เล่ม 29 ตอนที่
1: ประติมากรรมที่ล้มเหลว แปลโดย Cole’s Myth
โมราต้ากลายเป็นเมืองหลักที่น่าดึงดูดบนทวีปของเหล่าผู้เล่นใหม่ที่เริ่มเล่นรอยัลโร้ด
เมืองท่วมล้นคับคั่งไปด้วยบรรดาผู้เล่นใหม่
“ฉันตั้งตารอคอยที่จะเห็นมันไม่ไหวแล้วว”
“นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงได้มีคนเยอะแยะขนาดนี้
ฉันอยากจะออกไปล่าไปผจญภัยสนุกสุดเหวี่ยงไปเลย”
เหล่าผู้เล่นที่มีสัญชาติเป็นคนโมราต้าแต่ดั้งเดิมต่างมารวมตัวกัน
ณ ราชอาณาจักรอาเพนแล้วบัดนี้ ราชอาณาจักรแห่งใหม่ที่ปกครองโดยกษัตริย์วีด! บรรดาผู้เล่นใหม่ต้องอยู่ภายในเมืองโมราต้าเป็นเวลา
4
สัปดาห์
เพราะว่ามันคือเขตภายในตัวเมืองจึงมีภารกิจให้ทำน้อยมากอย่างการ ส่งหนังสือ
หรือขนย้ายวัสดุอุปกรณ์
“เจ้านี่ทำงานหนักจริงๆ”
“ขอบใจเจ้ามาก!
หากเจ้าอยากได้งานทำอีกมาหาข้าอีกนะ”
“เจ้ารังเกียจที่จะทำงานหนักๆไหม?”
“ไม่แน่นอนครับ
ได้โปรดให้ข้าทำด้วยเถอะ!”
พวกเขาได้รับเงิน
10
เหรียญทองแดง 20 เหรียญทองแดง ซึ่งถือว่าเป็นเงินที่เก็บมาได้ช้ามาก
เงินที่เก็บได้นั้นก็เอาไปซื้อได้เพียงแค่ดาบยาวสนิมเครอะกับเกราะหนังเท่านั้น
ในภายภาคหน้าเหล่าชาวเมืองที่เป็นผู้นำทางการค้าก็จะคอยให้ภารกิจกับพวกเขาเช่นกัน
เพราะงั้นบรรดาผู้เล่นใหม่จึงพยายามที่จะเพิ่มค่าความสนิทสนมเอาไว้ให้มากๆ
เหล่าผู้เล่นใหม่ในเมืองโมราต้าเองก็กินโจ๊กหญ้าอยู่เสมอ
“ถนนหนทางทั้งสะอาดและกว้างขวาง
แถมมีสิ่งก่อสร้างใหม่ๆสร้างขึ้นมามากมายด้วย”
“เจ้าเห็นกระท่อมที่อยู่บนเนินเขาของพวกจิตรกรไหม?
มีอะไรหลายอย่างให้ดูมากมายเลยนะ”
“เราจะไปกันไหม?”
“แน่นอน
มันคือหนึ่งในสิบสองสถานที่ขึ้นชื่อของเมืองโมราต้าเลยนะ”
“แล้วที่อื่นล่ะอยู่ไหน?”
“จัตุรัสปิงหลงช่วงพลบค่ำ
รูปสลักเฟรย่าข้างทะเลสาบ หุบเขาด้านหลังของมหาวิหาร ตลาดช่างเสื้อตรงจัตุรัสกลาง
ศูนย์ศิลปะ แล้วก็หอคอยแสง! ที่อื่นๆนั้นข้าเห็นมันทางการออกอากาศนะ”
“ถ้างั้นเราไปเล่นที่เนินเขาจิตรกรกันเถอะ!”
มันคือหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยประติมากรรม
งานศิลป์ การแสดงและสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่ทั้งหลาย! แม้นว่าประวัติศาสตร์ของที่นี่จะแสนสั้น
แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างให้ได้ดู ผู้คนสามารถเดินเตร็ดเตร่และเพลิดเพลินไปกับวันดีๆของพวกเขาได้
“แฮ่กๆ…..ขึ้นมาตรงนี้เถอะ”
“อ่า
ฉันอยากเห็นที่อื่นบ้างจังเลย”
จำนวนสถานที่ที่เหล่าผู้เล่นใหม่สามารถสำรวจได้นั้นจำกัดเพราะค่าพลังชีวิตที่น้อยของพวกเขา
ผู้เล่นคนนั้นสามารถเรียนรู้ทักษะการทำอาหารผ่านทางโจ๊กหญ้าที่เพื่อนของเขาใส่กล่องมาให้ด้วย
“นายรู้รึยังว่านายจะเลือกสายอาชีพไหน?”
“ข้าจะเดินตามรอยท่านวีดและกลายเป็นประติมากร
ในภายภาคหน้าข้าเองก็จะออกไปผจญภัยทั่วทั้งทวีป”
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกที่จะออกไปผจญภัยในฐานะประติมากรนะ…..เอาละฉันจะทำอาหารอร่อยๆให้นายกินซักหน่อยละกัน จากนั้นเราค่อยไปที่ร้านอาหารใกล้ๆกระท่อมพวกนั้น”
“อีอ โอเค”
พองเพื่อนทั้งสองเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วขณะที่พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า
จากนั้นพวกเขาก็ปีนขึ้นไปทางเนินเขาด้วยกันและมองดูทิวทัศน์ยามราตรีจากหอคอยแห่งแสง
พวกเขาเห็นก้อนหินที่ที่ความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ได้ถูกสลักเอาไว้
[เก็บรวบรวมและขายแจ็ปเทม]
[ฉันมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในฐานะผู้เล่นใหม่
ฉันอยากจะนอนทั้งคืนโดยไม่มีอะไรมากวนใจ]
[เตรียมตัวกลับบ้านแต่เช้าดีกว่า]
[จ่ายภาษีด้วยใจบริสุทธิ์เพื่อรักษาความสงบสุขเอาไว้]
มันคือตัวหนังสือที่ไม่รู้จักมีลายมือไก่เขี่ยถูกสลักเอาไว้ด้วยมีดอยู่ตรงนั้น
มีสถานที่มากมายที่สามารถชื่นชมและเพลิดเพลินภายในเมือง
ทว่าความฝันเล็กๆของเหล่าผู้เล่นใหม่นี้ก็คือการเก็บเงิน 4 เหรียญทองเพื่อเข้าไปดูประติมากรรมในศูนย์ศิลปะ
“ไปเข้าร่วมลัทธิโจ๊กหญ้ากันเถอะ”
“ฉันจะเก็บเงินซื้อกระท่อมให้ได้”
4 สัปดาห์ผ่านพ้นไปสำหรับเหล่าผู้เล่นใหม่
และในที่สุดพวกเขาก็สามารถออกไปจากประตูเมืองได้แล้ว!
โดยปกติแล้วพวกเขาจะไปล่ากวางหรือว่ากระต่ายและค่อยๆเติบโตขึ้น
ทว่าวีดมีความตั้งใจที่ต่างออกไปในตอนที่เขาสร้างอาณาจักรแห่งนี้ขึ้นตอนที่อยู่จัตุรัสกลางของโมราต้า
เหล่าผู้เล่นใหม่ที่กำลังออกล่าใกล้ๆโมราต้าและเมืองที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็ได้ยินเสียงของเขาที่กำลังพูดอยู่
บรรดาผู้เล่นเริ่มทยอยเข้าไปในเมืองทางประตูทิศใต้
ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก และทิศเหนือบนรถม้าหรือว่ารถลากทั้งหลาย
แน่นอนว่าทางสถานีออกอากาศเองก็ถ่ายทอดเรื่องราวครั้งนี้เช่นกัน
“เริ่มงานแล้วล่ะ”
“นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้เห็นงานราชาภิเษก……ตื่นเต้นชะมัด”
“นายพูดว่าไรนะ?
ฉันไม่ค่อยได้ยินนะ เสียงคนพูดกันดังชะมัด”
“ดูเหมือนจะมอบมงกุฏไปแล้วนะ……”
“จบแล้วหรอ?”
“อือ จบละมั้ง?”
“อือ จบละมั้ง?”
“จบเร็วไปไหมเนี่ย?”
พิธีดำเนินไปด้วยความเร็วที่สุดยอดโดยไม่มีมหรสพจากพวกพวกจินตกวีหรือว่าการประลองยุทธ์ระหว่างพวกอัศวินด้วยซ้ำ
เหล่าผู้คนรู้สึกผิดหวังแต่ก็ลังเลที่จะแยกย้ายกันออกไป
พวกเขารู้สึกรักในเมืองโมราต้ามาก
ดังนั้นพวกเขาจึงอยากจะให้มีงานที่ช่วยตราตรึงความทรงจำของการก่อตั้งราชอาณาจักรอาเพน
แล้วจากนั้นก็มีเสียงประกาศของวีดดังกึกก้องว่าจะสร้างประติมากรรมแห่งประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ที่จะทำให้อาเพนสู่ความรุ่งโรจน์!
จนถึงบัดนี้
เหล่าผู้เล่นก็เคยเห็นแต่เพียงคำพูดวาดฝันของพวกศิลปินมามากมาย
แต่ว่าตอนนี้พวกเขาได้รับโอกาสได้เข้าร่วมการสร้างครั้งนี้ด้วย
มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนประวัติศาสตร์ของทวีปที่พวกเขาจะสามารถช่วยสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ได้!
พวกเขาเนื้อตัวสั่นสะท้านไปด้วยความรู้สึกแห่งความเป็นเกียรติมากที่จะได้ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ครั้งนี้หลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียงตะโกนก้องของวีด
“ไชโย กษัตริย์วีด!”
“ข้าอยากจะทำมัน!”
ความร้อนแห่งความคลั่งไคล้พวยพุ่งทั่วทั้งจัตุรัส
นี่คือโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกแล้วหากพวกเขาไม่คว้ามันไว้ในตอนนี้
เขากำลังจะส่งเสริมทำให้เมืองดีมากขึ้น
เพราะงั้นความชื่นชอบในตัววีดก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นภายในใจของเหล่าผู้เล่นใหม่ที่ใสซื่อบริสุทธิ์
“เขาเป็นกษัตริย์ที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ”
“ใช่แล้ว
เขาห่วงใยชะตาที่เลวร้ายของเหล่าผู้เล่นใหม่อย่างพวกเราและเข้าใจในพวกเรา
แม้ว่าเราจะมีเลเวลที่ต่ำขนาดนี้”
เหล่าผู้เล่นที่ไร้เดียงสาคิดว่าเขาจะไม่เพิ่มภาษี!
ทว่าคนในปาร์ตี้ของเพลต่างรู้ความจริงนี้ดี
มันคือการบังคับให้เป็นแรงงานทาสทันทีที่พวกเขาเข้าร่วมการสร้างประติมากรรม!
เขาไม่ได้บังคับพวกเขาโดยตรงแต่เป็นการแกมบังคับ
แล้วจากนั้นเขาก็จะหลอกล่อพวกเขาจนพวกเขาดิ้นไม่หลุด
วีดกำลังจะสร้างประติมากรรมที่ไม่เคยปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์
แต่ถึงยังไงก็ยังยากที่จะปฏิเสธที่จะไม่เข้าร่วม
บางทีนั่นอาจจะเป็นความจงใจของเขาที่ใช้เงินไปกับพิธีราชาภิเษกเพียงแค่ 30 เหรียญทองเท่านั้น
แผนการครั้งยิ่งใหญ่ที่เปลี่ยนให้ฝูงชนในจัตุรัสกลายเป็นแรงงานทาสในชั่วพริบตา!
เซอร์กะวิเคราะห์สถานการณ์ด้วยความสุขุม
“ฉันคิดว่าที่เสียงคุณวีดกำลังสั่นคงเพราะค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างแน่เลย”
เมแพนรู้สึกขนลุกขนพองจนขนตามผิวหนังของเขาตั้งชัน
“ฉันยังต้องเรียนรู้อีกเยอะมากจริงๆ”
ฝูงชนได้ขับเคลื่อนไปตามวีดแล้ว!
นักธุรกิจที่เก่งต้องสามารถหลอกล่อผู้คนให้ได้
เขานึกไม่ออกเลยว่าจะมีสิ่งก่อสร้างใหญ่ขนาดไหนเกิดขึ้น
“เอาละ
ไปกันเถอะพวกเรา!”
วีดนำฝูงชนออกไปจากประตูเมือง
เขาเดินไปตามทางที่มีดอกไม้สวยงามไปยังภูเขา
ที่นี่คือเขตภูเขาที่เต็มไปด้วยเหมืองแร่
“พวกเจ้าควรจะแบกพวกมันไปทีละคน
เอาละ เร็วเข้า มันจะยุ่งยากมากถ้าสายเกินไป คงจะขนย้ายลำบากแน่ถ้าพระอาทิตย์ตกดิน”
ฝูงชนที่กำลังแบกหินและแร่เรียงตัวทำงานอย่างกับฝูงมด
จุดหมายปลายทางของวีดก็คือพื้นที่ร้างโล่งกว้างที่ไม่มีแม้แต่ต้นหญ้าซักต้นเกิดขึ้นมา
ระยะทางนั้นไกลออกไปมากจากกำแพงและสิ่งก่อสร้างของเมืองโมราต้า
มากจนแทบจะมองไม่เห็นตัวเมืองเลยด้วยซ้ำ
ขบวนแห่ของเหล่าคนงานที่มีคนมากถึง
100,000
คนมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาของเมืองโมราต้า
พวกเขากำลังแบกวัสดุสำคัญๆมากมายอย่างก้อนหินและท่อนไม้
เหล่าผู้เล่นใหม่เองก็กลายเป็นแรงงานทาสเริ่มตั้งแต่บัดนี้เป็นตันไป
★★★★★★★★★★★★★
“ราคาที่ดินของที่นี่ก็ถูกมาก….ยังไงต่อไปที่นี่ราคาก็คงไม่สูงขึ้นหรอก
ถ้างั้นก็สร้างประติมากรรมทิ้งไว้ที่นี่ละกัน”
วีดค่อนข้างชื่นชอบในบริเวณพื้นที่รกร้าง
อาณาบริเวณและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติจะได้รับอิทธิพลจากประติมากรรม
ถ้าหากวีดออกแบบให้ประติมากรรมอยู่ในพื้นที่แห้งแล้งแบบนี้แล้วละก็ มันอาจจะส่งผลในทางที่ดีขึ้นก็เป็นได้
ประติมากรรมนี่จะต้องเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งประวัติศาสตร์
ดังนั้นจึงต้องสร้างมันบริเวณที่มีพื้นที่โล่งกว้าง
“เอาหินมาเพิ่มอีก!”
“ฐานต้องมั่นคงมากๆ
ขุดให้ลึกลงไป เริ่มกันได้แล้ว”
เหล่าคนงานร่วมกันขนย้ายและแบกก้อนหินจากในป่ามาที่เทือกเขา
มีผู้เล่นจำนวนมากเชื่อมั่นในตัววีดและตัดสินใจที่จะเข้าร่วมการก่อสร้างประติมากรรมโดยไม่กังขาเลยซักนิด
แถมยังมีผู้เล่นที่มีเลเวลค่อนข้างสูงที่อพยพมาจากทวีปทางตอนกลางและราชอาณาจักรโรเซนไฮม์
เหล่าผู้เล่นที่เริ่มเล่นในเมืองโมราต้าและสมาชิกจากลัทธิโจ๊กหญ้าเองก็เข้าร่วมและพร้อมใจที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่เปลี่ยวร้างนี้
วีดกำลังระบุตำแหน่งที่จะสร้างและให้ตั้งก้อนหินขึ้นตรงนั้น
มันมีขนาดใหญ่พอๆกับกำแพงเมืองจีนหรือว่าพีระมิดที่เคยสร้างขึ้น นี่คือโปรเจ็คงานวิศวกรรมโยธาที่ใหญ่ยักษ์ซึ่งริเริ่มโดยกษัตริย์
“ไปพาลูกๆของแกมาทำงานด้วยเร็วเข้า”
“มออออออออออออออออออออออ”
เจ้าเหลืองและลูกๆของมันก็มาแบกก้อนหินด้วยเช่นกัน
มีวัสดุก่อสร้างหลากหลายมากมายกองขึ้นเรื่อยๆ!
ภูเขาก้อนหินและดินกองเล็กได้ถูกก่อขึ้นมาแล้ว
“ท่านจะสร้างอะไรหรือครับ?”
“ฉันก็ยังไม่รู้
ค่อยคิดอีกทีหลังจากที่รวบรวมวัสดุจนครบหมดแล้ว”
วีดต้องการที่จะสร้างประติมากรรมขนาดใหญ่
ดังนั้นเหล่าผู้เล่นจึงต้องรวบรวมก้อนหินที่ใช้ได้และต้องมีขนาดใหญ่ๆมากให้เขาทำผลงานออกมา
ราชอาณาจักรอาเพนคืออาณาจักรแรกที่ถูกก่อตั้งขึ้น
ดังนั้นจึงมีความสนใจมากมายมุ่งไปที่การกระทำของวีด
ถนนถูกสร้างขึ้นเชื่อมต่อไปยังเมืองโมราต้าขณะที่เหล่าสถาปนิกกำลังวางฐานเพื่อสร้างจัตุรัสขึ้น
วีดตัดสินใจที่จะตั้งพื้นที่ทำงานเอาไว้สร้างประติมากรรม
32
ชิ้นขึ้นมา มันเป็นประติมากรรมที่ใหญ่มากจนเขาไม่สามารถที่จะจัดการได้ด้วยตัวคนเดียว
“ฉันต้องรับสมัครลูกมือหน่อยแล้ว”
เขาไม่สามารถแกะสลักประติมากรรม
32
ชิ้นในที่ทำงานใหญ่ยักษ์ของเขาเพียงลำพังได้
หากมีใครมาช่วยตัดแต่งนิดๆหน่อยๆให้กับประติมากรรม งานคงจะง่ายขึ้นมาก
วีดติดป้ายประกาศเอาไว้ที่ประตูเมืองในฐานะประติมากรที่เก่งกาจที่สุดบนทวีป
วีดต้องการลูกมือทำงานประติมากรรม
|
|
หวัดดี!
ประติมากรวีดกำลังทำงานด้วยอัธยาศัยดีเป็นมิตรที่ดินแดนเปลี่ยวร้าง
|
เขากำลังตามหาลูกมือช่วยตัดแต่งเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับงานประติมากรรม
|
ทำงานเกี่ยวกับการแกะสลักประติมากรรม
21
ชั่วโมง และอีก 3 ชั่วโมงก็ทำธุระนิดๆหน่อยๆ
|
ใครก็สามารถสมัครได้
|
4
เหรียญทองแดงต่อชั่วโมง
|
ถึงกระนั้น
ช่วงทดลองงาน 3
วัน จะจ่ายค่าแรงให้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
|
หากท่านได้รับบาดเจ็บขณะที่ทำประติมากรรม
ท่านจะได้รับการพันแผลช่วย
|
ไม่มีวันหยุดพัก
|
การจ่ายเงินเพิ่มเติมจะไม่มีให้สำหรับการทำงานช่วงกลางคืน (ไม่มีโอทีนะ)
|
เราจะจัดเตรียมโจ๊กหญ้าให้
3
มื้อต่อวัน และท่านสามารถนอนที่ไหนก็ได้ในที่ทำงาน
|
จะมีซุปกระต่ายเป็นอาหารค่ำให้สองครั้งต่อเดือน
แต่ว่าต้องไปจับกระต่ายมาเองนะ
|
รับสมัครตลอดเวลา
|
ยินดีรับคนที่มีประสบการณ์ในการแกะสลัก
แต่ก็ไม่เป็นไรหากท่านเป็นแค่มือใหม่
ยินดีรับคนที่มีความจริงใจมากกว่าคนที่มีประสบการณ์
|
นี่คือเงื่อนไขการทำงานและสวัสดิการที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา!
แต่ถึงกระนั้น มันคือโอกาสที่จะได้เป็นลูกมือของวีด ดังนั้นปริมาณคนที่มาเป็นลูกมือ
จึงมีมาไม่ขาดสาย
“นี่จะเป็นอย่างที่เขาเขียนทุกอย่างเลยรึเปล่านิ?”
“ถึงงั้นก็เถอะ
ฉันก็ยังอยากจะเป็นลูกมือของเขานะ ฉันอาจจะได้เรียนทักษะของเขาก็ได้”
ตั้งแต่ผู้เล่นใหม่ไปจนถึงจอมเวทย์ขั้นสูง
ก็มีผู้สมัครเข้ามาดั่งฝูงผึ้ง วีดใช้เวลาสัมภาษณ์งานสั้นๆเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น
“รู้จักการแกะสลักไหม?”
“รู้ครับ!”
“รู้ครับ!”
“เมื่อก่อนผมเคยเรียนมา”
บรรดาผู้สมัครที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าวีด
ต่างก็รู้สึกประหม่าและหายใจไม่เป็นระบบ มีหลายคนที่ฝันอยากจะเป็นประติมากรก็มาเริ่มเล่นภายในเมืองโมราต้า
พวกเขาต่างมีแรงบันดาลใจอันแรงกล้าเพื่อการแกะสลัก
เพราะงั้นพวกเขาถึงเตรียมตัวมาก่อนเป็นอย่างดี
“นายจะสามารถแกะสลักประติมากรรมไปเรื่อยๆแม้ว่าฝนจะตกท้องจะหิวไหม?”
“เอ๋? แน่นอนครับ….ร่างกายของผมจะยังคงสู้ต่อไปแม้ว่าสภาพอากาศจะแย่ซักแค่ไหน”
“ผ่าน!”
เหล่าผู้เล่นใหม่ที่ไม่ได้มีทักษะแกะสลักเองก็ได้รับพิจารณาเอาไว้เช่นกัน
“แขนขาอยู่ครบดีแล้วก็…….มีเวลามากแค่ไหน?”
“ผมมีเวลาว่างมากเลยครับเพราะผมยังไม่มีงานทำตอนนี้”
“ผ่าน!”
วีดได้ลูกมือมา
700
คนในชั่วพริบตา! เขาให้พวกประติมากรมือใหม่เริ่มไปเตรียมก้อนหินเพื่อแกะสลัก
ส่วนผู้เล่นใหม่คนอื่นๆก็ช่วยส่งเครื่องไม้เครื่องมือทำธุระต่างๆให้
★★★★★★★★★★★★★★★★
ประติมากรผู้โด่งดังที่ชื่อว่า
เดปธ์ ผู้ที่มีทักษะแกะสลักขั้นกลางเองก็มาช่วยเป็นลูกมือด้วยเช่นกัน
เขาย้ายจากเมืองโรเดียมมาที่โมราต้าเพื่อที่จะเพิ่มค่าชื่อเสียงของเขาในฐานะประติมากร
“ข้าชื่นชมท่านเสมอครับ
ข้าหวังว่าเราจะสร้างอนาคตที่ดีด้วยกันได้”
“ได้สิ เจ้าค่อนข้างช่ำชองเรื่องการทำประติมากรรม
ถ้างั้นข้าจะให้งานเจ้าเยอะๆละกัน”
“ให้งานไหนก็ได้ที่ท่านต้องการให้ข้าทำครับ”
สำหรับเดปธ์
ทักษะการแกะสลักค่อนข้างดี
ดังนั้นเขาจึงมอบงานเกลาผลงานประติมากรรมให้เฉียบยิ่งขึ้น
เขาได้รับหน้าที่ให้ตัดแต่งเค้าโครงภายนอกตามที่วีดชี้แนะและยังรวมถึงรูปแบบตั้งต้นของประติมากรรมด้วย
“ได้เวลาเหมาะที่จะเริ่มงานแล้ว”
วีดใช้มีดแกะสลักและเครื่องมืออย่างสิ่วหน้าแบนเพื่อสร้างรูปร่างคนขนาดยักษ์
เขาสยายปีกแห่งแสงและทำท่าทางสงสัยเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“ไม่จำต้องใช้เทคนิคมากมายในการสร้าง
มันต้องดูเหมือนกับของดั้งเดิมถึงแม้จะใช้เวลาบ้างนิดหน่อยก็เถอะ”
แกร๊ง! แกร๊ง!
แกร๊ง!
เขาเริ่มแกะสลักลงบนก้อนหินแล้ว
ตอนนี้วีดมีทักษะแกะสลักอยู่ที่ขั้นสูงเลเวล 8
เพราะงั้นเขาถึงค่อยๆเผยโฉมความงามของหินก้อนนั้นออกมาเรื่อยๆ
เขาแสดงออกถึงความเรียบง่ายและความโดดเด่นของหินยักษ์ที่อยู่ภายในภูเขามาหลายร้อยปี
ค่าความอึดและค่าพลังชีวิตถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อที่จะทุบหินแข็งๆพวกนี้ได้
ประติมากรรมจากความรู้สึกที่รุนแรงและการร่วมแรงร่วมใจได้เกิดขึ้นมาแล้ว
คงพูดได้ว่าผลงานชั้นสูงทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ เกิดมาด้วยความยากลำบากล้วนๆ
“ถ้าฉันมีลูกละก็
ฉันจะไม่ยอมให้พวกเขากลายมาเป็นประติมากรแน่ๆ!”
วีดเข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อแม่ถึงไม่อยากให้ลูกๆของเขามีอาชีพแบบเดียวกันกับพวกเขา
บางครั้งคนเราต้องเจอด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจในสิ่งนั้นได้ รอยัลโร้ดเป็นสถานที่ที่แสนอันตรายและยากลำบาก
แม้แต่ประติมากรภายในโลกจริงก็ยังมีชีวิตที่ยากลำบากมากเลย
แน่นอนแม้ว่าเขาจะทำได้ดีขนาดนี้จนได้รับความเคารพมามากมาย
แต่เขาก็ไม่อยากจะแนะนำให้กับลูกๆของเขาอยู่ดี
“ถ้าหากพวกเขาแค่ทำผิดเล็กๆน้อยๆแล้วก็ตั้งใจเรียนอย่างหนัก
พวกเขาก็จะประสบความสำเร็จเอง”
หัวใจของพ่อแม่ส่วนใหญ่นั้นก็คล้ายๆกัน
บางครั้งวีดก็มองลงไปที่พื้นดินเพื่อมองผู้คนมากมายที่กำลังทำงานอยู่
เส้นทางที่ทอดขึ้นมาสู่ดินแดนร้างตอนนี้เต็มไปด้วยฝูงชนที่กำลังก่อภูเขาหิน
พวกเขากำลังตั้งก้อนหินมาเพื่อที่จะทำประติมากรรมจำนวนมาก
ทุกๆคนกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างขะมักเขม้นอยู่ทางด้านล่างวีด
“ไม่มีเวลามาพักแล้ว”
วีดไม่อยากเสียเวลาจึงพยายามแกะสลักหินนั้นต่อไป
ขณะที่เขากำลังสร้างประติมากรรม พวกไวเวิร์น ปิงหลง และฟีนิกซ์ก็มาเยี่ยมเขา
“แกมาอีกแล้วหรอ
ออกไปล่าเลยไป๊”
“นายท่าน
นายท่าน! วันนี้ข้ากินม้าไปตั้งสองตัวแหละ”
“กินให้อิ่มเถอะ
ฉันกำลังยุ่งๆ”
“อร่อยจังเลย
เนื้อม้านี่อร่อยตลอดเลยน๊า นายท่าน”
“เอ่อ
ฉันรู้ว่ามันอร่อย งั้นก็ไปกินอีกสิ”
บางครั้งเจ้าวิหคเงินเองก็รู้สึกเป็นกังวลเกินเหตุ
“บางครั้งสายตาของวิหคทองคำก็ดูแปลกๆนะคะตอนที่เขามองข้า
แต่มันก็ไม่ใช่ว่าข้าไม่ชอบหรอกนะ”
เจ้าฟีนิกซ์เองก็มาช่วงเวลาเที่ยงๆ
และยิ่งทำให้มันร้อนมากขึ้นไปอีก
“นายท่านๆ
ประติมากรรมนี่ดูยอดเยี่ยมไปเลยนะครับ”
เป็นที่เข้าใจแล้วว่ามันไม่มีอะไรจะทำ
ก็เลยเข้ามาดูวีดสร้างประติมากรรมด้วยร่างกายที่ร้อนแบบใกล้ๆ
และตอนนี้ค่าความอึดของวีดก็ตกลงไปอยู่จุดต่ำสุดแล้ว
จากนั้นเจ้าไวทรีก็บินมาหาอีกตัว
“นายท่าน
วันนี้ข้ากินม้าไปสามตัวด้วยละ ท่านคิดว่าข้าจะน้ำหนักขึ้นไหม?”
ไม่กี่วันมานี้วีดใช้เวลาเล็กน้อยไปกับเจ้าพวกประติมากรรมสลักชีพของเขา
พวกมันเอาแต่กลับมาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อที่จะได้เจอวีด
เพราะว่าพวกมันคือประติมากรรมสลักชีพ
พวกมันเลยมีความสนใจอย่างมากในงานศิลปะที่วีดกำลังสร้าง
“ไวทรี”
“นายท่าน
พูดมาเลยครับ”
“อยู่ด้วยกันไปนานๆนะ”
“รับทราบครับนายท่าน”
เขาไม่ได้ตบตีมันอย่างเกรี้ยวโกรธเพื่อที่จะทำให้มันไปให้พ้นๆ
ทว่าเขาต้องการให้เหล่าประติมากรรมสลักชีพของเขาอยู่กับเขาเพื่อที่จะได้ให้พวกมันได้ทำงานกับเขาไปนานๆต่างหากละ
★★★★★★★★★★★★★★★★
ความคาดหวังของเหล่าผู้คนในเมืองโมราต้ามากมายเหลือล้น
“ดูหินยักษ์นั่นสิ
อะไรจะถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นที่กว้างๆขนาดนั้นนะ?”
“พระราชวังหรือเปล่า?”
“มันดูไม่เหมือนเลยนะ?”
วีดกำลังทำอะไรบางอย่างกับก้อนหินพวกนั้น
ดูเหมือนว่าจะมีประติมากรรม 32 ชิ้นที่จะถูกสร้างขึ้น
แต่เพราะว่าพวกเขามองดูอยู่ใกล้ๆพวกเขาเลยคิดว่ามันดูเหมือนกับสิ่งก่อสร้างคล้ายๆกับอาณาจักรอื่นๆ
มันไม่ได้ดูหรูหรา
ทว่ามีก้อนหินอ่อนที่ถูกตั้งเป็นแถวมากมายภายในพื้นที่ใหญ่ๆแห่งนั้น
ก้อนหินทั่วไปถูกขุดขึ้นมาจากเหมืองใกล้ๆ
แต่ว่าพวกหินอ่อนนั้นกลับไม่ได้มาฟรีๆอย่างนั้น
มันถูกนำมาจากหมู่บ้านอื่นที่อยู่ทางแดนเหนือ
เพราะงั้นจึงใช้งบประมาณของราชอาณาจักรอาเพนไปมากพอควร เงินที่ลงทุนไปกับการก่อสร้างสิ่งนี้นั้นมากพอที่จะใช้สร้างวิหารยักษ์ได้ตั้ง
3
หลังด้วยซ้ำ
เหล่าผู้คนต่างกำลังสงสัยอย่างมากเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าใจมันได้เลย
“ทำไมเขาถึงต้องทำประติมากรรมที่มีขนาดมหึมานั้นด้วยล่ะ?”
“ถ้าหากว่าเงินทุนของราชอาณาจักรอาเพนลงทุนไปกับเรื่องพวกนี้
มันจะไม่ลดลงไปมากเลยหรอ?”
จากขนาดของสิ่งก่อสร้างแล้ว
จำนวนเงินที่ถูกถลุงไปนั้นจะต้องมากพอควร
ตอนนี้บรรดาชาวเมืองภายในราชอาณาจักรล้วนแต่มีความจงรักภักดีและสวัสดิภาพที่สูงมาก
อนาคตของเมืองโมราต้าและป้อมปราการเวอร์โก้ก็จะเต็มไปด้วยความหวังมากมาย
หากเงินงบประมาณของอาณาจักรถูกใช้ไปอย่างสุรุ่ยสุร่าย ภาษีก็ต้องเพิ่มขึ้นแน่
และจากนั้นเหล่าชาวเมืองก็จะเริ่มรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดา
จากนั้นมันอาจจะไม่ได้จบเพียงแค่การขึ้นภาษี
สุดท้ายแล้วสวัสดิภาพของเมืองก็จะเสื่อมถอยและจำนวนอาชญากรรมก็จะเพิ่มขึ้น
เหล่าผู้เล่นก็จะรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับสิ่งร้ายๆที่อาจจะเกิดขึ้นในราชอาณาจักรอาเพน
วีดพยายามที่จะรีดไถเงินมากที่สุดเท่าที่จะมากได้จากเงินกองทุน
แต่ทว่าเงินที่ได้มาทั้งหมดก็มักจะลงทุนไปกับการก่อสร้าง
เมืองอื่นๆไม่มีแม้แต่เงินทุนเพื่อใช้สร้างสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ถึง
3
หลังด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงมีคนไม่มากนักที่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ
มันอาจจะพอเข้าใจได้หากพวกเขากำลังสร้างพระราชวังหรือว่าสิ่งก่อสร้างทางทหาร
ทว่าเงินทุนเหล่านี้กลับถูกใช้ไปกับประติมากรรม!
ขณะที่ความสนใจส่วนใหญ่จับจ้องไปที่ประติมากรรมของวีด
ใบหน้าของประติมากรรมก็ค่อยๆปรากฏออกมาอย่างช้าๆ ไม่ว่าพวกเขาจะมองไปที่มันยังไง
ประติมากรรมนั่นก็ดูเหมือนผู้หญิงที่มีหน้าตาพื้นๆ
เหล่าผู้เล่นที่กำลังแบกก้อนหินอยู่ทรุดตัวลงฮวบเพราะว่าพวกเขาต่างคาดหวังที่จะได้เห็นผลงานอันยอดเยี่ยม
“นี่เขากำลังพยายามที่จะสร้างผลงานระดับแมคนัมจริงๆหรอ?”
“ไม่มีทางน่า
เทวีน้ำแข็งที่วีดสร้างยังสวยกว่าเลยนะ”
“รูปสลักเทพีเฟรย่าก็สวยมากเช่นกัน”
บรรดาประติมากรรมของวีดล้วนสร้างความภูมิใจยิ่งให้กับเหล่าผู้เล่นเมืองโมราต้า
พวกเขาต่างรูสึกชื่นชมทุกครั้งที่ได้เห็นพวกมัน ภาพของพระอาทิตย์ยามเช้าที่กำลังขึ้น
สาดแสงผ่านมวลหมอก ส่องลงมายังรูปสลักเทพีเฟรย่าทำให้ดูน่าอัศจรรย์มากจริงๆ
วีดได้รับความช่วยเหลือจากผู้เล่นในเมืองโมราต้ามามากมาย
มันจึงยากที่จะเชื่อว่าเขาจะสร้างประติมากรรมที่แสนธรรมดาขนาดนี้
“ผลงานที่ล้มเหลวชัดๆ”
“ข้าเห็นด้วย ไม่มีกฏข้อไหนบอกซะหน่อยที่บอกว่าวีดจะทำประติมากรรมทุกชิ้นได้สำเร็จ”
“ดูเหมือนว่าความสามารถของเขาตกต่ำลงไปเยอะเลยนะ”
“ข้าเห็นด้วย ไม่มีกฏข้อไหนบอกซะหน่อยที่บอกว่าวีดจะทำประติมากรรมทุกชิ้นได้สำเร็จ”
“ดูเหมือนว่าความสามารถของเขาตกต่ำลงไปเยอะเลยนะ”
“เฮ้พวก
ฉันจะออกไปล่าแล้ว นี่มันเสียเงินเสียเวลาชัดๆ”
เหล่าผู้เล่นต่างรู้สึกผิดหวังไปตามๆกัน
ผลที่ออกมานั้นไม่ดีพอสมกับการทำงานอย่างหนักของผู้คนมากมาย
“ถ้ามีฝีมือแค่ระดับนี้ก็ไม่คุ้มค่าให้เรียนรู้หรอก”
บรรดาเหล่าลูกมือและคนงานที่มาเข้าร่วมต่างรู้สึกไม่พอใจและเริ่มออกไปคนแล้วคนเล่า
และข่าวลือก็เริ่มกระจายตัวออกไปจนถึงหุบเขาด้านหลังของเมืองโมราต้า
“บาร์ดเรย์ฆ่าเขา
เพราะงั้นทักษะการแกะสลักของเขาคงตกลงไปแล้วละ”
“ฉันก็ไม่เคยคาดหวังในประติมากรรมของวีดขนาดนั้นหรอก
ที่ผ่านมาเขาคงจะโชคดีละมั้ง?”
พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดอย่างโจ่งแจ้งเพราะว่าพวกเขากลัวพวกลัทธิโจ๊กหญ้า
แต่ก็มีผู้คนอีกมากมายที่พึ่งมาเมืองโมราต้าพากันประณามวีด
ผู้คนมากมายที่ส่งเสียงเชียร์อย่างเร้าร้อนในตอนที่วีดบอกแผนตัวเองออกไป
หัวใจของพวกเขาก็ตื่นเต้นเป็นที่สุด
เงินทุนและผู้คนจำนวนมากมายมหาศาลต่างลงทุนลงแรงไปกับงานครั้งนี้
ดังนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้สึกผิดหวังกับมัน ประติมากรนี่เป็นอาชีพที่ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งเอาไว้จริงๆ
“แล้วเขาจะทำยังไงต่อไปละทีนี้?”
“แต่มันก็ไม่ได้ดูดีขนาดนั้นเลยนะ”
ไอรีนกับเซอร์กะมองดูวีดที่กำลังห้อยโหนบนประติมากรรม
กลับกลายเป็นปัญหาอย่างที่พวกเขาคิดไว้จริงๆด้วย หัวใจของบรรดาสมาชิกในปาร์ตี้ของวีดนั้นเจ็บปวดเป็นที่สุดในช่วงเวลาเช่นนี้
วีดสร้างประติมากรรมชิ้นแรกเสร็จแล้วขณะที่เขาสูญเสียความมั่นใจไปจนหมด
ผู้คนมองขึ้นมาจากจัตุรัสโดยไม่เหลือความคาดหวังใดๆอีกแล้ว
จากนั้นวีดก็แกะสลักตาสองชั้น
แล้วประติมากรรมก็เสร็จสิ้น!
รูปสลักของเทพีเฮสเทียได้กำเนิดขึ้นมาแล้ว!
เทพีเฮสเทียปกป้องทวีปเวอร์เซลมาตั้งแต่โบราณกาล
นางมีความสามารถสร้างความรักและผูกพันจิตใจให้กับคนในครอบครัว
|
รูปสลักของนางได้ถูกทำลายในสงคราม
ดังนั้นการมีตัวตนของเธอจึงเป็นที่รู้จักเฉพาะในบันทึกของมนุษย์และคนแคระ
|
การฟื้นคืนของรูปสลักเทพีเฮสเทียจะมีความสำคัญทางศาสนาอย่างยิ่งต่อเหล่าคนแคระบนทวีปเวอร์เซล
|
การกำเนิดของรูปสลักแรกของเทพีเฮสเทียจะถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์
|
ผู้ที่ชื่นชมรูปสลักเทพีเฮสเทียจะได้รับการฟื้นฟูมานาและพลังชีวิต
รวมถึงค่าพลังชีวิตเพิ่มขึ้น 35% เป็นเวลาหนึ่งวัน
|
ผลจากเวทย์จิตวิญญาณ
ทักษะการต่อสู้เพิ่มขึ้น 11%
|
นี่คือรูปสลักทางศาสนา
ดังนั้นค่าสถานะศรัทธาเพิ่มขึ้นถาวร 7 หน่วย
|
อาชีพสายประติมากร
จิตกวีและจิตรกรจะเพิ่มสถานะทางศิลปะเป็นการถาวร 9 หน่วย
|
คำอวยพรของเทพีเฮสเทียจะให้มอบให้กับอาชีพสายศิลปินเป็นพิเศษ
|
ความสามารถของมนุษย์และคนแคระที่เกี่ยวกับไฟพัฒนาขึ้น
13%
|
มีโอกาส
4% ที่เวทย์เพลิงของจอมเวทย์จะมีผลต่อท่านได้
|
ค่าสถานะทางศิลปะเพิ่มขึ้นถาวร
6
หน่วยเนื่องจากการสร้างผลงานศิลปะโบราณ
|
รูปสลักของเทพีเฮสเทียกำเนิดแล้ว!
เพียงแค่ได้มองประติมากรรมที่เสร็จสิ้นชิ้นนี้แล้วก็ช่วยเพิ่มค่าสถานะบางอย่างเป็นการถาวร
“วีดสร้างประติมากรรมของเทพีเฮสเทียงั้นหรอ?”
“ว้าวว สุดยอดชะมัด!”
ผู้คนที่เชื่อมั่นในตัววีดและมองดูผลงานที่ทำเสร็จแล้วต่างก็รู้สึกยินดีกับผลลัพธ์และค่าสถานะที่ได้รับ
ผู้คนที่แบกวัสดุหนักๆเพื่อใช้สร้างประติมากรรมเองก็รู้สึกตัวเบาราวกับขนนก
ตริ้ง!
รูปสลักเทพีเฮสเทียเสร็จสมบูรณ์แล้ว
อำนาจทางการเมืองของราชอาณาจักรอาเพนแผ่ขยายออกไป
|
ความสัมพันธ์กับเผ่าพันธุ์คนแคระดีมากขึ้น
|
อิทธิพลของศาสนาใหม่จะมอบความหวังที่ดีให้กับชาวเมือง
|
ทุกคนที่มาเยี่ยมเยือนเมืองโมราต้าจะได้ยินเรื่องการก่อสร้างรูปสลักเทพีเฮสเทีย
|
“เขาคือประติมากรวีดตัวจริง
เทพแห่งการแกะสลัก!”
“ฉันขนก้อนหินได้
7รอบแล้ว! ฉันจะยอมเจ็บปวดเพื่อสร้างรูปสลักขึ้นมาให้ได้!”
“ฉันเชื่อในประติมากรรมของวีดตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ”
“ไปเร็ว
ไปขนก้อนหินมาเร็วเข้า!”
“รสชาติของโจ๊กหญ้าจะดีที่สุดก็หลังทำงานนี่แหละ”
นอกจากเหล่าผู้เล่นใหม่
บรรดาผู้เล่นที่มาจากนอกเมืองโมราต้าและผู้เล่นอีกมากมายก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
จำนวนคนงานที่มาช่วยก่อสร้างหลังจากที่ผ่านไปหนึ่งวันมีถึง 300,000 คน
ส่วนคนที่มีบทบาทในการสร้างรูปสลักเทพีเฮสเทียเองก็ได้รับคำอวยพรพิเศษมากขึ้น
พวกเขาได้รับทั้งค่าความศรัทธา กำลังกายและค่าความอึด
จากการช่วยเหลือราชอาณาจักรอาเพน เพราะงั้นพวกเขาถึงไม่ยอมพลาดโอกาสในครั้งนี้ไป!
ก้อนหินจำนวนมากมายมหาศาล
ก่อกองซ้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ใช้น้ำหนักตัวตอนเหวี่ยงพลั่วด้วย”
“ถ้านายใช้ส่วนบั้นเอวกับไหล่ตอนพยุง
มันจะช่วยให้แบกหินพวกนั้นได้ง่ายขึ้นนะ จากนั้นก็มองไปข้างหน้าแล้วก็แบกไป”
“อย่าพยายามแบกน้ำหนักมากเกินไป
มันจะเร็วกว่าถ้าแบกน้ำหนักเบาๆสามครั้ง ดีกว่าไปแบกหนักๆครั้งเดียว”
เหล่าผู้เล่นที่เคยมีประสบการณ์จากราชอาณาจักรโรเซนไฮม์ผู้ที่เคยเข้าร่วมการก่อสร้างพีระมิดพากันให้คำแนะนำกับเหล่าผู้เล่นใหม่
“หนักไหมครับ?”
“ไม่ค่ะ
ฉันไหวอยู่”
เพลและเมล่อนเองก็มาโชว์ความสวีทหวานแหว๋วอีกครั้งขณะที่พวกเขากำลังแบกก้อนหินอยู่
ส่วนเซอร์กะก็กำลังเฝ้ารอที่จะได้พบกับผู้ชายดีๆซักคนให้เข้ามา
“นั่นดูหนักจังเลยนะคะ
ให้ฉันทุบมันก่อนไหม?”
“ดีเลยครับ…ทำได้ด้วยหรอ?”
“ดีเลยครับ…ทำได้ด้วยหรอ?”
“ทักษะยุนฮานควอน!”
ปั๊ก ปั๊ก
ปั๊ก ปั๊ก!
หมัดของเซอร์กะทุบหินจนแตกออก!
เธอแบกหินหนักๆที่แม้แต่พวกผู้ชายยังไม่กล้าไปยก
“หวัดดีค่ะ”
“ขอบคุณครับ
คุณนักบวช”
ไอรีนและนักบวชคนอื่นๆคอยดูแลเหล่าผู้เล่นที่กำลังทำงานอย่างหนัก
คอยทำอาหารและแจกจ่ายอาหารให้เหล่าคนงาน พื้นที่แถวๆนั้นเปลี่ยนไปทุกวันเมื่อมีเหล่าคนงานผ่านไป
★★★★★★★★★★★★★★
ณ
ป้อมปราการเวนท์!
ที่นี่คือทางเข้าออกสำคัญเพื่อปกป้องเมืองมอร์เดร็ด
เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรนิฟล์เฮม เมืองหลวงของจักรวรรดิที่ล่มสลายไปแล้วและหลังจากนั้นดินแดนเหนือก็ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและมอนสเตอร์มากมาย
เหล่าทหารจึงปิดตายประตูของเมืองป้อมปราการเวนท์ไปเพื่อความปลอดภัย
“นี่จะปกป้องชีวิตของพวกเราได้
ซักวันหนึ่งจักรวรรดินิฟล์เฮมจะผงาดขึ้นมาอีกครั้ง!”
เหล่าอัศวินต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์และคอยปกป้องปราสาทเอาไว้
หลายวันที่ผ่านพ้นเต็มไปด้วยพายุน้ำแข็งที่แสนรุนแรง เมืองป้อมการเวนท์เคยเป็นสถานที่แห่งเดียวในดินแดนเหนือที่ผู้คนยังมีชีวิตรอด
พวกเขามีอาหารที่พอเพียงขณะที่อาศัยอยู่ในอาณาเขตของพวกมอนสเตอร์
จากนั้นทวีปทางตอนเหนือก็กลับมามีสภาพอากาศที่อบอุ่นอีกครั้ง
ทว่าพวกเขาก็ยังคงไม่ยอมเปิดประตูออก
“ดินแดนเหนือนั้นอันตรายมาก
แถมผู้ที่จะสืบทอดราชอาณาจักรนิฟล์เฮมก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมาด้วย”
ตอนนี้เหล่าอัศวินและทหารคือผู้ที่คอยปกครองเมืองป้อมปราการเวนท์!
ขณะเดียวกันดินแดนอื่นๆที่อยู่ทางตอนเหนือของทวีปก็ได้รับการอวยพรของเทพีเฟรย่าและเก็บเกี่ยวพืชผลได้มากมาย
ราคาอาหารในเมืองโมราต้าเองก็ถูกมาก อัตราการเกิดในหมู่บ้านจึงเพิ่มขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์
เหล่านายพรานและทหารก็กระจายตัวกันออกไปทั่วทั้งแดนเหนือเพื่อให้มีชีวิตรอด
พวกเขาพยายามดิ้นรนในสภาพอากาศที่หนาวสุดขั้วและต่อสู้เสี่ยงตายกับพวกมอนสเตอร์
ในขณะเดียวกันที่เหล่าชาวเมืองก็ให้กำเนิดบุตรหลานขึ้นมามากมาย
ผลลัพธ์ก็คือการเติบโตขึ้นของหมู่บ้านเล็กๆ
ขณะเดียวกัน
อำนาจทางการปกครองของเมืองโมราต้าภายในอาณาเขตก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
คลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงนั้นได้ถาโถมมาถึงป้อมปราการเวนท์แล้ว
“ขอโทษนะคะ…ฉันมาที่นี่เพื่อขายอาหารค่ะ”
กามง
คือแม่ค้ามือใหม่จากเมืองโมราต้า
“รีบไปให้พ้น!”
เหล่าอัศวินแห่งป้อมปราการเวนท์พยายามขับไล่เธออย่างไร้หัวใจ
ทว่ากามงคุ้นเคยกับการต้อนรับแบบนั้นเป็นอย่างดี
ค่าชื่อเสียงของเธอนั้นไม่ได้สูงมาก แถมเธอยังไม่มีประสบการณ์ในการค้าขายมากด้วย
กิจการทางการค้าทางแดนเหนือนั้นไม่ดีนัก
หากเธอไปที่ทวีปทางตอนกลางด้วยของขึ้นชื่อของเมืองโมราต้า เธอคงได้รับการดูแลและต้อนรับเป็นอย่างดี
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผู้เล่นส่วนใหญ่จึงไปมาค้าขายระหว่างเมืองโมราต้ากับทวีปทางตอนกลางอยู่ตลอด
การตะลอนไปทั่วแดนเหนือด้วยเกวียนสินค้านั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
มีมอนสเตอร์ที่อันตรายอยู่เป็นจำนวนมากระหว่างทาง ดังนั้นมันจึงยากสำหรับเหล่าพ่อค้าที่ต้องออกเดินทาง
การพัฒนาของหมู่บ้านอื่นๆทางดินแดนเหนือเองก็ค่อนข้างเชื่องช้า
เพราะงั้นพวกเขาถึงไม่มีสินค้าพิเศษเหมือนอย่างเมืองโมราต้า
“แต่ว่าวิถีของพ่อค้า
คือ การริเริ่มบุกเบิกเส้นทางการค้าแห่งใหม่เป็นเจ้าแรก!”
กามงไม่ได้ต้องการที่จะเป็นเหมือนกับพ่อค้าคนอื่นๆที่ไล่ตามหาแต่ความสะดวกสบาย
โดยปกติแล้วอาชีพพ่อค้าจะได้รับความเคารพอย่างมากในเมืองโมราต้าและยังได้โอกาสไปค้าขายในเมืองใหญ่อื่นๆก่อนใคร
โชคดีที่เมืองโมราต้ามีผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์มาก
ดังนั้นเธอจึงสามารถตะลอนไปขายของภายในดินแดนเหนือได้
กามงเดินทางไปทั่วทั้งดินแดนเหนือเพื่อค้าขายแจ็ปเท็ม
“ได้โปรดลองชิมนี่ดูซักครั้งก่อนเถอะคะ”
กามงมอบผลมะกอก
เหล้าไวน์และข้าวให้กับพวกอัศวินก่อนที่เธอจะไป อาหารมีอายุในการเก็บรักษา
ดังนั้นมันอาจจะเน่าเสียได้หากปล่อยไว้นานเกินไป นี่คือการติดต่อทางธุรกิจที่เธอจะมีแต่ความสูญเสียเท่านั้น!
แต่ถึงยังไง กามงก็ยังคงมีความหวังอยู่
“เมืองโมราต้านับวันยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ผู้คนก็จะมาอาศัยอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการค้าขายก็จะเริ่มคล่องตัวมากขึ้น”
เธอตะลอนไปทั่วแดนเหนือด้วยเกวียนขนอาหารจากเมืองโมราต้า
หากเธอเจอเข้ากับมอนสเตอร์เธอคงจะหมดตัวแน่ๆ
โชคดีที่เธอได้ขายให้กับพวกนักเดินทางมาบ้าง พวกทหารและลอร์ดคนอื่นๆมาบ้าง
แต่ก็พูดไม่ได้เต็มปากว่าเธอทำกำไรได้
“เฮ้ยๆ เธอบ้าไปแล้วรึ
อย่าทำอย่างนั้นดีกว่าน่า”
“แค่มีร้านค้าซักร้านในโมราต้าเอาไว้เก็บเงิน
ทั้งหมดที่เธอต้องทำก็แค่กินกับนอนเล่นเท่านั้นแหละ”
พ่อค้าทุกคนที่เธอเจอภายในบาร์พยายามที่จะหยุดเธอ
กามงมองดูหอคอยแห่งแสงในยามค่ำอยู่เสมอและเธอจะไม่มีทางละทิ้งความหวังนั้นไป
“ฉันจะกลายเป็นพ่อค้าใหญ่ให้จงได้
และฉันจะเป็นผู้นำการค้าขายสินค้าทั้ง 1,000 อย่าง…..”
เพราะงั้นเธอถึงได้ออกเดินทางทั่วทั้งดินแดนเหนือมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว
เธอไม่ได้เก็บหอมรอมริบใดๆ แต่รายได้ที่เธอได้รับก็ถือว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยและรวดเร็ว
ในการค้าขายภายในหมู่บ้านเล็กๆแถมยังเพิ่มค่าความใกล้ชิดกับพวกชาวบ้านได้อีกด้วย
“เจ้าอยากจะเห็นเมืองป้อมปราการเวนท์ไหมล่ะ?”
เธอกำลังเดินทางไปส่งอาหารที่หมู่บ้านแถบภูเขา
เพราะว่าคุณยายคนหนึ่งที่เป็นชาวบ้านขอร้องมา
“อยากค่ะ
แต่ว่าฉันแทบจะไม่ไหวแล้ว มันไม่ง่ายเลยจริงๆ”
“หนึ่งในยามเฝ้าเป็นหลานข้าเอง….ถ้าเจ้าเอ่ยชื่อข้า เขาอาจจะให้เจ้าเข้ามาก็ได้”
ตริ้ง!
ท่านได้รับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีที่จะเข้าไปในเมืองป้อมปราการเวนท์
|
กามงรู้สึกตื่นเต้นจนพูดไม่ออก
เธอสามารถเข้าไปในปราสาทที่ไม่เคยมีใครอนุญาตให้เข้าไป และนี่คือครั้งแรก! ถ้าหากว่าเป็นสายอาชีพอื่นเธอคงจะสนใจแต่เรื่องการทำภารกิจมากกว่า
แต่นี่เธอคือพ่อค้า เธอสนใจในสิ่งที่สามารถซื้อขายได้ เท่านั้น กามงมาถึงป้อมปราการเวนท์ในอีก
2
วันต่อมา
“หืมมมมม…….ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับการทำดีที่เจ้าเคยทำไว้แถวนี้ด้วยการให้อาหารช่วยเหลือแก่พวกเขา
งั้นข้าจะทำตามคำขอร้องของยายข้าละกัน”
ป้อมปราการเวนท์ถือว่าเป็นอนุสรณ์สถานของจักรวรรดินิฟล์เฮม
สินค้าที่สามารถซื้อขายได้ในร้านค้าก็สะท้อนถึงเทคโนโลยี ณ
ปัจจุบันของที่นี่ด้วยเช่นกัน
“ฉัน…ฉันจะกลายเป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งแล้วละที่นี้!”
กามงตระโกนร้องออกมาด้วยความยินดี
ถ้าหากว่าเธอสามารถนำสินค้าจากภายในป้อมปราการเวนท์ไปขายที่อื่นได้
เธอก็จะได้กำไรมากมายมหาศาล มันคือการค้าขายที่มีสิทธิผูกขาดเพราะว่าไม่มีคู่แข็งเลยแม้แต่คนเดียว!
เธอไม่รู้ว่าเอกสิทธิ์ครั้งนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหนจนกว่าจะมีพ่อค้าคนอื่นๆเริ่มมาเคาะประตูเมืองป้อมกราเวนท์ที่กามงอุตส่าห์สร้างความสำเร็จเอาไว้
ก่อนที่ช่วงเวลาแห่งเอกสิทธิ์ในครั้งนี้จะสิ้นสุดลง
เธอก็จะสร้างความใกล้ชิดสนิทสนมและรวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการค้าเอาไว้
กามงซื้อไอเท็มและเกราะมาจากป้อมปราการเวนท์ที่ทำขึ้นมาจากทักษะช่างฝีมืออันยอดเยี่ยมแล้วเอาไปขายด้วยราคาพอเหมาะที่เมืองโมราต้า
ป้อมปราการเวนท์ได้ถูกปิดตายดังนั้นไอเท็มและเกราะที่ถูกเก็บไว้จึงมีราคาต่ำ
แถมเธอยังเอาอาหารมากมายจากเมืองโมราต้าไปที่ป้อมปราการเวนท์ด้วย
“เร่เข้ามาๆ
ของขึ้นชื่อของเมืองโมราต้าค๊า! เนื้อแกะกับเบียร์ ข้าว มะเขือเทศ ชีส
เหล้าไวน์ค๊า วันนี้ขายในราคาถูกๆจริงๆค๊า! เร่เข้ามาเลยค๊า!”
“ท่านพ่อค้า
นี่ราคาเท่าไรครับ?”
“แค่ 4
เหรียญทองแดงค่ะ ข้าจะขายให้ท่านถูกๆเลย”
เธอขายของทั้งหมดที่มีจนหมดสต๊อคทันทีที่ไปถึงจัตุรัส
ท่านขายอาหารให้กับผู้อาศัยของป้อมปราการเวนท์ด้วยราคาที่ถูก
|
ค่าชื่อเสียงในการค้าขายเพิ่มขึ้น
24
หน่วย
|
เสน่ห์เพิ่มขึ้น
3
หน่วย
|
กามงนึกถึงอนาคตอันสดใสของเธอขณะที่เธอกำลังขายอาหารทั้งหมดไปแล้ว
มันเป็นไปได้ที่จะได้ขายของมากกว่าราคาซื้อถึง 3-4 เท่า เพราะงั้นการค้านี้จึงสร้างกำไรให้เธออย่างมาก
ค่าชื่อเสียงและค่าความใกล้ชิดของเธอเพิ่มขึ้นหลังจากที่ขายอาหารจากโมราต้าไปมากมาย
ส่วนปฏิกิริยาตอบรับก็ดีหลังจากที่เธอซื้อสินค้าตามร้านค้าของป้อมปราการเวนท์
“กามง เจ้าเป็นพ่อค้าที่เก่งมาก
ข้าจะเฝ้ารอการมาของเจ้านะ ของนี่ขายได้ไม่ค่อยดีเลย….เจ้าอยากดูหน่อยไหม?
ข้าจะแถมให้เจ้าด้วยเลยนะ”
อาชีพพ่อค้าไม่สามารถที่จะซื้อสินค้าได้แบบไร้ขีดจำกัดถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเงินมากก็ตาม
มีปริมาณของอาวุธและเกราะที่แน่นอนที่ขายออกไปได้
“คิคิคิ ฉันรวยแล้ว!”
กามงได้เงินและชื่อเสียงมาเป็นจำนวนมากในฐานะพ่อค้า
มันยากที่จะฝันถึงในฐานะพ่อค้ามือใหม่
ทว่าทุกๆการค้าขายของเธอค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ
โดยปกติพวกพ่อค้าจะมีท้องที่อ้วนพลุ้ยจนเขย่าไปมาทุกครั้งที่พวกเขาเดิน
กามงเองก็ไม่ใช่คนๆเดียวที่ได้ผลประโยชน์จากสิ่งนี้
เมื่ออาหารจากเมืองโมราต้าเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น อัตราการเติบโตของป้อมปราการเวนท์ก็เพิ่มเช่นกัน
อาชีพพ่อค้ามีส่วนช่วยอย่างมากในการขับเคลื่อนให้เกิดความมั่นคงของดินแดน
การค้าขายประสบความสำเร็จ
ส่วนทัศนคติที่ถูกปิดของคนชาวป้อมปราการเวนท์ก็ค่อยๆคลายลง
“จากที่พวกกอบลินพูด
มีประติมากรที่ชื่อว่าวีดประสบความสำเร็จในการผจญภัยใหญ่ๆมากมายหรือ พวกกอบลินน่ะโกหกเก่ง
ข้าก็เลยไม่รู้ว่าพวกมันจะน่าเชื่อถือได้ซักแค่ไหน….แต่ที่น่าแปลกใจก็คือพวกเราเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับวีด”
“สภาพอากาศที่อบอุ่นแบบนี้ก็เป็นเพราะการพจญภัยของวีดหรือ?”
“พวกเราพยายามที่จะฟื้นคืนชื่อเสียงของจักรวรรดินิฟล์เฮม
แต่เราก็ได้ยินข่าวลือเรื่องวีดมาเยอะมากอยู่เหมือนกัน”
“จริงหรือเปล่าที่เมืองโมราต้าเจริญรุ่งเรืองมากกว่าป้อมปราการเวนท์?”
“ราชอาณาจักรอาเพนถูกก่อตั้งขึ้นมาแล้วหรอ?....ทุกวันนี้ข้าได้ยินแต่เรื่องราวของวีดและเมืองโมราต้า
คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆสินะ”
ชาวเมืองทุกคนที่อยู่ภายในป้อมปราการเวนท์เองก็ทราบข่าวคราวเกี่ยวกับวีด
“พวกคนเร่ร่อนบอกว่าวีดกำลังสร้างประติมากรรมขนาดยักษ์
โมราต้าต้องเป็นเมืองที่น่าทึ่งมากเพราะประติมากรรมพวกนั้นแน่ๆ”
“อาหารที่พวกเรากำลังกินอยู่นี่ก็ปลูกขึ้นที่เมืองโมราต้า….ขนมปังปิ้งนี่อร่อยมากๆเลยครับ”
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
“ที่นี่เหมาะจะเป็นที่ทำงานของข้าจริงๆ”
ช่างตีเหล็กนามว่า
เฮอมาน จากเมืองคุรุโซแห่งราชอาณาจักรคนแคระ ได้เดินทางมาจนถึงเมืองโมราต้าแล้ว
เฮอมานเองก็กำลังทำภารกิจปรมาจารย์ช่างตีเหล็กเช่นกัน
และจุดหมายสูงสุดของเขาก็คือการสร้างดาบที่ดีที่สุด
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่
“โรงหลอมแห่งเฮสเทียจะช่วยฉันได้มากจริงๆ”
คุรุโซมีแร่โลหะและเหล็กคุณภาพสูงอยู่มากมาย
การดูแลจากพวกช่างตีเหล็กคนแคระก็ดีมากเช่นกัน
ราคาของอุปกรณ์ที่โรงหลอมของคุรุโซก็ราคาแพงกว่าที่อื่นๆถึง 2-3 เท่า
แม้ว่าจะมีความสะดวกสบายมากมายเหล่านั้น
โรงหลอมแห่งเฮสเทียก็ยังคงดีกว่าที่จะทำอุปกรณ์ออกมา ดังนั้นช่างตีเหล็ก 1 ใน 5 ก็พากันมาที่เมืองโมราต้ารวมถึงช่างเฮอมาน เขาไม่ได้มาที่นี่เพียงลำพัง
เขายังพาพวกพ้องช่างตีเหล็กคนแคระคนอื่นๆมาด้วยอีกมากมาย
เหล่าคนแคระเองก็ต่างกระตือรือร้นที่จะได้ออกมาเห็นโลกภายนอก
“ดินแดนแห่งนี้ดีจริงๆ
พื้นที่เรียบโล่งแถมยังกว้างขวางอีก
เราสามารถสร้างบ้านและโรงหลอมที่นี่ได้เลยด้วยซ้ำ”
“คี๊ฮ่า! เบียร์นี่รสชาตน่าทึ่งชะมัด
ฉันต้องดื่มก่อนถึงจะไปสร้างบ้านได้”
“นั่นมันเบียร์ที่หมักโดยพวกมนุษย์ไม่ใช่หรอ?”
“เจ้าไม่เข้าใจหรอกหากเจ้าไม่ได้ลอง
เบียร์นี่รสชาติดีอย่างกับเหล็กเลย”
ความว่องไวและทักษะช่างฝีมือของพวกคนแคระนั้นดีพอๆกับที่พวกเขาสามารถใช้เทคนิคในการก่อสร้าง
พวกเขาต้องการที่จะซื้อพื้นที่ติดกับโรงหลอมแห่งเฮสเทียและมีเนื้อที่กว้างขวาง
และมูลค่าขั้นต่ำของเนื้อที่ตรงนั้นเริ่มต้นที่ 4,500 เหรียญทอง!
“ค่าที่แพงชะมัดแลย!”
“ที่นี่มันไม่ใช่ถนนสายหลักซะหน่อย
ราคามันแพงแปลกๆนะ”
“แต่ว่าถ้ามันไม่ใช่ที่ตรงนั้นเราก็คงไม่ยอมซื้อหรอก…….”
เหล่าคนแคระไปที่สำนักงานการปกครองเพื่อซื้อที่ดิน
วีดพิจารณาเรื่องนี้ไว้อย่างดีแล้วในตอนที่เขาสร้างโรงหลอมแห่งเฮสเทียขึ้นมา
‘พื้นที่ตรงนี้เป็นทำเลที่ดีที่สุดเพื่อใช้ในการเติบโต’
คนอื่นๆคงไม่ได้คาดคิดถึงที่ดินตรงนั้นหรอกเมื่อตอนที่ถูกสร้างขึ้น
วีดจึงได้รับสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของที่ดินตรงนั้นและรอให้พวกคนแคระรวยๆย้ายเข้ามา เขาคิดเรื่องนี้เอาไว้แล้วตั้งแต่ตอนที่มีการก่อสร้างโรงหลอมแห่งเฮสเทีย
จบตอน
ผู้แปล :
Cole’s Myth
Editor : แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล