เล่ม
26 ตอนที่ 9 : การค้นพบเมืองแห่งแรก แปลโดย Smith
REX
เมืองแห่งแรก รัทเซเบิร์ก จากสมมติฐานที่ว่ามันเป็นสถานที่ทั้งสี่เผ่าพันธุ์รวมตัวกัน
และอาศัยอยู่อย่างสงบสุข
วีดได้เดินทางมายังโบโรนิสเพื่อค้นหาสถานที่แห่งนี้
ประกอบกับยูรินได้เคยมาเยือนยังสถานที่แห่งนี้ในงานเทศกาลก่อนหน้าพวกเขาจึงสามารถอาศัยทักษะจินตภาพเคลื่อนย้ายมายังที่แห่งนี้ได้อย่างสะดวก
'มีผู้คนอยู่ที่นี่ค่อนข้างเยอะ'
วีดเดินขึ้นไปบนที่ราบสูงโอลโกโร และมองไปรอบ
ๆ เมื่อมองไปด้านบนจะเห็นฝูงนกบินไปมา ส่วนด้านล่างสามารถมองเห็นนักเดินทาง และนักท่องเที่ยวเดินไปมา
ปลากำลังตระครุบเหยื่อทันทีที่เขาเหวี่ยงเบ็ดลงไปในแม่น้ำไทนัสอันกว้างใหญ่
"ได้ตัวใหญ่มาอีกตัวแล้ว!"
"พี่คะ ตอนนี้พี่จับได้กี่ตัวแล้ว?"
"พี่คิดว่าน่าจะมากกว่า 20
นะ!"
มันเป็นแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์
ซึ่งหากจะว่าไป มันเหมือนมีน้ำอยู่แค่ครึ่งเดียวส่วนอีกครึ่งก็เป็นปลา ! ภายในแม่น้ำนั้นเต็มไปด้วยคนตกปลาอย่างเมามัน.
ณ พื้นที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ของไอเรสในอาณาจักรไอเดิร์น
พืชพันธุ์ทุกชนิดล้วนได้รับการเพาะปลูกเพื่อเป็นแหล่งอาหารของผู้คน. เมื่อนานมาแล้วอาณาจักรไอเดิร์นได้สร้างปราสาทโบโรนิสในที่แห่งนี้
จนเกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของพวกเขา แต่เมื่อราว 200 ปีต่อมาพวกเขาก็สร้างปราสาทที่ใหญ่ขึ้น และยิ่งใหญ่กว่า บนที่ราบสูงโอลโกโร
และย้ายไปที่นั่นแทน
ปัจจุบัน ปราสาทโบโรนิสเป็นปราสาทที่ถูกทอดทิ้งและถูกดัดแปลงให้เป็นบ้านพักของนักท่องเที่ยว
"พี่แน่ใจนะว่ารัทเซเบิร์กตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งแถวๆนี้"
วีดเดินไปตามริมแม่น้ำ เขาสงสัยว่าถ้าแรงจูงใจของพวกเขาคือการป้องกันการจู่โจมจากพวกมอนสเตอร์
ฉะนั้นเมืองสมควรถูกสร้างขึ้นใกล้กับแม่น้ำ
"ตามความทรงจำของฉัน มันควรจะอยู่ใกล้
ๆ ที่นี่... "
ด้วยระยะเวลายาวนานที่ผ่านพ้นไป สถานที่แห่งนั้นควรถูกกองทรายทับถม!
ในยามเช้าวีดเหวี่ยงเบ็ดตกปลาของเขา
"ฉันควรจะใช้โอกาสนี้เพื่อเพิ่มทักษะการตกปลา"
ถ้าเขาเริ่มทำประติมากรรม มันจะดึงดูดความสนใจของผู้คน
และสิ่งเลวร้ายที่สุดก็อาจจะเกิดขึ้นนั่นคือ กิลด์เฮอมิสจะส่งคนมาไล่ล่าเขายันที่นี่
ดังนั้นในช่วงเช้าเขาจึงทำอะไรแบบธรรมดา ๆ เช่นการตกปลา
"คุณคะ ตรงนั้น ปลาไม่ติดเบ็ดหรอกค่ะ"
มีผู้เล่นหญิงได้ให้คำแนะนำแก่เขาแบบที่เป็นมิตรกลับต้องอับอาย
เพราะวีดเริ่มรั้งคันเบ็ดเย่อปลาหมุนรอกสาวเอ็นได้แบบลงตัว
"ได้ตัวใหญ่ซะด้วย มาอยู่ในกระชังซะดีๆ"
เขาจับปลาได้ตัวใหญ่จนต้องอาศัยแขนทั้งสองข้างถือเลยทีเดียว
"ฉันควรจะเอามาทำกินสักตัว?
ถ้าฉันเอาไปทอดตอนยังสดอยู่เนื้อของมันคงจะหวานน่าดู "
ถึงจะกล่าวได้ว่าแม่น้ำไทนัสนั้นเต็มไปด้วยปลาตัวใหญ่มากก็ตาม
แต่ถึงมีขนาดใหญ่แค่ไหนก็ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของวีดไปได้ ด้วยการอาศัยทักษะการตกปลาขั้นกลางเลเวล
5 ของเขา เหยื่อของเขาจึงเคลื่อนไหวแบบพิเศษภายในแม่น้ำ ด้วยการที่เหยื่อของเขาสะบัดหางว่ายไปตามกระแสน้ำช้าๆราวกับว่ามันกำลังล่อลวงปลาเหล่านั้นให้ฮุบมัน!
วีดตกปลาได้ดีกว่ามากเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ เนื่องจากปลาตัวใหญ่เหล่านั้นมักจะหลงกลและฮุบเหยื่ออย่างรวดเร็ว
มีผู้คนจำนวนมากที่พยายามทุ่มเทเพื่อยกระดับทักษะการตกปลาของพวกเขาที่แม่น้ำไทนัส
ถึงจะมีผู้เล่นอยู่ 3 คนที่มีทักษะการตกปลาขั้นกลาง แต่จำนวนคนที่จับปลาของพวกเขาได้ในการลองครั้งแรกแบบวีดนั้นมีน้อยมาก
บวกกับการใช้ทักษะงานฝีมือของเขาที่อยู่เลเวล 8 ด้วยแล้ว นับว่าการตกปลาของเขานั้นคล่องแคล่วมากเลยทีเดียว
สังเกตได้จากการเย่อปลาโดยที่เอ็นไม่ขาด
เมื่อการเพิ่มระดับการเรียนรู้ของเขาในตอนนี้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
ทักษะการตกปลาของเขาก็เพิ่มขึ้นไปถึงเลเวล 6
ทักษะการตกปลาเพิ่มขึ้นเป็นขั้นกลางเลเวล
6.
โอกาสในการตกปลาที่หายากเพิ่มขึ้นอย่างมาก
|
ค่าพลังชีวิตสูงสุดเพิ่มขึ้น
1,800 รสชาติอันลึกล้ำจะถูกเพิ่มเติมลงไปในอาหารจานปลาของคุณ
|
ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น
35
|
ความอดทนเพิ่มขึ้น
4
|
ความอึดเพิ่มขึ้น
3
|
คุณได้รับฉายา
'นักตกปลาติดหนึบ '
(Tenacious Fisherman)
|
เมื่อพำนักอยู่ในที่เดียวเป็นเวลานานผลของทักษะการตกปลาจะเพิ่มขึ้น
4%
|
ลดปริมาณการใช้แรงกายลง
|
แม้แต่ในช่วงเวลากลางคืน บริเวณแม่น้ำไทนัสก็ยังคับคั่งไปด้วยนักตกปลา
ดังนั้นวีดจึงต้องทำการขุดค้นแบบลับๆ
"มามะ ศิลปวัตถุใดก็ได้ ขอเพียงมันโผล่ขึ้นมาให้เห็น
ขอให้แกโผล่มาตรงไหนก็ได้ อะไรก็ได้ขอให้มีราคา
แกต้องอยู่แถวนี้แน่นอน . "
ถ้าเขากำลังจะหาของที่ตกทอดมาจากรัทเซเบิร์ก
มันจะต้องดีที่สุดของของเก่าแก่ที่สุด! มันไม่ใช่เพราะภารกิจซะทั้งหมด
วีดกำลังหิวกระหายด้วยความโลภ
หลุมที่วีดกำลังขุดอย่างลับๆภายใต้ความมืดยามค่ำคืน
หลุมนั้นมีความลึกอย่างแท้จริง ด้วยการอาศัยทักษะที่เขาได้รับมาจากการใช้เวลาจำนวนมากในการขุดที่ลาสฟาลั้งค์
"ถ้าฉันไม่ได้เรียนรู้การตกปลาหรือการทำเหมืองแร่
ฉันคงจะถอดใจไปแล้ว."
ด้วยการเปิดประตูแห่งความทุกข์ทรมานและความยากลำบากหลายต่อหลายครั้งยามก่อนหน้านี้
นี่มันก็เหมือนกับของเด็กเล่น!
ถ้าเขาเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขาทำในลาสฟาลั้งค์ก็เหมือนกับการแบกอิฐแล้ว
กับสิ่งที่เขาทำในตอนนี้ก็คงเป็นเพียงการโบกสัญญาณไฟจราจรเท่านั้น
วีดอยู่ในพุ่มไม้หนาและใช้จอบของเขาขุด
เขาขุดทรายที่ทับถมอยู่ในแม่น้ำ
คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่จะหาสถานที่ที่ควรจะเป็นที่ตั้งรัทเซเบิร์กนั้นในจุดที่ดูเหมือนจะไม่ใช่จุดตกปลาที่ดี
นอกจากนี้ด้วยการที่ผู้คนกระจัดกระจายอยู่ทั่วตามแนวแม่น้ำไทนัสอันกว้างใหญ่ไพศาลจึงไม่มีใครสังเกตเห็น
ด้วยการทำเช่นนี้ทักษะการตกปลาและการทำเหมืองแร่จึงเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน
"คงจะจริงอย่างที่พวกเขาพูดกันว่า
ประติมากรต้องมีความสามารถในทุกๆด้าน."
ในขณะที่อ้อมไปอ้อมมาด้วยความบังเอิญในช่วงเช้า
บางสิ่งก็ติดเบ็ดและทุ่นตกปลาของวีดก็เกิดปฎิกิริยา
"ปลารึเปล่า?"
จากลักษณะของทุ่นที่จม ยืนยันได้ว่ามันไม่น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต
ในขณะที่นักตกปลาที่มีความเชี่ยวชาญจะตัดเอ็นออก วีดฉุดกระชากประมาณ 10 นาทีก่อนที่จะดึงมันขึ้นมาได้ในที่สุด ขณะที่วีดใช้เอ็นตกปลาที่เขาทำขึ้นเองด้วยทักษะการตัดเย็บซึ่งมีความทนทานสูงกว่าที่มีขายอยู่ตามตลาดบนท้องถนน
มันจึงมีความเป็นไปได้ที่เขาจะสามารถกู้มันขึ้นมาได้
ติ้งงง !
โบราณวัตถุเก่าแก่
ค้อนหินได้ถูกตกขึ้นมาจากแม่น้ำไทนัส
|
โชคเพิ่มขึ้น
1
|
ทักษะการตกปลาเพิ่มขึ้น
|
"ค้อนหินหนึ่งอันกลับเพิ่มการเรียนรู้ของฉัน
... สิ่งนี้คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไป ตรวจสอบ!"
ค้อนหินที่แตกร้าว
: ความคงทน 7/19 พลังโจมตี 2 ~ 9
|
ค้อนที่ทำมาจากก้อนหินที่แตกหัก
|
มันให้รู้สึกว่าสามารถนำไปใช้ในการล่าสัตว์ได้
|
ข้อ
จำกัด : ไม่มี
|
คุณสมบัติเพิ่มเติม
:
เมื่อออร์ค ใช้ค้อนนี้ พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้น 20%
|
"นี่มัน !"
โบราณวัตถุที่ไม่อาจเทียบกับสิ่งที่เขาคาดหวังไว้
แต่สิ่งที่วีดรับรู้ได้อย่างแน่นอนคือการยืนยันว่ารัทเซเบิร์กนั้นต้องอยู่ที่นี่
โดยปกติแล้วเขาจะโยนมันทิ้งไปราวกับว่ามันเป็นหินไร้ประโยชน์ ค้อนที่ไม่สามารถแม้แต่จะนำไปขายเป็นแจปเท็ม
แต่เขากลับเก็บมันไว้อย่างดี
"ใครจะรู้ล่ะว่าฉันจะสามารถขายมันเป็นของที่ระลึกได้ไหม"
วีดเริ่มมีเกิดความรู้สึกคาดหวังกับการตกปลาในตอนเช้าของเขาในแบบใหม่
นั่นคือความเป็นไปได้ในการตกวัตถุโบราณอย่างตอนนี้ เขาไม่ได้ตกปลาเพียงอย่างเดียวในแม่น้ำไทนัสในขณะที่ทำการตกปลาไปทั่วๆ
เขากำลังตกปลาอยู่ที่ใจกลางจุดที่เคยเป็นเมืองรัทเซเบิร์ก
!
เขาค้นพบโล่ทองแดง ลูกศรหัก เครื่องปั้นดินเผา
และจานชาม ในขณะที่ส่วนใหญ่นั้นไร้ประโยชน์
บางอย่างมีร่องรอยว่าถูกสร้างขึ้นโดยคนแคระอย่างเห็นได้ชัด
"ฉันจำเป็นต้องขุดลงไปบริเวณนี้เท่านั้น!"
ในตอนเช้า แววตาของวีดเต็มไปด้วยความสุขในขณะที่เขากำลังตกปลา
และในตอนกลางคืนเขาฮัมเพลงโหยหวนในตอนที่เขาขุด
"ยิ่งฉันขุด ฉันก็ยิ่งรวย
เงินเอย ข้าวเอย โอ้ว ... วันนี้ฉันจะกลายเป็นคนรวยแล้ว! "
เหมือนเสียงคนหูหนวก โน้ตของเขายืดยาว
ด้วยการฮัมเพลงแบบไร้จังหวะ เสียงที่ออกมานั้นมันเริ่มกลายเป็นเสียงโหยหวนที่คล้ายกับว่ามันดังมาจากป่าช้า
'นี่เป็นเมืองแห่งแรก ฉันแน่ใจว่าต้องมีไอเทมมากมายฝังอยู่แน่นอลลล
บางทีฉันอาจจะพบสุสานขนาดใหญ่ที่มีทองงง เงินนน
และสมบัติภายในน้านนน ... ... '
ความฝันของโจรปล้นสุสาน !
แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย
หลังจากขุดไปได้หลายวันสิ่งเดียวที่เขาขุดขึ้นมาคือ หินและทราย,
สมบัติที่เขาต้องการล้วนไม่มีให้เห็นเลย
ซึบซับซึบซับ !
ด้วยความคาดหวังที่จะได้ของตอบแทนชิ้นใหญ่
จึงทำให้วีดยังคงขุดต่อไป การทุ่มเทแรงกายของเขาลงไปในการขุด จนในที่สุดเขาก็ค้นพบประติมากรรมที่แกะสลักมาจากหิน!
ถึงแขนและขาจะหายไป แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นรูปร่างของออร์ค
"ตรวจสอบ !"
วีดใช้ทักษะความทรงจำแห่งประติมากรรม
*****
"ทั้งหมดล้วนต้องขอบคุณเจ้าที่ทำให้พวกเราสามารถขับไล่พวกมอนสเตอร์กลับไปได้อีกครั้ง
และอยู่อย่างปลอดภัย"
“ชวิค! ข้าได้ทำในสิ่งที่ข้าต้องทำ ในนามนักรบอัลชิ ข้าไม่ต้องการคำสรรเสริญใด ๆ ชวิค.”
"โอ้ใช่ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีลูกชายสินะ?"
"เขาถอดแบบมาจากข้า
โดยเฉพาะหัวโตๆนี่ ข้ามีความสุขเหลือเกิน ชวิค ชวิค!”
"อัลชิ ข้าได้ลองพยายามทำรูปแกะสลักของลูกชายคนที่เจ็ดของเจ้า
เอาสิ่งนี้กลับบ้านไปสิ "
อัลชิเป็นออร์คที่มีร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและรอยสัก
เขามองไปที่รูปแกะสลักที่ถูกมอบให้กับเขา มันเป็นรูปแกะสลักของออร์คที่ยังเด็ก และออร์คที่โตเต็มวัย
มันเป็นชะตากรรมของออร์คที่จะกลายเป็นออร์คที่โตเต็มวัยเพียงชั่วพริบตาและถูกกลืนเข้าไปในสนามรบ
สำหรับพวกเขารูปแกะสลักเป็นดั่งตัวแทนให้พวกเขาจดจำครอบครัวของพวกเขาได้จึงถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่มีค่ามากที่สุดของพวกเขา
"ขอบคุณ ข้าจะดูแลมันอย่างดี
ชวิค!”
เขากำรูปแกะสลักนั้นไว้ในอุ้งมือที่เต็มไปด้วยขนของเขา
อัลชิโค้งคำนับก่อนจะออกจากห้องทำงานของคนแคระไป
บนท้องถนนรัทเซเบิร์ก มีเด็กๆชาวมนุษย์ที่เติบโตช้ากว่าเผ่าพันธุ์อื่นกำลังวิ่งเล่นอยู่รอบ
ๆ
"สวัสดีครับ คุณอัลชิ !"
"ท่านล่ามอนสเตอร์มาได้จำนวนมากในครั้งนี้ใช่ไหมฮะ
? ท่านพ่อฝากข้ามาบอกว่า ขอบคุณท่านมากจริงๆ .”
"พวกเราภาคภูมิใจที่ท่านได้มาอยู่กับพวกเรา
อัลชิ "
มนุษย์นั้นปฏิบัติกับออร์คด้วยความเป็นมิตร
เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาอยากผูกสัมพันธ์ด้วยการพูดคุย อัลชิจะหยุดคุยด้วยสักครู่ก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับบ้าน
ในฐานะที่พวกออร์คนั้นต้องออกไปสู้รบบ่อยครั้ง พวกเขาจึงอาศัยอยู่ในเขตชานเมือง
"โอ้ มาเร็ว ๆ ชวิค ชวิค !”
ออร์คตัวเมีย จุยชิ ออกมาต้อนรับเขาที่บ้าน
อัลชิกอดเธอก่อนที่จะเข้าไปข้างใน
อัลชิมีครอบครัวที่ใหญ่
เพียงแค่ทำการนับแค่ลูกชายของเขาก็มีถึง 13 คนแล้ว เฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่ในบ้านจึงไม่ค่อยมีความเหมาะสมเท่าไหร่
พวกมันเอาไว้เป็นเพียงแค่ของตกแต่งเท่านั้น
เมื่อมองไปที่ใกล้ประตูจะเห็นรูปแกะสลักแขวนอยู่กับเชือก
มนุษย์ และพวกเอลฟ์เพาะปลูกทำไร่ทำนา
และทำงานก่อสร้างในเมือง คนแคระสร้างอาวุธและเกราะให้กับออร์ค ออร์คสละชีวิตเพื่อปกป้องเมืองกับพวกมอนสเตอร์ที่อาจโจมตีพวกเขา
ออร์คเป็นแนวป้องกันสุดท้าย ถ้าหากพวกเขาล้มเหลว มนุษย์ เอลฟ์และคนแคระ ทุกคนจะพินาศ
ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บมากแค่ไหนในการสู้รบ พวกเขาก็ไม่เคยถอย
บุตรชายของอัลชิเติบโตขึ้นและเปิดประตูที่แขวนรูปแกะสลักอยู่และออกไปสู่โลกภายนอก
หนึ่ง สอง…ไม่เคยหวนกลับมาที่แขวนรูปแกะสลักก็มีรูปแกะสลักมาแขวนเพิ่มมากขึ้น
ออร์คที่แบกรับความยากลำบากของพวกเขา
และยังคงขยายเผ่าพันธุ์จากรุ่นสู่รุ่น ในตอนนั้นเอง มนุษย์ เอลฟ์ และคนแคระก็เริ่มมีความก้าวหน้า
และพัฒนาตัวขึ้น
มนุษย์ไม่เพียง แต่มีความชำนาญด้านการทำฟาร์มเท่านั้น
แต่ยังทำงานประดิษฐ์อาวุธ ในขณะที่ความแข็งแกร่งของมนุษย์อาจไม่สามารถเทียบเท่ากับออร์คที่ติดตัวพวกมันมาตั้งแต่เกิด
แต่พวกเขาสามารถเอาชนะได้ด้วยความเข้าใจที่เหนือกว่าของพวกเขา และการอาศัยมานา
เมื่อเอลฟ์เริ่มทำคันธนูของพวกเขาขึ้นมา และทำสัญญากับพวกจิตวิญญาณ พวกเขาไม่จำเป็นต้องการการป้องกันจาก
ออร์ค คนแคระก็เริ่มพัฒนาอาวุธ และชุดเกราะของพวกเขา ด้วยความคมของอาวุธและความแข็งแรงของชุดเกราะทำให้พวกเขาไม่กลัวมอนสเตอร์อีกต่อไป
มันก็มาถึงจุดแตกหักในสถานที่ที่ทั้งสี่เผ่าพันธุ์ไม่สามารถต่อสู้ร่วมกันกับแต่ละเผ่าพันธุ์ได้
รูปแกะสลักได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ
จากโลกที่อยู่รอบตัวมัน
"มนุษย์ไม่เคารพพวกเรา ชวิคชวิคชวิค!”
"ออร์คกินจุมากเกินไป!
ไม่ว่าเราจะเพาะปลูกมากแค่ไหน มันก็ละลายเข้าสู่ท้องของพวกออร์ค พวกเราไม่มีอาหารเพียงพอสำหรับตัวของพวกเราเอง
"
"อีกนานแค่ไหนกันที่ต้องให้เอลฟ์อย่างพวกเราคอยแนะนำเผ่าพันธุ์ต่างๆ
ที่โง่เขลาไม่ทราบถึงพลังแห่งธรรมชาติ?"
"พวกเขาไม่ใส่ใจในการดูแลอุปกรณ์ที่พวกเราสร้างขึ้น
หากปราศจากฝีมือของคนแคระในการจัดการแร่โลหะ พวกเขาไม่สามารถที่จะต่อสู้ หรือทำฟาร์มได้อย่างดีเช่นนี้
ข้าโกรธมากเมื่อได้เห็นพวกโง่ใช้เครื่องมือที่พวกเราสร้างขึ้นมาโดยไม่ใส่ใจดูแลเลย
! "
ความวุ่นวายปะทุขึ้นระหว่างทั้งสี่เผ่าพันธุ์
เผ่าออร์คออกจากเมืองก่อนเป็นพวกแรก มันเป็นเพราะความสามารถของพวกมันในการขยายเผ่าพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
นั่นจึงทำให้พวกมันพบว่าคงเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกมันที่จะอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวตลอดไป
ในขณะที่พื้นที่ห่างไกลจากรัทเซเบิร์กยังคงมีมอนสเตอร์เพ่นพ่านไปทั่ว
เจ้าแห่งออร์คผู้กล้าหาญได้นำตระกูลของตนไปสู่ที่ตั้งถิ่นฐานแห่งใหม่
ไม่นานหลังจากที่เผ่าออร์คจากไป
เผ่าเอลฟ์ก็จากตามไปด้วย
การอาศัยอยู่ในป่านับว่าเป็นความปรารถนาอันแรงกล้าของพวกเขา
เป็นช่วงเวลาหนึ่ง นานหลังจากการจากไปของเผ่าพันธุ์ต่างๆ
มนุษย์ และคนแคระยังคงอยู่ร่วมกันด้วยความจำเป็น แต่เมื่อคนแคระมีความก้าวหน้าในทักษะการตีเหล็ก
พวกเขาก็จากไปอยู่ในภูเขาเพื่อค้นหาแร่ธาตุมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อยกระดับทักษะของพวกเขา
มนุษย์พยายามดิ้นรนอยู่สักพักหนึ่งหลังจากที่พวกเอลฟ์จากไปจนทำให้การเก็บเกี่ยวของพวกเขาลดลงครึ่งหนึ่ง
แต่การได้เรียนรู้เทคนิคการฟาร์มจากพวกเอลฟ์ พวกเขาจึงสามารถเพิ่มผลผลิตพืชผลได้จนถึงระดับก่อนหน้านี้อีกครั้ง
อีกทั้งพวกเขายังเคยปรึกษาหารือกับพวกคนแคระให้ทำการสร้างป้อมและกำแพง เพื่อเตรียมต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่จู่โจมเข้ามา
ดังนั้นในวันสุดท้ายของรัทเซเบิร์ก จึงหลงเหลือแต่เพียงเผ่ามนุษย์ที่ยังคงอาศัยอยู่ในเมืองเท่านั้น
แต่ด้วยการที่เมืองถูกสร้างขึ้นมาจากการผสมผสานในการวางแผนร่วมกันของทั้งสี่เผ่าพันธุ์
มนุษย์พบว่ามันยากที่จะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางเมืองที่มีบ้านอยู่มากมายหลายหลัง และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สร้างขึ้นมาสำหรับแต่ล่ะเผ่าพันธุ์ก็แตกต่างกัน
ในท้ายที่สุด มนุษย์ก็ละทิ้งรัทเซเบิร์ก
และออกไปสร้างอาณาจักรของตนเอง
เมืองแห่งแรกถูกทอดทิ้งจากทั้งสี่เผ่าพันธุ์
หลังจากหลายทศวรรษแม่น้ำไทนัสเริ่มท่วม และรัทเซเบิร์กก็ค่อยๆถูกกวาดหายไป
นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมที่ราบใหญ่ไอเรสจึงมีความอุดมสมบูรณ์มาก
เวลาผ่านไปก็เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่
ด้วยการที่เป็นเมืองร้าง สิ่งปลูกสร้างต่างๆ จึงถูกกวาดหายไปตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากรุนแรง
กระแสน้ำพัดพาก้อนหิน และต้นไม้ ดินโคลนถับถมลงบนพื้นดินพร้อมกับสายฝนแม่น้ำและการผ่านไปของเวลาอาคารบ้านเรือนหายไปอย่างสมบูรณ์และรัทเซเบิร์กก็จมลงและถูกฝังอยู่
ประติมากรรมของลูกชายคนที่ของอัลชิถูกเก็บรักษาไว้ใต้หินขนาดใหญ่
*****
เมือง
รัทเซเบิร์ก เสร็จสมบูรณ์
|
การค้นพบประวัติศาสตร์ของ
รัทเซเบิร์ก!
|
การค้นพบนี้จะทำให้นักประวัติศาสตร์ต้องเขียนประวัติศาสตร์ของมนุษย์
คนแคระ เอลฟ์ และออร์ค ขึ้นมาใหม่หมด เมื่อรายงานการค้นพบนี้แด่ราชอาณาจักร หรือตัวแทนของแต่ละเผ่าพันธุ์
คุณจะได้รับการกล่าวขวัญ และความสำเร็จของคุณจะถูกเก็บบันทึกเอาไว้
|
รางวัลภารกิจ
:
การรายงานเรื่องนี้ต่อราชอาณาจักร หรือตัวแทนของแต่ละเผ่าพันธุ์ คุณจะได้รับรางวัลสำหรับความสำเร็จของคุณในภารกิจนี้
ถ้าคุณกลับไปหาเอลฟ์เรนเดเรีย คุณจะได้รับรางวัลเพิ่มเล็กน้อยในหัวข้อภารกิจถัดไป
|
ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น
4,300
|
เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น
|
เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น
|
ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น
4
|
คุณได้เรียนรู้ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์แล้ว
จากการผ่านประสบการณ์พิเศษนี้จึงทำให้ค่าสติปัญญาและภูมิปัญญา
|
เพิ่มขึ้น
5
|
การสำรวจนี้ทำให้ทักษะการทำเหมืองแร่ของคุณเพิ่มขึ้น
1
|
"ฉันไม่รู้ว่านี่เป็นเพราะมันเป็นภารกิจระดับปรมาจารย์หรือเปล่า
แต่ผลตอบแทนจากภารกิจนั้นช่างน่าตื่นตาตื่นใจ.”
ถึงแม้เลเวลของวีดจะสูงกว่า 400 แล้วก็ตาม แต่ค่าประสบการณ์ที่เขาได้รับในภารกิจนี้ก็มากมายซะจนทำให้เลเวลของเขาเพิ่มขึ้นถึงสองเลเวล
ถ้าเลเวลของเขาต่ำกว่านี้ เลเวลของเขาคงจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 10 เลเวลในครั้งเดียว มันเทียบเท่ากับตอนที่เขาเอาชนะลิซไชร์ และกองทัพอันเดธของมันในเวลานั้น
"ฉันแน่ใจว่าภารกิจปรมาจารย์แห่งประติมากรคงจะจบลงหลังจากนี้ไม่มากนัก
ถ้าภารกิจต่อเนื่องช่วงตอนกลางมันให้รางวัลระดับนี้ แล้วรางวัลในตอนจบจะดีขนาดไหนกันนะ
?”
ปรากฏรอยยิ้มอันชั่วร้ายบนใบหน้าของวีด
การค้นพบเมืองรัทเซเบิร์กเจอเป็นคนแรก ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ทำภารกิจปรมาจารย์แห่งประติมากรในภายหลังจะไม่ได้รับรางวัลใหญ่เช่นนี้
เพราะการเป็นผู้บุกเบิก รางวัลนั้นควรสมน้ำสมเนื้อ
"ไม่ต้องสงสัยเลย
หากว่ามีผู้ใดเดินก้าวนำหน้าผู้อื่นอยู่หนึ่งก้าวท่ามกลางพายุหิมะ มันเป็นย่างก้าวที่นำทางและกลายเป็นแนวทางสำหรับคนที่อยู่เบื้องหลัง
"
ในขณะที่เขาคิดในแง่บวก จิตใจของวีดก็แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิดอันชิงชัง
"ฉันต้องแน่ใจว่าเก็บของดีมาจนเกลี้ยงแล้วในตอนที่ฉันยังคงนำหน้าอยู่
ใครจะรู้ว่าจะมีแจ๊คพ็อตแบบไหนเหลือให้ไอ้พวกมาทีหลังเก็บกวาดออกไปได้อีก
"
ผู้บุกเบิกคนเดียวเท่านั้นที่สามารถผูกขาดภารกิจ
และสมบัติได้!
หลังจากค้นพบรัทเซเบิร์ก วีดกลับไปที่หมู่บ้านเอลฟ์ด้วยการอาศัยทักษะจินตภาพเคลื่อนย้ายของยูริน
*****
กองกำลังของกิลด์เฮอมิสกำลังต่อสู้อยู่ในหมู่บ้านปาฟรัวในป่าแห่งชีวิต
กิลด์เฮอร์มิสทุ่มกำลังเต็มที่ในการทำลายล้างหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ แต่ด้วยการปกป้องจากเวทมนตร์ของหมู่บ้านเอลฟ์ที่คอยคุ้มครองอยู่
จึงทำให้ศึกของพวกเขายืดเยื้อออกไป ซึ่งในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องสู้กับจิตวิญญาณแห่งผืนป่า
และต้นไม้ที่คอยขัดขวางการเดินทัพของพวกเขา แม้แต่มอนสเตอร์ และสัตว์ต่างก็ออกมาโจมตีใส่พวกเขา
เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายกับกองกำลังของพวกเขา
ในช่วงตอนกลางของการสู้รบในป่าแห่งชีวิต
เหล่านักรบเอลฟ์ได้มาถึง และเริ่มต่อสู้ขับไล่ผู้รุกราน แม้ว่าจะเป็นกิลด์เฮอมิสที่พอจะอวดเบ่งได้
แต่ภายใต้ลูกธนูของเอลฟ์ที่ถูกยิงออกมาจากต้นไม้ และบวกกับการโจมตีด้วยเวทมนตร์ของชาแมนที่ระดมยิงใส่เข้ามานั้น
จึงทำให้ความพยายามที่จะชนะโดยอาศัยเพียงการโจมตีของพวกเขาคงไม่สามารถแม้แต่จะเข้าไปในหมู่บ้าน
และได้แต่เพียงต่อสู้หลบหนีพวกเอลฟ์เท่านั้น
บรรดาผู้เล่นไม่พอใจกับเหตุการณ์นี้
"ไอ้พวกบัดซบ กิลด์เฮอมิส
มันกัดไม่ยอมปล่อยเลย "
"พวกเขายังพอใจกับอาณาจักรคัลลามอล์อีกหรือ
ใยต้องมารบกวนเผ่าเอลฟ์ด้วยกันเล่า?"
"แค่ได้เห็นพวกคนเลวนั้นก็ทำให้ฉันโกรธมากขึ้นทุกวัน
ตอนนี้ฉันจะไม่ออกไปจากหมู่บ้าน "
วีดเดินเข้ามาตรงทางเข้าหมู่บ้านที่เฝ้าโดยเอลฟ์
นักรบเอลฟ์เคร่งครัดในการเฝ้าระวังของพวกเขา ขณะที่กองกำลังของกิลด์เฮอมิสต้องถอยทัพ
พักอยู่ห่างจากหมู่บ้านเป็นระยะทางพอสมควร
"ข้ากลับมาพร้อมกับการค้นพบรัทเซเบิร์ก
ประติมากรรมนี้และสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้คือหลักฐานการค้นพบของข้า
"
วีดรายงานความสำเร็จของเขาให้แรนเดเลียรับทราบ
"ช่างน่าประหลาดใจนัก,
ของตกทอดเก่าแก่เช่นนั้นยังคงเหลืออยู่ ... ... "
โบราณวัตถุที่นำมาแสดงให้แรนเดเลียได้เห็นคือ
ค้อนหิน อุปกรณ์เสริมที่ทำจากฟัน และชิ้นส่วนของหม้อดินเผา สิ่งเหล่านี้คือไอเทมที่ไม่มีใครต้องการ
แต่พวกมันกลับมีประวัติอันยาวนานบรรจุอยู่ภายในพวกมัน
" ข้าไม่เคยคาดคิดเลยจริงๆว่าเจ้าจะหารัทเซเบิร์กจนพบจากเรื่องราวที่ข้าเล่า
ตัวข้านั้นไม่มีอะไรมากมายนัก สิ่งที่ข้าจะสามารถตอบแทนเจ้าได้ แต่ ... "
วีดถอนหายใจเล็กน้อย เขาได้หยิบผลไม้จากต้นไม้จนเกือบหมดแล้ว
ดังนั้นจึงควรไม่มีอะไรมากที่เขาจะได้รับจากแรนเดเลีย ถ้าเขาไปที่อาณาจักรอื่น ๆ
ในทวีป หรือหาตัวแทนของสักเผ่าพันธุ์หนึ่ง เขาอาจจะได้รับรางวัลใหญ่
"นี่ ข้าจะมอบแผนที่นี้ให้แก่เจ้า"
คุณได้รับแผนที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับป่าแห่งชีวิต
|
มีเครื่องหมายแสดง หมู่บ้านเอลฟ์
รังมอนสเตอร์ พุ่มไม้ และสถานที่ที่เป็นแหล่งสมุนไพร.
"ขอบคุณ. ข้าจักเก็บรักษามันไว้อย่างดี
"
วีดคิดว่ามันเป็นรางวัลภารกิจที่ดี
ป่าแห่งชีวิตมีพื้นที่กว้างใหญ่ ผู้เล่นที่เล่นเป็นเอลฟ์มักจะหลงทาง ด้วยการอาศัยรายละเอียดในแผนที่
การผจญภัยย่อมกลายเป็นเรื่องง่ายดายในพื้นที่นี้.
"แต่การได้เห็นรูปแกะสลักในสภาพเช่นนี้
ช่างน่าเศร้านัก "
แรนเดเลียมองอย่างเศร้าๆที่วัตถุโบราณที่สภาพน่าเวทนาหลังจากเวลาผ่านมายาวนาน
"ข้าเชื่อว่าประวัติศาสตร์ของรัทเซเบิร์กเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องรู้
ถ้าเราสามารถฟื้นคืนรูปแกะสลักกลับมาในสภาพเดิมได้ ข้าคิดว่ามันสามารถเป็นของขวัญที่ดีสำหรับพวกออร์ค.
"
ติ๊งงง !
ประติมากรรมของบุตรคนที่เจ็ดของออร์ค
|
ออร์คมากมายได้หลั่งเลือดเพื่อรัทเซเบิร์ก
หากปราศจากการเสียสละอันสูงส่งของพวกเขา มันคงจะเป็นไปได้ว่า มนุษย์, คนแคระ และเอลฟ์ มิอาจรอดชีวิตได้ จงบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้เหล่าออร์คใด้รับรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในรัทเซเบิร์ก
! ถ้าท่านสามารถฟื้นฟูประติมากรรมกลับสู่สภาพเหมือนเดิม
มันสามารถกลายเป็นของขวัญที่มอบตอบแทนบุญคุณแด่ออร์ค
|
ความยาก
: ภารกิจปรมาจารย์ประติมากร
|
ข้อจำกัดของภารกิจ
:
ทักษะการแกะสลักต้องถึงขั้นสูงเลเวล 8
|
ต้องมีความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกับเผ่าออร์ค
|
"ข้าจะบอกเล่าเรื่องราวแห่งความจริงของออร์คที่เกิดขึ้นในรัทเซเบิร์ก"
แล้ววีดก็ออกจากหมู่บ้านเอลฟ์ไป
*****
"ข้าไม่อยากเชื่อเลย ว่าจะมีเรื่องราวไร้สาระแบบนี้เกิดขึ้น! "
ทุกคนในทวีปเวอร์เซลล์ ชาวบ้านกำลังเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องราวบางอย่าง
"เจ้าได้ยินไหม ? มนุษย์ เอลฟ์ และคนแคระเคยอาศัยอยู่ร่วมกันกับบรรพบุรุษของออร์คในอดีต
"
"เห็นอยู่ว่านี่มันคือการค้นพบอันยิ่งใหญ่จนพวกเราต้องเขียนหนังสือประวัติศาสตร์ใหม่
แม้แต่คนปัญญาอ่อนเช่นเจ้าก็ยังเคยได้ยินเกี่ยวกับมัน! การค้นพบโดยนักผจญภัยประติมากรวีด
!"
"มีเพียงวีดเท่านั้นที่สามารถค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้แผ่นดินสะเทือนเช่นนี้
! ไม่ว่าจะเป็นภารกิจที่ยากขนาดไหน พวกเราสามารถไว้วางใจเขาได้ พวกเราอาจต้องจ่ายเงินให้เขาเป็นจำนวนมาก
แต่มันจะคุ้มค่ากับเงินทุกบาททุกสตางค์ ”
ขณะที่วีดประสบความสำเร็จในภารกิจขนาดใหญ่ต่างๆ
บรรดาผู้เล่นคนอื่น ๆ ต่างก็เต็มไปด้วยความอิจฉา
"อา, เมื่อไหร่ที่ฉันจะทำภารกิจได้อย่างนั้นบ้าง?"
"ฉันคิดว่าภารกิจครั้งนี้เป็นบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่
บางสิ่งที่ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับมนุษย์เท่านั้น แต่รวมถึงออร์ค , เอลฟ์ และคนแคระด้วย "
" ด้วยเหตุนี้ ชื่อเสียงของวีดจะกระจายไปสู่ทั้งสี่เผ่าพันธุ์
"
หลังจากการค้นพบเรื่องราวเกี่ยวกับทั้งสี่เผ่าพันธุ์
ความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าพันธุ์เริ่มดีขึ้น
"มีค่าตอบแทนที่ข้าต้องการมอบให้แก่เหล่าคนแคระ
ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะยอมรับหรือไม่ แต่เจ้าสามารถช่วยนำดาบเจ็ดเล่มที่ทำจากคนแคระมาได้ไหม
? "
"เมื่อเร็ว ๆ นี้ ข้าได้เห็นมอนสเตอร์หลายตัวซุ่มซ่อนอยู่ในป่า
คงมีเพียงมนุษย์ที่สามารถจัดการมันได้ คงจะช่วยได้มาก ... ถ้าเจ้าสามารถนำคำขอนี้ไปหาพวกมนุษย์
ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างเต็มที่ "
ความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าพันธุ์เริ่มแน่นแฟ้น
และภารกิจระหว่างเผ่าพันธุ์เริ่มเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ยากลำบากขึ้นมา
พวกเอลฟ์มักจะพยายามจัดการมันด้วยตนเอง ส่วนของออร์คด้วย ความภาคภูมิใจ และอัตตาของพวกเขาจึงไม่มีใครต้องการพูดคุยกับพวกคนแคระ
แต่ตอนนี้ประตูภารกิจระหว่างเผ่าพันธุ์ได้เปิด กว้างขึ้น
ในมุมของวีด
ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จัก และประสบความสำเร็จจนไม่อาจมีผู้ใดเปรียบ เขาสามารถรับภารกิจของเผ่าพันธุ์ไหนก็ได้
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับจุดยืนของเขามากนัก แต่กับผู้เล่นมันคือแบบอย่างที่นำพาพวกเขาก้าวตาม
ชาวบ้านยังคงซุบซิบกันในหมู่พวกเขา
"มันน่าทึ่งมากที่วีดได้ค้นพบตำแหน่งที่ตั้งของเมืองที่ทั้งสี่เผ่าพันธุ์เคยอาศัยอยู่ร่วมกัน
ข้าได้ยินมาว่า เขารายงานการค้นพบของเขาแด่กษัตริย์แห่งอาณาจักรไอเดิร์น ผลตอบแทนในครั้งนี้คืออาณาจักรไอเดิร์นย่อมจะมอบตำแหน่งให้เขาเป็นเคาท์ในโมราต้า
และมอบดาบแห่งผู้ปกครอง ข้าได้ยินเรื่องนี้มาจากยาม ดังนั้นมันต้องเป็นเรื่องจริงแน่นอน
"
"ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่เขาได้มอบผลงานให้กับราชาด้วยตัวเขาเอง ณ
ลานราชวงศ์ เขาก็บินจากไปด้วยการขี่ไวเวิร์น นั่นเป็นฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจ ... ..
แค่นึกถึงมันก็ทำให้หัวใจของข้ารู้สึกตื่นเต้นแล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะงานของข้าในฐานะที่เป็นคนทำขนมปัง
ข้าจะออกเดินติดตามเขาไปในทันที "
“มันดูเหมือนว่าเขายังรายงานการค้นพบของเขาไปยังราชอาณาจักรบาคุมา, ราชอาณาจักรฮารูกัน และสหพันธรัฐบริทเท่น มันดูเหมือนว่าเขาคงจะได้รับรางวัลไม่น้อย
สำหรับความพยายามของเขา "
"เจ้าได้ยินไหม? วีดยังคงเดินทางไปยังอาณาจักรริทเท่น เขาทำประติมากรรมสำหรับราชาในบางครั้งที่กลับมาเยือน
และเห็นได้ชัดว่าพวกเขากลายเป็นคนรู้จักใกล้ชิดกัน
ราชาต้อนรับเขาเป็นการส่วนพระองค์ และร้องขอให้สร้างรูปแกะสลักของราชินี เจ้าชาย และทั้งครอบครัว
"
"ราชาทุกองค์ในทวีปทั้งหมดล้วนขอให้มีรูปแกะสลักที่ทำโดยประติมากรวีด
ผู้ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับทั่วทั้งทวีปอย่างต่อเนื่องด้วยการผจญภัยของเขา
"
*****
“มออออออออออออออออออ!”
จากการได้รับโอกาสในการมีอิสรเสรีอันยาวนาน
เจ้าเหลืองมีความสุขกับเวลาว่างที่เติมเต็มในหัวใจของมันด้วยการเดินเตร็ดเตร่ไปรอบๆโมราต้า
ด้วยความสง่างามของมันจากเขาที่งอกออกมา ร่างกายกำยำจากกล้ามเนื้อ และความแข็งแรงในรูปร่างของมัน
รูปลักษณ์ของมันที่ปรากฏออกมานั้นไม่อาจมีวัวตัวใดเทียบเคียงได้
“มออ!”
มีวัวสาวหลายตัวมองมาที่เจ้าเหลืองด้วยสายตากลัดมันเหมือนอยากจะฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ
หลังจากที่วีดมอบชีวิตให้กับเจ้าเหลือง ก็มีการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันในจำนวนประชากรวัวในโมราต้า
แม้แต่วัวที่เพิ่งแตกเนื้อสาว อีกทั้งยังเด็กเกินไป และพวกมันยังไร้เดียงสาก็ต่างจ้องมองไปที่เจ้าเหลืองด้วยความปรารถนา
"ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าทำไมพวกชาวบ้านมักจะกล่าวว่าโลกนี้เป็นสถานที่อันงดงาม’
เจ้าเหลืองเดินวางมาดอย่างมั่นใจไปรอบๆโมราต้า
เฉกเช่นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของเหล่าวัวทั้งหลาย
แม้ว่าจะมีบางครั้งที่มีวัวตัวอื่นเข้ามาท้าทายเจ้าเหลือง
เขาก็ไม่ได้ซ่อนตัวแต่เผชิญกับมัน เข้าปะทะชนกันด้วยเขาบนหัวในแบบฉบับการสู้วัวกระทิง!
การขวิดเข้าใส่กัน และการแทงเขาสวนกัน ยังรวมถึงการที่วัวพยายามดันกัน !
การสู้วัวกระทิงนั้นต้องการพละกำลังที่ไร้คู่แข่งและความอึดที่จะทำให้ชนะ และเจ้าเหลืองก็มีมันอยู่แล้วจากประสบการณ์โดยตรง
และชนะได้โดยง่าย
'นี่คงต้องขอบคุณนายท่าน'
คงเป็นครั้งแรกสำหรับเจ้าเหลืองที่ตอนนี้สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเจ้านายของมันจึงย้ำนักว่าวัวที่ดีต้องแข็งแรง
และต้องให้มันคอยแบกกระเป๋าหนักๆเอาไว้บนหลังไปรอบๆ
'ทุกอย่างล้วนหล่อหลอมให้ข้ากลายเป็นข้าในยามนี้
'
มีเหตุผลที่ทำให้มันต้องไปนอนหลับในที่หนาวเย็น
หรือร้อนอบอ้าว และการออกล่าในขณะฝ่าอันตราย เมื่อจำนวนวัวกระทิงและวัวเพิ่มขึ้นในโมราต้า
มันยังคงจำได้ชัดเจนว่าวีดนำมันมาที่ซอยด้านหลัง วีดถอยออกไปคอยดูมันตอนต่อสู้วัวกระทิงกับฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแกร่ง
'มีความหมายลึก ๆ
อยู่เบื้องหลังมัน! มีเพียงวิธีเดียวที่จะได้รับความรักจากวัวสาวคือการเอาชนะการสู้วัวกระทิง!
'
ในการสู้วัวกระทิง เจ้าเหลืองไม่เหลียวศีรษะ
แต่มันยังคงได้ยินเสียงวีดกำลังเชียร์มันอยู่เสมอ
"เจ้าเหลือง เจ้าต้องชนะ!
ผลักมันออกไป! ข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่ง เจ้าทำมันได้! สิ่งเดียวที่เจ้าจำเป็นต้องชนะคือความเชื่อที่เจ้าสามารถผลักดันมันออกไป!
"
เจ้าเหลืองได้รับชัยชนะมาเสมอ การได้ยินเสียงเชียร์ที่เต็มไปด้วยความจริงใจ
ในขณะที่มันมักจะถูกเข้าใจผิด ตอนนี้มันคิดว่า มันดูเหมือนเจ้าหน้าที่ และผู้คนต่างก็เอาเงินมาให้แลกเปลี่ยน
แต่ ... ..
"ข้าคิดถึงนายท่าน"
เจ้าเหลืองอยากเจอวีดในตอนนี้จริงๆ
จบตอน
ผู้แปล:Smith
REX
Editor: แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล
เร็วๆนี้ได้เจอแน่เจ้าเหลือง พระเอกเรื่องอื่น อาจขี้ม้าขาว แต่เรื่อง นี้พี่เค้าขี้วัววะ 555
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับเจ้าเหลือง เตรียมตัวเลย
ตอบลบสุดยอดครับ รออ่านตอนต่อไป
ตอบลบขอบคุณมากมายครับ
ตอบลบขอบคุณหลายๆๆ
ตอบลบแปลได้สนุกมากค่ะ อ่านลื่นเข้าใจง่าย ขอบคุณผุ้แปลและทีมงานทุกท่านค่าา
ตอบลบWow!!! เจ้าเหลือง
ตอบลบขอบใจหลายๆเด้อออ