เล่ม
36 ตอนที่ 9 : กองทัพเอ็มบินยู แปลโดย Patty
“ชีวิตก็เหมือนกับกระเทียม ไม่สำคัญว่ามันจะสั้นแค่ไหน
มันก็ยังคงเผ็ดร้อนเสมอ”
วีดพยักหน้าอย่างเชื่อมั่นในตนเอง
เขานำกองทัพมุ่งหน้าไปยังป้อมกราการดัลมอร์
แต่ก็กังวลเกี่ยวกับภารกิจที่ยากลำบาก ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าตนเองนั้นช่างโชคร้ายเสียนี่กระไร
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขามองย้อนกลับไปในตอนนั้น...
“มันก็ไม่ได้ขนาดนั้น ชาติที่แล้วฉันคงต้องขายประเทศขนาดใหญ่ไปแน่ๆ
(เมื่อก่อนอิตาวีดมันคิดว่ามันซวยขนาดที่ว่าชาติที่แล้วคงหลอกขายกาแล็กซี่ไป)”
ผู้คนมักจะชอบแก้ปัญหาที่สำคัญๆ แต่วีดนั้นต้องการที่จะใช้ชีวิตอย่างสบายๆไปพร้อมกับการกินผลไม้หวานๆ
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องทนทุกข์ทรมานทุกครั้งในเหตุการณ์แสนสำคัญบนทวีปเวอร์เซลล์
“นี่คือความยากลำบากของการต้องมาทนทรมานเพียงลำพัง”
วีดยังคงบ่นต่อไปด้วยความไม่สบายใจขณะกรีธาทัพ
ด้วยกฎแห่งทะเลทราย
เขาได้ปกครองเหล่านักรบทะเลทรายด้วยความหวาดกลัว เหล่าประติมากรรมสลักชีพก็ยังพลอยเข้าใจธรรมชาติของวีดผิดไปด้วย
วีดนั้นทั้งชั่วร้ายและหยาบช้าต่ำตม
แต่พวกเขาก็ยังมองวีดเป็นดั่งวีรบุรุษ เหล่านักรบทะเลทรายปฏิบัติตามคำสั่งของเขาในฐานะนายเหนือหัว
วีดเคยบ่นเมื่อตอนที่เขาร่วงลงมายังทะเลทราย
“ฉันพยายามที่จะใช้ชีวิตอย่างพอเพียงในสถานที่ดีๆ
ฉันไม่ชอบทะเลทรายเอาซะเลย เพราะว่ามันน่ารำคาญที่จะต้องมาคอยประหยัดน้ำ
แถมมอนสเตอร์ไฟยังเพ่นพ่านไปทั่ว”
ไม่มีใครเคยคิดที่จะใช้ชีวิตในทะเลทรายเลยจริงๆ
แน่นอนว่าผู้คนที่เกิดที่นั่นก็ช่วยไม่ได้ที่ต้องทนทุกข์ด้วยความลำบาก ดังนั้น
มันจึงยากที่จะพบเหล่าผู้เล่นในบริเวณทะเลทรายทางตอนใต้
มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ที่วีดได้ฟื้นฟูดินแดนทะเลทราย
แต่ก็ไม่มีเลยสักคนที่ต้องการจะลงหลักปักฐานที่นี่
“ฉันเลี้ยงดูปูเสื่อพวกชนเผ่าเป็นอย่างดีราวกับแกะ แต่กระนั้นฉันก็ทำไม่ได้แม้กระทั่งจะขายพวกมันเพื่อหาเงิน”
วีดยังคงบ่นๆๆต่อไปในขณะเดินทาง
งานอดิเรกของเขาคือการบ่นๆๆๆ เรื่องเงินเพื่อที่จะได้ผ่อนคลายความเครียดจากสงคราม!!
เขาได้วิเคราะห์พลังที่ถูกเปิดเผยออกมาของวิหารเอ็มบินยูอย่างใจเย็น
‘พวกมันค่อนข้างแข็งแกร่งกว่านิดหน่อย
และในกรณีที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุด...ฉันคงล้มเหลวในภารกิจนี้แบบสมบูรณ์’
เขาได้สลัดภาพลงตาแห่งชัยชนะไปอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้มันแย่เสียยิ่งกว่าครั้งเมื่อเขาต้องปะทะกับกองทัพอมตะเพียงลำพังเสียอีก
ในตอนนี้ ถ้าเขาพ่ายแพ้เขาจะล้มเหลวในภารกิจเทคนิคแกะสลักลับขั้นสุดท้าย
“ฉันจำเป็นต้องให้วิหารเอ็มบินยูกวาดล้างอาณาจักรมาปอนและเบย์เนอร์ไปก่อน”
แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการที่จะใช้เหล่านักรับทะเลทราย
พวกวิหารเอ็มบินยูก็จะกวาดล้างไปทั่วทวีปอยู่ดีในภายหลัง แต่ประวัติศาสตร์ได้มีการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้นการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่อาจปรากฏขึ้นเพื่อต่อกรกับวิหารเอ็มบินยู
“ฉันเกือบทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่แล้วสิ
จะปล่อยให้ปิศาจภายในตัวซอยูนตื่นขึ้นไม่ได้เด็ดขาด”
แม้แต่การทำชั่วยังต้องใช้ความละเอียดอ่อน!(ทำอะไรต้องคิดให้ดี)
ถ้าภารกิจล้มเหลวความกดดันจากการต้องคอยดูแลเธอก็จะหายไป
เนื่องจากสารเอนโดฟินที่หลั่งขณะเขากำลังคิดถึงการทำเรื่องชั่วร้าย
ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจของวีดนั้นอยู่ในสภาวะที่ดีที่สุด
นักรบ-1
ผู้ที่นำทัพอยู่ได้ถามขึ้นว่า
“เหลือระยะทางอีก 2 กิโลเมตร
จะถึงป้อมปราการดัลมอร์ พวกเราควรไปจัดการทัพม้าของศัตรูที่มาสอดแนมหรือไม่?
กองทัพของราชอาณารักมาปอนและเบย์เนอร์ที่ปักหลักอยู่ที่ป้อมปราการดัลมอร์จะได้รู้ตัวว่าพวกมันกำลังถูกโจมตีและรู้สึกเสียขวัญ”
“ไม่ต้อง, ปล่อยมันไป และเรามาถึงนี่เร็วก่อนกำหนด ดังนั้นพวกเราควรจะหยุดพัก”
วิหารเอ็มบินยูจะมาในยามราตรี
พวกมันมีอันเดดและใช้เวทย์มนต์ในการเคลื่อนที่ระยะไกลอย่างรวดเร็ว
แม้พวกมันจะมาไม่ทันในวันนี้ อย่างช้าที่สุดก็คงไม่เกินช่วงเที่ยงพรุ่งนี้
‘จากนั้นนั่นจะเป็นเวลาที่เหมาะสมในการต่อสู้’
วิหารเอ็มบินยูไม่ได้สนใจแม้จะต้องโจมตีในตอนกลางคืน
ทุ่งราบขนาดใหญ่ใกล้กับป้อมปราการดัลมอร์เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการใช้เปิดศึก
ยามราตรีนั้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเหล่าอันเดด
วีดได้คิดถึงวิธีการและยุทธวิธีที่แตกต่างออกไปไม่สำคัญว่าการรบจะเกิดขึ้นเมื่อใด
เขาก็ไม่ได้มีความทุกข์ร้อนหรือลังเลใดๆ
วิหารเอ็มบินยูค่อนข้างโชคร้าย
ปัจจุบันโนดูลคือนักรบผู้กล้าที่หยุดยั้งความชั่วร้ายไม่ให้ฟื้นคืนสู่ทวีปอีกครั้ง
แต่หลังจากที่วีดกลับไปยังอดีต มันกลายเป็นการต่อสู้ตัดสินเป็นตาย (น่าจะหมายถึงเมื่อก่อน โนดูลแค่เข้าไปหยุดยั้งวิหารเอ็มบินยูบางส่วน แต่ปัจจุบันก็ยังเริ่มแพร่กระจายกลับมาอีก
แต่วีดได้ทำการเปิดสงครามเต็มรูปแบบ ที่ไม่ข้ามอด เอ็งก็ม้วย)
แตกต่างจากโนดูล
วีดไม่ได้กระทำการใดด้วยเหตุผลอย่างเพื่อความถูกต้องหรือความยุติธรรม
วีดสามารถสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับวิหารเอ็มบินยูในอนาคต
ในยามเย็น
ไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น ดังนั้นยามราตรีจึงผ่านพ้นไปอย่างสบายๆ ทุ่งราบนั้นเต็มไปด้วยกองไฟและคบเพลิงขณะที่เหล่าทหารกำลังตั้งค่ายพักแรม
ผู้ที่อยู่ไกลออกไปก็นั่งหรือไม่ก็ยืนอยู่ท่ามกลางความมืด
ความคืบหน้าของวิหารเอ็มบินยูนั้นค่อนข้างช้า
ดังนั้นพวกมันคงมาถึงป้อมปราการดัลมอร์ในวันพรุ่งนี้
วีดจะทำให้แน่ใจว่าความหวังของพวกมันจะต้องสลายหายไป
และในวันต่อมา
วีดได้ทำการเลี้ยงอาหารเหล่าทหารอย่างเต็มที่
“กินได้เต็มที่เลย”
“ขอรับ องค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่”
“ยังมีเหลืออีกมาก”
เหล่าเชลยศึกนั้นอารมณ์ดีขึ้น แม้จะอยู่ในการต่อสู้ที่เสี่ยงอันตราย
อย่างน้อยวีดก็ยังพอมีจิตสำนึกที่จะมอบอาหารให้กับพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะสละชีวิตในการต่อสู้!
วีดได้ทำการสำรวจป้อมปราการดัลมอร์ในวันรุ่งขึ้นแล้วพบว่า
เหล่าทหารแห่งราชอาณาจักมาปอนและเบย์เนอร์นั้นกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงคราม
“นี่จะต้องถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ในฐานะมหากาพย์แห่งศึกสงคราม”
ประวัติศาสตร์จะจารึกการกระทำที่แท้จริงของวีด
อย่างที่คาดไว้
วิหารเอ็มบินยูได้มาถึงราวๆช่วงเที่ยงวัน
และในที่สุดมหากาพย์การต่อสู้ที่จะชี้ชะตาของทั้งทวีปเวอร์เซลล์ก็ได้อุบัติขึ้น!
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
กองทัพของวิหารเอ็มบินยูทรงพลังเป็นอย่างมากเมื่อเหล่ายักษ์สัมฤทธิ์และสิ่งมีชีวิตบินได้ขนาดยักษ์ถูกเปิดเผยออกมา
บนพื้นดินเต็มไปด้วยเหล่าสาวกผู้บ้าคลั่งจำนวนมหาศาลที่ต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อที่จะควบคุมไว้ได้
อย่างไรก็ตาม เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์และสิ่งมีชีวิตบินได้
นั้นมีเหล่านักธนู อัศวิน พ่อมด และนักบวชโดยสารมาด้วย
มหาอุปโรหิต(High
Priest)แห่งนิกายที่ 4
โมตุลส์นั้นเป็นผู้ควบคุมเหล่ายักษ์สัมฤทธิ์และเหล่าสิ่งมีชีวิตบินได้ขนาดยักษ์
อิกริก ผู้นำแห่งนิกายที่ 6
เป็นผู้นำกองทัพทมิฬ(Dark Army)
วิหารเอ็มบินยูเป็นเหมือนการรวมตัวกันอย่างมหาศาลของกลุ่มก้อนขนาดใหญ่
“อะ-อะไรน่ะ?”
“มีคนแปลกๆโผล่ออกมาด้วย”
เหล่าเชลยศึกต่างรู้สึกประหลาดใจ
“โอ้
วิหารเอ็มบินยูพบพวกเราแล้ว ทำลายมัน! ทำลายมัน! ทำลายมัน!”
“มาหาข้า มนุษย์ทั้งหมดที่ถูกรวบรวมมา ณ ที่นี่เพื่อที่จะถูกฆ่า!”
เหล่าสาวกคลั่งแห่งวิหารเอ็มบินยูร้องตะโกนอย่างกระตือรือร้น
(เชลยที่เป็นสาวกเอ็มบินยู)
ในขณะเดียวกัน
วีดได้โยนเหล่าสาวกคลั่งที่เขาจับมาได้เข้าหาศัตรู
หรือไม่ก็เปลี่ยนพวกมันเป็นแวมไพร์และอันเดด
แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ถึกอย่างกับแมลงสาบ
มีมากกว่า 10,000 คนในกองทัพของเขาที่ร้องตะโกนออกมา วีดยักไหล่โดยที่ไม่พูดอะไร
จากนั้นเหล่านักรบทะเลทรายก็เข้ามาจัดการกับเหล่าสาวกคลั่งอย่างรวดเร็ว
นอกเหนือจากนักรบทะเลทรายทั้ง 20,000 คน วีดเป็นกังวลว่าเหล่าทหารจะถูกทำให้ไขว้เขวโดยวิหารเอ็มบินยู
“พวกเจ้าทั้งหลาย
จงตั้งใจฟัง!”
-เสียงคำรามแห่งแอทร็อกถูกใช้งาน
เหล่าทหารได้ลืมเลือนความกลัวไปจนหมดสิ้น
กองทัพจะได้รับโชคดีเกี่ยวกับการต่อสู้
เหล่าทหารที่ผ่านการฝึกจะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม
คำนวยพรแห่งแอทร็อกได้ถูกมอบให้กับเหล่าอัศวิน
|
เขาจำเป็นต้องใช้สกิลของเขาให้ถูกที่ถูกเวลา
ถ้าเขาไม่ได้ใช้ความเป็นผู้นำของเขาให้ถูกเวลา
กองทัพที่เขาได้จากเหล่าขุนนางที่ยอมศิโรราบจะกระจัดกระจายหายไป
แม้กระทั่งเหล่าเชลยศึกอาจพยายามหนีทัพขณะต่อสู้
“พวกมันคือวิหารเอ็มบินยู! พวกมันออกมาเพื่อที่จะทำลายผืนแผนดินที่เราอาศัยอยู่”
“ความเป็นมนุษย์ของเหล่าสาวกคลั่งได้สูญสลายไปจนหมดสิ้นแล้ว!
พวกมันรู้จักแต่การเข่นฆ่าและทำลายล้างเท่านั้น! วัตถุประสงค์เพียงหนึ่งเดียวของพวกมันคือการฆ่าล้างเพื่อเทพเอ็มบินยู
พวกมันจะเหยียบย่ำเหล่าพืชผล เผาทำลายบ้านเมือง
และสังเวยเหล่าเด็กน้อยอย่างโหดเหี้ยม
จงใช้ดาบของพวกเจ้าเพื่อต่อกรกับพวกมันด้วยทุกสิ่งที่เจ้ามี !”
“โว้ววววว”
เหล่านักรบทะเลทรายและเหล่าเชลยศึกกู่ร้องอย่างอึกทึกครึกโครม
เหล่านักรบทะเลทรายคิดว่าการต่อสู้พร้อมกับวีดนั้นคือสิ่งสำคัญ เหล่าเชลยศึกก็ไม่มีอิสระใดๆเช่นกัน
พวกเขาจะตายแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สู้ก็ตาม!
ผู้คนในป้อมปราการดัลมอร์ต่างรู้สึกเหยียดหยัน
ไร้สาระ
“มันคือหัวหน้าของเหล่าคนเถื่อน
พวกมันสู้กันเองงั้นรึ”
“ข้าก็มิทราบ
อย่างไรก็ตาม ฝ่าบาท เจ้านั่นเป็นคนที่ไร้ยางอาย”
จากมุมมองของราชอาณาจักรมาปอนและเบย์เนอร์
คำพูดของวีดนั้นชี้ไปที่ตนเองในฐานะผู้บุกรุก แต่วิหารเอ็มบินยูได้มาถึงแล้ว
ดังนั้นป้อมปราการดัลมอร์จึงตกอยู่ในภาวะวิกฤติ
“เตรียมพร้อมต่อสู้!”
“การโจมตีจะมาจากกลางอากาศ จงเตรียมรับมือด้วยพยุหะลูกศร!”
“เตรียมปะทะ!”
วีดได้เฝ้ามองดูขณะที่ป้อมปราการดัลมอร์ได้ตระเตรียมการป้องกัน
กองทัพของวีดนั้นยังคงอยู่ค่อนข้างห่างจากป้อมปราการดัลมอร์
ลูกศรและเวทย์มนต์ต่างๆ
สามารถยิงออกมาจากกำแพงได้
และเหล่าอันเดดนั้นไม่สามารถเข้าไปภายในป้อมปราการได้เนื่องจากมีแม่น้ำขวางกั้นอยู่
ภูมิประเทศรอบๆป้อมปราการนั้นค่อนข้างยากลำบากในการป้องกันแต่พวกเขาก็สามารถเอาชนะได้
“สู้มัน เตรียมกระบวนทัพ!”
วีดได้สั่งการกองทัพของเขาให้เตรียมการสำหรับเผชิญหน้ากับวิหารเอ็มบินยู
เหล่านักรบทะเลทรายถูกจัดให้อยู่ตามตำแหน่ง
ตรงกลาง, ปีกซ้าย และปีกขวา พวกเขาสามารถตอบสนองต่อการโจมตีได้ทันทีขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ปัจจุบันเหล่าเชลยศึกถูกจัดให้อยู่ทัพหน้า
พวกเขาเป็นกองกำลังที่วีดไม่ได้เสียดายหากต้องเสียไป กองทัพของเหล่าขุนนางถูกใช้เพื่อเติมเต็มจำนวนคนในศูนย์กลางของกองทัพ
เหล่านักบวชและพาลาดินจากนิกายต่างๆถูกจัดให้รวมกันอยู่ด้านหลัง
และวีดควบเจ้าอูฐแบคเทรี่ยนอยู่ที่ด้านหน้าสุดของกองทัพ
ขณะกำลังเฝ้ามองการมาถึงของวิหารเอ็มบินยู
‘ฉันไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลยให้ตายสิ’
เป็นธรรมดาที่วีดนั้นต้องการที่จะอยู่ในจุดที่ปลอดภัยที่ด้านหลัง
การอยู่ด้านหน้านั้นทำให้ตกเป็นเป้าหมายแรกของเวทย์คำสาปและเวทย์โจมตีมากมายที่ถูกร่ายโดยพวกวิหารเอ็มบินยู
วิหารเอ็มบินยูนั้นกรีธาทัพมาอย่างไม่หยุดยั้ง
วีดได้วางแผนที่จะโต้เถียงกล่าวหากับมหาปุโรหิต(High
Priest) ของฝ่ายศัตรู
เขาจะพิสูจน์ความชอบธรรมของสงครามครั้งนี้โดยการวิพากษ์วิจารณ์พวกมันอย่างรุนแรง
นี่จะช่วยให้เขายกระดับขวัญทหารของเขาได้
มันยากที่จะหาอะไรมาเปรียบเทียบความยิ่งใหญ่กับการต่อสู้ในครั้งนี้
มันจะเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงอนาคต แถมพวกสถานีโทรทัศน์ยังได้ถ่ายทอดสดการต่อสู้นี้ออกอากาศ
ดังนั้นเขาจำเป็นต้องทำตัวให้ดูดีเข้าไว้
แน่นอนว่ามันคงจะดีถ้าเขาสามารถหาจุดอ่อนหรือข้อมูลใดๆเพิ่มเติม
วีดต้องการแสดงให้เห็นว่าเขานั้นอยู่ข้างเดียวกับความยุติธรรม
“อืม...การทำความดีต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก”
เสียงเก๊กหล่อของวีดถูกใช้ผ่านเสียงคำรามแห่งแอทร็อก(Atrock’
Cry)ส่งผลให้มันดังไปทั่วทั้งสมรภูมิรบ อย่างไรก็ตาม
วิหารเอ็มบินยูยังคงกรีธาทัพมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดยั้ง
ตอนนี้ทั้ง2ฝ่ายนั้นอยู่ใกล้กันมากพอที่ทั้งลูกธนูและเวทย์มนต์จะสามารถโจมตีถึงอีกฝ่าย
กองทัพของทั้งคู่นั้นเข้ามาใกล้กันจนแทบจะไม่มีระยะห่างระหว่างกันแล้ว
“วิหารเอ็มบินยู ความชั่วร้ายของพวกเจ้าได้ถูกเปิดเผยแล้ว
ข้าเดินทางข้ามผ่านกาลเวลากลับมาเพื่อที่จะปกป้องความสงบสุขของทวีป...”
วีดนั้นพลั่งพรูคำวิจารณ์มากมายออกมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
แต่วิหารเอ็มบินยูหาได้สนใจใดๆไม่
มันเหมือนกับเจ้าเนื้อหมาที่กำลังเห่าแต่ไม่มีใครสนใจฟัง
แคล็ง แคล็ง แคล็ง
จากนั้น
หนึ่งในยักษ์สัมฤทธิ์ได้ยกมือของมันขึ้นมา ในมือของมันถือก้อนหินขนาดมหึมาขนาดประมาณ
5-6เมตร
“อย่าบอกนะว่า...”(ชิบหัยเลี้ยววว)
เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์ได้ขว้างก้อนหินออกไป หินนับร้อย ลอยมายังวีดและเหล่าเชลยศึก
“ป้องกันสัมบูรณ์(Absolute
Defense),อัญเชิญดาบ(Summon Another Sword),กำเนิดแห่งพลัง(Power
of Birth)”
วีดรีบใช้สกิลของเขาอย่างรวดเร็ว
และใช้ดาบล้างผลาญ(Extermination Sword)ไปยังก้อนหินทั้งหลาย หินเหล่านั้นกลายเป็นเต้าหู้ขณะที่พวกมันกำลังหลอมละลาย
ตู้มๆๆๆๆ
อย่างไรก็ตาม หินที่ยังเหลืออยู่ซึ่งวีดไม่สามารถทำลายได้หมดนั้น
กระแทกเข้าใส่เหล่าเชลยศึก
การปะทะได้อุบัติขึ้นโดยปราศจากการพูดจาใดๆ! วิหารเอมบินยูนั้นไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มระดับขวัญทหาร
มันตามมาด้วยห่าฝนลูกธนูจากเหล่าสิ่งมีชีวิตบินได้
ลูกธนูถูกอาบด้วยคำสาปโดยเทพเอ็มบินยูและเหล่าผู้ที่โดนยิงใส่นั้นจะเสียชีวิตทันที
การโจมตีเหล่านั้นส่งผลต่อเหล่าเชลยศึกอย่างมหาศาล
“อั่กกกก”
“อ๊า... ไว้ชีวิตข้าเถอะ ข้าสาบานจะจงรักภักดีต่อวิหารเอ็มบินยู!”
“ยกโล่ของพวกเจ้าขึ้นพร้อมกับวิ่งออกไปจากระยะโจมตีซะ!”
กระบวนทัพของเหล่าเชลยศึกพังทลายลงอย่างรวดเร็ว
ในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเมื่อศัตรูนั้นเหนือกว่า
พวกเขายังส่งเสียงดังเพื่อหลบเลี่ยงบริเวณที่เหล่าสิ่งมีชีวิตบินได้เข้าจู่โจม
คุ๊ก อ่อกๆๆ
“พระเจ้า ศรัทธาในพระเจ้า องค์เทพเอ็มบินยูนั้นให้ความเท่าเทียมกับทุกคน
ท่านจะเป็นธรรมกับพวกเจ้าทุกคน และสังหารพวกเจ้าอย่างเจ็บปวดทรมาน!”
“ความรุ่งโรจน์,การทำลายล้าง,ความตาย!”
เหล่ามอนสเตอร์ อัศวิน
และสาวกคลั่งแห่งวิหารเอ็มบินยูกรีดร้องออกมาขณะที่วิ่งทะยานไปด้านหน้า
อย่างไรก็ตาม วีดยังคงรักษาท่าทีเอาไว้อยู่
“นี่ยังเป็นอย่างที่คาดไว้
ยังมีความเป็นไปได้ที่จะชนะอยู่”
ทัพหน้าที่บุกมาอย่างสุดกำลังของวิหารเอ็มบินยูบดขยี้เข้าใส่เหล่าเชลยศึก
แต่ส่วนที่สุดยอดที่สุดคือพลังในการคิดวิเคราะห์ของวีด!
เขามีประสบการณ์ในสมรภูมิรบอันนับไม่ถ้วน
ดังนั้นเขาจึงสามารถประมาณการณ์ศัตรูอย่างหยาบๆได้
อย่างที่คาดไว้
วิหารเอ็มบินยูนั้นคือมหาอำนาจอย่างแท้จริงภายในยุคแห่งสงครามนี้
วิหารเอ็มบินยูได้เตรียมพลังที่ดีที่สุดเพื่อสร้างความเสียหาย เหล่าเชลยศึกจำนวนมากทำได้เพียงแค่ทำให้พวกมันรำคาญเท่านั้น
วีดนั้นยังไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้
และเหล่านักรบทะเลก็ยังคงรอคอยอยู่ ขนาดของการต่อสู้นั้นยังไม่ใหญ่พอให้เขาลงมือ
“...ในนามแห่งองค์เทพเอ็มบินยู ประตูนรก จงเปิดออก!”
หลังจากนั้น
เหล่าพ่อมดแห่งวิหารเอ็มบินยูได้ร่ายเวทย์มนต์และมือของพวกมันได้ส่องประกายออกมา
และหลุมทมิฬ(Dark Hole หลุมดำ Black
hole)ที่มาพร้อมกับออร่าสีแดงทะลวงขึ้นสู่ท้องฟ้า
ครืน ครืน ตูมๆๆ(เสียงฟ้าผ่า)
สายอัสนีนับพันนับหมื่นฟาดผ่าลงมาทั่วทุกแห่งหน
และเหล่ามอนสเตอร์จากขุมนรกก็กรูกันออกมาจากหลุมทมิฬ
“คิคิคิคิ ทำไมพวกเราถึงได้มาที่โลกมนุษย์กัน?”
“เขมือบมันให้หมด”
เหล่าปีศาจระดับต่ำนับพันพากันหลั่งไหลออกมา
วีดได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“โชคชะตาส้นต...”
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
เรทติ้งการผจญภัยในทะเลของวีดได้มาถึงจุดที่ไม่เคยมีมาก่อน
เหล่าผู้เล่นขบขันแต่ก็ยังอิจฉาความสามารถพิเศษของวีดในฐานะทรราชแห่งทะเลทราย
ตั้งแต่นั้นเนื้อหาเกี่ยวกับการผจญภัยของเขาก็กลายมาเป็นหัวข้อยอดฮิต
จากนั้นก็มีปฏิกิริยาที่หลากหลายต่างกันออกไป
-ภารกิจของโนดูลและฮิลเดรันในอดีตนั้นมีความโรแมนติคในตัวมันเอง
-2คนนั้นเหมาะสมกันดีนะ
-ฉันอยากไปอยู่ในยุคสงคราม
ถ้าฉันเป็นชายผู้อยู่ในสถานที่อย่างนั้นล่ะก็...
ความจริงคือฉันจะหนีออกจากดันเจี้ยนเพราะฉันไม่สามารถพิชิตมันได้
ชายผู้ทุ่มเทตั้งใจและกล้าหาญนั้นมักจะเป็นที่นิยม
-กล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งของเหล่านักรบทะเลทราย
อร๊างงง
-ใบหน้าอันผอมบางและหล่อเหลาของเฮสไทเกอร์
ไม่ใช่ว่าเขาดูดีสุดๆไปเลยหรอ?
เคราของเขานั้นยิ่งยกระดับของเขาขึ้นไปถึงขั้นดาราจริงๆเลยล่ะ
-โชคร้ายชะมัด
-เจ้านั่นควรตายไปซะ
-ลุคของเขาหลังจากที่เหงื่อท่วมกายหลังจากการต่อสู้นี่หล่อมากๆ
ฉันรู้สึกอยากร้องไห้จริงๆที่เขาเป็น NPC
-อูฐแบ็คเทรี่ยนน่ารักอะ
และกระดานข่าวก็เต็มไปด้วยบทความมากมายและการวิเคราะห์ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการผจญภัย
หัวข้อ:
เหล่าราชอาณาจักรที่มีอยู่ในช่วงยุคสงคราม
หัวข้อ:
ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงทวีปเวอร์เซลล์หรือไม่?
หัวข้อ:
คำเตือนถึงอันตรายที่เกี่ยวข้องกับวิหารเอ็มบินยู
หัวข้อ:
ถ้าหากภารกิจในอดีตของวีดล้มเหลว มหาภัยพิบัติจะอุบัติขึ้น
การผจญภัยของวีดที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อทวีปเป็นหัวข้อใหญ่ในการพูดคุย
ความสนใจของทุกคนนั้นมุ่งไปที่การผจญภัยของเขา
วิหารเอ็มบินยูนั้นยังเกี่ยวพันถึงความเสียหายในปัจจุบันที่ยังคงเกิดขึ้นต่อจักรวรรดิฮาเว่นในทวีปกลาง
นอกจากนั้น
พวกเขาได้เขียนข้อมูลใหม่เกี่ยวกับราชอาณาจักรที่ตกไปอยู่ฝ่ายวิหารเอ็มบินยูในยุคสงคราม
และในท้ายที่สุด
สงครามต่อต้านวิหารเอ็มบินยูก็ได้ถูกถ่ายทอดสดออกอากาศ
สถานีโทรทัศน์นั้นต้องการจะชะลอตารางออกอากาศออกไป
แต่พวกเขาก็หมดทางเลือกไปโดยการประท้วงของเหล่าผู้ชมทั้งหลาย
ในความเป็นจริง การผจญภัยครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การต่อสู้ของวีดเท่านั้น
มันยังเป็นการต่อสู้ที่จะชี้ชะตาของทั้งทวีปเวอร์เซลล์
ไม่ว่าพวกเขาจะชอบหรือไม่ชอบวีด
ทุกๆคนล้วนหวังว่าวีดจะสามารถเอาชนะในการต่อสู้ครั้งนี้
เหล่าผู้ชมเชียร์วีด แต่ก็ยังแสดงออกถึงความกังวลเช่นกัน
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
ฮวายองและคนอื่นๆในกลุ่มได้เรียนรู้เกี่ยวกับเนื้อหาภารกิจของวีด
“ทิ้งฉันแล้วไปกับผู้หญิงคนอื่นเนี่ยนะ...ฮือ แง้ ”
เธอร้องไห้ออกมาขณะที่เชื่อมต่อเข้าโรยัลโร้ด
เซเฟอร์และเบลล็อตพยายามที่จะปลอบเธอขณะที่เธอร้อง
‘พี่เค้าชอบคุณวีดขนาดนี้เลยหรอ...ไม่สิ,พี่ตกหลุมรักเค้างั้นหรอ?’
‘ฮวายองมีด้านที่ใสซื่อบริสุทธิ์แบบนี้
มันดูไม่เหมือนจะเป็นแบบนั้นแต่เธอเป็นคนขี้เหงา’
ทุกตนตัดสินใจที่จะรออย่างเงียบๆจนกว่าน้ำตาของเธอจะหยุดไหล
“ฮึก ฮึก ฮึก ฮือออ ฉะ-ฉันอยากได้กระเป๋าจากยุคสงครามนั่นอ๊ะ”
“……”
“ฉันเครียดมากเนื่องจากตารางงานต่างประเทศครั้งสุดท้ายของฉัน
ทริปอันแสนหวานในอดีตกาล...ฉันสามารถลองรองเท้าได้เพียบเลย”
“…….”
เพลคิดว่าฮวายองช่างเป็นคนที่เข้มแข็ง(Thick-Skinned
แปลว่าไม่อ่อนไหวง่าย ไม่ใช่หนังหนานะ)ขณะที่เธอกล่าวคำพูดจากใจออกมา
คำพูดที่เธอพูดขณะร้องไห้แล้วน้ำตาพลั่งพรูออกมา ราวกับเรื่องล้อเล่น
เธอไม่ได้เสียใจเกี่ยวกับวีด
ฮวายองเสียใจเกี่ยวกับกระเป๋าและรองเท้าที่เธอพลาดไปมากกว่า
“ฉันควรจะอยู่ใกล้ๆกับวีดเข้าไว้ เขาสามารถซื้อกระเป๋าแพงๆให้ฉันได้ในอนาคต”
“…….”
“ขอบคุณอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ฉันสามารถจองสินค้ารุ่นใหม่ได้....ฮือ ฮึก
ฮึก”
“……”
ฮวายองร้องไห้สะอึกสะอื้น
แต่เธอเดิมก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมา
เธอนั้นแสดงออกถึงความรู้สึกของตนเองโดยไม่มีการปิดบังใดๆ
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
ประธานแห่งเครือบริษัทโฮซอง
จองต๊อกซู ได้จัดการบางอย่างกับคฤหาสน์หลังโตของเขา
“ฉันไม่มีความเสียใจใดๆอีกแล้ว”
ประธานแห่งเครือบริษัทผู้ยิ่งใหญ่
ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงธุรกิจ
ปัจจุบันต้องย้ายออกไปจากย่านธุรกิจที่เคยอยู่ (น่าจะหมายถึงบ้านที่เคยอยู่นั้นอยู่แถวย่านที่พวกนักธรกิจรวยๆเคยอยู่กันแล้วต้องย้ายออก)
เครือธุรกิจโฮซอง นั้นได้ถูกยึดโดยเหล่าเจ้าหนี้ทั้งหลายและ
เครือแบ็คฮวา. เจ้าของธุรกิจผู้ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ไร้ความสามารถโดยสื่อมวลชน
จำเป็นที่จะต้องหนีหน้าหายไปที่ไหนสักที่ไกลๆ (อับอายจนต้องม้วนเสื่อหนี)
เขายังคงมีอสังหาริมทรัพย์และบ้านพักตากอากาศอีกมากมายในต่างประเทศ
อย่างอเมริกา และ อิตาลี่ (ตอนนี้โควิด-19
ระบาดเขาปิดประเทศนะเออ 555)
“แต่ว่ามันมีสถานที่บางแห่งที่หัวใจของเรามันเรียกร้องอยากจะไป”
เขาจะต้องรู้ศึกเปล่าเปลี่ยวแน่หากเขาต้องทิ้งคฤหาสน์ของเขาไปและไปซ่อนตัวอยู่ที่ต่างประเทศ
จนกระทั่งตอนนี้
เขาก็ยังยุ่งอยู่เนื่องจากการที่ต้องจัดการภายในองค์กร มองย้อนกลับไปในอดีต
เขาได้ตระหนักว่าเขานั้นอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานานพอสมควรแล้ว
เขานั้นเป็นเพียงชายวัยกลางคนผู้มีแต่เงินทองเท่านั้น(โอ๊ยยยยยยยย ผมนี่เป็นคนที่มีทุกอย่าง ยกเว้นเงิน แลกกันมะ 555)
ประธานบริษัทนั้นถือหุ้นจำนวนมาก ดังนั้นความร่ำรวยของเขาจึงมากมายมหาศาล
แต่มันก็มีความว่างเปล่าในหัวใจของเขาที่ไม่สามารถใช้เงินเพื่อเติมเต็มมันได้
ญาติๆของเขาของไม่ยินดีนักที่ได้เห็นว่าเหลือสมาชิกเพียงตัวเขาและซอยูนเท่านั้นในสายตระกูลใกล้ชิดกัน
“ฉันจะอยู่ใกล้ๆกับลูกสาวของฉัน
มันคงจะดีถ้าฉันสามารถเจอเธอผ่านไปตามท้องถนนเป็นครั้งคราว”
เขาได้ไปติดต่อกับตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อหาซื้อบ้านเดี่ยว
“คุณลูกค้าครับ
คุณกำลังมองหาบ้านแบบไหนอยู่ครับ”
“ฉันแค่ต้องการบ้านที่ฉันสามารถอยู่ได้เพียงลำพัง”
จองต๊อกซูนั้นไม่ได้ต้องการคุยอะไรละเอียดซับซ้อนนักกับตัวแทนขายอสังหาฯ
มีผู้คนมากมายที่ต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง
ยิ่งกว่านั้น
ตัวแทนขายอสังหาฯยังไม่ได้ตระหนักถึงตัวตนของจองต๊อกซูในฐานะประธานบริษัทใหญ่
และในความเป็นจริง
มันค่อนข้างจะยากที่สาธารณชนจะได้ยลโฉมใบหน้าของประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ใดๆ
“โอเคครับ
งั้นคุณลูกค้าต้องการดูบ้านเช่าที่ว่างอยู่ไหมครับ?”
“บ้านเช่า?”
“หืออ ? อ้อ ราคาปัจจุบันของอสังหาฯในทุกวันนี้มันเพิ่มขึ้นมากน่ะครับ มีผู้อาศัยที่เช่าอยู่เป็นจำนวนมาก
ความจริงที่คุณลูกค้าจะอยู่คนเดียวนั่นหมายความว่าควรจะหาบ้านที่มีค่าเช่าดีสักหน่อย”
“เอาเฉพาะที่สำหรับขายมาก็พอ”
“ได้ครับ
ถ้าอย่างนั้นคุณลูกค้ามีบ้านแบบไหนที่ต้องการเป็นพิเศษไหมครับ? ทำเลย่านนี้ค่อนข้างดีนะครับแต่ว่ามีบ้านสำหรับขายไม่มากนัก...
แต่ว่าช่วงนี้เป็นช่วงผลัดเปลี่ยนฤดูกาลดังนั้นจึงพอมีบ้านสำหรับขายเหลืออยู่”
เขาต้องการบ้านที่อยู่ใกล้ๆกับ
ลีฮุน และ ซอยูนแม้ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ยังไม่ต้องการบ้านบนถนนหลักที่มักจะมีสิ่งมารบกวนความเป็นส่วนตัวของเขา
“ถ้าได้บ้านธรรมดา 2 ชั้นก็จะดี”
“อ่า
บ้าน 2 ชั้นงั้นหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นตัวเลือกก็จะลดน้อยลงมาอีก”
“มีต้นไม้มากมายในสวนนั่นก็คงจะเป็นปัญหานิดหน่อย
มีบ่อน้ำที่ฉันสามารถไปตกปลาในยามว่างก็คงดีไม่น้อย ห้องสำหรับสนามกอล์ฟในร่ม และห้องสำหรับดูหนัง...อ่า
แล้วก็ที่สำหรับวางอุปกรณ์ฟิตเนสด้วย ห้องนั่งเล่นควรแยกจากห้องทำงานและมีขนาดใหญ่”
“…มีอะไรเพิ่มอีกไหมครับ?”
“บันไดมันลำบากถ้าเป็นลิฟท์ได้ก็จะดี
รวมถึงมีโรงจอดรถจำแนกป้ายทะเบียนอัตโนมัติด้วยก็จะยิ่งสะดวกเลย”
“ไม่มีบ้านแบบนั้นในย่านนี้หรอกครับคุณลูกค้า (เมิงจะบ้าหรา
คุณพ่อตา) และต่อให้มี
คุณลูกค้าทราบมั้ยครับว่าบ้านนั่นจะมีราคาเท่าไร”
“สัก5000ล้านพอมั้ย? ฉันตั้งใจจะซื้อบ้านสัก 100,000ล้านน่ะ”
“……”
ตัวแทนขายอสังหาฯหวาดวิตกเมื่อในย่านนี้ไม่มีบ้าน
2 ชั้นอย่างนั้นอยู่เลย
ที่นี่เป็นพื้นที่ชนชั้นกลางดังนั้น
บ้านจึงถูกสร้างในพื้นที่ขนาดเพียง 140 ตรม.เท่านั้นเอง
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
บาร์ทกำลังดื่มเบียร์ราคาถูกอยู่ที่ร้านเหล้าในโมราต้า
“อาห์ เยี่ยมไปเลย “
มีผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่ภายในร้านเหล้า
“ทุกคนละทิ้งทั้งการล่าและภารกิจกันหมดเลย”
นี่คือวันที่การผจญภัยของวีดกำลังออกอากาศ
ดังนั้นเมืองต่างๆจึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะภายในแดนเหนือเท่านั้นแต่แม้กระทั่งในทวีปกลางก็เป็นเช่นเดียวกัน
แถมมันยังเป็นที่นิยมกระทั่งในดินแดนของจักรวรรดิฮาเว่น
มันเป็นการยากสำหรับบาร์ทที่จะหาที่นั่งในร้านเหล้า
บางร้านไม่ได้จำกัดลูกค้า บางร้านไม่สามารถนั่งดื่มได้ด้วยซ้ำ
‘ฉันว่าฉันคงพูดออกไปไม่ได้หรอกว่านั่นคือลูกสาวกับเพื่อนลูกสาวฉันเอง’
มันคงไม่มีใครที่จะเชื่อว่าเขานั้นมีความสัมพันธ์กับทั้งซอยูนและวีด
‘ฉันไม่เคยคิดเลยว่าโลกเสมือนจริงมันจะออกมาเป็นแบบนี้’
วีดคือกษัตริย์แห่งทวีปเหนือ
ดังนั้นเขาสามารถบดขยี้บาร์ทได้อย่างง่ายดาย
เขายังเป็นหนี้บุญคุณลัทธิโจ๊กหญ้าที่อยู่ในโมราต้า ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการที่จะออกไปจากแดนเหนือ
“เฮ่
มันจะเริ่มรึยังเนี่ย?”
“รีบกินไก่ให้หมดเร็วเข้า”
“ค่อยๆกินไปช้าๆน่ะดีสุดแล้ว”
“มีอีก 5 ที่ กินให้เรียบไปเลย”
“แจ่มเลยยย!”
เหล่าพ่อค้าพุงพลุ้ยกำลังนั่งคุยกันอยู่ในร้าน
“ฮืมมมม”
บาร์ทมองไปยังเหล่าพ่อค้าอย่างอิจฉาตาร้อน
ในยุคแยกๆของการพัฒนาแดนเหนือ เหล่าพ่อค้านั้นต่างก็ตัวเล็กผอมแห้ง
มันก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อตอนนั้นพวกเขาต่างก็เลเวลต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
แต่ว่าหลังจากที่พัฒนาแดนเหนือแล้ว
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะได้เห็นเหล่าพ่อค้าอ้วนพุงพลุ้ย
พวกผู้เล่นทั่วไปนั้นมีความเชื่อถือในเหล่าพ่อค้าตัวกลมนี้
เหล่าพ่อค้าแดนเหนือนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงเนื่องจากการขายวัตถุดิบจำนวนมากในราคาที่จับต้องได้
ความปลอดภัยรอบๆขบวนสินค้าขณะที่พวกเขาเดินทางผ่านพื้นที่อันกว้างใหญ่
และไม่สนใจกับคำก่นด่านินทาว่าพวกเขานั้นเป็นพวกขี้ขลาด
“ฉันควรเปลี่ยนอาชีพดีมั้ยเนี่ย?
ฉันไม่เหมาะกับอาชีพสายต่อสู้เอาซะเลย”
บาร์ทได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเป็นพ่อค้า
ไม่เหมือนกับพวกนักรบที่ต่อสู้กับมอนสเตอร์
เขานั้นได้ใช้ชีวิตอยู่ในฐานะเจ้าของธุรกิจมาทั้งชีวิต ดังนั้นการที่จะเลือกอาชีพเป็นพ่อค้านั้นน่าสนุกกว่ากันเยอะ
เลเวลของเขาก็ยังน้อยอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรที่สลักสำคัญนักในการที่จะต้องเปลี่ยนสายอาชีพ
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
เหล่าผู้นำแห่งกิลด์เฮอร์มีสผู้พิชิตทวีปกลาง
กองกำลังพันธมิตรได้พ่ายแพ้และกองทัพหลวงได้เข้ายึดครองตามสถานที่ต่างๆ
พวกเขายึดครองป้อมปราการ ปราสาท เมือง และแม้กระทั่งหมู่บ้านเล็กๆในหุบเขา และเกาะแก่งต่างๆ
หลังจากนั้น 1-2 เดือน ผืนธงแห่งจักรวรรดิฮาเว่นก็ได้โบกสะบัดไปแทบจะทุกหนแห่งบนทวีปกลาง
ทั้งยังรวบรวม
อาณาจักรแห่งคนแคระธอร์ และป่าเอลฟ์เข้ามาอยู่ภายใต้การปกครอง สำหรับพวกของมันง่ายกว่าในการพิชิตเหล่าคนแคระและเอลฟ์
เพราะพวกนั้นไม่ได้มีการป้องกันอย่างเป็นระบบ
กำลังคนและกำลังเงินถูกส่งมาจากเหล่าดินแดนภายใต้การปกครองของจักรวรรดิฮาเว่น
ลาฟาเย่กำลังทำการประชุมครั้งใหญ่ภายในพระราชวังหลวงแห่งจักรวรรดิฮาเว่น
ผลลัพธ์ที่ได้จากการประชุมครั้งนี้จะเป็นตัวตัดสินทิศทางอนาคตของสงครามและรวมถึงวิธีการที่พวกเขาจะใช้ในการปกครองทั้งทวีป
“สงครามครั้งใหญ่บนทวีปกลางนั้นใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อเราก้าวต่อไป
อุปสรรคที่คอยกีดขวางเราก็จะเหลือเพียงแค่วีดและวิหารเอ็มบินยู”
ลาฟาเย่รู้สึกปวดหัวทันทีหลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของเหล่าผู้นำ
วิหารเอ็มบินยูนั้นได้ทำการแผ่ขยายอิทธิพลออกไปอย่างน่ากลัว
อิทธิพลทางศาสนาได้แผ่ขยายมากขึ้น
และมันก็เป็นการยากที่จะทำการป้องกันเหล่าสาวกคลั่ง
วิหารเอ็มบินยูนั้นมีการทดสอบความซื่อสัตย์และการทำตามคำสั่งภายในเขตปกครองของวิหารเอ็มบินยู
ส่วนวีดนั้นกำลังผจญภัยอยู่ในอดีตกาล
พวกเขาไม่มีทางที่จะทำอะไรได้เลย ผลพวงจากการทำลายล้างเมืองต่างๆได้มาถึงจุดสูงสุด
และจากเมืองที่มีความสำคัญทางการทหารหรือด้านพาณิชย์ก็กลายเป็นเมืองร้างล้าสมัย
จนถึงตอนนี้มันก็ไม่ได้หนักหนาถึงขั้นร้ายแรงต่อจักรวรรดิฮาเว่น
แต่มันก็ได้สร้างความตึงเครียด กระวนกระวายจนไม่สามารถมองข้ามไปได้
ทวีปกลางนั้นถือได้ว่าเป็นผู้แพ้และเสียหายอย่างใหญ่หลวงจากการผจญภัยของวีด ดังนั้นความสนใจของพวกเขาจึงหันกลับมาที่วีด
“อย่างที่พวกเรารู้กัน
ปัจจุบันในอีกไม่นานวีดนั้นจะเปิดศึกกับวิหารเอ็มบินยูแล้ว”
ลาฟาเย่จัดการประชุมขึ้นเมื่อการต่อสู้ระหว่างวีดและวิหารเอ็มบินยูเพิ่งจะเริ่มขึ้น
แต่ละสถานีได้ถ่ายทอดสดออกอากาศ ดังนั้นพวกเขาจึงกระตือรือร้นในการสนใจกับมัน
แม้กระทั่งเหล่าผู้เล่นที่เป็นส่วนหนึ่งของกิลด์เฮอร์มีสก็ยังรู้สึกว่าในอกของมันมีความตื่นเต้นเร้าใจเดือดปะทุอยู่ในขณะที่รับชมการผจญภัยของวีด
“ถ้าวีดประสบความสำเร็จในภารกิจและได้รับเทคนิคแกะสลักลับขั้นสุดท้าย ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะส่งผลกระทบอะไรต่อเราบ้าง”
“ไม่มีทางที่จะหยุดมันได้เลยงั้นหรือ?”
“เราไม่สามารถที่จะหยุดความคืบหน้าใดๆของภารกิจนี้ได้เลย
แต่ภารกิจนี้ก็ไม่ได้ดูง่ายเลย ดังนั้นเขาอาจจะล้มเหลวก็ได้
และเราต้องต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับทุกสถานการณ์ที่เป็นไปได้”
“การเตรียมการงั้นหรือ?”
เหล่าผู้นำรอให้ลาฟาเย่พูดต่อ
ลาฟาเย่นั้นคือเหตุผลสำคัญเบื้องหลังกิลเฮอร์มีสที่ทำให้สามารถเข้าควบคุมราชอาณาจักรฮาเว่นได้อย่างง่ายดายโดยปราศจากการต่อต้านใดๆ
เขาได้วางสปายไว้ในหมู่พวกกิลด์มหาอำนาจต่างๆเป็นเวลานาน
แน่นอนว่าการปรากฏตัวของวีดนั้นเป็นตัวแปรสำคัญ แต่ลาฟาเย่ก็เชื่อว่าเขาสามารถคลี่คลายมันได้
“ทีมงานได้วิเคราะห์ภารกิจของวีดแล้ว
และได้ข้อสรุปที่พวกเขาได้ก็คือมีความเป็นไปได้มากมายมหาศาลที่ภารกิจต่อต้านวิหารเอ็มบินยูนั้นจะล้มเหลวไม่เป็นท่า”
“นั่น...”
เหล่าผู้นำต่างก็มีคิ้วที่ขมวดมุ่นแสดงอยู่บนใบหน้าพวกเขา
มันจะแย่สำหรับเหล่าลอร์ดเจ้าเมืองทั้งหลาย
หากวิหารเอ็มบินยูแพร่กระจายไปมากกว่านี้ พวกเขาเริ่มบ่นด้วยความไม่พอใจ
“ครั้งนี้ฉันได้ลงทุนครั้งใหญ่ไปกับไร่องุ่น...”
“ไม่ใช่ว่าเงินทั้งหมดที่ฉันได้จากธุรกิจเล็กๆนี่จะปลิวหายไปด้วยหรอกหรือ?”
สมาชิกดั้งเดิมของกิลด์เฮอร์มีสนั้นต่างก็มีพื้นที่ปกครองของตนเอง
รวมทั้งดาอินที่เป็นลอร์ดแห่งปราสาทเอวาลุคในราชฮาณาจักรคัลลามอร์ด้วย
ไม่มีการต่อต้านใดๆที่ปราสาทเอวาลุค
แล้วแถมทั้งประชากรและเศรษฐกิจของราชอาณาจักคัลลามอร์ก็กำลังพัฒนาขึ้น
ช่วงหลังสงคราม หลังจากทำการบูรณะและพัฒนาหลังสงคราม มันได้ถูกเรียกว่าเป็นเมืองหลวงที่
2 แห่งอาณาจักคัลลามอร์
แต่กระนั้นเหล่าลอร์ดผู้ได้รับความเสียหายจากวิหารเอ็มบินยูก็ได้ถามขึ้นว่า
“ความเสียหายที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ระดับไหน?”
“มันค่อนข้างยากที่จะหยั่งถึงระดับในปัจจุบันของวิหารเอ็มบินยู มองดูจากระดับความสำคัญและเนื้อหาของภารกิจแล้ว
บางทีอาจจะมีขนาดใหญ่กว่า 2-3 เท่าเลยทีเดียว”
“ถ้าอย่างนั้น...”
“ประวัติศาสตร์ของอาณาจักรอาจสาบสูญไปและประชากรทั้งหมดจะกลายเป็นพวกสาวกคลั่ง
จากนั้นจักรวรรดิฮาเว่นก็จะถูกบีบให้ต้องเข้าทำสงครามกับวิหารเอ็มบินยู ดังนั้นพวกเราต้องทำการเตรียมการให้พร้อม”
จักรวรรดิฮาเว่นจำเป็นที่จะต้องเตรียมการที่จะเผชิญหน้ากับวิหารเอ็มบินยู
สิ่งเดิมพันนั้นสูงค่ายิ่ง ดังนั้นเหล่าอัศวินจึงได้ถูกรวบรวมมาอย่างลับๆเพื่อขจัดภยันตรายของทวีป
พวกเขาสวมใส่ทั้งอาวุธและชุดเกราะที่อาบไล้ไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์และเตรียมพร้อมที่จะเข้าประจัญกับวิหารเอ็มบินยู
แต่ทว่า
มันเป็นการยากที่จะคาดเดากำลังพลของฝ่ายวิหารเอ็มบินยู ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเข้าต่อสู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั่วทั้งทวีปกลางนั้นตกอยู่ในอันตรายจากการที่จะถูกกวาดล้างโดยวิหารเอ็มบินยูและย้อนกลับไปสู่ความล้าสมัย
การต่อสู้กับพวกมันอาจมอบโอกาสให้กับเหล่ากองกำลังพันธมิตรที่จะได้ฟื้นคืนมา
และยังสามารถที่จะโยกคลอนอำนาจการปกครองของจักรวรรดิฮาเว่นได้อีกด้วย
“จักรวรรดิฮาเว่นอันทรงพลัง
พวกเรานั้นมีพลังมากพอที่จะบดขยี้วิหารเอ็มบินยู และความเห็นของประชาชนนั้นจะเป็นไปในเชิงบวก
วีดนั้นจะล้มเหลวในการรับมือกับวิหารเอ็มบินยู
กล่าวอีกนัยนึงก็คือวีดจะตัดกำลังของพวกมันให้เรา”
เนื่องจากความเสี่ยงของการผจญภัยของวีด
จักรวรรดิฮาเว่นได้ขยายแผนการของพวกเขา
พวกเขาได้พิชิตทวีปกลางโดยสมบูรณ์และได้เตรียมพร้อมที่จะทำสงครามกับวิหารเอ็มบินยูแล้ว
“จะเกิดอะไรขึ้นหากวีดประสบความสำเร็จในการผจญภัยครั้งนี้?”
“ตามที่ระบุไว้ในประวัติศาสตร์วิหารเอ็มบินยูในยุคนั้นมีความยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก
ถ้าเขาเอาชนะพวกมันได้ขึ้นมา
มันก็ไม่จำเป็นสำหรับพวกเราที่จะต้องไปต่อสู้กับวิหารเอ็มบินยู ถ้าเป็นอย่างนั้น
กองกำลังที่เราได้เตรียมไว้ก็จะถูกยกกำลังพลขึ้นสู่แดนเหนือเพื่อทำสงคราม”
“นายหมายความว่า...”
“การทำลายล้างและพิชิตอาณาจักอาร์เพ่น”
เมื่อจักรวรรดิฮาเว่นได้พิชิตทวีปกลาง
พวกเค้านั้นไร้คู่แข่งโดยสิ้นเชิงเว้นแต่เพียงแดนเหนือ หากพวกเขาทำสำเร็จ
พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้ปกครองแห่งทวีปโดยสมบูรณ์
ไม่สำคัญว่าการผจญภัยของวีดนั้นจะเป็นไปในทิศทางใด
ลาฟาเย่และจักรวรรดิฮาเว่นนั้นก็พร้อมที่จะหาประโยชน์ใส่ตน
‘ฉันกลัวแค่ว่า...’
อย่างไรก็ตาม
ลาฟาเย่ไม่ได้บอกกล่าวเหล่าลอร์ดถึงบางสิ่ง
‘ภารกิจของวีดนั้นพวกเราได้เห็นมันแล้ว ฉันได้รู้แล้วว่าประวัติศาสตร์สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ต้องขอบคุณเหล่าเมืองที่ถูกทำลายไป
หากภารกิจล้มเหลวนั่นก็จะเป็นการทำให้วิหารเอ็มบินยูยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกอย่างมหาศาล’
ในอดีตนั้นได้มีการตัดขาดการเชื่อมต่อระหว่างทวีปเหนือและทวีปกลาง
วิหารเอ็มบินยูจะทำลายล้างทวีปกลางจนย่อยยับแต่กับแดนเหนือนั้นยังคงไร้ริ้วรอย
ถ้าวีดไม่ทำมันให้ดีที่สุดล่ะก็มันจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อกิลด์เฮอร์มีส
‘ถ้าเขาเกิดจงใจแพ้ขึ้นมาล่ะ?’
ร่างของลาฟาเย่สั่นเทิ้มไปด้วยความกังวล
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
วีดได้มองดูพวกปีศาจหลั่งไหลลงมาจากท้องฟ้า
“มอนสเตอร์กำลังลงมายังกับห่าฝนแหนะ!”
เหล่าพ่อมดได้ทำการเปิดประตูนรก!
ปีศาจนรกอันทรงพลังนั้นไม่สามารถที่จะผ่านประตูนี้มาได้
แต่ก็ยังมีมอนสเตอร์เป็นจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลลงมายังโลก
ในทันใดนั้นโลกก็พลันอับแสงลง
และเหล่าปีศาจก็ได้หลั่งไหลลงมาดั่งสายน้ำ
-ประตูนรกได้ถูกเปิดออกบนที่ราบดัลมอร์
วิกฤตการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ได้เยื้องกรายเข้าสู่ทวีปเวอร์เซลล์
แม่มดเปเช็ทนั้นเป็นสตรีผู้อันตรายอย่างมาก
เธอมีความเชี่ยวชาญในมนต์ดำและเวทย์ปีศาจทุกชนิด
และยังได้สร้างสิ่งมีชีวิตใหม่ๆผ่านการทดลองของเธอ
เธอได้สร้างเส้นทางที่เชื่อมต่อกับ
‘วงแหวนแห่งนรก’
เหล่ามอนสเตอร์จากขุมนรกจะออกมาอย่างต่อเนื่องผ่านประตูนรกจนกว่าเธอจะถูกโค่นลงและวงแหวนแห่งนรกถูกทำลาย
หากประตูนรกถูกเปิดออกเป็นเวลานานนั่นจะเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อโลกมนุษย์...
สนามรบเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอันหนักหน่วงและขวัญทหารได้ถูกลดลง
60%
หากประตูนรกถูกเปิดขึ้นเป็นเวลานานเหล่าผู้ที่จิตใจและปณิธานอ่อนแอจะถูกทำให้บ้าคลั่ง
ผลของค่าความศรัทธาถูกลดลงชั่วคราว
ประสิทธิภาพของมนต์ดำบนที่ราบดัลมอร์เพิ่มสูงขึ้น
|
เหล่าทหารต่างก็ตัวแข็งทื่อจากอาการช็อคขณะที่เหล่าปีศาจโผล่ออกมาจากประตูนรก
ก้อนเนื้อขนาดใหญ่ได้ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าลงสู่พื้นดิน
“เคี๊ยกๆๆ (เสียงหัวเราะ)”
ร่างอันอวบอ้วนนั้นได้อ้าปากออกและเขมือบทุกสิ่งทุกอย่างที่มันมองเห็น
รวมถึงต้นต้นหญ้า ก้อนหิน และต้นไม้ ร่างอ้วนนั้นได้เยื้องกรายมาถึงเหล่าทหารและเขมือบกลืนพวกเขาเข้าไปในคำเดียว
ทั้งเหล่าปีศาจยังได้ใบมีดอันแหลมคมออกจากร่างของพวกมัน
มีมนุษย์สวมเกราะอยู่มากมายบนทุกราบทันทีที่พวกมันออกมาจากประตูนรก
มันเหมือนกับพวกมันได้เห็นร้านบุฟเฟต์ที่เต็มไปด้วยอาหารที่พวกมันชื่นชอบ (กินเยอะไประวังท้องแตกเด้อ)
ก่อนเริ่มการต่อสู้
วีดนั้นมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองที่ได้รับมาจากภารกิจการเติบโตของโนดูล
“เควสที่เหลืออยู่นี่มันช่าง.. เห้อ ฉันคงทำได้แค่สู้อย่างเต็มที่ล่ะนะ
มันจะแข็งแกร่งแค่ไหนกันเชียว? . ฉันจะไม่มายอมแพ้ให้กับอะไรทั้งนั้นแหละว้อยยย”
ดังนั้นเขาจึงได้มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินภารกิจต่อกรกับวิหารเอ็มบินยูต่อไป
เขานั้นไม่ได้กังวลว่าจะไม่สามารถรับมือกับศัตรูจำนวนมากได้
แต่ในตอนนี้ความลังเลได้เกิดขึ้นมาในหัวเขา
เขานั้นโชคร้ายบัดซบ
และระดับความยากได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
“มันออกมาเป็นสภาพนี้ ฉันว่าฉันไม่ควรไปเล่นหวยจริงๆเลยล่ะ ฉันคงไม่มีวันถูกหวยกระทั่งต่อให้ซื้อมันไปทั้งชีวิต”
(โอ๊ยยย อะไรจะอาภัพขนาดน้านนนน)
เขาจำเป็นที่จะต้องรักษาความเยือกเย็นไว้ถึงที่สุด
ชีวิตของวีดนั้นไม่เคยและไม่มีวันเลยที่จะเป็นไปอย่างราบรื่น
“เจ้าพวกนี้นี่มันควบคุมยากซะจริงวุ้ย”
วีดถอนหายใจแล้วใช้เสียงคำรามแห่งแอทร็อกอีกครั้ง
“เพ่งสมาธิไปที่การป้องกัน!”
มันเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิงสำหรับเหล่าเชลยศึกที่จะต่อสู้กับเหล่าอสูรปีศาจ!
มันดีมากพอแล้วสำหรับพวกเขาที่จะทนทานอยู่ได้สักไม่กี่นาที
แกนหลักในการโจมตีนั้นคือเหล่านักรบทะเลทราย ทหารรับจ้าง และ นักบวชของแต่ละศาสนจักร
“กำจัดเหล่าผู้ไร้ศรัทธาให้สิ้นซาก!”
“ความตายอันเจ็บปวด(Painful
Death)”
“มันคงอร่อยแน่ๆถ้ากินพวกมันทั้งเป็น”
เหล่าสาวกคลั่งของวิหารเอ็มบินยูติดพันอยู่กับการต่อสู้อันรุนแรงกับเหล่าเชลยศึก
เหล่าสาวกคลั่งได้ใช้บางสิ่งอย่างเช่น ‘การกินเด็กทารก(eating
young children)’, ‘สูบเลือดอย่างทารุณ(draw blood with
torture)’และ ‘สังเวยคนเถื่อน(pagan
sacrifices)’ เพื่อข่มขวัญพวกเขา
เหล่าสาวกคลั่งทั่วไปนั้นมีเลเวลอยู่ราวๆ
100 ขณะที่พวกที่มีความสามารถพิเศษนั้นจะอยู่ในช่วงเลเวล 200 เนื่องจากเป็นธรรมดาที่พวกสาวกถูกจับมารวมๆกัน
ผลกระทบของมันจึงไม่ได้สลักสำคัญอะไรนัก
กำลังหลักของกองทัพอันได้แก่
เหล่าอัศวินแห่งความมืด(Dark Knight) ,
นักบวช และพ่อมด ได้พุ่งเข้าบดขยี้เหล่าเชลยศึก
ยิ่งกว่านั้น เหล่ามอนสเตอร์บินและยักษ์สัมฤทธิ์นั้นราวกับปราการอันไม่มีวันพังทลาย
บาทหลวงแห่งการลงทัณฑ์(Brotherhood
of Punishment ,Brotherhood แปลว่าบาทหลวงได้ด้วย พวกวิหารเอ็มบินยูมันเกี่ยวกับศาสนาเลยคิดว่าใช้บาทหลวงน่าจะดูเข้าดี)
และเหล่าอัศวินแห่งความทารุณ(Knights of Atrocity) ได้เข้าร่วมในการต่อสู้อย่างกระตือรือร้น
พวกมันทั้งหมดนั้นเป็นมอนสเตอร์ระดับบอสภายใต้แม่มดเปเช็ทและโมตุลกับอิกริกแห่งวิหารเอ็มบินยู
“เหลือเชื่อจริงว้อยยยย นี่มันรู้สึกเหมือนกับห้างหรูๆเลย”
“เอาล่ะ ฉันเพิ่งนึกสิ่งเก่าๆขึ้นมาได้
ฉันไปที่ห้างสรรพสินค้าแล้วเห็นราคาในนั้นที่มันโคตรจะแพงนั่นทำให้ฉันนอนไม่หลับทั้งคืนเลย” (หลอนจัดแล้วบักวีด)
เหล่าเชลยศึกนั้นกำลังตกตายลงไปอย่างโหดร้าย
“กางเกงในตัวเดียวราคา 100,000 วอน...
มันเป็นที่มาแห่งความกลัวจริงๆ”
การตัดพ้อชีวิตของวีด อย่างไรก็ตาม
เขาต้องยอมรับพลังที่แท้จริงของกองทัพวิหารเอ็มบินยูอย่างรวดเร็ว
“แต่ถึงอย่างนั้น วิหารเอ็มบินยูก็ไม่ใช่ชุดขนสัตว์ในห้างสรรพสินค้า
มาลองดูกันสักตั้งสิวะ วิหารเอ็มบินยู
(นี่พวกเอ็งน่ากลัวน้อยกว่าเสื้อขนสัตว์ในห้างอีกหรอวะ 555)
วีดควบเจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนและประจำการแนวหน้า
“มนุษย์ เจ้าดูน่าอาโหร่ยยยย”
เหล่าอสูรปีศาจนั้นคิดว่าวีดเป็นเหยื่อและพุ่งเข้าหาเขา เหล่ามอนสเตอร์จากขุมนรกนั้นสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้จากการกลืนกินมนุษย์
มิฉะนั้นพวกมันจะอ่อนแอลงและตายไปอย่างรวดเร็วในโลกใบนี้
ในอดีต
มอนทัสนั้นคือปีศาจที่ทรงพลังที่สุด แต่ถึงกระนั้น
มันก็ไม่สามารถเทียบได้กับวีดผู้ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดแห่งดาบ
“ดาบเพลิง!(Fire Sword)”
ฟ้าว ตู้มมมม
วีดเหวี่ยงดาบผลาญโลกา(Extermination
Sword ชื่อดาบ)ออกไปและมันได้เผาผลาญทำลายเหล่าปีศาจโดยรอบเขาจนสิ้น
ระยะการโจมตีของเขาเพิ่มขึ้น 3 เท่า และความรุนแรงนั้นสุดจะเปรียบปาน
แล้วเหล่าปีศาจก็ได้ดร็อป
อัญมณี,โลหะ,
อุปกรณ์ถลุงแร่ และไอเท็มอื่นๆที่หาได้ยากในโลกมนุษย์!
“มาเล่นกันเถอะ มาเล่นกันเถอะ!.”
จิตวิญญาณในการต่อสู้ของวีดลุกโชนขึ้นอย่างรวดเร็ว
เจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนได้พุ่งเข้าใส่ศัตรู เขาเพิ่งจะได้รับดาบผลาญโลกามา
แต่มันเป็นอาวุธที่ควบคุมได้ง่าย
ปริมาณน้ำหนักที่วีดนั้นต้องใช้ลงไปในอาวุธแต่ละชิ้นนั้นแตกต่างกัน
มือของวีดนั้นได้วัดน้ำหนักแหละปรับให้เข้ากับดาบเล่มใหม่อย่างรวดเร็ว
อาวุธเหล่านี้นั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยเหล่าคนแคระ ดังนั้นคุณสมบัติของมันจึงไร้ที่ติ
สัมผัสของวีดนั้นโดดเด่นมากยามเมื่อใช้กับอะไรแบบนี้
เปลวเพลิงปะทุขึ้นทุกหนทุกแห่งที่คมดาบวาดผ่าน
หนึ่งคมดาบก็ส่งให้เหล่าปีศาจนั้นไปแล้วไปลับ ความรุนแรงนั้นมหาศาลและสิ่งมีชีวิตใดที่โดนมันเข้าต่างก็มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน
“วิ่ง!”
“แบล็คไนท์สไตรค์!(Black
Knight’s Strike คิดว่าใช้ชื่อ Engไปเลยเท่กว่า
หรือถ้ามีชื่อไทยเท่ๆแนะนำมาได้ครับ)
เหล่าปีศาจยังคงพากันปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง
แต่เมื่อวีดได้ใช้สกิลโจมตีวงกว้างออกมา ปีศาจเหล่านั้นทั้งหมดก็ได้กลายเป็นแสงสีเทาสลายหายไป
เหล่าพ่อมดถูกสูบมานาไปเพื่อคงสภาพประตูนรกไว้
แต่เหล่าปีศาจส่วนใหญ่ได้มลายหายสิ้นไปเพราะวีด
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถปิดประตูนรกได้
ดังนั้นเหล่าปีศาจที่ทรงพลังก็ยังคงทยอยกันออกมาอยู่เรื่อยๆ
การกระทำของวีดนั้นอาจมองดูผิวเผินเหมือนว่าไม่มีประโยชน์ใดๆ
แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่ใช่อย่างนั้น
“ช่างเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
“มนุษย์อย่างนี้สิถึงจะควรค่าแก่การกิน”
“แต่จะกินยังไงล่ะ? เจ้ามนุษย์นั่นแข็งแกร่งอย่างกับปีศาจ”
วีดนั้นเป็นที่กล่าวถึงในหมู่ปีศาจเป็นอย่างมาก
วีดควบเจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนทะยานผ่านเกลียวคลื่นของเหล่าปีศาจที่ล่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า
“ไปลุย!!”
เขาเหยียบลงไปบนสิ่งมีชีวิตที่แล่นลงมาถึงบนพื้น
สวบๆๆๆๆ(เสียงเหยียบย่ำ)
“ไปเลยเจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยน!”
และเขาก็ได้พุ่งทะยานเข้าไปบดขยี้เหล่าวิหารเอ็มบินยู
เขาได้บุกโหมกระหน่ำลำลายล้างวิหารเอ็มบินยูเพียงลำพัง! เหล่านักรบทะเลทรายไม่สามารถบุกฝ่าเข้ามาได้ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากพวกนั้นได้
“มะ...มนุษย์! ข้าจะควักหัวใจเจ้าออกมาและนำไปเป็นเครื่องสังเวยแด่องค์เทพเอ็มบินยู!”
“เหล่าสาวกแห่งองค์เทพเอ็มบินยูผู้ยิ่งใหญ่เอ๋ย จงสังหารชายผู้นั้นซะ!”
โมตุลและอิกริกได้คำรามตะโกนคำสั่งออกมา
เหล่าสาวกคลั่งและอัศวินทมิฬได้ตอบสนองโดยพร้อมเพรียงกัน
“ดาบแห่งความมืดของข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ”
วีดนั้นได้ถูกล้อมกรอบโดยศัตรูนับสิบชั้น
“นี่ค่อยน่าสนใจหน่อย!”
วีดนั้นหาได้มีความกังวลใดๆ
เขานั้นได้รู้สึกกังวลอย่างมากก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้
แต่เมื่อเขาได้เริ่มทำการต่อสู้ไปแล้ว เขาก็ได้ปราศจากความกลัวใดๆ
กระทั่งในกรณีที่สถานการณ์ย่ำแย่ที่สุด เมื่อเขาเสียชีวิตและล้มเหลวในการทำภารกิจ
ทวีปกลางก็ยังคงจะตกสู่ความยุ่งเหยิงวุ่นวาย
เมื่อนึกถึงผลลัพธ์เขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บท้องน้อยจากการคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมา
มันก็เหมือนเหล่านักกีฬาที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลก่อนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ
แต่แล้วพวกเขาก็ได้แสดงความสามารถออกมาให้ได้เห็น
ในกรณีของวีดเขาไม่ได้สนใจเลยว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร
“พวกเจ้าไม่คู่ควรที่จะมาเผชิญหน้ากับข้า พวกเจ้ามันโง่เง่า เข้ามา!”
มือของวีดได้กวัดแกว่งฟาดฟันดาบผลาญโลกาซ้ำไปซ้ำมา! เหล่าอัศวินทมิฬทั้งหมดได้ปะทะเข้ากับดาบของวีด
-แบล็คไนท์สไตรค์ (Black Knight’s Strike!)
การโจมตีทีจะพุ่งไปด้านหน้าปะทะเข้ากับเหล่าศัตรูโดยรอบ
|
วีดนั้นอยู่ภายใต้วงล้อมของศัตรู
เหล่าปีศาจที่ทะยานลงมาบนพื้นนั้นได้เข้าต่อสู้กับเหล่าเชลยศึกที่อ่อนแอ
ในขณะที่เป้าหมายหลักของกองทัพเอ็มบินยูคือวีด
“โลกใบนี้ได้ถูกปกครองโดยความมืดและการทำลายล้าง...”
“ผูกพันธะกับความทรมานและเจ็บปวด...”
เหล่าพ่อมดยังได้เปลี่ยนประเภทเวทย์คำสาปและเวทย์ทัณฑ์ทรมาน
ไม่สำคัญว่าวีดจะแข็งแกร่งหรือเลเวลสูงเพียงใด
เขาก็ไม่สามารถที่จะทนรับเวทย์คำสาปมากมายพร้อมกันในครั้งเดียวโดยที่ความสามารถในการต่อสู้ไม่ลดลง
วีดนั้นได้คาดการณ์การกระทำของพวกพ่อมดไว้แล้ว
“มันช่างน่ารำคาญหูจริงๆ ฉันว่ามันคงถึงเวลากินรวบพวกมันแล้วล่ะ”
เขานำธนูน้ำแข็งเยอร์บูซีก้าออกมาและเล็งยิงไปยังพวกพ่อมด
ศรน้ำแข็งสีขาวพุ่งตรงพาดผ่านเหล่าอัศวินทมิฬไปยังเหล่าพ่อมดที่กำลังคุกเข่าอยู่
“หลบไป!”
“ลูกธนูของพวกไร้ความศรัทธา!”
เหล่าพ่อมดต่างรีบเร่งยกเลิกเวทย์คำสาปที่กำลังร่ายอยู่และเปลี่ยนไปร่ายเวทย์ป้องกันแทน
ศรน้ำแข็งของวีดนั้นรุนแรงมากถึงขนาดที่พุ่งทะลวงผ่านชั้นเวทย์ป้องกันมากมายไปได้
อย่างไรก็ตาม วีดก็ได้น้าวคันศรอย่างต่อเนื่องและยิงศรน้ำแข็งออกมานับร้อย
ศรคลั่ง!
หลังจากเชี่ยวชาญทักษะยิงรัว
ทักษะยิงธนูของเขาก็ได้มีความเร็วอันไร้เหตุผล(เร็วจัด)
เจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนเคลื่อนผ่านเหล่าศัตรู
นั่นทำให้วีดเล็งยิงธนูได้ง่ายยิ่งขึ้น
โล่ของเหล่าพ่อมดก็ได้แตกสลายไปในที่สุดและถูกแช่แข็งโดยเศษน้ำแข็งที่เหลือ
“อ๊ากกก!”
เหล่าอัศวินทมิฬและเหล่าจอมเวทย์ได้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง
เหล่าจอมเวทย์ที่พลังชีวิตต่ำได้ตายลงไป เหล่าอัศวินทมิฬกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้งเมื่อน้ำแข็งละลายหมดแล้ว
และศรน้ำแข็งได้เจาะทะลุร่างของเหล่าพ่อมดอย่างสมบูรณ์
แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นานเหล่าพ่อมดก็ได้กลายเป็นควันแล้ววิ่งหนีไป
“ฮึ พวกเจ้ายังไม่สามารถทำอะไรมนุษย์ผู้นั้นได้รึ”
ในขณะเดียวกันเหล่าอัศวินทมิฬและเหล่าปีศาจก็ได้เข้าโจมตีวีด
เขานั้นเพิกเฉยต่อการโจมตีที่เข้ามามากมายจากพวกอัศวินทมิฬเพราะนั่นได้แค่ทำให้เขารู้สึกคันๆ
-เกราะหนังคู่บารมีแห่งผู้พิชิต(The
Majestic Leather Armour for a Conqueror)ได้ดูดซับความเสียหายจากการโจมตี
|
-คุณได้รับการโจมตีจากหางของเฮคาทีผู้ใช้ชีวิตอยู่ในนรก
พลังงานแห่งขุมนรกได้เจาะทะลวงเข้าสู่ร่างกายของท่าน
พลังชีวิตลดลง
1,393 หน่วย
|
หากคุณถูกโจมตีโดยเหล่าปีศาจซ้ำๆ
นั่นจะทำให้เป็นการยากในการขจัดคำสาปออกไป
เหล่าประติมากรรมสลักชีพ
เจ้าอัลเวรันและอัลเวเรนสามารถรักษาได้ แต่มันก็จะเป็นการสิ้นเปลืองทั้งเวลาและพลังศักดิ์สิทธิ์
ตอนนี้นั้นมีคำสาปที่ทำการลดพลังชีวิตของเขาอย่างต่อเนื่อง
วีดไม่สามารถเพิกเฉยการโจมตีได้อีกต่อไป
และเล็งดาบในมือของเขาไปยังศัตรูที่อยู่ใกล้ๆ
“เหล่าพ่อมดและจอมเวทย์จงดูแลเหล่านักบวช”
พวกมันมีพ่อมดอย่างน้อย 1,000 คน และมีเพียง 100 คนเท่านั้นที่ได้รับความเสียหายจากศรน้ำแข็ง
การก้าวเข้าไปในใจกลางดงมอนสเตอร์ตั้งแต่เริ่มเปิดศึกนั้นไม่ใช่โอกาสที่จะมีมาได้อย่างายดาย
เหล่าจอมเวทย์มากมายถูกรวบรวมมาเพื่อขัดขวางวีดและหลากหลายเวทย์มืดได้ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก
“มันช่างน่าเสียดายจริงๆ”
เขาจำเป็นที่จะต้องทำการกวาดล้างเหล่าอัศวินทมิฬ
จำนวนของมอนสเตอร์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่ได้รวดเร็วเท่ากับก่อนหน้านี้
มีเพียงแค่เหล่าปีศาจที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่ออกมา
และพวกมันกระทั่งกลืนกินเหล่าสาวกคลั่ง
ผลที่ตามมาก็คือการต่อสู้ยิ่งทวีความซับซ้อนมากขึ้นและเขาก็ไม่สามารถที่จะรับมือกับเหล่าศัตรูที่แข็งแกร่งขึ้นได้
“ฉีกกระชากเจ้ามนุษย์นั่นให้เป็นชิ้นๆ!”
ความเป็นปรปักษ์ของวิหารเอ็มบินยูที่มีต่อวีดนั้นได้ไปถึงจุดสูงสุด
เหล่าเชลยศึกนั้นต่างตายไปอย่างไร้ค่า ดังนั้นวิหารเอ็มบินยูจึงไม่ได้สนใจพวกมันเลย
วีดถูกโจมตีเพียงลำพังและกลายเป็นเป้าหมายเดียวของพวกมัน
“ความดังของฉันนี่ไม่มีวันหมดจริงๆ วันพิพากษา!”
วีดนั้นไม่ได้ประหยัดมานาของเขาอีกต่อไป
และใช้สกิลที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา สกิลแห่งนักรบสุริยัน
เปลวเพลิงแผ่ขายออกไปดั่งคลื่นสึนามิและเผาผลาญเหล่าอัศวินทมิฬรอบๆตัวเขาให้เป็นเถ้าถ่าน
ระยะของการโจมตีและความเสียหายที่เกิดได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า เนื่องจากดาบผลาญโลกา(Extermination
Sword)
“ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจกับความโอหังของเจ้า”
เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์ได้ขว้างก้อนหินขนาดใหญ่ออกมา
เหล่าจอมเวทย์มืดและพ่อมดได้เล็งกระสุนเวทย์มายังวีดและทำการอัญเชิญสายฟ้าและแก๊สพิษ
-คุณได้รับความเสียหายเวทย์
161 หน่วย
ด้วยความว่องไวของคุณ
คุณได้ทำการหลบหลีกการโจมตี 59 ครั้ง
พลังชีวิตลดลง
95,831
หน่วย (หลบได้59ครั้งเอ็งโดนไปกี่ครั้งวะเนี่ยเลือดลดขนาดนี้)
|
ด้วยความต้านทาน ความอดทนที่สูงและชุดเกราะของเขาทำให้เขาสามารถทนต่อพายุสายฟ้าได้
เปลวเพิงได้เติมเต็มมานาและพลังชีวิตของเขาอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นการจู่โจมของศัตรูที่โจมตีเข้าใส่วีดเท่านั้น
เหล่ายักษ์สัมฤทธิ์ได้ก้าวเท้าเข้าหาวีดพร้อมกับหอกขนาดยักษ์และเหล่าสาวกแห่งวิหารเอ็มบินยูได้ควบม้าพุ่งเข้าใส่
วีดนั้นได้เติมพลังชีวิตของเขาแล้วในการต่อสู้
แต่มันก็ยังคงลดลงอยู่เรื่อยๆ จนถึงตอนนี้เขาได้วิ่งไปรอบทั่วสนามรบและยังไม่ได้รู้สึกอันตรายถึงชีวิตใดๆ
อย่างไรก็ตาม
ตอนนี้เขารู้สึกเสียดายนิดหน่อยขณะที่มองไปรอบๆ
“นี่คงมากพอแล้ว”
เจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนผงกหัวเสมือนว่ามันเห็นด้วยกับวีด
วันพิพากษานั้นเป็นสกิลโจมตีวงกว้างแต่เจ้าอูฐนี่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย
เจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนต้องขอบคุณวีดอย่างมากที่วีดได้ขี่มันอยู่ขณะที่มองไปยังความน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นกับศัตรู
อารมณ์ความรู้สึกของเจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนได้แสดงออกมาผ่านรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของมัน
“ได้เวลาดำเนินปฏิบัติการขั้นที่ 2 แล้ว พวกเราถอย!”
วีดควบเจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนวิ่งออกห่างจากกองทัพเอ็มบินยู
เจ้ายักษ์สัมฤทธิ์ได้ขว้างหอกออกมาและปักทิ่มลึกลงไปในพื้นดิน
“อย่าหนีนะ
ข้าจะทำให้เจ้าได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่จะเจ้าจะไม่มีวันลืมเลือน”
เหล่าอัศวินทมิฬได้พยายามจะขัดขวางทางหนีของเขา
แต่ว่าเหล่าอัศวินทมิฬนั้นไม่ใช่คู่มือที่จะมีความสามารถพอในการขัดขวางการหลบหนีของวีด
“รัดขามันไว้!”
“มันเคลื่อนไหวเร็วเกินไป”
เหล่าพ่อมดและจอมเวทย์มืดพยายามที่จะร่ายเวทย์คำสาปเผาไหม้
อย่างไรก็ตามเขาสามารถหนีไปได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นมันจึงเป็นการยากที่เวทย์คำสาปจะจับเขาได้
เขาได้เตรียมตัวมาพร้อมสำหรับการไล่ล่าแล้ว!
“ไล่ล่ามันไปให้ถึงที่สุด!”
มหาปุโรหิตโมตุล(High
Priests Motuls) ได้ออกคำสั่งแก่ทั้งกองกำลังภาคพื้นดินและภาคอากาศของวิหารเอ็มบินยู
พยุหะลูกธนูได้บินว่อนตามหลังเขามา
แต่เพียงแค่คลื่นกระแทกจากดาบของเขาในอากาศก็ทรงพลังมากพอที่จะพัดให้ลูกธนูเหล่านั้นกระเด็นไป
เขาไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงลูกธนูทั้งหมดได้
ดังนั้นพลังชีวิตของเขาก็ยังคงลดลด พลังชีวิตของวีดยังคงเหลืออยู่ที่ 89%
“ฉันยังคงจำเป็นที่จะต้องระวังตัวอยู่
มันจะอันตรายถ้าฉันโดนเล็งโจมตีโดยเวทย์และธนู”
เจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนแล่นไปข้างหน้าให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงลูกธนูเช่นเดียวกับกองทัพของวิหารเอ็มบินยูที่ตามหลังมา
นักธนูบนเหล่ามอนสเตอร์บินได้เล็งเป้าหมายมายังวีด
วีดนั้นเป็นดั่งอาหารอันล่อตาล่อใจมากที่สุดเพราะว่าเขาคือมนุษย์ผู้แข็งแกร่งที่สุดบนสนามรบ! พวกมันได้เล็งไปยังช่วงเวลาวิกฤตเมื่อเขาอ่อนแอลงเพื่อที่
พวกมันจะได้สามารถตะครุบกินวีดได้
กองทัพเอ็มบินยูที่อยู่ข้างเคียงได้เข้ามาไล่ล่าวีดอย่างพร้อมเพรียง
ศัตรูจำนวนมากมายมหาศาลได้พุ่งเข้าใส่วีด แต่เหล่านักรบทะเลทรายและทหารรับจ้างต่างก็ไม่ได้เข้ามาเพื่อช่วยเหลือเขา
“เคลื่อนพลไปยังทิศตะวันออกตามแผนที่วางไว้”
“พวกเราต้องลงไปยังทิศตะวันตก”
นักรบ-1ได้แบ่งกองทัพที่เขาบัญชาการอยู่ออกเป็นสองส่วน
มันดูเหมือนว่าวีดนั้นกำลังหลบหนีออกจากสนามรบ
วีดได้มุ่งหน้าไปยังป้อมปราการขณะที่ถูกศัตรูไล่ล่า
เจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนวิ่งลงไปตามทางลูกรังที่นำไปสู่ป้อมปราการพร้อมกับหน่วยโจมตีทางอากาศ, อัศวิน และยักษ์สัมฤทธิ์ที่ตามมาอย่างใกล้ชิด
ทั้งยังมีเหล่าปีศาจที่ตามติดเขามาอีกนับ 1,000
วีดและกองทัพวิหารเอ็มบินยูได้มุงหน้าไปยังป้อมปราการที่ได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา
“ข้ารู้สึกพอใจยิ่งนักที่เจ้าคนเถื่อนนั่นได้ต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ขอรับฝ่าบาท!”
“นี่ถือเป็นเรื่องดี พวกมันจะตกตายลงไปขณะที่สู้กันเอง”
เหล่าผู้นำภายในป้อมปราการดัลมอร์มองดูอย่างพึงพอใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“ยิง! ยิงมันเข้าไป ยิงงงงง!!!!!”
เวทย์มนต์และลูกธนูได้มุงไปหาวีดและวิหารเอ็มบินยู
เจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนได้ใช้เทคนิคในการหลบหลีกออกมาและหลบเลี่ยงการโจมตีในขณะที่ยังคงวิ่งไปข้างหน้าเหล่าวิหารเอ็มบินยู
เจ้ายักษ์สัมฤทธิ์นั้นก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขณะที่มันได้ก้าวเดินไป
วีดและเจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนได้มาถึงเบื้องหน้าคูเมืองและประตูทางเข้าที่ถูกปิดอยู่
“โดดเลยเจ้าอูฐ!”
เจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนถีบพื้นและกระโดดไปข้างหน้า
โดยปกติแล้วมันจะนอนขี้เกียจและกินแครอท
แต่เจ้าอูฐแบ็คเทรี่ยนนั้นสามารถที่จะวิ่งได้เร็วดุจสายลมในทะเลทราย! มันสามารถกระโดดข้ามกำแพงที่สูงถึง 10 เมตรที่กองกำลังป้องกันของอาณาจักรมาปอนและเบย์เนอร์กำลังรออยู่ได้
เหล่าทหารศึกได้แสดงความตกตะลึงออกมาเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อย่างกะทันหัน
วีดนั้นไม่ได้สนใจเหล่าทหารและมองกลับไปยังกองทัพวิหารเอ็มบินอยู่ที่ตามไล่หลังเขามา
“เอาล่ะ
มันมีบางอย่างพลิกผันไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในแผนที่ว้างไว้ล่ะนะ”
มันเป็นความรู้สึกสุขหาใดเปรียบที่ได้เขาได้รับหลังจากที่เก็บเหรียญ100วอนที่ตกอยู่บนพื้น
วีดยืนอยู่บนกำแพงและตะโกนออกมาอย่างกึกก้อง
“วิหารเอ็มบิยู
โจมตีเข้ามาเลยถ้าพวกแกกล้า!
ราชอาณาจักมอปอนและเบย์ได้รอคอยที่จะบดขยี้พวกแกเพื่อความยุติธรรมแห่งโลกไปนี้!”(หน้าด้านชิบบักวีด 5555)
เหล่าราชอาณาจักมาปอนและเบย์เนอร์ที่กำลังป้องกันป้อมปราการอยู่นั้นได้คิดว่านี่มันช่างบ้าบอสิ้นดี
โปรดติดตามตอนต่อไป
ผู้แปล :
Patty
Editor : แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล
ตอนแรกจะสงสาร พ่อซอยูน แล้วพออ่านจบ เอ็งยังรวยอยู่นี่หว่า!?
ตอบลบวีดตอนนี้เกรียนมาก แล้วโหดเกินไปแล้วเลือดเหลือ89 ตอนหนี..... (นี่ขนาดตัวดทพๆยังไม่โผล่นะ พวกจารชั่งแกะสลัก)
อยากรู้จะจบภาคนี้ยังไงให้เลวร้ายกับ เฮอมิสมากสุด โดยที่วีดไม่แพ้(ตกลงกับเอมเบนยูเรอะ?)
ขอบคุณสำหรับผลงานครับ สนุกมาก แล้วยังมีกำกับให้เข้าใจง่ายขึ้นด้วย
thank you so much
ตอบลบคุณพ่อครับบ้าน 2 ชั้นในความคิดคุณพ่อช่าง...
ตอบลบได้พ่อค้าใหม่ร่วมทัพแน่ๆ55555555
ตอบลบขอบคุณครับ ตอนนี้รู้สึกว่าจะยาวยุนะ
ตอบลบthank you
ตอบลบแปลสนุกมากครับขอบคุณครับ วีดมันสุดยอดกวนส้นเลยนะเนี่ย5555
ตอบลบ