหน่อยๆให้เสียอารมณ์อีก
นั่นจะยิ่งทำให้แย่ลงไปอีกนะถ้าเกิดรอยยับหรือรอยบนเนื้อผ้า ยิ่งทำให้ลดค่าความดีกับค่าเสน่ห์ลงไปอีกนะสิ!
‘การรวบรวมวัสดุทำชุดกับปักเย็บนั้นยิ่งทำให้มันยากเข้าไปใหญ่’
หลังจากที่สวมใส่ชุดเรียบร้อยแล้ว สาวใช้ก็เริ่มตัดแต่งแก้ไขทรงผมของเขา
จากการบำรุงด้วยน้ำมันใส่ผมแปลกๆและก็ทำให้ผมเขาเรียบลื่นและเป็นเงาวับ
แล้วยังจะหวีให้เป็นทรงผมแบบที่เขาไม่เคยทำมาก่อน
‘แค่บำรุงด้วยแชมพูบนผมแล้วก็ล้างออก
จากนั้นก็เช็ดด้วยผ้าขนหนูก็ได้นิ’
กับวีดผู้ที่มักจะใช้ชีวิตในแบบถือทิฐิ นี่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แสนจะไม่คุ้นเคยเอาซะเลยกับตัวเขา
ผมที่สางลงมาให้เป็นผมปกหน้าแล้วแยกตัวออกจากกันในอัตรา7
ต่อ 3 (คงจะทรงปกหน้าปัดข้างธรรมดา)
วีดรู้สึกเคอะเขินอย่างมากขณะที่มองผ่านกระจกไปแล้วจึงขอร้องออกไปอย่างกระอักกระอ่วนว่า
“มันจะไม่โอเคกว่าหรอถ้าแค่ปล่อยให้ผมลงมาแบบปกติน่ะ?”
“โอ้ ท่านอยากจะทำให้มันเสร็จๆไปแบบเชยๆหรือค่ะ
นายท่านซึลรโย”
“…….”
ด้วยการโต้ตอบของสาวใช้เช่นนั้น วีดจึงไม่อาจตอบโต้กลับไปได้
‘ฉันจะเอาทรงผมของฉันกลับคืนมาหลังจากเสร็จงานแต่งบ้าๆนี้แล้ว
ตอนนี้ก็คงต้องทนๆไปจนกว่าจะจบสินะ’
ตลอดทั้งชีวิตของวีด เขาไม่เคยต้องประสบพบเจอกับการแต่งหน้าอย่างนี้เลยซักครั้ง
จากนั้นสาวใช้ก็ปล่อยให้วีดส่องดูที่กระจก
“ข้าว่านายท่านดูหล่อเหลามากๆเลยค่ะ”
พอได้ยินพวกเขาพูดถึงหน้าตาของเขา ก็ทำให้วีดหน้าบึ้งเพราะเขารู้ว่าทุกๆคนกำลังบังคับตัวเองให้พูดคำยกยออย่างนั้นอยู่
และจากนั้นบทเพลงที่แสนละมุนละไมก็เริ่มบรรเลง
“งานวิวาห์กำลังจะเริ่มแล้วค่ะ
นายท่านซึลรโย”
“งั้นข้าควรออกไปสินะ”
วีดอยากจะจบสิ้นเหตุการณ์ครั้งนี้ให้เร็วที่สุด
ผู้ชายหลายคนคงจะสมเพสเวทนาเขาแน่ๆเลย
มันคงเหมือนกับมีความเมื่อยล้าสะสมมาจากการร่วมงานกับผู้หญิงที่ทำงานด้วยกันที่ร้านสะดวกซื้อแล้วยังต้องรักษาหน้าตาให้ดูดีอยู่เสมอ
“ท่านควรไปต้อนรับบรรดาแขกนะคะ แต่ว่าก่อนหน้านั้นท่านควรไปพบกับผู้นำพิธีก่อนนะคะ”
“ฉันแค่เข้าพิธีแต่งงานทันทีเลยไม่ได้หรอ?”
“ท่านหญิงเลเธียต้องการเวลาอย่างมากเพื่อเตรียมพร้อมน่ะค่ะ
ในงานวิวาห์เจ้าสาวต้องดูสวยโดดเด่นค่ะ”
ซอยูนที่กำลังผ่านการแปลงโฉมเป็นเจ้าสาวอยู่
วีดก็ไม่อาจจะเร่งให้เปลี่ยนตารางพิธีได้
งานแต่งงานของวีดจะอยู่หน้าโถงน้ำพุสีคราม พร้อมกับมีแขกมากมายจ้องมองมาที่เขา
‘ยังไงก็เถอะ
นี่ไม่ได้เป็นงานแต่งของฉันเลยด้วยซ้ำ…ฉันควรออกไปและก็พบพวกแขกซะ’
“ซึลรโย ทฤษฎีศิลปะลี้ลับที่ช่วยลดเวลาการร่ายเวทย์ลงนั่นช่างวิเศษจริงๆ
นี่ก็ทำให้เจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะชนะรางวัลนักปราชญ์แห่งมาแทมของปีนี้แล้วละ (Matam’s
scholar Award)”
-ท่านได้รับวัตถุดิบเวทย์มนต์ หางของกิ้งก่าน้ำเงินแล้ว
|
วีดเร่งรีบจัดชุดของเขาอย่างรวดเร็วแล้วก็จับมือด้วย
“ขอบคุณสำหรับการมางานวิวาห์ของข้า”
“ข้าไม่อยากเชื่อว่าผู้สืบทอดของเคานท์ไบรอนกำลังจะแต่งงานแล้ว
เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินเลยนะ”
-ท่านได้รับเหรียญทองจักรวรรดินิฟล์เฮมจำนวน 800 เหรียญแล้ว
|
บรรดาจอมเวทย์และชนชั้นสูงมาร่วมเป็นแขกผู้มีเกียรติให้กับเขา
จากการได้ของขวัญและเงินแสดงความยินดีจากพวกเขาหลั่งไหลมาเรื่อยๆ ดังนั้นวีดจึงรู้สึกยินดีและต้อนรับพวกเขาอย่างสุภาพอ่อนน้อม
หลังจากนั้นผู้นำพิธีบิช๊อปซิปเรียนัส (Cyprianus)
ก็ได้เริ่มกล่าวคำเชิญชวนขึ้น
“พวกเราได้มารวมตัวกัน ณ ที่นี่วันนี้ เพื่อเป็นสักขีพยานให้กับหนุ่มชนชั้นสูงและจอมเวทย์นาม
ท่านซึลรโย ไบรอนและอัญมณีแห่งจักรวรรดินิฟล์เฮมของพวกเรา ท่านหญิงเลเทีย
เอฟเวอลินภายในพิธีวิวาห์อันศักดิ์สิทธิ์นี้”
จากนั้นพิธีแต่งงานก็เริ่มต้นขึ้นด้วยการบรรเลงเพลงอันหรูหราโอ่อ่า
หลังจากบทเพลงแรกได้สิ้นสุดลง
ผู้นำพิธีก็เกริ่นนำตัวเองให้เป็นผู้อวยพรสูงศักดิ์
บทเพลงผสานเสียงที่แสดงถึงความสุขสรรและความเศร้าโศกของชีวิตได้บรรเลงขึ้นมา
วีดรู้สึกประหลาดใจที่รู้ว่าพิธีแต่งงานมีขั้นตอนมากมายขนาดนี้ เขาอยากจะให้พิธีนี้จบไปเร็วๆเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่ว่าจากนั้นเหล่าบริกรก็มาเสิร์ฟอาหารเย็นพร้อมกับเครื่องดื่มเย็นๆใส่แก้วมา ให้กับบรรดาแขกผู้มาร่วมงานที่โต๊ะของพวกเขา
