เล่มที่ 29 ตอนที่ 3: การตัดสินใจของเหล่าออร์ค แปลโดย Cole’s Myth
“สงคราม!”
“กองทัพของแบล็ค
แอนนาส กำลังมาแล้ว”
“ฉันต้องรีบออกไปจากปราสาทให้เร็วที่สุด”
ขณะที่วีดกำลังนั่งแกะสลักประติมากรรมของเขาอย่างสบายใจ
ทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลล์กำลังลุกโหมไปด้วยไฟแห่งสงคราม เมื่อการเข้าโจมตีเกิดขึ้นภายในตัวเมือง
เหล่าพ่อค้าและผู้เล่นใหม่ทั้งหมดก็หลบหนีออกไปนอกปราสาท
นั่นก็เป็นเพราะว่าปราสาทหลังนั้นได้กลายเป็นพื้นที่สังหารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อการโจมตีเริ่มขึ้นการนองเลือดและความโกลาหลจากเปลวเพลิงก็ลุกโหมกระหน่ำ
“สรรเสริญแด่เทพเอ็มบินยู”
“จงยืนหยัดต่อสู้กับพวกนอกรีตนั่นซะ”
เกิดการปะทะกันระหว่างกองทัพเอ็มบินยูและเหล่าพาลาดินของแต่ละศาสนจักร
ทุกๆวิหารต่างหัวหมุนกันจนหมดนับตั้งแต่พวกวิหารเอ็มบินยูปรากฏตัวขึ้นมา
เหล่าพาลาดินและพระจากมหาวิหารและอารามต่างๆก็พากันออกไปต่อสู้อย่างดุเดือด
บรรดาผู้เล่นมากมายต่างก็ได้รับภารกิจใหม่ๆด้วยเช่นกัน
ซึ่งนี่ถือเป็นโอกาสสำหรับพวกเขาที่จะได้สร้างความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่
นี่คือการต่อสู้ที่เป็นสงครามกับเหล่าสาวกจากวิหารเอ็ทบินยู!
บรรดาผู้เล่นยังพากันรู้สึกสับสนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
คงไม่กล่าวเกินจริงไปหากจะเอ่ยว่าช่วงเวลาแห่งการออกล่าอันแสนปลอดภัยใกล้ๆตัวเมืองหรือแถวหมู่บ้านได้จบสิ้นลงแล้ว
หมู่บ้านอันแสนสงบสุขถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง กลายเป็นดินแดนแห่งความโกลาหลไปแล้ว
แถมพวกมอนสเตอร์ก็ยิ่งเหิมเกริมและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
แม้แต่ผู้คน
บางคนก็พากันแปรพักตร์ เปลี่ยนเป็นสาวกพวกวิหารเอ็มบินยู และกลายเป็นวายร้ายออกไล่ล่าผู้เล่นคนอื่นๆ
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
จางยุนซู
หัวหน้าทีมแผนกการตลาดได้จัดการประชุมในแผนกขึ้นมาเพื่อปรึกษาหารือกัน
“อย่างที่พวกคุณรู้ ว่าทางฝ่ายการตลาดได้ตัดต่อวิดีโอโฆษณาแล้ว
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทวีปเวอร์เซล ณ ตอนนี้”
“คุณจะเปิดให้เราดูมากแค่ไหนหรอครับ?”
“ก็เกือบๆ 90% อยู่นะ ก่อนอื่นผมจะบอกเรื่องที่เหลือกับพวกคุณก่อน”
แสงไฟภายในห้องประชุมได้ดับลงและวิดีโอก็เริ่มฉายขึ้นบนจอภาพ
กองกำลังทหารอันชั่วร้ายแห่งกองทัพเอ็มบินยูได้มารวมตัวกันอยู่บนพื้นที่ราบ
พวกมันกำลังนั่งล้อมรอบกองไฟ
ณ เวลาที่จมดิ่งลงสู่ความมืดมิด
หน้าจอที่ฉายอยู่ถูกซูมเข้าซูมออกตรงบริเวณเต้นท์ของพวกนักบวชชั้นสูงแห่งวิหารเอ็มบินยู
“ตรงนั้น……”
“เครื่องเซ่นสังเวยอย่างแรกก็คือ…….”
“พวกมนุษย์….”
“หึๆๆๆๆๆ……”
นักบวชชั้นสูงคนนั้นเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันแสนมืดมน
พวกอัศวินทมิฬของวิหารเอ็มบินยูเองก็พากันเดินลาดตระเวนอย่างขยันขันแข็งขณะที่พวกมอนสเตอร์ก็พากันยืนอยู่รอบๆแค้มป์
ผู้เล่นคนไหนก็ตามที่เข้ามาเล่นรอยัลโร้ดต่างก็รู้ดีว่าสถานการณ์นี้อันตรายมากแค่ไหน
และยิ่งไปกว่านั้น มันยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นเมื่อพวกวิหารเอ็มบินยูกลายมาเป็นศัตรู
และในที่สุดที่พวกมันก็เริ่มพากันเคลื่อนไหว ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนหวั่นเกรงในพลังอำนาจของพวกมัน
จากนั้นครู่ต่อมา จอภาพก็ฉายไปที่ภาพของเหล่าผู้เล่นที่กำลังบุกโจมตีราชอาณาจักรเกรเดียน
“ไปกันเลย เหล่านักรบ!”
“เราต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด
เพื่อปกป้องความสงบสุขของพวกเราเอาไว้!”
กลุ่มทหารรับจ้างดาบทมิฬเคลื่อนตัวไปข้างหน้าฝ่าดงลูกธนูที่กำลังยิงลงมาจากด้านบนของกำแพงเมือง! อาวุธโจมตีในครั้งนี้ได้ถูกสั่งสมมานานเพื่อสงครามยักษ์ใหญ่ในครั้งนี้โดยเฉพาะ
ราชอาณาจักรเกรเดียนเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปซึ่งไร้ผู้คนอยู่อาศัย
เนื่องจากพื้นที่อันสูงชัน
กลุ่มทหารรับจ้างทมิฬต่างจับจ้องไปที่ราชอาณาจักรเกรเดียนและตั้งเป้าหมายที่จะยึดครองมันมาให้จงได้
พวกเขาอดทนต่อสู้มานานถึงสามวัน
ทั่วทั้งราชอาณาจักรถูกดูดกลืนเข้าสู่สงครามกลางเมือง
จากนั้น จอภาพก็ถูกตัดไปที่ราชอาณาจักรฮาเว่น
ภาพหยุดอยู่ที่พระราชวังอันแสนโอ่อ่าที่กำลังถูกสร้างขึ้น! กิลด์เฮอร์มีสทุ่มเงินกองเท่าภูเขาให้กับการสร้างพระราชวังและลงทุนไปกับเหล่าอัศวินและกองกำลังทางทหารเพื่อเพิ่มความจงรักภักดีให้กับกิลด์
บรรดาอัศวินและเหล่าทหารถูกบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาส
เมืองหลวงเอเรน ณ ตอนนี้เหมือนดั่งเมืองที่มีทั้งแสงสว่างและความมืดมน
ฝั่งหนึ่งคือเขตสลัมอันแสนยากจน ส่วนอีกฝั่งกลับเต็มไปด้วยอาคารพาณิชย์ใหญ่โตส่องแสงสว่างเรืองรอง
ภาพถูกฉายสลับไปที่ราชอาณาจักรอื่นๆอีกหลายแห่งอย่างรวดเร็ว
และจากนั้นภาพก็ไปหยุดอยู่ตรงที่เหล่าออร์ค
หมู่มวลไม้และพุ่มหญ้าถูกฉายทอดลงบนจอ
“ชวิท!”
เหล่าออร์คนั้นไม่ได้ปรากฏให้เห็นบนจอภาพ
ทว่ากลับมีแค่เสียงลมหายใจพ่นดังออกมาอย่างรุนแรงและแสงสะท้อนของดาบเปล่งออกมาจากพุ่มไม้
“ไปกันเถอะ
ชวิชวิชวิท!”
ออร์คเหล่านั้นอยู่ในอาณาเขตของดินแดนออร์คที่ทอดผ่านเทือกเขาเอลแนทผ่านไปทางที่ราบ
จอภาพสว่างวาบขณะที่ภาพนิ่งไปครู่นึง
จากนั้นเหล่าอสูรก็วิ่งกรูออกมา
ฝูงนกบินแตกตื่นขึ้นสู่ท้องฟ้า เหล่าออร์คที่เคลื่อนขบวนรบออกไป แถวยาวสุดลูกหูลูกตาบนแถบพื้นราบนั้น
พวกมันเคลื่อนขบวนไปทางทิศตะวันออกด้วยกำลังรบอันแสนน่าทึ่งที่ได้บังเกิดขึ้นมาให้ประจักษ์แก่สายตาผู้รับชม
เหล่าเอลฟ์คอยพัฒนาเวทย์วิญญาณ
ขณะที่เหล่าคนแคระก็คอยผลิตอาวุธของตนเองเพื่อปกป้องราชอาณาจักรธอร์ของพวกเขาเอาไว้
และในท้ายที่สุด
จอภาพก็ถูกฉายไปที่คนบางกลุ่ม
ผู้เล่นที่โด่งดังมากที่สุดบนทวีป
บาร์ดเรย์ที่กำลังยืนอยู่บนยอดปราสาทเอเรนขณะที่จ้องมองลงไปยังกองกำลังทหารของเขาที่อยู่เบื้องล่าง
ส่วนทางนักผจญภัย เชส
ที่ตะลอนไปทั่วภายในดันเจี้ยนซักแห่งขณะที่กำลังโดนพวกมอนสเตอร์ไล่ตามเขาอยู่
ทางฝั่งช่างตีเหล็ก ฟาบิโอ ก็กำลังนั่งตีเหล็กภายในสถานที่อันแสนลึกลับที่มีเปลวเพลิงสีแดงฉานกำลังพวยพุ่ง
บรรดาผู้เล่นต่างสายอาชีพทั้ง
17
คนถูกฉายขึ้นบนจอภาพ
และเมื่อวิดีโอจบลง
จางยุนซูก็พูดขึ้นมาว่า
“ตอนนี้ทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลกำลังเข้าสู่ช่วงอลหม่าน
เรามาลองพิจารณาประเด็นนี้กัน เพื่อที่เราจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในการตัดต่อวิดีโอถ่ายทอด”
วิดีโอนั้นจะถูกอัพโหลดลงบนอินเตอร์เน็ตและออกอากาศเพื่อที่จะได้รายงานถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังเกิดขึ้นในรอยัลโร้ด
ทวีปเวอร์เซลเปลี่ยนแปลงไป นั่นก็เพราะว่าได้รับผลต่างๆนานาจากเหตุการณ์ทั้งหลายที่ได้เกิดขึ้นทั่วทุกสารทิศ
ช่วงเวลาแห่งความโกลาหลได้บังเกิดขึ้นแล้ว!
ในช่วงแรกเริ่มของรอยัลโร้ด แม้มีความขัดแย้งมากมายเกิดขึ้นในแต่ละอาณาจักรและการโจมตีจากพวกมอนสเตอร์
ทว่าก็ยังหลงเหลือความสงบสุขและความมั่นคงให้เห็นอยู่
นั่นก็เป็นเพราะว่าแต่ละอาณาจักรก็คอยให้การสนับสนุนค้ำจุนความสงบสุขนั้นเสมอมา
ปัญหาที่มีนั้นก็คือสมดุลที่บิดเบี้ยวนับตั้งแต่จำนวนผู้เล่นเพิ่มมากขึ้น
เหล่าผู้เล่นที่กลายเป็นอัศวินก็เลือกที่จะกอบโกยกำไรใส่ตัวเสียมากกว่าศักดิ์ศรีและเกียรติยศ
และไม่ยอมทำตามหน้าที่ของพวกเขาเลย พวกเจ้าเมืองก็ไม่สนใจใยดีชาวเมือง มีแต่บังคับให้พวกเขาจ่ายภาษีเกินจริงซะมากกว่า
พวกเขาไม่ได้จัดการพวกมอนสเตอร์ที่แสนดุร้ายที่มาก่อกวนผู้คน
เพราะพวกเขามัวแต่สนใจในการทำสงครามเพียงอย่างเดียว จนไม่ก่อให้เกิดความจงรักภักดีต่อราชอาณาจักรที่น่าจะอยู่ในใจของชาวเมืองเลย
นี่ก็เพราะเกมส์รอยัลโร้ดนั้นไม่มีแกนเรื่องที่แน่ชัดนั่นเอง
หากพวกลอร์ดและกิลด์อันโด่งดังทั้งหลายทางตอนกลางปกครองอาณาจักรได้อย่างดี
กองกำลังปีศาจอันแสนชั่วร้ายก็คงไม่ปรากฏออกมา แถมความภักดีของชาวเมืองที่มีก็ลดลง
ก็จะทำให้พวกเขาโน้มเอียงได้ง่าย และเปลี่ยนข้างไปอยากับพวกวิหารเอ็มบินยู มีแต่จะเพิ่มกำลังรบให้กับพวกมัน
และผลลัพธ์สุดท้ายก็คือแต่ละอาณาจักรทางตอนกลางก็ต้องชดใช้ด้วยบทเรียนราคาแพง
ถ้าหากพวกเขารู้จักมองดูประวัติศาสตร์ของรอยัลโร้ด
ยุคแห่งความโกลาหลนั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้นเมื่ออดีตกาล
เมื่อครั้งนั้นพวกวอร์ล็อคเคยทำสัญญากับพวกปีศาจ และราชอาณาจักรก็เข้าสู่สงครามในที่สุด
สุดท้ายพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาก็ถูกช่วงชิงและพ่ายแพ้ให้กับพลังอำนาจมืดในที่สุด
“อืมมม
คุณจะใช้กลยุทธการตลาดแบบไหนดีละครับ”
หลายสายตาจับจ้องไปที่ผู้อำนวยการซองอิลกัง
ผู้ที่เข้าใจสถานการณ์ภายในทวีปเวอร์เซลดีกว่าทุกคนในบริษัทยูนิคอร์นแห่งนี้
เขายืนขึ้นจากเก้าอี้และเอ่ยขึ้นมาว่า
“กองกำลังของวิหารเอ็มบินยูได้ขยายขนาดพอๆกับกิลด์ใหญ่ๆแล้ว
แถมยังมีการปรากฏตัวของพวกมอนสเตอร์และการผงาดขึ้นมาของพวกวอร์ล็อค
เมื่อเทียบกับครั้งอดีตกาลในยุคแห่งความโกลาหล
ตอนนี้ทวีปเวอร์เซลดูเหมือนคงจะเข้าสู่วิกฤตครั้งใหญ่แล้วหล่ะ”
ผู้อำนวยการและคนอื่นๆที่รับผิดชอบในหลายๆแผนกต่างก็กุมขมับกัน
มีเผ่าพันธุ์และราชอาณาจักรมากมายในทวีปเวอร์เซลที่ปรากฏตัวออกมาและหายไป
ดังนั้นมันจึงถือเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะติดตามพวกมันให้ทันหมดทุกกลุ่มทุกที่
ทั่วทั้งทวีปเต็มไปด้วยเรื่องราวเกิดขึ้นตลอดเวลา
ผู้เล่นมากมายตระเวนออกไล่ล่ามอนสเตอร์ และคอยไขปริศนาด้วยตัวของพวกเขาเอง
“นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่รึเปล่านะ?”
มีความจริงที่ว่าความสงบสุขของทั้วทวีปเวอร์เซลในระยะนี้นั้นกำลังสั่นคลอน
เนื่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณของจำนวนผู้เล่น
ซึ่งนั่นไม่ใช่ข่าวดีนักสำหรับเหล่าผู้บริหารของบริษัทยูนิคอร์น
แต่ถึงยังไง สีหน้าของผู้อำนวยการซอนอิลกังก็ยังดูไร้ความกังวล
“วีรบุรุษจะกำเนิดก็ต่อเมื่ออยู่ท่ามกลางวิกฤตินี่แหละ
เมื่อเรามองอย่างนั้น การมาถึงของยุคแห่งความโกลาหลครั้งนี้ยิ่งจะต้องใช้ความร่วมมือร่วมใจกันของเหล่าผู้เล่น
และพวกผู้เล่นที่เก่งๆประสบความสำเร็จมากมายก็จะปรากฏตัวออกมาเอง”
ทวีปเวอร์เซลคือโลกเสมือนจริง!
ซอนอิลกังจึงมั่นใจว่าจะต้องผ่านพ้นอุปสรรคนี้ไปได้แน่ๆ
บรรดาพนักงานของบริษัทยูนิคอร์นเองก็ต่างเห็นพ้องต้องกันในข้อสรุปนี้
ตั้งแต่ที่รอยัลโร้ดเปิดตัว การเติบโตของจำนวนผู้เล่นยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทุกวันจนน่าประหลาดใจ
พวกเขาล้วนตัดสินชะตากรรมด้วยมือของตนเอง
เมื่อย้อนกลับไปมองดูประวัติศาสตร์
ผู้คนก็ล้วนแต่ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้ด้วยพลังของตนเองนั้นแล
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
“ฮี่ ฮี่ ฮี่”
“คริ คริ คริ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เหล่าประติมากรรมสลักชีพกำลังใช้ชิวิตอันแสนสุขของพวกมันในป้อมปราการเวอร์โก้
“โลกนี้ช่างสวยงาม”
“อากาศปลอดโปร่ง
ต้นหญ้าเขียวสดช่างวิเศษจริงๆ!”
วีดได้มอบชีวิตให้กับพวกประติมากรรมสลักชีพไปถึง
47 ตัวตอนอยู่ที่เขตลาส ฟาลังคซ์
พวกมันคือประติมากรรมที่สร้างขึ้นมานานมากแล้วจากน้ำมือของเหล่าประติมากรผู้ยิ่งใหญ่
ความปรารถนาที่จะมีชิวตของพวกมันนั้นแรงกล้ามาก พวกมันจึงยินดีที่จะได้เล่นอยู่ภายในเขตป้อมปราการเวอร์โก้
พวกมันได้ยินเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดที่พวกไวเวิร์น
ปิงหลง และฟีนิกซ์ได้เผชิญมาเมื่ออยู่กับวีด
และคิดว่าช่างโชคดีจริงๆที่พวกมันนั้นมีความเป็นอยู่สุขสบายมาก
งั่ม งั่ม งั่ม งั่ม!
เจ้าเซอเบรัสกำลงแทะกระดูกแพะและกลิ้งเล่นไปมาบนพื้นหญ้า
ส่วนเจ้างูพิษที่มีสีสันหลากตาที่ชื่อว่า เจ้างูบ้านนอก
เลื้อยไปมาบนกิ่งไม้ที่อยู่ตามภูเขาและป่ารกทึบ
ส่วนทางเจ้าหนอนแห่งความตายก็นอนผ่อนคลายเล่นอยู่ในปลักโคลน
พวกประติมากรรมสลักชีพใช้เวลายามบ่ายอันแสนผ่อนคลายอย่างเงียบสงบ
เว้นก็แต่อัศวินเซวิล แบล็คซันที่มัวยุ่งอยู่กับการทำภารกิจของเขา
เขาทำงานร่วมกับพวกทหารและนักล่าอย่างขันแข็งเพื่อขับไล่พวกมอนสเตอร์ให้ล่าถอยกลับไป
เมื่อเวลาผ่านพ้นไปพวกคนเถื่อนต่างก็ชื่นชมเซวิล และในที่สุดกองทัพของเขาก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง
980 คน
เหล่าทหารหาญต่างได้รับการชี้ทางอันแสนวิเศษจากอัศวินผู้นี้เพื่อออกไปต่อสู้
เขาเลือกอัศวินที่มีแววขึ้นมาใหม่ 14 คนและแต่งตั้งพวกเขาให้เป็นผู้ช่วย ถ้าหากพวกเขาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากหรือว่าสุขสบาย
พวกเขาก็จะยังเลือกที่จะตั้งรกรากอยู่ใกล้ป้อมปราการภายใต้การนำของวีด
เจ้าโกลมินิและเจ้าเหลืองแอบย่องออกมากลางดึกเพื่อจัดการประชุมลับกัน
“เจ้าเด็กพวกนี้นี่สบายกันจริงๆเลยเนาะช่วงนี้”
“ใช่ๆ
สบายกันเกินไปแล้วจริงๆ โกล โกล”
“เราต้องหาเรื่องให้พวกมันหน่อยแล้ว”
“พวกนั้นต้องทำงานอย่างน้อยสามครั้งต่อวัน
โกลโกล!”
เจ้าโกลมินิต้อนพวกมอนสเตอร์ออกไปด้านหน้าตรงที่มีเจ้าปิงหลงกำลังดักรออยู่
เจ้าฟีนิกซ์และพวกไวเวิร์นเองก็จัดการกับพวกมอนสเตอร์อยู่เช่นเดียวกัน
“จนถึงตอนนี้เจ้าพวกนี้มันเล่นมามากเกินไป”
“เราต้องทำให้พวกมันเหงื่อตกกันบ้าง!”
เหล่าประติมากรรมสลักชีพค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน
เพื่อที่จะได้เป็นกำลังให้วีดในการทำภารกิจปรมาจารย์ประติมากรของเขา
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
เหล่าออร์คนั้นได้ตั้งรกรากใกล้กับป้อมปราการเวอร์โก้จากความเอาแต่ใจของพวกมัน
“ชวิ ชวิ ชวิท!”
“เวลาเช้ามืดแล้ว
ไปออกล่ากันเถอะ ชวิค!”
และในท้ายที่สุด
เหล่าออร์คก็มีหมู่บ้านเป็นของตนเอง
ป้อมปราการเวอร์โก้กำราบพวกมอนสเตอร์ลงได้ด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าออร์ค
พวกมอนสเตอร์และเหล่าออร์คต่อสู้กันไม่เว้นแต่ละวัน
จำนวนประชากรออร์คก็ลดลงเหลือแค่ 60,000 ตน
ทว่านั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรต่อพวกมันเลย
“ชวิ ชวิ ชวิท
พี่ใหญ่ตายแล้ว พี่รองก็ตายแล้ว พี่เจ็ดก็ตายแล้ว แม่ครับ ท่านควรทำพี่น้องให้เราอีกสัก
5 คนนะครับ ชวิค”
“แกเป็นใคร? ชวิ ชวิ ชวิท”
“ผมลูกชายคนที่ 32
ของท่านไง ชวิท!”
“แกเป็นคนสุดท้องนิ
ชวิ ชวิท ชวิ ”
“ไม่ใช่นะครับ ชวิ
ชวิท ท่านแม่คลอดลูกออกมาตั้ง 44 ครั้งแน่ะครับ”
เหล่าออร์คใช้พลังแห่งการขยายพันธุ์ของพวกเขาจัดการกับพวกมอนสเตอร์
ขณะที่พวกนักรบคอยออกไปต่อสู้ พวกออร์คหญิงก็จะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัย
ผู้เล่นหลายคนที่เลือกเผ่าพันธุ์ออร์คเองก็บรรลุเป้าหมายต่างๆได้อย่างยอดเยี่ยม
“ออร์คต้องสู้จนตัวตาย
ชวิชวิท”
“ไปกันเถอะ ชวิชวิท”
พวกเขาได้นำนักรบจำนวนมากออกไปบุกโจมตีรังของพวกมอนสเตอร์
แน่นอนว่าแผนการนั้นหมายถึงออร์คบางตนจะไม่ได้กลับมา
ทว่าพวกมันก็ได้สร้างความเสียหายให้กับมอนสเตอร์ก่อนที่จะตายไป ถ้าตายไป 10
ตนก็ต้องกำจัดมอนสเตอร์ให้ได้ 5 ตัว และในวันถัดไปพวกเขาก็จะเพิ่มออร์คเป็น 13
ตนเพื่อออกไปสู้ นั่นแหละคือกลยุทธ์ของพวกออร์ค
-
ออร์คคาริชวินั้นไม่เคยยอมจำนนต่อการต่อสู้ที่เสียเปรียบเลยซักครั้ง
-
เขาช่างเป็นออร์คที่แข็งแกร่งและหล่อเหลา
-
ฉันต้องกล้าหาญเพื่อที่จะได้เนื้อหอมกับพวกสาวๆออร์คบ้าง
ออร์คคาริชวิคือตำนานท่ามกลางเหล่าผู้เล่น
การผจญภัยของวีดนั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อผู้เล่นออร์ค
เพราะงั้นพวกเขาหลายคนจึงกลายเป็นพวกที่กล้าหาญแบบบ้าบิ่นสุดๆ
“นี่คือการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่
ชวิ ชวิท!”
ขณะที่พวกออร์คออกไปต่อสู้
เด็กๆก็ค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ออร์คนั้นต่อสู้กันร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่
ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าคนอื่นๆล้วนเป็นพี่น้องของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้
พวกผู้เล่นออร์คก็จะคอยเล่นไปตามแผนแบบด้นสดเสมอ
“โชคไม่เข้าข้างเลย
ชวิ ชวิ”
“คราวหน้าต้องดีกว่านี้แน่
ชวิค!”
“เราต้องทุ่มเทมากกว่านี้
เราจะทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะชนะ ชวิ ชวิ ชวิ ชวิท!”
เหล่าผู้เล่นออร์คออกคำสั่งพวกพี่น้องออร์คตัวอื่นๆและพวกเด็กๆให้ออกไปต่อสู้
นี่แหละคือจุดแข็งที่พวกเขาได้เลือกเผ่าพันธุ์ออร์คก่อนเข้ามาเล่นเกมส์
วีดเคยต่อสู้กับพวกดาร์กเอลฟ์
และต่อมาก็ร่วมมือกับพวกเขาไปสู้กับกองทัพอันเดด เหล่าผู้เล่นผู้ที่ใฝ่ฝันอยากจะได้เจอกับการต่อสู้อันยิ่งใหญ่
ต่างเลือกเล่นเผ่าพันธุ์ออร์คกันหมด
พวกเขาต้องการไอเท็มลูทและได้ปล้นสะดมบ้านที่เป็นที่รักของเหล่ามอนสเตอร์จนราบคาบ
หากพวกเขาได้ของแพงๆพวกเขาก็จะเอามันไปที่ป้อมปราการเวอร์โก้เพื่อเอาไปใช้ซื้ออาหารและอาวุธ!
“กินให้เยอะ
สู้ด้วยอาวุธที่มี ชวิท!”
ออร์คนั้นมีขนาดตัวที่ใหญ่
มันจึงจำเป็นต้องใช้เงินมากเพื่อที่จะสร้างชุดเกราะให้ตนเอง ค่าพลังชีวิตและพลังกายของพวกเขาก็มีมากอยู่แล้ว
พวกเขาจึงทุ่มเทไปกับการหาอาวุธเสียมากกว่า ทว่าสำหรับพวกผู้เล่นในป้อมปราการเวอร์โก้
พวกออร์คนั้นช่างดูน่าสมเพชยิ่งนัก
“พวกมันจะไปสู้อีกแล้วหรอ?”
“ช่าย
พวกเขาพึ่งซื้อข้าวไปเมื่อกี้นี้เอง….”
“ว่าก็ว่าเถอะ พวกออร์คนี่เยี่ยมจริงๆ”
“แหวะ
ฉันไม่อยากไปแตะตัวพวกมันเลยจริงๆนะ”
การซ่อมแซมป้อมปราการเวอร์โก้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
พวกเขาจึงมีกำแพงเมืองที่แข็งแรงมั่นคงและป้องกันภัยได้ ทว่าช่างโชคร้ายที่ช่วงนี้ไม่มีมอนสเตอร์เข้ามาใกล้ป้อมเลย
ความปรารถนาของเหล่าออร์คก็คือการได้ต่อสู้อย่างดุเดือดและบ้าบิ่น
ไม่งั้นพวกเขาก็คงได้สู้กันเองแทน
“ถ้าฉันชนะการต่อสู้นี้ละก็
ฉันจะควงสาวๆซักห้าคนไปเลย ชวิค”
เหล่านั้นคือออร์คสาวที่วีดพยายามหลบหน้านั่นเอง! บรรดาเหล่าผู้เล่นออร์คพยายามแสดงความอาจหาญของพวกเขาออกมาอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อจะได้ดึงดูดความเสน่หาของพวกเธอมาให้ได้
เหตุผลนั่นก็เพราะว่าออร์คเพศหญิงนั้นสามารถให้กำเนิดลูกออร์คออกมาได้มากมายซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังรบให้กับผู้เล่น
พวกเขารู้สึกปลาบปลื้มมากเมื่อใดก็ตามที่ออร์คสาวมาสารภาพรักต่อพวกเขา
“กัสชวิ
ข้าจะขออุ้มทายาทของท่านเอาไว้เองค่ะ ชวิชวิท!”
“ขอบใจเจ้ามาก ดีสชวิ
หัวใจข้ายินดีนักที่ได้ยินเช่นนั้น ชวิค”
“คงจะดีไม่น้อยถ้าหากว่ามีคนที่มีรูปลักษณ์เหมือนดังท่านคาริชวิช
ชวิทชวิ”
เหล่านักดาบและพวกประติมากรรมสลักชีพเองก็มีบทบาทสำคัญในการออกล่ามอนสเตอร์รอบๆป้อมปราการเวอร์โก้
ส่วนพวกผู้เล่นเองก็พากันตั้งปาร์ตี้ขึ้นมาเพื่อออกล่า เพราะงั้นจำนวนพวกมอนสเตอร์รอบๆป้อมปราการเวอร์โก้จึงลดลงอย่างฮวบฮาบ
“มาเถอะ”
“เดี๋ยวอย่าพึ่งยิง
รอก่อน”
“ตอนนี้แหละ ยิง!”
เหล่าแรนเจอร์และนักธนูค่อยๆยิงลูกธนูพุ่งออกมาจากพุ่มไม้
ในสายอาชีพนักธนูนั้นมีข้อได้เปรียบอย่างมากในการต่อสู้แบบนี้ ทั้งระยะการโจมตีและยังอยู่ในทำเลที่ดี! ป้อมปราการเวอร์โก้เองก็เปลี่ยนกลยุทธ์จากเดิมที่เคยตั้งรับมาเป็นบุกโจมตี
ถึงเวลาแล้วที่กองกำลังรบแห่งราชอาณาจักรอาเพ่นจะได้ย่างก้าวออกมาจากประตูเมืองเพื่อยืนหยัดต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์
และภาระทั้งหลายทั้งปวงก็มีเหล่าออร์คที่ปรากฏตัวออกมาช่วยแบ่งเบา
“ไล่ตามมอนสเตอร์พวกนั้นไป
ทุกคนโจมตี ฆ่าพวกมันให้หมด ชวิชวิท!”
เหล่าออร์คอยู่รวมกันเป็นกลุ่มและออกไปโจมตีใส่พวกมอนสเตอร์อย่างเลือดเย็น
นักรบออร์คฝีมือฉกาจได้ถือกำเนิดแล้ว
|
เหล่านักรบออร์ค
3 ตนได้กลายเป็นนักสู้ออร์คแล้ว
|
กองกำลังออร์คแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
อำนาจของเหล่าออร์คได้แผ่ขยายออกไปปานสายฟ้าแลบ นี่ถือเป็นปรากฏการณ์อันน่ากลัวที่สุดก็ว่าได้! ออร์คเด็กๆมากมายได้ถือกำเนิดขึ้นมา แม้ว่าที่พักอาศัยของพวกมันจะโดนเผาทำลายจนราบคาบโดยพวกมอนสเตอร์
และตอนนี้จำนวนของพวกเขาก็พุ่งสูงขึ้นจนมีจำนวน 390,000 ตน
ตริ้ง!
-เผ่าพันธุ์ออร์คได้เปิดเผยการมีอยู่ในดินแดนเหนือแล้ว
|
เหล่าออร์คได้ขยายอาณาเขตของพวกมันออกไปสู่แดนเหนือผ่านทางความรุนแรงและความเห็นแก่ตัว
พวกเขาจะต่อสู้ด้วยเฉพาะกับมอนสเตอร์ที่อันตรายและแข็งแกร่งมากกว่าเท่านั้นเพื่อที่จะทดสอบขีดจำกัดและการเติบโตของพวกเขา
|
พวกเขาอ่อนแอต่อมอนสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่และใช้เวทย์มนต์ได้
|
เผ่าพันธุ์ออร์คคือสิ่งมีชีวิตที่ไว้ใจได้
|
ถ้าหากว่าคุณย่างเท้าเข้าสู่โลกในฐานะออร์ค
จะทำให้ท่านมีพี่น้องมากมาย หากท่านร่วมทางไปกับพี่น้องของท่าน
ท่านก็จะไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด
|
-เหล่าออร์คได้เติมเต็มจำนวนประชากรที่พวกเขาต้องการ
|
บัดนี้
เหล่าออร์คสามารถเริ่มใช้ชีวิต ณ ป้อมปราการเวอร์โก้ได้แล้ว
|
ในฐานะมนุษย์
จำเป็นต้องมีเงื่อนไขมากมายต่างๆนานาถึงจะมีสังคมและการปฏิสัมพันธ์ขึ้นมาได้
อย่างพวกการเมือง ความปลอดภัย เทคโนโลยี หรือแม้แต่การพัฒนาภายในเมือง ทว่าสำหรับเหล่าออร์คมีเพียงไม่กี่เงื่อนไขที่จะกลายเป็นอำนาจและความแข็งแกร่งของพวกเขา
ง่ายๆแค่นั้น เพื่อนสนิทมิตรสหายญาติพี่น้องและอาหารคือเงื่อนไขเพียงแค่นี้ สิ่งที่พวกเขาต้องการ
แต่ถึงกระนั้นจำนวนของผู้เล่นใหม่ที่เลือกเล่นเผ่าพันธุ์ออร์คก็ยังถือว่ามีน้อยมาก
แถมนอกจากนั้นยังไม่สามารถเลือกคลาสอย่างนักเวทย์
หรือแม้แต่ความเชี่ยวชาญการต่อสู้อย่างพวกอัศวินได้เลยด้วยซ้ำ
ออร์คจะใช้กำลังของตนเพื่อเติบโตขึ้นเป็นนักสู้หรือว่าร่างทรงได้
แต่ถึงยังไงพวกออร์คเองก็สามารถที่จะออกไปผจญภัยอย่างอิสระและสัมผัสเสน่ห์ของการต่อสู้
เพราะงั้นบรรดาผู้เล่นที่เลือกเผ่าพันธุ์นี้จึงไม่รู้สึกเสียใจเลย
ครั้งนึงเมื่อวิดีโอของเหล่าออร์คได้ปรากฏบนกระดานข่าว
พวกเขาต่างก็กลายเป็นที่อิจฉาของบรรดาผู้เล่นมากมาย ด้วยเผ่าพันธุ์ที่พิเศษและสายอาชีพที่ไม่เหมือนใคร
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
เหล่าออร์คที่ป้อมปราการเวอร์โก้นั้นจะมีสติปัญญาที่สูงกว่าที่อื่น
พวกเขาได้รับอิทธิพลมาจากพวกประติมากรรมและผลงานศิลป์อื่นๆ แต่ถึงกระนั้นพวกออร์คก็ยังไม่สามารถเสวนาอะไรอย่างอื่นได้นอกเสียจากเรื่องอาหารและการต่อสู้
แต่ถึงอย่างนั้นพวกออร์คที่ป้อมปราการเวอร์โก้ก็ยังเกาะกลุ่มพุดคุยในประเด็นที่เคร่งเครียดอยู่บ้าง
“มีอะไรหรือ ชวิท!”
“นะ นั่นมัน คาริชวิ…ชวิ ชวิ ชวิท!”
มีข่าวลือกังขาเกี่ยวกับตัวตนของคาริชวิกระจายไปทั่วหลายชุมชน
เหล่าผู้เล่นออร์คที่ได้ยินข่าวลือนั้นก็พากันหัวเราะเพราะว่าพวกเขาต่างก็รู้ความจริงกันอยู่แล้ว
ทว่าปัญหานี้นั้นไม่ใช่เรื่องที่เหล่าออร์คจะยอมปล่อยไปได้
“ยกโทษให้ไม่ได้ ชวิค!”
“เขาคือพี่น้องของพวกเรา
ชวิ ชวิค! ถึงแม้ว่าเขาจะกินอาหารเยอะกว่าข้า
เขาก็ไม่ใช่พี่น้องที่น่ารังเกียจ”
และในไม่ช้าหัวหน้าหมู่บ้านออร์คทั้งห้า
ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังโมราต้า
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
ประติมากรรมของวีดก่อให้เกิดความคลั่งไคล้ไปทั่วทั้งโมราต้า
-เทวรูปแห่งเทพกาเลเรียได้จุติแล้ว
|
นั่นคือเทพผู้พิชิต! เทพองค์นี้ได้หายสาบสูญไปตั้งแต่ที่ทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลย่างเข้าสู่ความสงบสุข
กาเลเรียชื่นชอบสงครามและการขยายอาณาเขต และจะช่วยมอบพรเสริมพลังเพื่อใช่ต่อกรกับพวกคนเถื่อนและมอนสเตอร์
|
เหล่าสาวกของพระองค์ก็ได้ก่อสงคราม
เพราะงั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยถูกกันกับสาวกของเทพองค์อื่นๆเลย
|
เมื่อใดก็ตามที่สวดอ้อนวอนต่อพระองค์
พละกำลังของของมนุษย์และออร์คก็จะเพิ่มขึ้น
|
และนี่แหละคือเทวรูปขององค์เทพกาเลเรีย!
|
และพระองค์ก็ได้กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งด้วยมือทั้งสองข้างของประติมากรวีด
เทวรูปหินของเทพกาเลเรียนั้นสร้างความหมายทางศาสนาเป็นอย่างมาก
|
เทวรูปหินกาเลเรียได้ถูกสร้างขึ้นมาสำเร็จแล้วเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
|
หลังจากที่ได้ชื่นชมเทวรูปกาเลเรีย
การฟื้นตัวของค่าพลังชีวิตและมานาเพิ่มขึ้น 16% เป็นเวลาหนึ่งวัน
|
ประติมากรรมทางศาสนาจะช่วยเพิ่มค่าความศรัทธา
6 แต้มเป็นการถาวร
|
เผ่าพันธุ์มนุษย์และออร์คสามารถใช้อาวุธหนักได้อย่างสบายมือแล้วตอนนี้
|
ขวัญกำลังใจในการต่อสู้เพิ่มขึ้น
|
ค่าสถานะทางศิลป์เพิ่มขึ้น
6 แต้มเป็นการถาวรเนื่องจากการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะโบราณ
|
-หากกษัตริย์หรือเจ้าเมืองเชื่อในเทพกาเลเรีย
จะก่อให้เกิดสงครามเพื่อพิชิต จิตวิญญาณการต่อสู้ของเหล่าทหารจะเพิ่มขึ้น
|
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของกองทัพและหน่วยเสบียงเพิ่มขึ้น
|
ชาวเมืองที่อยู่ใต้ภาวะสงครามและเชื่อในเทพกาเลเรียจะเหนื่อยล้าน้อยลง
|
องค์กษัตริย์ที่ก่อสงครามจะได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามแม้ว่าความภักดีของชาวเมืองจะต่ำ
|
ท่านจะได้รับค่าประสบการณ์มากขึ้นเมื่อต่อสู้กับมอนสเตอร์และคนเถื่อนเป็นจำนวนมาก
|
เมื่อใดที่ท่านพ่ายแพ้ในการต่อสู้
อาณาเขตของท่านจะโดนช่วงชิง พวกเขาจะสูญสิ้นศรัทธาในองค์เทพ
|
ผลประโยชน์ทางศาสนาจากเทพกาเลเรียจะถูกมอบให้อย่างน้อย
3 ครั้งหากท่านถวายเครื่องบูชาแด่องค์เทพ
|
เทพกาเลเรียนั้นมีอิทธิพลต่อราชอาณาจักรมากกว่าอิทธิพลรายคน
|
“เทพผู้พิชิตงั้นหรอ”
วีดกำลังสร้างประติมากรรมเทพเจ้ามากมายที่เขาเคยเห็นในรัทเซเบิร์ก
ขณะที่จำนวนของประติมากรรม ลัทธิทางศาสนาใหม่ๆ
และนักบวชเพิ่มขึ้นอย่างมากภายในเมืองโมราต้า
เขาไม่ได้แยกว่าเทพองค์ไหนร้ายหรือดี
และก็แค่สร้างประติมากรรมทุกอย่างที่เขาเคยเห็นในรัทเซบิร์ก และเมื่อเขาสร้างชิ้นที่
19 เสร็จสมบูรณ์ ทักษะแกะสลักของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกเลเวลจากทักษะแกะสลักขั้นสูง
-ทักษะแกะสลักเพิ่มขึ้นเป็นขั้นสูงเลเวล
9
|
ท่านได้เลื่อนสู่จุดสูงสุดของสายอาชีพ
|
ทักษะการสลักของท่านละเอียดประณีตมากขึ้น
|
ท่านจะมีทัศนะต่อศิลปะที่กว้างไกลมากขึ้น
ค่าความรู้และสติปัญญาเพิ่มขึ้น 39 หน่วย
|
เสน่ห์เพิ่มขึ้น
41 หน่วย
|
ค่าความใกล้ชิดกับธรรมชาติเพิ่มขึ้น
98 หน่วย
|
ทักษะเพลงดาบประกายแสงที่ท่านได้เรียนรู้
ค่าความว่องไวเพิ่มขึ้น 7 หน่วย
|
-ค่าเสน่ห์ของท่านเพิ่มขึ้นถึง
500 หน่วย
|
ท่านได้รับสมญานาม
‘ประติมากรผู้ถ่ายทอดความงดงามแห่งทวยเทพ’
|
เรื่องราวอันน่าชื่นชมจะถูกถ่ายทอดออกไปเพราะท่านมีค่าชื่อเสียงที่สูง
|
มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อท่านได้รับภารกิจประติมากรหรือว่านักผจญภัย
|
ทักษะประติมากรรมของวีดนั้นมาถึงขั้นสูงเลเวล
9 แล้ว แถมเขายังได้รับฉายาเพิ่มมาอีกด้วย
และในขณะเดียวกัน
เขาก็เคยได้รับฉายาอื่นๆ อย่าง ‘ช่างฝีมือผู้สร้างงานอันยอดเยี่ยม’
‘กัปตันผีสิงแล่นเรือสู่แดนลี้ลับ’ ‘นักสำรวจแห่งแดนเหนือ’
และอื่นๆอีกมากมาย เพราะงั้นเขาจึงมีความสุขมากที่ได้รับฉายาใหม่เพิ่มมาอีก
ค่าชื่อเสียงของเขาตอนนี้ก็มีอยู่ตั้ง
110,000 แล้วเช่นกัน
“ฮืมมม
นี่ฉันกินข้าวไปแล้วหรือยังนะวันนี้?”
โฮ่ง โฮ่ง!
สุนัขตัวหนึ่งที่อยู่บนถนนใกล้ๆวีดเห่าขึ้นมาและกระดิกหางของมันดุกดิก! วีดกำลังตั้งหน้าตั้งตาแกะสลักต่อไป ทันใดนั้นก็มีออร์คลอร์ด 5
ตนเดินตรงมาที่เขา
“ชวิท! ข้ามาหากษัตริย์”
“วีดจงลงมาเดี๋ยวนี้
ชวิ ชวิ ชวิท”
เหล่าออร์คลอร์ดส่งเสียงคำรามขณะที่พวกเขาถ่อสังขารมาจนถึงอุทยานแห่งทวยเทพ
พวกทหารสามารถกำราบพวกเขาลงได้ง่ายๆ
ทว่านั่นก็รังแต่จะทำให้เกิดสงครามกับพวกออร์คที่อยู่ในป้อมปราการเวอร์โก้เสียเปล่า
พวกเขานั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่เป็นตัวปัญหาจริงๆจนทำให้เขาปวดกะบาลอยู่เสมอ
วีดลงมาจากรูปสลักและถามพวกเขาอย่างสุภาพว่า
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
“พวกเรารู้เรื่องหมดแล้ว
ชวิท!”
“ชวิ ชวิท
อย่ามาทำเหมือนเราเป็นพวกโง่นะ!”
พวกออร์คลอร์ดตะคอกออกมาอย่างดุดัน
สีหน้าของวีดซีดเผือดในทันตา
‘ไปมีปัญหาตอนไหนอีกวะเนี่ย’
เขาเริ่มเรียงลำดับความคิดเขาในทันที
‘หวังว่าคงไม่ใช่เพราะพวกเขาตายก่อนที่จะถึงแดนเหนือหรอกนะ?
ไม่สิๆ ฉันว่าจะไปช่วยอยู่นา ก็ฉันยุ่งอยู่นิ ก่อนที่พวกเขาจะไปทางเรือด้วยซ้ำ….’
แต่ถึงกระนั้น
ภารกิจปรามาจารย์แกะสลักของเขาก็ล้วนเกี่ยวโยงกับเผ่าพันธุ์เอลฟ์ คนแคระ
และพวกออร์ค เขาคงจะสามารถให้ความช่วยเหลือกับพวกออร์คได้บ้าง วีดเชื่อเป็นอีกอย่างแทนซะงั้น
พวกออร์คชอบใช้กำลังดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่เขาอยากทำให้พวกมันโกรธนัก
“ชวิชวิท คาริชวิ…..”
“เอ๋?”
“อย่ามาแกล้งตีหน้าไขซือ
ชวิชวิท พวกเรารู้หมดแล้ว”
ความรู้สึกต่างๆนานาท่วมท้นออกมาจากเหล่าออร์ค
ดวงตาของพวกเขาแดงระเรื่อด้วยรอยน้ำตา
“ข้าได้กลิ่นมันออกมาจากตัวเจ้า
ชวิ ชวิ ชวิท”
“ชวิ ชวิท
เจ้ามีกลิ่นเดียวกับคาริชวิ”
วีดพยายามดมร่างกายของเขา บางส่วนมีกลิ่นของอาหารนานาชนิด
ทว่าก็ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไป
“กลิ่นเหมือนคนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นปี!
เราเองก็ได้กลิ่นนี้มาจากออร์คตัวอื่นๆ ชวิชวิท!”
“………”
ออร์คสามารถดมกลิ่นพรรคพวกของตนเองได้!
ที่จริงแล้ว วีดก็ไม่ค่อยได้อาบน้ำบ่อยนัก
ช่วงไม่กี่วันมานี้เขาเอาแต่แกะสลักเทวรูปและให้น้ำฝนชำระเหงื่อเขาออกไป
มันคงดูแปลกๆถ้าเขาใส่เสื้อผ้าหรูๆราคาแพง
แต่ว่ามันเป็นปัญหาอะไรนักหนากันที่เขาอยากจะใส่เสื้อผ้าผู้เล่นใหม่แบบนี้?
แม้ว่าเขาจะสวมชุดนี้เพื่อออกล่า
ทำอาหาร เก็บสมุนไพร ตีเหล็ก และแกะสลัก แถมยังเคยใส่ชุดนี้ล่องเรือออกไปเขตลาสฟาลังคซ์อีกด้วย
“พวกเราจากบ้านมาและมาที่นี่เพื่อตามหาคาริชวิ
ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ควรจะมีกลิ่นแบบนั้น ชวิ ชวิท
คาริชวิคือออร์คที่สร้างประติมากรรมได้”
สุขนิสัยอันแสนโสโครกของเขากลับเป็นจุดอ่อนให้พวกออร์คเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา
“พวกเราคือพี่น้องกัน
ชวิ ชวิช วิท ชวิท ไม่ว่าเจ้าจะกลายเป็นมนุษย์ที่แสนปวกเปียกเพราะโดนคำสาปหรือไม่ก็แล้วแต่
ชวิ ชวิ”
เหล่าออร์คเชื่อว่าวีดนั้นกลายเป็นมนุษย์เพราะว่าโดนคำสาป
“พวกเราได้ตัดสินใจแล้วที่จะติดตามคาริชวิ
ชวิชวิค!”
-เหล่าออร์คได้เขาร่วมกับราชอาณาจักรอาเพ่นแล้ว
|
พวกเขาคือเผ่าพันธุ์ที่มีความสามารถในการเอาตัวรอดสูงจนน่าทึ่ง
|
ส่วนที่เป็นปัญหาน่าปวดหัวก็คือพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่บริโภคอาหารเป็นจำนวนมาก
|
กลุ่มออร์คนั้นมีความสุขที่จะได้เดินทางออกสู่โลกกว้างและต่อสู้
|
ถ้าหากว่าออร์คเข้าร่วมกับราชอาณาจักร
ก็จะมีอีเว้นท์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย
|
เขาจึงไม่รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ดีหรือเปล่า...........
จบตอน-------
ผู้แปล : Cole’s
Myth
Editor : แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล
โดนจับได้ว่าเป็นคาริชชวิคแล้วนะท่านกษัตริย์วีค งานจะงอกแล้วนะ
ตอบลบโดนจับได้เพราะว่าไม่อาบน้ำ 55555
ตอบลบขอบคุณครับ
คลังอาหารหมดตอนนี้แหล่ะ วีดได้ร้องไห้เป้น สายเลือดแน่ๆ
ตอบลบสนุกจัง ขอบคุณคับ
ตอบลบไม่อาบน้ำแม้แต่ออร์คยังรู้ พวกกันแฮร่ๆ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ5555สกปรก+โสโครก
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบเหม็นจัดเลย 555 เมื่อไรซอยูนจะออกซักที
ตอบลบ555...
ตอบลบขอบใจหลายๆเด้อออ