เล่ม 24 ตอนที่
6: มังกรกระดูกทั้งสาม แปลโดย Cole’s Myth
(หมายเหตุ: ผมแปลคำว่า Turn Undead เป็นเยียวยาอันเดด ที่พวกนักบวชใช้ก็เพราะว่าตามความเชื่อ
นักบวชเป็นสายสนับสนุน จึงไม่คิดว่าจะมีทักษะที่เป็นการสังหารอันเดดได้
และก็ลองหาข้อมูลมาบ้างว่า การทำให้อันเดด
หรือสิ่งเหนือธรรมชาติที่ชั่วร้ายต่างๆให้บริสุทธิ์ได้
ก็คือการชำระล้างวิญญาณและกายหยาบให้ผุดผ่องด้วยการเยียวยา
จึงถือว่าเป็นการโจมตีที่รุนแรงกว่า การสังหารอันเดดคับ) (ปล.ผมไม่ใช่คอเกม ถูกผิดอะไรต้องขออภัย)
ถึงแม้ว่าการโจมตีของพวกนักบวชจะสำเร็จ
แต่ค่าพลังชีวิตของบัลข่านก็ยังถือว่าห่างไกลจากความตายจอมเวทย์อมตะ
ลิชคือสิ่งที่มีอายุขัยยาวนานที่แทบจะไม่หมดไม่สิ้น ถึงขนาดที่มันสามารถสร้างกองทัพได้
ถ้าหากว่ามันมีซากศพหรือสิ่งมีชิตต่างๆนานาให้มันปลุกขึ้นมาแล้วล่ะก็…
“จงตื่นขึ้นมา
บริวารของข้า…!”
หลังจากที่บัลข่านตะโกนออกไป
ก็มีโกเลมหินสูง 5
เมตรลุกขึ้นมาจากบนพื้นดิน มันสูงมากจนแทบจะครูดเข้ากับเพดานด้วยทั้งสองเท้าสองแขนอันล่ำสันของมัน!
โดยปกติเหล่าเนโครแมนเซอร์ระดับสูงนั้นจะสามารถอัญเชิญผู้พิทักษ์ได้อย่างโกเลมธรรมดาๆเป็นอย่างต่ำ
แต่กรณีของบัลข่านกลับเป็นโกเล็มหิน
ตึก ตึก
ตึก ตึก!
ขณะที่พวกโกเลมหินเหวี่ยงแขนของมันไปมา
เหล่าพาลาดินก็จะปลิวละล่องทันที ทุกครั้งที่เจ้าโกเลมหินออกวิ่ง พื้นดินก็จะสั่นสะเทือน
เศษหินเศษอิฐก็ร่วงหล่นลงมาจากเพดาน แถมมันยังมีกำลังกาย
ค่าการป้องกันและค่าพลังโจมตีที่แกร่งอย่างกับกำแพงเหล็กกล้า และเพราะว่ามันเป็นผู้พิทักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเวทย์มนต์
มันจึงไม่ได้รับความเสียอะไรจากเวทย์ศักดิ์สิทธิ์เลย
“ระวังด้วย
ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรแต่ว่ามันต้องมีเลเวลราวๆ 450 ถึง 499
แน่ๆ”
“เราต้องจัดการโกเลมตัวนี้ก่อนถึงจะไปฆ่าบัลข่านได้นะ”
“มาล้มไอ้โกเลมพวกนี้กันเถอะ”
“มาล้มไอ้โกเลมพวกนี้กันเถอะ”
พวกเขาคิดว่าการต่อสู้นี้จะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเพราะว่าพวกเขาได้มายืนอยู่ต่อหน้าบัลข่านแล้ว
แต่ทว่าการต่อสู้นั้นกลับยุ่งเหยิงกกว่าที่คิด
โดยปกติแล้วเมื่อพวกนักเวทย์โดนโจมตีซักครั้งสองครั้ง
กระบวนการร่ายเวทย์ของพวกเขาก็จะถูกยกเลิกไป
แถมยังต้องประสบปัญหากับค่าระดับมานาที่ผันผวนอีกด้วย แต่ทว่าบัลข่านยังคงเป็นเหมือนปกติแม้จะโดนโจมตีอย่างติดต่อกันหลายครั้งด้วยมนต์วงแหวนแห่งแสง(Light
Sphere)กับมนต์เยียวยาอันเดด(Turn Undead)
เนื่องจากค่าพลังต้านทานเวทย์มนต์ที่สูงมาก การร่ายเวทย์นั้นจึงไม่ถูกยกเลิก
“ทักษะลูกศรไล่ล่า!”(Chasing
Arrow)
เพลกับเมล่อนตั้งสมาธิใส่มานาลงในลูกศรแล้วก็ยิงไปที่บัลข่าน
สำหรับนักเวทย์แล้ว บัลข่านไม่สามารถเคลื่อนไหวหลบหลีกได้รวดเร็วมากนักขณะที่กำลังร่ายเวทย์อยู่
ดังนั้นห่าลูกธนูจึงพุ่งเข้าใส่โดยไม่พลาดเลย
แต่กลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรกับการโจมตีเล็กๆน้อยๆนี้เลยแม้แต่น้อย
ธรรมชาติของลิชก็คือการสูบค่าพลังชีวิตกับค่าพลังมานาจากสิ่งมีชีวิต
ดังนั้นแล้วบัลข่านจึงไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมเท่าไรนัก
“เวทย์นภาลัยไร้เสียง”
(Silent Atmosphere)
ทันใดนั้นเหล่าพาลาดินที่อยู่ในระยะคำสาปของบัลข่านมากกว่า
200
คนก็ถูกปกคลุมไปด้วยพลังงานแห่งความมืดแสนเศร้าหมอง
เวทย์คำสาปนั้นรุนแรงมากจนทำให้เป้าหมายหายใจติดขัดได้เลยทีเดียว!
“ทักษะระเบิดกระดูก”
(Bone Destruction)
ตู้มมมมมม!
การโจมตีครั้งนี้กระดูกของเหล่าพาลาดินราว
30
คนถูกบดขยี้จากภายในร่างกายของพวกเขา
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสวมชุดเกราะอยู่แต่ก็ไม่อาจทนต่อแรงคำสาปเนื่องจากว่าพวกเขามีค่าความต้านทานที่ต่ำ
“อัญเชิญไฮดร้าเพลิง”
และแล้วบัลข่านก็อัญเชิญไฮดร้าเพลิงออกมา
จากนั้นหัวมันก็ผุดขึ้นมาเหนือพื้นดิน พ่นลมหายใจไฟออกมาจากแต่ละหัวของมัน บัลข่านนั้นสามารถร่ายเวทย์สามอย่างออกมาได้อย่างสบายๆ
แล้วหลังจากที่เขาพักหายใจแปบเดียว
บัลข่านก็เริ่มร่ายเวทย์โจมตีใหม่กระหน่ำใส่พวกพาลาดินอีกครั้ง
“วงแหวนเวทย์เยือกแข็ง!”
(Ring Frost)
จากนั้นวงเวทย์ของอากาศอันหนาวยะเยือกก็ได้ถูกสร้างขึ้นมาปกคลุมเหล่าพาลาดิน
มนต์แห่งการเยียวยาของพวกนักบวชถูกเล็งไปตรงที่บัลข่านกับพวกพาลาดิน
เพราะการกระทำเช่นนี้พวกเขาจึงสามารถป้องกันการสังหารหมู่จากมนต์ต่อเนื่องของบัลข่านได้
อีกทั้งเนื่องจากมันคือธรรมชาติของเวทย์พาลาดินที่จะมีค่าการป้องกันและค่าความต้านทานสูงกว่าเมื่อเอาไปเทียบกับอาชีพสายนักรบ
วีดจับตาดูสถานการณ์อย่างใจเย็น
‘เวทย์คำสาปของบัลข่าน
เวทย์ของพวกเนโครแมนเซอร์ถือว่าอยู่ในขั้นที่สูงจริงๆ ดูจากอันเดดที่แข็งแกร่งจนแทบไม่น่าเชื่อพวกนั้นสิ
ฉันมั่นใจได้เลยว่าเขาคงสามารถสร้างมังกรกระดูกได้แน่ถ้าเขามีซากศพเพียงพอแล้ว เขาสามารถใช้เวทย์อัญเชิญได้ยอดเยี่ยม
แต่ว่าทักษะโจมตีของเขาค่อนข้างด้อยแหะ’
พูดตามตรง
เวทย์ของบัลข่านนั้นค่อนข้างด้อยเมื่อเทียบกับพลังเวทย์ของพวกนักเวทย์คนอื่นๆ บัลข่านสามรถร่ายเวทย์ได้เร็วกว่าพวกนักเวทย์ขั้นสูงเลเวล
400
ซะอีก
หากว่ามีซักคนที่ไม่มัวแต่คำนึงถึงค่าพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งแล้วก็ไปคิดถึงความเร็วในการร่ายเวทย์ในการต่อสู้
มันคงจะสามารถเอามาเป็นกำลังหลักได้อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น
พวกพาลาดินก็ยังพากันตื่นตระหนกเกินไปเพียงแค่มองไปทางบัลข่าน
พวกดูมไนท์กับโกเลมหินก็จะยิ่งได้ใจอาละวาดเข้าไปใหญ่
ส่วนบัลข่านก็สับเปลี่ยนร่ายเวทย์สายฟ้ากับเวทย์น้ำแข็งไปมาอีก
ซ้ำพวกพาลาดินบางคนนั้นยังตกเป็นเหยื่อให้กับการโจมตีพวกนั้นอีกซะงั้น
จากการตรวจสอบของโรมุนะ
ค่าพลังชีวิตของบัลข่านตกลงไปเหลือ 73% จากการโจมตีต่อเนื่องของเหล่านักบวชโดยการใช้มนต์เยียวยาอันเดด
แต่ทว่ามันกลับไม่ใช่ข่าวที่สร้างความหวังเท่าไรนัก เพราะว่าพึ่งจะมีศพคนตายไปหยกๆ19
คน จากการคาดการณ์ที่ว่าบัลข่านสามารถสร้างอันเดดระดับสูงด้วยเวทย์อัญเชิญของเขา
ตอนนี้คงจะพูดได้ว่าการล่าบัลข่านครั้งนี้อาจจะล้มเหลวก็เป็นได้
ณ
ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้บทสรุปของการต่อสู้ ผู้คนนับล้านคนต่างจดจ่ออยู่กับรายการถ่ายทอดสดครั้งนี้
ภารกิจของวีดกับพวกพ้องของเขา ผู้คนที่ดูไม่ได้มีแต่เฉพาะพวกผู้เล่นเพียงเท่านั้น
แต่ยังรวมถึงผู้ชมที่กำลังรับชมด้วยอารมณ์ต่างๆนานาที่อัดอั้นอยู่ภายในด้วยเช่นกัน
‘ขอให้ล้มเหลวทีเถอะ’
‘ตายๆไปซะ’
‘ขอให้มันตายอย่างทรมาน’
‘ตอนนี้แกจบเห่แล้วแหละ
วีด’
เหล่าผู้เล่นกับแรงเกอร์ระดับสูงในแต่ละกิลด์ต่างหวังให้วีดทำภารกิจล้มเหลวซักครั้ง
แต่ทว่าก็ยังมีมนุษย์พวกหนึ่งที่กำลังเลือดร้อนอยู่
นั่นก็คือเหล่านักดาบนั่นเอง
แม้ว่าการต่อสู้นั้นได้เริ่มไปแล้ว
เหล่านักดาบก็ยังคงต้องทนต่อแรงกระตุ้นที่ได้ออกไปต่อสู้ เพราะว่าวีดบอกพวกเขาว่าให้รอการตอบโต้ของบัลข่านจากพวกพาลาดินก่อน
“วู้วววววว!”
“อย่างงั้นแหละ!”
เหล่านักดาบกระชากพลังทั้งหมดในร่างกายออกมาตะเบ่งเสียงกู่ร้องแห่งสงครามออกมา
จากความเข้มแข็ง
พลังใจและความกล้าหาญ พวกเขาจึงสามารถเอาชนะเอฟเฟคความกลัวของบัลข่านได้ ตอนนี้เหล่านักดาบจึงสามารถต่อสู้ได้เป็นปกติโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ
นั่นก็เป็นข้อดีมากพอที่จะไปต่อกรกับบัลข่านได้แล้ว
“ไปกันเถอะ!”
“ฆ่าไอ้พวกสารเลวพวกนี้ซะ”
เหล่านักดาบกระโจนออกไปฟาดฟันดาบของพวกเขาไปที่โกเลมกับพวกดูมไนท์
มาตรฐานของอันเดดที่บัลข่านสร้างมานั้นมีความแตกต่างมากมาย
ดูมไนท์ที่มีออร่าแห่งความตายนั้นแข็งแกร่งพอๆกับมอนสเตอร์ระดับรองบอส แต่เพราะใช้ทักษะของพวกเขา
เหล่านักดาบจึงสามารถต่อกรกับพวกมันได้อย่างเท่าเทียม แล้วเพราะว่าพวกเขาได้รับบัฟพรของพวกนักบวช
พวกเขาจึงสามารถต่อสู้ได้รุนแรงและบ้าบิ่นกว่าปกติซะอีก
“กำจัดพวกมันให้สิ้นซาก!”
“อย่าลดการป้องกันลงจนกว่าเหล่านักบวชจะกวาดล้างพวกมอนสเตอร์ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์แล้ว”
เหล่าพาลาดินกำลังรับมือกับบัลข่าน
ด้วยการใช้โอกาสครั้งนี้ เหล่านักดาบจึงสามารถกำจัดพวกดูมไนท์จนสิ้นซาก
ขณะที่ทุกๆคนต่างกำลังต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
ทันใดนั้นเองก็มีท่วงทำนองอันแสนละมุนละไมดังขึ้นมา!
เบลลอตกำลังบรรเลงเครื่องดนตรีของเธอกลางสนามรบ
เธอขับร้องบทเพลงศักดิ์สิทธิ์เพื่อเพิ่มค่าความศรัทธาของเหล่านักบวชและค่าความแข็งแกร่งของพวกพาลาดิน
ส่วนโรมุนะเองก็สาดเวทย์ของเธอออกไปเป็นครั้งเป็นคราว
เซอร์กะเองก็ต่อสู้กับดูมไนท์พร้อมกับเหล่านักดาบ เซเฟอร์และฮวายองก็จัดการกับพวกอันเดดที่ลงมาตรงทางบันไดพร้อมผู้เล่นคนอื่นๆ
เพราะว่าการโจมตีระยะกว้างของเซเฟอร์กับทักษะหลับใหลทำให้พวกมอนสเตอร์หลับไปของฮวายอง
พวกเขาจึงไม่ได้มาเข้าร่วมการต่อสู้กับบัลข่านโดยตรง
“เจ้าพวกมนุษย์ไร้อารยะ
ช่างเป็นการขัดขืนที่โง่เง่าซะจริง ดินแดนแห่งนี้ปกครองโดยอำนาจแห่งความมืด
จงเผชิญหน้ากับพลังอำนาจแห่งกองทัพอันเดดชั่วนิรันดรซะเถอะ บัญญัติแห่งความมืด!(Dark
Rule)”
นั่นคือหนึ่งในมหาเวทย์ทั้งสามของบัลข่าน
เวทย์มนต์ที่เปลี่ยนให้ซากศพทุกๆร่างที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกลายเป็นอันเดด
บัลข่าน ดีมอฟคือเนโครแมนเซอร์ระดับสูง อีกทั้งเพราะว่าในฐานะจอมเวทย์เขาจึงสามารถใช้เวทย์พิเศษทั้งสามอย่างได้นั่นเอง
มหาเวทย์ทั้งสามนั่นก็คือ
บัญญัติแห่งความมืด ออร่าแห่งความตาย และข่ายเวทย์สูงสุด!
ข่ายเวทย์สูงสุดนั้นสามารถป้องกันแหล่งพลังเวทย์ใดๆก็ตามที่โจมตีมาจนไม่อาจทำอันตรายเขาได้เลยซักนิด
หากว่ามีมหาเวทย์ทั้งสามนี้ร่ายออกมา
พวกเขาคงไม่อาจแตะเสี้ยวเส้นผมของบัลข่านได้เลยแม้แต่น้อย และแน่นอนอยู่แล้วที่ความสามารถของโรมูนะนั้นด้อยกว่าของบัลข่านลิบลับ
แต่เธอก็ยังคงมีประโยชน์อยู่ด้วยการร่ายเวทย์ใส่อันเดดตนอื่นๆ
ด้วยผลของเวทย์บัญญัติแห่งความมืด
ทั่วทั้งบริเวณชั้นใต้ดินและป้อมปราการเวอร์โก้กลายเป็นสีแดงเข้ม ถ้าหากบัลข่านปลุกอันเดดขึ้นมาจากซากศพของพวกพาลาดินและพวกนักดาบ
กำลังรบในการทำสงครามของเขาคงเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนพลังของเวทย์ออร่าแห่งความตาย
เขายังสามารถสูบค่าพลังชีวิตกับมานาที่พวกอันเดดออกไปต่อสู้ได้โดยอัตโนมัติอีกต่างหาก
ทว่าเหล่าเนโครแมนเซอร์เฝ้ารอเวลานี้ให้มาถึง
แล้วไหวตัวทันก่อนหน้าที่จะเจอกับบัลข่าน พวกเขาเข้ามาที่นี่โดยที่ไม่มีอะไรเลยเพราะว่ามันก็ชัดเจนอยู่แล้วละเมื่อเรียกอันเดดออกมา
พวกมันคงตกอยู่ใต้อาณัติของบัลข่านเป็นแน่ ทว่าพวกเขาไม่ได้มาที่นี่เล่นๆหรอกนะ
“จงตื่น
ดวงวิญญาณ ผู้มิอาจหลับตา ผู้ยังมิเข้าสู่นิทรา คนเป็น ณ
ที่แห่งนี้ที่สังหารพวกเจ้า จงล้างแค้นพวกมันซะ! ปลุกชีพความตาย”
แล้วซากศพของเหล่าพาลาดินก็กลายเป็นโครงกระดูกระดับล่างแล้วก็ลุกขึ้นมา
“ครึก ครึกกก?”
“เจ้าพวกมนุษย์…พวกแกกำลังโจมตีท่านบัลข่าน”
พวกโครงกระดูกมองดูไปรอบๆแล้วจากนั้นพวกมันก็เริ่มต่อสู้ภายใต้อำนาจของบัลข่านในทันที
“อะไรกันว่ะ
พวกตัวเห็บไรพวกนี้น่ะ”
ขณะที่นักดาบ487 ผลักพวกมันออกไปให้พ้นทาง ร่างกายของพวกมันก็แตกหักอย่างไร้ค่า!
อันเดดระดับต่ำพวกนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยเหล่าเนโครแมนเซอร์
กลับไม่ใช่เวทย์บัญญัติแห่งความมืดของบัลข่านที่ทำลายพลังเวทย์ชำระล้างของพวกนักบวชได้ในเสี้ยววินาที
ส่วนเหล่าเนโครแมนเซอร์เองก็สร้างความสำเร็จครั้งใหญ่ด้วยการสกัดเวทย์อัญเชิญอันเดดที่ถือว่าเป็นจุดแข็งที่สุดของบัลข่าน
(แอดชิน:อธิบายเสริมนะ คือ ถ้าบัลข่านเรียกอันเดดออกมาโดยการใช้ซากศพของพาลาดิน
อันเดดที่บัลข่านเรียกออกมามีแต่ระดับสูงๆทั้งนั้น
ส่วนเนโครแมนเซอร์ที่ตัดสินใจเรียกอันเดดโดยการใช้ซากศพของพาลาดิน
เรียกอันเดดได้ออกมาในระดับล่างๆ จึงเป็นการสกัดกั้นการเพิ่มกำลังรบของบัลข่านในอีกทางหนึ่ง)
เมแพนดึงผ้าคลุมสีขาวออกจากรถม้าของเขาออก
นี่ก็เพราะว่าเขาถูกลากมาที่นี่อย่างไม่เต็มใจนัก
ประติมากรรม ‘การจุติของเทวทูตทั้งเจ็ด’ ได้ปรากฏให้เห็นแล้ว เขานำผลงานระดับแม็คนั่มของเดย์แครมมาจากศูนย์ศิลปะ
ด้วยการใช้อำนาจในทางที่ผิดในฐานะเจ้าของแห่งศูนย์ศิลปะและผลงานประติมากรรมชิ้นนี้!
เขาใช้ประติมากรรมที่ถูกขนมาเพื่อเพิ่มค่าเอฟเฟ็คของพลังศักดิ์สิทธิ์และเพิ่มความเร็วในการฟื้นตัวของมานาด้วย
และที่แน่ๆถ้าหากว่าพวกเขาพ่ายแพ้ ประติมากรรมที่ทำมาจากมิธริลชิ้นนี้ก็คงได้กลายเป็นของบัลข่านแน่ๆ
ดังนั้นนี่จึงถือว่าเป็นการเสี่ยงครั้งยิ่งใหญ่สำหรับวีด
“เราต้องไปทางนี้”
วีดพร้อมกับนักดาบยอดฝีมือ
150
คนและนักบวช 30 คนบุกเข้าไปสู่ชั้นใต้ดินแล้วก็มุ่งเข้าไปสู่ปราการชั้นในของป้อมเวอร์โก้
ในช่วงแรกพวกอันเดดก็ไล่ตามเขาอยู่
แต่ไม่นานจากนั้นเหมือนกับว่าพวกมันตระหนักได้แล้วว่าพวกมันจำเป็นต้องปกป้องบัลข่านที่ชั้นใต้ดิน
พวกมันจึงหยุดการไล่ตาม
‘เราต้องทำลายภาชนะแห่งชีวิต(Life
Vessel)ที่ผนึกพลังชีวิตของลิชเอาไว้’
บัลข่านคือมอนสเตอร์ระดับตำนานที่แม้ว่าจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ก็ยังยากเกินไปที่จะฆ่าให้ตาย
แม้ว่าความแข็งแกร่งด้านเวทย์มนต์จะถูกจำกัดเอาไว้ด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ปักตรงอกเขา
แต่มันก็ยังเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดเดาเลเวลของเขาได้ เพื่อที่จะกำจัดบัลข่านให้สิ้นซากที่แม้ว่ามันจะไม่ตายทั้งที่มีดาบศักดิ์สิทธิ์ปักอกอยู่ก็ตาม
วีดจึงต้องกำจัดภาชนะแห่งชีวิตก่อนเป็นอันดับแรก
เพราะถ้าหากว่าบัลข่านถูกอัญเชิญย้อนกลับใกล้ๆกับภาชนะแห่งชีวิต
มันก็จะสามารถควบคุมกองทัพอันเดดเต็มรูปแบบได้อีกครั้ง
แล้วก็ฆ่าผู้เล่นทุกๆคนที่เข้ามาในป้อมปราการแห่งนี้
‘มันอาจจะอยู่ที่นั่นก็ได้’
มีสถานที่ที่วีดคิดว่าน่าสงสัยที่อาจมีภาชนะแห่งชีวิตอยู่
ขณะที่เขาสอดสายตามองไปรอบๆภายในป้อมปราการด้วยร่างดูมไนท์ของเขา
“เหลือเวลาไม่มากแล้ว
ออกวิ่งกันเถอะ”
“ก็ได้ ไปให้เร็วขึ้นกันเถอะ!”
วีดและเหล่านักดาบวิ่งลงไปตลอดโถงทางเดินด้วยความเร็ว
พวกเขาไม่มีเวลามาให้ลังเลอีกต่อไปแล้วขณะที่ผู้คนมากมายกำลังล้มตายไปเพราะบัลข่าน
เหล่านักบวชไม่ได้เจ็บปวดทรมานทางร่างกายมากนักตลอดชั่วชีวิตของพวกเธอ
พวกเธอเพิ่มค่าสถานะของพวกเธอโดยเฉพาะค่าความฉลาดหรือค่าความศรัทธา ดังนั้นพวกเธอจึงรู้สึกเหนื่อยง่ายเพียงแค่ออกเดินเป็นเวลานาน
เพียงแค่พยายามที่จะย่างก้าวไล่ตามวีดกับเหล่านักดาบนั้นก็เกินพอที่จะทำให้ขาของพวกเธอสั่นสะท้านแล้ว
“ขึ้นมาบนหลังข้าสิ”
เหล่านักดาบแนบแขนแล้วยื่นออกมาที่ด้านหลัง
“แต่นั่นจะดูไร้มารยาท…”
“เหตุผลที่ว่าทำไมแผ่นหลังของผู้ชายถึงกว้างมากนั่นก็เพื่อสถานการณ์เช่นนี้ละ
จนบัดนี้พวกเราก็ไม่เคยได้ใช้มันเลย แต่ว่ามันก็โอเคนะ”
เหล่านักบวชกระโดดขึ้นไปบนหลังเหล่านักดาบอันแข็งแรงอย่างหวั่นๆ
วีดผู้ที่นำบรรดานักบวชสาวๆมาก็เพื่อเหล่านักดาบนี้โดยเฉพาะ!
“อันเดด!”
พวกมอนสเตอร์ที่เฝ้าอยู่บริเวณโถงมักจะปรากฏตัวออกมาบ่อยๆแต่ว่าวีดกับเหล่านักดาบผ่านพ้นมันไปได้ด้วยการเคลื่อนไหวอันสุดแสนพิสดาร
“นี่
อยู่ทางนี้ ทักษะวิชาดาบเฮอเร็ม!”
ในตอนที่วีดชูคบเพลิงของประติมากรออกไป
พวกอันเดดก็ถูกรบกวนด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ บีบอัดกะโหลกของพวกมันด้วยความเจ็บปวดแสนทรมาน
ด้วยการใช้โอกาสครั้งนี้ฟันพวกมันด้วยดาบของเขาแล้วก็เดินหน้าต่อไป
ขณะที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่ส่วนบนของปราการชั้นใน
วีดก็ได้เห็นว่ามีการต่อสู้อันดุเดือดละเลงอยู่ทั่วทุกพื้นที่ข้างนอกของป้อมปราการ
เปลวไฟและกลุ่มควันกำลังลุกโชน เหล่าโครงกะโหลกวิ่งว่อนไปทั่วกำแพงปราการ
ภูตผีบินวนไปมาทั่วทุกที่
“เพื่อเกียรติยศของท่านบัลข่าน!”
“ฆ่าพวกเอลฟ์นั่นซะ
จงต้อนรับพวกเอลฟ์ให้มาเป็นหนึ่งในพวกเราซะ”
“มุ่งหน้าไปที่ชั้นใต้ดิน
ไปช่วยท่านบัลข่านกันเถอะ”
ระหว่างทางเดินพวกอันเดดรวมตัวกันเป็นกลุ่มๆป้วนเปี้ยนไปมา
ทุกๆครั้งที่พวกเขาเข้าไปใกล้ๆ วีด เหล่านักดาบและนักบวชก็จะเข้าไปในห้องที่ว่างๆเพื่อซ่อนตัว
รอให้พวกมันผ่านไป
“ศิษย์พี่
ไปต่อกันเถอะ”
จุดหมายปลายทางที่วีดเลือกที่จะเดินทางไปคือชั้นสามของป้อมปราการชั้นใน
เมื่อผ่านประตูเหล็กกล้าที่มีแวนดัลไนท์ 20 ตนเฝ้ายามอยู่
เขาคาดเดาว่าข้างหลังประตูนั้นอาจจะมีภาชนะแห่งชีวิตอยู่
‘อาจจะมาถูกที่แล้วก็ได้’
พวกลิชจะซ่อนภาชนะแห่งชีวิตของพวกมันเอาไว้อย่างมิดชิดมากๆ
วีดไม่สามารถเข้าไปในนั้นได้แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงจากการป้องกันที่แน่นหนาขนาดนั้น
“ผู้บุกรุก”
“พวกมนุษย์ช่างบังอาจนักที่มาต่อต้านท่านบัลข่าน”
ทันทีที่พวกเขาไปถึงประตูเหล็ก
พวกแวนดัลไนท์ก็เข้ามาประจันหน้าต่อสู้กับพวกเขา ขณะที่เหล่านักบวชกำลังร่ายเวทย์พรศักดิ์สิทธิ์และเวทย์รักษา
พวกนักดาบก็กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด
ส่วนวีดก็เข้าไปประจันหน้ากับแวนดัลไนท์ตัวหนึ่ง
“ข้าคืออัศวิน นามว่าเอลเลียต”
“ข้าคือวีด
ได้พบกันเช่นนี้ช่างเป็นเกียรติยิ่งนัก”
ด้วยสัญชาตญาณ
วีดจึงพยายามเพิ่มความใกล้ชิดกับเขาเอาไว้
สันดานของการเยินยอกับอันเดดระดับสูงยังคงฝังลึกอยู่ภายในตัววีด
“มาถึงที่นี่
เจ้าก็ต้องตาย ทักษะวิชาดาบฟาร์เฮด”
จากนั้นเจ้าแวนดัลไนท์ตัวนั้นก็ก้าวออกมาข้างหน้า
ขณะที่วีดยังคงอยู่ในร่างของอันเดดอยู่นี่
เขาจึงอยากจะลองต่อสู้กับอันเดดระดับแวนดัลไนท์ดูบ้างซักครั้ง อุปกรณ์ที่พวกมันสวมใส่อยู่นั้นไม่ธรรมดาเลย
แถมด้วยระดับเลเวลของวีดตอนนี้ การได้ฆ่าแวนดัลไนท์ซักตัวคงให้ค่าประสบการณ์เขามากโข
วีดที่เคยเรียนทักษะช่างตีเหล็กมาก่อน
เพียงแค่มองแปบเดียวเขาก็สามารถประเมินราคาหรือข้อมูลเฉพาะของอุปกรณ์ได้แล้ว
พวกแวนดัลไนท์ปกคลุมร่างกายเอาไว้ด้วยชุดเกราะอันหนักอึ้ง ดังนั้นพลังป้องกันของพวกมันจึงสูงมากๆ
แต่ในทางกลับกันพวกมันก็มีความยืดหยุ่นต่ำลง
“ไสหัวออกไปจากดินแดนของท่านบัลข่านซะ!”
ทุกครั้งที่พวกแวนดัลไนท์ฟันดาบของพวกมัน
ก็จะมีพลังงานมืดมนแผ่ออกมา แล้วก็กวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในรัศมี 5 เมตร แค่สะกิดเพียงนิดเดียวมันก็กินค่าพลังชีวิตของวีดไปมากมายมหาศาล
“ทักษะใบมีดแกะสลักแสงจันทร์!”
วีดฟันดาบที่ส่องแสงลุ่มลึกออกมาฟาดใส่เหล่าแวนดัลไนท์
เขาชอบที่จะเข้าไปต่อสู้แบบระยะประชิดแต่ทว่ามันคงยากไปที่จะโจมตีพวกมันได้ตรงๆ เพราะงั้นเขาถึงได้เลือกใช้ทักษะใบมีดแกะสลักแสงจันทร์นี้
“ว๊าววว น่าทึ่งมาก!”
“มันสวยมากจริงๆ!”
แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันนี้
เหล่านักบวชก็ยังปล่อยความรู้สึกประทับใจที่มีต่อวีดออกมา
มันคือทักษะที่งดงามที่สุดเท่าที่พวกเธอเคยเห็นมา!
เมื่อเทียบกับแสงสีขาว
สีดำ หรือสีแดงฉานที่พุ่งออกมาจากทักษะพิเศษของพวกนักดาบ ทักษะนั้นช่างดูลุ่มลึกและเจิดจรัส
แต่ทว่าค่าความเสียหายนั้นยังด้อยเกินไปเมื่อเทียบกับเอฟเฟคของมัน มันเป็นทักษะที่มีประโยชน์มากโดยไม่สนค่าพลังป้องกันของศัตรู
แต่มันกลับไม่สามารถผลักศัตรูออกไปด้วยแรงของมันได้ แถมระยะการโจมตีของมันยังไม่กว้างอย่างที่คิด
เพราะยังงั้น มันจึงกินค่ามานาไปตั้งสามเท่าเมื่อเทียบกับทักษะใบมีดแกะสลักนี้
หลังจากที่เขาเชี่ยวชาญทักษะวิชาดาบเฮอเรม
เขาก็แทบจะไม่ได้ใช้มันมาซักพักแล้ว
แต่ทว่าตอนนี้เขาสามารถใช้มันได้เท่าที่เขาต้องการ
เขาถือคบเพลิงที่แกะสลักมาจากฮีเลียมเพื่อช่วยเสริมค่ามานา มันให้ความรู้สึกเหมือนกับได้รับเงินเดือนเดือนแรกจากบริษัทแล้วก็ออกไปกินเลี้ยงกับเพื่อร่วมงาน!
“ใช่แล้ว
เข้าไปโจมตีพวกมันพร้อมๆกันไปเลย”
วีดเริ่มเข้าไปโจมตีพวกแวนดัลไนท์จนสลายเป็นผุยผง
อันเดดแวนดัลไนท์นั้นมีระดับสูงกว่าพวกดูมไนท์!
ทั้งสองฝ่ายต่างไม่สนใจการป้องกันของพวกเขา
การต่อสู้ที่ห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดนั้นดำเนินไปด้วยการที่ทั้งสองฝ่ายแลกการโจมตีกันไปมา
วีดได้รับความเสียหายมาบ้างเหมือนกัน แต่เขาก็ได้รับการรักษาจากพวกนักบวช
ส่วนค่าความยืดหยุ่น ค่าความคงทน และค่าพลังป้องกันจากอุปกรณ์ของเขาก็ค่อนข้างสูง
เพราะว่ามีเหล่านักบวชอยู่ด้านหลัง เขาจึงสามารถมีสมาธิอยู่กับการล่าได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก
ท่านได้รับรองเท้าบูทของเอลเลียท
|
ท่านได้รับสื้อคลุมของเอลเลียท
|
ท่านได้รับเงิน
81
เหรียญทอง 34 เหรียญเงิน และ 58 เหรียญทองแดง
|
ได้รับไอเท็มยูนีค!
เมื่อเขาจัดการแวนดัลไนท์ได้แล้ว
เหล่านัดดาบเองก็จบการต่อสู้แล้วด้วยเช่นกัน เหล่านักดาบที่ออกไปต่อสู้กับศัตรูจำนวนมากจบลงด้วยคนบาดเจ็บมากมาย
“อึก…เป็นการต่อสู้ที่หนักหนาจริงๆ”
“แต่ทุกคนก็ต่อสู้ได้ดีนะ”
พวกเขาออกไปต่อสู้กับทุกอย่างที่ปรากฏตัวออกตรงหน้านักบวชสาวทั้งหลาย
แถมยังจงใจรับการโจมตีเพื่อที่จะได้รับการรักษาอีกซักครั้ง
“ทีนี้หละ
ถ้าเราเปิดประตู….”
เหล่านักดาบกับนักบวชยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
แต่วีดก็ยังตรงดิ่งไปที่ประตูเหล็กบานนั้น
ยังคงมีพวกอันเดดเดินป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆป้อมปราการเวอร์โก้
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพักได้เลย นักดาบ15 เอากุญแจที่เขาดร็อปได้มาจากพวกแวนดัลไนท์
เขาเสียบลูกกุญแจเข้าไปข้างในแล้วก็ปลดล็อค
กริ๊ก!
ล็อคประตูถูกปลดแล้ว
‘ตอนนี้เราก็สามารถฆ่าบัลข่านได้แล้ว ช่วงเวลาสุดท้ายของลิชบัลข่าน ดีมอฟ
มอนสเตอร์ระดับตำนานได้มาถึงแล้ว’
วีดผลักประตูด้วยมือทั้งสองข้างเต็มแรง
แล้วเขาก็ต้องรู้สึกอึ้ง
“โอ้โหวววววว ช่างเป็นที่ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
เขาคาดเอาไว้ว่าภาชนะแห่งชีวิตจะต้องถูกเอาไว้ภายในห้องนี้แน่
แต่กลับกลายเป็นว่าห้องนี้เต็มไปด้วยกองภูเขาดาบโบราณ
ชุดเกราะโบราณแล้วก็สมบัติล้ำค่าต่างๆนานา
สถานที่ที่วีดและเหล่านักดาบพึ่งเข้ามานี่ก็คือห้องสมบัติของป้อมปราการเวอร์โก้นั่นเอง
“ทั้งหมดนี้มันมากแค่ไหนกันนะ”
รอยยิ้มของวีดยืดออกกว้างราวกับว่ามันจะถูกฉีกออก
เหรียญทองในหม้อโถและหีบสมบัติดูมีราคามากกว่า 100,000 เหรียญทอง
แต่ทว่าตามราคาตลาดแล้วการมุ่งความสนใจไปที่ดาบกับชุดเกราะนั้นดูจะมีราคามากยิ่งกว่าซะอีก
“อาจจะมีไอเท็มเวทย์มนต์ของบัลข่านอยู่บ้างก็ได้”
จากข้อกำหนดของไอเท็มและค่าความหายาก
ไอเท็มเวทมนต์ที่สร้างขึ้นมาด้วยฝีมือของบัลข่านจะทำเงินได้จำนวนมหาศาล
อย่างพวกคทาที่ขยายพลังเวทย์ได้มากขึ้น
หรือว่ารองเท้าบูทที่ทำให้คุณสามารถลอยบนฟ้าแล้วก็เดินบนผิวน้ำได้
“แจ๊คพอต!”
ขณะที่วีดกำลังรู้สึกดีใจอย่างเหลือล้น
ก็มีความคิดอกุศลผุดขึ้นมา!
‘ฉันควรมาที่นี่เพียงลำพัง…’
เหล่านักดาบ
นักบวชและมาเรย์ที่ตามเขามาเพื่อแต่งเพลงใหม่ เพราะว่ามีพวกเขามาด้วยเขาจึงจำเป็นต้องแบ่งให้คนอื่นด้วย
ขณะที่วีดคือคนเดียวที่นำภารกิจครั้งนี้ เขาจึงมีได้รับสิทธิความเป็นเจ้าของในสัดส่วน
30%
จากสมบัติที่พวกเขาพบ
ส่วนที่เหลือก็จะถูกแบ่งออกไปตามจำนวนผู้เข้าร่วมภารกิจ
บนโลกใบนี้นั้นมันช่างเป็นโลกที่ทำให้เราใจสลายที่ต้องแบ่งปันถั่วซักเม็ดหนึ่งก็ถือว่ายากแล้ว
แล้วคุณจะอยากแบ่งกองภูเขา ทอง เงิน สมบัติ แล้วก็ไอเท็มนั้นได้ยังไงกันหละ!
แล้วความคิดที่สองก็ผุดขึ้นมาในหัวของวีดที่คิดว่าการแบ่งสมบัตินั้นไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย
แต่พวกเขาจะสามารถโกยเอาทอง เงินแล้วก็สมบัติพวกนี้ได้ ถ้าพวกเขาชนะการต่อสู้ต่างหากละที่เป็นปัญหาหลัก
ใบหน้าของวีดกลับมาดุดันอีกครั้ง
‘ภาชนะแห่งชีวิตของบัลข่านไม่อยู่ที่นี่’
จากความเป็นจริงแล้ว
สถานที่แห่งนี้นั้นคือใจกลางของป้อมปราการชั้นในที่เต็มไปด้วยยามเฝ้าแน่นหนามากเอาการ
เขาจึงมั่นใจว่าที่แห่งนี้ต้องใช่แน่ๆ
แต่กลับเป็นว่า……
วีดส่งกระซิบไปหาเมแพนอย่างเร่งรีบ
-สถานการณ์ทางบัลข่านเป็นยังไงบ้าง?
คำตอบถูกส่งกลับมาในไม่ช้า
-บัลข่านยังคงอัญเชิญพวกอันเดดออกมาเรื่อยๆเลยครับ
-ค่าพลังชีวิตของเขาละ?
-พวกนักบวชมานาเกือบจะหมดละครับ
มันสูบมานากับค่าพลังชีวิตไปจากพวกนักดาบกับพวกพาลาดิน มันเลยยังโอเคอยู่ครับ
ตราบเท่าที่เขายังไม่สามารถทำลายภาชนะแห่งชีวิต
เขาก็จะฆ่าบัลข่านให้ตายก็ไม่ได้ แล้วการต่อสู้ก็จะล้มเหลวไปโดยปริยาย แล้วก็มีความเป็นไปได้ว่ามนุษย์ทั้งหมดที่เข้ามาภายในป้อมปราการเวอร์โก้คงจะถูกฝังอยู่ที่นี่แน่
‘พวกเราต้องหาภาชนะแห่งชีวิตให้พบ
มันต้องอยู่ในป้อมปราการเวอร์โก้แห่งนี้แน่ๆ คงไม่มีทางเป็นที่อื่นไปได้ ที่นี่คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
แถมยังมีการป้องกันหนาแน่นโดยพวกอันเดดอีก’
ในสถานการณ์คับขัน
สมองของวีดก็ยิ่งทำงานเร็วขึ้น! ภายในห้องที่บัลข่านอยู่ตอนนี้
ไม่มีสถานที่แน่ชัดให้ซ่อน ถึงแม้กระนั้นภาชนะแห่งชีวิตก็คงไม่ถูกซ่อนในขวดไวน์ซุกเอาไว้ใต้ดินแน่ๆ
‘มันต้องเป็นสถานที่ที่บัลข่านรู้สึกปลอดภัยไร้กังวลมากยิ่งกว่าสถานที่ที่ถูกเฝ้ายามโดยพวกแวนดัลไนท์’
เมื่อมองกลับไปผ่านความทรงจำที่มีของเขาอย่างใจเย็น
เขาก็จะสามารถนึกถึงสถานที่ที่เป็นไปได้ที่ซ่อนภาชนะแห่งชีวิตเอาไว้ มีหลายๆครั้งที่คิดได้ว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยกว่าปราการชั้นนอกหรือปราการชั้นใน
มันอยู่ตรงที่ชั้นบนสุดของหอคอยกลางในป้อมปราการเวอร์โก้ตรงที่มีมังกรกระดูกทั้งสามบินอยู่รอบๆ!
ทุกๆคนรู้สึกเหนื่อยล้าจากการแทรกซึมเข้าไปปราการชั้นในของป้อมปราการเวอร์โก้และยังต้องตีฝ่าพวกอันเดดอีก
แต่ทว่า ณ
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องไปต่อสู้กับพวกมังกรโครงกระดูกทั้งสาม
กองทัพพันธมิตรของเหล่าเอลฟ์
คนเถื่อน และคนแคระยังไม่สามารถทำลายส่วนนอกของป้อมปราการเวอร์โก้และยังพยายามต่อสู้ไปเรื่อยๆ
ถ้าหากว่านักรบทุกๆคนของแต่ละเผ่าพันธุ์มาต่อสู้ พวกเขาคงจะสามารถทำลายป้อมปราการส่วนนอกได้แล้ว
แต่กองกำลังหลักของพวกเขาก็ไม่ได้กรีธาทัพมาต่อสู้เพราะว่าพวกเขาจำเป็นต้องปกป้องราชินีภูติ
โชคยังเข้าข้างกองกำลังพันธมิตร
เพราะกองกำลังอันเดดก็ถูกแยกกำลังออกไปเช่นกัน ภายในป้อมปราการชั้นใน
ก็ยังมีข้อจำกัดทางจำนวนของทหารที่สามารถต่อสู้จากโถงทางเดินแคบๆอีกด้วย
“ฆ่าพวกมันให้หมด”
“เพื่อความรุ่งโรจน์!”
จากบนพื้นภายในบริเวณเนินเขาที่อยู่ใกล้ๆ
พวกอันเดดก็ลุกขึ้นมาแล้วก็มุ่งหน้าไปยังป้อมปรากรส่วนนอกอย่างกับกระแสน้ำ
“ขับไล่พวกอันเดดออกไป
จงกล้าหาญแล้วรู้ไว้ว่าเจ้ากำลังกอบกู้อิสรภาพเพื่อดินแดนของพวกเรา”
เหล่าเอลฟ์
เหล่าคนแคระและเหล่าคนเถื่อนได้ต่อสู้อย่างดุเดือด ขณะที่ความโกลาหลที่กำลังดุเดือดตรงป้อมปราการชั้นนอก
วีดกลับกำลังรู้สึกสั่นสะท้านแบบสุดๆ
‘มังกรกระดูกทั้งสามอย่างงั้นหรอ….’
มังกรกระดูกธรรมดานั้นก็ถือว่าน่ากลัวมากพอแล้ว
แต่นี่มันมังกรโครงกระดูกที่เป็นผลงานชิ้นเอกที่สร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือของบัลข่าน
‘ฉันเดาว่าเราคงไม่มีทางเลือกสินะ’
ความหัวดื้อเช่นนั้นจะเผาผลาญตัวเขาก็ต่อเมื่อตัวเขาเข้าไปสู่ความยากจนและย่างเท้าก้าวเดินเข้าไปต่างหากล่ะ!
“ศิษย์พี่ครับ พวกเราจำเป็นต้องสู้กับพวกมังกรกระดูกตรงหอคอยกลางเพื่อที่จะฆ่าบัลข่านให้ได้
พวกพี่คิดว่าเราควรจะทำยังไงหรอครับ?”
เขาถามความคิดเห็นของเหล่านักดาบเผื่อว่าพวกเขามีความคิดดีๆ
“พวกเราก็แค่กำจัดพวกมันซะ”
“แล้วเราจะปล่อยให้ไอเท็มดาบเจ๋งๆนอนเอ้งเม่งอยู่ที่นี่น่ะหรอ?”
เป็นการตกลงใจในชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น!
จริงๆแล้ว
วีดรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างขาดหายไปหากเขาไม่เข้าไปต่อสู้กับมังกรกระดูกพวกนั้น
“ทางนี้”
มีกำลังเสริมอันเดดเพิ่มมากขึ้นภายในโถงทางเดินขณะที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่หอคอยกลาง
หากพวกเขามัวแต่จัดการพวกอันเดดที่เข้ามาใกล้ตอลดทางไปหอคอยกลางนี่
มันคงใช้เวลานานมากและพวกเขาอาจจะโดนกวาดล้างเองก็ได้
“เราต้องไปทางลัด
ผมจะนำไปก่อนนะ รักษาระยะแล้วก็ตามผมให้ทันหละครับ”
จากนั้นวีดก็ทุบหน้าต่างแล้วออกไปตรงกำแพงข้างนอก
ด้านนอกนี้มีสายลมหนาวสะท้านซัดมา พวกการ์กอยล์ก็กำลังบินไปมารอบๆ
“มนุษย์นิ”
“ฆ่ามันนน!”
พวกนักธนูโครงกระดูกกำลังยืนเฝ้ายามอยู่บนกำแพงป้อมปราการหรือหอคอยพวกนั้นก็เริ่มยิงธนูไปที่วีด
วีดยึดส่วนที่ยื่นออกมาเอาไว้แล้วก็ปีนออกไปตามกำแพง
“ทักษะวิ่งสี่ขา!”
แซก แซก
แซก แซก
เขาเคลื่อนที่ไปอย่างกับแมงมุมท่ามกลางลูกธนูที่ตกลงมาดั่งห่าฝน
กระโดดขึ้นไปอยู่บนซากของกำแพงป้อมปราการที่ผุพังหรือส่วนหินที่ยื่นออกมา
แล้วเขาก็โหนตัวเอาไว้กับมัน
“ยิงเจ้ามนุษย์คนนั้นก่อน”
“มันดูเหมือนจะเป็นคนที่ชั่วร้ายที่สุด
เราต้องฆ่ามันให้ได้ก่อน เพื่อท่านบัลข่าน”
พวกนักธนูโครงกระดูกเล็งการโจมตีไปที่วีด
กี๊กกกกกกกกกกกกกกก!
แม้แต่พวกการ์กอยล์ก็เข้ามาประชิดตัวพลางใช้จะงอยปากจิกไปที่ตัววีด
“ทักษะใบมีดแกะสลักแสงจันทร์!”
ในสถานการณ์เสียเปรียบที่ต้องห้อยโหนอยู่บนกำแพงแบบนี้
วีดก็ยังสามารถใช้แขนซ้ายไม่สมประกอบของเขาเหวี่ยงดาบได้อยู่ดี
เขากวาดดาบเล็งไปทางพวกศัตรูจนทำให้พวกนักดาบ
มาเรย์และพวกนักบวชสามารถไปขึ้นไปถึงตรงยอดได้อย่างปลอดภัย
“ฆ่าไอ้มนุษย์ที่ไต่อยู่บนกำแพงนั่นซะ”
“มาแสดงให้มันเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเหล่าอันเดดกันเถอะ”
ตรงบริเวณพื้นดิน
พวกนักเวทย์โครงกระดูกกำลังรวบรวมพลังเวทย์เอาไว้ที่มือแล้วก็ยิงออกไป
หน้าต่างข้อความที่แจ้งว่าเขาโดนโจมตีก็เด้งขึ้นมาเรื่อยๆ
ค่าพลังชีวิตคงเหลือ 36,789
|
‘ฉันกำลังจะตายอย่างนี้งั้นหรอ’
วีดไต่กำแพงไปถึงตรงหลังคาของป้อมปราการวาร์โก้แล้ว
เพราะว่าหลังคาของปราการชั้นในนั้นมีลักษณะลาดเอียง
เขาจึงสามารถมองเห็นหอคอยใหญ่หลังอื่นๆตั้งขึ้นสูงกว่าหลังคาที่เขายืนอยู่
ขณะที่กำลังไล่ล่าวีด
พวกการ์กอยล์กับค้างคาวก็โจมตีเขาด้วยเวทย์มนต์
แถมยังมีลูกธนูยิงไปที่เขาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ตอนนี้ค่าพลังชีวิตของเขาเหลืออีกแค่
15%
เท่านั้น
เขาจำเป็นต้องซื้อเวลาให้เหล่านักดาบและนักบวชที่กำลังขึ้นไปที่ยอดของหอคอยกลางด้วยทางลัด
“ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้
เดาว่าฉันคงไม่มีทางเลือกแล้วสินะ”
วีดเอาประติมากรรมของเขาออกมา
ผลงานประติมากรรมชั้นเยี่ยมที่แกะขึ้นจากบรอนซ์ตั้งชื่อว่า ‘พ่อค้าผู้โอบอุ้มแจปเท็ม’ (Japtem Embracing Merchant)
“ฉันไม่อยากใช้ทักษะนี้อีกเลยแหะ…แต่ฉันคงอยู่ในสภาพที่จู้จี้มากไม่ได้ซะแล้วในเมื่อฉันต้องไปสู้กับพวกมังกรกระดูกพวกนั้น
ประติมากรรมวินาศ! เพิ่มทุกอย่างไปที่ค่าความว่องไว”
วีดบดขยี้ประติมากรรมด้วยมือของเขา
และในตอนนั้นเอง
ร่างกายของวีดก็เรืองแสงออกมา
ท่านได้ใช้ทักษะประติมากรรมวินาศ
|
ช่างน่าเศร้า! ความเศร้าโศกของการทำลายผลงานประติมากรรมชั้นเยี่ยม
ค่าสถานะทางศิลปะหายไป
5
แต้มแบบถาวร ค่าชื่อเสียงลดลง 100 แต้ม
|
ค่าสถานะทางศิลปะเปลี่ยนไปเป็นค่าความว่องไวในอัตราส่วน
1:4
เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
|
เพราะค่าสถานะทางศิลปะของท่านสูงเกินไป
ค่าความว่องไวจึงต่ำ การเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้นในทันที
|
ค่าความว่องไว
850
แต้มถูกเปลี่ยนไปทำให้เกิดเป็นทักษะขั้นสูงเลเวล 8 ‘ทักษะโลดแล่นดั่งสายลม’ (Wind Sprinting) ด้วยการใช้มานาของท่าน
ท่านสามารถวิ่งหรือแล่นไปตามสายลม
|
ค่าความว่องไว
410
แต้มถูกเปลี่ยนไป ทำให้เกิดทักษะขั้นสูงเลเวล 4 ‘ทักษะแทรกแซงโชค’ (Lucky Intervention) โชคลางที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญจะเกิดขึ้นบ่อยๆ
ท่านสามารถใช้ทักษะนี้สามครั้งเพื่อเพิ่มค่าการโจมตีให้รุนแรงขึ้น
|
ค่าความว่องไว
520
แต้มเปลี่ยนไปทำให้เกิดทักษะขั้นสูงเลเวล 6 ‘ทักษะโจมตีแมนยำ’ (Accurate Attack) โอกาสในการโจมตีติดคริติคอลสูงขึ้น
โอกาสโจมตีเพิ่มมากขึ้น
|
ความเชี่ยวชาญในการแกะสลักเพิ่มขึ้น
|
ร่างกายของวีดรู้สึกเบาราวกับขนนก
“ดีพอเอาไปใช้วิ่งแข่ง100
เมตรเลยนะเนี่ย”
ในโรยัลโร้ด
การเปลี่ยนแปลงในค่าสถานะนั้นก็มีผลกับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพด้วยเช่นกัน
ในระดับเริ่มต้น มันใช้เวลาราวๆ 30 วินาทีเพื่อวิ่งระยะ 100
เมตร ถ้าหากว่าคุณสวมใส่ชุดเกราะอยู่ มันก็อาจจะใช้เวลาเป็นนาทีเลยทีเดียว
แต่ทว่าด้วยการเพิ่มค่าความแข็งแกร่งและค่าความว่องไว
ความเร็วก็จะค่อยๆเพิ่ม ต่อมาก็จะวิ่งโดยใช้เวลา 10 วินาทีเทียบเท่านักกีฬาเลยทีเดียว
และขณะที่เลเวลเพิ่มขึ้นความเร็วในการวิ่งก็จะเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
ค่าความอดทนของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
เขาคงไปวิ่งมาราธอนได้ตราบเท่าที่กำลังกายของเขายังเหลืออยู่
ลูกธนูที่ยิงออกมาสร้างรอยข่วน
ค่าพลังชีวิตลดลง 130
หน่วย
|
ลูกธนูที่บินมาจากพวกโครงกระดูกไม่ได้โดนวีดอย่างจังแล้วก็หล่นลงไป
มันคงเป็นผลของค่าความว่องไวที่เขาไม่จำเป็นต้องเคลื่อนที่มากนักก็สามารถหลบหลีกได้แล้ว
“งั้นฉันควรโต้กลับไปดีหรือเปล่านะ?”
วีดดึงคันธนูไฮท์เอลฟ์แห่งยูโรกิออกมา
ราคาของลูกธนูแต่ละดอกนั้นน่าเศร้ามาก แต่ว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เขาต้องใช้มันแล้ว! ถ้าไม้กับเหล็กนั้นหาได้ง่าย เขาก็คงสามารถใช้ทักษะช่างตีเหล็กสร้างลูกธนูได้
300 ดอกไปแล้ว
วีดวิ่งไปมาบนยอดหอคอยและตรงหลังคา
เขาเร็วเกินไปที่พวกค้างคาวกับการ์กอยล์จะไล่ตามเขาได้ทัน
วีดขึงลูกธนูใส่สายแล้วก็ยิงไปที่พวกโครงกระดูก
พวกมันดูเหมือนกำลังบินไปผิดทาง
แต่พวกมันก็ค่อยๆเปลี่ยนทิศทางของพวกมันอีกทีแล้วก็ยิงโดนพวกศัตรูเข้าอย่างจัง!
จิตวิญญาณแห่งวารีได้สร้างความเสียหายเพิ่มขึ้น
|
น้ำวนปรากฏขึ้นมากวาดล้างพวกโครงกระดูกจนหมดสิ้น
“โจมตีมัน!”
“ฆ่าเจ้ามนุษย์นั่นก่อน”
วีดฟันดาบใส่พวกการ์กอยล์ที่เข้ามาประชิดตัวเขาแล้วก็ยิงลูกธนูไปที่พวกนักธนูโครงกระดูกขณะที่กำลังวิ่งไปมารอบๆหลังคา
ลูกธนูของพวกนักธนูโครงกระดูกทั้งหมดเล็งไปที่เขา
ส่วนพวกการ์กอยล์ที่นั่งอยู่บนกำแพงป้อมปราการและบนหอคอยก็บินไปตรงจุดเดียวเพื่อโจมตี
ความรู้สึกยินดีที่เต้นระรัวทะลักออกมาจากความเร็วอันบ้าบิ่นนั้น!
วีดวิ่งไปรอบๆป้อมปราการเวอร์โก้ที่แสนอันตรายอย่างอิสระจนไม่อาจหาใครเทียบทาน
ในขณะที่วีดดึงมือของเขาออก
ลูกธนูก็จะยิงออกไปที่พวกนักธนูโครงกระดูก แม่นราวกับจับวาง
-ท่านได้รับลูกธนูเหล็ก
เขายิงลูกธนูออกไปทันทีที่มันกลับคืนมาหาเขา
เพลมองไปที่บัลข่านด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“มอนสเตอร์ตัวนี้
แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ”
ถึงแม้ว่าจะมีพวกเนโครแมนเซอร์มากมาย
แต่พวกเขาก็ไม่สามารถอัญเชิญซากศพทุกซากมาต่อสู้กับบัลข่านได้ แถมพวกอันเดดที่ถูกบัลข่านอัญเชิญมาระดับอย่างต่ำก็เป็นดูมไนท์
ดูมไนท์ระดับหัวกะทิ
ดูมไนท์ระดับหัวหน้า
ดูมไนท์จอมเชือด
ดูมไนท์ที่เอาโรคระบาดมาด้วย
พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นมอนสเตอร์ระดับมีชื่อทั้งนั้น
แถมยังมีแวนดัลไนท์ถูกอัญเชิญออกมาอีกห้าตน
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการโจมตีของบัลข่านเข้ามาผสมโรงอีก
พวกพาลาดินและนักดาบจำต้องสู้กับพวกองครักษ์ระดับพระกาฬของบัลข่านต่อไปเรื่อยๆขณะที่ยังต้องทุกข์ทรมานจากคำสาปต่างๆนานาอีก
แถมบัลข่านยังต้านทานมนต์เยียวยาอันเดดจากพวกนักบวชได้อีก
เนื่องจากเขาใช้เวทย์ออร่าแห่งความตาย เขาจึงสูบมานากับพลังชีวิตเอาไปให้พวกอันเดด
เหล่าพาลาดินก็ไม่อาจขัดขืนได้แต่แสดงความหวาดกลัวออกมา
“ข้าคิดว่าจำนวนอันเดดกำลังเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆเลยนะ”
“บัลข่านจะตายเร็วๆนี้ใช่ไหม?”
“เราจะฆ่าเขาได้ไหมเนี่ย? ฉันคิดว่าเราจะกลายเป็นฝ่ายที่โดนกวาดล้างแทนนะคะ!”
โรมุนะพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“ถ้ามันไม่สายเกินไป ฉันควรจะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นเนโครแมนเซอร์ดีหรือเปล่านะ?
ถึงแม้ว่ามันจะยากลำบาก ถ้าฉันได้กลายไปเป็นลิชละก็….”
ความแข็งแกร่งของลิชที่สามารถควบคุมทั้งอาณาจักรได้
ถึงแม้จะถูกจำกัดพลังเอาไว้ด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ณ
เวลาเดียวกัน บรรดาสถานีออกอากาศก็ถูกปกคลุมไปด้วยความกังวลอันท่วมล้น การต่อสู้ที่อยู่ในชั้นใต้ดินตรงที่บัลข่านอยู่
เหล่าอันเดดกำลังห้ำหั่นกับเหล่าพาลาดินและเหล่านักบวช คงจะพูดได้ว่ามันคือการต่อสู้ระหว่างธรรมกับอธรรม
เหล่านักดาบกำลังเล่นบทบาทอันยิ่งใหญ่
แต่ว่ามนต์เนโครแมนเซอร์ของบัลข่านก็ทรงพลังจนน่าหวาดหวั่นที่สร้างความเสียหายมากมายจริงๆ
กองกำลังอันเดดของเขาค่อยๆเพิ่มมาเรื่อยๆ
ปัญหาอีกอย่างนั่นก็คือพวกเขายังต้องสกัดกองทัพอันเดดที่บุกเข้ามาทางบันได
ดังนั้นกองกำลังรบของพวกเขาจึงจำเป็นต้องแยกออกจากกัน
ในทางตรงกันข้าม
วีดกำลังวิ่งไปมารอบๆหลังคาของปราการเวอร์โก้ขณะที่ต้องต่อสู้ไปด้วย
เขาต้องยิงธนูขณะที่ไถลลงมาตามหลังคาแล้วกระโจนออกไปอย่างไม่เกรงกลัว
ฟาดฟันเหล่าการ์กอยล์ด้วยทักษะใบมีดแกะสลักแสงจันทร์สีสันสดใส
ฉากการต่อสู้ที่กระตุ้นจังหวะหัวใจโดยมีฉากหลังเป็นป้อมปราการเวอร์โก้
มันคงเป็นฉากที่เพียงพอที่จะนำขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆของหอเกียรติยศ ด้วยการฉายภาพของช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุด
เหล่าผู้ชมจึงไม่อาจละสายตาออกไปจากมันได้เลย
“เราต้องออกอากาศทางฝั่งไหนหรอครับ?!”
เสียงส่วนใหญ่พวกเขารู้สึกว่าการต่อสู้กับบัลข่านนั้นสำคัญมากๆ
ดังนั้นพวกเขาจึงออกอากาศทางฝั่งนั้น
แต่เพราะว่ามีหลายๆความคิดเห็นของผู้ชมก็ต่างสงสัยสิ่งที่เกิดขึ้นทางฝั่งวีดเช่นกัน
แล้วพวกเขาก็เปลี่ยนไปที่ฉากนั้นอีกครั้ง
-แล้วการต่อสู้กับบัลข่านเป็นยังไงบ้างหละ?
-ฉายภาพวีดที่อยู่บนหลังคาสิ
เขาต่อสู้ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์อย่างกับว่าเขาอยู่พื้นที่โล่งๆได้ยังไงกันนะ?
|
หรือเพราะว่าเขาคือวีด?
|
ฉันเริ่มเบื่อออกล่าในดันเจี้ยนละนะ
ถ้าฉันกลายเป็นผู้เล่นระดับสูง ฉันจะต่อสู้แบบวีดได้หรือป่าวนะ? แต่ฉันก็ยังคิดว่าการไปต่อสู้กับมอนสเตอร์ทั้งฝูงอย่างในป้อมปราการเวอร์โก้เป็นการฆ่าตัวตายอยู่ดี
|
พวกเขาจะสามารถชนะการต่อสู้ได้หากฆ่าบัลข่านได้…เปลี่ยนไปทางฝั่งบัลข่านสิโว้ยย
|
พวกแกทำอะไรนะ
ฉันกำลังดูอยู่นะเว้ย!
เปลี่ยนช่องกลับไปทางวีดสิเฟ้ย!
|
ด้วยคำร้องขอที่ดุเดือดลุกเป็นไฟจากเหล่าผู้ชม
บรรดาสถานีออกอากาศก็ต้องทนรับคำก่นด่าต่างๆนานาไม่ว่าอะไรก็ตามที่พวกเขากระทำลงไป
จบตอน
ผู้แปล:
Cole’s Myth
Editor: แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล
ขอบคุณครับ แยกออกไปหาหัวใจที่เก็บไว้แบบ คนมี่คุณก็รู้ว่าใครสินะครัช
ตอบลบ- วีดเอ๋ย แกทำให้ผู้คนทั้งลุ้น ทั้งสับสนไปทั้งคนดูในนิยาย และคนอ่านเรื่องของแก -
ตอบลบขอบคุณผู้แปล ขอบคุณแอดฯครับ
ขอบคุณครับ รอตอนต่อไปเลยครับ
ตอบลบทำให้ลุ้นทั้ง2ทาง ฮ่าๆ
ตอบลบไม่รีบหาให้เจอนี่ได้ตายกันเป็นเบือแน่
สวดยวดตามเคยคับ
ตอบลบเราจะติดตามอ่านเพจท่านต่อไป
ขอบคุณทีมแปลครับ อ่านสนุกมาก เนื้อเรื่องกำลังมันย์สุดๆ
ตอบลบเป็นปรื่มสุดๆ
ตอบลบสถานีปวดหัว ฉายคนละครึ่งจอเลยดิจะได้ไม่บ่น
ตอบลบขอบคุณ
ตอบลบแบ่งฉากแยกเป็น2ช่องใน1จอดอ
ตอบลบขอบคุณครับผม
ตอบลบ