‘ฉันเดาว่านั่นคงไม่พอเอาไว้ชงชาเขียวถุงระหว่างวันแต่งงานนี่หรอก….ขั้นตอนการเตรียมการคงจะนานเกินไป’
เจ้าเหลือง วิหคทองคำ กับอึนแซอยู่ท่ามกลางบรรดาแขก
เจ้าเหลืองถูกจัดเสิร์ฟไว้ด้วยผักสดๆในขณะที่เจ้าวิหคทองคำกับอึนแซเสิร์ฟเนื้อปลาไหลปรุงรสกับอาหารจานงูที่ปราศจากการเครื่องปรุงรส
“เจ้าบ่าวก้าวเข้ามา
ท่านซึลรโย ไบรอน”
หลังจากสิ้นคำของผู้นำพิธีไป วีดก็เดินเข้าไปที่ทางเดินพิธีแต่งงานอย่างสง่าผ่าเผย
‘ฉันกอบโกยกำไรได้เป็นจำนวนมาก’
วีดทำกำไรได้อย่างมหาศาล แล้วตอนนี้ทั้งหมดก็เหลือที่ต้องทำให้สำเร็จพิธีก็คือ
แลกแหวนแต่งงาน
ไม่มีอะไรเหลือนอกเสียจากวีดต้องใส่แหวนผู้หญิงไว้ที่นิ้วของซอยูน
แล้วก็รับแหวนผู้ชายมาก็แค่เรื่องกล้วยๆ
หลังจากที่ปฏิญาณตนกับผู้นำพิธีและบรรดาแขกแล้ว ตอนนี้วีดจึงยืนอยู่นิ่งๆ
“และบัดนี้ขอเชิญเจ้าสาวที่งดงามที่สุดในโลก”
จากนั้นวงดนตรีก็เริ่มบรรเลงทำนองเพลงอันใสก้องกังวาน คนที่ค่อยๆเดินมาอย่างช้าๆลงมาที่ทางเดินก็คือซอยูนที่สวมชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์
รูปร่างหน้าตาของเธอในตอนนี้ เทียบไม่ได้เลยกับตอนที่เธอสวมชุดแต่งงานระหว่างงานเทศกาลโรงเรียน
คงจะบรรยายถึงเธอได้แค่เพียงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่สวยงามบนโลกใบนี้มารวมอยู่ที่เธอในตอนที่เธอเดินมาตามทางเดินนั่น
จากนั้นวีดก็เริ่มหวนนึกถึงอดีตขึ้นมา
‘หลังจากนั้น
ฉันคงเป็นคนที่ต้องเปิดผ้าคลุมหน้านั่นออก’
ความสัมพันธ์ของพวกเขาได้เดินทางมาไกลมากแล้ว
‘พอมาคิดดูแล้ว เราก็ไปในที่ต่างๆมากมายด้วยกัน’
ทั้งหมดก็เริ่มจากโอกาสของพวกเขาที่ได้พบกันที่กระท่อมของครูฝึกช่วงที่เขายังเป็นผู้เล่นใหม่อยู่ที่ราชอาณาจักรโรเซนไฮม์
แล้วจากนั้นเขาก็ได้กลายร่างเป็นออค คาริชวิ
แล้วพวกเขาก็ได้เดินทางท่องเที่ยวไปตามที่ราบแห่งความสิ้นหวังร่วมกัน
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ไปผจญภัยที่ดินแดนเหนือด้วยกัน ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งป่าเอลฟ์
แล้วก็ล่ามังกรโครงกระดูกด้วยกันอีก
แล้วก็ในเขตลาส ฟาลัคซ์นี่อีก เธอต่อสู้ร่วมกันกับเขาถึงแม้จะจบลงด้วยการที่เธอต้องเสียชีวิต
ถึงแม้ว่ามันจะยากลำบากอยู่บ้าง สำหรับวีดที่ต้องทำงานของเขาโดยมีซอยูนอยู่ใกล้ๆ
แต่ว่าก็คงไม่พูดเกินไปหรอกว่าประติมากรรมหลายๆชิ้นที่เขาเอาไปเป็นแบบที่ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สวยงามที่สุดที่เขาเคยสร้างมา
จากทั้งหมด ทุกชิ้น
ผลงานระดับแกรนมาสเตอร์ชิ้นแรกที่เขาสร้างเป็นประติมากรรมก็มีแบบมาจากเธอเอง
หรือแม้แต่ประติมากรรมแสงจันทร์ชิ้นแรกของเขาก็มีแบบจากเธอด้วยเช่นกัน
ในช่วงเวลาที่ตระหนักได้ว่าซอยูนที่สวมใส่ชุดแต่งงานนี้
กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอยู่ใกล้ๆนี่ วีดจึงหักห้ามใจไม่ให้รำลึกนึกถึงภาพเก่าๆ
ผ่านพ้นเหตุการณ์บังเอิญต่างๆนาๆมากมาย ชะตาของเขาในตอนนี้ก็ได้สานเข้าด้วยกันกับซอยูนอีกครั้ง
แต่ว่าเขาก็ยังคงกลัวที่จะยอมรับมันอยู่ดี
ก็เพราะว่าเขาเชื่อว่าจะมีผู้ชายคนอื่นเหมาะสมสำหรับเธอมากกว่าปรากฏตัวขึ้นที่ไหนซักแห่ง
ในตอนนั้นเอง ที่วีดได้เตือนใจตัวเอง:
‘คุณยายเคยบอกเราครั้งหนึ่งว่า
รูปลักษณ์ของผู้หญิงไม่ได้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างหรอก’
ในขณะที่หลายความคิดมากมายนี้แล่นผ่านเข้ามาในหัวเขา ซอยูนก็เดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยคำสอนของยายที่อยู่ภายในหัวของเขา วีดจึงเลือกที่จะประเมินคุณค่าในตัวของซอยูนอย่างใจเย็น
-ถ้าหากว่าผู้หญิงสวยงั้น นายก็จะมีความสุขไปแค่ 3
ปี ถ้าหากเธอทำอาหารอร่อยงั้นนายก็จะได้เพลิดเพลินไปถึง 30 ปี แล้วถ้าเธอฉลาดงั้นนายก็จะมีความสุขไปถึงสามชั่วคน
‘ซอยูนนั้นเป็นคนสวยสุดๆเพราะงั้นก็ควรเพิ่มจำนวนปีให้ละกัน
ซัก6ปีของความสุขดีไหมนะ?’
ถึงแม้ว่าจะกลายเป็นแฟนหนุ่มหรือสามีของเธอไปแล้ว ก็คงจะยากมากที่จะไม่สนใจรูปลักษณ์ที่แสนงดงามของซอยูน
ยิ่งไปกว่านั้นนายก็จะรู้สึกราวกับอยู่ในทรวงสวรรค์เมื่อตอนที่นายเห็นใบหน้าที่กำลังหลับใหลของซอยูนข้างๆตอนที่นายตื่นนอนขึ้นมาอีก!
แต่อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ที่แสนหรูหรางดงามนั้น ก็จะเสื่อมโทรมไปภายใน
6 ปีถึงแม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจว่านั่นจะใช้ได้กับซอยูนไหม
‘หลังจากผ่านไป 6ปีแล้วเธอก็ยังคงดูราวๆอายุ 20
กว่าๆเองแล้วฉันยังมีความรู้สึกว่าเธอจะยิ่งสวยขึ้นไปเรื่อยๆในตอนที่เวลาผ่านพ้….ยังไงก็ช่างเถอะ แต่งงานกับผู้หญิงที่รู้วิธีทำอาหารเก่งจะทำให้ช่วงเวลา 30
ปีมีความสุขมากที่สุด’
เขาเคยลิ้มลองรสชาติอาหารของซอยูนมาแล้วที่ตระเตรียมมาอย่างชำนาญ
พร้อมกับเครื่องปรุงรสภายในกล่องอาหารกลางวันกับแผ่นโน้ตจากเธอ มันเป็นมื้ออาหารที่มาด้วยทักษะที่น่านับถือที่ไม่ด้อยไปกว่าของวีดเลยแม้แต่น้อย
‘ฉันเดาว่าช่วงเวลาแห่งความสุข
30 ปีจะมีได้เพราะว่าเธอรู้วิธีทำอาหาร’
พวกเขาสามารถทำอาหารไปด้วยกันได้ ถ้าหากว่าวีดมีภรรยาอย่างนี้ แล้วก็ใช้เวลาหลายปีที่เหลือของพวกเขาพัฒนาและปรับปรุงตำรับอาหาร
ซอยูนก็มีเกรดดีพอควรอีกด้วยจากมหาวิทยาลัยเกาหลีใต้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เข้าเรียนเลยก็ตาม
ถึงแม้ว่าตอนที่เธอเข้าเรียนชั่วโมงบรรยายร่วมกับเขาแต่ว่าเธอก็ตั้งใจฟังอย่างเอาจริงเอาจังและจดลงสมุดเสมอ
ระหว่างการสอบเธอก็จะให้สมุดโน้ตกับเขาในส่วนที่เขาไม่เข้าใจ
แล้วก็ตอนที่เขาแอบมองดูในกระเป๋าของเธอสิ่งที่เขาเจอคือวิทยานิพนธ์ภาษาต่างประเทศกับหนังสือวิชาการมากมาย
เธอใช้เวลาอ่านหนังสือมากมายในตอนที่มีเวลาว่าง
‘เธอช่างหัวดีเหมาะที่จะตั้งอยู่บนบ่าคู่นั้นจริงๆ’
แม้กระทั่งเกณฑ์ประเมินของคุณยายของเขา
ก็ไม่สามารถลดคะแนนของซอยูนลงได้เลย
‘คนเราจะต้องมีข้อเสียอะไรอยู่อย่างแน่นอนละ ที่แค่ซ่อนเอาไว้ง่ายๆ
ทุกๆคนต้องมีจุดที่แย่ๆซักที่แหละน่า อย่างนอนกรน…แล้วก็อื่นๆ
ถึงแม้ว่าเธอจะนอนหลับระหว่างสอบกลางภาคอย่างเงียบเชียบก็เถอะ’
แล้วความคิดก็แวบขึ้นมาได้ วีดจำช่วงเวลานั้นได้แม่นยำ
‘เธอโน้มตัวมาข้างๆฉันในตอนที่เผลอหลับไป
นั่นค่อนข้างจะเป็นนิสัยที่ค่อนข้างแย่นะ แถมเธอยังกินแล้วก็ดื่มอาหารของฉันมากอีกด้วย
แถมยังไม่รู้จักใช้ความพอเหมาะพอควรในการเลือกหยิบเครื่องเคียงด้วยตะเกียบของเธอ’
วีดพยายามหาข้อผิดพลาดของซอยูนไม่ว่าอย่างใดก็ตาม
เขายังพยายามบ่งชี้ถึงข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆจากนิสัยของเธออีกด้วย แม้แต่ย้อนกลับไปตอนที่เขาออกล่าด้วยกันกับซอยูน
แต่ว่าภายในความคิดของเขาก็ยังมีความเข้าใจผิดเกาะติดอยู่เกี่ยวกับเธอว่า เธอเป็นคนที่ชั่วร้ายมาก
หลังจากที่ซอยูนทักทายเล็กน้อยจากนั้นพวกเขาก็จับมือกันไว้
ต่อจากนั้นผู้นำพิธีก็ปรบมือเพื่อดำเนินพิธีต่อไป
“ช่างเป็นเกียรติจริงๆที่ได้มาประกอบพิธีที่น่าปลื้มปีติเช่นนี้….เจ้าบ่าว ท่านซึลรโย เกิดที่ปราสาทแห่งเฮรอด
ได้มาริเริ่มให้เราเข้าใจถึงวิธีควบคุมการไหลของมานาและต่อมาก็ได้กลายเป็นลูกศิษย์ของมาสเตอร์มอนทาว…เจ้าสาว ท่านหญิงเลเทียที่เกิดในบ้านอันทรงเกียรติของครอบครัวเอฟเวอลิน
ที่ได้ทำการเพาะปลูกดอกไม้และต้นไม้เป็นงานอดิเรก…งานวิวาห์ครั้งนี้มีความหมายอย่างยิ่งใหญ่ต่อจักรวรรดินิฟล์เฮม…การสมรสของคู่ชายหญิงที่แสนบริสุทธิ์คู่นี้….”
วีดหาววอดออกไปขณะที่ต้องทนกับขั้นตอนที่แสนน่าเบื่อนี่
ไม่มีประเด็นไหนเลยที่เป็นที่จำจดจากเนื้อความของผู้นำพิธีคนนั้นอย่างกับว่ามันจะเป็นบททดสอบงั้นแหละ
ยิ่งเนื้อความของผู้นำพิธีสั้นเท่าไรก็ยิ่งดี
แต่ว่านี่มันมีแต่จะยิ่งยาวขึ้นไปเรื่อยๆยิ่งตอนที่เขาเริ่มยกยอสรรเสริญนักบุญบางคนผู้ที่ทำให้พลังธรรมชาติส่งให้ดอกไม้บานเองได้ด้วยการให้ผีเสื้อบินนำเขาไปก่อน
‘ท้ายที่สุด มันก็แค่จบลงด้วยการยกยอแล้วก็อวยพรซะงั้น’
วีดแทบจะทนรอไม่ไหวในตอนที่ส่วนสุดท้ายของเนื้อความของผู้นำพิธีนั่นก็ได้มาถึงในที่สุด
หลังจากนั้นในที่สุดก็คือการแลกคำสัจจะปฏิญาณที่เป็นไฮท์ไลท์ของพิธีแต่งงานในครั้งนี้
“เจ้าจะรับผู้หญิงคนนี้ เป็นภรรยาคู่สมรสของเจ้าหรือไม่? เจ้าจะขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์จริงใจกับเธอไม่ว่ายามทุกข์หรือยามสุข
ทั้งในยามป่วยไข้และยามสบาย เพื่อรักและยกย่องเธอ ไม่ทอดทิ้งกันและกัน
และจะอยู่เคียงข้างเธอจนกว่าชีวิตจะหาไม่?”
เพื่อที่จะไม่ทำลายงานแต่งงานครั้งนี้
วีดจึงจำต้องตอบรับออกไปอย่างถูกต้องและสวมแหวนให้ซอยูน
“ข้าสัญญา”
วีดจับมือของซอยูนเอาไว้แน่น
ในฐานะเบอร์เซิร์กเกอร์แล้ว
มือของเธอก็จะเคยชินกับการต่อสู้แต่ว่าตรงกันข้ามเลย มันดูเรียวยาวมาก แถมผิวพรรณก็ไร้ตำหนิอีก
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังพบว่าเล็บบนนิ้วของเธอนั้น ยังสวยมากๆเลยในตอนที่เขาสวมแหวนให้เธอ
และในครั้งนี้บิชอปซิปเรียนัสหมุนตัวไปหาซอยูนและถามเธอว่า
“เจ้าจะรับผู้ชายคนนี้
เป็นสามีคู่สมรสของเจ้าหรือไม่? เจ้าจะขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์จริงใจกับเขาไม่ว่ายามทุกข์หรือยามสุข
ทั้งในยามป่วยไข้และยามสบาย เพื่อรักและยกย่องเขา ไม่ทอดทิ้งกันและกัน
และจะอยู่เคียงข้างเขาจนกว่าชีวิตจะหาไม่?”
ด้วยผมที่ตัดแต่งมาอย่างสะอาดเรียบร้อย พร้อมกับเติมแต่งใบหน้าด้วยเครื่องสำอาง
ซอยูนที่สวมชุดแต่งงานอยู่ กำลังใคร่ครวญถึงหลายๆสิ่งอยู่นั้น
การที่จะได้ทักทายวีดครั้งนั้นขึ้นอยู่กับช่วงเวลานี้เท่านั้น
พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกันมามากมาย แถมเธอยังใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาผ่านทางสัตว์ที่เขาเลี้ยงอย่างเจ้าเหลือง
โกลมินิ รวมถึงประติมากรรมสลักชีพตัวอื่นด้วย
เธอรู้สึกกลัวและหวาดระแวงคนอื่นๆ
แต่ว่ากับวีดเธอไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย ครั้งหนึ่งชาอึนฮีเคยพูดกับเธออย่างเป็นห่วงว่า:
“เธอจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างนี้หรอ?”
“…….”
ซอยูนอยากจะพูดบางอย่างออกมา แต่ว่าเธอยังคงรู้สึกกลัวอย่างมากที่จะพูดออกไป
มันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอ ที่จะสนทนากับใครซักคนและสื่อความรู้สึกของเธอออกมา
“ชีวิตนั้นไม่ใช่แค่การเอื้อมไปที่ก้อนเมฆที่ล่องลอยอยู่นะ
ในฐานะที่เป็นคนหนุ่มสาวอยู่นี่ เธอควรไปโรงเรียนแล้วก็เข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียน
ปล่อยให้ตัวเองหมกมุ่นอยู่กับบางสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ทุกๆวัน
อย่ากังวลกับสิ่งที่จะบอกกับพ่อแม่ของเธอแม้ว่าเกรดของเธอจะตกลงไปซักสองสามจุด”
มันก็ไม่ใช่ว่าเธอกำลังจะบอกว่าอย่าไปเสียเวลาอยู่กับสิ่งที่ออกมาจากนรกของการทดสอบนั่น
“เธอควรออกไปเจอกับสัมผัสแห่งอิสระที่คนๆหนึ่งควรได้รับตอนที่เข้าไปวิทยาลัยแล้ว
แม้ว่าเธอจำเป็นต้องเตรียมตัวสำหรับการทำงานระหว่างปีที่สองเพราะว่าการแข่งขันนั้นดุเดือดมากเพื่อที่จะหางานให้ได้”
สงครามการจ้างงานนั้นมีแต่จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นทุกๆปี
ถ้าหากว่าเธอไม่เตรียมตัวไว้ก่อน
เธอก็จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากที่จะให้ได้งานดีๆทีหลัง
“ดูอย่างตอนนี้สิ
ฉันก็อายุ 20 ปลายๆแล้ว และสิ่งที่ฉันทำอยู่นี่ก็เป็นงานนะเพราะว่าฉันต้องออกไปและปรับตัวให้เข้ากับสังคม
แต่ว่าฉันก็ยังไม่ได้แต่งานอยู่ดี ดังนั้นฉันจึงต้องออกไปนัดบอร์ดหาคู่แต่งงานน่ารำคาญระหว่างวันหยุดที่บ้านตัวเอง
เพื่อที่จะหาผู้ชายที่จะแต่งงานด้วยในอนาคตอีก”
เวลาจะทำให้เธออ่อนไหวง่ายกับอายุนะ จะรู้สึกอยู่ทุกๆวันว่าความเยาว์วัยจะหนีไปจากร่างกายของเธอ
“ซอยูน นี่มันยังเร็วเกินไปสำหรับเธอนะ
เธอจะยอมแพ้ แล้วปล่อยให้ชีวิตของเธอหมดอายุขัยอยู่ในกรงขังอย่างนี้เหรอ”
ชาอึนฮียิ้มอย่างอ่อนโยน
“ความสุขมักจะถูกพบได้จากสิ่งที่ดูง่ายดายมากที่สุด
เธอควรใช้ชีวิตอย่างคนอื่นเขาแล้วก็มีเพื่อนในตอนที่เรียนอยู่ เพื่อนที่เดินไปด้วยกันกับเธอแล้วก็เป็นเพื่อนกันไปตลอดชีวิตของเธอ
แล้วถ้าหากว่าเธอหากิจกรรมชมรมเจอในวิทยาลัย เพื่อไม่ให้เสียเปล่าไป เธอก็ควรจะจดจ่ออยู่กับงานอดิเรกสักอย่างนะ”
“…….”
“เช่นเดียวกัน
เมื่อเธอเข้าไปทำงานในบริษัทแล้ว ก็จะมีช่วงเวลาที่เธอรู้สึกเครียด
โกรธหรือขุ่นเคืองจนอยากที่จะเขียนจดหมายลาออกในทันที แต่ว่าหลังจากนั้นเธอก็จะประสบความสำเร็จเอง
เธอไม่อยากไปถึงขั้นประสบความสำเร็จหรอ? ในขณะที่เธอยิ่งแก่ขึ้นเรื่อยๆเธอก็จะยิ่งต้องเริ่มมองหาการแต่งงานแล้วหลังจากนั้นก็เลี้ยงเด็กให้เติบโตระหว่างอายุ
30 ถึง 40 ก็ไม่เลวเลยนะ”
“…….”
“ผ่านพ้นวัยผู้ใหญ่ไป
ที่ที่เธอจะพบเจอกับความสุขมากที่สุดในชีวิต แต่ยังไงซะ สิ่งที่ฉันกังวลเกี่ยวกับมัน
ก็คือเธอจะสูญเสียโอกาสนั้นไป”
ถึงแม้ว่าท่าทางของเธอจะไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่ว่าเธอก็ยังคงรับฟังสิ่งที่ชาอึนฮีพูดออกมา
“เธอไม่อาจมีชีวิตปกติได้เลยนะ
ถ้าหากว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ในโลกของเธอเองโดยปราศจากเพื่อนฝูง….แล้วจากนั้นเธอก็ไม่อาจสร้างความทรงจำแห่งความสุขใดๆได้เลย นั่นช่างสูญเปล่าจริงๆนะ
เธอต้องรวบรวมความกล้าเมื่อเวลานั้นมาถึง ถ้าหากว่าเธอไม่ทำ
หลายสิ่งหลายอย่างที่เธอชอบและสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขก็อาจจะหายไป”
ซอยูนเข้าใจทุกถ้อยคำของชาอึนฮีแต่ว่าหัวใจของเธอกลับปฏิเสธมัน
แต่ว่ายังไงก็ตาม เมื่ออยู่กับวีด มันทำให้เธอหวนนึกถึงถ้อยคำเหล่านั้นขึ้นมา
โดยเฉพาะช่วงเวลาตอนที่อยู่หมู่บ้านอันแร้นแค้นของเมืองโมราต้าที่จัดงานเทศกาล
หัวใจของเธอก็รู้สึกอบอุ่นเพียงแค่ได้อยู่ใกล้กับวีดและทำให้เธอมีความสุขมากจริงๆ
ความอบอุ่นนั้น เมื่อเทียบกับความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากฝ่ามือที่กุมไว้ของพวกเขานั้น
ก็ไม่ใช่ความอุ่นจากเตาไฟที่ใช้เชื้อเพลิงเลย
หลังจากได้ทานอาหารที่วีดทำขึ้น และยังออกไปผจญภัยด้วยกัน และก็ได้มองดูประติมากรรมของเขาด้วย
ซอยูนจึงรู้สึกว่าเธออยากจะเป็นเพื่อนกับเขา ไม่ใช่แค่ผู้เฝ้ามองดูจากที่ไกลๆ
แม้ว่าเธอจะมีหัวใจที่เย็นยะเยือก แต่ว่าเธอก็อยากที่จะส่งความอบอุ่นให้กับคนที่เธอรักให้มากๆ
ถึงแม้ว่านี่ จะเป็นสิ่งที่เธอไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน และก็อาจตะกุกตะกักอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้เธอได้รวบรวมความกล้าขึ้นมาอย่างที่เธอต้องทำ
เต็มไปด้วยความรู้สึกสับสนกระวนกระวายอย่างมาก และความกังวลภายในใจของเธอ
แต่เธอก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“คะ
ค่ะ ฉันสัญญา”
จบตอน
ผู้แปล:
Cole’s Myth
Editor: แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล