เล่ม 29
ตอนที่ 5: โบราณสถานแห่งราชันย์เบลซ์ออส(Ruins of
King Belsos) แปลโดย แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล
มีเงื่อนไขที่จำเป็นมากมายเพื่อที่จะให้ชาวนาเข้ามาตั้งรกรากในสถานที่หนึ่งๆ
ผืนดินกว้างใหญ่ไพศาลและอุดมสมบูรณ์, แหล่งน้ำสะอาด, ปราศจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีจากมอนสเตอร์
“ผืนดินดีๆย่อมมีราคาแพง”
ฉะนั้นเหล่าชาวนาจึงอ้างสิทธิ์ในการครอบครองผืนดินที่มีภูเขาโอบล้อมดั่งป้อมปราการมากกว่าที่จะเลือกผืนดินอันงดงามและมีราคาแพง
มีการทำแนวกั้นด้วยรั้วไม้และขุดร่องลึกเพื่อป้องกันการบุกโจมตีของเหล่ามอนสเตอร์
เมื่อทหารและผู้เล่นสายต่อสู้ได้เข้ามาจัดการความสงบในพื้นที่จนเรียบร้อยแล้ว
พื้นที่การทำเกษตรกรรมก็จะสามารถขยายกว้างออกไปได้ เมื่อเริ่มการทำการเกษตรในภูเขา
มีเหตุการณ์อยู่บ่อยครั้งที่ผู้คนล้มตายเพราะฝีมือของเหล่ามอนสเตอร์ ด้วยเหตุฉะนี้เอง
จึงมีแต่เหล่าชาวนาผู้ซึ่งทำการเพาะปลูกภายใต้ความยากลำบาก
พวกเขาต้องฟันฝ่าอุปสรรคและปัญหามากมาย
“ดูท่าคืนนี้ฝนคงจะตกสินะ
งั้นเลิกงานเร็วละกัน”
พวกเขาหว่านเมล็ดเมื่อตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นและมีหมอกในยามเช้า
เมล็ดพวกนั้นแตกกิ่งก้านสาขาอย่างรวดเร็ว ถ้าพวกเขามีสภาวะแวดล้อมที่ดีและขยันทำงานถวายชีวิต
พวกเขาก็จะได้ผืนดินอันเรืองรองดั่งทองคำ เช่นนั้นแล
พวกเขาจะได้รับรู้ถึงความตื่นเต้นของการได้เป็นชาวนา
เมื่อผืนดินให้ผลผลิตแตกออกเป็นรวงข้าว
หรือต้นไม้ในสวนผลิดอกออกผล พวกเขาก็สามารถนำมันไปขายที่ตลาดได้
เหล่าพ่อครัวก็จะมารับซื้อผลผลิตในราคาแพง
ดังนั้นชาวนาจึงรู้สึกสนุกไปกับการแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตร
พวกเขานำเงินที่ได้ไปลงทุนซื้อที่ดินมากขึ้นและเพาะปลูกพืชพันธุ์ชนิดพิเศษ พวกเขาไม่ได้ซื้ออาวุธหรืออุปกรณ์ป้องกัน
และยังนำเงินทั้งหมดกลับไปลงทุนในผืนดินของพวกเขา
ทางตอนเหนือ
ความสัมพันธ์ระหว่างโมราต้าและเผ่าเอลฟ์นั้นไม่ได้แย่นักและผืนดินอันอุดมสมบูรณ์นี้เอง
ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จในการปลูกผลไม้ที่ได้มาจากเผ่าเอลฟ์
ถ้าหากพวกเขาเอาใจใส่และดูแลผืนดินเป็นอย่างดี มันก็จะส่งผลให้บริเวณผืนดินโดยรอบ
มีความอุดมสมบูรณ์ตามไปด้วย
ถึงแม้ไม้ผลจะขายได้ราคาดีแต่เหล่าชาวนาก็ยังคงภูมิใจในผืนนาของพวกเขา
แต่เมื่อสังเกตดูดีๆ จะเห็นได้ว่าผลผลิตที่มีราคาสูงที่สุดนั้น คือ สวนสมุนไพร!
สวนสมุนไพรสามารถเติบโตได้ทุกที่
แต่มันก็ต้องการร่มเงาที่เหมาะสมและดินที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพวกมัน
สวนสมุนไพรที่ดีจะต้องได้รับการปกป้องจากการบุกรุกของพวกมอนสเตอร์และเหล่าพ่อครัวก็ยอมจ่ายสำหรับจำนวนอันมหาศาลของพวกมัน
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว
การเพาะปลูกดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ผลผลิตในไร่เจริญเติบโตได้ดี
ผืนดินบางแห่งยังคงปล่อยว่าง
มันเป็นอาชีพที่มีเพียงเฉพาะชาวนาผู้ที่ครอบครองผืนดินอันกว้างใหญ่ไพศาลเท่านั้น
ที่สามารถทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ถึงอย่างนั้น เหล่าพ่อค้าก็มิได้อิจฉาพวกเขาแต่ประการใด
แต่เมื่อการขยายที่ดินถึงขีดจำกัดแล้ว
พวกเขาก็สามารถขายที่ของพวกเขาให้กับบรรดาเจ้าเมืองหรือชาวนาคนอื่นๆได้.
พวกเขาจะนำเมล็ดพันธุ์ลึกลับติดตัวไปด้วยและทำการหาผืนดินที่มีความอุดมสมบูรณ์แห่งใหม่เพื่อตั้งรกรากอีกครั้ง
กิลด์ชาวนาระดับมืออาชีพเองก็มาที่โมราต้าภายในระยะเวลาอันสั้นหลังจากการก่อสร้างรูปปั้นเทพีเฟรย่าเสร็จสิ้นลง
“ผืนดินทางเหนือช่างกว้างใหญ่ยิ่งนัก
พวกเราจะไม่ถูกจำกัดให้ทำฟาร์มเล็กๆเหมือนทางตอนกลางอีกแล้ว”
“ทางนี้
ดูนี่สิ คุณภาพของดินที่นี่ มันช่างสุดยอดอะไรเช่นนี้”
เหล่าสมาชิกกิลด์ค้นพบดินที่อุดมสมบูรณ์ได้อย่างรวดเร็ว
“ถ้าปลูกอะไรสักอย่างตรงนี้นะ
มันจะโตได้ดีเลยล่ะ”
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า
ผืนดินแห่งนี้ได้รับการอวยพรจากวิหารเฟรย่า มาทำฟาร์มที่นี่กันเถอะ.”
ตอนแรก
พวกเขาทำแปลงเพาะปลูกแบบง่ายๆ เช่น ข้าวสาลีและข้าวธรรมดาๆทั่วไป ข้าวสาลีสามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างง่ายดาย
อีกทั้งยังใช้พื้นที่เพียงน้อยนิด
และผลผลิตที่ได้
ช่างมากมายมหาศาลเกินกว่าที่ได้มีการคาดหวังเอาไว้! เมล็ดข้าวไม่ได้รับความเสียหายเนื่องจากได้รับการคุ้มครองจากทางวิหารเฟรย่า
ในขณะที่พวกเขากังวลเกี่ยวกับการบุกรุกของมอนสเตอร์
พวกเขาพูดเสียๆหายๆให้กับท่านลอร์ดแห่งโมราต้า
“ลอร์ดโมราต้าช่างไม่มีหัวคิดเลยรึไง
เขาไม่ทำอะไรเลยแม้แต่ตอนที่พวกมอนสเตอร์เข้ามาคุกคามความสงบสุข”
“ไอ้หมอนั่นมันไม่รู้อะไรเลยนอกจากการต่อสู้รึไงวะ
ให้มันได้อย่างนี้สิ พับผ่าเอ้ย!”
เหล่าชาวนาจากทางตอนกลางก็ได้แพร่กระจายความคิดเหล่านั้นออกไป
แต่ผู้คนก็ยังหลั่งไหล พากันอพยพมาที่โมราต้า และ
บรรดาผู้เล่นก็ยังสามารถเริ่มต้นได้ที่นี่อีกด้วย
ตลาดสินค้าบริโภคได้ถูกก่อตั้งขึ้นมาและท่านลอร์ดก็ได้ให้การสนับสนุนทางอ้อมผ่านการก่อสร้างอาคารพิเศษ
เช่น ยุ้งฉางสำหรับชาวนาในอาณาจักรอาเพ่น เหล่าชาวนาผู้ดิ้นรนเพาะปลูกทำไร่ไถนาต้องใจสลายเพราะผลผลิตเสียหายจากการที่ไม่มีโกดังเก็บของเพราะบรรดาลอร์ดทั้งหลายต่างพากันไม่สนใจ
“ลอร์ดโมราต้าลงทุนไปเยอะมาก
แต่เขาก็ยังใช้ชีวิตสมถะเรียบง่าย”
“ไม่ใช่ว่ามันเป็นการกระทำเพื่อเอาหน้าหรือไง?”
“ทุกวันนี้เขารับรู้ได้ถึงสิ่งต่างๆอย่างแท้จริง
ถ้าพวกเราทำการขยายพื้นที่ พวกหน่วยเรนเจอร์ก็จะมาปกป้องมัน”
เมื่อชาวนาประสบความสำเร็จในการเพาะปลูกมะเขือเทศหรือไร่องุ่น
ชื่อเสียงของท้องถิ่นก็จะเพิ่มขึ้นและได้ถูกลงทะเบียนให้เป็นสินค้าประจำถิ่น
พวกเขาสามารถขายมันได้ในฐานะไอเท็มพิเศษ เหล่าพ่อค้าที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารก็จะมาเยี่ยมเยือนพวกเขาด้วยความตั้งใจที่จะมาซื้อสินค้าและผลผลิตจำนวนมหาศาลก็จะได้รับการจัดเก็บไว้ในโกดัง
ชาวนาบางคนได้ลงทะเบียนมะกอกเป็นสินค้าประจำถิ่นและเหล่าพ่อครัวผู้ที่ใช้วัตถุดิบหลักในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีขั้นสูง
ไวน์และเบียร์ก็ถูกผลิตขึ้นมาด้วยเช่นกัน ดังนั้นปริมาณการบริโภคเมล็ดข้าวก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อุตสาหกรรมปศุสัตว์ที่เลี้ยงวัวและแกะ
ก็ได้นมในปริมาณมหาศาล ชีส และส่วนที่เอาไปบริโภคเป็นอาหาร
อุตสาหกรรมเครื่องหนังของโมราต้ามีการแข่งขันที่สูงมาก
“ลอร์ดโมราต้าช่างวิเศษอะไรเช่นนี้
จะมีใครอีกมั้ยที่เอาใจใส่ดูแลเหล่าชาวนาของเขา?”
“ป่าแห่งนี้ยอดเยี่ยมไปเลย
ถ้าพวกเราทำสวนสมุนไพรในอาณาจักรอาเพ่นก่อนที่มันจะสายเกินไป
จากนั้นพวกเราก็จะสามารถขยายไปทำสวนผลไม้และไร้องุ่น”
“ฉันจะเริ่มจากไร่กาแฟและไร่อ้อย”
วีดมีบทบาทสำคัญต่อความร่ำรวยของเหล่าชาวนา
ผู้เล่นมากมายที่อยากมาเจอวีดก็พากันมาตั้งตัวในพื้นที่
ความสงบสุขเพิ่มพูนแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น จนถึงระดับที่สามารถป้องกันภัยจากพวกมอนสเตอร์ได้แล้ว
มีเพียงเหล่าชาวนาที่อยู่ภายใต้การปกป้องของราชันย์ไฮดร้าหรือเจ้าอิมูกิดำที่ยังมิอาจมั่นใจในการขยายผืนดินของพวกเขา
เมื่อโมราต้ามีการพัฒนามากขึ้น
เหล่าชาวนาที่ถูกดึงดูดก็เพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกันกับที่มีการก่อตั้งอาณาจักรอาเพ่น
ณ ตอนนี้ การทำเกษตรกำลังเป็นที่แพร่หลาย เกษตรกรรมก็เจริญเฟื่องฟู
มวลหมู่พฤกษาป่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของโมราต้า
ฝูงนกจำนวนมากบินมายังเมืองที่สวยงามแห่งนี้
นกที่กินเมล็ดข้าวอันแสนล้ำค่าคือศัตรูตามธรรมชาติของเหล่าชาวนา
“พวกนกเชี้ยนี่เยอะจังวะ”
“ว้อย!
ฉันอยากจัดการพวกมันให้หมดๆไปซะ”
เหล่าชาวนาต่างเบื่อหน่ายกับการขับไล่พวกมันออกไปจากแปลงที่มีมูลค่าหลายพันทองของพวกเขา
แต่ฝูงนกเหล่านั้นก็ยังคงบินผ่านตรงโน้นทีตรงนี้ที กลับกลายเป็นว่ามันได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่พากันเดินทางเพื่อมาดูนกพวกนี้
“พี่สาว
ดูนกตรงนั้นสิ มันดูแปลกๆนะ!”
มีนกวิเศษ 2 ตัว ท่าทางคล้ายกับว่าพวกมันนั้นเป็นเหมือนผู้นำของฝูงนกทั้งหมดในที่นี้
นกวิเศษสีทองและสีเงินพากันจิกกันเมล็ดข้าว
วิหคเงินและวิหคทองส่งเสียงร้องออกมาด้วยความพึงพอใจที่พวกมันได้อิ่มเอมไปกับการกินราวกับเจ้าหญิงในปราสาท
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
คณะสำรวจที่ได้ออกเดินทางไปยังอาโกเดียภายใต้คำขอร้องของวิหารลู
ความจริงที่ว่าคณะสำรวจกำลังมุ่งหน้าไปยังหนึ่งในสิบสถานที่ต้องห้ามนั้น
กลับไม่ได้กวนใจพวกเขาเลยสักนิด
“อ้า
ข้าเหนื่อยจังเลย”
“ดูเหมือนว่านี่จะไม่จบไม่สิ้นสักที”
“นี่มันวันที่สองแล้วนะ
แต่พวกเราก็ยังไม่เจออะไรเลย”
แน่นอนพวกเขาไม่เจออะไรสักอย่างแม้กระทั่งน้ำหรืออาหาร
ดินแดนธุรกันดารที่เต็มไปด้วยเหล่ามอนสเตอร์กระหายเลือด พวกเขายังไม่เจอแดนศักสิทธิ์ในอาโกเดีย
“พวกเราต้องผ่านมันไปให้ได้
พวกเราต้องทำได้สิ”
เหล่าพาลาดินและนักบวชจากวิหารลูพยายามกระตุ้นผู้คนที่เหนื่อยล้า
มันเป็นธรรมดาที่จะมีเหล่าผู้เล่นสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับนักบวชมาด้วยเพราะมันเป็นภารกิจจากทางวิหาร
“คุณวีดเองก็เคยผ่านหนึ่งในสิบสถานที่ต้องห้ามมาแล้ว
และเขาก็ประสบความสำเร็จด้วยมิใช่หรือ?”
“ถ้าพวกเรามายอมแพ้ที่นี่และกลับไปมือเปล่า
พวกเราคงเป็นไปได้แค่พวกขี้แพ้ พวกเรามาพยายามด้วยกันเถอะ”
อย่างไรก็ตาม
แผ่นดินที่แห้งแล้งไม่มีที่สิ้นสุด มันชวนให้พวกเขายอมแพ้ได้ทุกเมื่อ
ทั้งหิวทั้งกระหาย มอนสเตอร์ที่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อของพวกเขา แม้แต่โอเอซิสก็ยังเหือดแห้งจนเห็นพื้น
“โอยย…
ที่นี่ก็ยังไม่ใช่”
“ลองแยกย้ายหาดูกันเถอะ
เผื่อจะเจออะไรมากกว่านี้”
“มันคงจะดีถ้าฝนตกพรุ่งนี้…..”
“ครั้งสุดท้ายที่มีฝนตกก็ประมาณหนึ่งเดือนที่แล้ว
มันแย่สุดๆไปเลย”
อาโกเดียอยู่ใกล้กับอาณาเขตของจอมเวทย์จากป่าแห่งความมืด
ดังนั้นเวทย์มนต์เคลื่อนย้ายจึงไม่สามารถใช้การได้ มีเพียงแค่เวทย์มนต์ระดับต่ำเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นพลังและยังคงสามารถใช้ในการต่อสู้ได้ปกติ
ถ้าจอมเวทย์จากป่าแห่งความมืดพบพวกเขาเข้าล่ะก็
คงมีการลอบโจมตีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน การโจมตีจากเหล่าจอมเวทย์อาวุโสที่มีเลเวลมากกว่า
460 เพียงพอที่จะทำให้คณะสำรวจถึงกับเป็นกังวลได้เลย
เวลาล่วงเลยไปในตอนที่พวกเขามาถึงอาโกลเดียและออกตระเวนไปทั่ว
แม้กระทั่งเหล่าผู้เล่นยอดฝีมือจากโมราต้าก็เข้าร่วมการสำรวจในครั้งนี้ด้วย
จึงทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ความจริงแล้ว การที่มีผู้คนจำนวนมากเข้าร่วมการสำรวจสำคัญๆ
ไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก เหล่าผู้เล่นสายอาชีพนักบวชต่างก็ได้ยินเรื่องราวของอุทยานแห่งทวยเทพในโมราต้าว่าการก่อสร้างใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว
มันทำให้พวกเขาอยากกลับไปโดยเร็ว
“จุดหมายในการสำรวจอาโกลเดีย
ซึ่งเป็นสถานที่ต้องห้ามยังไม่เสร็จสิ้นเลย พวกเจ้าก็อยากกลับไปที่โมราต้าแล้วรึ
เพียงเพื่อจะได้เห็นอุทยานแห่งทวยเทพ?”
“ข้าคิดว่ามันต้องมีการผจญภัยที่น่าสนใจอีกเยอะเลยในอาณาจักรอาเพ่น”
“ข้าว่ามันต้องมีดีกว่านี้แน่นอน”
มีผู้เล่นจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับสายอาชีพนักบวชและอาชีพอื่นได้ละทิ้งการสำรวจและเดินทางกลับ
จึงทำให้ตอนนี้มีผู้เข้าร่วมอยู่ในคณะสำรวจเหลือเพียง 20 คน
“พวกเราต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ”
นักผจญภัยสเป็นซั่น
ผู้เป็นที่รู้จักกันในทวีปแห่งนี้ เขาได้ตัดสินใจก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำจนจบและได้กอบกู้พลังของดาบแห่งลู
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
เมื่อยามเช้ามาถึง
วีดมองไปที่บรรดารูปปั้นที่เขาแกะสลักในอุทยานแห่งทวยเทพ เขาตัดสินใจที่จะแกะสลักรูปปั้นชิ้นสุดท้ายให้เสร็จในเช้าวันนี้
ซึ่งมันก็ยังไม่ถึงเวลา
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเปิดโล่งจนให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าดวงจันทร์และดวงดาวนั้นอยู่ใกล้มาก
แต่หัวใจของวีดกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น
เมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมา
เขารู้สึกเสียใจที่ซื้อเกลือแพงกว่าตั้ง 200 วอน
แต่เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดไปตั้งมากมาย
“ฉันทำพลาดตั้งหลายอย่างในการต่อสู้ที่เหมืองเมลเบิร์น”
การต่อสู้กับบาร์ดเรย์ยังคงโผล่เข้ามาในหัวของเขาในขณะที่เขากำลังทำประติมากรรมไปด้วย
วีดเสียใจที่เขาแพ้และตายในการต่อสู้
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย เหตุผลนั้นช่างง่ายมาก
เขาอ่อนแอเกินไป
“มันคือความรับผิดชอบของเรา
เราต้องแข็งแกร่งขึ้น”
บาร์ดเรย์เป็นที่กล่าวขานกันถึงพละกำลังอันแข็งแกร่ง
เขาได้รับการสนับสนุนจากกิลด์ของเขา
นั่นจึงทำให้สถานการณ์เสียเปรียบตั้งแต่เริ่มแล้ว
อย่างไรก็ตาม
นั่นเป็นเพียงแค่ข้อแก้ตัว
ความเสียใจของเขาเกิดจากการที่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถทั้งหมดที่เขามีในการต่อสู้ครั้งนั้น
“ฉันต้องคิดให้รอบคอบมากกว่านี้
ฉันไม่ได้ใช้ประโยชน์จากทุกอย่างที่มีเท่าที่ควร”
มันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายแต่เขาก็คุ้นชินกับมันแล้ว
ถ้าวีดได้รับการถ่ายโอนพลังชีวิตจากซอยูนผ่านทางแหวนแต่งงาน เขาคงยื้อเอาไว้ได้นานกว่านี้
ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้น
หากเขาสามารถนำทักษะของเบอร์เซิร์กเกอร์มาใช้ได้อย่างเต็มที่
กระนั้น
ความคิดที่ว่ากำลังเสริมจากกิลด์เฮอร์มีสยังตามมาสมทบเพิ่มมากขึ้น ได้กดข่มเขาเอาไว้
ทำให้เขาต่อสู้อย่างร้อนรนและตาย
เขารับการโจมตีที่รุนแรงในครั้งเดียว
ทำให้พลังชีวิตของเขาลดลงเร็วเกินกว่าที่แหวนแต่งงานจะสามารถแสดงเอฟเฟ็คของมันได้
“อ้า
ฉันทำเรื่องโง่ๆไปซะได้ เหมือนตอนที่ฉันซื้อเกลือแพงกว่าตั้ง 200 วอน”
วีดตะโกนด่าตัวเขาเองสำหรับความตายในครั้งนั้น
เขาไม่ได้รับความเสียหายจากผู้เล่นในกิลด์เฮอร์มีสมากนัก
แม้ว่าสถานการณ์จะสับสนยุ่งเหยิงเพียงใด ปริมาณความเสียหายที่ได้รับจากผู้เล่นชั้นนำในกิลด์เฮอร์มีสก็ยังน่าทึ่งอยู่ดี
ทักษะ เลเวล และการประสานงานของพวกเขา ก็เพียงพอที่จะต่อกรกับคู่เบลกิ้นได้อย่างสบายๆ
“มันเป็นความประมาทของฉันด้วยแหละ
ฉันยังเตรียมตัวได้ไม่ดีนักเมื่อเปรียบเทียบกับฝ่ายศัตรู”
เขาไม่มีความตั้งใจที่จะเรียกใช้บรรดาประติมากรรมสลักชีพ
เขาไม่อยากสูญเสียครั้งใหญ่ถ้าเกิดว่าพวกมันถูกทำลาย แม้แต่ประติมากรรมวินาศก็ยังไม่สามารถใช้ได้เพราะไม่มีประติมากรรมธรรมชาติ
อย่างเช่นภูเขาไฟระเบิดก็ใช้เวลานานกว่าจะแสดงพลังออกมา
อีกทั้งยังทำให้วีดตกอยู่ในอันตรายด้วย มันจึงไร้ประโยชน์ในสถานการณ์แห่งความเป็นความตาย
มันจะดีกว่าถ้าเขามีประติมากรรมวินาศที่เหมาะกับการใช้งานในดันเจี้ยนและสามารถใช้ต่อสู้ได้
ใบมีดสลักแสงจันทร์ก็มีประโยชน์ในการต่อสู้กับศัตรู. เขาใช้มันค่อนข้างบ่อยในตอนที่ออกล่า
ทำให้ค่าความเชี่ยวชาญในการใช้ทักษะนี้สูงมาก
แต่มันใช้มานาถึงสามเท่าของเคล็ดมีดแกะสลัก
มันเลยใช้ในการต่อสู้ได้ไม่ค่อยบ่อยนักหากปราศจากบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับเกราะอัศวินแห่งองค์เทพี
“ฉันคงต้องปล่อยวางบ้าง”
ผลลัพธ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่ขาดหายไปในการต่อสู้
ถ้าเขาแพ้ เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ จนกว่าจะพรากชีวิตของพวกมัน!
“ฉันเสียแม้กระทั่งเกราะชั้นดีอย่างเกราะทัลร็อค”
มันคือไอเท็มเฉพาะ
เขาได้รับมันเมื่อนานมาแล้ว แม้คุณสมบัติจะดูคร่ำครึไปบ้าง
แต่มันก็ยังใส่ได้ค่อนข้างดี วีดมักจะเน้นไปที่พลังโจมตีมากกว่าพลังป้องกัน ทำให้เขาเปลี่ยนดาบหลายต่อหลายครั้ง
เขาชอบเกราะอันนี้มาก เขาจึงรู้สึกเจ็บปวดที่ถูกช่วงชิงไปจากเขา เขารู้สึกเหมือนถูกทรยศ
การที่เกราะทัลร็อคที่เขาสวมใส่มันอยู่เสมอ ต้องตกไปอยู่ในมือของคนอื่น
“ฉันจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่”
ก่อนการแกะสลักรูปปั้นเทพองค์สุดท้ายจะเสร็จสิ้น
เขาตัดสินใจที่จะสร้างประติมากรรมบางอย่างที่เขาสามารถนำมันไปใช้ได้กับทักษะประติมากรรมแห่งภัยพิบัติ
ทันใดนั้น
เสียงหลอกหลอนแห่งความตายและฝูงแมลงก็ปรากฏ พวกมันชอนไชทะลวงผ่านก้อนหิน
มนุษย์และมอนสเตอร์
ความจริงแล้ว
วีดได้กำหนดขอบเขตของประติมากรรมแห่งภัยพิบัติเอาไว้มากมาย
เขาจึงลองคิดหาสิ่งใหม่ดูบ้าง
“มันจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีก
ต่อให้เทน้ำร้อนผ่านร่าง ก็ไม่เห็นจะเป็นไรหนิ ฉันคงหาน้ำแข็งไม่ได้ตลอดไปหรอก ฉันน่าจะเตรียมประติมากรรมเอาไว้สักหน่อย
เผื่อได้ใช้ในอนาคต”
เขาได้สัมผัสประสบการณ์จากภัยพิบัติมาแล้ว
เขาจึงเตรียมประติมากรรมเอาไว้ในกรณีที่มีปัญหาแบบในเหมืองเกิดขึ้นอีก
มันก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ที่ได้เห็นสิ่งเลวร้าย
“โจรที่เข้าออกธนาคารบ่อยๆ
สุดท้ายแล้วการปล้นก็เกิดขึ้นอยู่ดี”
วีดสร้างประติมากรรมแห่งภัยพิบัติจวบจนถึงเช้า
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
“มันกำลังจะเริ่มแล้วใช่มั้ย?”
“มันใกล้จะจบแล้วล่ะ”
“ฉันรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก”
“ฉันแทบจะเป็นลมเลยด้วยซ้ำ”
อุทยานแห่งทวยเทพกำลังจะเสร็จในเช้าวันนี้
ทำให้ฝูงชนมารวมตัวกันอย่างคับคั่ง ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นทวีคูณเพราะเหลือเพียงแค่ชิ้นเดียว
ผู้ที่มีส่วนร่วมโดยตรงยิ่งประทับใจ
“อึ่ก…
แล้วพวกเราจะไปไหนต่อหลังจากการก่อสร้างเสร็จแล้ว?”
“การสำรวจโบราณสภานแห่งราชันย์เบลซ์ออสไม่น่าจะยากนะ
เราแค่ต้องไม่ทำพลาดเลย”
“ห๊า! ฉันรู้สึกกระวนกระวายใจมากเลยเมื่อนึกย้อนถึงอดีตที่เกิดขึ้นกับกิลด์คริมสันวิง”
สีหน้าของเซอร์กะ
โรมุนะและไอรีนดูมืดมน เมื่อประติมากรรมเสร็จสิ้น
พวกเขาต้องออกเดินทางไปพร้อมกับวีดเพื่อสำรวจดันเจี้ยน
การแสดงออกของพวกเขาจึงดูไม่ค่อยสดใสมากนัก
สปาร์ทอยของไคเบิร์นก็เดินทางมาถึงแล้วเช่นกัน
(จากตำนานแคดมัสแห่งเธเบียส
สปาร์ทอยคือนักรบที่เกิดจากชิ้นส่วนร่างกายของมังกรที่ถูกปลูกและโตขึ้นมาจากผืนดิน
–คำอธิบายจากผู้แปล Cole’s Myth ในเล่ม 29 ตอนที่ 4)
“เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย
เราไม่ควรทำดีเกินไป”
เพลและไอรีนรู้สึกอย่างนั้นเมื่อพวกเขามองดูวีด
พวกเขาต้องมาทุกข์ทรมานโดยไม่มีเหตุผล ต้องขอบคุณนิสัยของเค้า!
“การอยู่ใกล้คนโชคร้าย
มีแต่นำเรื่องแย่ๆมาให้”
พระอาทิตย์ยามเช้าสาดแสงไปยังประติมากรรมชิ้นสุดท้าย
ฝูงชนที่มารวมตัวกันก็ใหญ่ขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป
มันให้ความรู้สึกเหมือนผู้ที่หิวโหยกำลังรอคอยอาหารจานเด็ด เพื่อที่พวกเขาจะได้ชื่นชมอย่างเต็มที่ครั้นเมื่อประติมากรรมเสร็จสมบูรณ์
“ในเช้าวันนี้
มันจะเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญสำหรับอาณาจักรอาเพ่น ได้ฤกษ์เปิดปฐมบทแห่งการรีดไถภาษีครั้งใหม่ซะที”
วีดแกะสลักริมฝีปากของประติมากรรม
เขาจัดแจงให้รูปปั้นแห่งองค์เทพีเฟรย่าเป็นลำดับสุดท้าย
เหล่าพาลาดินและนักบวชทั้งหลายจากทั่วทุกสารทิศที่ได้ยินข่าวว่าการก่อสร้างใกล้จะเสร็จแล้ว
ต่างพากันวิ่งแจ้นมายังสถานที่แห่งนี้ เขาได้สร้างรูปปั้นแห่งองค์เทพีเฟรย่าแล้วในโมราต้า
แต่มันจะเสร็จสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อมันอยู่ท่ามกลางเหล่าทวยเทพ
รูปปั้นเทพีเฟรย่าช่างงดงามเหนือคำบรรยาย
จึงมีหลายส่วนที่ต้องกังวลในการทำเป็นงานชิ้นสุดท้าย เขาทาลิปสติกเพื่อให้ปากดูอิ่มเอิบและเป็นประกายเงางาม
เขาเติมเครื่องสำอางลงไปที่ใบหน้า และแล้วรูปปั้นเทพีเฟรย่าก็เสร็จสมบูรณ์
ตริ้ง!
- รูปปั้นเทพีเฟรย่าได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว!
|
เธอคือเทพแห่งความงามและความอุดมสมบูรณ์
ท่านเทพธิดาได้แผ่อิทธิพลอันยิ่งใหญ่ไปสู่มวลมนุษย์
|
งานประติมากรรมที่โด่งดังด้านความงดงาม
|
ด้วยการนำผลงานเมื่อครั้งในอดีตมาแปลงโฉมใหม่
วิหารเฟรย่าจะพิจารณาถึงคุณค่าของประติมากรรมชิ้นนี้มากยิ่งขึ้น
|
- ความสัมพันธ์กับวิหารเฟรย่า อยู่ที่ 54 แต้ม
|
- ค่าอุทิศต่อวิหารเฟรย่าเพิ่มขึ้น 960 แต้ม
|
คุณสามารถยืนยันค่าอุทิศของคุณได้ที่ตำแหน่งในลัทธิใต้หน้าต่างศาสนา
|
ค่าอุทิศทั้งหมดที่มีต่อวิหารเฟรย่า: 21,291
|
ค่าอุทิศที่เกี่ยวข้องกับลัทธิทางศาสนาจะเพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อสำเร็จภารกิจที่มีความเกี่ยวข้องกัน
|
วิหารเฟรย่ามีมหาวิหาร
ถ้าความศรัทธาของประชาชนผู้อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
ค่าอุทิศก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงทุกวัน
|
กษัตริย์หรือลอร์ดจะได้รับคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวง
|
ตริ้ง!
-
ประติมากรรมที่เป็นตัวแทนของเหล่าทวยเทพได้ถูกรวบรวมไว้ในสถานที่เดียวกัน
|
ท่านจะตั้งชื่อประติมากรรมที่เสร็จสมบูรณ์นี้ว่าอะไร?
|
“อุทยานแห่งทวยเทพ”
อุทยานแห่งทวยเทพ ถูกต้องหรือไม่?
|
เหล่าคนงานและผู้เล่นต่างก็พากันเรียกมันว่าอย่างนั้น
มันก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่เมื่อเปรียบเทียบกับลักษณะการตั้งชื่อของวีดที่ผ่านๆมา
ดินแดนแห่งการก่อสร้าง
เมืองถัดจากโมราต้า อุทยานแห่งภาษี และ วายร้ายแห่งกิลด์เฮอร์มีส
ทั้งหมดล้วนเป็นชื่อที่มีความเป็นไปได้
“ถูกต้อง”
ตริ้ง!
- อุทยานแห่งทวยเทพได้ถือกำเนิดขึ้นบนทวีปเวอร์เซลล์!
|
สถานที่ที่เต็มไปด้วยประติมากรรมของเหล่าทวยเทพ
มีภาพลักษณ์ที่สง่างาม ทุกเผ่าพันธุ์ที่มายังสถานที่แห่งนี้
จะรู้สึกได้ถึงความเคารพบูชา
|
ประติมากรวีด
กษัตริย์แห่งอาณาจักรอาเพ่น ได้สำเร็จภารกิจการก่อสร้างครั้งยิ่งใหญ่ร่วมกับประชาชนของเขา
|
รูปแบบดั้งเดิมของเทพที่เก่าแก่ได้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง
|
สถานที่สำคัญทางศาสนา
มวลพฤกษานานาพรรณจะเบ่งบาน เหล่าดวงจิตจะสนุกสนานไปกับมัน
|
แต่ละศาสนจักรบนทวีปเวอร์เซลล์จะบรรจุให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ผู้แสวงบุญจะมาเยี่ยมเยือนอุทยานแห่งทวยเทพ
|
ชื่อเสียงของอาณาจักรอาเพ่นเพิ่มสูงมาก
|
ผู้ที่มีความเชื่อและศรัทธาต่อเหล่าทวยเทพ
จักได้รับพลังแห่งการอวยพร
|
การขยายตัวของประเทศพร้อมกับวัฒนธรรมที่สูงมากได้มาถึงจุดสูงสุดของมันแล้ว
|
ความจงรักภักดีของพสกนิกรทุกหมู่เหล่าเปลี่ยนไป
เพื่อแสดงความเคารพที่มีต่อระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
|
ชื่อเสียงของประเทศมีประโยชน์ในการค้าต่างประเทศและสินค้าท้องถิ่น
สินค้านำเข้าจากอาณาจักรที่มีชื่อเสียงมากกว่าย่อมให้ราคาดีเมื่อถึงเวลาแลกเปลี่ยน
เหล่าพ่อค้าจะยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาจัดหาของบางอย่างได้จากอาณาจักรเฉพาะ
วีดเองก็เห็นข้อความส่วนตัวที่ลอยอยู่ตรงหน้าของเขาเช่นเดียวกัน
ความสัมพันธ์ของเขาและค่าอุทิศที่มีต่อบรรดาศาสนจักรทั้งหลายก็เพิ่มขึ้นและเขายังได้รับการอวยพรจากเหล่าทวยเทพอีกด้วย
จอมเผด็จการที่ใช้ประโยชน์จากผู้คน
ผู้ที่เหล่าทวยเทพต่างอวยพรให้กับเขา!
ตลอดระยะเวลาการก่อสร้าง
เขาทำประติมากรรมระดับแมคนั่มสำเร็จด้วยกันถึง 2 ชิ้น
ระดับมาสเตอร์พีซ 3 ชิ้น และ ผลงานชั้นดีอีก 7 ชิ้น นอกจากนั้น เขายังทำประติมากรรมต่างๆอีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นประติมากรรมทางประวัติศาสตร์ ประติมากรรมทางศาสนา และประติมากรรมยักษ์
ค่าสถานะความเป็นผู้นำ
ค่าสถานะความอึดและค่าสถานะความอุตสาหะของเขาก็เพิ่มขึ้นเยอะมากด้วยเช่นกัน
นั่นก็เนื่องมาจากการชักนำผู้คนและสร้างประติมากรรม
ค่าความเชี่ยวชาญทักษะการแกะสลักของเขาอยู่ที่ขั้นสูงเลเวล
9 กับอีก 38.2%
ค่าความเชี่ยวชาญทักษะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างคงที่
ซึ่งต้องขอบคุณงานก่อสร้างขนาดมหึมาที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ได้กระจายไปทั่วทั้งทวีป
การเพิ่มขึ้นของค่าความเชี่ยวชาญทักษะการแกะสลักของวีดไม่ใช่การเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่จากการทำงานนี้
เมื่อเขามองในระยะยาว
การก่อสร้างอุทยานแห่งทวยเทพเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานหลังจากการก่อตั้งอาณาจักรอาเพ่น
มันจะก่อให้เกิดผลประโยชน์นานัปการ
“เยี้ยฮ่า!
จบสิ้นกันซะที!”
“ได้เวลาไปเล่นแล้วโว้ย!”
เหล่าผู้เล่นที่เข้าร่วมการก่อสร้างอุทยานแห่งทวยเทพ
ต่างพากันส่งเสียงร้องเชียร์ด้วยความดีใจ พลางโยนหมวกของพวกเขาขึ้นสู่ท้องฟ้า
เหล่านักดนตรีก็ได้บรรเลงเพลงของพวกเขาผ่านเครื่องดนตรีอันหลากหลาย
“นักเดินทาง
สายลม หมูอ้วน ได้โปรดมาที่ร้านอาหารเหล่านี้ ข้าจะลดราคาให้ถูกๆเลย
ผักกาดหอมก็ฟรี!”
“เบียร์ดำรสเลิศ!
ร้านของข้าเพิ่งได้พ่อครัวมาใหม่ ดังนั้นอาหารทุกจานสดใหม่เสมอ ท่านแขกผู้มีเกียรติได้โปรดตามข้ามา
ถ้าท่านอยากดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันแสนโรแมนติค!”
“ลัทธิโจ๊กหญ้า!
โปรดฟังทางนี้ สมาชิกลัทธิโจ๊กหญ้าจะมีอาหารเย็นที่คาเฟ่พัลซุล!”
ผู้คนในโมราต้าต่างรอคอยให้วันนี้มาถึง
มันไม่ต่างจากงานเทศกาลเลย
กลีบดอกไม้ปลิวว่อนไปทั่วเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จในครั้งนี้
บรรดาร้านค้าก็เปิดประตูกว้าง กระท่อมและบ้านอีกหลายหลังก็มีการติดป้ายแขวนเอาไว้
-
ฉันแบกหินในอุทยานแห่งทวยเทพตั้ง 14 ครั้งแน่ะ
-
ผมขุดดินเป็นเวลา 4 ชั่วโมงติดต่อกัน ที่อุทยานแห่งทวยเทพ
- บ้านพ่อค้า
บริจาคหินอ่อน 2 ก้อน
ทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ตัวเองภูมิใจ
นักท่องเที่ยวและผู้ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานยังคงทยอยกันมาจากทั่วทุกสารทิศ
ทำให้บรรยากาศเป็นแบบนี้ต่อไปอีกสักพัก
วีดอาจจะเป็นกษัตริย์แต่เขาก็เป็นประติมากรผู้สร้างผลงานตระการตาดึงดูดฝูงชน
แม้ประติมากรคนอื่นๆจะได้รับการสนับสนุนจากกิลด์ทั้งหลาย
มันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะเทียบชั้นกับวีดผู้ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
เหล่าอาณาประชาราษฎร์ทั้งหลายต่างส่งรอยยิ้มออกมาด้วยความผาสุก
พวกเขายินดีอย่างสุดหัวใจที่การก่อสร้างอุทยานแห่งทวยเทพเสร็จสิ้นลง
ค่าสถานะของประติมากรจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในผลงาน
วีดคิดว่าน่าจะได้โอกาสแสดงให้เห็นถึงความดีงามของเขา
เขาจึงใช้ทักษะราชสีห์คำราม
“อุทยานแห่งทวยเทพจะเปิดให้เข้าฟรีตลอดไป!”
“ไชโย
อาณาจักรอาเพ่น!”
“ไชโย
ประติมากรวีดผู้เก่งที่สุดในทวีป!”
วีดได้นำความสุขมาสู่เหล่าผู้เล่น!
“ฉันไม่มีทางเลือกเลยแหะ
ได้แต่ชอบท่านวีดคนเดียว”
“ใช่แล้วล่ะ
ฉันรักการผจญภัยของคุณวีดมากเลย นี่คือเหตุผลที่ฉันมาโมราต้า”
ด้วยความสัตย์จริง
วีดไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยให้เข้าฟรี มันมีอิทธิพลต่อสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับนักบวช
ทำให้การไปที่นั่นเป็นส่วนสำคัญที่มีต่ออาชีพของพวกเขา
ถ้าเขาเก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชม
มันจะเป็นรายได้จำนวนมหาศาลให้กับเขา แต่งานนี้จะสำเร็จไม่ได้หากปราศจากความร่วมมือของฝูงชน
มันคงไม่ง่ายหากวีดจะเก็บค่าธรรมเนียมโดยไร้ซึ่งกระแสต่อต้าน
นอกจากนั้นแล้ว
มันยังถูกจัดให้เป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนา จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เขามิอาจเก็บค่าธรรมเนียมได้
อย่างไรก็ตาม ผลพวงด้านบวกจากการก่อสร้างอุทยานแห่งทวยเทพก็ไม่ได้ด้อยค่าเลยสักนิด
วีดจึงต้องทำใจยอมรับและพอใจในสิ่งที่ได้
“หวังว่าจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมายในอนาคตนะ
ฉันจะได้เก็บภาษีจากพวกนั้น”
ถ้าเป็นลอร์ดคนอื่นจากทางตอนกลาง
ก็คงมิอาจจ้างคนจำนวนมากได้เพียงเพื่อต้องการจะสร้างประติมากรรมสักชิ้นหรือสถาปัตยกรรมสักแห่ง
นอกเหนือจากเงื่อนไขอย่างเทคโนโลยีและการพัฒนา
เงินทุนจำนวนมหาศาลที่ต้องใช้ในระยะยาว ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมองดูถึงการก่อสร้างและผลประโยชน์
มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายดายนัก
มันถือเป็นความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงที่มีการก่อสร้างสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ในตอนกลางของทวีป
เมืองในทวีปทางตอนกลางมีระดับเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่สูงมาก
แต่กระนั้นก็ยังยากจนข้นแค้นจากภาวะของสงคราม
แต่บรรดาลอร์ดทั้งหลายก็ไม่ได้เป็นกังวลเกี่ยวการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เล่นเลยแม้แต่น้อย
พวกลอร์ดเอาแต่คิดหาหนทางในการขูดรีดจากพวกผู้เล่นก็เท่านั้น
พวกผู้เล่นใหม่ยังคงเติบโตได้เรื่อยๆ
พวกเขาก็เลยคิดหาวิธีเพิ่มภาษีให้สูงขึ้น พวกเขามุ่งเน้นแต่ผลกำไร มันเป็นอย่างนี้ทุกที่เหมือนกันหมด
จึงเป็นการยากที่จะเปลี่ยนสิ่งต่างๆรอบตัวได้
นั่นคือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางตอนกลางของทวีป
ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมวีดถึงได้รับความนิยมในหมู่ผู้เล่นทั่วไป ผู้คนที่เคยได้รับความทุกทรมานจากวีดเมื่อครั้งที่อยู่ในคอนติเน้นอ๊อฟเมจิค
ต่างพากันไม่เข้าใจว่าเขาสามารถขึ้นเป็นกษัตริย์ผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีแห่งโมราต้าได้อย่างไร
“เจ้าควรจะไปทำงานสำคัญของท่านไคเบิร์นได้แล้ว”
สปาร์ทอยสวมชุดเกราะอันอลังการได้เดินมาหาวีด
วีดเสียเวลาแห่งวันสำคัญไปถึงหนึ่งวันเต็มๆเพื่อสร้างประติมากรรม ดังนั้นมันถึงเวลาที่เขาต้องเร่งรีบกระทำการโดยเร็ว
เขามิอาจจินตนาการได้ว่าถ้าหากเขาทำภารกิจของไคเบิร์นล่าช้าล่ะก็…มันจะเกิดอะไรขึ้นนะ
“มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ข้าต้องทำในฐานะกษัตริย์แห่งอาณาจักรอาเพ่น
แต่ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ไวร์ทรี!”
ไวเวิร์นตัวหนึ่งร่อนลงมาจากฟากฟ้าสู่พื้นดินในอุทยานแห่งทวยเทพ
เขาตัดสินใจใช้ไวเวิร์นเพื่อเดินทางไปยังดันเจี้ยนเบลซ์ออส อาณาเขตนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
และสปาร์ทอยก็มีพลังต้านทานอันแข็งแกร่ง ขนาดยูรินยังไม่สามารถพาพวกเขาไปได้ด้วยทักษะจินตภาพเคลื่อนย้ายของเธอ
ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันตกตลึงเมื่อได้เห็นวีด ไวเวิร์นและสปาร์ทอยในอุทยานแห่งทวยเทพ
“พวกเขาคือเหล่าองครักษ์ของคุณวีดหรือนี่?”
“ดูที่เกราะนั่นสิ
มันไม่ใช่ของธรรมดาเลยนะเนี่ย”
“มันดูแข็งแกร่งมาก
ไม่ใช่ว่ามันอยู่ช่วงกลาง 400 หรือปลายๆ 400 หรอกหรือ?”
“ข้าคิดว่ากองทัพของอาณาจักรอาเพ่นจะอ่อนซะอีก…
เขาได้ซ่อนขุมกำลังอัศวินเอาไว้หรือนี่!”
“ทำไมอาณาจักรอาเพ่นถึงได้มีราชองครักษ์เลเวลสูงขนาดนั้นกันล่ะ?”
วีดและสปาร์ทอยได้รับการถ่ายทอดสดผ่านทางจอทีวี
“พวกเขาคือสปาร์ทอย!”
“สปาร์ทอย ไม่ใช่ว่าพวกเขาถูกสร้างมาจากร่างกายของมังกรที่แข็งแกร่งสุดๆเหรอ?”
“ใช่แล้ว
ข้าเคยเห็นสปาร์ทอยในการต่อสู้มาก่อน แต่ดูจากมาตรฐานของชุดเกราะที่พวกเขาใส่
พวกเขาสามารถเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ชั้นสูงได้เลย
ข้าคิดว่าพวกเขาน่าจะมีเลเวลประมาณ 500”
“สปาร์ทอยมีพลังในการต้านทานเวทย์มนต์ที่น่าทึ่งมาก
พลังชีวิตก็แทบจะไม่จำกัด อีกอย่าง มันแทบจะไม่มีรอยบุบบนชุดเกราะที่พวกเขาสวมอยู่เลย”
“อ้า ช่างสุดยอดอะไรเช่นนี้!
ท่านวีดได้รับภารกิจจากมังกรและมีสปาร์ทอยเป็นผู้คุ้มกันด้วย”
“ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็
ข้าคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้ามันเป็นวีดล่ะก็ คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
ผู้จัดรายการจากสถานีก็พูดถึงเหตุการณ์นี้ด้วยความประหลาดใจ
เหล่าผู้เล่นเลเวลสูงที่สนใจในอุทยานแห่งทวยเทพ
ก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นภาพเบื้องหน้าที่ประจักษ์สู่สายตาของพวกเขา
“ฉันคิดว่าอาณาจักรอาเพ่นจะอ่อนแอซะอีก
เนื่องจากมันเพิ่งก่อตั้งมาได้ไม่นาน?”
“ข้าคิดว่าแดนเหนือไม่เห็นจะมีอะไรใหญ่โต
แต่ตอนนี้คงมิอาจเมินเฉยได้อีกต่อไป”
การออกอากาศอุทยานแห่งทวยเทพดูมีชีวิตชีวาขึ้นทันที่มีการปรากฏตัวของสปาร์ทอย
ราชองครักษ์เปรียบได้ดั่งสัญลักษณ์แห่งอำนาจของอาณาจักร
คนที่ผ่านภารกิจอันซับซ้อนและมากมายจะได้รับการแต่งตั้งขึ้นชั้นเป็นอัศวินโดยพระมหากษัตริย์
เมื่อเหล่าผู้เล่นได้เป็นอัศวิน พวกเขาจะได้รับเบี้ยหวัด ม้าและชุดเกราะ
แต่พวกเขาต้องเข้าสาบานตนต่อพระมหากษัตริย์แสดงความจงรักภักดี อัศวินที่ได้รับการแต่งตั้งแล้วจะสามารถคุมกำลังทหารเพื่อออกล่าในดันเจี้ยนได้
เขาต้องใส่ใจรายละเอียดพวกนี้เมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์
อัศวินชั้นยอดย่อมเพิ่มชื่อเสียงให้กับราชาของพวกเขาและค่าสถานะเกียรติยศก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
พวกเขาสามารถโอ้อวดได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ในขณะที่ทุกคนกำลังตราตรึงไปกับสปาร์ทอย
มีเพียงวีดและพรรคพวกของเขาที่รู้ว่าสปาร์ทอยพวกนั้นเป็นของอาครีย์ออง ไคเบิร์น
ถ้าวีดทำภารกิจไม่สำเร็จ
พวกเขาจะกลายเป็นศัตรูกันในทันที
จบตอน
ผู้แปล :
แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล
Editor : แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล