เล่ม 24 ตอนที่10: คำร้องขอของนางสนองพระโอษฐ์ชรา
แปลโดย Cole’s Myth
บรรดานักวิทยาศาสตร์จากแผนกควบคุมระบบของบริษัทยูนิคอร์นกำลังตรวจเช็คค่าสถานะของรอยัลโร้ดอยู่
“ความแข็งแกร่งของกิลด์เฮอร์มีสนี่สุดยอดจริงๆเลยแหะ”
กองกำลังของกิลด์เฮอร์มีสที่ซ่อนตัวอยู่
ถูกฉายออกมาผ่านทางจอมอนิเตอร์นั้น ดูแข็งแกร่งกว่ากองกำลังรบของราชอาณาจักรคาลามอร์ราวฟ้ากับเหว
“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยแหะว่าการพัฒนาของมนุษย์เราจะรวดเร็วขนาดนี้”
เหล่านักวิทยาศาสตร์กำลังจ้องมองดูจอกลางขนาดมหึมาอย่างใจจดใจจ่อ
แผนที่ทวีปเวอร์เซลเองก็ฉายออกมาเป็นวิดีโอที่มีปราสาทส่วนตัวแต่ละหลังและหมู่บ้านแต่ละแห่งปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
แถมยังสามารถซูมเข้าไปเพื่อจะได้เห็นการเคลื่อนไหวของเหล่ามอนสเตอร์ มันคือระบบที่สามารถตรวจสอบได้ทั่วทั้งทวีปตามเวลาจริงนั่นเอง
อีกอย่างพวกเขายังสามารถใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อดูเควสไหนที่กำลังเกิดขึ้นหรือว่าค้นหาผู้เล่นที่ได้รับความสำเร็จสูงที่สุด
และแน่นอนละว่าเหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายได้เพียงแต่มองโดยไม่อาจเข้าไปทำการแทรกแซงใดๆได้
เพื่อที่จะกลายเป็นจักรพรรดิแห่งรอยัลโร้ดที่รวมทั้งโลกเป็นหนึ่ง! จึงมีภารกิจการต่อสู้ลับหลายอย่างเพื่อที่จะทำให้คนๆนั้นกลายเป็นผู้ปกครองสูงสุดของทุกเผ่าพันธุ์ภายในโลกเสมือนจริงแห่งนี้
อย่างการครอบครองปราสาทและหัวเมืองมากมายรวมถึงความมั่งคั่งมหาศาลที่ได้รับมา แต่ถึงกระนั้นการที่ได้กลายเป็นจักรพรรดิเช่นนั้น
สิ่งที่เรียกว่าอำนาจและความร่ำรวยก็ตามมาเองนั่นแหละ
เพราะเหตุนี้เหล่าผู้เล่นมากมายต่างพากันเพิ่มเลเวลของพวกเขาและสร้างกองกำลังของตนเองขึ้นมา
คนเหล่านั้นบ้างก็เก่งกาจขึ้น บ้างก็ต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้นับครั้งไม่ถ้วน เพียงแค่ได้มองดูผู้คนเหล่านั้นที่กระจัดกระจายออกไปทั่วทั้งโลกของรอยัลโร้ด
ก็ดูน่าหลงใหลมากพอแล้ว
แต่ถึงกระนั้นก็มีจุดสีแดงเข้มหลายจุดส่องแสงกระพริบบนจอขนาดใหญ่
ส่องสว่างยิ่งกว่าเดือนที่ผ่านมาเสียอีก
“พวกนายคิดหรือเปล่าว่าพวกวิหารเอ็มบินยูนั่นกลุ่มมันใหญ่มากเกินไปหรือเปล่า?”
ไม่ว่าจะเป็นทวีปทางตอนกลาง
ตอนเหนือ ตะวันออก ตะวันตกและทางตอนใต้ จุดสีแดงเข้มที่เป็นสัญลักษณ์ของพวกวิหารเอ็มบินยูก็กำลังแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ
พวกเขาไม่ได้รู้จักเหล่าผู้เล่นมากนัก แต่เหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายนี้ก็รับรู้ว่าพวกเขาทั้งหลายได้เปลี่ยนชาวเมือง
ชนชั้นสูง และกษัตริย์ให้เติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในทวีปทางตอนกลาง
วิหารเอ็มบินยูได้แพร่กระจายไปทั่ว ปลุกความโกลาหลเข้าสู่ไฟแห่งสงคราม
“ช่วยไม่ได้ละน๊าา พวกผู้เล่นก็มัวแต่กระโดดโลดเต้นแทนที่จะออกไปสู้กับพวกวิหารเอ็มบินยู”
“แต่ว่าถ้าหากพวกมันยังไม่หยุดละก็ คงจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากจริงๆนา...”
จากประวัติศาสตร์ดั้งเดิม
วิหารเอ็มบินยูคือกองกำลังปีศาจอันชั่วร้ายที่ฉุดทั่วทั้งทวีปลงสู่ภัยพิบัติ หัวหน้าของกิลด์ทั้งหลายจะเลือกเป้าหมายง่ายๆที่อยู่ใกล้เคียงอย่างพวกปราสาทหรือเมืองมากกว่าจะออกไปสู้รบปรบมือกับพวกวิหารเอ็มบินยู
พันธมิตรที่เกิดขึ้นมาจากการร่วมมือกันนั้นก็ค่อยๆกลายเป็นการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเพื่อเพิ่มพูนอำนาจของพวกเขาและเฉยเมยต่อสถานการณ์คับขันทั้งปวง
จากสถานการณ์ปัจจุบันนี้อำนาจของวิหารเอ็มบินยูกำลังลุกลามแผ่ขยายออกไปดั่งไฟป่า
ส่วนวิญญาณปีศาจอันแสนชั่วร้ายของพวกมันก็ค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมาอย่างเงียบงัน สำหรับเหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายได้คิดว่า
ณ ตอนนี้ทั่วทั้งทวีปกำลังจะถูกวิหารเอ็มบินยูกลืนกินแล้ว
“เราทำอะไรไม่ได้หรอกมันคือเส้นทางของเหล่าผู้เล่นที่ต้องเลือกต่างหาก”
“แม้นว่าส่วนหนึ่งของทวีปจะถูกวิหารเอ็มบินยูยึดไป มันคือนโยบายของรอยัลโร้ดที่ต้องมอบอิสระในการเลือกให้กับเหล่าผู้เล่น”
ทวีปแห่งความมืดคืบคลานเข้ามาแล้ว!
ถ้านี่เป็นเกมตัวอื่นพวกเขาคงจะพยายามหยุดยั้งวิหารเอ็มบินยูอย่างเอาเป็นเอาตาย
แล้วก็เปิดสัญญาณเตือนภัยให้กับเหล่าผู้เล่นได้รับทราบ แต่สำหรับบริษัทยูนิคอร์นไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนั้นแต่อย่างใด
พวกผู้เล่นต้องหาข้อมูลและตัดสินใจกับสิ่งที่จะทำด้วยตัวของพวกเขาเอง
เมื่อใดที่ดินแดนแห่งนี้กลายเป็นทวีปแห่งความมืด
มันคงจะยากลำบากมากยิ่งขึ้นในการมีชีวิตอยู่ แต่ว่าการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยอิสรภาพจากการถูกกดขี่ข่มเหงจากพวกวิหารเอ็มบินยูก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของรอยัลโร้ดด้วยเช่นกัน
_________________________________________________________
ผู้สร้างทวีปเวอร์เซล
ยู บยองจุน ปรับเปลี่ยนรอยัลโร้ดด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์
“ท้ายที่สุดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะมาถึงจุดจบที่ต้องเผชิญหน้ากับวิหารเอ็มบินยู”
ทว่ามนุษย์ก็ยังคงเหลือโอกาสของพวกเขาอยู่
เมื่อยามที่ดวงตาของพวกเขามืดบอดด้วยความละโมบและหันหน้าไปทางอื่น
การปรากฏตัวของพวกวิหารเอ็มบินยูบนเวทีโลกจะก่อให้เกิดหายนะอันแสนเลวร้าย
“ถึงแม้ว่ามันจะจบลงอย่างนี้ ฉันก็คงทำอะไรไม่ได้”
มีผู้เล่นบางคนที่
ยู บยอง จุน จับตาดูเป็นพิเศษ
ทั้งนักผจญภัย นักสำรวจ
นักรบ อัศวิน นักเวทย์ พาลาดิน นักบวช และประติมากร!
พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้เล่นที่มีความแตกต่างและแปลกแยก
แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงพัฒนาอยู่สม่ำเสมอ ความละโมบโลภมากของพวกเขาก็ยังคงเดิมตลอดและไล่ตามไขว่คว้าเงินตราและอำนาจเอามาไว้ในมือ
อันที่จริงแล้ว ยู
บยอง จุน มักจะจับตาดูการกระทำของตัวละครที่ชื่อวีดอยู่บ่อยๆ
“เจ้าหนุ่มนี่ช่างแตกต่าง”
ตั้งแต่เริ่มจนจบ ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาก็คือเงิน
เขาคือคนที่ให้คุณค่าของเงินเหนือสิ่งอื่นใดและไม่เคยเปลี่ยนแปลง! เขาได้รับความนิยมและเชิดชูจากผู้คนมากมายผ่านการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นและน่าอิจฉาเป็นที่สุด
“บางทีเป็นอย่างนี้อาจจะดีกว่าก็ได้”
ครั้งแรกที่ยูบยองจุนเจอกับลีฮุน
เขาไม่ค่อยประทับใจในตัวเขาซักเท่าไรนั่นก็เพราะว่าเขาให้เงินมาแค่200 วอน แต่ก็ยังขาดเงินอีกแค่100 วอนเท่านั้นก็จะซื้อโกโก้ได้แล้ว
“ทำภารกิจของนายไปเถอะ
ให้คนที่อิจฉาตาร้อนคอยขัดขวางนายต่อไป... เพราะถ้าเป็นหยั่งงี้ต่อไปเรื่อยๆ นายก็จะไม่มีทางทำอะไรสำเร็จแน่ๆ"
แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขารู้สึกชื่นชมในความสามารถของวีด
ด้วยการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ เขาจึงสามารถมองดูวีดได้ตั้งแต่ที่เขาเริ่มเล่นเกมมา และขณะที่เขาสร้างประติมากรรมหรือว่าออกล่า
เพราะความวิริยะอุตสาหะ เขาจึงสามารถสร้างผลงานมากมายทั้งระดับไฟน์ มาสเตอร์พีสและแมคนัม
ถ้าให้พูดอีกซักหน่อย
การตะลอนไปทั่วทั้งทวีปและรวบรวมสมบัติทักษะประติมากรรมลับทั้ง5 ก็ถือว่าช่างน่าประทับใจมากแล้วจริงๆ
“ถึงยังไงนายก็ยังไม่ไปพบกับปรมาจารย์ประติมากรซาฮับหรือว่าเรียนรู้ทักษะแกะสลักอย่างสุดท้าย...คึคึคึคึ จงอยู่ในภาพลวงตาจากคำเยินยอของผู้คนต่อไปซะเถอะ”
_____________________________________________________
วีดล็อคอินเข้าเล่นรอยัลโร้ดอีกครั้ง
ป้อมปราการเวอร์โก้ห่อหุ้มไปด้วยความมืดมิด! เขานั่งอยู่บนหอคอยที่โงนเงนพลางหวนให้รำลึกถึงความอ้างว้างภายในใจ
“บัญชาแห่งความตายจากกิลด์เฮอร์มีส....งั้นแปลว่าพวกมันตัดสินใจที่จะฆ่าฉันให้ตายๆไปเลยสินะ?”
มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับวีดที่จะไม่ทราบข่าวคราวเรื่องนี้
เพราะเขาเป็นคนที่ค่อนข้างรับรู้ได้ไวในเรื่องราวข่าวสารข้อมูลต่างๆ บัญชาแห่งความตายคือศักดิ์ศรีของกิลด์เฮอร์มีส
เมื่อใครที่ขึ้นไปอยู่บนบัญชีดำนั้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดหรือเหตุผลแบบไหน พวกเขาก็จะฆ่าให้ตายให้จงได้
พวกเขาไม่สามารถติดต่อค้าขายกับพวกพ่อค้าได้แบบปกติหรือแม้แต่แชร์ภารกิจให้กับผู้เล่นคนอื่นๆ
ส่วนการจะเคลื่อนไหวภายในราชอาณาจักรฮาเว่นไม่มีทางเป็นไปได้เลย
หรือแม้แต่ภายในทวีปทางตอนกลางก็ถือว่ายากลำบากมาก ผู้คนต่างต้องการเป็นที่โปรดปรานจากกิลด์เฮอร์มีส
ต่างก็กระจัดกระจายตัวออกไป ยิ่งมีเงินค่าหัวของคนที่ถูกลงบัญชีเป็นรางวัลแล้วด้วย
เมื่อก่อนหน้านี้ วีดคือคนที่ไม่ได้เป็นที่น่าจดจำอะไรเป็นพิเศษมากมายนักในยามที่ผู้คนเดินผ่านเขาไป
แต่ทว่าตอนนี้ข่าวคราวทุกๆอย่างของเขาจะถูกรายงานไปยังกิลด์เฮอร์มีสหรือพวกนักล่าค่าหัว
“คราวนี้จะออกไปทำภารกิจแต่ละทีคงยุ่งยากแน่เลย”
หากมีการรายงานตำแหน่งที่อยู่ของวีดหรือว่าข่าวคราวเรื่องภารกิจของเขาแพร่กระจายออกไป
พวกนักฆ่ากับพวกนักล่าค่าหัวคงได้แห่กันมาไล่ล่าเขาแน่ละทีนี้
“ก็นะ ภารกิจทุกอย่างก็ต้องมีข้อดีข้อเสียของมันอยู่แล้วละนะ”
เขาผ่านพ้นความยากลำบากต่างๆนานามาได้ด้วยการเลือกทำภารกิจที่แสนยุ่งยากทั้งนั้น
มีผู้คนมากมายตั้งหน้าตั้งตาออกล่าอย่างเดียวเพื่อพยายามเพิ่มเลเวลของพวกเขาให้เร็วขึ้น
ทว่าวีดกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาไขภารกิจและได้รับไอเท็มสมบัติต่างๆที่ผู้เล่นคนอื่นไม่อาจครอบครองได้
แถมเขายังสามารถทำเงินได้จากการถ่ายทอดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ คงพูดได้ว่าเขากอบโกยชื่อเสียงและอาณาเขตของโมราต้ามาได้ด้วยการทำภารกิจของตนเอง
ในตอนที่เขาไปนครลอยฟ้าลาเวียสเพื่อทำภารกิจตามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ให้กับวิหารเทพีเฟรย่า
เข้าร่วมสงครามปิดล้อมแห่งป้อมปราการโอดิน สร้างพีรามิด และการเดินทางในฐานะออร์คคาริชวิบนที่ราบแห่งความสิ้นหวัง
ความทรงจำจากการผจญภัยต่างๆนานาก็โผล่ขึ้นมาภายในหัวของเขาทันที
วีดพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงทุ้มต่ำที่มีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่ได้ยิน
“ฉันคงออกไปทำภารกิจหรือออกล่าไม่ได้แน่ถ้าโดนใครโจมตีเข้า... แล้วฉันก็จะโดนทิ้งห่างออกไป
ถ้าฉันเก็บเงินในฐานะดาร์กเกมเมอร์ไม่ได้ก็คงต้องหางานอื่นทำซะแล้ว”
ทุกคนต่างรู้ซึ้งถึงวิกฤติการว่างงานในปัจจุบันนี้ดี
“ฉันคงจะไปทำงานที่โรงงาน รับเงินค่าจ้างงี่เง่า แถมคงเหนื่อยแทบน้ำตาเล็ดจากการทำงาน17 ชั่วโมงต่อวัน... มลพิษทางเคมีภายในโรงงานก็ถูกปล่อยออกมาแล้วฉันก็คงป่วยจากนั้นก็ออกไปรักษาตัว
และก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้โดนไล่ออก แถมฉันคงต้องออกไปส่งนมกับส่งหนังสือพิมพ์ตอนเช้าและถ้าฉันล้มป่วยลงแบบกะทันหันหล่ะ.....”
วีดกำลังวาดอนาคตที่มืดมนออกมาได้อย่างเศร้าสลด!
“แต่ตอนนี้ฉันยังแข็งแรงดีนิ ไม่ว่าฉันจะเจ็บปวดรวดร้าวซักแค่ไหน
ฉันก็จะลุกขึ้นมาอีกครั้ง แต่เพราะเรื่องเจ็บป่วยฉันคงเสียเงินรักษาต่อไปเรื่อยๆแล้วก็คงโดนไล่ออกจากงานแบบปุบปับ
หลังจากอุตสาหะทำงานมาตั้ง15 ปีภายในบริษัท
แถมเงินค่าชดเชยที่ได้คงน้อยเท่าหางหนู ถ้าหางานพาร์ทไทม์ทำทุกวัน ฉันคงจะกลายเป็นไอ้แก่ที่ไม่ได้แต่งงานส่วนกองทุนบำเหน็จบำนาญจากประเทศของเราอีกไม่นานก็คงร่อยหรอจนหมดสิ้นเป็นแน่
ร่างกายทุกส่วนของฉันก็คงจะเจ็บจี๊ดไปหมดทั้งตัว ร้อนดั่งถูกไฟแผดเผา ดิ้นทุรนทุรายเพราะความเจ็บป่วย
ถ้าตายไปอย่างนั้นจะมีใครมาจัดงานศพเล็กๆให้ฉันบ้างไหมนะ?”
อนาคตที่อยู่บนปากเหวแห่งความสิ้นหวังนี้ถูกดึงออกมาจากบัญชาแห่งความตายของกิลด์เฮอร์มีส! ถึงกระนั้นวีดก็ยังคงพยายามไขว่คว้าหาความหวังให้กับตัวเอง
“ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดฉันคงไปเก็บเศษกระดาษกับเศษเหล็กนั่นก็คงจะดีเหมือนกัน
ถ้าฉันไม่มีครอบครัวมาคอยช่วยเหลือคงจะได้รับเงินค่าครองชีพขั้นต่ำอยู่ละมั้ง และถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดๆจริงๆแล้วล่ะก็
ฉันคงจะต้องเอาไตไปขายซักข้าง..."
ยังไงก็เถอะ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
มันคงจะอันตรายจริงๆในการออกไปทำภารกิจหรือว่าออกล่าภายในดินแดนเหนือแห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายนอกเมืองโมราต้ากับป้อมปราการเวอร์โก้
แม้ว่าตอนที่อยู่ในเขตลาส ฟาลังคซ์ที่ต้องข้ามทะเลไป เขาก็ต้องพบเจอกับการแทรกแซงมากมาย
แถมยังตายตอนทำภารกิจกองทัพอมตะอีก นี่ก็พิสูจน์แล้วว่ากิลด์เฮอร์มีสมีอำนาจยิ่งใหญ่แค่ไหน
แม้ว่าเขาจะมีพวกพ้องกับเหล่าเพื่อนฝูงสู้ไปด้วย
แต่ถ้าหากว่ามีกองกำลังขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้นมาแบบปุบปับ มันก็คงยากลำบากเกินไปที่จะต่อกรด้วย
“ตั้งแต่นี้ไป ฉันคงต้องระวังตัวให้มากแล้วละ ฉันจะไม่ทำภารกิจที่อาจจะเปิดเผยตัวตนของฉันกับคนอื่นเลย”
อย่างภารกิจเด่นๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หรือว่าตอนนี้
เพราะว่าพวกเขามีเวลามากพอที่จะมาจัดการวีด แถมตอนนี้มันก็คงอันตรายเกินไปที่จะไปจัดการพวกเขาเช่นกัน
‘มันก็แล้วแต่ขนาดของการออกล่าด้วยละนะ ถ้าภารกิจใหญ่ๆมันก็คงไม่เหมาะเท่าไรที่จะสร้างประติมากรรมแต่...’ แม้ว่าเขาจะเป็นตัวละครเกมส์ที่มีอาชีพจับฉ่ายแต่อาชีพหลักของเขาก็ยังคงเป็นประติมากรอยู่ดี
ทันใดนั้นก็มีความทรงจำหนึ่งเด้งขึ้นมาในหัวของเขามันคือความทรงจำที่เลือนลางไปนานมากแล้ว
“หน้าต่างข้อมูลภารกิจ!”
ติดตามสมบัติของซาฮับ(Continue Zahab’s Legacy)
|
วันนั้นซาฮับยังไม่ตาย
เพื่อที่จะทดสอบทักษะแกะสลักของเขา เขาจึงออกไปทวีปอันไกลแสนไกล หลังจากที่ท่านเชี่ยวชาญทักษะแกะสลักของท่านแล้ว
จงตามหาซาฮับเพื่อเรียนรู้บทเพลงของเขาและขับร้องให้นางสนองพระโอษฐ์ชราได้สนับ ล่าสุดมีข่าวลือมาว่าซาฮับอยู่ที่เขตกราพาส
|
ความยาก :A
|
ข้อจำกัดภารกิจ: ต้องเคลียร์ภารกิจก่อนนางสนองพระโอษฐ์ชราจะเสียชีวิต
|
ภารกิจไม่สามารถยกเลิกได้
|
มันคือภารกิจเพื่อตามหาซาฮับนั่นเอง! ภารกิจนี่มาจากนางสนองพระโอษฐ์ของราชอาณาจักรโรเซนไฮม์
แต่ว่าตอนนั้นเลเวลของเขาต่ำเกินไปและเขาก็คิดว่ามันคงใช้เวลานานเกินไปที่จะทำให้สำเร็จ
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เริ่มทำภารกิจเลย เหตุผลหลักๆอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนั้นเขารู้สึกผิดหวังกับอาชีพประติมากรเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นเขาก็ตรวจสอบว่านางสนองพระโอษฐ์ชราคนนั้นตายไปแล้วหรือยัง
ด้วยการโพสท์ลงบนบอร์ดข้อมูลป้อมปราการเมืองเซราบอร์ก ณ ราชอาณาจักรโรเซนไฮม์แล้วจากนั้นก็เลื่อนการทำภารกิจออกไป
‘ภารกิจที่ได้มาจากนางสนองพระโอษฐ์ชรานั่นก็นานมากแล้วนะ ถ้าฉันไปเจอซาฮับเรียนรู้เพลงและเทคนิคที่จะนำไปสู่ภารกิจที่เกี่ยวโยงกับสมบัติสุดท้ายของทักษะประติมากรรม...’
ทักษะแกะสลักของเขาตอนนี้ยังคงอยู่ที่ขั้นสูงเลเวล8 การจะได้เป็นปรมาจารย์ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
“ปรมาจารย์ประติมากรรมและทักษะแกะสลักอย่างสุดท้าย!"
ทันทีที่พวกกิลด์เฮอร์มีสปรากฏตัว
เขาก็โดนไล่ล่าอยู่ตลอดเวลา
‘งั้นภารกิจนี้ก็ควรทำให้เสร็จได้แล้ว...’
เส้นทางสู่การเป็นปรามาจารย์แห่งประติมากรรม!
ตามความเป็นจริงแล้วหนึ่งในเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่เขามาต่อสู้กับกองทัพอมตะก็เพื่อปกป้องเมืองโมราต้า
วีดตกลงสู่ห้วงแห่งความคิด
“ถ้ากิลด์เฮอร์มีสทรงพลังอย่างที่พวกมันพูดละก็ พวกมันคงจะพยายามขัดขวางฉันจนถึงที่สุดแน่ๆ...”
เขากำลังสงสัยว่าเขาควรจะไปก้มหัวหรือว่าคุกเข่าให้พวกมันไหม
___________________________________________________
วีดเป็นคนที่เริ่มเกณฑ์กำลังคนมาเพื่อต่อสู้กับอันเดดภายในป้อมปราการเวอร์โก้
หลังจากที่บัลข่านตาย พวกอันเดดในกองทัพอมตะก็อ่อนแอลงไปมาก แถมยังมีกองทัพพันธมิตรเอลฟ์
คนเถื่อน คนแคระและมนุษย์ พวกเขาจึงสามารถจัดการพวกมันได้
เมื่ออันเดดตนสุดท้ายภายในป้อมปราการเวอร์โก้ถูกฆ่าตาย
ก็มีวิดีโอเด้งขึ้นมาอยู่ตรงหน้าเขาและผู้เล่นคนอื่นๆ
ฮาชิลซาผู้ที่มีผิวหนังเขียวเหมือนกับกบก็นำกองทัพอมตะมุ่งหน้าไปที่กองเรือรบผีสิงของเขา
“เพราะว่าท่านบัลข่านดีมอฟได้จากไปแล้ว งั้นข้าน้อยก็จะกลับไปที่ทะเลด้วยเช่นกัน"
ยามเมื่อผลักลำเรือแล่นผ่านม่านหมอกไป
เรือผีสิงก็หายไปดั่งลางร้ายที่มาเยือน ข้ารับใช้ของบัลข่าน ฮาชิลซาได้กลับไปสู่ท้องทะเลพร้อมกับอันเดดและได้กลับไปเป็นนาวาเอกผีดิบแห่งท้องทะเลอีกครั้งหนึ่ง
ถ้าโชคไม่ดีนักก็อาจจะมีใครไปเจอกับฮาชิลซาเข้าแล้วก็ปลดล็อคภารกิจตำนานแห่งมหาสมุทรก็เป็นได้
ภาพภายในวิดีโอนั้นได้บอกใบ้ว่าฮาชิลซาได้ออกไปตามหาอาณาจักรใต้ทะเล
ทว่าวีดก็ไม่สนใจอะไรมากนัก
“ตอนนี้แค่มองพวกมันฉันก็รู้สึกถึงกลิ่นทะแม่งๆจากพวกมันได้ละ”
ถูกล้างบางโดยภารกิจที่โหดหินแถมยังต้องตรากตรำทุกข์ทรมานแทบขาดใจ
ดูเหมือนว่านั่นคงจะเป็นภารกิจที่นำไปเจอแต่กับพายุฝนกับหินโสโครกแน่ๆ
“คงได้ซวยแหง๋ๆถ้าไปรับภารกิจนั้นเข้า”
วีดยังคงมีความสนใจเกี่ยวกับเจ้าฮาชิลซาอยู่
ขณะที่ตอนนี้เหล่าพันธมิตรเอลฟ์ คนเถื่อน และคนแคระกำลังค้างแรมอยู่ภายในป้อมปราการเวอร์โก้
ส่วนเหล่าพาลาดิน นักบวช และเนโครแมนเซอร์ก็กำลังสนทนาพูดคุยพลางส่งสายตาหากัน
มีเพียงเหล่าคนร่วมทางเท่านั้นที่ต่างกำลังกังวลเกี่ยวกับบัญชาแห่งความตายของกิลด์เฮอร์มีส
ส่วนพวกนักดาบก็รู้สึกอายเกินไปที่จะเข้าไปคุยกับเหล่าเอลฟ์ จึงได้แต่นั่งอยู่นิ่งๆ
“ไปให้พ้นเลยนะเจ้าพวกเนโครแมนเซอร์ที่อัญเชิญพวกอันเดดน่าขยะแขยงขึ้นมา
กล้ามาคุยกับพวกเราได้ไง?”
“ข้าไม่ได้กลิ่นผืนดินหรือได้ยินเสียงธรรมชาติจากพวกมันเลย ข้าคุยกับพวกแกไม่ได้หรอก”
“เจ้าพวกมนุษย์นั้นช่างไร้ค่าเสียยิ่งกว่าชุดเกราะของพวกมันซะอีก”
ปฏิกิริยาของคนเถื่อน
เอลฟ์ และคนแคระเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับประเภทของคนที่พวกเขาคุยด้วย เมื่อตอนที่พวกเขาจับมือร่วมกันเพื่อต่อสู้กับพวกอันเดด
แต่ตอนนี้ยากมากที่จะกลายมาเป็นมิตรกันได้ นั่นก็เพราะว่าแต่ละเผ่าพันธุ์ต่างมีสภาพและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน
ค่าชื่อเสียง อาชีพ
เลเวล ทักษะ อุปกรณ์ และภารกิจที่เคยทำสำเร็จมา เป็นตัวแปรที่มีความแตกต่างกันมากมายนั้น
ล้วนแล้วแต่มีอิทธิพล ขณะที่มนุษย์เป็นที่ชื่นชอบต่อเหล่านักบวช คนแคระ คนเถื่อนและเอลฟ์ที่เชื่อในเทพองค์อื่น
ซึ่งเห็นพวกเขานั้นเป็นภาระ
“เฮือกก เหล่าเอลฟ์ช่างงดงามมากจริงๆ”
นักดาบ119 ที่อยู่ใกล้ๆกับวีด
พูดดังพอที่จะทำให้เขาได้ยิน
พวกเธอไม่ใ่ช่เอลฟ์ที่เตี้ยและผิวดำ
เพราะว่าเอลฟ์ป่านั้นมีเส้นผมสีทอง รูปร่างผอมบางช่างดูงดงามเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงคันธนูคนละคันพาดอยู่บนบ่าของพวกเธอ
สวมใส่เสื้อผ้าเบาบางปราศจากชุดเกราะ
ปฏิกิริยาของพวกเธอเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับว่าพวกเธอจะคุยกับใคร
ทว่ากับพันธมิตรของพวกเธอ พวกเธอจะแบ่งปันภารกิจและแสดงท่าทีชื่นชอบต่อคนอื่นๆ
เพราะเช่นนั้นนักดาบ119 จึงหวังว่าวีดจะช่วยพูดกับพวกเธอให้ก่อน
วีดเดินเข้าไปใกล้เอลฟ์ที่อยู่ใกล้เขาที่สุด
“ขอธรรมชาติอวยพรแด่ท่าน ท่านคือมนุษย์ผู้คืนแหล่งกำเนิดแห่งธรรมชาติกลับมาสู่แดนเหนือสินะ”
ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น34 หน่วย
|
ค่าความใกล้ชิดเพิ่มขึ้น25 หน่วย
|
สัมพันธไมตรีกับเอลฟ์ป่าเพิ่มขึ้น17 หน่วย
|
ถึงแม้ว่าเอลฟ์ที่อาศัยอยู่ในพงไพรจะรู้จักชื่อเสียงของวีดผ่านการล่าบัลข่านที่ซึ่งไม่ได้มาจากNPC ที่เป็นเอลฟ์ คนแคระ
และคนเถื่อนอย่างเดียวเท่านั้น แต่ผู้เล่นมากมายต่างชื่นชมในตัววีดอยู่แต่เดิมแล้ว
อิทธิพลที่กระจายไปกว้างขวางของแต่ละสถานีออกอากาศที่ต่างก็พยายามแข่งขันเพื่อสร้างวีรบุรุษขึ้นมาอย่างเอาเป็นเอาตายและเรียกเขาว่าเทพสงคราม
“ข้าคือมนุษย์ แต่ข้าก็เป็นนักผจญภัยที่เคารพคุณค่าในชีวิตและความมั่งคั่งด้วยเช่นกันข้าเพียงแค่ทำภารกิจเล็กๆที่ข้าคิดว่าสำคัญอย่างไร้ความลังเลใจเท่านั้น”
“ด้วยความช่วยเหลือของท่าน เอลฟ์มากมายจากแดนเหนือ เรารู้สึกซึ้งใจจริงๆและด้วยความร่วมมือจากเหล่ามนุษย์
พวกเราจึงสามารถส่งพวกอันเดดกลับคืนสู่ธุลีได้"
ค่าสัมพันธไมตรีกับเอลฟ์ป่าเพิ่มขึ้น25 หน่วย
|
วีดมีถ้อยคำที่หวานปานน้ำผึ้ง
ส่วนเหล่าเอลฟ์เองก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่ซื่อๆเชื่อใจคนอื่นอย่างไม่ลังเลใจใดๆเลย
“ช่างบังเอิญจริงๆที่ข้าเคยได้ยินข่าวมาบ้างเกี่ยวกับราชินีภูติที่ถูกกดขี่จากบัลข่านในตอนที่ข้าออกไปผจญภัย
ในฐานะนักผจญภัยที่ต้องรับผิดชอบปกป้องความยุติธรรมแห่งทวีปเวอร์เซล ข้าจะไม่มาต่อสู้ได้อย่างไรกันหล่ะ?”
“ท่านช่างเป็นนักผจญภัยมนุษย์ที่น่ายกย่องจริงๆ ถ้ามนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนท่านวีดพวกเราคงจะอยู่แบบสงบสุขเป็นแน่”
เขาไปพบปะกับเหล่าคนเถื่อนและคนแคระ
พลางฟังเรื่องราวและรวบรวมข้อมูลด้วยเช่นกัน
“พื้นที่ล่างั้นหรอ? ในฐานะนักรบคนหนึ่งข้าว่าท่านก็โด่งดังในเรื่องความแข็งแกร่งมากแล้วนะ
แต่ท่านยังอยากที่จะแข็งแกร่งกว่านี้งั้นหรือ? มีพื้นที่ล่ามากมายในแถบนี้ที่มีให้กับคนที่อยากจะกลายเป็นนักรบผู้ไร้เทียมทานครับ
แต่ว่าอย่าไปที่ด้านหลังเนินเขาโอก๊อท หล่ะ มันเป็นดันเจี้ยนที่เข้าไปไม่ได้ง่ายๆเลย”
“นั่นยิ่งทำให้ข้าอยากจะสู้มากยิ่งขึ้นไปอีก ถ้ามอนสเตอร์มันแข็งแกร่งนักงั้นไปกำจัดพวกมันกันเถอะ”
“ท่านช่างมีความคิดที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ทว่าการเฝ้ายามป้องกันพวกมอนสเตอร์ของที่นี่ถูกยกเลิกไปแล้วนะครับ
พวกมอนสเตอร์ก็คงจะเข้ามาบุกที่นี่บ่อยขึ้นแน่ๆ ท่านควรจะสร้างกำแพงปราสาทขึ้นมาใหม่อีกครั้งนะครับ”
ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น21
หน่วย
|
ค่าสัมพันธไมตรีกับกลุ่มคนเถื่อนแห่งดินแดนเปลี่ยวร้างเพิ่มขึ้น
|
“ผลไม้ในพงไพรงั้นหรือ? ทั้งหวานทั้งอร่อยมากๆเลยละ
เอลฟ์อย่างพวกเราไม่ค่อยกินกันเยอะมากนัก ถ้างั้นพวกท่านอยากจะได้พวกมันไหมละ พวกเราสามารถเอามาขายกับไอเท็มที่พวกเราต้องการได้นะ”
“ถ้าเจ้าบอกข้าว่าไอเท็มอะไรที่พวกเอลฟ์ต้องการ งั้นข้าจะดูให้ละกัน
การหมักเหล้าผลไม้จากป่าเอลฟ์.....ข้าหมายถึงข้าอยากจะให้เด็กๆได้ลองกินพวกมันดูบ้างหน่ะ”
เขาพยายามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการค้าด้วยเช่นกัน
เนื่องจากวีดไม่ใช่พ่อค้ามืออาชีพเขาจึงไม่จำเป็นต้องตะลอนขายของไปทั่ว แต่มันก็ทำให้เขาสามารถสร้างกำไรงามๆได้อยู่เช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงจดจำข้อมูลเหล่านั้นไว้ภายในหัวอย่างเต็มที่
“ป้อมปราการแห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบของพวกคนแคระอย่างมาก ทว่าตอนนี้มันได้ถูกมนุษย์ปกครองแล้ว
ทำไมพวกคนแคระถึงต้องอิจฉาดินแดนที่พวกอันเดดอยู่ด้วยละ? อย่าบอกใครละ เจ้าต้องไม่บอกใครว่าข้าบอกเจ้าเรื่องนี้นะ
นานมาแล้วที่แห่งนี้เคยมั่งคั่งไปด้วยแร่เหล็กกับแร่เงินคุณภาพสูงนะ จะบอกให้”
“แร่เหล็กกับแร่เงินงั้นหรอ ถ้าขุดแร่พวกนั้นขึ้นมาได้กำไรงามแน่! ราคาที่ดินของป้อมปราการเวอร์โก้ก็จะต้องเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ...เอ่อข้าหมายถึงถ้ามีแร่ต่างๆที่เหล่าคนแคระต้องการงั้นก็ควรจะทำเหมืองแร่ขึ้นมา"
ค่าความใกล้ชิดกับเผ่าพันธุ์คนแคระแห่งฮาร์ดเดนเอิร์ท(Hardened Earth) เพิ่มขึ้น
|
วีดเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าคนแคระอย่างมาก
หลังจากที่เขาบอกพวกเขาว่าเชี่ยวชาญทักษะช่างตีเหล็กระดับกลางและเรียกร้องให้เขามาสร้างบางอย่างร่วมกัน
ถ้าเขารับข้อเสนอ มันคงจะกลายเป็นโอกาสอันมีค่าที่จะได้จับมือกับเหล่าคนแคระสร้างดาบและชุดเกราะออกมา
แถมมันคงจะช่วยให้ค่าทักษะช่างตีเหล็กของเขาเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
วีดเชื่อว่ามารยาและการเสแสร้งคือสิ่งสำคัญเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดภายในสังคม! เขาเชื่อว่าถ้าโรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายสอนเรื่องนี้ในวิชาจริยธรรม
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศก็จะมีอิทธิพลโดดเด่นกว่าประเทศกำลังพัฒนาประเทศอื่นๆ
เหล่าเอลฟ์ คนแคระ
และคนเถื่อนที่วีดเล็งเข้าไปคุยเป็นการพิเศษก็จะทำให้เหล่านักดาบและพวกพ้องคนอื่นๆเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น
แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มมีบทสนทนากัน พวกเขามองพวกคนที่มากับวีดอย่างยกย่องชื่นชม และต้องขอบคุณเรื่องนั้นที่ทำให้การพูดคุยง่ายดายสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
นี่คือเหตุผลว่าทำไมอาชีพนักผจญภัยเมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับอาชีพนักรบแม้จะด้อยเรื่องการสู้รบ
แต่ก็ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
จากนั้นวีดก็ไปพบผู้นำของเผ่าเอลฟ์
นามว่าลอนเซิร์ก กับผู้เล่นคนอื่นๆ เขาเพียงแค่แสดงท่าทีต้อนรับด้วยความเป็นมิตรเท่านั้นโดยไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
แต่กับวีด เขากลับเริ่มบทสนทนากับเขาก่อน
“ท่านคือมนุษย์ผู้รับบทบาทสำคัญในการสังหารบัลข่านสินะครับ”
“มันคือสิ่งที่ข้าต้องทำน่ะครับ มันทำให้ข้ารู้สึกยินดียิ่งที่ได้รู้ว่าการกระทำเช่นนี้ได้นำมาซึ่งความสงบสุขยังทวีปเวอร์เซลแห่งนี้”
“ราชินีภูติเทเนดอนต้องการพบมนุษย์ผู้ที่ช่วยพระนางไว้
ท่านมากับข้าได้ไหม?”
ลอนเซิร์กเสนอการพบปะให้กับเขา
ราชินีแห่งภูติคือภูติที่มีตำแหน่งสูงที่ปกครองทั้งเผ่าพันธุ์
วีดชำเลืองมองไปโดยรอบอย่างรวดเร็ว
และเห็นเหล่านักดาบ เพล ไอรีน คนอื่นๆที่รู้จักกับเขามาเป็นเวลานานรวมถึงเหล่านักบวชและพาลาดินต่างก็เบิกตาโพลงด้วยความตื่นเต้นขณะที่พวกเขากำลังแอบฟัง
การได้พบราชินีของเผ่าพันธุ์นี้
ที่ถือว่าเป็นราชินีแห่งเผ่าพันธุ์ที่ยากจะได้พบตัว ที่แม้แต่วีดเองยังรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสทองครั้งนี้
เชื่อกันจริงๆว่าเหตุผลเพียงอย่างเดียวที่ทำให้วีดสามารถเข้าพบราชินีภูติได้ก็คงเพราะว่าการล่าบัลข่านนั่นเอง
“ข้าไปได้คนเดียวใช่ไหม?”
“ราชินีภูติเทเนดอนเรียนเชิญทุกท่านครับ”
เสียงดังเด้งขึ้นมาจากหน้าต่างผู้เล่นทุกคน!
“ว้าวววว”
“นี่พวกเรากำลังจะไปพบราชินีภูติจริงๆงั้นหรอ? ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ”
“ดีจริงๆที่เราได้ไปสู้กับบัลข่าน”
“คุณวีดขอให้พวกเราไปด้วยได้"
นอกจากสมบัติที่พวกเขาได้หลังจากการล่าบัลข่านพวกเขาก็ยังจะได้รับรางวัลจากราชินีภูติด้วยเช่นกัน
วีดจึงตัดสินใจตอบรับคำเชิญจากราชินีภูติ
“เราไปได้เมื่อไรหรอ?”
“พวกท่านไปตอนนี้ได้เลยครับ”
“ข้าอยากจะเห็นรางวัลแล้ว....เอ่อ ข้าหมายถึงข้าอยากจะเห็นว่าองค์ราชินีภูติ พระนางยังปลอดภัยด้วยตาตนเอง
งั้นเราไปกันเถอะ”
__________________________________________
วีด เหล่านักดาบ และผู้เล่นคนอื่นๆถูกนำทางไปโดยเหล่าเอลฟ์และเหล่าคนแคระ
“ กรุณาตามพวกเรามาครับ”
เมื่อเดินไปตามเส้นทางของผืนป่า
พวกเขาต่างก็เห็นเอลฟ์สาวจ้องมองมาที่พวกเขาจากด้านหลังต้นไม้และดงไม้
“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่"
“ข้าควรมาที่นี่เพื่อพบเหล่าเอลฟ์ตั้งนานแล้ว”
เหล่านักดาบกระซิบหากัน
ต่างพยายามที่จะไม่ทรยศความภาคภูมิใจในความเป็นชายของพวกเขา ทว่าเหล่าเอลฟ์ที่มีหูดีจนสามารถได้ยินเสียงพัดของลมอ่อนๆด้วยซ้ำไป
“ดูท่าพวกมนุษย์นั่นกำลังสนใจพวกเราอยู่นะ”
“พวกเขาไม่ใช่แบบที่ข้าชอบเลย”
“พวกเขาดูโง่จัง”
เพื่อที่จะได้รับความรักจากเอลฟ์
พวกเขาต้องมีความใกล้ชิดกับธรรมชาติเป็นอันมาก อย่างพวกอาชีพสายเรนเจอร์หรือว่านักเวทย์มากกว่าพวกอาชีพสายนักรบ
เพราะว่าสายพันธุ์ของพวกเขาไม่ได้ชื่นชอบโปรดปรานพวกมนุษย์ซักเท่าไรนัก มันจึงมีข้อจำกัดที่มนุษย์จะสามารถสร้างความสนิทสนมกับพวกเขาได้
แม้แต่หมู่บ้านเอลฟ์ที่อยู่ใกล้ๆ ก็มีการเข้าถึงที่จำกัดเอาไว้ และอนุญาตให้เฉพาะเหล่าพ่อค้าเข้าไปได้เท่านั้น
พวกเขาผ่านป่าแล้วก็ปีนขึ้นไปบนภูเขา
จากตรงจุดนี้ มันคืออาณาเขตของพวกคนแคระ มันคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยบ้านหลังเล็กๆและเตาหลอมผนวกกับเสียงค้อนที่ดังกังวานไปทั่ว
หมู่บ้านคนแคระแต่ละแห่งมีความพิเศษหรือว่าเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน
เพราะงั้นวีดก็เลยรู้สึกสงสัยในทักษะของพวกเขามากๆ ทว่าตอนนี้เขาต้องเข้าไปในดันเจี้ยนที่อยู่ใกล้ๆแล้ว
ท่านคือผู้ที่ค้นพบดันเจี้ยน‘สถานที่พักผ่อนของเทเนดอน’เป็นคนแรก
|
สิทธิพิเศษ: ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น890
|
อัตราการดร็อปไอเท็มและค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นสองเท่าเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
|
มอนสเตอร์ตัวแรกที่ท่านล่าจะดร็อปไอเท็มที่ดีที่สุดออกมา
|
แม้ว่ามันจะถูกเรียกว่าดันเจี้ยนแต่ก็มีแค่ภูติตัวจิ๋วบินเต็มไปหมด
เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถล่าภูติได้ ผลที่ทำให้ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นสองเท่าก็ไม่มีประโยชน์ใดๆเลย
“โปรดระวังด้วยนะครับมีกับดักวางอยู่เต็มไปหมดเลยนะครับ ถ้าพวกท่านไปผิดเส้นทางพวกท่านอาจจะเดินตะลอนไปอย่างไร้จุดหมาย
หรือว่าไปโผล่ซักที่บนทวีปก็เป็นได้”
ด้วยคำเตือนจากเหล่าเอลฟ์ เหล่าผู้เล่นจึงต้องระงับความอยากรู้อยากเห็น
แล้วก็เดินตามต่อไปเรื่อยๆ พวกภูติมีความสามารถที่ทำให้พวกเขาสามารถข้ามแผ่นดินใหญ่หรือแม้แต่กระโดดข้ามช่องกว้างๆได้
เพราะเหตุนั้นเพียงแค่การลื่นล้มแค่นิดเดียวก็ทำให้คนๆนั้นไปจบลงที่กลางทะเลทรายหรือว่ารังของมอนสเตอร์ที่หิวโหยได้โดยง่าย
พวกเขาตามพวกเอลฟ์ไปอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
แล้วในที่สุดพวกเขาก็ไปถึงที่พำนักของราชินี มันคือที่พักที่สร้างจากต้นไม้ใหญ่ ร่างเล็กๆของราชินีภูติเทเนดอนประทับอยู่ตรงบริเวณรากไม้และกำลังนอนพักอยู่
— ขอต้อนรับเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย
น้ำเสียงของราชินีภูตินั้นเบามาก
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ปีกข้างหนึ่งของราชินีได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจนฉีกขาด
การได้รับพลังชีวิตจากต้นไม้ เธอจึงค่อยๆฟื้นตัวทีละเล็กทีละน้อย แต่มันก็แทบจะไม่พอที่จะทำให้สภาพบาดเจ็บสาหัสตอนนี้ฟื้นคืนได้เต็มที่
“ชื่อของกระผมคือวีดขอรับ”
วีดได้แสดงถึงสมบัติผู้ดีขณะที่เขากำลังคุกเข่าข้างหนึ่ง
เขามีคุณสมบัติมากพอในฐานะลอร์ดแห่งเมืองโมราต้าและเป็นชนชั้นสูง มากพอที่จะมีสิทธิสนทนากับราชินีได้ด้วยค่าชื่อเสียงของเขา
ตอนนี้เขาจึงสามารถเข้าพบใครก็ได้ที่เขาต้องการ
— เจ้าคือมนุษย์ที่ช่วยเหลือข้าสินะ ข้าได้ยินข่าวผ่านทางเหล่าภูติเกี่ยวกับความสำเร็จของเจ้า
ท่านกำลังสนทนากับราชินีภูติเทเนดอน
เนื่องจากความรู้สึกเคารพนับถือค่าสถานะบางอย่างเพิ่มขึ้น ค่าความงดงาม ศักดิ์ศรี
ค่าเกียรติยศ และค่าศิลปะก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
|
ปีกที่ฉีกขาดของเธอสั่นไหวเล็กน้อยขณะที่เทเนดอนพูด
เธอดูราวกับว่ากำลังทุกข์ทรมานอย่างมาก ทันใดนั้นก็มีความคิดไม่คาดฝันอย่างหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของวีด
‘บาดแผลของเธอดูสาหัสมาก พวกนักบวชรักษาได้หรือเปล่านะ?’
ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ใช่อันเดด
พลังเวทย์รักษาก็สามารถใช้กับเผ่าพันธุ์ไหนก็ได้ หรือแม้แต่กับคนที่เชื่อในเทพต่างๆ
และเพราะว่าภูติเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีธรรมชาติที่อ่อนโยนใจดี แถมวีดก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าพลังศักดิ์สิทธิ์จะให้ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์กับพวกภูติ
ภายในประวัติศาสตร์ของทวีปเวอร์เซลเองก็มีเรื่องราวของวีรบุรุษที่ท่องเที่ยวไปพร้อมกับเหล่าภูติได้ถูกกล่าวถึงเช่นกัน
“บาดแผลของพระองค์ดูสาหัสมากเลย…กระหม่อมมีพวกพ้องที่เป็นนักบวชเพราะงั้นกระหม่อมก็เลยคิดว่าเธอคงสามารถรักษาพระองค์ได้
พระองค์ทรงมีความเห็นยังไงในเรื่องนี้ ราชินีเทเนดอน?”
ในขณะที่วีดถามไถ่ราชินีเทเนดอนอย่างอ่อนโยน ทันใดนั้นเหล่าภูติทั้งหลายก็พากันปรากฏตัว
ต่างพากันรู้สึกมีความสุขอย่างเหลือล้น
-
ขอบพระคุณอย่างยิ่ง ขอบคุณท่านมาก
-
ถ้ามีความช่วยเหลือจากเหล่ามนุษย์ ราชินีของพวกเราคงจะหายเร็วขึ้นแน่ๆ
-
เวทย์รักษาของมนุษย์งั้นหรอ พวกเขารักษาบาดแผลได้รวดเร็วมากแถมยังให้ความรู้สึกอบอุ่นอีก
แสงเรืองรองส่องแสงอย่างสุขสันต์ดั่งเพลิงแห่งพงไพร เหล่าภูติน้อยโอบล้อมทั่วทั้งร่างของวีด
บ้างก็เปลี่ยนไปเกาะอยู่บนผมของเขา บ้างก็ไปนั่งอยู่บนบ่า แม้แต่หนึ่งในพวกเขาก็ไปเกาะอยู่บนจมูกของเขา
เหล่าภูติมักจะมีลูกเล่นต่างๆนานาเพื่อที่จะสร้างความใกล้ชิดกับคนๆนั้น เพราะว่าเขาเป็นคนที่กำจัดบัลข่านและกองทัพอมตะได้
แถมยังเสนอตัวช่วยรักษาราชินีของพวกเขาอีก เขาจึงได้รับความใกล้ชิดกับเหล่าภูติจนถึงขีดสุด
-
หากท่านสามารถช่วยเหลือเราได้ เราจักขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
เทเนดอนได้อนุญาตให้เขาแล้ว
“ไอรีนมาทางนี้หน่อย”
ไอรีนที่กำลังสังเกตการณ์อยู่ด้านหลังเหล่าผู้เล่นที่กำลังยืนเบียดกันอยู่ก็แทรกตัวออกมาเพื่อมองว่าเกิดอะไรขึ้น
จากนั้นก็ค่อยๆเดินตรงมาข้างหน้าพลางหลบเพื่อไม่ให้ไปชนกับเหล่าภูติที่กำลังมีความสุข
“คุณช่วยลองรักษาราชินีหน่อยได้ไหม”
“เอ๋? ฉันทำได้หรอค่ะ? มันไม่อันตรายใช่ไหม?”
“เหล่าภูติให้อนุญาตแล้ว เพราะงั้นไม่มีปัญหาครับ ลองเริ่มจากร่ายเวทย์รักษาง่ายๆก่อนเลยนะครับ”
ไอรีนใช้เวลาพักหนึ่งหายใจเข้าลึกๆแล้วใช้ทักษะซิกนัมครูซิส
จากนั้นก็ร่ายเวทย์ศักดิ์สิทธิ์
“ด้วยอำนาจแห่งวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ จงช่วยชำระล้างบุคคลผู้นี้จากความทุกข์ทรมาน
หัตถ์เยียวยา!”
แม้ว่ามันจะเป็นเวทย์ง่ายๆแต่ก็ช่วยเพิ่มค่าพลังชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
ค่าพลังชีวิตของราชินีภูติเทเนดอนฟื้นคืนแล้ว 735 หน่วย บาดแผลบรรเทาลงเล็กน้อยแล้วพลังเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ของไอรีนประสบผลสำเร็จจากการรักษาราชินีภูติ
ค่าประสบการณ์และค่าความเชี่ยวชาญของเธอจึงเพิ่มขึ้น แม้นว่าราชินีเทเนดอนจะยังไม่อยู่ในสภาพพอที่จะบินได้
เธอก็ยังมีรูปร่างน่าทึ่งที่ปรากฏอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ แถมการช่วยรักษาเธอ ค่าชื่อเสียงก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
“ว้าววว มนต์รักษาได้ผลด้วย แถมยังได้ค่าประสบการณ์อีกด้วย!”
ไอรีนรู้สึกพออกพอใจอย่างมากจากการที่เธอสามารถรักษาเทเนดอนได้สำเร็จ
“ขอร้องช่วยรักษาเธอต่อไปเรื่อยๆด้วยครับ”
จากทางที่วีดอยู่ ไอรีนใช้มานาทั้งหมดที่เธอมีรักษาเทเนดอน
ไอรีนเป็นนักบวชที่ทุ่มเทตนเองเพื่อเรียนรู้เฉพาะพวกเวทย์รักษาเพียงอย่างเดียว
ด้วยการกระทำที่อุทิศแด่เทพ
ค่าศรัทธาของท่านเพิ่มขึ้น ท่านได้กลายเป็นคนที่มีความชอบธรรม
|
ด้วยการรักษาราชินีภูติ
ท่านจะได้พบกับอีเว้นท์พิเศษที่เกี่ยวโยงกับอาชีพสายนักบวช
|
ความสัมพันธ์กับเหล่าภูติได้กลายเป็นมิตรกันแล้ว
|
สำหรับพวกเขา ท่านจักเป็นที่จดจำในฐานะมนุษย์ผู้ได้มอบความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่
|
ในฐานะนักบวชไม่มีช่วงเวลาใดที่ยิ่งใหญ่และมีค่าไปกว่าการที่ได้รักษาราชินีภูติเทเนดอนเหมือนกับตอนนี้อีกแล้ว
“คุณวีดค่ะ มานาของฉันหมดแล้วค่ะ”
สภาพบาดแผลของราชินีเทเนดอนนั้นไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังดูสาหัสอยู่
แม้ว่าไอรีนจะใช้เวทย์รักษาจนมานาหมดแล้วก็ตามที เพราะบาดแผลเธอดูสาหัสตั้งแต่แรกแล้ว
แม้ว่าร่างกายของเธอจะเล็กแต่ค่าพลังชีวิตของเธอมหาศาลมาก
“นักบวชคนอื่นๆลองรักษาด้วยสิครับ”
ทันทีที่วีดพูดจบ เหล่านักบวชก็ร่ายเวทย์รักษาของพวกเขาอย่างไม่รีรอ
พวกเขาค่อนข้างรู้สึกอิจฉาไอรีนที่เธอได้รักษาราชินีเทเนดอนก่อนพวกเขา
“หัตถ์เยียวยา” “เวทย์เยียวยา!”
“เวทย์ฟื้นกำลัง” “วงแหวนแห่งการเยียวยา!”
“สรรพเยียวยา”
นี่คือมหกรรมการรักษาที่แท้จริง
ตั้งแต่มนต์รักษาระดับต่ำไปจนถึงระดับสูงที่พวกเขาสามารถใช้ได้ครั้งหนึ่งต่อวันเท่านั้นกลับยอมใช้ไปเพื่อรักษาราชินีเทเนดอน
เพราะว่าแม้แต่พวกพาลาดินเองก็สามารถร่ายเวทย์รักษาได้ พวกเขาจึงเข้ามาร่วมวงช่วยรักษาเช่นกัน
ค่าพลังชีวิตของราชินีเทเนดอนอยู่ที่43% กระบวนการรักษาอันดุเดือดนี้ยังละเลงไปอย่างต่อเนื่อง
คงพูดได้ว่านี่คือการทำพิธีแบบหนึ่งที่มีการรวมแสงสีขาวบริสุทธิ์รวมไว้ที่ราชินีเทเนดอนเหล่านักบวชพยายามร่ายเวทย์รักษาแบบไม่หยุดไม่หย่อน
ทันทีที่มานาของเขาฟื้นคืนมา พวกเขาได้ทั้งค่าประสบการณ์ ค่าความศรัทธา ค่าความเชี่ยวชาญทักษะ
และค่าอุทิศมามากเป็นพิเศษจากเหล่าภูติ
“ได้ค่าประสบการณ์มากกว่าตอนที่เราออกไปสู้ซะอีกแน่ะ”
“ดูค่าอุทิศกับค่าความเชี่ยวชาญทักษะที่เพิ่มขึ้นสิ”
“ค่าความศรัทธากำลังค่อยๆเพิ่มขึ้นมาแล้ว
ฉันได้ค่าความศรัทธามากเสียกว่าตอนที่ฉันเลื่อนขึ้นมาเป็นอาชีพสายนักบวชซะอีก
”
วีดรู้สึกเจ็บจี้ดอยู่ภายในช่องท้องคงเป็นเพราะเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างพวกอันเดดนักบวชและเทเนดอน
‘บรรดาลัทธิวิหารต่างๆคงพากันพยายามที่จะหยุดการคืนชีพของกองทัพอมตะอย่างเอาเป็นเอาตายแน่ๆ’
มันคงจะเป็นสถานการณ์แบบเดียวกันกับวีดที่บัลข่านหวังจะฟื้นคืนความแข็งแกร่งของมันแล้วก็แสดงเจตนาที่จะทำลายเมืองโมราต้า
เขาจึงต้องรีบตัดไฟเสียแต่ต้นลมด้วยวิธีการรบราฆ่าฟัน แต่ถึงยังไงหากเขาไม่ไปต่อสู้
ก็คงมีข่าวคราวที่บอกว่ามีเหล่ากองทัพพันธมิตรของเหล่าเอลฟ์ คนแคระ และคนเถื่อนก็ยังสานต่อการต่อสู้กับบัลข่านนี้ไปอยู่ดี
แล้วพวกกองทัพอันเดดที่กำลังสูบพลังชีวิตของเทเนดอนนั่นก็คงได้บ้านแตกสาแรกขาดอยู่ดี
ถ้าเป็นเช่นนั้น
มันจะทำให้เกิดภารกิจสังหารบัลข่านขึ้นมา ถ้าพวกวิหารและราชอาณาจักรต่างๆไม่มัวแต่หมกมุ่นอยู่แต่กับดินแดนทวีปทางตอนกลางของพวกเขา
พวกเขาก็คงได้ร่วมมือมาต่อสู้ที่ป้อมปราการเวอร์โก้ แล้วก็ได้รางวัลจากภารกิจนี้ไปแล้วแทนที่มัวแต่จะเอาเวลาไปไล่ล่าวีดอยู่นั่นแหละ
แต่ถึงยังไงถ้าพวกเขาจัดแจงการสู้รบได้ไม่ดีพอ การล่าบัลข่านก็คงจะยุ่งยากมากขึ้นอยู่ดี
ถึงกระนั้นพวกเขาก็อาจจะมีโอกาสอยู่บ้างก็ได้ ถ้าแต่ละอาณาจักรส่งอัศวินหลวงของพวกเขาออกมาต่อสู้ร่วมกัน
หลังจากที่สังหารบัลข่านและกวาดล้างกองทัพอันเดดของมันไปจนสิ้น
อีกทั้งได้รับรางวัลมากมายมหาศาล แถมยังได้ไปพบราชินีภูติเทเนดอนอีก คงพูดได้ว่านี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับเหล่านักบวชผู้ช่วยเยียวยาราชินีเทเนดอน
พวกเขาต่างก็กำลังรับบทบาทสำคัญและได้รับกำไรมหาศาล!
“มันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากจริงๆ”
ทว่าเกิดอะไรขึ้นกับวีดที่ทำหน้าที่หลักในการต่อสู้ครั้งนี้ละ
แล้วไอ้คำว่า‘บางทีภารกิจอาจจะสำเร็จ’ที่จะฆ่าบัลข่านได้
ก็จำเป็นต้องใช้เหล่าพาลาดินและเหล่านักบวชเพื่อเป็นกำลังหลักด้วยเช่นกันอยู่ดี แม้แต่ตอนนี้ท้องไส้ของวีดก็ยังรู้สึกปั่นป่วนขณะที่มองดูภาพของเหล่านักบวชและพาลาดินที่กำลังเยียวยารักษาเทเนดอนและได้รับรางวัลมากมาย
มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดเกินทน ทรมานเสียยิ่งกว่าตอนที่เป็นไส้อักเสบแบบเฉียบพลันซะอีก
ความเจ็บปวดนั้นทิ่มแทงลงไปตามสีข้างของเขา!
วีดดึงผ้าพันแผลของเขาออกมา เขาอยากจะใช้ทักษะพันแผลของเขาแต่ก็ต้องพยายามหักห้ามใจเอาไว้ไม่ให้ทำอย่างนั้น
ผ้าพันแผลนั้นใหญ่มากพอที่จะทำให้ราชินีภูติเทเนดอนขาดอากาศหายใจได้เลยล่ะ
แม้ด้วยมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่ร่ายออกไปแบบเต็มที่จากเหล่านักบวช
เทเนดอนก็ไม่อาจหายได้สนิท บาดแผลทางร่างกายของเธอได้รับการรักษาไปเยอะพอควร แต่ปีกที่ขาดแหว่งกลับไม่อาจฟื้นคืนสภาพได้
— ขอบคุณเหล่ามนุษย์
น้ำเสียงของเทเนดอนสดใสชัดเจนจนตอนนี้ทุกคนได้ยิน
เหล่าภูติทั้งหลายไปตามเกาะตามตัวของเหล่านักบวชหรือแม้แต่ไปจั๊กจี้ตรงจมูกของพวกเขา
พวกเขาต่างรู้สึกปลื้มปีติขณะที่เห็นราชินีของพวกเขาอาการดีขึ้น เหล่านักบวชและพาลาดินที่เข้าร่วมรักษาตอนนี้ได้เป็นมิตรกับเหล่าภูติแล้ว
มากจนทำให้พวกเขาได้รับสิทธิพิเศษมากมาย
วีดเข้าไปใกล้ราชินีเทเนดอนแล้วพูดออกมาว่า
“กระหม่อมรู้สึกโล่งอกที่การรักษาของมนุษย์นั้นได้ผลฝ่าบาท”
วีดพยายามขอส่วนแบ่งเล็กๆน้อยๆจากความสำเร็จของเหล่านักบวชและพาลาดิน
— เราจักไม่ลืมความมีน้ำใจที่เหล่ามนุษย์ได้แสดงออกมาเลย
การอุทิศตนต่อสิ่งที่กระทำให้ราชินีเทเนดอนและเผ่าพันธุ์ภูติ
ค่าคุณงามความดีเพิ่มขึ้น164
หน่วย
|
ขณะที่รอยยิ้มปีศาจจวนจะปรากฏบนในหน้าของวีดแล้ว
เขาก็ได้ยินนักบวชคนอื่นๆพูดขึ้นมา
“ค่าคุณงามความดีของฉันขึ้นมามากกว่า600 แหน่ะ”
“ของฉันมากกว่า800 เลย”
สีหน้าท่าทางของวีดแข็งทื่ออีกครั้ง
ท้องไส้ของเขาบิดม้วนปั่นป่วนไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว! ถ้าโดนคนอื่นมาด่ามาวิจารณ์มันคงจะทำให้เขารู้สึกสบายใจกว่านี้มาก
“พวกนายคิดว่าเราจะได้ไอเท็มที่มีคุณสมบัติพิเศษไหม?”
“พวกภูติจะให้อาวุธแห่งจิตวิญญาณหรือว่าอะไรทำนองนั้นไหมนะ?”
“ก็นะฉันอยากได้สร้อยคออยู่น่ะ...”
“ด้วยค่าคุณงามความดีที่มากขนาดนี้ ทำให้ฉันได้เป็นเพื่อนกับภูติเลย
ฉันได้ยินมาว่าถ้ามีภูติช่วยอยู่ในกลุ่มการออกล่าจะดีมากเชียวหล่ะ”
ถ้อยคำตอบโต้เหล่านี้เป็นดั่งสว่านอันแหลมคมที่ทิ่มแทงทะลวงเข้าไปในหัวใจของวีดอย่างเจ็บปวดรวดร้าว!!
ความเจ็บปวดในตอนที่เขาต้องเผชิญกับค่าพลังชีวิตที่ตกลงไปต่ำกว่า100 กลับทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดน้อยกว่าสถานการณ์ตอนนี้ซะอีก
แต่ถึงกระนั้นวีดก็ยังต้องถักทอคำพูดออกไปเพื่อสานต่อบทสนทนากับราชินีเทเนดอนในฐานะตัวแทนของเหล่ามนุษย์
“แต่ถึงกระนั้น ฝ่าบาท ปีกของพระองค์ยังดูไม่ค่อยหายดีเลยนะพะยะค่ะ”
— นั่นก็เพราะข้าโดนสาปไงหล่ะ เพื่อที่จะเยียวยาปีกของข้า ข้าต้องไปยังป่าต้นอ้อแดง(Red Reed Forest) เพื่อนำของสำคัญบางอย่างกลับมา
ในตอนที่เขาได้ยินคำพูดของเทเนดอนกลิ่นของภารกิจก็พัดโชยมาในอากาศอย่างเข้มข้น
วีดตกลงสู่ห้วงความคิดของเขา
‘ถึงแม้ว่าจะฆ่าฉัน ฉันก็จะไม่มีวันยอมทำภารกิจนี้เด็ดขาด’
ด้วยการสืบสานเรื่องราวตั้งแต่บัลข่านมาจนอยู่จุดของการเข้าพบราชินีเทเนดอน
เลเวลและค่าชื่อเสียงของวีดก็ค่อนข้างสูงมากจนพอที่เขาจะรับภารกิจนี้ได้แล้ว แต่ถึงกระนั้นเมื่อมาพูดถึงความยากลำบากที่ต้องเผชิญในภารกิจนี้
ก็มีโอกาสสูงมากที่มันจะเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้อีกหนึ่งอย่างเช่นกัน
ด้วยการดิ้นรนผ่านประสบการณ์ความลำบากเฉียดตายมานับไม่ถ้วน
มีเพียงผลประโยชน์บางอย่างเท่านั้นที่จะได้รับก็ต่อเมื่อมันประสบผลสำเร็จ
ลำพังก็แต่การเพิ่มความพยายามลงไปมีแต่จะทำให้ตายไปพร้อมกับความเสี่ยงที่จะถูกเยาะเย้ย!
— เหล่ามนุษย์ข้าได้เป็นหนี้บุญคุณต่อพวกเจ้ายิ่งนัก แถมยังกล้ามาขอให้ช่วยเหลือเรื่องยากๆอีกไม่ทราบว่าเจ้าพอจะช่วยข้าอีกซักนิดได้ไหม
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของราชินีภูติเทเนดอน
นางได้เคยเข้าไปในอาณาเขตของมังกรและขณะที่นางกำลังเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานเบิกบานใจบนอาณาเขตของมังกรลาทอส
ปีกข้างหนึ่งของนางก็โดนสาปโดยไม่ทราบสาเหตุ
มันคือคำสาปของมังกรนั่นเอง
ลาทอสมาปรากฏตัวเบื้องหน้าราชินีภูติที่บังอาจมาเหยียดหยามเกียรติของมันแล้วก็เอ่ยออกมาว่า“ราชินีผู้โปรดปรานที่จะเล่นเล่ห์เพทุบายเอย...ข้าไม่ชอบผู้บุกรุก
ถ้าเจ้าอยากเป็นอิสระจากคำสาปของข้า ก็จงนำของที่ระลึกแห่งมังกรที่ได้สาบสูญไปในความโสมนัสมาให้ข้า”
เป็นอย่างที่วีดคาดเดาเอาไว้เลยว่านี่คงกลายเป็นภารกิจแห่งความตายที่เชื่อมโยงไปถึงมังกรแน่ๆ
ติ้ง!
คำสาปของมังกร
|
เพื่อที่จะเยียวยาปีกของราชินีภูติเทเนดอน
ท่านจำต้องระงับโทสะของลาทอส เหล่าภูติต่างออกตามหาเงื่อนงำต่างๆมากมายแล้วก็พบเส้นทางแรกที่นำไปสู่ป่าต้นอ้อแดง
|
ความยาก: C
|
ข้อจำกัดในการทำภารกิจ:
|
สำหรับบุคคลที่น่าเชื่อถือเท่านั้น
|
สำหรับบุคคลที่ช่วยเหลือเหล่าภูติเท่านั้น
|
‘ความยากระดับC งั้นหรอแต่นี่คงนำไปสู่ภารกิจต่อเนื่องและคงยากเกินจะรับมือไหวแน่ๆถึงแม้ว่าฉากตอนนี้จะถูกเผยแพร่ออกอากาศทางอินเตอร์เน็ตหรือว่าทางทีวีก็เถอะ...’
จากนั้นวีดก็คิดคำนวณภายในหัวของเขาเสร็จสิ้น
โดยปกติธรรมดาแล้วหากเขาคิดว่าเขาไม่สามารถจัดการกับภารกิจได้เขาก็จะไม่ยอมรับมันตั้งแต่แรกเริ่ม
แต่ถึงกระนั้นผลที่ตามมาที่จะทำให้ความสัมพันธ์ที่เป็นปฏิปักษ์กับเหล่าภูติคงจะส่งผลแน่ๆถ้าหากว่าเขาปฏิเสธภารกิจ
ในการต่อสู้กับบัลข่าน เขาไม่ได้พาพวกประติมากรรมสลักชีพตัวไหนๆมาเลยเพราะว่ามนต์อัญเชิญอันเดด
ที่คงจะพูดได้ว่าเป็นเพราะผลลัพธ์ของมนต์นั้นเขาไม่อยากเห็นพวกประติมากรรมสลักชีพของเขาฟื้นคืนกลับมาเป็นอันเดดและก็หันกลับมาต่อกรกับเขา
ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจากการรับทำภารกิจนี้ เขากับพวกประติมากรรมสลักชีพคงได้ถูกฆ่าตายจนหมด
มันเป็นสามัญสำนึกของคนเราที่จะไม่มีทางยอมรับภารกิจอะไรแบบนั้น แล้วเขาก็ไม่ได้รู้สึกแยแสอะไรกับเรื่องนี้เลยด้วย
“เขาจะรับทำภารกิจหรือเปล่านะ?”
“เขาคือคุณวีด เทพสงครามเลยนะ”
“นี่คงจะกลายเป็นบันทึกภารกิจอันน่าทึ่งของคุณวีดอีกอย่างแน่ๆ” ถ้อยเสียงของความอิจฉาเล็ดลอดออกมาจากเหล่าผู้เล่นคนอื่นๆ
‘แต่ว่าในอีกกรณีหนึ่งไอ้พวกที่ไล่ล่าฉันอยู่นั่นก็คงจะรู้ว่าฉันรับทำภารกิจนี้แน่ๆ
ถ้าฉันรับภารกิจนี่ในตอนนี้ ต่อจากนั้นฉันก็คงจะไม่โดนขัดขวางแน่ๆ แถมยังสามารถไปจัดการกับอย่างอื่นได้อีกด้วย’(ล่อเป้าไปเป้าใหญ่
แต่ไปเล็งที่เป้าเล็ก)
วีดพยักหน้า
“กระหม่อมยินดีที่จะเยียวยาปีกของราชินีภูติพะยะค่ะ”
ท่านตอบรับภารกิจแล้ว
“โอ้โหเขารับทำภารกิจจริงๆด้วย!”
“วีดตัดสินใจที่จะสานต่อภารกิจของราชินีภูติให้สำเร็จลุล่วง!”
“อย่างที่ฉันบอกเลยเห็นไหม! ฉันเห็นบอร์ดข้อความเด้งกระจายอย่างบ้าคลั่งแล้วด้วย”
มันชัดเจนกันอยู่แล้วที่เหล่าผู้เล่นทั้งหลายจะพากันรู้สึกประหลาดใจ
พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเจตนาที่แท้จริงของวีด
“ยังไงมันก็ไม่มีการจำกัดเวลาอยู่แล้วนิ งั้นเอาไว้ลองไปทำปีหน้าดีไหมนะ? ไม่ๆถึงตอนนั้นก็คงอันตรายเกินไปอยู่ดี
แล้วก็คงต้องหย่อนตัวเองไปลงเหวอยู่ดี งั้นซักปีถัดไปดีไหม? หรือว่าบางทีอาจจะรอให้น้องสาวเราจบมหา’ลัยก่อนละกัน....”
ผู้แปล: Cole’s Myth
Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล