เล่ม
32 ตอนที่ 1: การแผ่ขยายของอาณาจักรอาเพ่น แปลโดย Smith Rex
วีดกำลังดำเนินการเข้าสู่ภารกิจสำหรับทักษะลับการแกะสลักขั้นสุดท้าย
ดาบแห่งแสงที่ตัดทุกสิ่ง เพลงดาบประกายแสงก็มาถึงขั้นสูงเลเวล 2 แล้วหลังจากการฝึกฝนท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำในทะเล
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือการทำประติมากรรมธรรมชาติสำหรับการเชื่อมโยงกับภารกิจของเขา
มันเป็นภารกิจที่เขาต้องทำผ่านการเป็นประติมากร!
"ถ้าฉันเป็นพ่อค้า ฉันคงจะได้รับภารกิจที่จะทำให้ฉันสามารถทำกำไรได้จากการค้าขาย
การแกะสลักธรรมชาติถือว่าเป็นเรื่องยากมาก ... มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะต้องรู้สึกเป็นกังวลสินะ.
"
เทคนิคที่สามารถแกะสลักธรรมชาติ!
มันคือหนึ่งในความความมหัศจรรย์ที่สามารถใช้เมฆ น้ำ ลม ไม้ และแม้กระทั่งสิ่งสกปรกมาเป็นวัสดุ
ริ้วแสงสีแดงจากพระอาทิตย์ตกดิน สีของใบไม้ต่างๆ หาดทรายและแม้กระทั่งหิมะที่ปกคลุมภูเขา
ทุกสิ่งล้วนถูกแต่งแต้มได้โดยใช้การแกะสลักธรรมชาติ วีดเริ่มมองหาบริเวณที่เขาสามารถเติมเต็มด้วยประติมากรรมธรรมชาติ
"ฉันคงต้องทำประติมากรรมในแดนเหนือ มันจะไม่สะดวกหากสร้างในสถานที่อื่นนอกเหนือจากดินแดนทางเหนือ
"
การเก็งกำไรที่ดินถือเป็นความสำคัญยามเมื่อสร้างประติมากรรม
ดินแดนแห่งอาณาจักรอาร์เพ่นในแดนเหนือมีการขยับขยายอย่างต่อเนื่อง
ชื่อเสียงและอิทธิพลของอาณาจักรส่งผลต่อพื้นที่โดยรอบอย่างสูงและยังเป็นประโยชน์ต่อพวกผู้เล่น
เมื่อผู้เล่นมาจากอาณาจักรอาร์เพ่นได้ไปเยี่ยมเยือนหมู่บ้านอื่น ๆ เหล่าผู้ที่อยู่อาศัยจะวิ่งออกมาอย่างกระตือรือร้น
"ข้ากำลังรอคอยใครสักคนจากอาณาจักรอาร์เพ่นให้มาเยือน!"
"อา, สวัสดี"
"มีบางอย่างที่ข้าต้องการถามท่านนักผจญภัย ท่านได้นำงานศิลปะที่ยอดเยี่ยมจากอาณาจักรอาร์เพ่นติดตัวมาด้วยหรือไม่?
"
ตริ้งงง!
- ศิลปะแห่งอาร์เพ่น
ประติมากร, จิตรกร, ช่างทำเครื่องปั้น ฯลฯ
กำลังผลิตผลงานมากมายในโมราต้าแห่งอาณาจักรอาร์เพ่น ผู้อยู่อาศัยในแดนเหนือผู้ที่ไม่สามารถได้ยลผลงานทางศิลปะต่างรู้สึกอิจฉา
พวกเขาต้องการให้ท่านนำชิ้นงานศิลป์เหล่านั้นมา
ชาวบ้านจะแสดงความเป็นมิตรกับคนแปลกหน้าถ้าคุณทำสำเร็จจะเป็นการเมตตาพวกเขา
ระดับความยาก:
E
ข้อจำกัดการภารกิจ
:
ผู้มาเยือนหมู่บ้าน
ผู้มาเยือนต้องอาศัยอยู่ในอาณาจักรอาร์เพ่น
|
มันไม่ใช่เรื่องยาก
ดังนั้นบรรดาผู้เล่นจึงตอมรับภารกิจได้อย่างมีความสุข
พวกเขาได้เก็บประติมากรรมและภาพวาดจำนวนมากจากในช่วงเวลาที่อยู่ในโมราต้า ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถทำภารกิจเสร็จได้ทันทีที่ได้รับ
ชาวบ้านต้องการจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยที่อันตราย
ณ ดินแดนที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก และการแลกเปลี่ยนกับพ่อค้า พวกผู้เล่นที่ทำภารกิจเสร็จสิ้นจะช่วยฟื้นฟูสันติภาพ
และการค้านั้นได้เปิดหัวใจของชาวบ้านเหล่านั้นสู่อาณาจักรอาร์เพ่น
- ผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณแม่น้ำคาร์เมลมองหาอาณาจักรอาร์เพ่น
พวกเขาเป็นชนกลุ่มน้อยที่หาอาหารได้จากการตกปลา
พวกเขาสร้างบ้านสูงบนแม่น้ำเพื่อหลีกเลี่ยงการคุกคามของพวกมอนสเตอร์
ชาวประมงผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับชนิดสายพันธุ์ต่างๆในแม่น้ำ
ดวงตาของพวกเขาได้เปิดกว้างให้กับวัฒนธรรมต้องขอบคุณอาณาจักรอาร์เพ่น แม้นจะเป็นชนกลุ่มน้อยแต่พวกเขาก็กระตือรือร้นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอาร์เพ่น
หมู่บ้านเล็ก
ๆ และรกร้างจะต้อนรับเหล่าผู้อพยพ
ผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่น
: ปลาน้ำจืด 17 สายพันธุ์
จำนวนประชากร:
63
ภาษีต่อเดือน:
3
เหรียญทอง
|
- ชาวบ้านแห่งหมู่บ้านไนเอซานจ้องมองไปยังอาณาจักรอาร์เพ่น
ชาวบ้านสามารถขอรับรายได้จากการตัดไม้และเก็บเห็ดในป่า
ในขณะนี้เส้นทางการค้าเริ่มถูกสร้างขึ้น และจะมีการแลกเปลี่ยนกับพ่อค้าบ่อยขึ้น
ชาวบ้านต้องการสิ่งที่ดีและปรารถนาต้องการค้าขายกับอาณาจักรอาร์เพ่น
หมู่บ้านนี้มีความเคารพต่อราชาแห่งอาณาจักรอาร์เพ่น และอยากจะอยู่ภายใต้การปกครองของพระองค์
ผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่น: ไม้ เห็ด
จำนวนประชากร:
319
ภาษีต่อเดือน:
536
ทอง
|
อาณาเขตของอาณาจักรอาร์เพ่นกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ยังไม่มีผู้ครอบครองหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดินิฟเฮมถูกกลืนเข้ามาอยู่ในอิทธิพลของอาณาจักรอาร์เพ่น
นอกจากนี้พวกผู้เล่นต่างก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอันมาก
"ในสมัยก่อน ไม่มีแขกที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในหมู่บ้าน และตอนนี้ข้ากลับได้รับการต้อนรับอย่างเต็มที่"
"เพียงข้าพูดออกไป พวกเขาก็จะตอบรับทันที"
"เฮ้ เมื่อวานนี้เด็กที่อยู่แถวนั้นมอบดอกไม้ให้ข้าเพื่อเป็นของขวัญ"
อิทธิพลของอาณาจักรอาร์เพ่นถือเป็นประโยชน์ต่อเหล่าผู้เล่น
มีการพัฒนาและขยายทางการค้าในแดนเหนือ
"ข้าต้องการแสดงความจงรักภักดีต่อราชาแห่งอาณาจักรอาร์เพ่น
ผู้ที่ทำหลายสิ่งอย่างมากมายสำหรับดินแดนทางตอนเหนือนี้"
"ท่านเป็นราชาผู้ที่สัตย์ซื่อและมีเกียรติ"
บรรดาเจ้าเมือง
NPC
และขุนนางต่างเข้าร่วมกับอาณาจักรอาร์เพ่น ถึงแม้ดินแดนจะขยับขยาย
แต่กำไรจากการค้าของประชาชนก็ยังคงเล็กน้อยอยู่
วีดนั้นมีความอ่อนไหวมากเกี่ยวกับภาษีและจำนวนเงินที่จ่ายให้บรรดาเจ้าเมืองซึ่งก็ได้ปรับลดลงไปแล้ว
ถ้าหากเป็นหมู่บ้านที่มีขนาดเล็กภาษีจะเก็บเพียง 30 เหรียญทอง 70 เหรียญทอง และ 1,000 เหรียญทองมากสุดแค่นั้น แต่มันเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับชาวไร่
ชาวเหมือง และพ่อค้า
"หมู่บ้านไหนที่เจ้าจะไป?"
"ข้าจะไปทางทิศตะวันออก"
"สถานที่แห่งนั้นเป็นที่ราบสูง"
"ข้าจะต้องไป. ข้าจะไปเพื่อหาที่ดินของข้าเอง "
"ดี ข้าจะไปที่ภูเขาใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อหาแร่เหล็ก"
"ถ้าพื้นดินมันยุบยวบยาบ เจ้าจะตกอยู่ในอันตราย"
"ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะพวกเราได้รวบรวมคนงานเหมืองแร่จำนวน 100 คน ข้าจะทำงานจนกว่าจอบของข้าจะพัง. "
พื้นที่ที่เหล่าผู้เล่นโมราต้าอยู่นั้นค่อยๆกว้างขึ้น
อัตราการเกิดของแดนเหนือทั้งหมดเพิ่มขึ้นและการผลิตขยายตัว ทหารรักษาสันติภาพให้กับหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
โมราต้าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอาร์เพ่น
และตอนนี้หมู่บ้านขนาดกลางหลายแห่งเริ่มปรากฏออกมาให้เห็น ร้านค้าที่หรูหรา
การสร้างที่อยู่อาศัยและโรงงานผลิตถูกสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานของเมืองหลวงแห่งอาณาจักร
อาคารที่สวยงามถูกสร้างขึ้นและทำให้เมืองมีรูปลักษณ์ที่โรแมนติกและมีเสน่ห์มากขึ้น
ทั่วทั้งแดนทางตอนเหนือต่างต้อนรับอาณาจักรอาร์เพ่น
ผลกระทบจากอิทธิพลของวีดก็คือเหล่าชาวบ้านจะเชื่อฟังโดยดีเพียงแค่เขาเอ่ยปาก
วีดพึงพอใจกับอาณาจักรอาร์เพ่น
"การเก็งกำไรที่ดิน ... ข้าต้องสร้างประติมากรรมธรรมชาติที่สะดวกสบายสำหรับโมราต้า
และป้อมปราการวาร์โก"
เขาขี่ไวท์-ทรีบินไปบนท้องฟ้าและค้นหาสถานที่ที่เหมาะสม
"ที่ดินที่ยังไม่ได้ถูกใช้ทำอะไร. สถานที่ตั้งคือทุกสิ่งทุกอย่าง "
ภูมิประเทศที่สวยงามจากภูเขาที่สูงเกินไป
และแม่น้ำกว้างใหญ่ล้วนมีแนวโน้มที่จะถูกน้ำท่วม
เศษซากของจักรวรรดินิฟเฮมกระจัดกระจายไปทั่วดินแดนทางตอนเหนือ
ต้นไม้เจริญเติบโตบนเมืองที่ถูกลืมจนกลายเป็นซากปรักหักพัง
มีซากปรักหักพังจำนวนมากที่ยังไม่มีมนุษย์ผู้ใดเคยสัมผัสมานาน ดังนั้นพวกมันจึงกลมกลืนไปกับธรรมชาติ
"ถ้าข้าทำประติมากรรมธรรมชาติ ... ข้าคงต้องพิจารณาเมืองที่สามารถเติบโตได้ในบริเวณใกล้เคียง."
เขายังได้พิจารณาการพัฒนาด้านการคมนาคมขนส่ง
เขตพื้นที่อยู่อาศัย และการออกล่า เมื่อตัดสินใจเกี่ยวกับสถานที่ สถานที่ที่วีดตัดสินใจเป็นที่โล่ง
และมีแม่น้ำที่ใสสะอาดไหลไปทางทิศตะวันออกและเป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ไปทางเหนือซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สามารถพัฒนาได้
ไม่มีอุปสรรคอะไรที่ทำให้เขาไม่สามารถทำประติมากรรมธรรมชาติที่เขาต้องการได้
"มีกลุ่มมอนสเตอร์เพ่นพ่านอยู่รอบ ๆ คงจะเป็นปัญหา แต่ ... ข้าคงจะจัดการพวกมันบ้างเป็นบางครั้ง"
พลังทางทหารของอาณาจักรอาร์เพ่นกำลังขยายตัวเร็วกว่าที่คนส่วนใหญ่คาดไว้
เนื่องจากผู้เล่นหลายคนเล่นเป็นอัศวินจึงบัญชาให้เหล่าทหารสู้รบบนพื้นราบ พวกอัศวินที่เป็น
NPC
อิสระ(อัศวินพเนจร) ก็เดินทางมาจากทวีปกลาง
ในหมู่พวกเขามีอัศวินจากอาณาจักรคัลเลอร์มอล์ปนมาด้วย เลเวลของอัศวินอิสระเหล่านี้ค่อนข้างสูงทีเดียว
บรรดาผู้เล่นที่ทำภารกิจเสร็จแล้วและได้รับรางวัลมาและสามารถเช่าอัศวินอิสระได้
กองพลอัศวินแห่งอาณาจักรอาร์เพ่นมีผู้คนถึง 1,000 นาย
แต่พวกเขาไม่ได้พักผ่อน พวกเขาเก็บกวาดพวกมอนสเตอร์และช่วยให้ผู้คนตั้งถิ่นฐานและสร้างเมืองในอาณาจักรอาร์เพ่น
"ข้าจำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ผู้คนสามารถพักผ่อนได้ จนกระทั่งตอนนี้อาณาจักรอาร์เพ่นนั้นช่วยทำให้มีชีวิตรอดเพียงอย่างเดียว
"
มันคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากเป็นอาณาจักรใหม่
ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มจากโมราต้า และผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นก็หมดแรง ถ้าหากพวกผู้เล่นได้แลกเปลี่ยนเงินจากการออกล่า
และการค้าแล้ว พวกเขาก็สมควรจะหาสถานที่พักผ่อน ดังนั้นเขาจึงได้เตรียมงานก่อสร้างสำหรับเมืองแห่งการพักผ่อนหย่อนใจและการท่องเที่ยว
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
เหล่าสกุณาต่างร้องเพลงเมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน
นกสีทองตัวเล็กตัวหนึ่งสะบัดปีกและโผบินไปที่ไหนสักแห่ง
กรู
กรู กรู !
จิ๊บ
จิ๊บ
จุ๊กกรู
กรู กรู
นกสีทองตัวนั้นขณะบินรอบกับนกที่ตัวใหญ่กว่าอยู่เสมอ
ไม่คล้ายกับเป็นพวกนกธรรมดา เป็นฝูงนกกระจอกที่มีขนาดตัวเท่ากับไก่ และมีพวกนกฮูกที่เร่ร่อนอยู่ในตอนเช้า
ปากและกรงเล็บแข็งแรงพอที่จะเจาะเหล็กได้ นกสีทองกำลังมุ่งหน้าไปยังลาเวียส เกาะลอยฟ้า
“ญาติของเรากำลังจะมาถึง”
"มงกุฎประกายบนศีรษะของเขา ... "
"นั่นมันเค้าหนิ"
นกที่มีสายตาดีรายงานว่านกสีทองกำลังจะมาถึง
นกในลาเวียสนับสิบนับหลายพันตัวออกมาเพื่อพบกับนกสีทอง มัน ได้รับการต้อนรับที่ดีที่สุดจากเหล่านก
ขนาด
รูปร่าง และสีของนกสีทอง เมื่อเทียบกับนกตัวอื่น ๆ นั้นงดงามมาก นกสีทองบินวนรอบเกาะก่อนที่จะลงจอดบนพื้นดิน
มันเกาะอยู่บนกิ่งไม้หลังจากร่อนลงมายังลาเวียส
"มันช่างยาวนานยิ่งนัก เหล่าลูกหลานของข้า "
ชาววิหคพยักหน้า
แต่น่าเสียดายที่ความจำของพวกเขาไม่ดี หลังจากที่เกิดมาพวกเขาจะไม่อาจรู้ว่าพ่อแม่หรือพี่น้องของพวกเขาเป็นใคร
แต่พวกเขาไม่ลืมเรื่องราวของวิหคทอง นกตัวแรกที่ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิเกฮาร์วอนอาร์เพ่น
เหล่าประติมากรรมและภาพวาดที่สรรเสริญวิหคทองยังคงอยู่ในลาเวียส
ในอดีตเมื่อวีดมาถึงลาเวียส เขาไม่ได้ปีนขึ้นไปถึงรัง ผู้เล่นบางคนปีนขึ้นไปและค้นพบการดำรงอยู่ของวิหคทอง
ในที่สุดตำนานที่ว่านี้ก็ได้กลับมาเยือนลาเวียส
"ข้ามาที่นี่เพราะมันถึงเวลาที่เราต้องอพยพกันแล้ว"
มนุษย์วิหคบินขึ้นโดยรอบตามคำพูดของวิหคทอง
มนุษย์วิหคกระพือปีกของพวกมันขณะที่ม้วนตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า
มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาถึงจำนวนประชากรของตระกูลนก บ้านถูกสร้างขึ้น ณ ใจกลางของเกาะและร้านค้าที่ใช้ทำการค้าขาย
แต่ยังมีนกบางตัวที่ไม่อยากทิ้งรังของพวกมันไป
นกมากกว่า
100 ตัวมีงานอดิเรกคืออาศัยอยู่ในต้นไม้และร้องจิ๊บ ๆ ! พวกนกที่ดุร้ายมักจะต่อสู้อยู่ในป่าและอาจจะเข้าสู่การต่อสู้ในดันเจี้ยนที่ยากลำบาก
และออกล่าในพื้นที่ล่าของลาเวียส นอกจากนี้ยังมีไข่ที่ยังไม่ได้ฟัก
นกจำนวนมากที่เดินไปมายังไม่รู้จักภาษาคน
ปิก้า
?
จิ๊บ
จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ !
บรรดานกที่อยู่ในลาเวียสวนไปรอบ
ๆ กระพือปีกของพวกมันและก่อให้เกิดเสียงดังมาก พวกนกที่อยู่บนพื้นยังคงกระพือปีกของพวกมันวุ่นวาย
หมู่บ้านบารันที่อยู่ด้านล่างบนพื้นดินไม่ได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า
นับตั้งแต่หมู่บ้านบารันตกไปอยู่ในมือของวิหารเอ็มบินยู มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่อยู่ที่นั่น
"อะไรน่ะ?"
"อู้ว ดูเหมือนจะเกิดเหตุการณ์บางอย่าง"
"แล้วมันคืออะไร? พวกเราไม่สามารถไปใกล้พื้นที่ตรงนั้นได้
"
ตามถนน
ต้นไม้ และขอบกั้นของลาเวียสเต็มไปด้วยนก พวกผู้เล่นไม่สามารถเข้ามาใกล้บริเวณนี้ และกำลังมองจากระยะไกล
วิหคทองทำให้พวกเขาสงบลงก่อนพูดออกมาว่า
"ทวีปแห่งนี้กำลังตกต่ำอยู่ในความสับสน
มนุษย์กำลังคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดดังนั้นชนชาวเราจึงไม่สามารถนิ่งเฉย เอาแต่เฝ้าดูอยู่ได้
"
โดยปกติเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว
มนุษย์จะตบมือและเชียร์
จิ๊บ
จิ๊บ
ปุก้า
ปุก้า
แกว๊ก
แกว๊วก แกว๊วก!
พวกนกที่ยังเล็กและหนุ่มสาวกางปีกของพวกมันและร้องออกมาในสิ่งที่ตนเห็นด้วย
"วันนี้พวกมนุษย์ในอาณาจักรโรเซนไฮม์ไม่ได้ทำฟาร์มอย่างดีเหมือนแต่ก่อน"
"มันช่างยากเสียเหลือเกินกับการที่จะหาข้าวที่เต็มไปด้วยสารอาหาร"
"ข้าไม่ชอบกินหนอน ... "
มนุษย์วิหคมักเลือกรสชาติอันหรูหรา
พวกมันประสบปัญหาเมื่อพวกมนุษย์เข้าสู่สงคราม ตอนนี้วิหคทองเป็นผู้นำที่ส่งผลต่อชะตากรรมของทั้งเผ่าพันธุ์
"พวกเราจะไปทางเหนือ"
"มีอะไรอยู่ทีนั่นน้อ?"
นกสีเหลืองตัวน้อยน่ารักถามออกมา
"มีพืชพันธุ์ชั้นดีที่นั่นและเจ้าสามารถกินได้มากเท่าที่เจ้าต้องการ"
เหล่ามนุษย์วิหคตัดสินใจที่จะอพยพเนื่องจากคำกล่าวนี้!
พวกมันไม่ต้องการเก็บสัมภาระ และบินไปสู่ทางเหนือ ด้วยวิธีการดังกล่าวอาจจะเป็นไปได้
แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น บ่ายวันนั้นเกาะท้องฟ้าลาเวียสเริ่มเคลื่อนที่
ทั้งเกาะกำลังลอยผ่านน่านฟ้าไปตามทางทิศเหนือ
ดันเจี้ยน พื้นที่ล่า และร้านค้าทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายไปพร้อมกัน
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
"มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนี้เพียงลำพัง คงต้องเอาเจ้าเหลืองมาด้วยสินะ!
"
เขาระลึกถึงการมีตัวตนของเจ้าเหลืองทุกครั้งที่ต้องทำงานหนัก
วีดตัดสินใจรายงานความสำเร็จของภารกิจเพลงดาบประกายแสงในโรเดียมเป็นที่แรกก่อน
"ข้าได้พัฒนาการแกะสลักของข้าเพื่อปกป้องทวีปเวอร์เซลล์"
มันคงเป็นสัญชาตญาณในการพยายามเพื่อจะเพิ่มความสนิทสนมของเขา
-
ดาบแห่งแสงที่แยกทุกสิ่งอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ประติมากรที่มีชื่อเสียงท่านวีด
ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาเป็นอัจฉริยะด้วยดาบ
เพลงดาบประกายแสง.
ลำพังแค่การตวัดดาบของเขาก็เพียงพอที่จะเดินทางไปในทวีปและฆ่าคนชั่วร้าย
|
-ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 850.
|
- เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น
|
- ค่าความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 6
|
- ค่าความว่องไวเพิ่มขึ้น 5
|
- คุณได้เอาชนะพายุที่รุนแรงและประสบความสำเร็จในการฝึกดาบของคุณ
-ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น
3
|
มุมมองของชายชราในโรเดียมเปลี่ยนไป
ตอนแรกวีดเป็นเพียงผู้เล่นทั่วไป
แต่ตอนนี้เขาได้รับการยกย่องให้เป็นประติมากรอัจฉริยะ
"เจ้าทำได้ดีมาก ช่างยอดเยี่ยม ด้วยสิ่งเหล่านี้
มันจึงเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่เจ้าผู้ที่แสดงประกายอันงดงามเช่นนี้ เฉกเช่นในประติมากรรมอื่น
ๆ ... .. "
"ข้ายังคงอยู่ในขั้นตอนของการสร้างมันขึ้นมา"
"ข้าเชื่อในตัวเจ้า และจะรอ ถ้าเจ้าทำสิ่งนี้สำเร็จ ข้าจะมอบความไว้วางใจและมอบภารกิจสำคัญให้กับเจ้า
จงทุ่มเทในการแกะสลักต่อไปเถอะ "
"ตกลง."
วีดทำประติมากรรมอยู่เสมอเพื่อให้เขามั่นใจเกี่ยวกับทักษะของเขา
เขาไม่คิดว่าการฝึกฝนในพายุเป็นเรื่องยากอะไรนัก ลืมความแข็งแกร่งและความเมื่อยล้า
ต้นกำเนิดแห่งความคิดของเขาคือ เงิน!
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
วีดกลับไปยังแดนเหนือพร้อมกับเจ้าเหลืองเพื่อทำประติมากรรมธรรมชาติของเขา
"ฉันไม่ต้องคิดมากเกินไป ทั้งหมดที่ฉันต้องนึกถึงก็คือท้องฟ้า ผืนดิน และดอกไม้
"
เขาทำเมฆออกจากน้ำในแม่น้ำเพื่อสร้างประติมากรรมธรรมชาติของเขา
มันต้องใช้เวลาแต่มันก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับตอนที่เขาทำในครั้งแรก แต่นี่มันเป็นที่ดินขนาดใหญ่จึงทำให้การแกะสลักไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
"มันยังขาดไปหลายส่วน ... มันไม่สามารถเป็นรูปสลักธรรมชาติที่แท้จริงโดยไม่ซับซ้อนมากเกินไป"
ธรรมชาติจะสวยงามมากขึ้นเมื่อปราศจากการสัมผัส
เป้าหมายของภารกิจคือรังสรรค์ความงามตามธรรมชาติหลังจากเวลาผ่านพ้นไป ประติมากรรมของวีดในปัจจุบันจำเป็นจะต้องแสดงความงดงามออกมาแม้หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน
นั่นจึงทำให้เป็นเรื่องที่ยากขึ้น
"ความงามแห่งธรรมชาติต้องมีชีวิตชีวา"
เป็นแหล่งพลังอันอุดมสมบูรณ์
และภูมิทัศน์ที่ยอดเยี่ยมที่สามารถบรรเทาความกังวลทั้งหมดในใจของผู้คน
"สถานที่แห่งนี้…"
วีดตัดสินใจอย่างชัดเจนในเรื่องของประติมากรรมธรรมชาติ
รูปแบบของแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง หรือแสงออโรราเป็นธรรมชาติที่สวยงาม เขามีความทรงจำควรค่าแก่การระลึกนึกถึงเมื่อยามพลบค่ำ
แต่มีบางส่วนหายไปเมื่อพยายามรู้สึกถึงพลังของธรรมชาติ
"มีภาพที่ฉันอยากเห็นอย่างน้อยสักครั้งหนึ่ง"
เขาไม่จำเป็นต้องจินตนาการว่าประติมากรเป็นอาชีพที่สามารถแสดงออกถึงสิ่งที่เขาจินตนาการได้!
'ทักษะประติมากรจำนวนมากมายจะต้องถูกใช้เพื่อการนี้.
"
"ธรรมชาติ…."
วีดตัดสินใจที่จะไม่คิดแบบมนุษย์
เขาตัดสินใจที่จะใช้ประสบการณ์ก่อนหน้านี้ในฐานะนกฮัมมิ่ง หมาป่า หรือจิงโจ้ เป็นตัวอย่าง
ประติมากรรมจำแลงช่วยให้เขาสามารถเปลี่ยนร่างและมองโลกจากมุมมองของสายพันธุ์นั้น
มนุษย์พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเพื่อให้เหมาะกับความสะดวกสบายของตน แต่สัตว์ต้องปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ
"ถ้าฉันอาศัยอยู่ที่นี่ ... "
หนองบึงในมุมมองของซาลาแมนเดอร์
แม่น้ำใหญ่ไหลผ่านที่นี่ แต่การไหลของน้ำรวดเร็วและระดับน้ำสูง
ไม่น่าจะเกิดน้ำท่วมมากนัก ดังนั้นจึงไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกจากมุมมองของมนุษย์
ตอนนี้วัชพืชเติบโตไปทั่วและพวกสัตว์ก็ยังไม่ได้มาถึงดินแดนกว้างใหญ่นี้
"ฉันควรสร้างพื้นที่ลุ่มน้ำ ชื้นและหนองบึงที่บริเวณตื้น ๆ
ของแม่น้ำตัดผ่าน
วีดรีบทำงานของเขา
"ประติมากรรมภัยพิบัติแห่งธรรมชาติ!"
เขาใช้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ครึก
รึก ครืนนนนนนนนนนนนน!
ผืนดินกำลังจมลึกลงไปขนาดล่มเมืองหรือยุ้งฉางได้เลยทีเดียว
มันเป็นภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่สามารถทำลายพื้นดินได้
"อุฮุฮุ ที่ดินล้ำค่าของฉัน"
มันเป็นงานที่เจ็บปวดในขณะที่วีดกำลังเฝ้าดูอยู่
รอยแยกเกิดขึ้น และแม่น้ำไหลเข้ามาทำให้บึงถูกสร้างขึ้น มันคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากที่หนึ่งที่เคยมีภูมิทัศน์อันเงียบสงบและสวยงามตอนนี้กลับเห็นแต่ความทรุดโทรม
"เวลาจะแก้ไขปัญหานี้ ธรรมชาติที่แตกสลายจะถูกฟื้นคืนเมื่อเวลาผ่านไป ขณะที่ฉันต้องเดินหน้าต่อ มีหลายตัวแปรดังนั้นฉันคงต้องจัดการมันทุกรายละเอียด
"
ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพึ่งพาความรู้สึกของเขา
ในขณะเดียวกันก็อาศัยที่วีดเคยได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ และได้เห็นสัตว์นานาชนิด
"ถ้ามีบึง สัตว์ และพืชหลายชนิดสามารถอาศัยอยู่ที่นั่นได้ ต้นกกจะเริ่มโตขึ้นก่อตัวเป็นดง
... และมันคงจะดีถ้ามีป่าหนาแน่น "
วีดให้เจ้าเหลืองไถหน้าดิน
ในขณะที่เขาหว่านเมล็ดและพืชผล แต่แตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา เขาให้เจ้าเหลืองกินอาหารที่ปรุงพิเศษและยัง
ลูบหัวของมัน มีเหตุผลสำหรับการแสดงออกพฤติกรรมความรักเป็นอย่างยิ่ง
“
มออออ นี่ไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ต้นองุ่นกินคนจากป่าเอลฟ์หรอกหรือนายท่าน
? "
"ข้าไม่รู้ ข้าได้มันมาอย่างไร เพียงแค่ปลูกมันก็เท่านั้น. "
"พวกเอลฟ์บอกว่ามันจะโตสูงกว่า 70 เมตร ... มออออ"
"หว่านๆไปเถอะ!"
รากต้นไม้ที่แข็งแรงจะทำให้เติบโตได้ดี
"เหล่าสรรพสัตว์จะอาศัยอยู่ที่นี่ ฝนและสายลมจะทำส่วนที่เหลือ"
วีดทำงานในพื้นที่กว้าง
แต่ยังคงมีพื้นที่เหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเขาตกแต่งได้ดีมันก็อาจกลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่ยิ่งใหญ่สำหรับ
โมราต้า ปัจจุบันเกษตรกรไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้เนื่องจากมีมอนสเตอร์เพ่นพ่านไปมา
เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความอดทนในขณะที่สร้างหนองบึง และป่า
"ฉันจะทำอะไรได้บ้างจาก ณ จุดนี้?"
เวลานี้มันมาจากมุมมองของเจ้าของที่ดิน!
"ฉันไม่ควรจะ ... "
ทุ่งน้ำแข็ง, ป่า, ทะเลทรายและธารน้ำแข็ง เป็นสถานที่ที่ผู้คนยากจะอาศัยอยู่ได้
แต่การมีอยู่ของสถานที่เหล่านั้นมันก็หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้คนจะอาศัยอยู่ที่นั่นและมูลค่าที่ดินก็จะไม่เพิ่มขึ้น
"มันยังคงเป็นปัญหา แต่ฉันยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างประติมากรรม"
มันอาจไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ
หนองบึงไม่สามารถวางถัดจากทะเลทรายหรือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหิมะได้ ธรรมชาติต้องกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ
"ถ้านี่ไม่ใช่กรณีที่สุดโต่ง ... คงไม่มีเจ้าของที่ดินสักคนต้องการ"
เมื่อการทรุดตัวของแผ่นดินเสร็จสิ้น
เขาก็วางหินเพื่อควบคุมการไหลของน้ำ
“มนุษย์ดิน!”
"ตามที่ท่านเรียกหา"
มนุษย์ดินโผล่ออกมาจากพื้นดิน
พวกธาตุยังไม่มีพลังเต็มที่ตอนที่วีดให้กำเนิดมัน
มันจึงเป็นเหมือนเด็กน้อยที่ยังไม่รู้ประสีประสา แต่วีดมักเรียกมันออกมาบ่อยๆ เพื่อเสริมสร้างความสามารถของมัน
มนุษย์ดินสามารถใช้เวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินและการเคลื่อนไหวของมันก็เร็วขึ้น
เมื่อทำงานสำเร็จทุกอย่างก็จะย้อนกลับไปหามันโดยตรง แต่รูปลักษณ์เดิมของมันกลับไม่เคยเปลี่ยน
"วางหินไว้ตรงนี้"
"โปรดบอกข้าเถิด ขนาดและจำนวนที่นายท่านต้องการ"
"ยิ่งใหญ่ยิ่งดี จำนวนสัก 30,000
น่าจะพอมั้ง? และสีควรเป็นสีแดงหรือสีน้ำตาล
"
วีดเป็นเจ้านายของมัน
ดังนั้นเจ้าธาตุจึงรับทำงานตามหน้าที่ของมันอย่างสงบ
“ขอรับนายท่าน”.
จุดแข็งเกี่ยวกับธาตุคือการเชื่อฟัง
การอัญเชิญมนุษย์ดินก็เหมือนกับได้แรงงานมา 60 คน ก้อนหินที่ฝังลึกใต้พื้นดินหรืออยู่ไกลออกไปกลับถูกดึงเข้ามาด้วยเวทมนตร์
แน่นอนว่าเจ้ามนุษย์ดินต้องยืมมานาของเขาในการทำงาน
มานาของวีดไหลออกมาดั่งสายน้ำ ในที่สุดเจ้ามนุษย์ดินก็ยืมมานาจากวีดน้อยลง
ก้อนหินโผล่ขึ้นมาตรงบริเวณใจกลางถัดจากหนองบึงนั้น
"ขนาดเท่านี้จะพอไหมน้า?"
หัวใจของวีดไม่ได้ชื่นชมก้อนหินที่ถูกย้ายโดยเจ้ามนุษย์ดินเลยแม้แต่น้อย
กลับเพียงแค่พิจารณาขนาดของพื้นที่ ขนาดของก้อนกรวดกำลังดี
เขาต้องการสร้างภูมิทัศน์ที่น่าชื่นชม!
“ไม่ ต้องใหญ่กว่านี้ ก้อนหินควรเอามาจากภูเขา มันจะเป็นไปได้ไหม ?
"
"มันเป็นไปไม่ได้ที่จะนำหินขนาดใหญ่เหล่านั้นมาได้ด้วยความสามารถของข้าน้อย"
"ข้าก็คิดว่าอย่างนั้น"
การนำก้อนหินมาวางจำเป็นต้องใช้ปริมาณมานาเป็นอันมาก
"แต่ก้อนหินสามารถสร้างขึ้นมาจากทรายได้"
"ข้าจะทำมันทันที"
หินทรายสีแดงที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ในพื้นที่ทะเลทราย!
เจ้ามนุษย์ดินทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อสร้างหินทรายสีแดงในบริเวณพื้นที่แห่งนี้
ในขณะที่วีดแกะสลักประติมากรรมของเขาต่อไป
"ข้าควรจะจัดการให้ถูกต้อง การแกะสลักธรรมชาติ! "
เฉพาะน้ำตื้นที่ไหลลงสู่พื้นที่ลุ่มน้ำที่วางแผนไว้เท่านั้น
เขาใช้การการแกะสลักธรรมชาติ เพื่อทำให้เกิดหมอกจากน้ำและอุดตันช่องน้ำ
"มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำฟาร์มที่นี่ได้อีกครั้ง"
หมอกค่อยๆแผ่ขยายออกไปเนื่องจากผลของการแกะสลักธรรมชาติ
“มอออออออออออออ.”
เจ้าเหลืองสะบัดหางและครางออกมา
"ดูเหมือนว่ายังไม่พอ ... "
วีดไม่พอใจกับประติมากรรม
แต่ภูมิประเทศของสถานที่แห่งนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเขาจึงต้องปล่อยให้มันขึ้นอยู่กับเวลา
"โดยพื้นฐานการที่จะเรียกเหล่าภูติมาได้ มันจำเป็นต้องมีสิ่งที่ดีพอ "
การทำอาหารกับน้ำผึ้งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะล่อพวกภูติเพื่อจบภารกิจ
ซี่โครงน้ำผึ้งและหนังหมูอบน้ำผึ้ง! ใครได้กินมันอาจคิดว่ามันมีรสชาติที่แปลก
แต่เนื้อและน้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับภูติ
"ขวดนี้มีค่าต้องใช้ให้หมดทุกหยาดหยด."
วีดเพิ่มน้ำผึ้งลงไปในเหล้าวิสกี้
หรืออาจเรียกได้ว่ามันคือ สุรากลั่นน้ำผึ้ง!
พวกภูติจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคนชั่ว
เป็นการยากที่จะหาพวกเขาเจอ แต่เมื่อพวกเขาชอบใครสักคน บางครั้งพวกเขาก็จะออกมาแหย่เล่นด้วย
-
ฟุด ฟิด นี่มันกลิ่นอะไร?
ภูติตนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนไหล่ขอวีด
ภูติอีกตนหนึ่งกำลังนอนอยู่ในเส้นผมของเขาก็โผล่ออกมาขณะที่ดมกลิ่นไปด้วย ภูติมีขนาดเล็กกว่าแมลงวัน
ภูติโดยทั่วไปมักมีขนาดเล็ก แต่ก็มีบ้างที่ตัวใหญ่เท่าขนาดของนิ้ว
แม้ว่าพวกเขาจะมีขนาดเล็กแต่พวกเขากลับมีความสามารถในการรับกลิ่นที่ยอดเยี่ยม และมีปีกที่โปร่งใส
-ฟืด นี่ของข้าใช่ไหม?
"และสำหรับเพื่อนของเจ้าด้วย"
-ข้าอยากกินคนเดียว
"ข้าจะไม่ให้มัน"
-
ข้าจะเอามันไป!
"มากที่สุดเท่าเจ้าต้องการเลย"
พวกภูติเปิดช่องมิติ
และหายตัวไป ก่อนที่จะกลับมาในอีก 10 วินาที เพื่อไปลากตัวเพื่อนๆของมัน
-กลิ่นที่น่าหลงใหลนี้คืออะไร?
-
สิ่งที่พวกเรากินได้
พวกภูติถูกดึงดูดจากอาหารที่วีดทำ
พวกภูติมักจะกินอาหารสุดหรูที่ทำจากทักษะการทำอาหารขั้นสูง
-
มีปลาอะไรไหม ?
ข้าชอบปลา.
นี่เป็นภัตตาคารที่เหล่าภูติสามารถออกคำสั่งได้
วีดทำปลาซาร์ดีนผัดกับน้ำผึ้งราดลงไป
-
ว้าว ปลาทะเล
-หวานจัง.
เหล่าภูติกินปลาซาร์ดีนหมดไป
1 ตัว เมื่อท้องของพวกเขาตึงแล้ว พวกภูติก็เริ่มแสดงความสนใจกับสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวพวกเขา
- พวกเราอยู่ที่ไหน?
-
มันแตกต่างจากตอนที่ข้ามาที่นี่ครั้งล่าสุด
-
มันเปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาด
-
นี่เป็นสถานที่ที่พวกเราสามารถมาเล่นได้ไหม?
-
ช่างซับซ้อนและน่าตื่นเต้น!
บรรดาภูติต่างก็ลงไปว่ายน้ำและเล่นซ่อนหากันในก้อนหินทราย
-ที่นี่กลายเป็นสนามเล่นของภูติ
ด้วยพลังธรรมชาติของภูติมีมากที่สุด
ภูมิประเทศจึงมีการเปลี่ยนแปลง
|
จบตอน
ผู้แปล :
Smith Rex
Editor : แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล
ขอบคุณมากครับ
ตอบลบอืม! ใช้อาหารล่อภูติออกมา แล้วปล่อยไห้ภูติไปเล่น เหล่าภูติช่างไรเดียงสาไม่รู้อะไรสะเลย
ตอบลบภูติก็ถูกใช้เยี่ยงทาสได้
ตอบลบนี่คือ สปอย ตอนต่อๆไปในอนาคตใช่มั้ยคับ ฮ่าๆ
ลบขอบคุณครับ..สนุกมากๆ
ตอบลบขอบคุณครับ สนุกๆ
ตอบลบ