เล่ม 29 ตอนที่ 4: โชคชะตาที่เลวร้ายที่สุด แปลโดย Cole’s Myth
ณ ทวีปเวอร์เซลแห่งนี้
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามแต่ วีดก็จะยืนหยัดตั้งหน้าตั้งตาสร้างประติมากรรมของเขาบนอุทยานแห่งทวยเทพ
เขารู้สึกเหนื่อยล้าจากการสร้างประติมากรรมขนาดใหญ่ ทว่าผู้คนก็ช่วยส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจทุกครั้งที่ผลงานระดับไฟน์พีชหรือว่ามาสเตอร์พีชออกมา
“ประติมากรรมของวีดนี่ช่างโดดเด่นจริงๆ”
“บางคนอาจจะคิดว่ามันดูพื้นๆหรือว่าน่าเกลียด
แต่มันก็เริ่มดูดีละนะ ถ้ามองไปนานๆ”
เขาได้รับการจดจำจากผู้คนมากหน้าหลายตาหลากหลายอาชีพ
พวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าวีดคือประติมากรที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ
ที่จริงแล้วข้อดีของการแกะสลักก็คือความเข้ากันได้ในสายงานต่างๆ
แต่ผู้คนกลับไม่ค่อยรู้กัน
และชิ้นนี้ก็คือประติมากรรมระดับแมคนั่ม!
วีดและเฮอแมนทำงานร่วมมือกันบนเทวรูปเทพบาทัลลี
และได้ให้กำเนิดประติมากรรมระดับแมคนั่มออกมา
ผลงานระดับแมคนั่มนั้นช่วยเพิ่มแรงสนับสนุนให้กับเขาจากแต่ละลัทธิ
แถมยังช่วยมอบพรให้กับเหล่าทหารเพื่อออกไปต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ภายในอาณาเขต
เหล่าผู้เล่นและชาวเมืองต่างร่วมแรงร่วมใจทำงานในอุทยานแห่งทวยเทพ
ผลงานชิ้นแรกของวีดหลังจากที่เขาได้ก่อตั้งราชอาณาจักรอาเพนได้ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่
“อึก ปวดหลังชะมัด”
“ร่างกายส่วนล่างของผมก็ชาไปหมดเหมือนกัน”
“ผมยกหัวไม่ขึ้นแล้วครับ!”
ขณะเดียวกันวีดก็กำลังแกะสลักเทวรูปชิ้นสุดท้ายของเขา
เส้นทางที่เต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนของเหล่าผู้เล่นที่ล้มลง พวกเขาต้องแบกทั้งหิน
แบกดิน เปิดทางน้ำและปูทางเดิน แถมยังปลูกต้นไม้ตามทางไปยังอุทยานอีกด้วย
ในการทำงานโครงการก่อสร้างโยธาขนาดใหญ่แบบนี้มันต้องใช้แรงงานแบบไม่จบไม่สิ้น
ใครก็ตามที่เข้าร่วมการก่อสร้างครั้งนี้ต่างก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังมีปัญหาทางหัวใจร้ายแรงแน่ๆ
ภาระงานที่หนักอึ้ง บ่อยครั้งที่เหล่าผู้เล่นล้มลงกลางคันระหว่างการทำงาน
ทว่าพวกเขาไม่อาจพลาดโอกาสที่จะได้มีส่วนร่วมในการก่อสร้างครั้งนี้
นี่คือความรู้สึกที่อยู่ลึกภายในใจที่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่จริงๆสำหรับพวกเขา
“อั่ค….ก้อนสุดท้ายแล้ว”
“ไกลชะมัดเลย”
“ฉันทำงานนี้จนตายมาตั้งสามครั้งแล้วทั้งๆที่ยังไม่ได้ไปสู้กับพวกมอนสเตอร์เลยด้วยซ้ำ….”
ผู้คนมากมายหลั่งไหลพากันมาเยือนแดนเหนือและเมืองโมราต้าก็คับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยว
ส่วนคนที่ออกไปล่าก็กะเวลาไว้ว่าวันไหนคือวันที่การก่อสร้างนี้จะเสร็จสมบูรณ์
ขณะที่พวกผู้เล่นคนอื่นๆก็ไปเดินเล่นแถวร้านค้าและร้านอาหารบ้าง
“ที่นี่จะต้องกลายเป็นสถานที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนทวีปเมื่อมันสร้างเสร็จแล้ว”
“แทบไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ย มันเยอะมาก”
“คงไม่มีที่ไหนเหมือนที่นี่แล้วละ
ที่มีแม้กระทั่งสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่”
“จริงแท้ที่สุด
ทีนี้แหละเราคงได้พรจากเหล่าเทพง่ายขึ้น”
ประติมากรรมอันแสนวิเศษทั้ง 32 ชิ้นได้ถูกสร้างขึ้นบนอุทยานแห่งทวยเทพแห่งนี้ด้วยหยาดเหงื่อและเลือดของเหล่าคนงานก่อสร้างที่มาเข้าร่วมการทำงานในครั้งนี้
วิหารหินอ่อนเองก็ให้บรรยากาศอันหรูหรา
แถมยังมีจัตุรัสกับสระน้ำในอุทยานนั้นอีก
เมืองโมราต้าเต็มไปด้วยมวลดอกไม้สวยงามมากมาย
วีดหว่านเมล็ดพืชและเมล็ดดอกไม้ป่าที่เขาเก็บมาจากพรีน่าลงบนผืนดิน
เหล่าคนสวนเองก็เพาะปลูกต้นไม้และดอกไม้เอาไว้มากมายภายในเมืองโมราต้า
ขณะที่ทั่วทุกที่มีแต่ชาวสวนอยู่เกลื่อนเต็มไปหมดตลอด 24 ชั่วโมง พืชพันธุ์เองก็เติบโตขึ้น
อุทยานแห่งทวยเทพก็เหมือนดั่งพื้นที่ออกล่าสำหรับเหล่าชาวสวนให้ออกมาท้าทายความสามารถของพวกเขา!
ส่วนอีกฟากของเมืองก็มีพื้นที่จัดแสดงมากมาย
มันคงจะยากซักหน่อยที่จะเข้ามาขัดจังหวะการแสดงที่เกี่ยวกับประติมากรรมเทพเจ้า ณ
ตอนนี้ มีการแสดงมากมายบอกเล่าถึงเรื่องราวและตำนานที่เกี่ยวข้องกับเหล่าทวยเทพ
บทเพลงสรรเสริญแด่องค์เทพดังระงมทั่วทั้งตัวเมือง อุทยานแห่งทวยเทพได้โด่งดังขึ้นมาแล้ว
ความเร็วที่ใช้ในขั้นตอนการสร้างช่างเหนือจินตนาการจริงๆ
และบัดนี้อุทยานแห่งทวยเทพก็เกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว
วีดเลื่อนการสร้างประติมากรรมชิ้นสุดท้ายของเขาออกไปจนกว่าจะถึงยามรุ่งเช้า
“ทำให้ช้าลงซักวัน น่าจะดี ผู้คนจะได้พากันเข้าเมืองเยอะขึ้นอีก!”
เงินทุนของราชอาณาจักรอาเพนกำลังร่อยหรออย่างมากตั้งแต่ที่ถูกใช้ไปกับโปรเจคในครั้งนี้
ถ้าหากว่าอุทยานแห่งทวยเทพล้มเหลวล่ะก็ ราชอาณาจักรแห่งนี้ต้องล่มสลายเหมือนดั่งน้ำหมึกที่แทบจะแห้งเหือดในสมุดบันทึกประวัติศาสตร์
ณ
ตอนนี้ความเหนื่อยล้าของวีดเริ่มสั่งสมมากขึ้นเรื่อยๆ
“พรุ่งนี้เช้าฉันค่อยมาทำส่วนที่เหลือ
ทุกคนคงเหนื่อยมากแล้ว งั้นวันนี้พักกันให้เต็มที่เลยนะ!”
ผู้คนบริเวณรอบๆอุทยานแห่งทวยเทพส่งเสียงโห่ร้องดังสนั่นด้วยความดีใจและแยกย้ายเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันอันแสนสุขครั้งยิ่งใหญ่ในวันพรุ่งนี้
วีดและพวกพ้องของเขาเองก็ตัดสินใจไปที่ร้านเหล้า
มีผู้คนมากมายไหล่บ่ามาสู่เมืองโมราต้า
เพราะงั้นเมแพนถึงได้ตั้งร้านและกอบโกยกำไรเข้ากระเป๋าได้มากมายมหาศาล
เขาจึงตัดสินใจที่จะเลี้ยงเครื่องดื่มพวกเขา แม้แต่เหล่านักดาบและเฮอแมนเองก็มาเพื่อกินข้าวเย็นด้วยกันกับพวกเขา
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
“หึๆ พรุ่งนี้ฉันจะนั่งนับเงินทั้งวันเลย”
เมแพนกอบโกยเงินได้มหาศาลจากธุรกิจการค้าของเขา
เขาคือพ่อค้าที่เชี่ยวชาญการค้าขายแจ๊ปเทม และเครือข่ายของเขาก็ครอบคลุมไปทั่วทั้งแดนเหนือ
เขาเป็นประธานสมาคมพ่อค้าแห่งแดนเหนือ เพราะงั้นเขาถึงได้มีอำนาจอิทธิพลมากมาย
แถมเขายังเป็นเจ้าของที่ดินทำเลทองในโมราต้า ทั้งยังเปิดร้านขายอาวุธ ชุดเกราะ
และชุดหนังในป้อมปราการเวอร์โก้อีกด้วย
พ่อค้าคนอื่นๆต่างมองดูเมแพนด้วยสายตาอิจฉาริษยาและต้องการที่จะเรียนรู้ทักษะการค้าขายจากเขา
“คุณเมแพนครับ
คุณมีเคล็ดลับยังไงหรือ?”
“ก็คอยสร้างความเชื่อใจให้กลุ่มลูกค้าอยู่เสมอครับ”
เมแพนคอยตามวีดมาตั้งแต่วันแรกเริ่มของพวกเขา
แถมพวกเขายังช่วยกันลงทุนลงแรงไปกับเมืองโมราต้าอีกด้วย พวกเขาทำธุรกิจร่วมกับพวกผู้เล่นที่อาศัยอยู่ทางตอนกลางที่พากันอพยพมาอยู่ทางตอนเหนือตั้งแต่ที่พวกผู้เล่นมือใหม่สามารถเริ่มเล่นที่นี่ได้
และพวกเขาก็คอยพยุงค้ำจุนเมืองตั้งแต่นั้นเรื่อยมา
ข่าวลือแพร่กระจายจนถึงหูผู้คนและทุกคนต่างก็ให้คะแนนกับร้านของเมแพนว่าเป็นร้านค้าที่ดีที่สุด
ส่วนเมแพนเองก็ใช้เครือข่ายของเขาติดต่อซื้อขายกับอาณาจักรอื่นๆเพื่อให้การค้าขายของเขาประสบผลสำเร็จและได้กำไรอยู่เสมอ
เขาจะซื้อสินค้าประจำถิ่นของเมืองโมราต้าเพื่อกักตุนเอาไว้ด้วยราคาซื้อขายที่ต่ำ
แล้วจากนั้นก็เอาไปขายให้กับเป้าหมายของเขาแล้วก็กอบโกยเงินและชื่อเสียงมาได้อย่างล้นหลาม
ความเจริญและการพัฒนาของดินแดนเหนือนั้นสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำให้กับเมแพนได้อย่างมหาศาลจริงๆ
แน่นอนว่านี่ไม่ใช้เคล็ดลับทั้งหมดของเขา การติดสินบนและอำนาจเองก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
เมแพนคืออีกคนหนึ่งหละที่รู้สึกดีใจมากที่สุดที่วีดได้กลายเป็นกษัตริย์ของราชอาณาจักรอาเพน
ถ้าหากว่าความฝันของวีดสำเร็จได้กลายเป็นจอมเผด็จการแล้ว
กำไรของเขาก็คงจะเพิ่มขึ้นไปด้วยอย่างแน่นอน!
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
“หืมมมมม เจ้านี่อร่อยชะมัด”
“ปีกไก่นี้เหมือนกำลังกระจายตัวออกแล้วก็ละลายอยู่ในปากฉันเลย”
“เนื้อไร้กระดูกแถมยังความกรุบกรอบนี้อีก...เนื้อชั้นดีพวกนี้ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ”
เหล่าลูกศิษย์จากสำนักดาบใช้เวลานานในการออกล่า
เพราะงั้นพวกเขาจึงปลื้มปริ่มเมื่อได้สัมผัสกับรสชาติของอาหารชั้นเยี่ยม เจ้าภาพในงานนี้คือ
เมแพนที่ได้เช่าร้านเหล้านี้ไว้ทั้งร้าน ความตะกละตะกลามของพวกเขาเกินกว่าพวกนักมวยปล้ำด้วยซ้ำ
เพราะงั้นหินไฟจึงจำเป็นที่จะต้องเอามาใช้สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ
พวกเขาใช้หินไฟทำอาหารไปเรื่อยๆขณะที่กำลังนั่งดื่มกัน
ถ้าหากว่าวีดเป็นคนทำ รสชาติก็จะดีขึ้นไปอีก ทว่างานนี้
เขาไม่ได้มาทำอาหารแต่เขามาเพื่อกินต่างหาก
“ช่วงนี้คุณคงลำบากมาก
กินให้อร่อยเถอะนะคะวันนี้”
ไอรีนเองก็หยิบเนื้อขึ้นมาและส่งให้เซอร์กะ
ไอรีนคือนักบวช เพราะงั้นเธอถึงได้รับผลประโยชน์อย่างมากจากอุทยานแห่งทวยเทพ
“อาหารฟรีนี่มันอร่อยจริงจริ๊ง”
วีดอารมณ์ดีอย่างมากขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับมื้อเย็น
เครื่องเคียงและเนื้อย่างนั้นถูกฟาดเรียบจนหมด ส่วนเมแพนที่กำลังนั่งอยู่ตรงมุมโต๊ะ
ก็หน้าซีดทุกครั้งที่เขามองเห็นจานว่างเปล่า
ร้านอาหารและร้านเหล้าของเมืองโมราต้าต่างคับคั่งไปด้วยผู้คนที่เป็นอาคันตุกะที่มาเยี่ยมเยือนเมืองแห่งนี้
ส่วนพวกพ่อค้าก็ยุ่งอยู่กับธุรกิจค้าขายตรงบริเวณจัตุรัส
กอบโกยกำไรงามๆจากผู้คนที่มารอวันพรุ่งนี้
“ทีนี้ฉันรู้แล้วหล่ะว่าจะใช้หมัดของฉันให้เก่งได้ยังไง”
เซอร์กะเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ
เธอค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัวในตอนที่ออกล่ากับวีด
สไตล์การต่อสู้ของเธอเป็นการต่อสู้แบบพุ่งชนเข้าไปโต้งๆจนทำให้ค่าพลังชีวิตของเธอลดลงง่ายเกินไป
ทว่าการลดลงของพลังชีวิตนั้นก็ได้สร้างความเสียหายให้กับศัตรูได้มากเลยทีเดียว
แต่ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถใช้ทักษะของเธอได้เป็นอย่างดีแต่ความสามารถในการต่อสู้ของเธอก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมหรือโดดเด่นอะไรมากนัก
แม้ว่าคนเราจะมีรูปร่างที่เหมือนกันเป๊ะๆ
ความแตกต่างที่ส่งผลออกมานั้นขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาใช้ร่างกายแบบไหน ทว่าช่วงหลังมานี้เธอได้ออกล่ากับพวกลูกศิษย์นักดาบและก็สามารถใช้การต่อสู้ของพวกเขาเป็นแนวทางได้
“ฉันต้องฝึกชกแล้วก็ชกจนกว่าจะเจ็บมือไปเลย”
เซอร์กะยังดูเด็กมากเมื่อเทียบคนอื่นๆ
แถมลักยิ้มของเธอก็ยิ่งทำให้เธอน่ารักมากขึ้นตอนที่เธอยิ้ม
มีกฎหลักๆเพียงสามข้อในการต่อสู้ที่ทุกคนรู้จักกันอยู่แล้ว
กระบวนท่าเป็นเรื่องยากที่จะเชี่ยวชาญมันได้ หากปราศจากประสบการณ์โดยตรงในการออกล่า
ถึงแม้ว่าจะมีวิดีโอฉายให้เห็นอยู่มากมาย
แต่นั่นก็คงไม่ได้สร้างความสนใจให้ใครซักเท่าไรจนกว่าจะมีการต่อสู้เริ่มขึ้นมา
เมล่อนเองก็กำลังนั่งหัวเราะคิกคักอยู่ใกล้ๆนั้น
“ช่วงนี้ยัยเซอร์กะน่ากลัวชะมัด
ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอออกไปล่าบ่อยซักแค่ไหน”
“พี่เองยิงธนูเก่งขึ้นเหมือนกันหนิค่ะ ทักษะศรไล่ล่านั่นไง
ทักษะนั่นเกือบจะถึงระดับปรมาจารย์แล้วไม่ใช่หรอค่ะ”
ทันใดนั้นวีดก็เริ่มรู้สึกสงสัยในระดับเลเวลของพวกเขา
เซอร์กะ เมล่อนและคนอื่นๆพากันออกไปผจญภัยได้พักหนึ่งแล้ว เขาจำได้ว่าตอนที่ไปออกล่ากับพวกเขาอยู่พักนึงหลังจากที่ไปเจอกันที่เมืองรัทเซเบิร์ก
และรู้สึกทึ่งกับทักษะของพวกเขาแต่ละคนมาก
แล้ววีดก็ถามเซอร์กะว่า
“เธอเลเวลเท่าไรแล้วหรอตอนนี้”
เขาไม่รู้สึกอึดอัดที่ต้องบอกเลเวลของเขาออกไป
ทว่าทางพวกเขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน
“ของหนูแค่เลเวล 403 เองคะพี่”
“403 หรอ?”
“เลเวลของหนูคงต่ำไปนิดสินะคะ
หนูว่าเลเวลของพี่คงจะสูงกว่าของหนูมากแน่”
วีดรู้สึกประหลาดใจมากจริงๆ
เลเวลตอนนี้ของเขาอยู่ที่ 409 มันสูงกว่าทว่าก็ไม่ได้สูงกว่าของเซอร์กะมากนัก
“เอ่ออ สูงกว่านิดหน่อยนะ”
“พี่เพลเขาเลเวล 411 แล้วนะคะ ของพี่สูงกว่าพี่เพลเค้าหรือเปล่าคะ?”
“ก็นะ มันก็ไม่ได้สูงขนาดนั้นหรอกครับ
คุณวีด”
วีดรู้สึกสุดแสนทรมานจากกำแพงของช่วงเลเวล
400มาก ขณะที่เขากำลังนั่งสร้างประติมากรรม เพื่อนฝูงของเขาได้ออกไปผจญภัยแล้วไล่ตามเลเวลของเขาจนทัน
ถ้าหากว่าบาร์ดเรย์รู้เข้าละก็คงได้กลายเป็นหายนะของเขาแน่ๆ
“นายข้ามจนมาถึงเลเวล
400 แล้ว…….เอ่อ ยินดีด้วย”
“ขอบคุณครับ”
ริมฝีปากของวีดสั่นระริกขณะที่เขาเอ่ยคำยินดีนั้นออกไป
เขากำลังกินดื่มสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูงขณะนั้นเองก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา
เด็กคนนั้นมีเส้นผมสีดำคลับบวกกับสายตาเย็นยะเยือก
ไม่มีตัวละครNPCคนไหนที่เป็นอย่างนั้น
เด็กคนนั้นไม่มีแม้แต่การเปลี่ยนแปลงสีหน้าซักนิดเลยที่จะสะท้อนออกมาบนใบหน้านั้น
วีดรู้สึกไม่สบายใจทันทีที่เขาเห็นเด็กคนนั้น
มันเหมือนกับคืนวันที่แสนยากลำบากอากาศร้อนอบอ้าวที่เขาต้องเย็บลูกตาของตุ๊กตา 400,000
ตัวหรือไม่ก็ตอนที่รู้สึกกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้ารองประธานาธิบดีก็ว่าได้
ปากของเขาแห้งผากแถมยังรู้สึกขนลุกอีกด้วย
วีดเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเบาๆกับเด็กคนนั้น
“หวัดดี เจ้าหนู
ฉันกำลังกินเลี้ยงอยู่นะ ค่อยมาใหม่ทีหลังเถอะนะ”
ค่าชื่อเสียงของวีดนั้นสูงมากจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะได้รับภารกิจอย่างง่ายดาย
ยิ่งหลังจากที่เขากลายเป็นกษัตริย์ ชาวเมืองโมราต้ามากมายก็คอยมอบภารกิจอยู่บ่อยๆ
เพราะงั้นเขาถึงสามารถเลือกภารกิจไหนก็ได้ที่เขาอยากทำ เขาเลยพูดดักทางเด็กคนนั้นไว้ก่อนที่เขาจะขอมา
“แล้วช่วงนี้ฉันก็ยุ่งๆกับการรักษาสันติสุขของทวีปเวอร์เซลอยู่ด้วย
ฉันว่าฉันคงรับภารกิจของเธอไม่ได้หรอกนะ ลองไปหาคนอื่นดูเถอะ เธอคงหาคนเก่งๆได้อยู่หรอก”
เขาเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดูอบอุ่นเพื่อแสดงการปฏิเสธ
ทว่าเจ้าหนูคนนั้นก็หัวเราะออกมา
“มนุษย์อย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์มาปฏิเสธคำสั่งของข้า”
มันช่างเป็นการแสดงความคิดเห็นที่น่าตกใจมากที่ถูกเอ่ยออกมาต่อหน้าสถานะกษัตริย์ของวีด
เขาไม่มีทางมีชีวิตรอดแน่หากใช้ชีวิตด้วยคำพูดที่แสดงเจตนารุนแรงเช่นนี้
ตั้งแต่ที่วีดเป็นเด็กเขาต้องพยายามตรากตรำดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดเรื่อยมา เขารู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้ไม่ได้เป็นคนธรรมดาแน่ๆ
‘แกเป็นใครกันแน่วะ
ผู้สืบทอดตัวจริงของราชอาณาจักรนิฟล์เฮมหรอ? นี่เขาปรากฏตัวออกมาเพราะว่าฉันทำเงื่อนไขภารกิจบางอย่างสำเร็จงั้นหรอ?’
ถ้าหากว่ามีภารกิจสำคัญๆเกี่ยวโยงกับสายอาชีพของเขา
ก็มักจะมีคนใหญ่คนโตมาพบเขาบ้างบางครั้ง
‘ฉันเคยได้ยินมาว่าพวกเขาตายไปหมดแล้วนี่ แต่ถ้าจู่ๆก็โผล่ออกมาละก็…….บางทีคงมีบางคนช่วยคนในราชวงศ์เอาไว้ก็เป็นได้นิ แล้วจากนั้นก็จะให้พวกเขามาแอบฉกบัล…….’
สมองของวีดทำงานอย่างดุเดือดเพื่อที่จะระบุตัวตนของเด็กคนนี้ให้ได้
เด็กคนนี้มีความเย่อหยิ่งมากแต่เขาก็ไม่มีราชองครักษ์ซักนายติดตามมา
จากความสามารถในการต่อสู้ของวีด เขาก็คงยินดีต้อนรับเป็นอย่างดีถ้าหากว่าจะมีมอนสเตอร์ตัวไหนมาโจมตีเขา
เขาคงคิดที่จะใช้กำปั้นของเขาแทนที่จะใช้คำพูดแบบนี้
ทว่าทันใดนั้นเองวีดก็สังเกตเห็นอุปกรณ์ที่เด็กคนนั้นสวมอยู่
‘โห หรูจังแหะ เครื่องแต่งกายแต่ละชิ้นของเขาทำโดยช่างฝีมือคนแคระที่เก่งที่สุดทั้งนั้นเลย’
ดาบของเขามีเพชรนิลขนาดพอๆกับไข่เป็ดฝังอยู่
นอกจากนั้นฝักดาบก็สลักด้วยลวดลายที่ซับซ้อน แค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่านั่นคือดาบเวทย์มนต์แน่ๆร้อยเปอร์เซ็นต์
ไม่ธรรมดาเลยจริงๆเขาไม่เคยเห็นใครที่มีดาบแบบนี้มาก่อน
ส่วนเสื้อผ้าของเขาก็ทักทอด้วยใยไหมพิเศษหนาถึงสามชั้น
ขนาดช่างฝีมือที่เก่งที่สุดยังต้องใช้เวลาอย่างต่ำหนึ่งเดือนเพื่อทุ่มเททำมันออกมา
แน่นอนละว่าไม่มีผู้เล่นคนไหนที่มีเสื้อผ้าแบบนี้แน่ๆ
‘แถมเขายังสวมรองเท้าติดปีกจากเทือกเขาสเตลส์อีกด้วย’
มีเพียงนักรบคนเถื่อนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่สามารถปีนขึ้นไปบนเทือกเขาสเตลส์
เด็กคนนี้กำลังใส่รองเท้าที่พวกคนเถื่อนต่างหวงแหน เลเวลของรองเท้านี้คงราวๆ 590
จากการประมาณ
วีดปรับท่าทีสงบเสงี่ยมเชิงถ่อมตัวในทันที!
“แน่นอนครับ
ถ้างั้นท่านอยากให้ข้าทำอะไรหรือครับ”
ขณะนี้อายุของศัตรูนั้นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว!
ตอนนี้คนมากมายต่างก็รู้จักหน้าตาของเขา
ทว่าวีดไม่มีทางลืมวันวานที่เขาเคยอ่อนแอครั้นในอดีตที่ผ่านมา
เขาต้องรู้จักประจบสอพลอในตอนที่ตัวเองเป็นผู้อ่อนด้อยกว่า
“ทักษะแกะสลักของเจ้าดูไม่เลวนิ”
“แต่ก็ยังมีคนอื่นเก่งกว่าข้านะครับ”
วีดรู้สึกกังวลว่าภารกิจแบบไหนกันถึงจำเป็นต้องใช้ทักษะแกะสลักของเขา
“ข้าอยากได้สมบัติที่พวกมนุษย์ไม่สมควรได้รับมัน
จะต้องเป็นประติมากรรมที่
มีแค่ข้าคนเดียวที่สมควรมีไว้ครอบครอง
ข้าอยากให้เจ้าแกะมันออกมาจากผลึกโมราที่เป็นของเจ้ามนุษย์ที่ชื่อ เบลซ์ออซ
ข้าจำได้ว่าพวกมนุษย์นี่มันอ่อนแอ ถ้างั้นข้าจะให้สมุนของข้าตามไปปกป้องเจ้าก็แล้วกัน”
ตริ้ง
สมบัติที่มังกรปรารถนา
ความอยุติธรรมขององค์กษัตริย์เบลซ์ออซ
จงตามหามรดกของพระองค์และสร้างประติมากรรมที่มังกรผู้ชั่วร้ายอาครีย์
ออง ไคเบิร์น ปรารถนา อาครีย์ออง ไคเบิร์นได้ประเมินแล้วว่าท่านมีศักยภาพเพียงพอเพื่อที่จะสร้างเครื่องบรรณาการมอบให้แก่เขา
ไคเบิร์นจอมหยิ่งยโสได้มอบคำบัญชาให้กับท่านว่า
“ประติมากรเอ๋ย
เจ้าจะต้องนำเพื่อนพ้องของเจ้าไปด้วย ถ้าเจ้าอยากมีชีวิตรอด
ถ้าเจ้าชักช้าละก็ข้าไม่ชอบแน่ๆ”
|
ผลึกโมรานั้นเปราะบางมากเพราะงั้นการแกะสลักงานจากมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่
มีความลึกลับมากมายพอๆกับจำนวนของดวงดาวบนท้องนภา
ไคเบิร์นสัญญาว่าจะให้สปาร์ทอยติดตามท่านไป
11
`ตนเพื่อออกตามหาผลึกโมรา
(จากตำนานแคดมัสแห่งเธเบียส
สปาร์ทอยคือนักรบที่เกิดจากชิ้นส่วนร่างกายของมังกรที่ถูกปลูกและโตขึ้นมาจากผืนดิน)
|
ระดับความยาก:
ภารกิจเฉพาะของประติมากร
ข้อจำกัดของภารกิจ:
ต้องเป็นประติมากรที่มีค่าชื่อเสียงที่ดีที่สุด
มีปฏิสัมพันธ์กับมังกรไคเบิร์น
ต้องทำภารกิจให้สำเร็จภายใน 30
วัน
ไม่มีค่าตอบแทนใดๆมอบให้ในภารกิจนี้
ถ้าหากท่านล้มเหลวมังกรไคเบิร์นจะฆ่าท่าน
จะต้องใช้ผู้เดินทางจำนวน 8
คนเพื่อทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ
ท่านสามารถเชิญคนเพิ่มอีก 7
คนเพื่อทำภารกิจนี้
คนไหนที่ท่านเชิญชวนแล้วปฏิเสธจะต้องถูกฆ่าด้วยน้ำมือของมังกรไคเบิร์น
|
“เฮือกก!”
ตัวตนที่แท้จริงของเด็กที่อยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้คืออาครีย์ออง
ไคเบิร์น นี่คือครั้งแรกของทวีปเวอร์เซล ทว่าก็ไม่สำคัญอีกแล้วเพราะมันไม่ใช่ภารกิจมังกรที่น่าชื่นใจนัก!
ไม่มีค่าตอบแทนให้แถมยังล้มเหลวไม่ได้อีก
แม้ว่าเขาจะรวบรวมทหารทั่วทั้งอาณาจักกรอาเพนมาก็ตาม พวกเขาคงได้กลายเป็นของว่างในท้องของเจ้ามังกรผู้ชั่วร้ายเหมือนอย่างพวกคนแคระแน่ๆ
‘นี่ฉันยังโชคร้ายไม่พออีกหรอวะ
ตอนนี้ยังต้องมาทำภารกิจมังกรให้สำเร็จอีก ถ้าหากไม่อยากโดนกิน’
มีเพียงแค่สองเหตุผลที่ทำไมวีดถึงจบลงด้วยการมาเกี่ยวข้องกับเจ้ามังกรไคเบิร์น
เหตุผลแรกคือตอนที่เขาไปแกะสลักงี่เง่าโดยใช้เจ้าไคเบิร์นเป็นต้นแบบ
แต่ว่ามันก็ไม่ได้มีชื่อเสียงมากเท่าไร
และเมื่อไม่นานมานี้เขาก็ไปแกะสลักเครื่องบรรณาการของพวกคนแคระ
ผลตอบแทนสำหรับพวกคนแคระก็คือได้กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วคงมาจบลงด้วยภารกิจนี้ของเขา
‘นี่ฉันต้องเดินตามรอยพวกคนแคระที่ต้องทำงานงกๆไปเรื่อยๆแบบนี้หรอเนี่ย’
และนี่คือภารกิจประติมากรที่เกี่ยวโยงกับมังกรจอมวายร้าย
อาครีย์ออง ไคเบิร์น!
มันอาจจะแย่กว่าเดิมก็เป็นได้
เพราะกษัตริย์เบลซ์ออซคือต้นเหตุที่ทำให้อุณหภูมิของทวีปเวอร์เซลเพิ่มขึ้น จนนำมาสู่การล่มสลายของกิลด์คริมสัน
วิงค์
มันไม่ต่างอะไรกับกุ้งฝอยตัวน้อยๆว่ายไปอยู่ใจกลางการต่อสู้ของพวกปลาวาฬ
ไม่ว่าเดินจะไปทางไหน ทุกย่างก้าวของเขาพร้อมดึงเขาสู่เหวลึก
‘นี่มันภารกิจมังกรเลยนะ
เพราะงั้นระดับความยากคงจะสูงกว่าภารกิจทั่วไปอย่างไม่ต้องสงสัย โชคดีหน่อยที่มันเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับการแกะสลัก…..ถ้าเขาให้เอาผลึกโมรามาทำเป็นประติมากรรมงั้นคงเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากๆต่อมังกรแน่’
วีดพยักหน้าตอบรับ
“ข้าจะไปตามหาของที่ท่านต้องการครับ”
ท่านยอมรับภารกิจแล้ว
ภายใต้การติดตามของเหล่าสปาร์ทอยทั้ง
11
ตน ท่านมีเวลาหนึ่งเดือนเพื่อที่จะทำตามคำสั่งของมังกรไคเบิร์นให้สำเร็จ
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถปฏิเสธภารกิจได้
ประเด็นมันเหลือเพียงแค่ว่าท่านจะได้ตายช้าหรือตายเร็วเท่านั้น
|
“เจ้าตัดสินใจถูกต้องแล้วหล่ะ ความโกรธของข้าจะทวีคูณขึ้นแน่ถ้าเจ้ามัวแต่ถ่วงเวลา”
เด็กคนนั้นหายตัวไปในทันทีที่เขาปรากฏตัวออกมา
วีดพูออะไรไม่ออกก่อนที่จะมองดูรอบๆร้านเหล้าที่เงียบสงัด
“ฟิ้ววววว!”
“หายใจได้ซะที”
“นั่นมันอะไรกันหน่ะ”
พวกเขาไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาขณะที่มังกรอาครีย์
อองอยู่ที่นี่
“คุณพึ่งได้คุยกับเจ้าปีศาจนั่น”
วีดค่อยๆสรุปสิ่งที่มังกรไคเบิร์นพูดกับเขา
“มังกรไคเบิร์นที่ปกครองอาณาจักรธอร์มาที่นี่งั้นหรอ
แถมยังให้ภารกิจชั้นสูงเพื่อออกไปตามหามรดกของราชาเบลซ์ออซแล้วก็สร้างประติมากรรมจากมัน
เจ้าไคเบิร์นนั่นกำลังออกตามหาไอเท็มล้ำค่าจริงๆสินะ ถึงแม้ว่ามันจะยากแค่ไหนฉันก็ยังไม่กล้าที่จะปฏิเสธภารกิจที่ฉันจะได้รับเกียรติยศจากการเดินบนเส้นทางการแกะสลักอยู่ดี”
บทสรุปจากการตีความทั้งหมดที่เขาได้ประสบพบเจอ
สิ่งที่เขากำลังจะเล่าให้คนอื่นฟังก็คือ……..
-
เจ้ามังกรผู้ชั่วร้าย
อาครีย์ ออง ไคเบิร์น ได้ละทิ้งอาณาจักรธอร์มาแล้ว และกำลังเพ่งเล็งมาที่เมืองโมราต้า
มันพึ่งขอให้วีดซึ่งเป็นคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิงเพื่อให้ออกไปตามหามรดกของราชาเบลซ์ออซ
มันบอกว่านี่คือเรื่องดีสำหรับเขานะ
ทว่าเขากลับบังคับให้วีดยอมรับภารกิจมังกรหรือว่าจะยอมตาย
นี่สินะคือส่วนที่เลวร้ายที่สุดของการเป็นประติมากร
“โอ้โห
เขาพึ่งได้รับภารกิจมังกรในตำนานตัวจริงเลยละ”
“อย่างที่คิด
วีดนี่แตกต่างจากคนอื่นจริงๆ”
“ใช่แล้ว
นี่แหละคือสิ่งที่น่าภาคภูมิใจของพวกเรา”
เหล่าลูกศิษย์นักดาบรู้สึกอิจฉาเขา
เพราะนี่คือการได้ทำภารกิจที่ได้มาจากมังกรที่ทรงพลังมากที่สุดของทวีป!
สายตาของเหล่าศิษย์รุ่นน้องเต็มไปด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านเพราะพวกเขาเข้าใจในสถานการณ์
“เขาคือคุณวีดนะ”
“เขาคงไม่ทำให้เราผิดหวังหรอกใช่ไหม?”
“ฉันเชื่อว่าไม่มีคนอื่นคนใดทำได้นอกจากคุณวีดหรอกค่ะ”
“ดูท่าว่าคงเป็นการผจญภัยที่ยอดเยี่ยมมากแน่
ฉันจะคอยเชียร์คุณนะคะ”
พวกพ้องของเขาต่างให้กำลังใจและมอบความกล้าหาญให้กับเขาเป็นอย่างดี
ทว่าวีดก็ส่ายหัวของเขา
“ผมต้องไปที่สุสานของราชาแมงป่องเพื่อที่จะตามหาสมบัติที่เหลืออยู่ของราชาเบลซ์ออซ
”
เมล่อนพยักหน้าตอบรับว่าเธอเข้าใจ
“อ๋อ อย่างนั้นหรอคะ”
เธอจดจำการผจญภัยของกิลด์คริมสัน วิงค์ได้เป็นอย่างดี
“ท่าทางจะอันตรายจริงๆนะคะเนี่ย
มีคนมากมายตายระหว่างการสำรวจที่นั่น แล้วจำเป็นต้องใช้กุญแจเพื่อเข้าไปในสุสานร้างนั่นไหมคะ?”
“ผมจำได้ว่าเคยสร้างประติมากรรมให้กับพวกเขาครับ
เพราะงั้นคงไม่ยากมากนักที่จะเข้าไปในดันเจี้ยนนั้นได้ สุสานของราชาแมงป่องนั้นได้ถูกปิดผนึกไปแล้วตอนนี้
ถ้าไม่มีกิลด์คริมสัน วิงค์ผมก็คงไม่รู้วิธีว่าจะเข้าไปได้ยังไง
เพื่อที่จะเปิดประตูที่ถูกผนึกนั้น ผมจะต้องวางแมงป่อง 7 ตัวลงไป
เพราะงั้นผมถึงจำเป็นต้องใช้คนอย่างต่ำ 7 คน”
“เอ่ออ ……งั้นหรออคะ?”
“ใช่แล้วครับ แล้วมันยังบอกให้ผมหาเพื่อนมาทำภารกิจนี้ด้วยกัน”
วีดมองดูเพื่อนๆของเขาที่อยู่รอบๆ
“มะ มังกร….”
เพลนั่งตัวแข็งทื่อ
“ออกตามหาสมบัติที่เหลืออยู่ของราชาเบลซ์ออซคงอันตรายมากสินะคะ
ใช่ไหมคะ? เอ่อ …..ฉันต้องกลับไปทำงานที่สถานีหลายวันซะด้วยสิ…..”
แม้เธอจะมีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับภารกิจอยู่บ้าง
ทว่าเธอก็จำต้องยอมแพ้ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะเมล่อนเป็นสาวออฟฟิสที่ต้องไปทำงาน
“แล้วเราเก็บเอาสมบัติตอนที่ฉายออกอากาศได้ด้วยหรือเปล่าคะ?”
เซอร์กะชอบการออกผจญภัยที่ยิ่งใหญ่
“เราอาจจะเจอกับปัญหานะถ้าไปแตะต้องของที่ไม่ควรแตะ”
ไอรีนรู้สึกเป็นกังวลขณะที่โรมูเนะดูเหมือนกำลังหาข้ออ้างที่จะปฏิเสธเขาออกไป
“ยูริน…..อะฮึ่ม”
เซเฟอร์ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะปฏิเสธได้
สายตาของพวกเขาต่างก็บ่งบอกว่าพวกเราจะตายด้วยกัน
ฮวารยองและเบลล็อตเองก็อยากจะตามไปด้วย นั่นก็เพราะว่าการผจญภัยของวีดไม่เคยน่าเบื่อเลย
“มันอันตรายจริงๆหรอคะ?”
“พี่คะ มันค่อนข้างจะเสี่ยงมากเลยนะคะ
ฉันจะแต่งเพลงดีๆได้ไหมคะเนี่ย?”
สุสานของราชาแมงป่องนั้นเป็นดั่งสรวงสวรรค์สำหรับเหล่าจินตกวี
‘ถ้าหากเมล่อนไม่ได้ไปออกอากาศละก็……’
ถ้าหากว่านับเธอเข้ามาด้วยแล้ว
เขาก็จะได้ครบเจ็ดคนพอดี
ซอยูนนั้นแข็งแกร่งมากทว่าจิตใต้สำนึกของเขาก็ยับยั้งเอาไว้ไม่ให้ขอความช่วยเหลือจากเธอบ่อยๆ
แถมอันที่จริงแล้วเขายังได้ยินข้อมูลพิเศษๆเกี่ยวกับตัวเธอมา
ขณะที่วีดกำลังสร้างประติมากรรมอยู่
ก็มีจินตกวีเร่ร่อนคนหนึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนักรบผู้บ้าคลั่งให้เขาฟัง
บรรดานักร้องหรือจินตกวีนั้นมักจะได้ไปเข้าเฝ้าพระราชาหรือว่าชนชั้นสูงเพื่อแสดงหรือว่าเล่าเรื่องราวต่างๆมากมาย
“ฝ่าบาท
พระองค์ปรารถนาที่จะรับฟังบทเพลงเกี่ยวกับตอนที่กระหม่อมไปยังหมู่บ้านทอฮ์รูหรือไม่พะยะค่ะ?”
กษัตริย์จะได้ฟังบทเพลงของเหล่าจินตกวีและมอบรางวัลให้กับพวกเขา
แถมยังสามารถมอบภารกิจที่เกี่ยวโยงกับข้อมูลนั้นได้
หรือแม้แต่ให้ปริศนาที่ได้มาจากเหล่าจินตกวีเหล่านั้น
มีจินตกวีและนักประพันธ์มากมายหลายร้อยที่มีพรสวรรค์มาพร้อมกับเรื่องราวมากมายของพวกเขา
วีดไม่ได้มีเจตนาที่จะก่อตั้งอะไรทำนองอย่างพวกราชสำนัก
เพราะการเงินของราชอาณาจักรอาเพนนั้นค่อนข้างทุลักทุเลดิ่งลงก้นบ่อเต็มที
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถลงทุนเพื่อจ่ายไปกับอะไรแบบนั้นได้!
“ฉันไม่ยอมจ่ายเงินไปหลายร้อยเหรียญทองเพื่อฟังแค่เพลงเดียวหรอกนะ”
แน่นอนว่าเพลงที่มีชื่อเสียงนั้นมีค่ามาก
ทว่ามันก็ค่อนข้างอันตรายมากต่อการอยู่รอดของราชอาณาจักร
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ชาวเมืองพวกนี้คงโดนสูบเลือดสูบเนื้อผ่านทางภาษีเอาไปลงทุนกับความหรูหราฟุ่มเฟือยของกษัตริย์แน่ๆ”
ความคิดของวีดนั้นช่างดูสกปรกโสมมจริงๆเมื่อใดก็ตามที่เขามีความคิดแบบเดียวกับราชาพวกนั้น
พวกเขาเกิดมาพร้อมกับช้อนเงินช้อนทองภายในปากแล้วก็ดูดมันจนเกลี้ยง
เมื่อมองแบบนั้น เขาก็รู้ว่าการลดค่าใช้จ่ายของเขาลงดูท่าจะดีกว่าในกรณีของเขา
ค่าชื่อเสียงของเขาบนทวีปนี้สูงมากจนพวกจินตกวีมักจะออกตามหาตัวเขาภายในเมืองโมราต้า
จินตกวีเร่ร่อนจากแดนเหนือคนนั้นร้องเพลงเกี่ยวกับเบอร์เซิร์กเกอร์คนหนึ่งที่ทำให้หัวหน้าฝูงกอบลินล่าถอยกลับไป
ซอยูนคงไปที่นั่นเพื่อที่จะเรียนรู้ทักษะสายอาชีพของเธอ
แน่นอนว่าข้อมูลนี้อาจจะไม่แน่ชัดมากนัก แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ชวนเธอมาและปล่อยให้เธอทำภารกิจไป
‘ถ้าเรื่องบัดซบนี่ถูกรายงานออกไป
เธอคงออกมาตามหาฉันแน่’
วีดเผยรอยยิ้มอ่อนๆหลังจากที่เขาเรียบเรียงความคิดของเขาจนเสร็จสิ้นแล้ว
“เลเวลของเราทุกคนก็มากกว่า 400
แล้วนิถ้างั้นก็ไปกันเลยเถอะ”
“ฮะ ฮะ ฮะ
เราควรทำอย่างนั้นจริงๆหรอครับ?”
ช่างเป็นเสียงหัวเราะที่แสนกระด้างและแหบแห้ง!
เพลผู้แสนดีและอ่อนโยนได้ติดเชื้อมาจากวีดแล้ว
เขากำลังเผยรอยยิ้มที่น่ารังเกียจและดูเสแสร้งสิ้นดี
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
หลายสถานีกำลังฉายซ้ำการต่อสู้และการผจญภัยของบาร์ดเรย์ทุกๆวัน
“นักรบผู้แข็งแกร่งที่สุด
บาร์ดเรย์!”
“วันนี้เขาไปท้าทายมอนสเตอร์ที่ไม่เคยมีใครจัดการได้มาก่อน”
“ภารกิจปรมาจารย์อัศวินทมิฬนั่น
แปบเดียวเขาก็ทำเสร็จแล้วหลังจากที่ได้ภารกิจมาได้ไม่นาน”
เหล่าผู้ชมต่างส่งเสียงเชียร์บาร์ดเรย์ขณะที่ข่าวเรื่องภารกิจปรมาจารย์ของเขาออกอากาศในแต่ละวัน
ตอนนี้บาร์ดเรย์ก้าวหน้าไปทำภารกิจที่ 15 ของเขาแล้ว
ภารกิจของอัศวินทมิฬนั้นมีรูปแบบเรื่องราวที่ค่อนข้างชัดเจน
อัศวินเช่นบาร์ดเรย์จะได้รับค่าเกียรติยศมาจากจากทรยศพระราชา
เมื่อเขาทอดทิ้งราชอาณาจักรมาแล้วก็จะพยายามกอบโกยความสำเร็จ เงินตราเอาไว้มากๆและ
ทำให้พวกเด็กกำพร้าและทาสกลายเป็นบริวารของเขา
จากนั้นก็เอากองกำลังทหารรับจ้างมาแล้วยกให้พวกเขามาเป็นกองกำลังทหารของตัวเอง
จากนั้นก็ยกทัพไปที่ราชอาณาจักรและจบลงด้วยการโจมตีในที่สุด
นี่เป็นภารกิจที่มีจำนวนทหารที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาด้วยคำพูดได้เลย
มีทั้งอัศวินแห่งเทลมีดัน
ทั้งกองทัพทหารราบแห่งเทลมีดัน
เมื่อบาร์ดเรย์ได้อัศวินมา 30
นาย เขาก็จะให้พวกนั้นคุมทหารจำนวน 2,500 นายในสนามรบ
กองกำลังทหารเหล่านี้จัดเตรียมมาเพื่อทำภารกิจอัศวินโดยเฉพาะ เพราะงั้นพวกเขาจึงได้กลายมาเป็นสมุนส่วนตัวของเขา
เป้าหมายของเขาก็คือทำให้พวกทหารนั้นกลายเป็นกำลังรบฝีมือฉกาจ
“เราจะไปยึดปราสาทกระจ้อยร่อยนั่นให้ได้”
บาร์ดเรย์เองก็รับเด็กกำพร้ามาเป็นจำนวนมาก
แล้วจำนวนทหารของเขาก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 4,000 นาย มีทหารตายไปบ้างภายในการต่อสู้ ดังนั้นบาร์ดเรย์จึงปล่อยให้พวกทหารที่ไร้ศักยภาพให้ไปทำภารกิจยากๆแล้วก็โดนฆ่าตายอย่างไร้ความปราณี
“ให้พวกมันบุกเข้าไปหน้าทางเข้าเลย”
“แต่ว่าท่านอัศวิน
พวกมันกำลังล้อมพวกเราอยู่นะครับ”
สถานการณ์ที่พวกเขาเคยต้องรักษาความปลอดภัยให้กับตัวเมืองจากการโจมตีของพวกมอนสเตอร์
กลับตาลปัตรกลายมาเป็นที่ๆพวกเขามายืนอยู่ด้านนอกแทน ซึ่งนั่นหมายถึงความตาย
“พวกเขาต้องทำถึงขนาดนี้ถึงจะได้เป็นอัศวิน
แล้วพวกเขาก็จะมีสิทธิ์เข้ามาอยู่ร่วมกับข้า”
“เข้าใจแล้วครับ”
บรรดาเด็กกำพร้าที่กลายมาเป็นทหาร
ได้ยืนประจำตำแหน่งด้านนอกประตูเมือง บาร์ดเรย์จัดกองกำลังในทุกๆช่องว่างด้วยเด็กๆที่ดูมีแววมีพรสวรรค์
ภารกิจของอัศวินทมิฬนั้นจำเป็นต้องใช้ทหารรับจ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้
แบบนั้นจึงจะช่วยได้มากกว่า
ในขณะเดียวกัน
บาร์ดเรย์ก็ซ่อนเจตนาอันชั่วร้ายของเขาภายใต้ชื่อกิลด์เฮอร์มีส
แต่ถึงอย่างไรฉากของเขาที่ทอดทิ้งลูกสมุนของเขาอย่างไรความลังเลก็ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากเหล่าผู้ชม
“ไอ้ชาติชั่วเอ๊ย
มันปล่อยให้ทหารของมันออกไปตายตั้งหลายครั้งหลายครา ”
“มันใช้ทหารที่ภักดีไปเป็นหน่วยพลีชีพเพื่อให้ตัวเองชนะการต่อสู้ง่ายๆ
ช่างโหดร้ายอะไรเช่นนี้”
“นั่นไม่ต่างอะไรกับพวกคนรวยที่ชอบเอาเงินฟาดหัวคนจนๆเลย
ขนาดพวกอัศวินที่ต่อสู้เคียงเคียงไหล่กับบาร์ดเรย์มาโดยตลอด
ล่าสุดมันยังโยนพวกเขาให้ไปตาย”
ทว่ากองกำลังทหารที่เหลือรอดอยู่ก็ค่อยๆแข็งแกร่งมากขึ้น
เพราะงั้นเหล่าผู้ชมก็เลยข่มความตื่นเต้นเอาไว้
บาร์ดเรย์คอยไล่ตามพลังอำนาจ
เขาละทิ้งขั้นตอนการปลุกขวัญกำลังใจให้กับทหารเพื่อที่จะฝึกให้ทหารเหล่านั้นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นนั่นช่างเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก
ขณะที่ทุกคนต่างอิจฉาการผจญภัยของเขา
บาร์ดเรย์กลับรู้สึกไม่มีความสุขเลยซักนิด
‘ไร้ประโยชน์ ขวางหูขวางตาชะมัด’
ในฐานะผู้นำที่ปกครองกิลด์เฮอร์มีส
เขาสามารถเคลื่อนกำลังพลกองทหารอัศวินได้อย่างง่ายดาย มีลูกสมุนมากมายตายในสนามรบเพื่อช่วยบาร์ดเรย์
มีความจริงที่ว่าเขาต้องทำให้ลูกสมุนของเขาถูกบันทึกลงเป็นสงครามประวัติศาสตร์ทำให้นี่กลายเป็นภารกิจที่น่าหงุดหงิดเป็นที่สุด
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
มีช่างฝีมือมากความสามารถนามว่า
ฟาบิโอ
เขาเป็นช่างตีเหล็กคนแคระที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่ได้สร้างชุดเกราะและดาบที่ดีที่สุดขึ้นมา
เขาสร้างชุดเกราะนั้นออกมาและทำให้เขาได้รับโดดเด่นตั้งแต่วันแรกเริ่มของโรยัลโร้ดเปิดตัว
เพราะงั้นเขาถูกได้มีเหล่าผู้สื่อข่าวคอยห้อมล้อมอยู่ตลอด
“ทีนี้แหละฉันจะต้องทำดาบเจ๋งๆออกมาให้ได้”
แกร้ง แกร้ง แกร้ง
ฟาบิโอกลับไปที่โรงหลอมของเขาโดยไม่ได้หยุดพักเลย
มีคนแคระหนึ่งคนที่เขาให้มาเป็นลูกมือคอยขนวัสดุอุปกรณ์มาให้ที่ข้างๆเปลวไฟ
โรงหลอมนั้นใหญ่มากๆ แถมยังมีแร่เหล็กมากมายกองพะเนินอยู่จำนวนมาก
“พ่อครับ มีงานสั่งทำดาบเลเวล 360
จำนวน 120 เล่ม จากกิลด์ทริกเกอร์
เราจะรับทำไหมครับ?”
“แน่นอน มาเอาไปสิ
แล้วก็ไปให้พวกเขา”
ใกล้ๆกับคนแคระตนนั้นมีกองดาบมากมายถูกแยกประเภทเอาไว้แล้ว
แม้ว่าฟาบิโอจะไม่ได้ใส่หัวใจและจิตวิญญาณลงไปในสินค้าพวกนั้น
มันก็ยังให้ค่าคุณสมบัติอย่างต่ำ 4-5 อย่าง การโจมตี ป้องกัน และสมดุลเองก็กำลังดีสำหหรับผู้เล่นที่เหวี่ยงมัน
“การให้กำเนิดดาบที่ปลุกพลังที่แท้จริงได้นั้นยังคงไกลเกินเอื้อม”
ฟาบิโอยังติดหนึบอยู่กับค้อนของเขา
และเอาแต่ตีดาบของเขาต่อไปเรื่อยๆ
เขาได้สร้างดาบออกมานับร้อยเพื่อที่จะให้ไปถึงเป้าหมายของเขาให้ได้
เมื่อใดที่ตีลงไปที่ดาบ
มันก็จะกลายเป็นดาบอันแสนยอดเยี่ยมไปโดยอัตโนมัติ
ความผสมกลมกลืนได้ก่อกำเนิดขึ้นมาระหว่างแร่เหล็กและทักษะช่างตีเหล็ก
ร่างกายผิวสีแทนของช่างตีเหล็กฟาบิโอห่อหุ้มไปด้วยออร่าของเปลวเพลิงที่ทำให้นึกถึงความมันวาวของเหล็ก
เขาคือช่างตีเหล็กผู้ที่สร้างเฉพาะดาบและชุดเกราะเท่านั้น
หยดเหงื่อไหลรินลงมาจากร่างกายของเขาขณะเขาทำงานอยู่ข้างแร่เหล็กและเปลวเพลิง
ทักษะช่างตีเหล็กของเขาตอนนี้อยู่ขั้นสูงเลเวล
9
และอีก 81.7%
เขาคือยักษ์ผู้ที่ยอมถวายกายแด่โรงหลอมแห่งช่างตีเหล็ก
————จบตอน—————-
ผู้แปล : Cole’s Myth
Editor : แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล
ขอบคุณมากๆครับ
ตอบลบอยากเห็นวีดซัดกับมังกรจริงๆ
ตอบลบโคตรมีความสุขที่ได้อ่าน ขอบคุณ.
ตอบลบขอบคุนมากครับ ^^
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบวีดติดสินบน เคย์เบิร์น เดี่๋ยวต่อไปคงได้ใช้บริการ 555
ตอบลบจะมีฉากวีด ใส่ร้าย บาดเร ว่าไม่ยอมมาช่วยภารกิจแกะสลักรึเปล่านะ
ตอบลบถ้ามีคง ฮา มากใครปฎิเสธตาย ฮ่าๆๆๆ
เอ่อออ แค่นึกก้อฮาแล้ว
ลบขอบคุณที่ช่วยแปลนิยายให้อ่านอยู่ตลอดนะคะ สำนวนที่แปลมาอ่านสนุกอ่านเพลินมาก เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบเพลินมาก...อ่านง่าย...วีดงานเข้า
ตอบลบขอบใจกลายๆเด้อออ