เล่ม 28 ตอนที่
8: ชุดเกราะที่ถูกช่วงชิง แปลโดย Cole’s Myth
ระดับพลังชีวิตของวีดอย่างดีที่สุดเหลือเพียงแค่
40,000
กว่าเท่านั้น เขามีค่าพลังชีวิตและพลังฟื้นฟูต่ำเมื่อเทียบกับเลเวลของเขาแล้ว
แต่เขาก็เอาชนะมาได้ด้วยความวิริยะอุตสาหะและชุดเกราะของเขา
การโจมตีของบาร์ดเรย์ทรงพลังมากจนทำให้เขาสูญเสียพลังชีวิตไปถึง
17,000
หน่วย ส่วนพวกอัศวินทมิฬที่สวมใส่อุปกรณ์ระดับสูง อีกทั้งยังมีบัฟเสริมพลังต่างๆนานามากมายให้เขาอีก
มันจึงทำให้การต่อสู้ตรงหน้าเขาประสบผลสำเร็จ
“อั่กกกก”
วีดถูกพลักจนถอยหลังและล้มลงไปกับพื้น
“นายท่านน!”
โทริรีบพุ่งเข้าไปสกัดบาร์ดเรย์เอาไว้
เขาสามารถโจมตีและป้องกันไปพร้อมๆกันได้ แต่ไม่ใช่กับโทริที่ไม่สามารถต่อสู้แบบตัวต่อตัวได้โดยไร้บาดแผล
แต่โชคยังเข้าข้างโทริที่มันยังมีสภาพดีอยู่เมื่อเทียบกับแวนฮอร์ค เพราะว่าเขาสามารถดูดเลือดเพื่อใช้ฟื้นพลังได้
‘วิธีนี้ไม่ได้ผลแน่’
วีดแตะตรงหน้าอกของเขาตรงที่ชุดเกราะเป็นรอยบุบ
เลเวลของบาร์ดเรย์นั้นสูงกว่าเขาแน่ๆ ทักษะการโจมตีของเขาก็เหนือกว่า นอกจากทักษะเพลงดาบประกายแสงแล้ว
เขาก็ไม่มีทักษะไหนที่เอาไปใช้ต่อสู้กับบาร์ดเรย์ได้เลย
สิ่งที่วีดแตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นๆก็คงจะมีแค่ค่าสถานะที่สูงมากของเขา
ค่าสถานะที่อุตส่าห์สะสมมาจากทักษะประติมากรของเขา
ทักษะช่างตีเหล็ก และทักษะเย็บปักที่ถือว่าเป็นประโยชน์ในการเก็บค่าสถานะอย่างมาก
บาร์ดเรย์เพิ่มค่าสถานะของเขาด้วยการเคลียร์ดันเจี้ยน
ออกล่ามอนสเตอร์ระดับบอสและทำภารกิจยากๆด้วยการใช้กิลด์เฮอร์มีส
ถ้าเทียบกันแล้วค่าสถานะของพวกเขาทั้งสองก็คงแทบจะเท่าๆกัน
ตอนนี้วีดจำเป็นต้องใช้มาตรการขั้นรุนแรงแล้ว
นั่นก็คือการใช้ทักษะแกะสลักมหาภัยพิบัติ!
‘ภูเขาไฟระเบิด
แผ่นดินไหว เหมืองแร่ถล่ม แผ่นดินถล่ม หรือว่าใส่น้ำเข้ามาข้างในได้ก็คงจะแจ๋ว’
แต่ว่าทักษะแกะสลักมหาภัยพิบัตินั้นจำเป็นต้องใช้ประติมากรรมที่เหมาะสมกับสถานการณ์
ถึงแม้ว่าวีดจะมีประติมากรรมภูเขาไฟระเบิดอยู่แต่มันอาจจะทำให้เขาตายได้เช่นกัน
ถ้าหากภัยพิบัตินั้นรุนแรงเกินไปคงกลับกลายเป็นว่าเขาเป็นคนทำลายชามข้าวของตัวเองซะอย่างงั้น!
ถ้าเขาก่อภูเขาไฟระเบิดขึ้นมาด้วยน้ำมือของตัวเองก็คงจะหนีออกไปจากถ้ำนี้ไม่ได้ และคงต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่
‘ยังมีทักษะอัญเชิญประติมากรรมอยู่นิ
แต่ฉันก็ยังไม่อยากใช้มันอยู่ดี’
เขาสามารถอัญเชิญพวกประติมากรรมสลักชีพมาเป็นกำลังเสริมได้
แต่ว่าที่แห่งนี้มีเนื้อที่จำกัดเกินไปสำหรับเจ้าฟีนิกซ์และเจ้าปิงหลงเพื่อต่อสู้
ส่วนพวกไวเวิร์นก็อ่อนแอเกินไป
โกลมินิกับเจ้าเหลืองก็พึ่งจะลำบากตรากตำมากับเขาภายในเขตลาส ฟาลังคซ์
ดังนั้นเขาคงจะรู้สึกแย่ถ้าพวกมันถูกเรียกมาต่อสู้ดิ้นรนบนปากเหวแห่งความตายอีกครั้ง
ส่วนเจ้าคิงไฮดร้าเองก็ถือว่าใช้ได้ แต่เพราะว่ามีเจ้าเบลคิ้นแดงอยู่ที่นี่ด้วย
มันอาจจะกลับตาลปัตรกลายเป็นว่าพวกมันทั้งสองต้องมาสู้กันเอง
“ฉันต้องผ่านนี่ไปให้ด้วยตัวเอง”
วีดตัดสินใจที่จะสู้เพียงลำพัง
ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เขาก็คงจะสูญเสียค่าประสบการณ์เล็กน้อย
ค่าความเชี่ยวชาญและอุปกรณ์ซักชิ้น
“ฉันต้องตั้งสติแล้วลองอีกครั้ง
บาร์ดเรย์ ในที่สุดฉันก็ได้เห็นพลังที่แท้จริงของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดบนทวีปเวอร์เซล”
วีดไม่เคยเจอกับคู่ปรับมาก่อน
เขาเคยมีประสบการณ์แลกเปลี่ยนนิดหน่อยจากพวกสมาชิกกิลด์ที่โด่งดังตอนทำภารกิจ
แต่เขาก็แข็งแกร่งกว่าพวกมันเสมอมาและเอาชนะมาได้
ทว่าบัดนี้เป้าหมายที่เขาจะต้องสู้ด้วยก็คือบาร์ดเรย์!
ชีวิตของเขาอาจจะดับสูญหากเขาถูกโจมตีใส่เข้าอย่างจัง
ทว่าตอนนี้เขามีความกล้าหาญอยู่ในตัวมาเสมอ หากเอาหยดซีอิ้วไปเทลงบนต้นถั่วงอก
ต่อไปถั่วนั้นก็คงไม่มีทางงอกเงยขึ้นบนที่ไหนๆของทวีปเวอร์เซลได้อีกต่อไป (ปล.อันหลังตีความกันเอาเองนะครับ)
วีดพันผ้าพันแผลรอบๆตัวของเขาอย่างฉับไว
ส่วนค่าพลังชีวิตของโทริโดเองก็ลดลงไปอย่างรวดเร็วขณะที่เขากำลังดวลกับบาร์ดเรย์
นั่นคงเป็นความเสียหายจากเวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับจากพวกนักบวช
“ข้ากระหายเลือด”
เขาต่อสู้อย่างหนักหน่วงขณะที่ค่าพลังชีวิตก็ค่อยๆตกลงไป
วีดคิดอยู่ภายในใจว่า
‘จะไปเดียวนี้แหละ’ เขาคิดจะเข้าไปโจมตีใส่บาร์ดเรย์แบบไม่ให้ทันตั้งตัว
แต่ทว่ามันก็ไม่ได้ผล
“อั๊คค!”
“ท่านบาร์ดเรย์
อันตราย!”
พวกนักบวชกิลด์เฮอร์มีสที่กำลังดูการต่อสู้ก็สังเกตุเห็นเขาก่อนที่จะโจมตีถึง
การต่อสู้กับเจ้าเบลคิ้นแดงกำลังคงที่แล้ว ดังนั้นจึงมีตาหลายคู่จับจ้องมาที่บาร์ดเรย์
เจ้าเบลคิ้นแดงกำลังสูญเสียค่าพลังชีวิตและค่าการฟื้นฟูจากการถูกโจมตีใส่แบบไม่ยั้ง
วีดจึงวิ่งไปทางด้านข้างของบาร์ดเรย์
“เจ็ดย่างก้าวแห่งสวรรค์!”
มันคือเทคนิคที่สามารถเปลี่ยนทิศทางในแต่ละก้าวได้!
เพราะว่ามีทักษะลมแล่นที่ยังถูกเปิดใช้งานอยู่
เขาจึงเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นภาพติดตา
“ฉันกำลังรอให้แกมาสู้อยู่เลย”
บาร์ดเรย์หยุดดาบของเขาเอาไว้ได้อย่างกับว่าเขารู้ก่อนอยู่แล้ว
วีดรู้อยู่แล้วว่าการโจมตีของเขายังมีข้อจำกัดอยู่
‘สมรรถนะชุดเกราะของเขาน่าทึ่งจริงๆ
แทบทำความเสียหายใส่เขาไม่ได้เลย’
ถ้าการโจมตีที่รุนแรงมีท่าทีว่าจะถูกใช้
ถ้างั้นเขาต้องชิงจังหวะลงมือก่อนที่บาร์ดเรย์จะใช้มัน ทันใดนั้นวีดหันตัวหักหลบไปด้านข้างและเข้าโจมตีใส่ทันที
“ระบำเพลงดาบ!”
กวาดดาบ แทง
แล้วก็ฟัน!
การโจมตีด้วยวิถีดาบแบบต่อเนื่องที่เข้ามานั้นทำให้ยากที่จะตอบโต้
เขากำลังพยายามมองหาช่องโหว่ของบาร์ดเรย์
“นี่ยังไม่พอ”
บาร์ดเรย์พูดขึ้นมาขณะที่เขาสกัดดาบของวีด
การโจมตีบางครั้งเขาก็พลาดบ้าง บ้างก็สกัดเอาไว้ได้อย่างช่ำชอง วีดเคลื่อนตัวไปด้านข้างและโจมตีใส่แบบต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าบาร์ดเรย์จะพยายามที่ก้าวถอยหลังมาสองสามก้าวเพื่อตั้งรับเอาไว้
แต่วีดก็ยิ่งโจมตีใส่เขารุนแรงและหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ
‘ช่องว่างความแตกต่างระหว่างเลเวลและอุปกรณ์สวมใส่จะถูกย่อให้เล็กลงเรื่อยๆเมื่ออยู่ในการต่อสู้ระยะประชิด
ถ้าโจมตีไปแค่ครั้งสองครั้งมันไม่โดน ฉันก็โจมตีใส่มันร้อยครั้งพันครั้งไปเลย!’
ความเร็วในการกวัดแกว่งดาบของวีดนั้นรวดเร็วมากจนบาร์ดเรย์สกัดพวกมันทั้งหมดไม่ได้อีกต่อไป
ดาบของท่านถูกสกัดด้วยการตั้งรับ
|
ท่านโจมตีโดนเกราะที่หัวไหล่ของศัตรู!
|
ท่านโจมตีศัตรูได้อย่างแม่นยำ
|
พลังกายของท่านลดลง
149
หน่วย
|
ดาบของของท่านปะทะเข้ากับดาบของศัตรู
|
ดาบของท่านเจาะเข้าหน้าอกของศัตรู
|
การโจมตีที่แม่นยำเป็นผลสำเร็จ
|
การโจมตีจุดตาย!
|
ศัตรูสวมใส่ไอเท็มที่จะทำให้ท่านได้รับสถานะมึนงงและเป็นอัมพาต
|
ค่าพลังชีวิตลดลง
617 หน่วย
|
ดาบของวีดรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ
ความเร็วในการโจมตีนั้นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
บาร์ดเรย์ใช้ดาบของเขาปัดป้องไปทางด้านข้างและรอจังหวะตอบโต้
“ก็เจ๋งดีนี่”
แต่ว่าบาร์ดเรย์ก็จับทางได้ว่าวีดมีพลังป้องกันที่ต่ำกว่าเขาหลังจากที่ดาบของพวกเขาปะทะใส่กัน
การเคลื่อนไหวของวีดอาจจะเร็ว แต่ถึงกระนั้นบาร์ดเรย์ก็ป้องกันเอาไว้ได้เกือบทุกการโจมตี
แล้วจากนั้นก็ถึงเวลาที่บาร์ดเรย์จะทำการโต้กลับ และการต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนก็ยิ่งดุเดือดรุนแรงมากกว่าเดิม
เขานึกถึงบางอย่างที่อาจารย์นักดาบเคยพูดเอาไว้
[จงมองไปที่ศัตรูของเจ้าเพียงอย่างเดียว
หากเจ้ามองตรงไปที่ศัตรู เจ้าก็จะไม่มีทางแพ้]
เขามองทะลุเข้าไปในดวงตาของบาร์ดเรย์
ไหล่ของเขา มัดกล้ามที่ถูกซ่อนภายใต้ชุดเกราะ เสียงดังสนั่นของดาบที่กระทบกันและกัน
เสียงการต่อสู้ที่ดังกึกก้องทั่วทั้งถ้ำของเจ้าเบลคิ้น ราวกับเสียงของเครื่องดนตรี
วีดรวบรวมสมาธิจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ ทุกประสาทสัมผัส ทุกอณูของเขา
สะเก็ดไฟลุกพรึบดุดันเมื่อดาบทั้งสองเล่มกระทบกัน สะเก็ดเพลิงที่โหมขึ้นดุจดั่งทะเลคลั่ง!
บาร์ดเรย์ไม่เห็นหน้าต่างข้อความที่เด้งขึ้นมา
‘นี่มันทำให้ฉันเครียดจริงๆเลยแหะ’
แน่นอนว่าเลเวลของวีดนั้นต่ำกว่า
แถมบาร์ดเรย์ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่เหนือกว่าเขา
ความแตกต่างระหว่างพลังและทักษะในการใช้ดาบได้ปรากฏออกมาชัดเจนแล้ว แต่ด้วยการโจมตีอันดุดันต่อเนื่องเล็งไปที่บาร์ดเรย์จึงบังคับให้บาร์ดเรย์ทำได้เพียงแค่ป้องกันเท่านั้น
‘ดีจริงๆที่ได้เจอกับมันตอนนี้
อาจจะอันตรายกว่านี้ก็ได้ถ้าฉันไปสู้กับมันในภายหลัง’
วีดจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในตอนที่เขาได้ออกไปผจญภัย
บาร์ดเรย์คิดว่าเขาโชคดีที่พวกเขาได้เผชิญหน้ากันตอนนี้
‘ฉันจะทำให้มันแพ้ย่อยยับ จนมันไม่กล้ามาเจอหน้าฉันอีก’
เลเวลของเขานั้นสูงมากพอที่จะกดขี่ผู้คน
เขาต้องการที่จะพิสูจน์ว่าอัศวินทมิฬมีพลังอำนาจมากที่สุด
ดาบของบาร์ดเรย์ไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรงนัก
เขาคิดว่าการโจมตีพวกนั้นกระจอกมาก ถึงยังไงเขาก็มีชุดเกราะที่ดูดซับความเสียหายส่วนใหญ่ที่ศัตรูสร้างขึ้น
เขาแค่ต้องป้องกันจุดอ่อนของเขาและตอบโต้วีดกลับไป
แน่นอนถ้าหากว่าเขาใช้ทักษะที่มีขอบเขตกว้างกว่านี้ การต่อสู้นี่คงจะจบลงง่ายกว่านี้
“แกมีความสามารถแค่นี้งั้นหรอ
ถ้างั้นก็ได้เวลาตายแล้ว”
บาร์ดเรย์เหวี่ยงดาบเขาลงอย่างรุนแรง
“ปริภูมิวินาศ!”
(Spatial Destruction)
จากนั้นทักษะปริภูมิวินาศก็สำแดงฤทธิ์เดชขยายเป็นวงรัศมีล้อมรอบพวกเขา
ดั่งห้วงอวกาศ!
สายลมขนาดมหึมากวาดล้างทั่วบริเวณพื้นที่ตรงนั้นจนมลายสิ้น
“อั่คคค”
“รักษาพวกเราให้เร็วกว่านี้!”
บรรดาสมาชิกกิลด์เฮอร์มีสที่กำลังต่อสู้กับเบลคิ้นแดงเองก็ได้รับความเสียหายนั้นเช่นกัน
เหล่านักบวชจึงรีบใช้เวทย์มนต์รักษาของพวกเขาอย่างเร่งด่วน ปกติแล้วการล่ามอนสเตอร์ระดับบอสนั้นต้องทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปการต่อสู้
ทว่าเป้าหมายสูงสุดในการต่อสู้ของบาร์ดเรย์ตอนนี้คือวีด
วีดอ้อมไปอยู่ทางด้านหลังของบาร์ดเรย์
นี่ต้องขอบคุณทักษะ
‘ความชำนาญอันยอดเยี่ยม’ และความว่องไวของเขา
เขาจึงสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางการโจมตีได้ตราบเท่าที่ทักษะยังเปิดใช้งาน เขาสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วเพราะค่าความว่องไวที่เพิ่มขึ้นซึ่งได้มาจากทักษะประติมากรรมวินาศ!
ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียดเรื่องการโจมตีต่อเนื่องนั่นแล้ว
มันอาจจะยากซักหน่อย แต่เขาก็รู้สึกว่ามันก็สนุกดี
‘ค่าพลังกายของฉันจะรั้งเอาไว้ไม่อยู่แล้ว……’
ตอนนี้สถานะค่ากำลังกายของวีดตกไปถึง
423
หน่วยแล้ว ต้องขอบคุณการสร้างประติมากรรมและทักษะการผลิตอื่นๆ
ทักษะลมแล่นและวิชาเจ็ดก้าวย่างทำให้เขาสามารถเคลื่อนที่เปลี่ยนทิศทางได้อย่างรวดเร็ว
โชคไม่ดีนักที่ตอนนี้ความเร็วของเขาตกลงเพราะค่าพลังกายของเขาที่ลดฮวบ มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับวีดที่จะยื้อการต่อสู้กับบาร์ดเรย์ไว้ได้ด้วยค่าพลังชีวิตกับพลังกายที่ต่ำ
จากนั้นเหล่านักเวทย์กิลด์เฮอร์มีสก็ค่อยๆแอบรวมกลุ่มกันเพื่อทำการร่ายมนต์
“กายาที่ถูกพันธนาการจะถูกตรึงจนมิอาจขับเคลื่อน
ตรวนสนธยา!”
มันคือเวทย์มนต์เอาไว้ใช้จำกัดการเคลื่อนไหว!
ค่าความต้านทานเวทย์ของวีดแข็งแกร่งมากพอสมควร
แต่การสกัดเวทย์นั้นก็ล้มเหลวลงเพราะการร่วมมือกันของเหล่านักเวทย์ชั้นสูง
การทำลายเวทย์พันธนาการคงต้องใช้เวลาและไอเท็มเวทย์มนต์มากเอาการ
และตอนนั้นเองบาร์ดเรย์ก็เล็งการโจมตีมาที่เขา
“ได้เวลาตายของแกแล้ว”
แล้วดาบของบาร์ดเรย์ก็ห่อหุ้มไปไว้ด้วยเปลวเพลิงสีขาวบริสุทธิ์
“วิชาดาบชั้นสูง
นักบุญอัคคี”
วีดพยายามที่จะหลบมันทว่าเท้าของเขากลับขยับไม่ได้
“นี่มัน! ขาฉัน…….”
เขาพยายามที่จะหยุดเขาไว้ให้ได้แต่ก็ไร้ความหมาย
วีดพยายามที่จะเรียกโทริออกมา แต่ว่าเขาเปลี่ยนเป็นค้างคาวไปแล้ว
แถมยังมัวยุ่งอยู่กับการหลบลูกธนู
“ทักษะหลับตาอดทน!”
วีดใช้โล่โบราณของเขากันร่างกายเอาไว้พร้อมกับตั้งท่าป้องกัน
และดาบของบาร์ดเรย์ก็ฟาดลง
ดาบของอาชีพสายนักรบฟันลงใส่ร่างวีดอย่างจัง
มันคงไม่ง่ายที่จะไล่ตามจับตัววีดอีกครั้งถ้าเขาหายไป บาร์ดเรย์ใช้พลังทั้งหมดที่มีไปกับการโจมตีในครั้งนี้
-ค่าความแข็งแกร่งและกำลังกายท่านลดลงจนท่านไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้หมด
|
นี่คือการโจมตีแบบรุนแรงถึงตาย!
|
-ท่านได้รับความเสียหายอย่างมหาศาลจากการโจมตี
|
ความเสียหายเพิ่มเติมจากเปลวเพลิง
|
-ท่านไม่ได้รับการรักษาจากเวทย์ระดับสูงหรือการรักษาจากจิตวิญญาณธาตุน้ำ
ค่าพลังชีวิตของท่านจึงลดลง 475 หน่วยต่อวินาที
|
-ไอเท็มป้องกันส่วนบั้นเอวของท่านได้รับการโจมตีที่เหนือขีดจำกัดและถูกทำลาย
|
ผลของแหวนแต่งงานของซึลรโยไม่ถูกใช้งานเพราะค่าพลังชีวิตที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ
|
-ค่าพลังชีวิตของท่านลดต่ำลงและท่านตาย
|
-เลเวลของทักษะ ‘ปฏิเสธควายตาย’ ต่ำเกินไป
ทักษะจะไม่ทำงานเพราะพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ฝังอยู่ในตัวท่าน
|
-ท่านไม่สามารถเข้าเกมเป็นเวลา
24
ชั่วโมง
เลเวลทักษะและค่าความเชี่ยวชาญของท่านลดลงเพราะท่านได้รับความตาย
|
*********
วีดหายไปภายในแสงสีเทาหลังจากการโจมตีของบาร์ดเรย์
“ชัยโย
ท่านบาร์ดเรย์!”
“เขาชนะ! ท่านบาร์ดเรย์แข็งแกร่งที่สุดในทวีป!”
เหล่าสมาชิกกิลด์เฮอร์มีสส่งเสียงร้องให้กับชัยชนะแห่งประวัติศาสตร์
ความยินดีหลั่งไหลท่วมห้องแชทของกิลด์ในทันที
บาร์ดเรย์ได้ทำให้พวกคู่แข่งของเขาคุกเข่ายอมสยบด้วยการต่อสู้มากมาย
หน้าอกของพวกเขาต่างก็สั่นระรัวด้วยความคิดที่ว่าจะมีผู้คนมากมายนับล้านได้รับชมภาพครั้งนี้บนช่องของสถานีออกอากาศต่างๆ
“ชุดเกราะนิ”
บาร์ดเรย์หยิบชุดเกราะทัลล็อคที่วีดดร็อปขึ้นมา
ขนาดของชุดเกราะไม่ได้แตกต่างไปจากแจ็ปเทมที่ออกมาจากมอนสเตอร์ที่อยู่ในเหมืองเมลเบิร์นเลย
‘เกราะนี่ไม่ได้เจ๋งอย่างที่คิดเลย
เขาสวมใส่อะไรแบบนี้ออกมาสู้งั้นหรอ?’
เกราะทัลล็อคไม่ได้อยู่ในสายตาของบาร์ดเรย์เลยแม้แต่น้อย
เขาเคยเจอไอเท็มที่ดีที่สุดและสวมใส่อุปกรณ์ระดับตำนาน
เกราะนี้จึงทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างมาก
**********
กิลด์ราชสีห์ทมิฬปลดกับดักทั้งหมดจนมาถึงเหมืองใต้ดินชั้นที่
4
“พวกนั้นคงจะอยู่ในดันเจี้ยน
ไปกันเถอะ”
คาไลส์และสมาชิกระดับหัวกระทิของกิลด์ราชสีห์ทมิฬเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
ส่วนพวกเฮเกล อลิสและไดน์ เจอเข้ากับพวกนักฆ่าระหว่างทางแล้วถูกฆ่าตาย!
เมื่อพวกเขามาถึงที่ถ้ำ
เจ้าเบลคิ้นแดงก็เกือบจะตายแล้ว การโจมตีแบบต่อเนื่องของบาร์ดเรย์
ราชองครักษ์และพวกที่ร่วมต่อสู้ ได้ทำให้ผลของการล่าเป็นอย่างที่พวกเขาต้องการแล้ว
แม้แต่พวกนักฆ่าก็คอยช่วยโจมตีใส่เจ้าเบลคิ้นแดงจากทางด้านหลัง
เจ้าเบลคิ้นแดงร้องโหยหวนออกมาขณะที่มันกำลังจะตาย
มันพยายามใช้พลังทั้งหมดที่มีโจมตีในขณะที่พลังชีวิตของมันกำลังลดต่ำลง
แต่พวกผู้เล่นต่างก็เจนศึกการต่อสู้มอนสเตอร์ระดับบอสมามาก
“ยิงงงง!”
ธนูและเวทย์ที่ร่ายเตรียมเอาไว้ถูกยิงออกไป
เจ้าเบลคิ้นแดงถูกขัดจังหวะและไม่สามารถใช้ทักษะของมันได้ ภายในหน่วยต่อสู้เองก็มีชาแมนอยู่ด้วยเพื่อช่วยลดค่าพลังโจมตี
พลังป้องกัน กำลังกาย ความแข็งแกร่งและสมาธิของมอนสเตอร์
เบลคิ้นแดงแห่งเหมืองเมลเบิร์นได้เข้าสู่การหลับใหลชั่วนิรันดรแล้ว
|
การล่าประสบความสำเร็จ!
บาร์ดเรย์โจมตีครั้งสุดท้ายใส่มันและได้รับสิทธิ์ไอเท็มแต่เพียงผู้เดียว
“ในที่สุด
ภารกิจของอัศวินทมิฬขั้นที่ 12 ก็สำเร็จซะที”
“อนาคตอันสดใสอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว”
คาไลส์ได้นำคนจากกิลด์ราชสีห์ทมิฬมา
750
คน พวกเขามาเพื่อเรียกสิทธิ์ในอาณาเขตจากพวกกิลด์เฮอร์มีสที่เข้ามาวิ่งเต้นก่อความวุ่นวายภายในเหมืองเมลเบิร์น
“โจมตี!”
แล้วกิลด์ราชสีห์ทมิฬก็ยิงเวทย์โจมตีของพวกเขาออกไป
การต่อสู้ระหว่างขั้วอำนาจของกิลด์ยักษ์ใหญ่ทั้งสองได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
********
รายการพิเศษของสถานี KMC
กับพิธีกรโอจูวานกำลังถ่ายทอดสด!
“โอ้โห
ดูกิลด์ราชสีห์ทมิฬนี่สิครับ”
“วันนี้จะกลายเป็นวันที่น่าจดจำจริงๆ
ตอนนี้จอมเวทย์พูโรอันกำลังใช้เวทย์น้ำแข็งขนาดใหญ่แล้ว เวทย์พายุน้ำแข็งครับ!”
“พื้นกำลังจะกลายเป็นน้ำแข็ง
นั่นคงจะสร้างปัญหาให้กับเหล่าอัศวินของกิลด์เฮอร์มีสได้จริงๆครับ”
“นี่คงจะเร็วเกินไปที่จะตัดสินนะคะ
จากความคิดของคุณโอจูวาน คุณคิดว่าฝ่ายไหนจะชนะคะ?”
“ก่อนที่ผลจะออกมา
มันยากที่จะรู้จริงๆนะครับ
โดยปกติกิลด์เฮอร์มีสจะมีพลังเหนือกว่ากิลด์อื่นๆเพราะว่าพวกเขามีบาร์ดเรย์……”
“ถ้างั้น
คุณกำลังบอกว่ากิลด์เฮอร์มีสจะชนะสินะคะ?”
“ใช่ครับ
ผมลงคะแนนให้กับกิลด์เฮอร์มีส”
ผู้ประกาศมากมายหลายคนที่กำลังรายงานการต่อสู้ระหว่างทั้งสองกิลด์ต่างคาดเดาว่ากิลด์เฮอร์มีสนั้นมีพลังที่เหนือกว่า
การต่อสู้กำลังดุเดือดโดยมีเหล่าผู้เล่นที่โดดเด่นและราชองครักษ์ที่ไม่ทราบเลเวลแน่ชัดอยู่เต็มไปหมด
พวกเขาไม่ได้มัวยุ่งอยู่กับการล่าเบลคิ้นแดงอีกต่อไปแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะชนะเลยหากบาร์ดเรย์และพวกองครักษ์ปรากฏตัวออกมา
“ดูสิคะ! ตอนนี้พวกนักฆ่าได้ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังกิลด์ราชสีห์ทมิฬแล้วค่ะ
พวกเขากำลังโจมตีแล้ว มันคือการลอบโจมตีค่ะ พวกเขาลอบฆ่าพวกนักบวชก่อนเลยค่ะ”
ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่สถานีจะไม่ได้พูดอะไร
แต่วิดีโอนี่ดูรุนแรงจนน่าเหลือเชื่อ กิลด์เฮอร์มีสส่งวิดีโอมาให้ทางสถานี
ส่วนทางกิลด์ราชสีห์ทมิฬเองก็ให้ความร่วมมือส่งทางฝั่งพวกเขามาเช่นกัน
ตำแหน่งการต่อสู้ยังคงเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
ซึ่งเป็นภาพที่สุดยอดมากจนทำให้คนดูอ้าปากค้าง
เหล่าหัวกระทิของกิลด์ระดับสูงกำลังต่อสู้กันท่ามกลางระเบิด
แสงสว่างวาบและเสียงโครมครามดังสนั่นหวั่นไหว
ขณะเดียวกันเหล่าชาแมนและเนโครแมนเซอร์ก็กำลังอัญเชิญอันเดดและจิตวิญญาณธาตุออกมา
ทีมงานของสถานียุ่งอยู่กับการตัดต่อวิดีโอภายในโลกจริงและใส่เอฟเฟคเข้าไปจนแทบไม่มีเวลาไปห้องน้ำด้วยซ้ำ
ทีมงานฝ่ายผลิตเองก็พูดคุยเกี่ยวกับการต่อสู้ของวีดกับบาร์ดเรย์ขณะที่ทำงานไปด้วย
“วีดตาย….”
“บ้าเอ้ย เทพสงครามวีดสู้บาร์ดเรย์ไม่ไหวสินะ”
ชัยชนะของบาร์ดเรย์กลายเป็นหัวข้อพูดคุยภายในบอร์ดต่างๆของรอยัลโร้ดเช่นกัน
ผู้คนพูดถึงว่าบาร์ดเรย์ใช้เวทย์มนต์เสริมกำลังของคนในกิลด์ช่วยต่อสู้กับวีดที่กำลังเหน็ดเหนื่อย
และเรียกว่ามันคือชัยชนะที่แสนขี้ขลาด
แต่ก็มีคนบางคนบอกว่าวีดเองก็พยายามจะใช้เจ้าเบลคิ้นแดงเพื่อเอาชนะข้อเสียเปรียบนั่นด้วยเช่นกัน
เรตติ่งของผู้ชมไม่ไช่เรื่องที่น่ากังวลอีกต่อไปแล้ว
วันนี้คงจะมีเรตติ่งที่สูงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย จากมุมของทางสถานีนี่คือวันที่มีความสุขมาก
ทว่าทาง
KMC มีเดียที่มักจะได้รายงานการผจญภัยของวีดอยู่บ่อยๆกลับต้องรู้สึกสิ้นหวัง
CTS มีเดียและ
LK Games เองก็พูดคุยเกี่ยวกับการต่อสู้ของวีดและบาร์ดเรย์มากกว่าการต่อสู้ระหว่างกิลด์เฮอร์มีสและกิลด์ราชสีห์ทมิฬซะด้วยซ้ำ
****
ซอยูนไปที่ร้านเสริมสวยเพื่อแต่งหน้าและทำผมของเธอ
แถมยังไปหาซื้อเสื้อผ้าภายในห้างสรรพสินค้า
‘ฉันควรทำอาหารไว้ซักจาน’
เธออยากจะเข้าไปแถวศูนย์การค้าภายในเมืองเพื่อเชียร์วีด
บาร์ดเรย์และกิลด์เฮอร์มีสกำราบกิลด์ราชสีห์ทมิฬให้ปราชัยได้แล้วเช่นกัน
กิลด์เฮอร์มีสมีสมาชิกระดับหัวกระทิมากมาย
แถมกลยุทธ์ยังเหนือกว่าเมื่อเทียบกับกิลด์ราชสีห์ทมิฬที่ดูหุนหันพลันแล่น
เหล่านักบวช
จอมเวทย์ และนักรบเองประสานงานกันได้เป็นอย่างดี หลังจากที่ฆ่าเจ้าเบลคิ้นแดงตายแล้ว
ในทางตรงกันข้ามกิลด์ราชสีห์ทมิฬที่ผลีผลามกลับประสานงานกันได้ไม่ดีนัก
จึงทำให้พวกเขาไม่อาจแสดงความสามารถเต็มที่ของพวกออกมาได้
ส่วนทางบาร์ดเรย์และราชองครักษ์
บาร์ดเรย์เอาชนะในการต่อสู้ตัวต่อตัวกับหัวหน้ากิลด์ราชสีห์ทมิฬได้อย่างหมดจด
แต่หลังจากนั้นมานาของเขาก็หมดลงในที่สุด
จากนั้นก็มีกองกำลังเสริมจากกิลด์เฮอร์มีสกว่า 200 นายปรากฏตัวขึ้นที่เหมืองใต้ดินชั้นที่สี่
เพล ไอรีน
เซอร์กะ ฮวารยอง โรมูนะ เซเฟอร์ ซีชวิ และซอยูนไปถึงที่นั่นก็เจอกับพวกกิลด์เฮอร์มีสที่กำลังกำลังเคลื่อนพลออกจากเหมืองแร่เมลเบิร์นเข้าพอดี
และไม่จำเป็นต้องพูดเลยว่า
พวกเขาเองก็ถูกฆ่าด้วยการโจมตีจากพวกนักธนูและจอมเวทย์ด้วยคำสั่งของบาร์ดเรย์
ซอยูนสามารถทะลวงเข้าไปด้วยการโจมตีอันดุเดือดจนฆ่าอัศวินไปได้
7
คน แต่ท้ายที่สุดเธอก็ตายด้วยเวทย์เพลิงที่เล็งมาที่เธอ
จากนั้นกิลด์เฮอร์มีสก็ตรงไปที่ประตูเทเลพอร์ตพิเศษแล้วก็หายตัวไป
ซอยูนรู้สึกเป็นห่วงเกี่ยวกับลีฮุนมากกว่าการตายของเธอภายในรอยัลโร้ดซะอีก
เขามีความทระนงตนสูงมากในฐานะเทพสงครามแต่กลับต้องถูกฆ่าตาย
แต่ในความเป็นจริงแล้วมันช่างยากเหลือเกินที่จะเอาชนะได้ในทุกๆครั้ง
เธอล้มเหลวมามากมายหลายครั้งในตอนที่ไปทำภารกิจหรือว่าการออกล่ามอนสเตอร์
แต่ว่าเขาพึ่งจะตายแถมยังต้องสูญเสียชุดเกราะเพราะงั้นบาดแผลทางใจของเขาจะต้องใหญ่มากแน่ๆ
‘ฉันต้องดูสวย
แล้วช่วยไปปลอบใจเขา’
ซอยูนมุ่งหน้าไปที่บ้านของลีฮุนพร้อมกับรถเข็นใส่ของช็อปปิ้ง
จากนั้นเธอก็เจอกับคุณยายที่อยู่ในละแวกนั้นที่แต่งตัวในชุดเก่าๆกำลังผลักรถเข็นที่เต็มไปด้วยของรีไซเคิล
“ให้หนูช่วยนะคะ”
ซอยูนเอาคันจับมาจากคุณยาย
เธออยากจะไปเจอลีฮุนแต่รถเข็นนี้ดูหนักมากเอาการ
“สาวน้อยจ๊ะ
เธอไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้หรอก……มันค่อนข้างหนักนะ คงเข็นยากสักหน่อย”
ครึก ครึก
ครึก ครึก!
รถเข็นค่อยๆขยับไป!
ซอยูนผลักรถเข็นไปข้างหน้าและพูดขึ้นมาว่า
“คุณยายจะไปไหนหรอคะ?”
“ไปจัดการธุระที่บ้านน่ะจ้ะ”
“บอกได้ไหมค่ะว่าบ้านคุณยายอยู่ไหน
หนูจะไปส่ง”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะหนู…..”
“หนูอยากช่วยค่ะ”
“มันค่อนข้างไกลอยู่นะ
สาวน้อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ
หนูช่วยได้”
ถ้าซอยูนเล่าให้ลีฮุนเกี่ยวกับการทำความดีของเธอครั้งนี้
เขาอาจจะรู้สึกเศร้าน้อยลงก็ได้ เธอไม่อยากเห็นลีฮุนมีใบหน้าที่เศร้าหมอง
เธอรู้สึกว่าต้องรีบไปช่วยบรรเทาความเจ็บปวดเพื่อที่จะไม่ทำให้เขารู้สึกเศร้า ถ้าเขาแค่ตายเพียงอย่างเดียว
เธอคงไม่เป็นห่วงมากขนาดนี้เลย แต่นี่เขาต้องสูญเสียเกราะทัลร็อค
ซอยูนพาคุณยายขึ้นทางลาดเอียงไป
‘ที่นี่ไม่ไกลเกินไปหรอก……’
ขณะที่เธอเดินขึ้นไปตามทางลาดภายในละแวกบ้านของลีฮุน
ก็มีบ้านที่ดูซอมซ่อและคับแคบอยู่มากมายซึ่งเป็นสถานที่คุณยายอาศัยอยู่
“ว่าแต่สาวน้อย”
“คะ คุณยาย”
“หนูกำลังจะไปที่บ้านที่มีต้นทับทิมกับต้นมะเดื่อที่ปลูกอยู่สนามรอบบ้านนั่นหรอจ๊ะ?”
ลีฮุนปลูกไม้ผลไว้หลายชนิดภายในสนามบ้านของเขา
มีทั้งต้นแอปเปิ้ล ต้นแพร์ ต้นท้อ ต้นเกาลัดหรือแม้แต่ต้นส้ม
“คุณยายรู้ได้ยังไงคะ?”
“ยายเคยเห็นหนูสองสามครั้งน่ะจ้ะ”
คุณยายผลักรถเข็นขึ้นไปบนทางลาดพร้อมกับซอยูน
“หนูกำลังคบกับเด็กหนุ่มที่อยู่บ้านนั้นหรือจ๊ะ?”
“เปล่าค่ะ”
“ถ้างั้นหนูมาบ้านเขาทำไมล่ะ?”
ในมุมมองของคุณยาย
คงไม่รู้จะพูดว่าอะไรเพราะเธอเห็นซอยูนมาที่บ้านของเขาอยู่เรื่อย
หน้าของซอยูนเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ยายดีใจจริงๆที่ดูเหมือนเขาจะได้พบกับผู้หญิงดีๆ
ยายค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย”
“……….”
“เด็กหนุ่มนั่น
เขาดังมากๆในละแวกนี้ที่เป็นย่านที่มีแต่คนแก่ๆเต็มไปหมด”
“เอ๊ะ?”
ความจริงที่ว่าลีฮุนโด่งดังในละแวกบ้านของเขานั้นเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับซอยูน
เธอรู้สึกกังวลว่าเขาอาจจะเคยไปทำอะไรผิดหรือว่าไปขูดรีดเงินคนอื่นเข้า
“เด็กหนุ่มคนนั้นมีชีวิตที่แสนลำบาก
เขาพยายามที่จะเลี้ยงน้องสาวเป็นอย่างดี……”
“อ๋อ ค่ะ”
“เขาทำงานส่งนมกับส่งหนังสือพิมพ์ให้กับทุกๆคนที่อยู่แถวนี้
หรือแม้แต่แบกของทั้งหมดมาจากร้านสะดวกซื้อถึงแม้ว่ายายจะไม่มีปัญญาจ่ายเงินเขาก็เถอะ
บางครั้งเขาก็ช่วยยายขายของในตลาด
เขาจะไล่ตามจับโจรทุกคนที่ขโมยของตอนที่ยายไม่ได้มองดู
ชีวิตของเขาช่างน่าสงสารจริงๆ…..”
“อา………….”
ซอยูนพึ่งได้รู้ว่าชีวิตของลีฮุนเมื่อก่อนเป็นยังไง
เขาใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบากเพราะงั้นตอนนี้เขาถึงได้ขยันมาก
“แล้วต่อมาเด็กหนุ่มคนนั้นก็ได้ซื้อบ้าน…..ช่างดีจริงๆ นี่ก็ผ่านมาปีครึ่งแล้วสินะ? ยายไม่อยากให้เขามีชีวิตอยู่อย่างนั้นจริงๆ
บางครั้งเขาก็ไม่สบายมากจนทำอะไรไม่ได้
แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังคงเก็บของเก่าเพื่อประทังชีวิต”
ซอยูนพึ่งได้ฟังคำพูดที่ค่อนข้างเบาของคุณยาย
ยายดูเหมือนมีความอัดอั้นภายในใจ เธอได้รับข้อมูลดีๆเกี่ยวกับลีฮุนจนเธอถึงกับพูดไม่ออก
“หนูลำบากใจหรือเปล่าจ๊ะที่มาแถวนี้?
มีขวดกับกระป๋องเปล่าอยู่แถวสวนสาธารณะนั่นเยอะแยะเลยนะ(ชวนให้ซอยูนไปเก็บ)”
คุณยายพึ่งให้ข้อมูลอันล้ำค่ากับเธอ
จากนั้นยายก็เอ่ยถึงลีฮุนอีกครั้งขณะที่มองไปทางภูเขาที่อยู่สุดลูกหูลูกตา
“ถึงแม้ว่าเขาจะได้เงินช่วยเหลือต่างๆมากมายจากทางรัฐบาล
แต่เขาก็ยังต้องเลี้ยงน้องของเขา”
คุณยายของเขาเองก็อาการแย่มากๆในตอนนั้น
เขาไม่รู้ว่าเมื่อไรเงินช่วยเหลือนั่นจะมาถึง และยิ่งในช่วงหน้าหนาวก็ยิ่งต้องการความช่วยเหลืออย่างมากเพื่อให้มีชีวิตต่อไปได้
“หน้าหนาวที่แล้ว เขาเอาผ้าห่มไฟฟ้ากับข้าวกิมจิมาวางไว้ในบ้านของยายตอนเช้ามืด
ไม่ใช่แค่ยายคนเดียวนะจ๊ะ คนแก่ทุกคนที่อยู่ในละแวกนี้ต่างก็ได้รับกัน
มันก็ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมากนักหรอก……แต่ก็มีตาเฒ่าคนหนึ่งเห็นเขาเอามาวางไว้ตอนกลางดึกด้วยนะ”
“เขาทำอย่างนั้นหรอคะ”
“หน้าหนาวที่แล้วมันหนาวมากจริงๆเลยไม่เหลืองานให้ทำมากนัก
แต่เด็กหนุ่มคนนั้นก็ยังทำข้าวกล่องที่มีสาหร่ายแล้วเอาออกมาจากบ้านเขาทุกวัน”
[ฉากนี้ภาพตัดมาเป็นความคิดของคุณยาย]
“เดี่ยวมันจะเสียของนะครับถ้าไม่มีคนกิน
ถ้ายายอยากกินก็กินเถอะครับ ผมอุตส่าห์ทำมันนะ”
“ขอบใจนะ
พ่อหนุ่ม ยายไม่รู้จะตอบแทนยังไงดี”
“ยังไงอาหารนี่ก็จะทิ้งอยู่แล้วล่ะครับ”
ลีฮุนกับน้องสาวของเขาทำอาหารออกมาเยอะมากพอที่จะกินได้ตั้งครึ่งเดือน
“แถมเขายังให้ยารักษากับพวกเราอีก
ถ้าเขาเห็นเราบาดเจ็บเขาก็จะมารักษาให้เรา…ทุกวันนี้ค่ารักษาก็ค่อนข้างแพง
แต่ยายก็รู้สึกอุ่นใจตอนที่เขาบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง”
น้ำตาเริ่มซึมภายในดวงตาของซอยูน
เธอเข้าใจว่าลีฮุนผ่านอะไรมามากมายในอดีต ดังนั้นเขาถึงเข้าใจความเจ็บปวดของคนอื่น
“เขาเคยช่วยยายแก่คนหนึ่งที่มาโรงพยาบาลแล้วก็จ่ายเงินค่ารักษาให้ตอนที่เธอบอกว่าเธอไม่มีเงินจ่าย
ไม่มีคนแก่แถวนี้ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเขาหรอก อีกอย่างเขายังซื้อหนังสือให้เด็กๆที่ไม่มีพ่อแม่แถมยังช่วยสอนหนังสือพวกเขาอีก
ความดีของเขา…..”
จากนั้นซอยูนก็มุ่งหน้าไปที่บ้านของลีฮุนหลังจากที่พาคุณยายไปส่งที่บ้าน
โฮ่ง โฮ่ง
โฮ่ง!
มีสุนัขตัวหนึ่งกำลังเห่าอยู่หน้าบ้านซึ่งดูเงียบผิดปกติ
‘อย่าบอกนะว่า……’
หัวใจของซอยูนหล่นไปอยู่ตาตุ่มขณะที่เธอเปิดประตูบ้านออก
มีแม่กุญแจอยู่ 7
ตัวล็อกประตูเอาไว้ แต่ว่าโชคดีที่เธอมีลูกกุญแจอยู่แล้ว เธอเดินลัดไปที่สนามหญ้าด้วยขาที่สั่นสะท้านและไปยืนอยู่ที่ประตูหน้า
เธอเห็นเงาใครบางคนลางๆนอนอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่น
‘ไม่นะ!’
ซอยูนเปิดประตูหน้าออกแล้วเข้าไปในห้องนั่งเล่น ลีฮุนกำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนพื้นห้อง
“ฮึก ฮึก ฮึก
อึก” (เสียงสะอื้น)
หัวใจของเธอเต้นรุนแรงเหมือนจะเป็นบ้าขณะที่น้ำตาไหลออกมา
เครื่องสำอางที่เธอแต่งมาที่ร้านเสริมสวยก็เละไปเพราะน้ำตาของเธอ หัวใจของซอยูนเคยเจ็บปวดเพราะสิ่งที่ไม่คาดคิดที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ประตูที่ถูกปิดสนิทภายในใจของเธอได้ถูกพังเข้ามาแล้ว
‘ตอนที่ฉันยังเด็ก….ก็เป็นอย่างนี้’
ตอนที่ซอยูนยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ
เธอเคยเห็นบางอย่างที่เธอไม่อยากจะเห็น
มันได้สร้างบาดแผลขนาดใหญ่ภายในใจของเธอจนกระทั่งเธอได้พบกับลีฮุน…..
คนที่ช่วยซอยูนกำลังนอนหมดสติอยู่ตรงนั้น
“ฉะ ฉัน…….”
เธอเซไปมาขณะที่ขาทั้งสองข้างดูเหมือนกำลังจะหมดแรง
เธอรู้สึกกลัวเกินจนแทบไม่กล้าเข้าไปใกล้ร่างของลีฮุนด้วยซ้ำ
สิ่งล้ำค่าได้ถูกพรากไปจากเธอในตอนที่เธอมัวแต่ไปลากรถเข็นบ้านั่น
“ทะ
ทำไมเขาทำอย่างนี้ล่ะ? ทำไม…..?”
ซอยูนร้องไห้คร่ำครวญ
คลื่นแห่งความเศร้าอันหนักอึ้งถาโถมใส่เธอ
และเธอก็คิดว่าเธออาจจะไม่มีทางยิ้มออกมาได้อีกเลย
ทันใดนั้นลีฮุนก็เริ่มขยับและชักกระตุก
เขายังมีชีวิตอยู่ดังนั้นความคิดที่จะโทรเรียกรถพยาบาลก็ได้จางหายไปจากหัวของเธออย่างรวดเร็ว……
“ฮ้าวววววววววววววววววว!”
เสียงหาวที่ลากยาวได้ถูกปล่อยออกมา
ทันใดนั้นเธอก็มองเห็นร่องรอยของข้าวทอดกิมจิและจาจังเหมี่ยงอยู่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่น
ลีฮุนจับที่หน้าท้องของเขา
“ผมกินเยอะเกินไปน่ะเลยหลับไม่รู้ตัว
ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
ซอยูนจ้องไปที่เขาด้วยดวงตาที่มีคราบน้ำตาผสานเข้ากับความโกรธที่รุนแรง
---จบตอน-----
ผู้แปล :
Cole’s Myth
Editor : แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล
ขอบคุณครับ
ตอบลบมาไวมากครับ ตุกติกทุกอย่าง ชนะแบบนี้ยังภูมิใจ สมเป็นตัวร้ายมาก
ตอบลบบทเหมือนจะปูมาให้วคดเอาคืนช่วงหลังเลย
เหมือนบท ปูทางมาให้พี่น้องออค มาช่วยทำสงคาม เดะต้องมีอีเว้นใหญ่ๆ อีกแน่ๆ
ลบลีฮุนอาจจะได้ตายเพราะทำหั้ยซอยูนเป็นห่วงนี่แหละครับ 55555
ตอบลบปล.ขอบคุนครับ
ผมก็ว่าถ้าจะรอดยาก
ลบซอยูนได้รับสกิล"เพลิงโทสะ" ผลของสกิลเอาไว้งอนพระเอก
ตอบลบรอฮุนเอาคืน
ตอบลบเศร้า สู้ไม่ได้ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากๆ ไหวไหมจะขออีกซักตอนพระนางจีบกันจะได้หายเศร้า
ตอบลบทีแรกก็ซึ้งนะ
ตอบลบแต่ตัดจบแบบนี้ 555
อ่านจบต้องตะโกนออกมา "ห่านเอ๊ย"
ตอบลบตายแน่วีดดดด!! ไม่ใช่แค่จากบาร์ดเรย์!! แต่จะตายจากซอยูนอีกกกก!!
ตอบลบลั่นนนน
ตอบลบขอบคุณครับแอด
ตอบลบซอยูนนนน
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบงี้มีเอาของคืนแน่นอน
ขอบคุณค่ะสนุกมากเห็นแค่ชื่อตอนก็รู้แล้วว่าวีดแพ้อยากรู้ตอนต่อไปแล้ว
ตอบลบเฮ้อ... ชีวิตไม่ได้ราบรื่นเสมอไป
ตอบลบขอบใจหลายๆเด้อออ
งง อยู่ๆ สกิลก็ใช้ไม่ได้ แต่งให้โดนเนิฟเกินไปมั้ย?
ตอบลบอ่านตอนนี้เสร็จ เลิกอ่านต่อเลย เซงโดนเนิฟสกิล
ตอบลบ